ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #155 : บทที่150: มาตาร์ปะทะเนปจูน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.14K
      116
      25 มี.ค. 55

    บทที่150 มาตาร์ปะทะเนปจูน

    ปัง!! ปุ!

    “ผู้เล่นเจนนิเฟอร์สังหารอสูรร้อยตาระดับ 200 ได้รับค่าประสบการณ์ 2500 ผู้เล่นเจนนิเฟอร์เลื่อนระดับเป็น 152 ค่ะ” เสียงจากระบบประกาศขึ้นให้สาวแว่นกรอบเหลี่ยมฟังเมื่อเธอสังหารสัตว์อสูรระดับหัวหน้าได้โดยร่วมมือกับเพื่อนสาวของเธอ

    “เป็นไงบ้างเจน” หญิงสาวผมดำหยักศกถามขึ้นมาเมื่อเห็นสัตว์อสูรที่เธอร่วมกันสู้กับเพื่อนตายไป

    “อืม เลื่อนระดับเป็นร้อยห้าสิบสองแล้วล่ะ” เจนนิเฟอร์ตอบกลับเพื่อนสาว

    “เพราะมาลุยกันแค่สองคนนี่แหละ ก็เลยเจออสูรระดับหัวหน้า ก็ดีเหมือนกันนะ” หญิงสาวผมหยักศกกล่าว

    “เกมนี้มันตั้งระบบแปลกดีแฮะ สัตว์อสูรระดับหัวหน้าออกตอนมีผู้เล่นน้อยๆ แทนที่จะออกมาตอนมีผู้เล่นเยอะๆ อย่างกับจะแกล้งกันเลยนะเนี่ย” เจนนิเฟอร์ข้องใจกับระบบของเกม

    “แหม หัวหน้าออกมาก็เพราะผู้เล่นเก่งนั่นแหละ ถ้าออกมาตอนผู้เล่นเยอะๆก็ไร้รสชาติน่ะสิยะ” หญิงสาวผมยักศกตอบกลับเพื่อนสาว

    “หืม? มีอะไรตกอยู่ด้วยแน่ะ เพิ่งจะเคยเห็นสัตว์อสูรตกของนี่แหละ” เจนนิเฟอร์สังเกตเห็นผลึกชิ้นหนึ่งที่ร่างของเจ้าอสูรร้อยตาที่เธอเพิ่งจะสังหารไป

    “โอ้โห พวกเราโชคดีมากนะเนี่ย นานๆครั้งสัตว์อสูรถึงจะตกของมาให้ ...ถ้าไม่นับว่าร่างกายของพวกมันก็เป็นวัตถุดิบชนิดหนึ่งอ่ะนะ” หญิงสาวผมหยักศกกล่าว

    หมับ

    หญิงสาวผมน้ำตาลหยิบเจ้าผลึกนั้นขึ้นมาแล้วลองสำรวจมันดู

    ผลึกวิญญาณ

    ดูดปราณ จิต และพลังวิญญาณ เพื่อเรียกวิญญาณออกมา

     

    “อะไรเนี่ย? ผลึกวิญญาณ เรียกวิญญาณ?” เจนนิเฟอร์อ่านคุณสมบัติของมันแล้วก็ต้องแปลกใจ

    “หา!! ผลึกวิญญาณเหรอ?” หญิงสาวผมหยักศกกล่าวออกมาด้วยความตกใจทันทีที่รู้ว่าสิ่งที่เจ้าอสูรร้อยตาตกมาให้นั้นคือผลึกวิญญาณ

    “แกตื่นเต้นอะไรจะขนาดนั้นน่ะยัยสาลี่” เจนนิเฟอร์รู้สึกแปลกใจที่เพื่อนของเธอที่มักจะทำตัวนิ่งๆในเกมมีท่าทางตกใจอย่างนี้

    “แกอย่ามาตั้งชื่อเล่นแปลกๆให้ชั้นสิยะ แต่แกรู้มั้ยว่าเราได้ของหายากสุดๆมาแล้วนะ ผลึกวิญญาณนั่นน่ะ” ซารีน่ายอมให้มาตาร์เรียกว่ายัยแม่มดง่ายๆ แต่พอเพื่อนของเธอตั้งชื่อให้เธอว่าสาลี่เธอกลับไม่ชอบเสียนี่

    “เหรอ แล้วมันเจ๋งมากเหรอไงล่ะ เจ้าผลึกวิญญาณเนี่ย” เจนนิเฟอร์ถามเพื่อนสาวที่ดูท่าทางจะรู้ว่าเจ้าผลึกวิญญาณนี่ทำอะไรได้บ้าง

    “จริงๆแล้วมันเป็นของที่ทั้งสุดยอดและขยะสุดๆในชิ้นเดียวกันเลยน่ะแหละนะ” ซารีน่ากล่าว

    “เอ๋? ทั้งสุดยอด? ทั้งขยะ?” เจนนิเฟอร์ไม่เข้าใจว่ามันจะมีของที่มีคุณสมบัติแบบนั้นได้อย่างไร

    “แกลองใช้ดูสิ เดี๋ยวชั้นจะอธิบายให้ฟัง” ซารีน่ากล่าวกับเพื่อนสาว

    “หา? ให้ชั้นใช้มันเหรอ แกแน่ใจนะว่ามันจะไม่มีอันตรายกับชั้นน่ะ” เจนนิเฟอร์ยังไม่แน่ใจในผลึกวิญญาณก้อนนี้เพราะคุณสมบัติที่บอกว่าเรียกวิญญาณนั่นแหละ

    “เออน่า แกลองใส่พลังลงไปดูสิ” ซารีน่าเร่งเพื่อนสาว

    “ใส่พลังเหรอ? ทั้งปราณ เวทมนตร์ แล้วก็พลังจิตเลยน่ะเหรอ ...อย่างนี้ผู้เล่นเผ่ามังกรกับมารก็ใช้ไม่ได้น่ะสิไอ้ผลึกงิญญาณเนี่ย” เจนนิเฟอร์สงสัยขึ้นมา

    “ถึงแกจะเป็นเผ่ามังกรก็ไม่เป็นปัญหาหรอก ก็แค่ใส่ปราณลงไปเป็นสามเท่า ถ้าเป็นเผ่ามาร ก็แค่ใส่ปราณกับเวทลงไปให้มากๆหน่อยนั่นแหละใช้แทนพลังจิตที่ไม่มีได้ แล้วไอ้ที่บอกว่าพลังเวทน่ะเพราะพลังเวทมันถูกปล่อยออกมาโดยใช้พลังวิญญาณไงล่ะยะ คุณสมบัติมันก็เลยเขียนว่าดูดพลังวิญญาณ” ซารีน่าเฉลยให้เพื่อนสาวมือใหม่รับรู้

    “อืม งั้นชั้นลองดูเลยนะ ...ปลอดภัยแน่นะแก” เจนนิเฟอร์พูดพร้อมกับใส่พลังลงไปในผลึกวิญญาณทันที

    ซูวว!!

     

    “คืนร่าง!!” ชายหนุ่มหัวฟูตะโกนขึ้นมา

    แวบ!

    แล้วทันใดนั้น ร่างของชายหนุ่มแอฟโรก็เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มหัวแดงเดร็ดล็อก

    วูมม!!

    หัตถ์พระเจ้าข้างขวาขนาดสองเมตรปรากฏออกมาพร้อมกับสร้างกระสุนพรากสังขารขึ้นมาลูกหนึ่ง

    “เนปจูน!! ออกมาเดี๋ยวนี้!!” มาตาร์ตะโกนออกมาครั้งหนึ่งก่อนที่จะซัดหัตถ์พระเจ้าพร้อมก้อนพลังทรงกลมนั่นใส่วัตถุขนาดใหญ่เท่าตึกสิบชั้นที่เรียกว่า หัวใจ นั่น

    วูม!! ปึก!

    ก้อนพลังทรงกลมคว้านเอาเนื้อหัวใจหายไปส่วนหนึ่ง แล้วตามด้วยแรงกระแทกจากหัตถ์พระเจ้าที่เหลือเพียงน้อยนิด

    “อ๋า?”

    แต่แล้วชายหนุ่มผมแดงอุทานออกมาอย่างแปลกใจเมื่อเห็นผลลัพธ์ของท่าไม้ตายที่เขาคิดว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เขาจะปล่อยออกมาได้ กระสุนพรากสังขารทำให้เกิดรอยคว้านขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงสิบเซนติเมตรเท่านั้นเอง แถมแรงกระแทกจากหัตถ์พระเจ้าก็แทบทำอะไรเจ้าหัวใจยักษ์นั่นไม่ได้เลย

    โมบี้ดิ๊ก

    ระดับ 400

     

    “คงเป็นผลจากความแตกต่างของระดับนั่นแหละครับ ต่างกันตั้งสามร้อยขั้นแบบนี้ กำลังของกระสุนพรากสังขารที่เหลือแค่ 1% ก็คงทำได้เท่านี้ แต่ถ้านี่เป็นร่างของสัตว์อสูรขนาดเท่ากับคนปกติป่านนี้คงจะรู้ผลไปแล้วล่ะครับ” พ่อบ้านเสียงนุ่มกล่าว

     “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลองกระสุนพรากสังขารจากแขนที่มีระดับหนึ่งพัน” มาตาร์เอ่ยออกมาพร้อมกับใช้พลังจิตเรียกแขนซ้ายขึ้นมาทันทีแล้วสร้างกระสุนพรากสังขารขึ้นมาอีกลูก

    ฟุบ! วูมม!!

    “ฮ่าๆๆๆ” ทันใดนั้นเจ้าเดียมอนก็ตื่นขึ้นแล้วหัวเราะออกมาทันที

    วืด! วืด!

    แล้วแขนซ้ายของมาตาร์ที่มีกระสุนพรากสังขารอยู่ก็เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอย่างไร้การควบคุม ...จริงๆต้องเรียกว่าเพราะถูกเดียมอนควบคุมเอาไว้น่าจะถูกกว่า

    “เฮ้ย!! อยู่นิ่งๆสิแก เห็นมั้ยว่าชั้นกำลังจะโจมตีใส่เจ้าหัวใจนั่นน่ะ ให้ความร่วมมือหน่อยสิโว้ย!!” มาตาร์โวยออกมาทันทีในขณะที่กระโดดขึ้นไปบนอากาศด้วยกงจักรลม

    แซดด!! แซดด!!

    ทันใดนั้นลำแสงพรากสังขารก็พุ่งเป็นเส้นปัดป่ายไปมามั่วไปหมด

    “เฮ้ยย!!” มาตาร์อุทานออกมาพร้อมกับหงายตัวหลบลำแสงเส้นหนึ่งที่พุ่งเข้าใส่หน้าเขา

    ฟืดด!! ฟืดด!!

    ลำแสงพรากสังขารจากแขนซ้ายที่มีสัตว์อสูรระดับหนึ่งพันบังคับอยู่ พุ่งเข้าใส่ร่างของโมบี้ดิ๊กทั่วไปหมด เกิดรอยกรีดที่ลึกมากขึ้นมาหลายรอย และลำแสงพุ่งไปโดนหัวใจเกิดเป็นเส้นซึ่งลึกลงไปถึงสิบเมตร ทำเอาหัวใจของโมบี้ดิ๊กเกือบจะขาดเป็นชิ้น แต่ด้วยความไม่เป็นระเบียบของการปล่อยลำแสง ทำให้หัวใจโมบี้ดิ๊กยังไม่ขาดไป

    วูบ!

    แล้วทันใดนั้นร่างของชายหนุ่มผมแดงก็กลับกลายเป็นชายหนุ่มหัวฟูเหมือนเดิม เพราะโมโนไบค์หยุดจ่ายพลังงานลงกะทันหัน

    ฟุบ!

    แล้วแขนพลังจิตและกระสุนพรากสังขารที่อยู่ที่แขนข้างซ้ายของชายหนุ่มก็สลายไปทันที

    “อ้าว? อะไรกันเนี่ย กำลังมันเลย คืนร่างทำไมฟะ!” เดียมอนบ่นออกมาอย่างเสียดาย

    “เงียบไปเลยแก!” มาตาร์พูดออกมาพร้อมกับตัดพลังพิเศษที่เข้าไปเลี้ยงแขนซ้ายทันที

    “...” แล้วเจ้าเดียมอนก็สงบลงไปอีกครั้งเพราะขาดพลังงานหล่อเลี้ยง

    “คราวหน้าคุณแอฟโรระวังตัวมากกว่านี้ดีกว่านะครับ เวลาจะใช้แขนซ้ายเนี่ย” พ่อบ้านเสียงนุ่มเอ่ยเตือนเรียบๆ

    “อืม ขอบคุณมากสไลป ผมคิดไม่ทันถึงเรื่องการคืนร่างนะเนี่ย ไม่อย่างนั้นสงสัยได้ตายไปอีกรอบเพราะแขนของตัวเองแล้ว” มาตาร์เอ่ยขอบคุณพ่อบ้านที่ตัดพลังงานในการคืนร่างได้อย่างทันท่วงที ทำให้เขาคืนร่างไรเดอร์เหมือนเดิม พลังธาตุและพลังจิตจึงถูกระงับทั้งหมด

    “ไม่เป็นไรครับ แต่คุณแอฟโรจะทำยังไงต่อไปดีครับ จะคืนร่างอีกครั้งมั้ย แล้วใช้แต่แขนขวา” พ่อบ้านเสนอความเห็น

    “ผมคิดไม่ออกเลยล่ะสไลป ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าระดับแค่ร้อยเดียวอย่างผมแทบจะทำอะไรเจ้าโมบี้ดิ๊กนี่ไม่ได้เลย ...อย่างน้อยถ้าตัวมันไม่ใหญ่อย่างนี้น่ะนะ” ชายหนุ่มหัวฟูรู้สึกอับจนหนทางในการที่จะทำลายหัวใจเจ้าโมบี้ดิ๊กนี่จริงๆ อย่างน้อยถ้าเขาสามารถควบคุมแขนข้างซ้ายได้ดั่งใจก็ยังอาจจะมีหวังบ้าง

     

    “นี่คือหัวใจของโมบี้ดิ๊กเหรอเนี่ย!?” ชายหนุ่มหัวฟูรู้สึกทึ่งกับขนาดอันมหึมาของหัวใจเจ้าสัตว์อสูรที่กลืนเขาเข้ามาเมื่อเห็นมันครั้งแรก

    ตึกตัก!

     “ครับ ฟังจากเสียงและวิธีเคลื่อนไหวแล้ว นี่คงจะเป็นหัวใจไม่ผิดแน่” พ่อบ้านตอบ เสียงตึกตักและการสั่นไหวของเจ้าวัตถุชิ้นนั้นเป็นตัวช่วยยืนยันได้ดี

    “โอเค งั้นผมจะทำลายมันล่ะ” ชายหนุ่มหัวฟูพูดออกมาอย่างมั่นใจ

    “คุณแอฟโรจะทำลายมันทำไมเหรอครับ” พ่อบ้านถามขึ้นมา เพราะการทำลายหัวใจหมายถึงการฆ่าโมบี้ดิ๊ก แล้วมันมีเหตุผลอะไรในการฆ่าโมบี้ดิ๊ก

    “ก็ถ้าผมฆ่าเจ้ายักษ์นี่ เนปจูนก็น่าจะโผล่หัวออกมาน่ะสิ สัตว์เลี้ยงถูกฆ่าทั้งที ...จะได้ไม่ต้องไปตามหาให้เหนื่อย” มาตาร์เอ่ยออกมาเรียบๆ เป้าหมายจริงๆของเขาแค่ต้องการเรียกเจ้าของปราสาทเคลื่อนที่แห่งนี้ออกมาเท่านั้น

     

    ซูวว!!

    แล้วทันใดนั้น ร่องรอยต่างๆที่โดนลำแสงพรากสังขารตัดจนทะลุก็ค่อยๆประสานกันช้าๆ

    “อะไรเนี่ย!! มันกำลังรักษาตัวเอง” มาตาร์ต้องตระหนกอีกครั้ง เพราะสิ่งที่เขาทำไปเมื่อสักครู่กำลังจะกลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เมื่อแผลโดนกรีดทั้งหมดกำลังประสานกัน

    “อืม ความสามารถในการฟื้นฟูนี่ ...เหมือนกับการที่กินอาหารเข้าไปมากกว่าหายด้วยน้ำยาฟื้นหลังหรือพลังรักษา” พ่อบ้านกล่าวเสียงเรียบเมื่อเห็นการฟื้นฟูที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า

    “ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นปัญหาอยู่ดีแหละ หมายความว่าถ้าผมไม่ทำลายมันในเวลาอันรวดเร็ว มันก็จะซ่อมแซมตัวเองได้เรื่อยๆน่ะสิ แถมเจ้ายักษ์นี่คงจะกินเข้ามาเยอะน่าดู มีหวังซ่อมแซมตัวเองได้เรื่อยๆแน่เลย” มาตาร์ย่อมรู้ดีว่าการกินอาหารให้ผลในการฟื้นฟูพลังชีวิต เพราะเขาก็มักจะใช้วิธีนี้ตอนอยู่บนเกาะเริ่มต้นเพื่อประหยัดเงินค่าน้ำยาฟื้นพลัง โดยการย่างสัตว์อสูรที่ล่าได้มากิน และถึงแม้เจ้าโมบี้ดิ๊กจะไม่ได้รักษาตัวเองได้รวดเร็ว แต่ถ้าเทียบกับขนาดตัวของมันแล้ว ชายหนุ่มในร่างปกติยังทำความเสียหายให้มันได้ช้ากว่าการรักษาตัวเองของเจ้าสัตว์อสูรยักษ์นี่ด้วยซ้ำ ไม่ต้องคิดเลยว่าร่างไรเดอร์จะทำอะไรเจ้าอสูรตัวใหญ่นี่ได้ ถ้าเดียมอนยังไม่ให้ความร่วมมืออีกล่ะก็มาตาร์คงหมดหวังในการทำลายโมบี้ดิ๊กแน่นอน

     

    ซูว!!

    หญิงสาวผมน้ำตาลเป็นลอนใส่พลังลงไปในผลึกวิญญาณ หลังจากนั้นก็มีบางอย่างหลุดออกมาจากร่างของเธอ

    ตุบ!

    ร่างเรืองแสงขนาดสูงเพียงเอวของหญิงสาวออกมายืนอยู่ข้างหน้าของเธอ มันมีลักษณะเป็นเด็กหญิงคนหนึ่งที่มีหน้ากากแหลมๆคลุมหน้าเอาไว้ เห็นแต่ผมที่หยิกเป็นลอนเรืองแสงยาวออกมาเท่านั้นบนหัวของร่างนั้น

    “เอ๋? อะไรเนี่ย เจ้าร่างเรืองแสงนี่น่ะ” หญิงสาวผมน้ำตาลพูดออกมาด้วยความรู้สึกงุนงง

    “ร่างวิญญาณของเธอไงเจน” หญิงสาวผมดำหยักศกตอบ

    “ร่างวิญญาณ?” เจนนิเฟอร์ยังไม่แน่ใจ และไม่เข้าใจด้วยว่ามันมีร่างวิญญาณเอาไว้ทำไม

    “เธอลองบังคับมันดูสิ” หญิงสาวผมหยักศกบอกเพื่อนสาวของเธอ

    ฟวับ! ฟวับ!

    แล้วทันใดนั้น ร่างเรืองแสงเล็กๆนั่นก็ขยับตัวไปมา

    “อุ๊ย! บังคับได้จริงๆด้วย” เจนนิเฟอร์อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น

    ตึก! ตึก! ผึง!

    แล้วขณะที่ร่างนั้นเริ่มวิ่งออกไปเพียงสองก้าว กลับเหมือนโดนพลังอะไรบางอย่างทำให้กระเด้งกลับเข้ามาเหมือนเดิม

    “อ้าว? ชนอะไรเข้าไปน่ะ” เจนนิเฟอร์สงสัยขึ้นมา

    “ไม่ได้ชนอะไรหรอก แต่นั่นเป็นระยะทำการน่ะ ประมาณสองเมตรเองมั้ง” หญิงสาวผมหยักศกกล่าวเรียบๆ

    “เอ๋? แค่สองเมตรเองเหรอ ...แล้วร่างวิญญาณมันใช้ทำอะไรได้ล่ะเนี่ย มันสู้เก่งรึเปล่าเนี่ย” เจนนิเฟอร์ถามขึ้นมาอย่างสงสัยอีกครั้ง

    “ร่างวิญญาณของเธอก็คือตัวเธอแบบย่อส่วนนั่นแหละ มันทำทุกอย่างได้เหมือนกับเธอทุกอย่าง แต่ว่ามันจะด้อยกว่าเธอเสมอนะ แต่ถ้าอยากให้เก่งขึ้นก็แค่ใส่พลังเพิ่มเข้าไปเท่านั้นเอง” หญิงสาวผมหยักศกบอกกับเพื่อนสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    ฟูวว!!

    ทันใดนั้นร่างเล็กๆนั้นดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย และเปล่งแสงที่รุนแรงขึ้นเล็กน้อยด้วย

    ฟุบ!

    แต่แล้วร่างเรืองแสงนั้นก็หายไป

    “อ้าว? ทำไมหายไปล่ะ” เจนนิเฟอร์ถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจอีก

    “แกไม่ได้เชคค่าสถานะของตัวเองเลยใช่มั้ย” หญิงสาวผมหยักศกพูดออกมาอย่างเซ็งๆ

    เจนนิเฟอร์ฟังเพื่อนสาวของตนเองพูดแล้วก็เปิดดูค่าสถานะของตัวเองทันที “เอ่อ ...อ้าวปราณกับพลังวิญญาณหมดเกลี้ยงเลย”

    “ก็แน่ล่ะสิยะ ผลึกวิญญาณนี่มันดูดพลังเยอะจะตายไป” หญิงสาวผมหยักศกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปนรำคาญเล็กน้อย

    “...ชั้นมาลองคิดถึงประโยชน์ของผลึกวิญญาณดูแล้ว ...นี่มันขยะชัดๆเลยไม่ใช่เหรอยัยสาลี่ แค่เรียกร่างที่อ่อนแอกว่าตัวเราเองออกมา ระยะทำการก็แค่สองเมตร แถมเปลืองพลังพิเศษน่าดู สู้เอาเองดีกว่ารึเปล่าเนี่ย มีไปทำไมเนี่ยไอ้อุปกรณ์พรรค์นี้น่ะ” เจนนิเฟอร์บ่นออกมาหลังจากรู้สรรพคุณของผลึกวิญญาณแล้ว

    “ก็มีไว้สำหรับคนที่โดนผนึกความสามารถไง แบบประเภทที่ว่าใช้ความสามารถของตัวเองไม่ได้เพราะโดนคำสาปอะไรแบบนั้นน่ะ ฮิๆๆ” ซารีน่ากล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดี

    “มันมีด้วยเหรอยะคนแบบนั้นน่ะ ถ้าโดนคำสาปแบบนั้นสู้ตายๆไปซะให้คำสาปคลายไม่ดีกว่าเหรอ” เจนนิเฟอร์คิดถึงวิธีแก้คำสาปอันยุ่งยากด้วยวิธีสุดง่าย

    “แต่มันยังมีท่าไม้ตายที่สามารถใช้ร่วมกับผลึกวิญญาณนี้ได้อีกท่านึงนะ เป็นท่าที่มีผลถึงตายโดยไม่เกี่ยงพลังชีวิตด้วย” ซารีน่าพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอีกครั้ง

    “เอ๋? ท่าที่ไม่เกี่ยงพลังชีวิตเหรอ หมายความว่าถ้าใช้ออกมาไม่ว่าคู่ต่อสู้จะมีพลังชีวิตเป็นล้านก็ฆ่าได้ด้วยการโจมตีนี้เหรอ” เจนนิเฟอร์ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

    “ใช่ และไม่ว่าจะโดนศัตรูตรงจุดไหนก็ส่งผลทั้งนั้นด้วย จะโดนที่แขนหรือที่ขา ถ้าตรงตามเงื่อนไขแล้วล่ะก็ คู่ต่อสู้จะตายชัวร์ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว” ซารีน่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความตื่นเต้น

    “จริงสิ!? ถ้าอย่างนั้นเจ้าผลึกวิญญาณที่ก็สุดยอดเลยน่ะสิ” เจนนิเฟอร์ได้ยินคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

    “ชั้นพูดว่าถ้าตรงตามเงื่อนไขนะ ไม่คิดจะถามเงื่อนไขก่อนหรือไงยะ” ซารีน่าเปลี่ยนเป็นกล่าวกับเพื่อนสาวอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าสาวแว่นคนนี้ไม่ได้เก็บรายละเอียดที่เธอบอกเลย

    “...ชั้นพอจะเดาได้แล้วล่ะ ...เงื่อนไขที่แกว่ามันต้องทำให้เจ้าผลึกนี่กลายเป็นขยะอีกแน่ๆเลย” เจนนิเฟอร์พูดขึ้นมาอย่างรู้ทันหลังจากเห็นพฤติกรรมของเพื่อนสาวที่เดี๋ยวยิ้มแย้มเดี๋ยวบูดบึ้งเหมือนกับอยากจะแกล้งหลอกเธอให้ดีใจแล้วค่อยเฉลยให้ผิดหวังทีหลัง แต่พอเห็นว่าเธอไม่เล่นตามน้ำก็เลยหงุดหงิด

    “ชิ! เกลียดคนรู้ทัน” ซารีน่าพูดออกมาอย่างเซ็งๆเมื่อเห็นว่าเธอหลอกให้เพื่อนสาวของเธอดีใจเก้อไม่ได้

    “แล้วเงื่อนไขมันคืออะไรล่ะ” เจนนิเฟอร์เอ่ยถามหญิงสาวผมหยักศกเรียบๆ

     

    ซูวว!!

    แล้วทันใดนั้น ร่างของชายคนหนึ่งที่มีผมเรียบแปล้สีเงินและหนวดกับเคราแพะสีเงิน ใส่ชุดคลุมสีฟ้าเรียบๆ ก็ปรากฏขึ้นมากลางห้องบรรจุหัวใจของโมบี้ดิ๊กนั้น

    “เอ๋? ใครน่ะ” มาตาร์เอ่ยออกมาอย่างสงสัยเพราะจู่ๆร่างนั้นก็ปรากฏขึ้นมาแบบไม่มีวี่แวว

    เนปจูน

    ระดับ 500

     

    มาตาร์ใช้คำสั่งสำรวจแล้วจึงรู้ว่าชายเคราแพะสีเงินคนนี้คือเนปจูนนั่นเอง

    โดยปกติแล้วสัตว์อสูรที่เกิดใหม่จะมีระดับคงที่เสมอ แต่จะสามารถเพิ่มระดับเองได้จากการสังหารผู้เล่นหรือสัตว์อสูรตัวอื่นเหมือนผู้เล่นทุกประการ ซึ่งระดับของเนปจูนตามปกติก็คือ 500 แต่เพิ่มขึ้นไปถึง 600 ก่อนที่จะถูกทาเคโซสังหาร ดังนั้นเวลาเกิดขึ้นมาใหม่ ระดับของเขาจึงอยู่ที่ 500 ไม่ใช่ 540 อย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งแตกต่างกับการลดระดับของผู้เล่นที่ลดลงครั้งละ 10%

    วูม!! ฟิ้ว!!

    มาตาร์ไม่เสียเวลา เมื่อเขาเห็นว่าชายคนนั้นคือเนปจูน ชายหนุ่มหัวฟูเกรงปราณยกกำลังอัดใส่หมัดแล้วพุ่งเข้าหาร่างของชายผมเงินนั้นทันทีโดยไม่มีการส่งเสียงเตือน

    ฟิ้ว! ตูมม!!

    หมัดของมาตาร์พุ่งเข้าใส่หน้าของเนปจูน แต่ในจังหวะสุดท้าย ชายผมเงินนั้นกลับโยกตัวหลบได้อย่างทันท่วงที ส่งผลให้ปราณยกกำลังพุ่งเข้าไปอัดหัวใจโมบี้ดิ๊กที่อยู่ด้านหลังแทน

    “อะไรกันน่ะแก!?” เนปจูนไม่คิดว่าจะมีใครมาอยู่ในโมบี้ดิ๊กเวลานี้

    “คืนน้องสาวชั้นมาเนปจูน!!” มาตาร์ตะคอกใส่เนปจูนพร้อมกับระดมเตะใส่เนปจูนด้วยเคล็ดเท้าไร้เงา ขณะที่เคลื่อนปราณกลับไปอัดเอาไว้ที่หมัดขวาเหมือนเดิม

    ปึ้ก! ปึ้ก! ปั้ก! ฟิ้วว!

    เนปจูนแม้จะยังสับสนอยู่บ้าง แต่อสูรระดับหัวหน้าที่มีระดับตัวละครสูงถึง 500 มีหรือจะเสียท่าลูกเล่นทีเผลอของผู้เล่นระดับ 100 ง่ายๆ เขาใช้มือยกขึ้นมาป้องกันลูกเตะที่ไร้กำลังนั้นอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะกระโดดถอยหลังออกไปให้พ้นระยะเพื่อที่จะตั้งตัว เพราะตอนนี้เนปจูนเพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ มีแต่เสื้อคลุมประจำตัวที่ไม่มีคุณสมบัติพิเศษอะไรติดตัวเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น

    ปึ้ก!

    แต่แล้วหมัดของชายหนุ่มหัวฟูก็สอดเข้ามาในจังหวะที่เนปจูนกระโดดถอยหลังไปนั่นเอง

    ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

    แล้วปราณที่ซ้อนกันอยู่สิบชั้นก็ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำเอาร่างของเนปจูนถอยร่นออกไปทันที

    “อึ้ก!” สุดท้ายแล้วชายผมเงินเคราแพะก็กระอักเลือดออกมาคำเล็กๆ

    ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!

    แต่ชายหนุ่มหัวฟูยังไม่หยุดแค่นั้น เขาพุ่งเข้าประชิดร่างชายผมเงินแล้วระดมเตะต่อไปจนชายผมเงินรับไม่ไหว แต่แรงเตะที่ได้รับนั้นกลับเบาหวิว เมื่อระดับที่ต่างกันถึงสี่ร้อยขั้น และยังไม่มีปราณแฝงเข้ามาในลูกเตะนั้นด้วย

    วูม! ตูมม!!

    ชายผมเงินเกร็งปราณใส่แขนแล้วสะบัดมันออกใส่อากาศตรงหน้า แล้วก็เกิดเป็นแรงกระแทกขนาดกว้างใหญ่ที่ทำให้ชายหนุ่มผมฟูต้องกระเด็นออกมาทันทีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    “หึ แกคือไอ้หนุ่มที่รอดตายไปเมื่อวันก่อนนี่นา ข้าจำได้แล้ว” เสียงทุ้มต่ำพูดออกมา ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นมาตาร์ในร่างไรเดอร์ แต่ก็พอจะคาดเดาได้จากวิธีการต่อสู้ที่บ้าระห่ำนี้

    ตุบ! ตุบ!

    มาตาร์ที่กระเด็นออกมาพลิกตัวลงสู่พื้นอย่างทุลักทุเล แต่ก็ยังไม่วายกลิ้งลงไปอีกสองสามตลบเพราะแรงจากการโจมตีของชายผมเงิน

    “แกเอาน้องสาวของชั้นไปไว้ไหน!!” มาตาร์ขึ้นเสียงใส่เนปจูน

    “น้องสาว? อย่ามาเหมาเอาว่าพวกเราผู้อาศัยในโลกแห่งนี้เป็นญาติโยมของแกจะดีกว่า สุดท้ายแล้วพวกเราก็เป็นแค่สิ่งชั่วคราวสำหรับผู้เล่นแบบพวกแกนั่นแหละ!!” เนปจูนตอกกลับเสียงแข็งเมื่อได้ยินคำกล่าวของชายหนุ่มหัวฟู

    “เอาน้องสาวของชั้นคืนมา!!” มาตาร์ไม่สนใจสิ่งที่เนปจูนพูด เขาต้องการเพียงแค่สามสาวของเขาเท่านั้น

    “ถ้าแกได้พวกเธอคืนแล้วจะทำยังไง หลังจากผ่านไปสิบปีหรือร้อยปี เมื่อแกเบื่อที่จะเล่นเกมแล้ว แกจะทำยังไง!!” เนปจูนยังไม่ยอมแพ้เมื่อเห็นว่าเจ้าชายหนุ่มผมฟนี่มันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี

    “เรื่องนั้นมันสำคัญตรงไหน ชั้นแค่อยากจะได้น้องสาวของชั้นคืนเท่านั้น!!” มาตาร์ก็ยังไม่สนใจสิ่งที่เนปจูนพูด ระหว่างนั้นเขาก็เกร็งปราณเต็มกำลังอัดใส่หมัดไปเรื่อยๆ

    “ทำไมจะไม่สำคัญล่ะ พวกแกผู้เล่นก็แค่เห็นพวกเราเป็นเครื่องมือแก้เซ็งเท่านั้นเอง แล้วทำไมพวกเราที่เป็นผู้อาศัยในโลกนี้จะต้องยอมทำตามแกด้วย ทำไมต้องคอยไปเป็นสัตว์เลี้ยงติดตามพวกแกไปไหนต่อไหนด้วย ถึงพวกเราจะไม่จริงสำหรับพวกแก แต่สำหรับพวกเราแล้ว ที่นี่แหละที่จริงแท้ที่สุด พวกเราจะไม่เสียเวลาไปกับการละเล่นของแกหรอก!!” เนปจูนพูดในสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ออกมา

    หากเปรียบโลกฝันของจ็อคออนไลน์กับโลกแห่งความจริงข้างนอกนั่น โลกข้างนอกนั่นจะเป็นเพียงแค่เครื่องเล่นของใครบางคนหรือเปล่า แล้วถ้ามีผู้สร้างขึ้นมาจริงๆล่ะ มนุษย์ที่อยู่ในโลกที่คิดว่าเป็นความจริงนั้น ควรจะทำตามที่ผู้สร้างต้องการหรือไม่?

    “ก็แล้วมันจะทำไมล่ะ แกคิดว่าโลกนี้เป็นจริง แล้วทำไมชั้นจะคิดว่าโลกนี้เป็นจริงไม่ได้ เลิกพล่ามไร้สาระแล้วส่งน้องสาวชั้นคืนมาได้แล้ว!!” มาตาร์ตะคอกใส่เนปจูนที่ไม่ยอมส่งสามสาวออกมาเสียที

    “...” เนปจูนถึงกับเงียบไป เขาไม่คาดคิดว่ามาตาร์จะตอบกลับเขาด้วยคำพูดนั้น ทำไมคนที่สามารถมีชีวิตอยู่ทั้งสองโลกจะคิดว่าโลกที่ถูกสร้างขึ้นนี้เป็นของจริงได้ มันไม่น่าเชื่อถือเลย ถ้าเจ้าคนพูดประโยคนี้ไม่ได้สิ้นหวังกับโลกข้างนอกนั่น ก็หมายความว่าคนผู้นี้โกหกแล้ว

    “คืนร่าง!!” มาตาร์ตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง

    จากร่างของชายหนุ่มหัวฟูกลายเป็นชายหนุ่มผมแดงทันที

    “ข้าไม่เชื่อ แกไม่มีวันคิดว่าที่นี่เป็นความจริงแน่ แกโกหก!! ข้าไม่ส่งใครกลับไปให้แกทั้งนั้น!!” เนปจูนแค่นเสียงพร้อตั้งท่าต่อสู้ทันที

    ฟุบบ!!

    “งั้นก็ตายไปซะ!!” มาตาร์ตะโกนพุ่งออกมาด้วยเคล็ดไร้เงาบวกกับกงจักรลมทันที

    หมัดของชายหนุ่มผมแดงเกร็งเต็มที่เตรียมปล่อยหมัดยกกำลังด้วยร่างจริงใส่เนปจูน คาดว่าการต่อสู้คงจะรู้ผลด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเป็นแน่

    ฟิ้ว!

    เนปจูนสะบัดมือทั้งสองออกมา เกิดเป็นกำแพงใสสองชั้นกระแทกเข้าใส่ร่างของมาตาร์อีกทันที แต่เนื่องจากมาตาร์เรียกใช้ทักษะไม่มีลิมิตฯด้วยในการโจมตีครั้งนี้ ความต่างเรื่องระดับตัวละครจึงหายไป เหลือแต่ความต่างของค่าสถานะเท่านั้น ซึ่งค่าสถานะแต่ละค่าของมาตาร์ตอนนี้สูงถึงเจ็ดพันห้าร้อยแล้ว ประกอบกับทักษะเสริมปราณ จิต พลังเวทที่มีถึงระดับสิบสอง หมัดที่เสริมปราณนี้ของมาตาร์อาจจะมีค่าเกินล้านด้วยซ้ำเมื่อใช้ปราณถึงพันหน่วย สามารถสู้กับผู้เล่นระดับสูงได้สบาย เพียงแต่ด้วยปริมาณของพลังอันน้อยนิดที่มีทำให้เขาต้องจบการต่อสู้ให้ได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น ท่าที่ปล่อยออกมานี่ก็ทุ่มสุดตัวแล้ว ถ้าการโจมตีครั้งนี้พลาดไปมาตาร์ก็ไม่มีอะไรจะไปสู้กับเนปจูนแล้ว

    ตูม! ตูม!

    ร่างของชายหนุ่มผมแดงพุ่งทะลวงกำแพงใสสองชั้นนั้นอย่างง่ายดาย

    “ตายย!!” มาตาร์แผดเสียงออกมาพร้อมกับเสยหมัดใส่ร่างของเนปจูนเต็มๆ

    ปึ้ก!! ตูมม!! ตูมม!! ตูมม!! ฉูดด!!

    ร่างของเนปจูนลอยปลิวไปติดกับหัวใจของโมบี้ดิ๊ก แล้วหัวใจนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังออกมาจากภายในทันที พร้อมกับเส้นเลือดหัวใจยักษ์ที่แตกออกมากับน้ำพุเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วห้อง

     

    อืม ยาวกว่าที่คิด แต่ก็ยังไม่จบตรงที่คาดหวังเอาไว้แฮะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×