ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #151 : บทที่146: ยึดร่าง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.86K
      91
      6 ก.พ. 55

    บทที่146 ยึดร่าง

    ชายหนุ่มหัวฟู ชายร่างอ้วน และชายร่างผอม เดินเข้ามาในห้องซึ่งแตกต่างกับห้องอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด เพราะมันไม่ใช่ห้องที่พื้นนิ่มๆ แต่เป็นพื้นหินเหมือนห้องในอาคารจริงๆ แสงไฟสว่างทั่วห้อง และที่มีสมบัติกองอยู่เต็มไปหมด

    “สำเร็จแล้ว! ในที่สุดพวกเราก็เจอสมบัติของเนปจูนจนได้” ทินนี่ร่างอ้วนโพล่งออกมาเมื่อเห็นกองเงินกองทองมากมายในห้องสมบัตินี้

    แต่ว่าชายร่างผอมกับชายหนุ่มแอฟโร่กลับไม่ได้ตื่นเต้นดีใจ ทั้งคู่กลับสอดส่ายสายตาไปทั่วห้องมากกว่า เหมือนกับจะหาอะไรสักอย่าง

    พลันทั้งคู่เห็นหีบสมบัติไม้เก่าๆที่ดูไม่มีราคาวางอยู่หนึ่งใบ

    ฟิ้ว! ฟิ้ว!

    ชายทั้งสองคนกระโดดพุ่งตัวไปยังหีบใบนั้นพร้อมๆกันทันที

    ปึ้ก!!

    ร่างของทั้งคู่กระแทกกันกลางอากาศ ระหว่างทางที่จะไปถึงหีบสมบัตินั้นก่อนจะกระเด็นไปคนละทาง

    “อะไรกันครับพี่แฟ็ตตี้ พี่กระโดดมาชนผมทำไมเนี่ย” ชายหนุ่มหัวฟูถามออกมาด้วยสีหน้ายิ้มน้อยๆ เหมือนกับว่าเหตุการณ์ที่ชนกันเมื่อสักครู่เป็นเรื่องบังเอิญ

    “น้องแอฟโรนั่นแหละ เดินไม่ดูทางเลยนะ สมบัติในห้องมีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่แบ่งไปบ้างล่ะ” แฟ็ตตี้ร่างผอมพูดพร้อมกับลอบโคจรปราณ

    “ผมไม่ได้อยากได้เงินทองอยู่แล้วครับ พวกพี่เอาไปแบ่งกันเถอะ”  มาตาร์ตอบกลับยิ้มๆพร้อมทั้งลอบอัดปราณใส่มือไปด้วย

    แอ๊ด!

    “โอ้! มีผลึกเวทเต็มเลยแฮะ นี่แหละที่ต้องการ” ทินนี่ร่างอ้วนเอ่ยขึ้นมาขณะเปิดหีบสมบัติใบหนึ่งขึ้นมา

    “พี่แฟ็ตตี้ไม่ไปเลือกผลึกเวทไว้ใช้สักสองสามก้อนเหรอครับ” ชายหนุ่มแอฟโรกล่าวเมื่อได้ยินเสียงของชายร่างอ้วนดังแทรกเข้ามา

    “พี่เป็นเผ่ามังกรอยู่แล้ว ผลึกเวทมันไม่มีประโยชน์กับพี่หรอกน้อง น้องไปเลือกมาไว้ใช้เองเถอะ” แฟ็ตตี้ร่างผอมตอบกลับ

    ทั้งคู่ยืนเผชิญหน้ากันอย่างระวังตัว และพร้อมจะพุ่งเข้าใส่กันทุกเมื่อ

    แอ๊ด!

    “โอ้! อาวุธเจ๋งๆเพียบเลยแฮะ เฮ่! แฟ็ตตี้ มาดูนี่สิ” ชายร่างอ้วนพูดขึ้นมาเมื่อเปิดหีบสมบัติอีกใบ

    “พี่ทินนี่เค้าเรียกแล้วนะครับ ไม่ไปดูซะหน่อยเหรอ” ชายหนุ่มผมฟูกล่าว

    “เดี๋ยวทินนี่ก็เลือกของที่เหมาะกับพี่มาให้เองแหละ น้องไม่ไปเลือกอาวุธที่ชอบซักชิ้นเหรอไง” แฟ็ตตี้ร่างผอมกล่าว

    “ผมใช้มือเปล่าต่อสู้น่ะครับ ไม่ต้องมีอาวุธก็ได้” ชายหนุ่มหัวฟูตอบ

    ชายทั้งคู่เมื่อต่อปากกันมาถึงตรงนี้ บรรยากาศแห่งการประหัตประหารก็ลุกโพลงขึ้นมาทันที

    ปึ้ง!

    “เอ๋? มีอาณาเขตกั้นอยู่ตรงนี้ด้วยแฮะ” ชายร่างอ้วนพูดขึ้นมาหลังจากที่เขาใช้มือเคาะกำแพงที่มองไม่เห็น

    “บางทีหลังกำแพงนั่นอาจจะมีสมบัติที่คาดไม่ถึงอยู่ก็ได้นะครับ ไม่ไปช่วยพี่ทินนี่เค้าหน่อยเหรอครับ” ชายหนุ่มหัวฟูพูดขึ้นมาอีก

    “...” ชายร่างผอมไม่ตอบโต้ แต่ก็ยังไม่เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มหัวฟูเข้าไปถึงหีบไม้เก่าๆนั้น

    “เฮ้! แฟ็ตตี้ มาช่วยกันหน่อยสิ หลังอาณาเขตนี่ต้องเป็นสมบัติที่เจ๋งที่สุดแน่ๆเลย อย่าไปมัวแย่งของกระจอกๆกันอยู่เลย” ชายร่างอ้วนพูดขึ้นมาอีก ดูเหมือนว่าเขาก็พอจะรู้สถานการณ์ระหว่างแอฟโรและแฟ็ตตี้อยู่บ้าง

    “หึ” ชายร่างผอมส่งเสียงออกมาครั้งหนึ่ง แล้วก้าวถอยหลังไปทางทิศที่มีเสียงของคู่หูช้าๆ ก่อนจะหันหน้าแล้วถอนตัวออกไปจากหีบไม้ที่ไม่รู้ว่าข้างในเป็นอะไรกันแน่

    แฟ็ตตี้เลือกถอนตัวตอนนี้เพราะเขายังไม่แน่ใจว่าของข้างในหีบไม้นั้นเป็นอะไรกันแน่ ประกอบกับทินนี่ไปเจออาณาเขตที่น่าจะเป็นที่เก็บของพิเศษ ซึ่งน่าจะมีของมีค่ามากกว่าหีบไม้ที่ตั้งอยู่ในที่โล่ง และหลังจากเห็นว่าชายหนุ่มแอฟโรคนนี้สามารถทำลายประตูที่เขาทำลายไม่ได้แล้ว จึงน่าจะระวังตัวเอาไว้ก่อน ถ้าคิดจะแตกหักกัน ก็ควรจะใช้สองรุมหนึ่งดีกว่าเข้าไปเสี่ยงไม่เข้าท่าแบบนี้

     

    “...” มาตาร์รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันทีที่แฟ็ตตี้ถอนตัวไป ดูจากฝีมือแล้วเขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะสู้แฟ็ตตี้ได้ เพราะจากที่เห็นวิธีการต่อสู้ของชายร่างผอมแล้ว เขาก็รับรู้ว่าชายคนนั้นยังเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าเขา และถ้าจะคืนร่างสู้ก็ต้องให้แน่ใจว่ากำจัดทั้งสองคนได้พร้อมๆกัน ไม่อย่างนั้นถ้าคืนร่างแล้วกำจัดได้คนเดียว หลังจากที่กลับเป็นร่างแอฟโรแล้วก็มีโอกาสแพ้อยู่เหมือนกัน

    ชายหนุ่มหัวฟูเดินไปที่หีบสมบัติไม้เก่าๆนั้น แล้วก็เปิดมันขึ้นมาดู

    แอ๊ด!

    มีลูกแก้วกลมใสบรรจุอยู่ในหีบนั่นเป็นสิบๆลูก มาตาร์ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกันแน่ จะเป็นผลึกเวทหรือเปล่า แต่ว่าทินนี่ก็เจอหีบใส่ผลึกเวทไปแล้ว หรือว่าลูกแก้วพวกนี้จะเป็นผลึกชนิดพิเศษ

    หมับ!

    อะไรหว่า? มาตาร์คิดขึ้นพร้อมกับหยิบลูกแก้วขึ้นมาลูกหนึ่ง

    วูม! วูม! วูม!

    ชายหนุ่มหัวฟูลองใส่พลังเวทเข้าไปก็ไม่รู้สึกถึงการตอบสนองใดใด เขาจึงลองใส่ปราณและพลังจิตลงไปบ้าง แต่ผลก็เหมือนเดิม คือไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมาเลย

    ตกลงมันคือลูกแก้วธรรมดาๆเหรอเนี่ย หรือวัตถุดิบอะไรซักอย่างล่ะมั้ง มาตาร์คิดว่ามันคงจะเป็นพวกวัตถุดิบมากกว่าที่จะเป็นผลึกที่มีพลังพิเศษอะไร

     

    “อืม มันเป็นอาณาเขตที่ป้องกันอะไรซักอย่างเอาไว้แน่ๆ” แฟ็ตตี้ร่างผอมพูดกับคู่หูของเขาหลังจากที่ลองสัมผัสกำแพงที่มองไม่เห็นแล้ว

    “อาณาเขตมันเป็นรูปวงกลม กว้างประมาณสองเมตรได้ ข้างในคงจะเป็นของสำคัญมากแน่ๆ” ทินนี่ร่างอ้วนพูดพร้อมกับมองเข้าไปหลังกำแพงที่มีวัตถุอะไรบางอย่างวางอยู่ พร้อมกับมีผ้าที่มีลายอักขระเขียนอยู่ยุบยับคลุมทับเอาไว้ด้วย

    “ทำลายได้มั้ยทินนี่” แฟ็ตตี้ร่างผอมถามคู่หูของเขา

    ฟึบ! ปี๊บ!

    ชายร่างอ้วนหยิบเอาอุปกรณ์ที่เป็นเหมื่อแว่นแต่มีกระจกแค่ที่ตาขวาข้างเดียวและมีที่ครอบหูขึ้นมาสวมหัว แล้วกดปุ่มบนที่ครอบหูนั้น กระจกที่คลุมตานั้นก็มีภาพและเส้นสายขึ้นมา

    “อืม มันไม่ได้เกิดจากเวท ปราณ หรือจิต แปลกมากเลยนะอาณาเขตอันนี้น่ะ มันเหมือนกับไม่มีตัวตน เป็นแค่อากาศธรรมดาๆเท่านั้น แต่มันสามารถป้องกันคนบุกรุกได้ แล้วดูเหมือนจะป้องกันการใช้พลังพิเศษได้ด้วย ไม่แน่ว่าถึงจะมีพลังจิตเคลื่อนย้ายก็อาจจะเจาะไม่เข้า” ชายร่างอ้วนพูดหลังจากใช้เจ้าอุปกรณ์ชิ้นนั้นสำรวจอาณาเขตที่มองไม่เห็นนั้น

    “มีหนทางจะทำอะไรกับมันได้มั้ยเนี่ย” ชายร่างผอมถามขึ้นมา

    “ไม่แน่ใจเหมือนกัน ข้าไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย” ชายร่างอ้วนตอบ

    “ขนาดแกยังไม่รู้จักเลยเหรอเนี่ย” ชายร่างผอมกล่าว ดูเหมือนถ้าเป็นเรื่องอุปกรณ์หรือเครื่องมือทินนี่ร่างอ้วนจะได้รับความเชื่อถือพอสมควร

    “ยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่ข้าไม่รู้ พวกช่างตีเหล็กคิดอะไรออกมาใหม่ๆได้เสมอ เกมนี้ยังมีอาณาเขตที่พวกเราไม่รู้จักอีกมากนัก” ทินนี่ร่างอ้วนกล่าว

    “แต่ข้าว่าอุปกรณ์ของแกช่วยเราแก้ปัญหานี้ได้นะ” ชายร่างผอมกล่าว

    “ก็จริงอยู่ แต่ว่าไอ้หนุ่มนั่นมันจะแกะกะการทำงานของเราน่ะสิ” ชายร่างอ้วนกล่าว

    “หึๆๆ ก็ให้มันมาช่วยเราด้วยสิทินนี่” ชายร่างผอมพูดขึ้นมาพร้อมกับส่งสายตาไปทางคู่หูของตนอย่างมีเลศนัย

    “หืม? ...อ๋อ อย่างนี้นี่เอง หึๆๆๆ ต้องให้เจ้าหนุ่มนั่นมาช่วยสินะ” ชายร่างอ้วนสงสัยในตอนแรก แต่แล้วก็เหมือนคิดอะไรได้ จึงหัวเราะออกมาอย่างมีนัยเหมือนกัน

     

    ตกลงไอ้ลูกแก้วพวกนี้มันก็ไร้ประโยชน์สำหรับเราจริงๆสิเนี่ย แต่จะทิ้งไปเฉยๆก็รู้สึกเสียดายแฮะ มาตาร์คิดขึ้นพร้อมกับเก็บลูกแก้วเข้าเข็มขัดไปทั้งหมด

    เข็มขัดใส่ของของมาตาร์ที่เขาคาดเอาไว้ตั้งแต่ออกมาจากเมืองเริ่มต้น มีช่องใส่ของถึงห้าสิบช่อง ซึ่งตอนแรกก็มีเสบียงใส่เอาไว้ แต่สามวันมานี่ก็พร่องลงไปเยอะแล้ว เพราะต้องกินมากผิดปกติเนื่องจากสู้ติดๆกันหลายวัน ดังนั้นจึงพอจะมีช่องเหลือพอใส่พวกลูกแก้วเหล่านั้นได้

    “เฮ่! แอฟโร” เสียงแฟ็ตตี้เรียกมาจากทางด้านที่มีอาณาเขตที่มองไม่เห็นนั่น

    หืม? เรียกเราไปทางนั้นเหรอ? มาตาร์ยังลังเลใจที่จะเดินไปตามเสียงเรียก เพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรที่สองคนนั่นจะเรียกเขาไปหาเลย แต่ถ้าไม่เดินไปก็เหมือนเป็นสัญญาณเปิดศึกเสียมากกว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ดูจะเสียเปรียบไปซะทุกทาง

    “ว่าไงครับพี่แฟ็ตตี้” ชายหนุ่มหัวฟูขานรับพร้อมกับเดินไปทางชายอ้วนผอมนั้นอย่างระมัดระวัง

    “พี่มีเรื่องอยากจะขอให้น้องช่วยหน่อยน่ะ” แฟ็ตตี้ร่างผอมกล่าว

    “ช่วยอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มหัวฟูถาม พร้อมกับหยุดยืนอยู่ในระยะที่ตามองเห็นร่างของชายร่างผอมนั่นชัดๆ

    “มันมีกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่ตรงนี้น่ะน้อง ดูเหมือนว่าข้างในจะเป็นสมบัติที่เนปจูนเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี พี่กับทินนี่ทำยังไงก็หาทางทำลายกำแพงไม่ได้” แฟ็ตตี้พูดอย่างใจเย็นโดยไม่สนใจว่าระยะห่างของชายหนุ่มหัวฟูนั้นดูห่างผิดปกติ

    “เหรอครับ ถ้าพวกพี่ทำอะไรไม่ได้ผมก็คงทำอะไรไม่ได้หรอกครับ” ชายหนุ่มหัวฟูตอบกลับพร้อมกับรู้สึกถึงสิ่งที่ผิดสังเกตทันที

    “ไม่หรอก แอฟโรช่วยพี่ได้สบายเลยล่ะ ไอ้ท่าที่น้องใช้ทำลายประตูห้องนี้น่ะ อาจจะทำลายกำแพงที่มองไม่เห็นนี่ได้ก็ได้นะ” แฟตตี้บอกสิ่งที่เขาอยากจะให้ชายหนุ่มหัวฟูช่วย

    “งั้นเหรอครับ ...แล้วพี่ทินนี่ไปอยู่ที่ไหนล่ะครับเนี่ย” มาตาร์ถามสิ่งที่คาใจก่อนทันที เพราะตั้งแต่เดินมาถึงตรงนี้ เขายังไม่เห็นร่างของชายร่างอ้วนเลย

    แวบบ!!

    ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบขึ้นรอบตัวของมาตาร์และภายในกำแพงที่มองไม่เห็นนั่นทันที

    แวบบ!!

    มาตาร์ไม่ทันได้เคลื่อนไหว รู้สึกตัวอีกทีเขาก็มายืนอยู่ในกำแพงที่มองไม่เห็นแล้ว

    “เฮ่ยย!!” ชายหนุ่มหัวฟูอุทานออกมาอย่างตกใจ จู่ๆเขาก็เคลื่อนที่มาราวกับใช้พลังจิต

    ปึง! ปึง!

    มาตาร์ลองโจมตีไปรอบๆก็พบว่าเขาถูกขังอยู่ในอาณาเขตพิเศษนี่เสียแล้ว

    “อ้า ขอบใจมากนะแอฟโร ช่วยพี่ได้มากเลยล่ะ” ชายร่างผอมพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี

    “แก!! ทำได้ยังไงน่ะ” มาตาร์แค่นเสียงออกมา แม้ว่าเขาจะระวังตัวแล้ว แต่สุดท้ายก็เสียท่าจนได้

    “ฮ่าๆๆๆ ก็เพราะเครื่องมือย้ายมวลสารชนิดพิเศษที่ข้าทำขึ้นมาไงล่ะ” ชายร่างอ้วนปรากฏตัวขึ้นอีกด้านหนึ่งพร้อมกับเครื่องมือชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนปืนใหญ่ตั้งพื้น แต่มีปากกระบอกสองทางที่แยกจากกัน

    “เครื่องมือย้ายมวลสาร!?” มาตาร์ฟังชื่อของเครื่องมือชนิดนี้แล้วก็พอจะเดาได้ว่าเขาเข้ามาอยู่ในคุกใสไร้ทางออกนี้ได้อย่างไร

    “ทินนี่ เลิกสนใจไอ้หนุ่มนี่เถอะ มาดูกันดีกว่าว่าเราเก็บอะไรได้ครั้งนี้” แฟ็ตตี้ร่างผอมพูดพร้อมกับเดินไปตรงจุดที่มาตาร์เคยยืนอยู่ก่อนที่จะโดนย้ายเข้าไปใส่ในอาณาเขตพิเศษทันที

    บริเวณพื้นที่นั้นมีวัตถุชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ มันมีผ้าที่มีอักขระเขียนอยู่ทั่วผืนคลุมทับเอาไว้

    “อะไรน่ะ!?” มาตาร์เริ่มปะติดปะต่อความสามารถของเจ้าเครื่องย้ายมวลสารนั่น

    เครื่องย้ายมวลสารนี้จะทำการสลับที่มวลสองด้านของสิ่งที่มันเล็งเอาไว้ ซึ่งการย้ายมวลสารนี้ของที่ย้ายต้องมีมวลเท่ากัน ด้านหนึ่งเล็งที่ข้างในอาณาเขตพิเศษ อีกด้านหนึ่งเล็งที่ร่างของมาตาร์ ซึ่งการทำงานนั้นต้องกำหนดขอบเขตและระยะห่างให้เรียบร้อย ซึ่งต้องเสียเวลาในการตั้งเครื่องด้วย ส่วนมวลของชายหนุ่มกับเจ้าสิ่งที่ถูกผนึกที่ไม่เท่ากันนั้นสามารถทดแทนด้วยกากาศก็ได้

    จริงๆแล้วถึงไม่ย้ายมาตาร์ไปแทนที่ เครื่องก็แค่ย้ายอากาศเพิ่มเข้าไปเท่านั้นเองซึ่งก็ต้องเสียเวลาตั้งเครื่องนานหน่อยเพราะการย้ายมวลอากาศนั้นทำได้ยากกว่าเนื่องจากอากาศมันเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่ชายทั้งสองให้มาตาร์เป็นเหยื่อเพื่อจะได้ประหยัดเวลา และขังมาตาร์เอาไว้จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับสมบัติที่พวกเขาอยากจะได้

    แผนเริ่มตั้งแต่แฟ็ตตี้เรียกมาตาร์ให้มาหาเขา ซึ่งมาตาร์ก็หยุดยืนอยู่บนพื้นที่จุดหนึ่ง ระหว่างนั้นทินนี่ซึ่งเป็นผู้ควบคุมเครื่องอยู่ในจุดอับสายตาก็เล็งพื้นที่บริเวณที่มาตาร์ยืนอยู่ แฟ็ตตี้ก็เพียงแค่พูดล่อให้มาตาร์ยืนอยู่นิ่งๆเท่านั้นเอง และเมื่อทินนี่ตั้งเครื่องเสร็จเรียบร้อย เพียงแค่เดินเครื่อง ร่างของมาตาร์และสมบัติที่ถูกผนึกก็สลับที่กันทันที

     

    ตึง! ตึง!

    “เฮ่!! ปล่อยชั้นออกไปนะ” มาตาร์ทุบกำแพงที่มองไม่เห็นพร้อมกับส่งเสียงออกมา

    “ตอนเข้ามาในโมบี้ดิ๊กพวกเราก็ใช้เครื่องย้ายมวลสารแบบนี้แหละ แต่ออกจะใหญ่กว่านี้หน่อยนะ ฮ่าๆๆๆ” ทินนี่ช่วยเฉลยสิ่งคาใจของมาตาร์ไปอีกข้อหนึ่ง

    “อย่าเสียเวลาน่าทินนี่ จะบอกให้มันรู้ทำไม มาสนใจสมบัติของเนปจูนนี่กันดีกว่า” แฟ็ตตี้พูดพร้อมกับจับผ้าที่มีอักขระเขียนอยู่ แล้วสะบัดมันขึ้นมาทันที

    พรึบ!!

    ผ้าคลุมถูกดึงออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ใต้ผ้าคลุมนั้น มันคือดาบเล่มหนึ่งที่ถูกปักอยู่ในแท่นหินเท่านั้นเอง

    “หืม? เป็นดาบเหรอ” แฟ็ตตี้สงสัยเมื่อเห็นว่าใต้ผ้าคลุมอักขระนั้นเป็นดาบตรงหนาสีเงินเล่มหนึ่ง

    ปี๊บ!

    “ดาบราชัน พลังโจมตี +10,000 ปล่อยพลังแสงได้ ...แค่นี้เองแฮะ” ทินนี่พูดขึ้นหลังจากสำรวจดาบนั่นด้วยเครื่องสำรวจที่ติดอยู่ที่ดวงตาข้างขวาของเขา

    “หา? แค่นั้นเองเหรอ” แฟ็ตตี้ฟังคุณสมบัติแล้วก็ต้องแปลกใจ เพราะแค่ดาบปล่อยพลังแสงได้ มันไม่ใช่ของที่หายากอะไรเลย ถึงพลังโจมตีที่เพิ่มให้จะเยอะอยู่ก็เถอะ แต่มันไม่ใช่ของระดับที่หายากจนเป็นตำนานได้เลย แค่มีเงินหน่อยกับวัตถุดิบแบบธรรมดา สั่งช่างตีเหล็กให้ทำให้ก็ได้

    หมับ! ฟวับ!

    แฟ็ตตี้จับดาบเล่มนั้นแล้วถอนมันขึ้นจากแท่นหินทันที

    ฟิ้ว! ฟิ้ว!

    ชายร่างผอมลองเหวี่ยงดาบไปมาจนเกิดเสียงดัง

    “อืม จะว่าไปดาบนี้ก็ดีเหมือนกันนะถ้าเทียบกับดาบทั่วไป น้ำหนักก็กำลังดี ท่าทางจะได้ช่างตีเหล็กฝีมือดีมาสร้างให้นะเนี่ย” แฟ็ตตี้พูดขึ้นอย่างพอใจหลังจากลองเหวี่ยงดาบดูแล้ว

    “ข้าว่ามันน่าจะมีความสามารถอะไรที่เราไม่รู้อีกนะ บางทีมันอาจจะตัดวัตถุได้ทุกอย่างก็ได้นะ” ทินนี่ยังรู้สึกข้องใจกับความสามารถของดาบที่ถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนาเล่มนี้

    “หรือว่าบางทีมันอาจจะตัดอาณาเขตได้ทุกแบบ” แฟ็ตตี้พูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ชายหนุ่มผมฟูซึ่งถูกขังอยู่ในอาณาเขตพิเศษ

    “เอ้อ บางทีมันอาจจะตัดขาดได้จริงๆก็ได้นะ อุตส่าห์เก็บซะอย่างดี ถ้าทำไม่ได้ก็แย่น่ะสิ” ทีนนี่เห็นด้วยความความคิดของคู่หูร่างผอมของตน

    “ไอ้หนุ่มมาเป็นเหยื่อลองดาบให้พวกเราหน่อยละกันนะ” แฟ็ตตี้พูดขึ้นมาอย่างเหี้ยมเกรียมพร้อมกับเดินเข้าไปที่อาณาเขตพิเศษ

    “...” มาตาร์ตั้งสติพร้อมกับตั้งท่าเตรียมรับการจู่โจมทันที

    ถ้าดาบเล่มนั้นตัดอาณาเขตขาดได้ ไม่ได้หมายความว่ามาตาร์จะตายไปจากการที่อาณาเขตถูกทำลายเสียหน่อย ถ้าดาบเล่มนั้นฟันใส่ร่างของเขาต่างหากเขาถึงจะตาย เพราะฉะนั้นถ้าใช้พลังสมาธิจับระยะของดาบแล้วหลบมันในจังหวะที่มันฟันเข้ามาในอาณาเขต เขาก็อาจจะหลุดออกไปจากคุกอากาศนี้

    “ฮ่าๆๆ” แฟ็ตตี้หัวเราะพร้อมกัยเหวี่ยงดาบเล่มสีเงินเข้าใส่อาณาเขตพิเศษทันที

    เฟี้ยว!! เคร้ง!!

    ดาบฟันเข้าใส่กำแพงที่มองไม่เห็นแล้วหยุดกึกลงทันที

    “เอ๋?” แฟ็ตตี้อุทานออกมาอย่างแปลกใจ เพราะเขาคิดเต็มที่ว่าดาบเล่มนี้ต้องฟันอาณาเขตพิเศษนี้เข้าแน่นอน

    “ใส่กำลังเข้าไปอีกสิแฟ็ตตี้” ชายร่างอ้วนบอกคู่หูของตนให้ลองอีกครั้ง

    “อืม” ชายร่างผอมขานรับ แล้วก็ใส่กำลังเข้าไปเต็มที่ทันที

    เคร้ง! กึง!! กึง!! เคร้ง! เคร้ง! กึง!!

    แฟ็ตตี้ใส่กำลังเต็มที่พร้อมทั้งระดมฟันไม่หยุด แต่ก็ไม่สามารถเจาะเข้าไปในพื้นที่อาณาเขตพิเศษได้เลย

     

    “ไม่ได้ผลแฮะ แฮก! แฮก!” แฟ็ตตี้พูดอย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากฟันดาบไม่หยุดเป็นเวลาหนึ่งนาที

    “บางทีมันอาจจะต้องใช้กับพลังจิตหรือเวทด้วยมั้ง เอามาให้ข้าลองหน่อยซิ” ชายร่างอ้วนสันนิษฐาน

    “เออ ไหนแกลองดูหน่อยซิ” ชายร่างผอมเห็นด้วยพร้อมกับเดินไปที่ชายร่างอ้วนเพื่อจะส่งดาบให้

    หมับ!

    แฟ็ตตี้ร่างผอมยื่นดาบให้ทินนี่ร่างอ้วน แต่แล้วมือของชายร่างผอมกลับไม่ยอมปล่อยดาบ

    “อ้าว? ส่งดาบมาสิ” ทินนี่เรียกร้องเมื่อเห็นว่าคู่หูของตนไม่ยอมปล่อยดาบ

    “อ้าว? สงสัยมือจะเกร็งแฮะ คงเพราะออกแรงมากไปเมื่อกี๊” แฟ็ตตี้พูดพร้อมกับใช้มืออีกข้างของเขาค่อยๆแกะนิ้วมือออกจากดาบ

    ระหว่างนั้นมาตาร์ก็จ้องอยู่ด้วยใจลุ้นระทึก เพราะหลังจากที่เห็นแฟ็ตตี้ระดมฟันดาบใส่เขาแล้วก็พบว่า วิชาดาบของแฟ็ตตี้นั้นเหนือกว่าเขาแน่นอน ถ้ากำแพงนี่สลายไปเขาในร่างไรเดอร์สู้ไม่ได้แน่นอน ต้องคืนร่างสู้เท่านั้น

    ดังนั้นชายหนุ่มหัวฟูจึงรอให้ถึงจังหวะที่กำแพงนี้สลายไป แล้วเขาก็จะคืนร่างทันทีเพื่อจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด

     

    ฉัวะ!! อ๊ากก!!

    แต่แล้วทันใดนั้น แฟ็ตตี้ก็ตวัดดาบเข้าไปที่แขนของทินนี่จนขาดทันทีแบบไม่มีคำเตือน

    “แฟ็ตตี้!! แกทำอะไรน่ะ” ทินนี่ตะโกนออกมาอย่างตระหนกพร้อมกับกระโดดถอยห่างออกมาจากร่างของชายร่างผอม

    “ข้าไม่รู้!! แขนมันควบคุมไม่ได้!! ข้าไม่ได้ตั้งใจจะฟันแกนะ!!” แฟ็ตตี้ร่างผอมตะโกนขึ้นมาอย่างตระหนกพร้อมกับแขนทั้งคู่ที่กำดาบเอาไว้ซึ่งเหวี่ยงไปมาแบบมั่วๆ

    “เฮ้ยแฟ็ตตี้!! แขนแกเป็นอะไรน่ะ” ทินนี่ร่างอ้วนก็ตกใจขึ้นมา เมื่อเห็นแขนของแฟ็ตตี้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำจากมือค่อยๆไล่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ

    “ไม่รู้!! ข้าไม่รู้!! ทินนี่!! หาทางทำอะไรซักอย่างสิ” แฟ็ตตี้เริ่มสติแตกแล้ว เขาเหมือนจะรู้ตัวว่าร่างกายกำลังถูดยึดโดยดาบเล่มนั้น

    “จะให้ข้าทำอะไรล่ะ!!” ทินนี่ก็สติแตกเหมือนกัน เขาตะโกนถามพร้อมกับมือที่กุมปากแผลที่ถูกดาบฟันเอาไว้

    “ตัดไง!! ตัดแขนข้าซะ!! เร็ว!” แฟ็ตตี้พูดออกมาอย่างรีบร้อนในขณะที่สีดำก็ลุกลามขึ้นไปถึงหัวไหล่เรียบร้อยแล้ว

    “จะให้ตัดยังไงล่ะ!! แขนแกเป็นสีดำไปจนถึงไหล่แล้วนะ!” ทินนี่ลังเล เพราะถ้าตัดแขนจนถึงหัวไหล่ทั้งสองข้างมีสิทธิ์เลือดไหลจนตายได้อยู่ดี แถมดูเหมือนมันจะลามไปถึงลำคอแล้วด้วยสิ

    “บอกให้ตัดก็ตัดสิโว้ยย!!!” แฟ็ตตี้ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด รอยสีดำลามขึ้นมากินจนถึงใบหน้าของเขาแล้ว

    “งั้นขอโทษด้วยนะเพื่อน!” ทินนี่ได้ยิยเสียงตะโกนของคู่หูก็ชักอาวุธที่เป็นดาบแสงขึ้นมาแล้วตรงเข้าโจมตีใส่ชายร่างผอมทันที

    เชียะ! ฉัวะ! อ๊ากก!!

    แต่ทว่าดาบเล่มสีเงินกลับชิงจู่โจมชายร่างอ้วนก่อน จนแขนที่เหลืออยู่ของชายอ้วนได้แผลเป็นทางยาวพร้อมกับอาวุธที่หลุดมือไป

    “แฟ็ตตี้!! แกทำอะไรน่ะ!” ชายร่างอ้วนถามขึ้นมาอย่างกังขา

    “ฮึๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ” ชายร่างผอมหัวเราะขึ้นมา ตอนนี้สีดำได้ลามไปทั้งใบหน้าของเขาแล้ว

     

    มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย มาตาร์ที่อยู่ในอาณาเขตพิเศษมองเหตุการณ์อย่างตระหนก

    เดียมอน

    ระดับ 1000

     

    เฮ่ย!! สัตว์อสูรระดับพัน!’ มาตาร์สำรวจแล้วก็ต้องตะลึง

     

    แล้วร่างของชายผอมก็ค่อยๆเปลี่ยนไป แขนของเขาล่ำขึ้นมา กล้ามเนื้อทั่วร่างขยายใหญ่ขึ้น มีกรงเล็บที่แหลมคมเพิ่มขึ้นมา ปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยว ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ

    “แฟ็ตตี้!!” ชายร่างอ้วนร้องขึ้นมาอย่างตระหนกเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของคู่หูของตน

    “ข้าคือเดียมอน!! แฟ็ตตี้ของเจ้ามันตายไปแล้ว! ฮ่าๆๆๆ” อสูรร่างสีดำเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับยิ้มแสยะ

     

    อืม ...เข้าใจแล้วสินะ จบที่เดียวกับตอนที่แล้วพอดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×