ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #214 : บทที่ 207 หนึ่งแสนเลยนะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.56K
      42
      3 มี.ค. 67

    บทที่ 207 หนึ่งแสนเลยนะ

     

    มาตาร์ลืมตาขึ้นมาบนโซฟาในห้องสีขาว สิ่งแรกที่เขาทำก็คือ

    “ไอ้เดียมอน! เอาอีกแล้วนะแก!!” ชายหนุ่มผมแดงแผดเสียงพร้อมกับวิ่งเข้าไปในห้องฝึกทันที

    ในห้องฝึกที่ตอนนี้มีสภาพเป็นทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ วาฬเพชฌฆาตตัวใหญ่กำลังดำผุดดำว่ายในพื้นดินหยอกเล่นกับเสือเขี้ยวดาบตัวใหญ่ขนาดเท่าวัว โดยมีเด็กสาวผมแดงขี่หลังมันอยู่ และมีอสูรร่างใหญ่ตัวสีดำหน้าตาคล้ายเสือกำลังยืนด้วยสองขาแล้วหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนาน

    ผัวะ!!

    ฝ่าเท้าของมาตาร์ถีบเข้าไปเต็ม ๆ เข้าที่หน้าของเจ้าอสูรดำจนร่างของมันกระเด็นออกไปอย่างแรง

    “เฮ้ย! ทำอะไรของแกฟะ” เจ้าอสูรดำโวยวายหลังจากมันลุกขึ้นมา ถึงจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่มันก็น่ารำคาญที่จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาโจมตีมันแบบกะทันหัน

    “นั่นเป็นคำถามของชั้นต่างหาก แกนั่นแหละทำอะไร!!” มาตาร์ขึ้นเสียงกลับไปด้วยความโกรธ

    “ทำอะไรเหรอ? ...ฮี่ ๆ ๆ ก็เล่นสนุกไงล่ะ” เดียมอนตอบกลับพร้อมกับแยกเขี้ยวสีขาว

    “ชั้นไม่สนุกด้วยนะเฮ้ย! เห็นมั้ยว่าแกทำให้ชั้นตายเนี่ย” มาตาร์พูดถึงสถานการณ์ในตอนนั้น ตอนที่สู้กับอสูรจักรกลยักษ์ ในจังหวะนั้นถ้าเขาโจมตีได้ก่อนย่อมหมายถึงชัยชนะของเขาแน่นอน แต่การพลาดโอกาสไปเพียงเสี้ยววินาทีส่งผลให้ผู้ตายกลับเป็นเขาเสียเอง

    “เหรอ~ แล้วไง~” เดียมอนลากเสียงยียวน มันไม่เห็นว่าการที่มาตาร์ตายจะส่งผลเสียกับมันตรงไหนเลย

    “...” มาตาร์เงียบแล้วสงบใจลงทันทีเพราะเขารู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรกับการเสียเวลาไปต่อล้อต่อเถียงกับเดียมอน ยิ่งโกรธก็ยิ่งเหมือนคนบ้ามากขึ้นเท่านั้น

    “เฮี้ยก ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” เจ้าเดียมอนหัวเราะออกมาด้วยความสะใจเพราะดูเหมือนเจ้าผู้ชายหัวแดงนั่นจะเถียงสู้มันไม่ได้

    ทั้งคู่ดูเหมือนจะไม่สามารถประสานกันได้เลยแม้เวลาจะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตาม ต่างตนต่างตั้งแง่และเป็นศัตรูต่อกันอยู่นั่นเอง มาตาร์คิดว่าเขาจะต้องหาทางกำจัดเจ้าเดียมอนออกไปให้ได้สักวันหนึ่ง

    “ชิ!” มาตาร์ส่งเสียงชิชะออกมาคำหนึ่งแล้วก็เดินไปทางอื่นทันที

    ความสัมพันธ์ของมาตาร์กับเดียมอนนี้ แม้แต่พ่อบ้านก็จนปัญญา ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ทั้งคู่เข้ากันได้ เพราะถ้าเดียมอนยอมเชื่อฟังมาตาร์ก็ไม่จำเป็นต้องผนึกแขนซ้ายอีก แถมอาจจะใช้งานความสามารถเดียมอนได้ดีขึ้นก็ได้

    “อยากฝึกอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ” พ่อบ้านเอ่ยถาม สิ่งที่พอจะทำได้ในตอนนี้คือฝึกฝนให้เจ้านายของเขาเก่งขึ้นอีกเท่านั้น

    “อืม ลองฝึกใช้ชุดสีดำนี่ให้คล่องก็แล้วกัน ดูว่ามันทำอะไรได้บ้างถ้าใช้บนพื้นที่ที่มีแรงต้านอากาศกับแรงดึงดูด” มาตาร์เปลี่ยนอารมณ์เข้าสู่โหมดฝึกฝน

    “จะฝึกใช้ร่างโมโนไบค์ด้วยมั้ยครับ” พ่อบ้านแนะนำเพิ่มเติม

    “เอาสิ ฝึกในร่างไรเดอร์เลยละกันนะ” มาตาร์กล่าวพร้อมกับออกไปหยิบเข็มขัดไรเดอร์มาสวม

    เนื่องจากวัสดุที่ใช้ทำชุดรบสีดำและโมโนไบค์คือลิฟวิ่งเมตัลซึ่งมีคุณสมบัติซ่อมแซมตัวเองได้เหมือนสิ่งมีชีวิต ดังนั้นเมื่อมาตาร์ตายมันก็จะถูกรีเซ็ตให้มีสภาพสมบูรณ์ไม่ต่างกับสิ่งมีชีวิตทั่วไป ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วอุปกรณ์ทั้งหลายควรจะอยู่ในสภาพสุดท้ายก่อนที่ผู้เล่นจะเสียชีวิต

    ชั่วโมงนั้นมาตาร์ฝึกใช้ชุดสีดำจนคล่อง เขาจดจำขีดจำกัดการเคลื่อนที่ที่ชุดนั้นทำได้ ประสิทธิภาพมันดีกว่าชุดอวกาศทั่วไปมาก แต่เมื่อใช้บนพื้นโลกที่มีความหนาแน่นอากาศและแรงโน้มถ่วงประสิทธิภาพของมันก็ลดลงไปบ้าง มาตาร์พบว่ามันไม่เหมาะที่จะใช้บินไกล ๆ แต่เหมาะที่จะใช้เร่งความเร็วในระยะสั้น ๆ

    มาตาร์ยังฝึกหมัดความเร่งโดยใช้ประกอบกับชุดรบสีดำนี้ ซึ่งชุดสีดำนี้แทบจะทำให้ความต่างเรื่องสถานะร่างกายตอนเป็นไรเดอร์หมดไปเลยทีเดียว เพราะมันช่วยในการป้องกันได้และเร่งความเร็วได้โดยไม่ต้องเสริมพลังพิเศษ ทำให้เขาเลิกกังวลใจเรื่องเจ้าเดียมอนจะเข้ามายึดแขนขณะใช้พลังอีก เพราะเขาก็ไม่อยากจะยุ่งยากแปลงความถี่ของพลังที่ส่งไปที่แขนทุกครั้งเพื่อเลี่ยงไม่ให้เดียมอนดูดพลังได้ นอกจากจะต้องใช้สมาธิมากแล้วพลังที่ส่งไปยังลดลงอีกด้วย เผลอ ๆ เดี๋ยวเจ้าเดียมอนอาจจะพัฒนาตัวเองจนดูดพลังได้ทุกความถี่ด้วยซ้ำ

    ส่วนโมโนไบค์นี้มีอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เหนือขึ้นไปอีกหลายขั้น แถมยังติดตั้งอาวุธหนักเอาไว้พอสมควร มันมีมินิกันสองชุดที่หมุนได้รอบทิศด้วยแขนกลยื่นออกมาจากด้านซ้ายและขวาของเครื่อง มีมินิมิซไซล์สองแผงที่จุได้ทั้งหมดยี่สิบนัดซึ่งกระสุนพวกนี้ต้องซื้อมาเติมเอง และยังมีปืนพลังงานที่ชาร์จพลังได้เองซึ่งเป็นปืนกระบอกใหญ่ยิงออกมาจากด้านหน้าหนึ่งกระบอก

    เมื่อมันแปลงร่างเป็นรูปแบบมนุษย์โฆเซ่สามารถบังคับมันได้เหมือนหุ่นยนต์ผู้ติดตามทั่วไป อีกทั้งสามารถใช้อาวุธทั้งหมดได้โดยไม่มีปัญหา และยังมีอาวุธเพิ่มขึ้นเป็นหมัดที่ส่งแรงสั่นสะเทือนได้ และเมื่อรวมร่างกับมาตาร์แล้วกำลังของมันก็เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จัดว่าเป็นอุปกรณ์ที่แทบจะทำให้เขาไร้เทียมทานเลยทีเดียว เพียงแต่ว่าถ้าเทียบกับเจ้าหุ่นยนต์ยักษ์ขนาดห้าสิบเมตรที่เพิ่งฆ่าเขามานั่น มันก็ยังเทียบไม่ได้เพราะขนาดที่ต่างกันมากนั่นเอง ถึงตอนนั้นอุปกรณ์ทั้งหลายของมาตาร์กำลังอยู่ในช่วงซ่อมแซมทั้งหมดก็ตาม

     

    อีกด้านหนึ่ง เลดี้ก็เล่นกับเดียมอนเหมือนเคย เนื่องจากเลดี้มีเงาอสูรตัวใหม่เป็นธาตุดินและได้อาวุธพลังจิตเป็นอินไลน์สเก็ตซึ่งสามารถใช้โจมตีได้เหมือนใบมีดติดเท้า ทำให้เดียมอนสอนวิชาต่อสู้ที่เหมาะกับการใช้ธาตุดินและท่าเท้าแบบใหม่ ๆ ให้

    “ท่านี้เรียกว่ากรีดเวหา เพิ่มระยะการโจมตีได้โดยยังคงความรุนแรงอยู่” เดียมอนพูดพร้อมกับแสดงท่าทางให้ดู มันทำท่าตวัดเล็บไปกลางอากาศ แล้วพื้นตรงหน้าของมันก็เกิดเป็นรอยเล็บขึ้นตามการตวัดเล็บของมัน

    “โห ทำยังไงอ้ะ” เลดี้ตื่นเต้นขึ้นมาตามปกติเมื่อเห็นท่าไม้ตายใหม่ของเดียมอน

    “ก็ใช้ปราณดินทำอากาศให้แข็งไง มันจะง่ายขึ้นถ้าเจ้าจินตนาการไปตามการเคลื่อนไหว” เดียมอนพูดพร้อมกับทำท่าทางสะบัดมือไปด้วย แล้วก็เกิดเส้นสายขึ้นกลางอากาศเหมือนว่าอากาศกำลังถูกกรีดเป็นรอย

    “อ๋อ ๆ” เลดี้ขานรับด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับลองทำดูบ้าง

    หลังจากเลดี้ลองตวัดมือแล้วก็รู้สึกว่ามันยากกว่าที่คิด แต่เมื่อเธอลองใช้ร่วมกับการเตะพร้อมกับหมุนล้อของสเก็ตไปด้วยกันก็พบว่ามันง่ายกว่ากันมาก ดังนั้นเธอจึงเน้นไปที่การฝึกเตะกรีดอากาศแทน

    การเตะของเลดี้นั้นเปรียบเสมือนดาบอันคมกริบที่มีระยะการโจมตีไกลถึงสิบเมตร เธอยังฝึกใช้แอนทีกกับปราณดินด้วยซึ่งก็ช่วยเพิ่มระยะได้บ้าง แต่ไม่ไกลมาก ได้ไม่ถึงเมตรด้วยซ้ำต่างกับการใช้ขามาก

    เลดี้ยังฝึกวิ่งด้วยสเก็ตไปทั่วทั้งห้องฝึกอีกด้วย ซึ่งล้อของมันหมุนได้ตามใจของเลดี้ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องฝึกเล่นอะไรนอกจากฝึกทรงตัวตอนเคลื่อนที่เท่านั้น ตอนที่อยากจะหยุดก็แค่สั่งให้ล้อหยุดหมุนเท่านั้นเอง

     

    และแล้วหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มหัวฟูก็ออกจากแมนชั่นแห่งความตายไปด้วยชุดรบสีดำสวมทับทั้งตัวคาดทับด้วยเข็มขัดไรเดอร์ ราวกับว่าเขาไม่ได้เพิ่งฟื้นจากความตายเลย เพราะมีเสื้อผ้าใส่เรียบร้อยดี ส่วนเลดี้เขาก็ให้เธออยู่ในร่างเต่าทองแล้วผนึกเอาไว้ที่เข็มขัด จะได้ไม่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำโชว์ใครโดยไม่จำเป็น

    แวบ!

    ชายหนุ่มหัวฟูปรากฎร่างขึ้นบนพื้นที่พิเศษของเกาะไรเดอร์ในชุดบอดี้สูทสีดำ

    “ก่อนอื่นเราไปรับภารกิจไรเดอร์ก่อนสินะ” ชายหนุ่มพูดออกมาเพื่อให้ผู้ติดตามทั้งหลายรับทราบ

    “โอ้ไอ้หนุ่ม อยากจะรับภารกิจแล้วเรอะ” ชายชราโผล่ออกมาแทบจะทันที ดูเหมือนเขาพร้อมเสมอที่จะทำให้ใครก็ตามที่มีโมโนไบค์มีเข็มขัดไรเดอร์ให้ได้

    “พร้อมแล้วลุง ผมต้องทำไรบ้างเนี่ย” ชายหนุ่มหัวฟูถาม

    “ถอดเข็มขัดแล้วตามมาเลย” ชายชราพูดก่อนจะออกเดินนำเข้าไปในถ้ำไรเดอร์ทันที

    เมื่อทั้งคู่เข้ามาในถ้ำชายชราก็ถอดหัวเข็มขัดออกจากเข็มขัดแล้วเริ่มพลิกมันไปมาทันที

    “อืม เนื่องจากนี่เป็นการอัพเกรดเข็มขัด ดังนั้นเจ้าจะไม่ได้ตั้งชื่อไรเดอร์ใหม่นะ ร่างไรเดอร์ก็ใช้ร่างเดิมนั่นแหละ แต่ระดับของไรเดอร์จะเพิ่มขึ้นตามระดับของโมโนไบค์” ชายชราบอกรายละเอียดพร้อมกับส่องหัวเข็มขัดไม่หยุด

    “แล้วต้องจับแมลงใหม่มั้ยลุง” ชายหนุ่มหัวฟูถาม

    “ไม่ต้องอ้ะ ไรเดอร์ก็ชื่อเดิม เข็มขัดก็เส้นเดิม โมโมไบค์ก็คันเดิม จะเปลี่ยนแมลงไปด้วยทำไมล่ะ” ชายชราตอบ

    “อ้อ” แอฟโรขานรับ ‘ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องเหนื่อยมาก’

    “อืม โมโนไบค์คราวนี้พิเศษมาก แถมแมลงของเจ้าก็พิเศษมากเหมือนกัน” ชายชรากล่าวพร้อมกับหยิบเอาเข็มขัดที่เลดี้ยังถูกผนึกอยู่ขึ้นมาส่อง

    “หืม?” แอฟโรสงสัยขึ้นมาเพราะตามปกติเขาเห็นแค่หัวเข็มขัดเท่านั้นที่ชายชราให้ความสนใจ ไม่ใช่ที่ตัวเข็มขัด

    แกร็ก! แกร็ก! แกร็ก!

    ชายชราใช้มือแงะไปที่เข็มขัดแล้วปลดเอาเครื่องเสียบการ์ดพร้อมกับผนึกของเลดี้ออกไป ก่อนจะหยิบเอาอะไรบางอย่างมาสวมแทน ซึ่งมันมีลักษณะคล้ายผนึก แต่มันมีช่องกลม ๆ ขนาดเท่าเหรียญทองสามช่องอยู่

    “ไหนลองให้แมลงของเจ้าออกมาซิ” ชายชรากล่าวหลังจากที่ติดอุปกรณ์ชั้นใหม่ไปที่เข็มขัดแล้ว

    “เลดี้ออกมาซิ” ชายหนุ่มหัวฟูเรียกผู้ติดตามของเขาตามคำสั่ง แล้วร่างของเด็กหญิงก็ปรากฏตัวขึ้นมาข้าง ๆ เขา

    “ต่อไปนี้ผนึกที่เข็มขัดนี่จะทำการเชื่อมต่อกับผู้ติดตามของเจ้าทั้งหมดนะ” ชายชราเอ่ย

    “หืม? แปลว่าอะไรลุง” แอฟโรสงสัย

    “ใช้คำสั่ง ‘ติดตั้ง’ นะ ลองดูสิ” ชายชราบอกพร้อมกับส่งเข็มขัดคืนให้ชายหนุ่มหัวฟู

    “ติดตั้ง” แอฟโรกล่าวตามแบบงง ๆ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “เรียกชื่อผู้ติดตามของเจ้าด้วยสิ”

    “ติดตั้งเลดี้?” ชายหนุ่มหัวฟูพูดด้วยความรู้สึกแปลกใจ

    แวบ!

    ทันใดนั้นเด็กสาวผมแดงก็เปล่งแสงแล้วกลายร่างเป็นเหรียญสีแดงแล้วพุ่งเข้ามาที่เข็มขัดบริเวณที่เป็นช่องทันที จากช่องว่าง ๆ ก็กลายเป็นช่องสีแดงของเหรียญ

    “เอ๋? เกิดอะไรขึ้น?” ชายหนุ่มหัวฟูสงสัย

    “เข็มขัดจะทำการผนึกผู้ติดตามของเจ้าแล้วก็ดึงความสามารถของผู้ติดตามมาให้เจ้าใช้ไงล่ะ” ชายชราอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น

    “...ก็เหมือนเดิมนี่” แอฟโรพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ เพราะเมื่อก่อนตอนผนึกเลดี้มันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

    “เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่แมลงของเจ้าแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้ติดตามคนไหนก็ใช้ได้” ชายชราให้ข้อมูลเพิ่มเติม

    “จริงเด่ะ!!” แอฟโรตื่นเต้นจนออกนอกหน้า เพราะเขาคิดถึงสิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดตอนนี้ “ติดตั้งเดียมอน!!”

    ชายหนุ่มหัวฟูลองเรียกเจ้าอสูรสุดเกรียนของเขาทันที เพราะถ้ามันมาโดนผนึกที่เข็มขัดนี่มันก็จะไม่ได้บังคับแขนเขาอีก แต่ว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดียมอนก็ยังคงอยู่ที่แขนเหมือนเดิม

    “เอ๋? ไม่เห็นได้ผลเลยนี่ ...ติดตั้งสไลปนีร์ ...ติดตั้งโฆเซ่” แอฟโรยังลองชื่อผู้ติดตามคนอื่น ๆ ของเขาอีก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเดิม

    “อ้อ สำหรับผู้ติดตามที่เป็นหัวเข็มขัดไรเดอร์อยู่แล้ว กับผู้ติดตามที่ใช้ร่างร่วมกับเจ้ามันไม่มีผลหรอกนะ” ชายชราให้รายละเอียดเพิ่มเติม

    “...” แอฟโรเงียบไปทันทีพร้อมกับทำสีหน้าผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด “แบบนี้ก็เท่ากับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยซักนิดน่ะสิ”

    “ส่วนนี่หัวเข็มขัดที่อัพเกรดแล้ว” ชายชรากล่าวต่อโดยไม่สนใจสีหน้าของคู่สนทนาเลย

    ชายหนุ่มหัวฟูรับหัวเข็มขัดนั้นมาแล้วติดเข้ากับเข็มขัดที่คาดเอวเขาอยู่ทันที

    แกร็ก!

    หัวเข็มขัดติดเข้ากับตัวเข็มขัดเรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอยู่ดี ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเช่นก่อนที่จะอัพเกรดเข็มขัด แต่แล้วแอฟโรก็ต้องตกใจเมื่อเขาเปิดค่าสถานะของตัวเองขึ้นมาดูเพื่อจะได้เช็กระดับของเข็มขัด

    แอฟโร

    ระดับ 200

    ประสบการณ์ 1000/1000

    พลังชีวิต 1/1

    พลังวิญญาณ 1/1

    โจมตี 0.1

    ป้องกัน 0.1

    สะท้อน 0.1

    พลังกาย

    0.1/0.1

    สมาธิ

    0.1/0.1

    ความคล่องตัว

    0.1/0.1

    จิตใจ

    0.1/0.1

    ความอึด

    0.1/0.1

    โชค

    0.1/0.1

          

     

    “เฮ่ย!! อะไรเนี่ยลุง! เข็มขัดนี่มันระดับเท่าไหร่ ทำไมค่าสถานะของผมถึงได้เตี้ยติดดินยิ่งกว่ามดตัวนึงอีกล่ะเนี่ย” แอฟโรพูดเสียงดังจนเกือบจะตะโกน

    “ระดับพัน ค่าสถานะทุกอย่างจะเหลือหนึ่งในพัน และทักษะทุกอย่างจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้นพันเท่า” ชายชราตอบหน้าตาย แต่ก็แอบมีรอยยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อยด้วย “อ้อ ค่าสถานะในร่างไรเดอร์จะถูกจำกัดที่หนึ่งร้อยนะ คราวนี้ไม่มีการ์ดเอาไว้เพิ่มด้วย แต่ว่าค่าสถานะของเจ้าจะสูงขึ้นได้ถ้าใช้คำสั่งแปลงร่าง โดยมันจะคำนวณค่าสถานะจากผู้ติดตามนั่นแหละมาเพิ่มให้โดยแปลผันกับค่าความภักดี”

    “อะ ...เหรอ” ชายหนุ่มหัวฟูเริ่มเบาใจลงเล็กน้อย เพราะถ้านำค่าสถานะของเลดี้มาเพิ่มให้เขาได้ก็พอไหวอยู่เหมือนกัน ‘ระดับพันเลยเหรอเนี่ย มากไปป่าวหว่า’

    “ก่อนหน้านี้เจ้าใส่การ์ดอะไรเข้าไปในเข็มขัดมันก็จะไม่หายไปไหนนะ เพียงแต่หลังจากนี้มันเพิ่มการ์ดไม่ได้แล้ว” ชายชราให้ข้อมูลเพิ่มเติม

    “อืม เท่ากับว่าป่าแมลงกับการ์ดพรางยังมีผลสินะ” แอฟโรนึกถึงไพ่สองใบที่มีผลอย่างมากกับเข็มขัดของเขา

    “ลองแปลงร่างดูสิไอ้หนุ่ม” ชายชราแนะนำ เพราะเขาก็อยากเห็นผลลัพธ์ของเข็มขัดเหมือนกัน

    “แปลงร่าง!” แอฟโรตะโกนออกมาตามคำแนะนำ

    แล้วทันใดนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทันที ชายชราเสกกระจกขนาดเท่าตัวคนออกมาจากไหนก็ไม่ทราบแล้วก็หันมันให้แอฟโรดูจังหวะเดียวกับที่เขาแปลงร่างนั่น ผมฟู ๆ ของเขาเหยียดตรงแล้วเปลี่ยนเป็นสีแดง ดวงตาที่เป็นสีฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีเงิน

    “เฮ้ย!? อะไรเนี่ย?” แอฟโรอุทานออกมาอย่างแปลกใจ

    “นี่แหละการแปลงร่างแบบเห็น ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ชายชราหัวเราะออกมาอย่างพอใจ

    “หรือว่า ...นี่มันก็อปปี้ทรงผมกับสีตาของเลดี้มานี่” ชายหนุ่มที่ตอนนี้มีผมสีแดงรู้ตัวในที่สุด

    “ช่าย~ ร่างของเจ้าจะเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของผู้ติดตาม น่าสนุกดีใช่มั้ยล่ะ เจ้ายังสามารถติดตั้งผู้ติดตามได้พร้อมกันสูงสุดถึงสามคนเลยด้วยนะ” ชายชรากล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างยินดี

    “เอ้อ ...แบบนี้ก็ต้องแอบแปลงร่างหรือไม่ก็หาอุปกรณ์เสริมสวยมาสวมทับน่ะสิ” แอฟโรนึกถึงกรณีที่เขาต้องการพรางตัวแบบเนียน ๆ เพราะจู่ ๆ ถ้ามีผู้เล่นคนหนึ่งมีทรงผมที่เปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตามันคงจะดึงดูดสายตาผู้คนทั้งหลายแน่นอน “แต่แบบนี้ก็เท่ากับว่าเรามีร่างในการพรางตัวเพิ่มแล้วสินะ”

    ชายหนุ่มผมแดงพูดพร้อมกับเปิดดูค่าสถานะที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นจากการแปลงร่าง ซึ่งมันก็เพิ่มขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น ไม่ถึงร้อยเลยสักค่าด้วยซ้ำ แต่ก็ยังดีกว่าเดิมที่ไม่ถึงหนึ่งมาก

    “ฮี่ ๆ ๆ เจ้าลืมอะไรไปรึเปล่า ภารกิจนี้ยังไม่เสร็จนะ เพราะเจ้ายังต้องเอาเข็มขัดฝ่าออกไปให้ได้ก่อน” ชายชราหัวเราะด้วยความตื่นเต้น เข็มขัดระดับพันคงจะได้เห็นตัวก็อปปี้ถึงพันตัวแน่นอน

    “อ๋อ ๆ ต้องเอาเข็มขัดออกไปข้างนอกก่อนสินะ งั้นเดี๋ยวผมไปฝึกค่าสถานะบนเกาะแป๊ปนึงแล้วค่อยออกเดินทางต่อนะ” ชายหนุ่มผมแดงพูดด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงความตื่นเต้นอะไรออกมาพร้อมกับเดินไปที่ประตูที่เขาเดินเข้ามาก่อนจะเอามือรูดไปรอบเข็มขัดเพื่อส่งมันเข้าไปเก็บที่ต่างมิติ

    วูบ~

    ร่างของชายหนุ่มผมแดงเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มหัวฟูก่อนจะเดินตัวปลิวออกนอกถ้ำอย่างง่ายดาย แล้วเขาก็เอามือลูบไปที่เอวอีกครั้งเพื่อเรียกเข็มขัดออกมาสวมเหมือนเดิม

    เพล้ง~

    อากาศรอบ ๆ เอวของชายหนุ่มหัวฟูแตกออกแล้วก็ปรากฏเช็มขัดขึ้นมาสวมเหมือนเดิมก่อนเขาจะใช้คำสั่งแปลงร่างแล้วเดินหายเข้าไปในป่าด้านนอกถ้ำนั่น

    “เฮ้ย!! ลืมไปเลยว่ามันมีความสามารถขี้โกงแบบนั้น!!” ชายชราอุทานออกมาด้วยความคาดไม่ถึง

     

    ฉัวะ! อู๊ดด~~

    ชายหนุ่มผมแดงใช้เท้าที่มีใบล้อคมมีดเตะตวัดไปที่ร่างของหมูตัวใหญ่จนร่างของมันขาดกลางอย่างง่ายดาย ก่อนจะพุ่งตัวไปทางอื่นด้วยไอพ่นที่ขาและแขนอย่างรวดเร็ว

    ถึงแม้ค่าสถานะจะน้อย แต่ก็สามารถทดแทนได้ด้วยอุปกรณ์ และเนื่องจากเข็มขัดไรเดอร์สามารถเพิ่มค่าสถานะได้เร็วด้วย ทำให้ค่าสถานะของชายหนุ่มค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทุกขณะที่เคลื่อนไหวอยู่ จนในที่สุดหลังจากใช้เวลาไปสี่ชั่วโมง ค่าสถานะพื้นฐานของร่างแอฟโรก็ขึ้นมาสุดที่หนึ่งร้อยทุกค่า

    “เฮ้อ~ จะว่าไปค่าสถานะหนึ่งร้อยนี่ก็เท่ากับผู้เล่นใหม่ดี ๆ นี่เองนี่นะ” ชายหนุ่มหัวฟูเอ่ยหลังจากเช็กค่าสถานะเรียบร้อย ขณะที่กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ กองไฟที่มีหมูทั้งตัวกำลังถูกย่างอยู่

    “แต่เวลาคืนร่าง ค่าสถานะทั้งหมดจะกลายเป็นหนึ่งแสนเลยนะครับ” พ่อบ้านเสียงนุ่มเอ่ย

    “เออ! จริงด้วยแฮะ หนึ่งแสนเลยนะ” ชายหนุ่มหัวฟูดูเหมือนจะเพิ่งคิดได้เพราะเขาไม่ได้สู้ตอนคืนร่างมานานแล้ว

    “สุดยอดเลยแอฟโร อย่างนี้แอฟโรก็เจ๋งสุด ๆ เลยอะสิ” เด็กสาวผมแดงที่กำลังหมุนร่างของหมูย่างบนกองไฟเอ่ยอย่างตื่นเต้น

    “ช่าย~ เดี๋ยวเราไปเอาคืนเจ้าตัวห้าสิบเมตรนั่นแล้วก็ ...ไปไหนต่อนะ?” แอฟโรเริ่มวางแผนการเดินทางขั้นต่อไป

    “คุณแอฟโรลืมเรื่องที่คุณโอลีฟให้เก็บชิ้นส่วนหุ่นยนต์ไปให้แล้วเหรอครับ” พ่อบ้านเอ่ยเตือนสติชายหนุ่ม

    “เอ้อ จริงด้วย ...งั้นไอ้ตัวห้าสิบเมตรนี่ก็พอดีเลยนี่นะ เอาไอ้ตัวนี้ไปให้โอลีฟก็ได้” แอฟโรวางแผน

    “ถ้างั้นก็ห้ามใช้กระสุนพรากสังขารนะครับ ไม่งั้นคงจะไม่เหลืออะไรไปให้คุณโอลีฟ” พ่อบ้านเตือน

    “ถ้างั้นจะสู้ยังไงดีล่ะ ผมว่าอาวุธที่เรามีทั้งหมดตอนนี้ไม่ได้ระคายผิวมันเลยนะ” แอฟโรเอ่ยพร้อมกับนึกถึงอาวุธและความสามารถที่เขามีทั้งหมด

    ทั้งปืนและมิซไซล์มีขนาดเล็กเกินไปจนทำอะไรเจ้าหุ่นยนต์ยักษ์ไม่ได้ พลังทำลายของมันไม่แรงพอที่จะทำลายเกราะโลหะที่หนาหลายเมตรแบบนั้นได้หรอก จะยิงปืนพลังงานก็คิดว่าคงจะไม่ได้ผลเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นมันคงถูกทำลายไปตั้งแต่ตอนที่เขายิงแสงทำลายฐานทัพตอนตกลงมาจากอวกาศนั่นแล้ว ที่เหลือก็มีแต่การโจมตีด้วยแรงกระแทกตรง ๆ

    ในร่างแอฟโรมีท่าปราณยกกำลังท่าเดียวที่พอจะพึ่งได้ ถ้าแปลงร่างก็มีความสามารถของเลดี้ให้ใช้อีก แต่มันก็มีแต่การโจมตีทางกายภาพตรง ๆ ทั้งนั้น ถ้าคืนร่างก็มีระเบิดวายุ แต่มันไม่เหมาะกับร่างจักรกลแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนกระสุนพรากสังขารก็ห้ามใช้เพราะไม่อยากทำให้ร่างของเจ้ายักษ์นั่นหายไป

    “ใช้ท่าธรรมดา ๆ ที่คุณแอฟโรมีนั่นแหละครับ แต่ฝึกระดับพลังพิเศษให้ขึ้นมากกว่านี้หน่อยดีกว่า แล้วก็ลืมท่าที่เราฝึกตอนสวมเกราะโมโนไบค์แล้วเหรอครับ” พ่อบ้านแนะนำ

    “เอ้อจริง! ยังไม่ได้ฝึกพลังปราณ พลังจิตแล้วก็เวทมนตร์เลยนี่นะ แถมยังมีท่านั้นอยู่ด้วย” ชายหนุ่มหัวฟูมองเห็นหนทางในที่สุด

    หลังจากที่พักผ่อนและกินอาหารเพิ่มพลังเรียบร้อยแล้ว แอฟโรก็เริ่มฝึกต่อโดยเน้นไปที่การใช้พลังพิเศษมากกว่าท่าทางการเคลื่อนไหว และด้วยความสามารถของเข็มขัดระดับพัน ทักษะพลังพิเศษของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง แรก ๆ เขาปล่อยพลังออกมาเพียงแค่ครั้งเดียวระดับพลังก็ขึ้นแล้ว แต่หลัง ๆ ก็ต้องใช้เวลามากขึ้นแต่ถึงอย่างไรมันก็ใช้ไม่เกินสิบครั้งอยู่ดี ส่งผลให้ทักษะเสริมปราณ เสริมเวทมนตร์ และเสริมพลังจิตของเขาขึ้นเป็นระดับร้อย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดภายในเวลาสองชั่วโมงเท่านั้น

    แต่ถึงอย่างไร ระดับของพลังก็ไม่ใช่ความชำนาญ แอฟโรยังคงฝึกใช้พลังสามอย่างประสานกันต่อไปอีกสักพักหนึ่งเพื่อเพิ่มความชำนาญให้ตัวเอง

    แอฟโรเรียกก้อนพลังสามก้อนที่เป็นพลังพิเศษสามอย่างต่างกันแล้วบังคับให้มันวิ่งเป็นวงกลมจนเหมือนวงแหวนเรืองแสงแบบที่เขาชอบทำ ก่อนที่จะจับมันมารวมกันเป็นก้อนเดียวแล้วหมุนมันเหมือนลูกข่าง จนสุดท้ายแล้วมันก็กลายเป็นก้อนลูกแก้วใสเรืองแสงขนาดเท่าลูกฟุตบอล

    แอฟโรยังพยายามบีบมันให้เล็กลงเพิ่มเพิ่มความหนาแน่นด้วย โดยไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ เพราะมันเหมือนการละเล่นอย่างหนึ่งที่เขาชอบเท่านั้นเอง จนมันมีขนาดเล็กลงเท่าลูกปิงปอง

    “ผู้เล่นมาตาร์ปฏิบัติตามเงื่อนไข ได้รับท่าไม้ตาย กรุณาตั้งชื่อท่าด้วยค่ะ” เสียงจากระบบดังขึ้นอย่างกะทันหัน

    “เอ๋? อะไรอีกล่ะเนี่ย” ชายหนุ่มตกใจที่จู่ ๆ ระบบก็ประกาศว่าเขาสำเร็จท่าไม้ตายจนลืมบังคับพลังในมือไปเลย

    ตุบ!

    แล้วเจ้าลูกแก้วใสขนาดเท่าลูกปิงปองนั่นก็ตกลงพื้นจนเกิดเสียงดังขึ้นมา

    “อะ ...กลายเป็นลูกแก้วจริง ๆ ด้วยเหรอเนี่ย?” แอฟโรเอ่ยออกมาด้วยความแปลกใจเพราะเขาไม่คิดว่าพลังพิเศษของเขาจะสร้างวัตถุจริง ๆ ออกมาได้

    “แล้วมันทำอะไรได้อ้ะแอฟโร” เด็กสาวผมแดงถามด้วยความสงสัย

    “ไม่รู้เหมือนกันน่ะสิ”

     

     

    เมพมันเข้าไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×