ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #215 : บทที่ 208 โมบี้ดิ๊ก อีกครั้ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.44K
      40
      3 มี.ค. 67

    บทที่ 208 โมบี้ดิ๊ก อีกครั้ง

     

    ท่าไม้ตายที่สร้างวัตถุขึ้นมาไม่ใช่ของแปลกใหม่อะไร ตัวอย่างผู้เล่นที่สร้างวัตถุขึ้นมาได้ก็เช่นไมเคิลแห่งแก๊งแม่สีที่มีไม้ตายคือระเบิดแสงซึ่งเกิดจากการผสานปราณกับพลังจิตนั่นเอง แต่ลูกแก้วที่ชายหนุ่มหัวฟูสร้างขึ้นมานี้เกิดจากพลังพิเศษทั้งสามอย่างที่อยู่ในระดับสูงสุดนำมาผสมกัน

    “ยังไงล่ะเนี่ย?” ชายหนุ่มหัวฟูหยิบเอาลูกแก้วใสขึ้นมาแล้วส่องมันในทิศทางต่าง ๆ เพราะไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง

    “ลองใช้มันโจมตีดูมั้ยแอฟโร” เด็กสาวผมแดงเอ่ยด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

    “งั้นลองดูหน่อยนะ ...เอ่อ เอาต้นไม้โน้นละกันนะ” แอฟโรมองหาเป้าหมายที่อยู่ไกลจากเขาพอสมควรเพราะเคยมีประสบการณ์กับท่าไม้ตายที่อลังการเกินควรอย่างโซล่าร์ซิสฯ แคนนอนมาแล้ว

    ฟิ้ว~ ปึ้ก!

    ลูกแก้วพุ่งออกไปตามแรงขว้างของชายหนุ่มหัวฟูแล้วก็พุ่งเข้าชนต้นไม้อย่างแม่นยำ แล้วก็ร่วงลงมา ...ราวกับก้อนหินพุ่งชนต้นไม้ตามปกติ

    “แค่นี้ ...เหรอ?” ชายหนุ่มหัวฟูเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกพิศวงเพราะไม่เข้าใจว่าอุตส่าห์มีไม้ตายใหม่ขึ้นมาแต่เขากลับไม่เข้าใจวิธีการทำงานของมันเลย

    “บางทีเงื่อนไขอาจจะยังไม่สมบูรณ์ก็ได้ครับ มันคงมีวิธีใช้งานที่ต้องทำมากกว่าแค่ขว้างมันออกไป” พ่อบ้านสันนิษฐาน

    “งั้นเดี๋ยวลองใหม่นะ เลดี้ไปเก็บมาให้” เด็กสาวผมแดงกล่าวพร้อมกับวิ่งไปเก็บเจ้าลูกแก้วนั้นขึ้นมา

    ขณะที่เด็กสาวกำลังวิ่งกลับไปหาแอฟโรนั้น ทันใดนั้นอสูรจักรกลร่างมนุษย์ตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาโจมตีจากทางด้านข้างของเธอ

    “เลดี้!!” แอฟโรตะโกนด้วยความตระหนก เขาไม่ได้รับรู้ล่วงหน้าเลยว่ามีสัตว์อสูรอยู่แถว ๆ นี้ทั้ง ๆ ที่กางพลังจิตคลุมพื้นที่เอาไว้แล้ว เนื่องจากพวกอสูรจักรกลมีลักษณะพิเศษคือมันไม่สามารถถูกตรวจจับได้ด้วยพลังจิตนั่นเอง มันคงจะเป็นจักรกลที่ยังคงเหลือรอดอยู่ตอนตกลงมาจากอวกาศนั่นเอง

    “หะ!” เด็กสาวได้ยินเสียงชายหนุ่มและท่าทางของเขาก็หันไปมองเจ้าอสูรจักรกลนั่น และด้วยปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอ เธอใช้ท่ากรีดเวหาออกมาโดยอัตโนมัติด้วยมือของเธอที่กำลังกำลูกแก้วไม้ตายของแอฟโรอยู่

    แล้วทันใดนั้นก็เกิดเส้นสายสีส้มแดงพุ่งออกมาเป็นรอยกรีดตัดผ่านอากาศเข้าไปที่ร่างของเจ้าจักรกลนั่นพร้อมกับไฟที่ลุกท่วมไปตามแนวกรีดและลามไปถึงร่างของจักรกลนั่นด้วย

    ฉับ!!

    เจ้าจักรกลขาดเป็นสองท่อนอย่างง่ายดายพร้อมกับร่างที่ลุกไหม้

    แต่ว่ามันไม่จบแค่นั้นเมื่อรอยกรีดที่ออกมามันยืดยาวออกไปอีกจนต้นไม้ที่ขวางทางอยู่ขาดเป็นแนวพร้อมกับไฟที่ลุกไหม้เป็นทางยาวไปร่วมร้อยเมตร ซึ่งทำให้ทั้งแอฟโรและเลดี้ต่างยืนตะลึงค้างไป

    “เลดี้ทำได้ไงอ้ะ!” ชายหนุ่มหัวฟูถามด้วยความตื่นเต้น

    “เปล่านะ เลดี้ไม่ได้ตั้งใจ ปกติเลดี้ใช้มือทำท่านี้ไม่ได้ แล้วมันต้องไม่มีไฟลุกด้วย” เด็กสาวเอ่ยเหมือนเธอเผลอทำอะไรผิดพลาดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอนึกถึงท่ากรีดเวหาที่เดียมอนสอนให้ ซึ่งเธอใช้ได้เฉพาะตอนสวมสเก็ตแล้วใช้เท้าเตะเท่านั้น ซึ่งมันต้องใช้ประกอบกับปราณธาตุดินด้วย ไม่มีทางที่ไฟจะลุกขึ้นมาได้เลย

    “ลูกแก้วนั่นยังอยู่มั้ยครับ” พ่อบ้านยังคงไวกว่าเสมอ เขาเริ่มสันนิษฐานถึงความเป็นไปได้

    “อ๊ะ! ไม่อยู่แล้วอ้ะ หายไปแล้ว” เลดี้เอ่ยพร้อมกับมองไปที่มือของเธอแล้วพยายามมองหารอบ ๆ ตัวด้วยเผื่อว่าเธอจะเผลอทำตกไประหว่างที่โจมตีเมื่อกี๊

    “อืม อย่างนี้นี่เอง” พ่อบ้านเอ่ยเหมือนกับว่าเขารู้คำตอบแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    “อะไรเหรอสไลป?” ชายหนุ่มหัวฟูถามอย่างมีความหวังว่าเขาจะได้รับคำตอบโดยเร็ว

    “ลูกแก้วนั่นเกิดจากปราณ พลังจิต แล้วก็พลังเวทใช่มั้ยครับ” พ่อบ้านเริ่มโดยการถามคำถามชี้นำ

    “อื้อ” แอฟโรขานรับ ขณะนั้นเด็กสาวก็เดินเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อจะรับฟังคำตอบด้วย

    “แต่ว่าคุณแอฟโรไม่ได้มีสายปราณ ไม่มีสายเวท และไม่มีไม้ตายพลังจิตเลย ด้วยข้อจำกัดของไรเดอร์” พ่อบ้านกล่าวต่อไป

    “อื้อ” แอฟโรขานรับอีกด้วยความตื่นเต้น

    “การที่มันกลายเป็นไม้ตายได้โดยที่อยู่ในร่างไรเดอร์ก็หมายความว่า มันไม่ใช่ท่าที่ใช้โจมตีโดยสายพลังพิเศษพวกนั้น” พ่อบ้านวิเคราะห์

    “เอ้อ ...ก็ใช่” ชายหนุ่มหัวฟูเริ่มคิดตาม

    “แต่เมื่อสักครู่ คุณหนูเลดี้ถือลูกแก้วนั่นเอาไว้แล้วใช้ท่าไม้ตายที่ไม่ได้เรียนรู้มาก่อนได้” พ่อบ้านย้อนให้เห็นถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาที่ถือว่าเป็นจุดเฉลยของความสามารถ

    “ก็ไม่เชิงนะ เลดี้อยากจะใช้ท่ากรีดแต่เลดี้กำลังประสานเงากับเซเบอร์อยู่” เด็กสาวกล่าวเหมือนจะแก้ไขความเข้าใจผิดเล็กน้อยที่บอกว่าเธอไม่ได้เรียนรู้มาก่อน

    “นั่นแหละครับ ผมสังเกตเห็นว่าใบมีดนั่นเกิดจากพลังจิตและไฟนั่นเกิดจากปราณไฟ” พ่อบ้านเอ่ย

    “พลังจิตเหรอ? เลดี้ไม่เคยใช้พลังจิตแบบนี้มาก่อนเลยนะ” เด็กหญิงยังแก้ตัว ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย

    “ดังนั้น แหล่งพลังจิตของมันก็น่าจะเป็นลูกแก้วลูกนั้นนั่นแหละครับ” พ่อบ้านเฉลยสิ่งที่เขาคิด

    “เอ๋? เหรอ” เด็กหญิงขานรับอย่างสบายใจที่ดูเหมือนเธอจะพ้นข้อกล่าวหาที่ว่าใช้ท่าไม้ตายนอกรีต

    “ลูกแก้วนั่นก็เหมือนกับแหล่งพลังพิเศษที่เปลี่ยนไปได้ตามใจผู้ใช้นั่นแหละครับ เนื่องจากมันเกิดจากพลังพิเศษทั้งสามอย่าง แต่ไม่มีความสามารถอะไรอยู่ในนั้น ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรก็ได้แล้วแต่ผู้ใช้งานจะกำหนด” พ่อบ้านสรุปในที่สุด

    “โห! สุดยอดเลยแฮะ แบบนี้นี่เอง” แอฟโรเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น เพราะจากหลักฐานที่พ่อบ้านสรุปให้ฟังเขาก็เห็นเป็นอื่นไปไม่ได้เหมือนกัน “แล้วอะไรเป็นตัวกำหนดล่ะว่ามันจะออกมาเป็นอะไร”

    “น่าจะเป็นพลังที่ใช้กระตุ้นตอนใช้งานนั่นแหละครับ คุณหนูเลดี้ใช้พลังจิตประกอบกับปราณไฟเพียงเล็กน้อย ลูกแก้วก็ตอบสนองโดยการใช้พลังไปในแนวทางนั้นเหมือนกัน” พ่อบ้านให้คำตอบ

    “สุดยอดเลยแอฟโร ลูกแก้วสารพัดนึกชัด ๆ เลยอ้ะ” เด็กสาวเอ่ยถึงสรรพคุณท่าไม้ตายใหม่ของเจ้านายของเธอ

    “ลูกแก้วสารพัดนึกเหรอ ใช้ได้นี่นา เอาชื่อนี้ไปเลยก็แล้วกัน”

    ดังนั้นแอฟโรจึงตั้งชื่อท่าไม้ตายใหม่ของเขาว่า ‘ลูกแก้วสารพัดนึก’ (Tricky Ball)

     

    ลูกแก้วสารพัดนึกนี้ดูเหมือนจะเป็นท่าไม้ตายที่เกิดขึ้นมาง่าย ๆ แต่จริง ๆ แล้วเงื่อนไขของมันยากมาก เมื่อผู้เล่นต้องมีระดับของพลังพิเศษทั้งสามอย่างอยู่ในระดับสูงสุด และยังต้องรวมพลังนั้นให้ออกมาสมดุลกันด้วยซึ่งอาจจะต้องทำแบบนี้หลายพันครั้งกว่าที่มันจะกลายเป็นไม้ตาย แต่เนื่องจากเข็มขัดไรเดอร์ช่วยเพิ่มค่าทักษะได้เร็วขึ้นกว่าปกติพันเท่า การเล่นหมุนลูกแก้วของชายหนุ่มหัวฟูจึงเหมือนกับเขาได้ทดลองทักษะมาหลายพันหรือหลายหมื่นครั้งแล้วนั่นเอง

     

    หลังจากนั้นมาตาร์ทดลองโดยการคืนร่างแล้วสร้างลูกแก้วสารพัดนึกขึ้นมาแล้วลองบรรจุปราณลมลงไปโดยไม่โจมตี ปรากฏว่ามันสามารถเก็บพลังเอาไว้ได้ด้วย เวลาใช้งานก็แค่กระตุ้นมันนิดหน่อยด้วยปราณ พลังมันก็ระเบิดกระจุยกระจายออกมาราวกับระเบิดวายุ แต่มันสามารถโจมตีระยะไกลได้

    เมื่อรู้วิธีใช้งานแล้ว แอฟโรจึงสร้างลูกแก้วออกมาอีกสิบลูกแล้วให้แม่เต่าทองสาวพกเอาไว้ เพราะตอนนี้เธอไม่มีเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ใด ๆ ติดตัวเลย ถ้ามีเครื่องทุ่นแรงอย่างทริกกี้บอลก็คงช่วยให้ต่อสู้ได้ง่ายขึ้น

    “เอาล่ะ ทีนี้เราก็ไปอัดไอ้ตัวห้าสิบเมตร แล้วก็เอาชิ้นส่วนมันไปให้โอลีฟกัน” ชายหนุ่มหัวฟูกล่าวพร้อมกับกระโดดขึ้นขี่โมโนไบค์ของเขาบริเวณชายหาดของเกาะ

    “โอเคแอฟโร” เด็กสาวกล่าวพร้อมกับกระโดดขึ้นซ้อนท้าย

    “ไปเลยสไลปนีร์!” แอฟโรตะโกนอย่างคึกคักแล้วก็บิดคันเร่งออกตัวไปทันที

    แว้น~!!

    แล้วโมโนไบค์สีเทาคันโตก็วิ่งลงไปในน้ำพร้อมกับเปลี่ยนร่างให้เหมาะสมกับการวิ่งบนน้ำ ส่วนล้อของมันกางออกแล้วหันไปด้านหลังเหมือนกับมีใบพัดที่ช่วยเคลื่อนที่ในน้ำ

    และแล้วหลังจากที่วิ่งบนพื้นน้ำห่างจากเกาะมาได้สักพัก

    “สไลป เจ้านั่นมันอยู่ไกลมั้ย” ชายหนุ่มหัวฟูถามพ่อบ้านที่ตอนนี้กลายเป็นยานพาหนะ

    “อยู่ข้างหน้าใต้น้ำ ประมาณสิบกิโลเมตรครับ” พ่อบ้านรายงาน

    “ใต้น้ำเหรอ? แล้วจะสู้ยังไงล่ะเนี่ย มันจะยอมบินขึ้นมาสู้มั้ยหว่า” แอฟโรบ่นขึ้นมา

    “มันพุ่งเข้ามาหาเราแล้วครับ เร็วมาก” พ่อบ้านรายงานอีก

    “มันคงรู้ตัวแล้วสินะว่าเราอยู่ตรงนี้ ...มันจับสัญญาณเราได้ยังไงหว่า” แอฟโรสงสัยเพราะมันอยู่ห่างไปค่อนข้างไกล

    “บางทีมันอาจจะจับสัญญาณย้อนกลับมาจากอาวุธของเราที่อยู่บนร่างมันก็ได้ครับ” พ่อบ้านสันนิษฐาน เพราะการที่เขารู้ระยะของเจ้าอสูรจักรกลเพราะอาวุธของแอฟโรที่ยังอยู่กับมันนี่แหละ

    “คงงั้นล่ะมั้ง โอเคเลดี้ เตรียมสู้ได้ เดี๋ยวคงได้เจอเจ้าตัวใหญ่นั่นแล้วล่ะ” ชายหนุ่มหัวฟูเตือนผู้ติดตามของเขา

    “ได้เลยแอฟโร” เด็กสาวผมแดงเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์คึกคัก

    และเมื่อโมโนไบค์แล่นไปได้อีกสักพัก พ่อบ้านก็เตือนถึงระยะที่กระชั้นเข้ามาเรื่อย ๆ

    “สองกิโลเมตร ใต้น้ำครับ กำลังพุ่งขึ้นมา” พ่อบ้านเตือน

    “มาเลยเจ้ายักษ์!!” แอฟโรลุกขึ้นยืนเตรียมสู้แล้วจอดโมโนไบค์กลางน้ำนั่น

    แต่ว่าสิ่งทั้งหลายก็ไม่เป็นไปอย่างที่คาด เมื่อมีเงาใต้น้ำค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น แอฟโรเห็นว่าเงามันมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะเป็นเจ้าอสูรจักรกลยักษ์ ขนาดมันเปลี่ยนจากสิบเมตรเป็นร้อยเมตรในชั่ววูบ แล้วยังขยายใหญ่ขึ้นไปอีกจนคลุมไปทั่วทั้งน่านน้ำ

    เกิดน้ำวนและคลื่นสูงไปทั่วเงาดำอันนี้ โมโนไบค์สั่นโคลงเคลงจนทรงตัวแทบไม่อยู่

    ซ่า~~!

    แล้วทันใดนั้นกำแพงสีดำก็โผล่ขึ้นมาจากรอบด้าน มันคือปากของสัตว์อสูรขนาดมหึมา เจ้าของน่านน้ำแห่งนี้นั่นเอง

    “เฮ้ย!! ไม่ใช่ยักษ์นี้สิ” แอฟโรรู้ดีว่ามันคือตัวอะไร มันคือโมบี้ดิ๊กนั่นเอง

    เพราะที่นี่คือน่านน้ำทะเลกลางโลก จึงไม่แปลกอะไรที่เขาจะเจอเข้ากับโมบี้ดิ๊กอีกครั้ง

    รั้วสีดำทะมึนพุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้าแล้วมันก็โค้งเข้ามาคลุมจนทุกอย่างมืดมิดไปหมด ในที่สุดโมบี้ดิ๊กก็กลืนชายหนุ่มหัวฟูเข้าไปอีกครั้งจนได้ ร่างของเราร่วงลงไปด้านล่างซึ่งเขาก็ไม่ได้ฝืนตัวแต่อย่างใด แต่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

    ‘หมายความว่าเราอาจจะเจอเจ้าเนปจูนอีกสินะ คราวที่แล้วมันดันตายไปก่อนเลยไม่ได้ถามเรื่องสามสาว คราวนี้แหละ ไม่พลาดแน่’ ชายหนุ่มคิดขึ้นพร้อมกับดิ่งร่างลงไปภายในตัวของโมบี้ดิ๊ก เขาสวมหน้ากากคลุมหน้าที่ติดมากับชุดรบสีดำเพื่อใช้ฟังก์ชั่นการมองในที่มืด ซึ่งช่วยให้เขามองเห็นสภาพรอบ ๆ ได้

     

    “แอฟโร!!” เลดี้ตะโกนขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดขณะที่ร่วงลงไปตามแรงโน้มถ่วง

    แต่ท่ามกลางความมืดนั้น มือแข็ง ๆ เย็น ๆ ก็คว้าจับร่างของเด็กสาวเอาไว้

    “ไม่ต้องห่วงครับคุณหนูเลดี้ เดี๋ยวผมพากลับไปหาคุณแอฟโรเอง” พ่อบ้านที่กลายร่างเป็นหุ่นยนต์ตัวสีเทากล่าว

    ฟู~~

    ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะกระแทกพื้นพ่อบ้านหุ่นยนต์ก็ปล่อยไอพ่นออกมาเพื่อชลอความเร็ว ก่อนจะลงสู่พื้นอันมืดมิดอย่างนุ่มนวล

    “มองไม่เห็นอะไรเลยอ้ะ” เด็กสาวบ่นออกมา

    แต่แล้วพ่อบ้านแสนสะดวกก็ฉายไฟออกมาจากไฟหน้าที่อยู่ตรงลำตัว

    “รู้สึกเหมือนเราจะตกลงมาคนละที่กับคุณแอฟโรนะครับ” พ่อบ้านหุ่นยนต์รายงาน

    “เหรอ งั้นเดี๋ยวเดินไปเรื่อย ๆ ก็เจอเองแหละมั้ง” เลดี้ไม่ร้อนใจเท่าไหร่เพราะถึงอย่างไรก็ยังอยู่ในตัวโมบี้ดิ๊กเหมือนกัน แถมยังมีพ่อบ้านอยู่ด้วย อย่างไรเสียก็คงไม่หลงทางกันไปไกลแน่นอน

    “ถ้าอย่างนั้นเราไปตามทางด้านนี้ละกันครับ ผมคิดว่าคุณแอฟโรคงไม่คิดจะออกไปข้างนอกตอนนี้แน่” พ่อบ้านแนะนำเพราะเขาพอจะรู้ว่ามาตาร์ต้องมีเป้าหมายในการหาสามสาวแน่

    “ถ้าอย่างนั้น ...ฮึ้บ!” เด็กสาวในชุดว่ายน้ำสีแดงที่มีห่อผ้าพันตัวเอาไว้เอ่ยพร้อมกับหลับตาเพื่อตั้งสมาธิในการทำอะไรสักอย่าง “ฮ่า!!”

    หลังจากตะโกนออกมาครั้งหนึ่งที่ขาของเธอก็มีสเก็ตโผล่ออกมาคลุมส่วนที่แขนก็มีกรงเล็บขนาดใหญ่โผล่ออกมาคลุมเหมือนกัน มันคือการเรียกใช้มนตร์เงาอสูรทีละสองตัวนั่นเอง ซึ่งเธอเพิ่งจะเคยทำเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาเธอเคยแต่เรียกออกมาครั้งละตัวเท่านั้น

    “โฮ่ ยอดเยี่ยมมากครับคุณหนูเลดี้” พ่อบ้านเอ่ยชมเชย

    “มาแข่งกันดีกว่าสไลปนีร์ ...เย่~~~!!” เด็กสาวเอ่ยอย่างสดใสก่อนจะใช้สเก็ตของเธอไถลนำเข้าไปในโพรงด้านหนึ่งทันที

     

    ตูม! ตูม! ตูม!

    ชายหนุ่มในชุดดำใช้กำปั้นที่เสริมการเคลื่อนไหวด้วยไอพ่นตรงข้อมือและข้อศอกอัดเหล่าสัตว์อสูรเปลือกแข็งตัวใหญ่ที่ดูเหมือนปูกับกุ้งก้ามโตลงไปนอนกองกับพื้นเป็นแถบ ๆ เขาไม่ต่อสู้โดยใช้พลังพิเศษเพราะไม่อยากจะควบคุมพลังไม่ให้ไปเลี้ยงที่แขนซ้าย มันยุ่งยาก สู้แบบไม่ต้องใช้พลังพิเศษไปเลยมันง่ายกว่า แถมชุดรบนี่ก็ช่วยเสริมทั้งพลังป้องกันและพลังโจมตีได้อยู่แล้วด้วย จึงไม่ต้องกังวลกับอสูรระดับไม่ถึงร้อยพวกนี้มากมายนัก แม้ค่าสถานะของเขาจะต่ำก็ตาม

    แต่แล้วหลังจากที่กำจัดสัตว์อสูรที่อยู่ในโพรงที่ดูเหมือนกับห้องย่อย ๆ นี้เสร็จเขาก็ปลดปล่อยพลังจิตออกมาทันที

    “ฮ่า!!” ชายหุ่นหัวฟูแผดเสียงพร้อมกับปล่อยพลังจิตออกมาเต็มที่ ด้วยทักษะเสริมพลังจิตระดับร้อยส่งผลให้รัศมีของพลังขยายออกมาครอบคลุมไปทั่วทั้งตัวโมบี้ดิ๊กที่มีขนาดใหญ่เท่าเมืองเมืองหนึ่ง

    “ฟู่~” ชายหนุ่มหัวฟูรวบรวมสมาธิออกมาอีกครั้งพร้อมกับผ่อนลมหายใจ แล้วก็เรียกหน้ากากวิญญาณสีขาวขึ้นมาสวมต่อทันที

    แกร็ก!

    หน้ากากสีขาวแหลม ๆ ที่เกิดจากผลึกวิญญาณคลุมไปที่หน้าของแอฟโร แล้วเขาก็เรียกก้อนพลังสีขาวขึ้นมาใส่มือทันที มันคือปราณห้าธาตุหรือกระสุนพรากสังขารนั่นเอง

    เป้าหมายของมาตาร์ก็คือเขาต้องการจะไปตามหาสามสาวจากเจ้าของโมบี้ดิ๊กนี้หรือก็คือเนปจูนนั่นเอง เมื่อสักครู่เขาแผ่พลังจิตออกมาเพื่อตรวจจับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในร่างของโมบี้ดิ๊ก ซึ่งเขาจับพลังวิญญาณที่ใหญ่โตได้หลายจุด แต่เขาเลือกที่จะมุ่งไปยังทิศที่มีพลังวิญญาณใหญ่โตที่สุดในโมบี้ดิ๊กแห่งนี้ โดยเลือกทางลัดที่สุด คือพุ่งทะลวงมันไปตรง ๆ นั่นเอง

    และแล้วหลังจากรวบรวมพลังได้มากพอ ก้อนพลังในมือของชายหนุ่มมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึงหนึ่งเมตร ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยสร้างได้ทีเดียว

    วูม~~~!!

    ลำแสงพุ่งขึ้นไปเป็นลำคว้านเอาเนื้อกำแพงและผนังโดยรอบให้หายไปอย่างง่ายดาย แล้วลำแสงก็ค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆ แต่ความลึกของรูก็ลึกขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหมือนกัน และเมื่อลำแสงพรากสังขารถูกยิงออกมาหมด ชายหนุ่มในชุดดำก็พุ่งตัวเข้าไปในรูนั้นทันทีก่อนที่มันจะเริ่มซ่อมแซมตัวเอง

    แอฟโรพุ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็ทะลุออกมาจนถึงห้องสุดท้ายที่ลำแสงพรากสังขารทะลวงมาถึง

    ชายผมเงินที่มีเคราแพะกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นบัลลังก์กำลังส่งสายตาเหยียด ๆ มาให้แอฟโร ในขณะที่ชายหนุ่มหัวฟูก็จ้องกลับด้วยสายตาแข็งกร้าว ดูเหมือนทั้งคู่จะมีบัญชีแค้นที่ต้องชำระกันอยู่

    “แกอีกแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของชายผมเงินเอ่ยออกมาก่อน

    “คลาร่า โมเรน่า บราวนี่อยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มหัวฟูเอ่ยออกมา มันไม่ใช่คำถาม มันคือคำสั่ง

    “ข้าเคยบอกแกไปแล้ว อย่ามาทวงสิ่งที่ไม่ได้เป็นของแกตั้งแต่แรกดีกว่า” ชายผมเงินตอบกลับ

    แอฟโรไม่พูดอะไรต่อไปอีก เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เป้าหมายช้า ๆ

    วูบ~

    แล้วพริบตานั้นร่างของชายหัวฟูก็อันตรธานไปแล้วปรากฏขึ้นมาในระยะประชิดกับชายผมเงินที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พร้อมกับตั้งท่าง้างหมัดขวาเตรียมจะต่อยเต็มที่ด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อศัตรูตรงหน้าให้ได้

    เปรี้ยง!!

    กำปั้นขวาปะทะเข้ากับกำแพงใสส่งเสียงดังสนั่น แต่ทว่าในจังหวะต่อมาชายหนุ่มก็สะบัดหมัดขวากลับพร้อมกับหมุนตัวตวัดเท้าซ้ายเสริมด้วยพลังจิตออกไปแทน

    “สะบั้น!!”

    ฉับ!

    กำแพงใสและบังลังก์ขาดออกเป็นแนวเส้นตรงตามทิศทางของการเตะ ซึ่งชายบนบัลลังก์ก็สามารถหลบได้อย่างฉิวเฉียดแล้วโต้กลับด้วยการอัดกำแพงใสขนาดใหญ่กระแทกร่างของชายหัวฟูกลับไปทันที

    ตูม!!

    ร่างของแอฟโรกระเด็นถอยออกมา การโจมตีเมื่อสักครู่เป็นการโจมตีที่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้เลยเพราะขนาดของกำแพงมันครอบคลุมตัวเขาเข้าไปทั้งตัวในระยะประชิด

    ชายทั้งสองคนจ้องหน้ากันราวกับโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ในเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องก็ไม่จำเป็นต้องพูด นี่คือแนวคิดของคนทั้งคู่ ต่างคนต่างก็เริ่มประเคนการโจมตีของตนใส่คู่ต่อสู้ทันที

    “ย้าก!!” ฉับ!! ตูม!!

    และแล้วเสียงการต่อสู้ก็ดังกระหึ่มออกมาจากห้องบัลลังก์เจ้าของปราสาทโมบี้ดิ๊กด้วยประการฉะนี้

     

    อีกด้านหนึ่ง

    เด็กสาวผมแดงวิ่งเข้าไปที่ห้อง ๆ หนึ่งที่มีแสงสว่างเรืองรองออกมา แล้วเธอก็เห็นเป้าหมายหนึ่งที่เธอต้องจัดการ มันคืออสูรจักรกลที่มีขนาดห้าสิบเมตร

    “อ๊ะ! เจอแล้ว” เลดี้เอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นเจ้าหุ่นยนต์ยักษ์ยืนอยู่กลางห้อง

    แต่ดูเหมือนเจ้าหุ่นยักษ์จะรู้ดีว่ามีศัตรูเข้าใกล้ เนื่องจากมันก็จับสัญญาณจากพ่อบ้านโมโนไบค์ได้เหมือนกันผ่านทางอาวุธที่มันดูดกลืนเข้ามา

    ปัง!! ตูมม!!

    กระสุนขนาดท่อนแขนถูกยิงออกมาแทบจะในจังหวะเดียวกับที่เด็กสาวพูด พลังทำลายของมันเจาะร่างของโมบี้ดิ๊กจนเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ พร้อมกับเลือดที่สาดกระจายออกมาราวกับน้ำพุ

    “สไลป!!!” เด็กสาวตะโกนออกมาอย่างตระหนก เมื่อเธอเห็นขาข้างหนึ่งของพ่อบ้านหุ่นยนต์ขาดวิ่น จากการเข้ามาป้องกันตัวเธอจากกระสุนเมื่อสักครู่

    “ไม่เป็นไรมากครับคุณหนูเลดี้ ขาข้างเดียวไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวมากนัก แต่คุณหนูระวังตัวด้วย ห้ามประมาทนะครับ” พ่อบ้านเสียงนุ่มเอ่ยอย่างใจเย็นพร้อมกับเตือนเด็กสาว เพราะเมื่อสักครู่ถ้าเขาไม่เข้ามาป้องกันได้อย่างทันท่วงที ป่านนี้แม่เต่าทองสาวคงกลับไปรอที่จุดเกิดคนเดียวแล้ว

    เลดี้รู้สึกเสียใจมากที่เธอประมาทไปจนเป็นเหตุให้พ่อบ้านได้รับบาดเจ็บ เธอเพ่งสมาธิไปที่เจ้าหุ่นตัวใหญ่นั่นทันที พร้อมกับหยิบเอาลูกแก้วสารพัดนึกที่อยู่ในห่อผ้าที่พันรอบตัวเธอออกมาสองลูก

    “ไฮ้ย!!” เลดี้แผดเสียงออกมาพร้อมกับพุ่งเข้าไปหาเจ้ายักษ์เหล็กนั่นทันที

    ตูม!! ตูม!!

    แล้วการต่อสู้เพื่อช่วงชิงชีวิตก็เกิดขึ้นที่ห้องโถงอีกห้องหนึ่งในร่างของโมบี้ดิ๊ก

     

    “ยังไม่เสร็จอีกเหรอพวกแก” หญิงสาวที่น้ำเสียงฟังดูอารมณ์เสียเอ่ยออกมา

    “อีกซักครู่นะครับท่านราชินี เราต้องตั้งพิกัดให้ตรงน่ะครับ ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดปัญหาภายหลังได้” ชายร่างอ้วนที่มีผมทรงแอฟโรเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “ดื่มน้ำแก้กระหายก่อนมั้ยครับท่านราชินี” ชายอีกคนที่มีร่างผมไว้ผมทรงแอฟโรเหมือนกันเอ่ยพร้อมกับยื่นแก้วน้ำที่ไม่รู้หยิบออกมาจากไหนยื่นส่งให้หญิงสาว

    แต่หญิงสาวกลับใช้ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเธอมองกลับเหยียด ๆ ใส่ชายคนที่ยื่นแก้วน้ำมาให้เธอนั่น

    “ไม่ต้อง ชั้นหากินเองได้ พวกแกแค่มีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ชั้นเท่านั้น อย่ามาลามปาม” หญิงสาวตอกกลับด้วยน้ำเสียงดุ ๆ

    “คร้า~บ” ชายร่างผมตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับเก็บแก้วน้ำของเขาไปทันที

    ดูเหมือนทั้งคู่จะชอบโดนทรมานด้วยคำพูดและสายตาเหยียด ๆ แบบนี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาโดนเธอปฏิบัติด้วยแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังยินดีอยู่ดี แถมไม่มีทีท่าว่าจะไม่พอใจสักนิดเลยด้วย

    “เรียบร้อยแล้วครับท่านราชินี เราตั้งพิกัดเอาไว้ที่ห้องสมบัติในโมบี้ดิ๊กเรียบร้อย แค่จึ๊กเดียวเราก็เข้าไปอยู่บนกองเงินกองทองเลย” ชายร่างอ้วนกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม

    “ดีมาก ส่งชั้นเข้าไปเดี๋ยวนี้” หญิงสาวคนเดิมกล่าว

    “นี่ยัยซาดิสม์ เธอจะเข้าไปทำไมในโมบี้ดิ๊กบ่อย ๆ เนี่ย ไปกี่ครั้งก็ไม่เคยเจออะไรที่อยากได้” เสียงกะเทยพูดขึ้นมาจากร่างของหญิงสาวพร้อมกับการปรากฏตัวของโครงกระดูกงูสีขาวที่เลื้อยพันตัวหญิงสาวเอาไว้

    “เรื่องของชั้น เงียบไปเถอะเจ้างูลักเพศ” หญิงสาวตอบกลับเสียงแข็งพร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ‘ชั้นจะต้องเอาสามคนนั่นออกมาให้ได้ แล้วนายมาตาร์จะต้องมาอยู่กับชั้น’

    “เดินเครื่องย้ายมวลสาร” ชายร่างอ้วนกล่าวพร้อมกับกดปุ่มบนเครื่องมือของเขาทันที

    แวบ!!

    แล้วร่างของหญิงสาวผมขาวนัยน์ตาสีฟ้าก็แวบหายออกไปจากเรือดำน้ำที่เกาะร่างของโมบี้ดิ๊กอยู่ เข้าสู่ร่างของโมบี้ดิ๊กทันที

     

     

    เอาเลิฟซีนอีกดีมั้ยน้า ไหน ๆ ก็จะเจอกันอีกแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×