คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #154 : บทที่149: ความสามารถของเลดี้
บทที่149 ความสามารถของเลดี้
เดียมอน
ระดับ 1000 | ประสบการณ์ 1000/1000 | |||||
พลังชีวิต 150/150 | พลังวิญญาณ -/- | |||||
โจมตี 1 | ป้องกัน 1 | สะท้อน 0 | ||||
พลังกาย | 1/1 | สมาธิ | -/- | |||
ความคล่องตัว | 1/1 | พลังจิต | -/- | |||
ความอึด | 1/1 | โชค | -/- | |||
ทักษะติดตัว กิน | ดูดกลืนสิ่งไม่มีชีวิต แล้วนำออกมาใช้งานได้ ก่อนที่สิ่งของนั้นจะถูกย่อยจนหมด | |||||
“อะไรเนี่ย ไอ้ค่าสถานะต่ำเตี้ยสุดๆนี่น่ะ” มาตาร์เปิดเมนูดูค่าสถานะของเดียมอนหลังจากที่เขาถ่ายพลังใส่แขนสีดำนั่น ค่าสถานะทางกายภาพของมันมีแค่อย่างละ 1 เท่านั้นเอง
“ข้าดูดพลังของแกมาอย่างละหนึ่งหน่วยต่อวินาที มันก็ทำให้ข้ามีสถานะเป็นแบบนี้น่ะสิ” เดียมอนตอบคำถามคาใจของมาตาร์
“ผมคิดว่ามันคงขึ้นอยู่กับระดับทักษะเสริมของคุณแอฟโรด้วยแหละครับ ตอนนี้ทักษะเสริมปราณ เวทมนตร์ และพลังจิต อยู่ที่ระดับสิบซึ่งมีประสิทธิภาพ 100% ของพลัง ถ้าเดียมอนดูดไปหนึ่งหน่วยก็ใช้ได้เต็มๆหนึ่งหน่วย แต่ถ้าทักษะระดับต่ำกว่านี้ เช่นระดับห้า ประสิทธิภาพของปราณ เวทมนตร์และพลังจิตจะอยู่ที่ 50% ทำให้เดียมอนต้องดูดครั้งละสองหน่วยถึงจะมีค่าสถานะเท่านี้ได้” พ่อบ้านเสียงนุ่มกล่าว
“หมายความว่าถ้าทักษะเสริมอยู่ระดับร้อย ประสิทธิภาพเป็น 1000% เดียมอนก็จะดูดพลังของผมน้อยลงเพื่อสถานะเท่านี้ใช่มั้ย อย่างเช่นดูดไปอย่างละ 1 แต่กลับมีค่าสถานะเป็น 10 อะไรแบบนี้น่ะ” มาตาร์คิดเสริม จากข้อมูลที่พ่อบ้านให้มา
“ก็คงจะเป็นเช่นนั้นแหละครับ การขึ้นระดับทักษะถึงร้อยไม่ใช่เรื่องง่ายก็จริง แต่เมื่อมีเข็มขัดไรเดอร์ระดับสิบเส้นนี้แล้ว ทุกอย่างก็ง่ายขึ้นมากครับ แต่ผมคิดว่าค่าสถานะคงจะขึ้นสูงกว่าค่าที่โดนจำกัดด้วยเข็มขัดไรเดอร์ไม่ได้ เพราะตอนนี้ร่างของเดียมอนก็คือแขนซ้ายของคุณแอฟโรซึ่งเป็นไรเดอร์” พ่อบ้านกล่าว
“พวกแกคุยอะไรกันเนี่ย ข้าต้องอยู่ในร่างนี้จนถึงเมื่อไหร่เนี่ย” เดียมอนแทรกขึ้นมาพร้อมกับแขนซ้ายของมาตาร์ที่ขยับไปมา
“ควบคุมไม่ได้ด้วยแฮะ พอเจ้าเดียมอนตื่นขึ้นมาแล้วผมคุมแขนซ้ายไม่ได้เลย” มาตาร์กลุ้มใจกับเจ้าอสูรดำที่สิงอยู่ในแขนของเขาจริงๆ ถ้าไม่จ่ายพลังให้เจ้าเดียมอนเขาก็สามารถขยับแขนสีดำได้ดั่งใจ แต่เมื่อไหร่ที่เจ้าอสูรดำนี่ตื่นขึ้นมา เขาจะสูญเสียการควบคุมแขนสีดำข้างนี้ไปทันที
“เพราะมันคือร่างของเดียมอนไงล่ะครับ แขนซ้ายของคุณแอฟโรน่ะ เหมือนกับที่สไลปนีร์คือร่างของผม ผมก็ควบคุมได้อย่างอิสระ” พ่อบ้านเสียงนุ่มให้ข้อมูลอีก
“แขนไร้ประโยชน์ชัดๆ แค่พูดได้ พลังก็ไม่มี ด้วนก็ด้วน บังคับไม่ได้อีก ถึงจะดูดกลืนวัตถุได้ แต่ก็ช้าน่าดูเพราะค่าสถานะมันต่ำ” มาตาร์บ่นเป็นชุดถึงสิ่งที่เขาได้มา
“ข้าไม่ได้อยากจะเป็นแขนของแกซักหน่อย ปล่อยข้าออกไปนะ ข้าจะได้จับแกกิน ฮ่าๆๆๆ” เดียมอนพูดขึ้นมาอีก
ฟุบ!
แล้วทันใดนั้นเจ้าเดียมอนก็เงียบไปทันที
“คุณแอฟโรสามารถควบคุมการจ่ายพลังให้เดียมอนได้แล้วเหรอครับ” พ่อบ้านเอ่ยถามขึ้นเพราะรู้ว่าที่เจ้าเดียมอนเงียบไปเนื่องจากขาดพลังงาน
“ก็ใช้หลักการเดียวกับการแบ่งพลังเป็นส่วนๆนั่นแหละ คิดซะว่าเจ้าเดียมอนเป็นแส้ความมืด ก็ตัดพลังที่จ่ายไปที่แขนซะมันก็หลับแล้ว” มาตาร์กล่าว
ที่ผ่านมาเมื่อครั้งแรกๆ เดียมอนเป็นผู้ที่ดูดพลังของมาตาร์ออกไปโดยชายหนุ่มขัดขืนไม่ได้เลย แต่หลังจากที่เริ่มชินแล้วเขาก็คิดวิธีตัดพลังเจ้าเดียมอนได้
“ผมก็กลุ้มเหมือนกันนะเนี่ย มีแขนที่ควบคุมไม่ได้เนี่ย ตัดทิ้งแล้วรับภารกิจใหม่ได้มั้ยเนี่ย” มาตาร์ย่อมกลุ้มใจ เพราะปกติเขาจะมีแต่สิ่งที่ควบคุมได้อยู่รอบๆตัวเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงหรืออุปกรณ์อย่างเข็มขัดไรเดอร์ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาควบคุมได้ทั้งสิ้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย เขาไม่เคยได้อะไรจากความบังเอิญมาก่อนเพราะชายหนุ่มผู้นี้จะควบคุมทุกสิ่งรอบตัวเขาให้เป็นไปอย่างที่ต้องการ อะไรที่ควบคุมไม่ได้เขาก็ตัดทิ้งทั้งหมด แม้กระทั่งคนรอบตัว มันเป็นนิสัยของชายหนุ่มที่ติดมาจากโลกจริงนั่นเอง ถึงแม้หลังๆนี่จะดูอะลุ้มอล่วยมากขึ้นแล้วก็ตาม
“เอาไว้ตัดสินใจหลังจากออกจากที่นี่ได้ดีกว่าครับ ถ้าคุณแอฟโรมาเสียแขนไปตอนนี้จะยิ่งลำบากนะครับ อย่างน้อยถ้าเจอกำแพงหรือประตูที่ทำลายไม่ได้ก็ยังใช้เดียมอนดูดกลืนได้” พ่อบ้านชี้ให้เห็นข้อดีของเจ้าอสูรในแขนซ้ายของชายหนุ่ม
“อืม ก็ได้ เอาไว้คิดเรื่องเจ้าเดียมอนทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้ตามหาเจ้าเนปจูนก่อน จะได้ทวงคลาร่า โมเรน่า บราวนี่คืน” มาตาร์ฟังเหตุผลของพ่อบ้านแล้วก็เห็นด้วยนิดๆ อย่างน้อยความสามารถในการดูดกลืนสสารนี่ก็ทำให้เขาฝ่ากำแพงได้ง่ายขึ้น
แล้วชายหนุ่มหัวฟูก็ผจญภัยในร่างของโมบี้ดิ๊กโดยมีเป้าหมายในการหาเนปจูนหรือสามสาวซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนในร่างอันใหญ่โตนี้
มาตาร์สู้กับสัตว์อสูรตัวเล็กๆในห้องต่างๆไปเรื่อยๆโดยแทบไม่ได้พักผ่อนเพราะพลังที่ฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มีเพียงความหิวและความง่วงเท่านั้นที่หยุดเขาได้ และขณะนี้นับเป็นเวลาหกวันแล้วตั้งแต่เนปจูนถูกทาเคโซปราบ อีกเพียงหนึ่งวันเท่านั้นก่อนที่เนปจูนจะฟื้นขึ้นมา
ชายหนุ่มผจญภัยจนรู้สึกเพลีย หลังจากที่เขากำจัดสัตว์อสูรหมดไปจากห้องที่มีสัตว์อสูรอีกห้องหนึ่ง เขาก็พักผ่อนทันที
“สไลปฝากดูต้นทางด้วยนะ ถ้ามีสัตว์อสูรโผล่มาก็ปลุกผมนะ” มาตาร์พูดขึ้นมาก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
“รับทราบครับ” พ่อบ้านเสียงนุ่มรับคำ
เนื่องจากโฆเซ่เป็นวิญญาณติดตามและยังมีร่างเป็นโมโนไบค์ การพักผ่อนจึงไม่จำเป็น พ่อบ้านสามารถตื่นได้ตลอดเวลา ดังนั้นชายหนุ่มหัวฟูจึงหลับอย่างวางใจได้โดยไม่ต้องกลัวการลอบทำร้าย
เพียะ! เพียะ!
แส้สายฟ้าของหญิงสาวฟาดออกไปรอบทิศทาง ป้องกันการโจมตีของพวกงูพิษตัวเล็กๆที่มีนับร้อยตัว
“แส้อสรพิษ!!” หญิงสาวตะโกนขึ้นมาก่อนที่แส้สายฟ้าของเธอจะแยกออกเป็นแปดเส้นแล้วโจมตีเป็นวงกว้าง
ไม้ตายของเรย์น่า ไม่ใช่แค่ใช้กับปราณความมืดเท่านั้น แต่ใช้ได้กับแส้สายฟ้าด้วย เพราะจริงๆแล้วมันคือไม้ตายปราณที่ใช้ปราณบริสุทธิ์สร้างแส้ขึ้นมานั่นเอง
เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!!
แล้วงูพิษทั้งห้องก็ตายลงไปจนหมด
ผ่านมาห้าวันแล้วนับตั้งแต่วันที่เลดี้ถูกพิษแล้วก็นิ่งไป เรย์น่าก็ผจญภัยไปอย่างสะเปะสะปะ เจอทั้งสัตว์อสูรที่กระจอกและเก่งกาจ แต่เธอก็ยังเอาตัวรอดมาได้ตลอด โดยหวังว่าจะเจอชายหนุ่มหัวฟูเข้าในที่สุด
“หายไปไหนนะนายมาตาร์ เลดี้นิ่งไปแบบนี้ไม่เป็นห่วงบ้างหรือไง” หญิงสาวผมขาวบ่นขึ้นมา
อันที่จริงในห้าวันที่ผ่านมานี้ สิ่งที่พอจะยึดเหนี่ยวจิตใจของหญิงสาวที่ต้องผจญภัยด้วยตัวคนเดียวในสถานที่ที่ไม่รู้จักนี้คือแม่เต่าทองตัวเขื่องที่เธอห่อเอาไว้กับตัวนั่นแหละ ถ้าไม่มีเลดี้อยู่ด้วย บางทีเธอก็อาจจะคลั่งตายไปแล้วก็ได้ เพราะมันไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่าเธอไม่ได้ถูกทิ้งอีกครั้ง แต่อย่างน้อยเลดี้ที่ยังอยู่ด้วยก็พอจะยืนยันได้ว่ามาตาร์ก็จะต้องมาตามหาแม่เต่าทองนี้แน่ๆ ...ถ้าไม่ตายไปเสียก่อน
เพล้ง!
แล้วทันใดนั้นอากาศข้างหน้าหญิงสาวก็แตกออกมา แล้วมีสัตว์อสูรปรากฏออกมาจากรอยแตกนั้น
อสรพิษกระดูกขาว | ระดับ 300 |
“ฮึ! ระดับหัวหน้าเหรอ” เรย์น่าสำรวจเจ้าสัตว์อสูรที่ปรากฏขึ้นทันที
มันมีลักษณะเป็นงูตัวยาวที่ร่างกายเป็นกระดูกสีขาวล้วนๆ เหมือนกับโครงกระดูกของงูมากกว่าจะเรียกงูที่มีชีวิต ส่วนหัวของมันใหญ่กว่าลำตัวเล็กน้อย มีเขางอกออกมาสองเขาบนหัว และอีกสองคู่ที่แก้มทั้งสองข้าง ดูแล้วคล้ายมังกรมากกว่า เบ้าตาของมันก็กลวงโบ๋ เขี้ยวของมันโค้งยาว ดูท่าทางจะมีพิษร้ายทีเดียว
ฮูมม! ฟ่อ!
เจ้าอสรพิษคำรามขู่ขึ้นมาพร้อมกับเลื้อยเข้ามาใกล้ร่างของหญิงสาวผมขาวขึ้นเรื่อยๆ
“อุกกาบาต!!” เรย์น่าตะโกนขึ้นมาพร้อมกับชี้มือซ้ายไปที่ร่างของเจ้างูกระดูกนั่น
ตูมม!!
ก้อนหินขนาดสองเมตรพุ่งเข้าใส่ร่างของเจ้างูนั่นกลางลำตัวจนร่างของมันป่นไปทันที
“หึ! ก็แค่เนี่ย” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างกระหยิ่มเมื่อเธอสามารถกำจัดอสูรระดับสามร้อยลงได้อย่างง่ายดาย
ฉัวะ!! อ๊ายย!!
แต่แล้วส่วนหัวของเจ้างูกลับพุ่งเข้ามาโจมตีใส่หญิงสาวโดยที่เธอไม่ได้คาดคิด มันเป็นความประมาทของเรย์น่าเองที่เธอคิดว่าเจ้างูกระดูกตายแล้วจากการโดนหินก้อนใหญ่บดร่าง
“อุ๊! นี่มัน!!” หญิงสาวมองดูแผลของเธอที่แขนข้างซ้ายแล้วเธอก็ต้องตระหนก เมื่อแผลของเธอมีรอยสีดำเกิดขึ้นมา แล้วค่อยๆแผ่ขยายออกมา
มันคือพิษนั่นเอง การสู้กับสัตว์อสูรที่มีพิษนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นระดับสูงแค่ไหนก็ถือว่าอันตรายทั้งนั้น เพราะพิษจะทำร้ายทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
ตุบ!
หญิงสาวทรุดร่างลงทันที แล้วพยายามใช้มือกดแผลของเธอเอาไว้แล้วใช้ปราณความมืดของเธอดูดพิษงูออกมาเหมือนที่เธอเคยดูดพิษให้เลดี้ แต่เจ้ารอยสีดำนั่นก็ยังขยายออกไปไม่หยุด
งั่ม! งั่ม!
ระหว่างนั้นเจ้างูกระดูกนั่นก็กินร่างของงูที่นอนตายอยู่ในห้อง แล้วร่างกายของมันก็ค่อยๆงอกออกมาอย่างรวดเร็วจนในที่สุดร่างของมันก็สมบูรณ์เหมือนเดิม
“อะไรเนี่ย? อสูรอมตะเหรอ” เรย์น่าเริ่มรู้สึกว่าศัตรูของเธอร้ายกาจกว่าที่คาดแล้ว ขนาดร่างกายที่พังไปเกินครึ่งยังกลับมาสมบูรณ์ได้ในเวลาแป๊บเดียวเท่านั้นเอง
ฟู่ววว!!
แล้วเจ้างูพิษนั่นก็ปล่อยควันออกมาจากปากของมันทันทีจนควันฟุ้งไปทั่วห้อง
“ไม่ได้การณ์แล้ว ถ้าไม่หนีตายแน่” หญิงสาวรู้ดีว่ามันคือควันพิษ
เรย์น่าวิ่งกลับไปทางที่เธอเข้ามาในห้องทันที แต่ว่าพิษที่เธอโดนเข้าไปก่อนหน้านั้นเริ่มออกฤทธิ์จนเธอยืนไม่อยู่แล้ว สายตาของเธอเริ่มพร่าเลือน ประกอบกับสูดความพิษเข้าไปอีกลมหายใจของหญิงสาวเริ่มขาดห้วงทันที
“ฮึก! ฮึก! ฮือ~อ” หญิงสาวผมขาวนอนลงดิ้นทุรนทุรายพร้อมกับส่งเสียงร้องสะอึกสะอื้น
เค้าลางของความตายเริ่มปรากฏ หญิงสาวคิดถึงกรณีที่เธอตายไปตอนนี้ เธอจะต้องฟื้นกลับไปที่เกาะไรเดอร์คนเดียว แล้วเธอก็จะหามาตาร์ไม่เจออีกเลย
“ไม่..นะ ไม่..เอ...านะ ไม่ต..ายตอ..นนี้” หญิงสาวพูดออกมาอย่างอ่อนแรงท่ามกลางควันพิษกับสติสัมปชัญญะที่ขาดห้วงลงไปทีละน้อย
แกร็ก! แกร็ก!
ร่างของเต่าทองสีแดงตัวใหญ่กลิ้งออกมาจากหญิงสาวผมขาว
ปริ!
แล้วก็เกิดรอยปริแตกบางๆบนร่างของเจ้าเต่าทองนั่น เรย์น่าจ้องมองดูเจ้าเต่าทองนั้นด้วยสติอันเลือนราง
“เลดี้ ... พาชั้น..กลับไปห..ามาต..าร์ที” หญิงสาวเริ่มเพ้อออกมาในที่สุด แม้แต่ตัวเธอเองก็คงไม่รู้ว่าพูดอะไรออกมาในเวลานั้น
ปริ! ปริ!
แล้วร่างของเต่าทองสีแดงก็ออกมาจากรอยปรินั้นอีกที มันคือการลอกคราบนั่นเอง
แวบบ!!
และแล้วเด็กหญิงผมแดงก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงบริเวณที่เต่าทองคลานอยู่เมื่อครู่นี้ รูปร่างหน้าตาเธอไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อตอนก่อนลอกคราบเลย
“พี่สาวผมขาวรอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวเลดี้จะพาพี่สาวกลับไปหาแอฟโรเอง” เด็กหญิงพูดขึ้นมาเรียบๆ
ซูดด!!
เลดี้หายใจสูดเอาควันพิษเข้าไปทันที ดูเหมือนเธอจะไม่ได้รับอันตรายจากควันพิษพวกนี้เลย
หมับ!
แล้วเด็กหญิงก็ก้มลงไปที่ร่างของหญิงสาวผมขาวแล้วใช้มือของเธอที่มีแสงสีชมพูอ่อนคลุมอยู่สัมผัสไปที่รอยแผลซึ่งโดนเจ้างูพิษนั่นแพร่พิษเอาไว้ทันที
วูมม!!
แล้วรอยสีดำที่กระจายไปทั่วตัวของหญิงสาวผมขาวก็หดเล็กลงไปทันที เลดี้กำลังดูดพิษให้เรย์น่าโดยใช้ปราณของเธอ ซึ่งมันไม่ใช่ปราณความมืดด้วย
“อืม คงปลอดภัยแล้วมั้ง” เด็กหญิงผมแดงพูดขึ้นหลังจากที่เห็นสีหน้าของหญิงสาวผมขาวที่ดูมีสีเลือดขึ้นมา
ฮูมม!!
เจ้างูพิษคำรามขึ้นมาทันทีหลังจากที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กสาวผมแดงคนนี้มันอะไรกัน ทำไมถึงดูดพิษเข้าไปในตัวเองได้ แถมดูเหมือนจะไม่ได้รับอันตรายใดใดเลยด้วย
“อะไรเจ้าขี้ก้าง อิจฉาเลดี้เหรอไง” เด็กหญิงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้างูกระดูกนั่นทำท่าไม่พอใจที่เลดี้ต้านพิษได้
แกร็ก! แกร็ก! แกร็ก!
เจ้างูกระดูกได้ยินคำของเด็กหญิงผมแดง ก็ทำหน้าตาเหมือนจะโกรธขึ้นมาพร้อมกับเลื้อยเข้ามาพันร่างของเด็กหญิงเอาไว้อย่างรวดเร็ว
กร๊อบบ!!
“อ๊ายย!! เจ็บนะเจ้าขี้ก้าง” เลดี้ร้องเสียงหลงเมื่อเจ้างูกระดูกนั่นออกแรงรัดเธอเอาไว้แน่น
โฮกก!! งับบ!!
แล้วเจ้างูนั่นก็งับเข้าไปที่หัวไหล่ของเด็กหญิงผมแดง แล้วปล่อยพิษของมันใส่ทันที
“โอ๊ยย!! เจ็บนะ” เด็กหญิงร้องขึ้นมาอีกครั้งเมื่อโดนเขี้ยวฝังเข้าไปในร่าง
มันเป็นความทรนงของเจ้าอสรพิษกระดูกขาวที่มันต้องการจะกำจัดเจ้าแมลงตัวเล็กๆนี้ด้วยพิษ เพราะมันเป็นสัตว์ที่โจมตีด้วยพิษนั่นเอง มันจึงไม่รัดเลดี้ให้ตายแต่เลือกการแพร่พิษใส่แทน
เด็กหญิงออกแรงดิ้นพร้อมกับโคจรปราณสีชมพูของเธอไปทั่วร่างทันที
“อื๊อ~อ!” เด็กหญิงร้องออกมาเหมือนรู้สึกอึดอัดมากกว่าที่จะทรมานเพราะพิษ
ตำแหน่งมือของเลดี้ถูกรัดไปด้วยกันทำให้เธอขยับแขนไม่ได้ เจ้างูกระดูกที่กัดไหล่ของเด็กสาวอยู่ก็มองไม่เห็น แต่ปราณสีชมพูที่โคจรไปทั่วร่างของเด็กหญิงไหลไปรวมกันที่มือของเธอ แล้วก็บังเกิดเป็นสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ จากชมพู เปลี่ยนไปเป็นสีแดง
วูมม!!
แล้วปราณสีแดงนั้นก็ถูกถ่ายเข้าไปในร่างของเจ้าอสรพิษกระดูกขาวนั่น
ฮูมมม!!!
เจ้าอสรพิษถอนเขี้ยวออกมาแล้วกรีดร้องขึ้นทันที ปราณสีแดงค่อยๆแผ่ขยายไปทั่วร่างของมัน
แกร็ก! แกร็ก! แกร็ก!
แล้วเจ้างูกระดูกนั่นก็คลายร่างออกจากเด็กหญิงแล้วกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้น ดูท่าทางเหมือนจะทรมาน
“อูยย! เจ็บนะเนี่ย” เด็กหญิงบ่นขึ้นมาพร้อมกับเอามือมาลูบที่ไหล่ของเธอที่ถูกเขี้ยวงูเจาะเข้าไป ดูท่าทางเธอจะไม่ได้ทุกข์ร้อนกับการโดนพิษฉีดใส่เลย
เลดี้คือแมลงระดับสูงที่เกิดจากไข่ที่ได้รับการเลื่อนระดับถึงสิบครั้ง ครั้งแรกที่เธอเกิดขึ้นมา เธอไม่ได้มีความสามารถใดใดอยู่เลย ชายชราที่เกาะไรเดอร์ไม่ได้พูดโกหกเมื่อชายหนุ่มถามว่าแมลงของเขามีความสามารถพิเศษอะไร เพราะว่าเธอไม่มีความสามารถพิเศษจริงๆ
แต่เลดี้มีความสามารถพิเศษในการพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
ครั้งแรกที่เธอเกิดขึ้นมา ชายหนุ่มที่เป็นเจ้านายของเธอกำลังจะตายเพราะเสียเลือด เลดี้จึงพัฒนาความสามารถในการถ่ายเลือดขึ้นมาทันทีแล้วถ่ายเลือดให้เจ้านายของเธอเดี๋ยวนั้น ไม่ใช่ว่าเลดี้เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการถ่ายเลือด
และเมื่อเธอถูกพิษของสัตว์อสูรที่อยู่ในร่างของโมบี้ดิ๊ก ความจริงเธอน่าจะตายไปจริงๆด้วยซ้ำ แต่เรย์น่าก็ช่วยดูดพิษออกให้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังมีพิษหลงเหลืออยู่ที่ไม่สามารถขจัดออกไปได้ เลดี้จึงพัฒนาความสามารถในการต้านพิษขึ้นมา เธอพัฒนาร่างกายของเธอให้เรียนรู้พิษได้และสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาเดี๋ยวนั้นจากการจำศีลไปถึงห้าวัน ดังนั้นต่อจากนี้ไป ไม่ว่าแม่เต่าทองน้อยจะโดนพิษอะไร เธอก็จะมีภูมิต้านทานทันที และสามารถนำพิษเหล่านั้นออกมาใช้ได้ด้วย
ซึ่งการใช้พิษของเลดี้จะใช้ร่วมกับปราณ เกิดเป็นปราณพิษขึ้นมา แต่ไม่ใช่ว่าปล่อยเท่าไหร่ก็ได้ เพราะเธอทำได้แค่รวบรวมพิษเท่านั้น ไม่ใช่สร้างพิษ โดยพิษที่เธอปล่อยใส่เจ้าอสรพิษกระดูกขาวนั้น เกิดจากการรวมกันของพิษสามชนิดที่เธอโดนเข้าไป เกิดเป็นพิษชนิดใหม่ขึ้นมา ทำให้เจ้างูที่มีพิษ ดิ้นทุรนทุรายเพราะพิษเสียเอง
แกร็ก!! แกร็ก!! แกร็ก!!
“ท่าทางจะทรมานแฮะ” เด็กหญิงผมแดงพูดขึ้นมาเรียบๆเมื่อเห็นเจ้างูพิษดิ้นไม่หยุด
“โอยย! ช่วยชั้นด้วยเถอะ” เสียงผู้ชายที่ฟังดูดัดๆพูดออกมาจากร่างของเจ้างูพิษ
“อ้าว? พูดได้ด้วยนี่นา แกล้งทำเงียบมาตั้งนานทำไมล่ะเนี่ย” เด็กหญิงตอบกลับเมื่อเห็นว่าเจ้างูกระดูกนี่มันพูดได้ด้วย
“ชั้นเป็นอสูรระดับหัวหน้านะยะ จะพูดได้ก็เป็นเรื่องปกติ โอยย!” เจ้างูพูดสำเนียงกะเทยออกมาอย่างชัดเจนพร้อมกับส่งเสียงครวญครางออกมาด้วย
“แล้วจะให้เลดี้ช่วยยังไงล่ะ ทุบหัวให้ป่นดีมั้ย จะได้ไม่ทรมาน” เด็กหญิงพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดูท่าทางเธอจะไม่ได้ตกใจหรือแปลกใจกับการที่เจ้างูนี่เป็นกะเทยเสียด้วย
“แก้พิษให้ชั้นสิยะ!! โอย~ย” เจ้างูตอบกลับเสียงดังพร้อมกับยังครางไม่หยุด
“เอ๋? ไม่ดีมั้ง เธอเป็นศัตรูนี่นา แก้พิษให้เดี๋ยวก็มาเอาคืนเลดี้ ตายๆไปนั่นแหละนะ” เด็กหญิงตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม ดูท่าทางเธอจะไม่สนใจความเป็นไปของศัตรูจริงๆ ท่าทางเหมือนจะชอบทรมานศัตรูเสียด้วย ไม่ได้ต่างจากเจ้านายของเธอสักเท่าไหร่เลย
“ไม่นะ!! ชั้นสัญญา ชั้นไม่ทำร้ายเธอหรอก โอย~ย” เจ้างูกระดูกขอร้องเด็กหญิงผมแดง
“ถ้าอย่างนั้นนายมาเป็นสัตว์เลี้ยงของชั้นดีมั้ย” เสียงหญิงสาวดังแทรกขึ้นมา
เลดี้หันไปมองทางต้นเสียงแล้วกล่าวออกมาอย่างยินดี “อ้าว! พี่สาวผมขาว ฟื้นแล้วเหรอ”
“เป็นสัตว์เลี้ยงหรืออะไรก็ได้ ช่วยชั้นด้วยเถอะ” เจ้างูพิษพูดขึ้นมาอย่างยินดี ดูท่าทางในจะมีโอกาสรอดตายแล้ว
“เลดี้แก้พิษให้เจ้างูนี่หน่อยสิ” หญิงสาวหันไปบอกกับแม่เต่าทองน้อยพร้อมกับขยิบตาให้ทีหนึ่ง
“...อื้อ ก็ได้ พี่สาวรับผิดชอบเอาเองละกัน” เลดี้ตอบรับคำขอของเรย์น่าแล้วก็ใช้มือของเธอจับไปที่หัวของเจ้างูกระดูกนั่นแล้วก็โคจรปราณสีชมพู ดูดพิษกลับเข้ามาทันที
วูมม!!
แล้วปราณสีแดงที่กระจายไปทั่วเจ้างูกระดูกก็ค่อยๆหายไป จนในที่สุดร่างของมันก็กลายเป็นสีขาวเหมือนเดิม
“อืม ทีนี้มาทำพันธสัญญากันได้แล้ว” หญิงสาวผมขาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ร่างของเจ้างูกระดูกขาว
แกร็ก! แกร็ก! แกร็ก!
แต่แล้วทันใดนั้นเจ้างูก็เลื้อยเข้ามาพันร่างของหญิงสาวเอาไว้ทันที
“ฮ่าๆๆๆ เจ้ามนุษย์หน้าโง่ ทำไมชั้นต้องเป็นสัตว์เลี้ยงของแกด้วยล่ะ” เจ้างูกะเทยเอ่ยขึ้นมาอย่างคึกคะนอง
“เห็นมั้ย เลดี้นึกแล้วเชียว ว่ามันต้องเป็นแบบนี้” เด็กหญิงผมแดงพูดออกมาเรียบๆหลังจากที่เห็นว่าเจ้างูขาวนี่เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ
“ก็แล้วไงล่ะ ทำอย่างกับชั้นไม่ได้คาดเอาไว้ว่ามันจะเป็นแบบนี้” หญิงสาวผมขาวก็พูดขึ้นมาเรียบๆเหมือนกันขณะที่ถูกรัดอยู่
“อะไรกัน!! อย่ามาดูถูกกันนะ พวกแกกำลังจะตายด้วยฝีมือชั้นอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว!” เจ้างูกระดูกแค่นเสียง
ปุ้ง!
แล้วทันใดนั้นปราณสีแดงก็กระจายออกมาจากหัวของเจ้างูกระดูกแล้วลามไปทั่วตัวอีกครั้ง
แกร๊ก! แกร๊ก! แกร๊ก!
“โอ๊ยยย!! อะไรกันเนี่ย” เจ้างูร้องออกมาอย่างทรมานแล้วลงไปดิ้นกับพื้นอีกครั้ง
“เลดี้ไม่ได้ดูดพิษออกให้ซะหน่อย เลดี้จับมันมารวมกันบนหัวของเธอตะหากล่ะ” เด็กหญิงพูดขึ้นมาเรียบๆ
เพียะ! เพียะ!
แส้สีดำของหญิงสาวกระจายตัวออกแล้วพันเข้าไปทั่วร่างของเจ้างูกระดูกขาวทันที
“สงสัยต้องเจ็บตัวก่อน ถึงจะทำพันธสัญญากันได้สินะ ชั้นก็นึกอยู่แล้วล่ะ อยากจะได้สัตว์เลี้ยงก็ต้องกำราบมันให้เรียบร้อย โดยเฉพาะสัตว์อสูรระดับหัวหน้าอย่างนี้” หญิงสาวผมขาวพูดขึ้นมาพร้อมกับส่งรอยยิ้มอันชั่วร้ายไปให้เจ้างูกระดูกขาว
“ไม่นะ ม่าย~~ย!!” เจ้างูกระดูกส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างรู้ชะตากรรมก่อนที่มันจะถูก ‘กำราบ’ ด้วยฝีมือของหญิงสาวผมขาวจอมซาดิสม์
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
“นี่มันห้องอะไรเนี่ย” ชายหนุ่มหัวฟูเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องขนาดใหญ่ที่มีวัตถุขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งลอยอยู่พร้อมกับส่งเสียงออกมาเป็นจังหวะ
“ดูจากรูปร่างแล้ว คงจะเป็นหัวใจครับ” พ่อบ้านเสียงนุ่มตอบ
“หา? หัวใจเหรอ!!” ชายหนุ่มหัวฟูเอ่ยออกมาอย่างตกใจ
ที่มาตาร์ตกใจเพราะห้องนี้มันมีความสูงกว่าห้าสิบเมตร แล้วไอ้สิ่งที่พ่อบ้านเรียกว่าหัวใจนั้น มันมีขนาดใหญ่ถึงประมาณสามสิบเมตร ใหญ่จนชายหนุ่มไม่คิดว่าจะทำอะไรมันได้ ถึงแม้มันจะเป็นหัวใจก็เถอะ
ตอนหน้า(มั้ง) มาตาร์ VS โมบี้ดิ๊ก ...ใครว่าขนาดไม่สำคัญ
ความคิดเห็น