ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #94 : บทที่92: ไอ้โหดซิลเวอร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.42K
      105
      3 ธ.ค. 54

    บทที่92 ไอ้โหดซิลเวอร์

    ระหว่างที่รอเวลาสิบโมง พวกโซล่าร์ซิสฯก็ปลีกตัวมาอีกด้านของห้องโถง เพื่อที่จะได้จับเรย์น่ามามัดให้เรียบร้อย

    “พี่ซื้อเชือกมาด้วยล่ะ กะเอาไว้ใช้เป็นอุปกรณ์เดินป่า คงพอจะใช้มัดยัยนี่ได้มั้ง” มาตาร์พูดแล้วก็ส่งเชือกให้โรส

    “อุโฮะ! ถ้าอย่างนั้นเดี๊ยนจับมัดให้เองละกัน รับรองดิ้นไม่หลุดด้วยศิลปะการใช้เชือกขั้นสุดยอดนะฮ้า” มาเจนต้าเสนอตัวเป็นคนมัดเรย์น่าทันที

    เรย์น่ามองมาเจนต้าด้วยสายตาหวาดๆพร้อมส่งเสียงอู้อี้ในลำคอแล้วก็ดิ้นขัดขืนเหมือนจะบอกประมาณว่า ไม่นะอย่าจับชั้นมัด ศิลปะการใช้เชือกอะไร จนพวกสามสาวและโรสจับตัวแทบไม่อยู่

    “เอ้อ! คุณเรย์น่าถ้าไม่ให้ความร่วมมือซะหน่อยผมจะซัดให้สลบก่อนแล้วค่อยจับมัดนะครับ” มาตาร์พูดขึ้นมาเรียบๆซึ่งแฝงพลังอำนาจอะไรบางอย่างเอาไว้ เพราะมาตาร์เป็นคนที่พูดจริงทำจริง แล้วก็ไม่มียั้งมือ ไม่ว่ากับผู้ชายหรือผู้หญิง ถ้าพูดว่าจะซัดให้สลบก็แปลว่าจะทำจริงๆ

    แต่ดูเหมือนเรย์น่าจะอยากลองของ เธอดิ้นไม่หยุดเหมือนท้าทายมาตาร์

    หมับ!

    มาตาร์ก้มลงนั่งแล้วเอามือจับคอของเรย์น่าที่ดิ้นเอาไว้ ส่วนเรย์น่าก็จ้องชายหนุ่มด้วยสายตาอาฆาต แต่แล้วมาตาร์ก็ทำท่าเหมือนกอดเรย์น่าโดยการจับคอของเธอมาพาดกับไหล่ของเขาเอาไว้

    “ถ้าอย่างนั้นก็หลับซะหน่อยนะครับ จะได้ไม่เครียด” มาตาร์พูดจบก็ถ่ายปราณน้ำแข็งพร้อมปราณลมใส่เรย์น่าทันที

    มาเจนต้ากับโรสตอนแรกเห็นมาตาร์เข้ามากอดเรย์น่าก็รู้สึกตกใจ เรย์น่าเองก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่ทันใดนั้นหญิงสาวผมขาวรู้สึกเคลิ้มจนแทบจะลืมขัดขืน ดวงตาของเธอสงบลงแล้วค่อยๆปิดลงจนมิด สาเหตุเป็นเพราะปราณน้ำแข็งที่ทำให้ง่วงนอนและปราณลมที่ทำให้เคลิ้มสบายนั่นแหละ จนในที่สุดเรย์น่าก็หลับคาไหล่ของมาตาร์ไปจริงๆ

    “โห! หนูโรส อยากโดนพี่มาตาร์กล่อมหลับแบบนี้บ้างมั้ยฮ้า” มาเจนต้ากระซิบกระซาบกับโรสที่ดูเหมือนจะหน้าแดงขึ้นมา

    “สาวๆจับยัยงูพิษมัดได้เลยครับ” มาตาร์ละออกมาจากเรย์น่าแล้วหันมาพูดทางมาเจนต้ากับโรส

    “อุ๊ย! ได้เลยฮ่า” มาเจนต้าขานรับขึ้นมา

    แล้วสามสาวกับโรสก็ช่วยกันจับร่างของเรย์น่าเอาไว้ตามคำสั่งของมาเจนต้าโดยมาเจนต้าเป็นผู้ลงมืดมัด คริมซั่นกับอาเชอร์ก็มองด้วยความสนใจถึงวิธีมัดของมาเจนต้าที่มันดูแปลกๆ เพราะเชือกมันคล้องไปรอบตัวเรย์น่าเป็นลายแปลกๆ มัดศอกให้ติดกันแล้วพับไปไปข้างหลัง ขาก็ถูกมัดล็อคหัวเข่าเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้วจับมามัดติดกันที่ด้านหลังอีกที

    “อืม ...เสร็จแล้วฮ่า ศิลปะการมัดแบบคินบาคุเป็นไงฮ้า” มาเจนต้ามัดเสร็จแล้วก็ชื่นชมในผลงานของตัวเอง

    “แปลกดีนะมาเจนต้า คินบาคุนี่อะไรเหรอ” โรสถามขึ้นมา แต่ดูๆไปแล้วการมัดแบบนี้ท่าทางมันจะแน่นหนาจริงๆ

    “เป็นศิลปะโบราณน่ะฮ่ะ สืบต่อกันมาในองค์การกะเทยแห่งทางช้างเผือก” มาเจนต้าตอบอย่างภูมิใจ

    “...เหรอ” โรสตอบแบบงงๆ ส่วนคนอื่นก็ทำหน้างงไปเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีใครคิดจะถามอะไรมาเจนต้าต่อไป

     

    “ขอให้ผู้เข้าแข่งขันแบ่งกลุ่มตามประเภทเลยนะคะ” เสียงประกาศจากทางสนามแข่งขันดังขึ้น

    “โอเค เราไปรวมกลุ่มกัน สาวๆดูแลยัยงูพิษให้ดีนะ” มาตาร์พูดกับสามสาวก่อนที่จะเดินนำพวกโซล่าร์ซิสฯไปบริเวณที่ผู้แข่งขันประเภททีมห้าคนรวมกลุ่มกัน

    “คุณมาตาร์?” เสียงชายคนหนึ่งเรียกชื่อมาตาร์ด้วยความสงสัย

    “หืม? อ้าว ...คุณเซซิลนี่นา” มาตาร์ต้องนึกชื่อคนที่ทักทายเขาก่อนสักครู่จึงจะจำได้ ที่แท้ก็คือชายผมขาวในกลุ่มชายห้าคนที่เขาประลองด้วยกันเมื่อวันก่อนนั่นเอง

    “เปลี่ยนสไตล์เหรอครับ” เซซิลเกือบจะจำมาตาร์ไม่ได้เพราะทรงผมยาวสีเงินกับหน้ากากนี่แหละ

    “เอ้อ มันเป็นชุดทีมน่ะครับ” มาตาร์ตอบเขินๆ เขาก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้มันดูดีกว่านี้

    “สวัสดีค่ะผู้เข้าแข่งขันทุกทีม” พิธีกรสาวประกาศขึ้นมาให้กลุ่มผู้ประลองประเภททีมห้าคนได้ยิน “เนื่องจากผู้เข้าร่วมประลองมีหลายทีม เราจะทำการคัดให้เหลือแปดทีมเพื่อประลองรอบจริงจากทั้งหมดสิบห้าทีมในนี้นะคะ”

    “อืม มีแค่สิบห้าทีมเองนะครับ” เซซิลชวนมาตาร์คุย

    “คงเพราะการรวมทีมห้าคนมันลำบากล่ะมั้งครับ” มาตาร์กล่าว เพราะถ้าเขาไม่บังเอิญรู้จักกับพวกโซล่าร์ซิสฯอยู่แล้ว เขาก็ไม่รู้จะไปหาทีมที่ไหนอีกแล้ว

    “แต่รางวัลก็ใหญ่ขึ้นตามประเภทการประลองนะครับ อย่างโมโนไบค์สำหรับทีมห้าคนนี้ก็เป็นรุ่นที่ดีที่สุดแล้ว แถมแต่งเองได้ด้วย” เซซิลให้ข้อมูล

    “กติกาการแข่งขันนะคะ ผู้เข้าประลองสามารถใช้อาวุธได้ทุกชนิด แต่ไม่อนุญาตให้ใช้น้ำยาเพิ่มพลังใดใดนะคะ แพ้ชนะตัดสินกันด้วยความตายทั้งหมดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรืออีกฝ่ายหนึ่งประกาศยอมแพ้ โดยถือว่าการประกาศเพียงคนเดียวก็ทำให้ทั้งทีมแพ้นะคะ ทีมที่ชนะไม่ว่าจะเหลือกี่คนก็ให้เข้ารอบต่อไปได้เลย ผู้เข้าร่วมประลองต้องรับผิดชอบชีวิตของตนเอง หากตายจากการประลองจะมีผลเหมือนตายตามปกติ” พิธีกรสาวร่ายยาวกติกาการประลองตามปกติ ผู้เข้าร่วมการแข่งบางคนเพิ่งเคยมาได้ยินกติกาก็ซุบซิบพูดคุยกันในทีมตัวเองบ้าง

    ส่วนพวกทีมโซล่าร์ซิสฯพอจะรู้กติกากันคร่าวๆแล้วเพราะมาตาร์เคยบอก จึงไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกันมากมาย เพียงแต่คอยมองผู้เข้าร่วมประลองทีมอื่นๆอย่างสนใจเท่านั้นเอง

    “ขอเชิญผู้เข้าร่วมประลองประเภททีมห้าคนตามดิชั้นไปสนามประลองรอบคัดเลือกเลยค่ะ” พิธีกรสาวพูดจบก็เดินนำผู้เข้าแข่งไปด้านในของอาคารทันที

    มาตาร์และทีมโซล่าร์ซิสฯเดินเข้ามาด้านในก็เห็นเวทีประลองทั้งหมดเป็นพื้นที่โล่งๆ มีเส้นตีบนพื้นวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณยี่สิบเมตรอยู่สี่วง ไม่มีความหนาหรือความลึกใดใด และภายในวงกลมมีเลขหนึ่งถึงสี่เขียนอยู่ มีคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ตัดสินยืนประจำอยู่บริเวณขอบของแต่ละวง

    “ดิชั้นจะประกาศหมายเลขทีมและสนามที่ประลองนะคะ ขอให้ตั้งใจฟังให้ดี” พิธีกรสาวไม่รอช้า เธอเริ่มต้นคัดเลือกทีมที่จะเข้าประลองรอบจริงทันที

    “ทีมหมายเลขหนึ่งกับทีมหมายเลขแปดที่เวทีหนึ่งค่ะ” พิธีกรสาวประกาศ

    คนจากทีมที่ถูกประกาศก็เดินไปที่วงกลมตามหมายเลขที่ประกาศนั้น

    “พี่มาตาร์ครับ ถ้ามีอยู่สิบห้าทีมก็หมายความว่ามีทีมนึงที่ไม่ต้องประลองก็ผ่านเข้าไปรอบจริงได้เลยสิ” คริมซั่นหันมาพูดกับมาตาร์

    “อืม นั่นสินะ อยากให้เป็นทีมเราจังเลยนะฮ้า” มาเจนต้าหวังว่าจะผ่านเข้ารอบจริงโดยไม่ต้องเหนื่อย

    “ทีมหมายเลขห้ากับทีมหมายเลขสิบที่เวทีสามค่ะ” พิธีกรประกาศทีมของโซล่าร์ซิสฯในที่สุด

    “เสียใจด้วยนะมาเจนต้า พวกเราต้องประลองอย่างน้อยหนึ่งรอบถึงจะเข้ารอบจริง” โรสบอกมาเจนต้าแล้วก็เดินนำไปที่เวทีทันที

    “แหม เดี๊ยนน่ะยังไงก็ได้ฮ่ะ ถือว่าวอร์มอัพก่อนประลองจริงก็ดีเหมือนกัน” มาเจนต้าตอบโรสแล้วก็เดินตามเธอไป

     

    “อ้าว! ไอ้พวกบ้าขบวนการห้าสีนี่นา” ชายผู้อยู่ในทีมคู่ต่อสู้พูดเสียงดังขึ้นมา เขาก็คือเกรย์ที่พวกโซล่าร์ซิสฯเจอตอนเข้ามาในอาคารประลองตั้งแต่แรกนั่นเอง

    พวกโซล่าร์ซิสฯแต่ละคนแสดงสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาในขณะที่พวกทีมคู่ต่อสู้ห้าคนทำหน้ายิ้มและหัวเราะ

    “พวกเรา การต่อสู้นี้ทำตามใจนะ พี่จะไม่ใช้สัมผัสล่ะ เลือกคู่ต่อสู้ที่ตัวเองชอบได้เลย” มาตาร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

    “ชั้นขอซัดปากไอ้เกรย์หน่อยเหอะ” คริมซั่นพูดขึ้น

    “อ๊ะ! หนูก็อยากอัดเจ้าเกรย์นั่นนี่นา” โรสแสดงความต้องการของตนเองออกมา

    “ไม่ต้องแย่งกัน ไปสู้กับคนที่อยากสู้ได้เลย เดี๋ยวเหลือใครพี่จัดการให้เอง” มาตาร์เสียสละตัวเองสู้กับคนที่ไม่มีคนอยากสู้แม้จะต้องสู้กับคนหลายคนก็ตาม

    “จะว่าไปพี่มาตาร์ก็โดนเจ้าเกรย์มันดูถูกเต็มๆเลยนี่นา” คริมซั่นพูดขึ้น

    “โอ๊ย! ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่เราเอาชนะพวกนั้นได้ก็ถือว่าได้ลบคำสบประมาทแล้ว” มาตาร์ยังใจเย็นอยู่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกโกรธเลยที่โดนดูถูก

    “เฮ้อ งั้นพวกเราก็ไม่ควรจะใช้อารมณ์สู้เหมือนกัน” คริมซั่นคิดได้ในที่สุด

    “งั้นพี่มาตาร์สู้กับเกรย์ไปละกันนะคะ พวกเราจะไปสู้กับคนอื่นเอง” โรสพูดขึ้นมาพร้อมกับตั้งท่าต่อสู้

    “อืม คนไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ” มาตาร์ยังพูดอย่างใจเย็น

    “เริ่มการแข่งขันได้” ผู้ตัดสินที่ยืนอยู่บริเวณริมเส้นพูดขึ้น

    ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

    ทันใดนั้นคนทั้งสิบก็พุ่งเข้าหากันทันที

    เคร้ง! เคร้ง! ฉัวะ!

    คริมซั่นกระโดดไปสู้กับคนที่ใช้หอกเหมือนกัน ด้ามหอกกระทบกันสองสามครั้งก่อนที่คริมซั่นจะฉวยจังหวะฟันคู่ต่อสู้ได้เต็มๆหนึ่งแผล

    “ฮ่าๆๆ เป็นยังไงล่ะ นี่ล่ะผลของการฝึกฝนล่ะ” คริมซั่นเอ่ยออกมาอย่างดีใจ

    คู่ของคนอื่นๆก็ไม่ได้ดูยากลำบากอะไรนัก พวกโซล่าร์ซิสฯดูแล้วจะสามารถสู้ได้อย่างสบาย เพราะถ้าเทียบกับทีมของเซซิลที่เคยสู้แล้ว คนพวกนี้ยังฝีมืออ่อนกว่ากันเยอะมากทีเดียว

    ส่วนมาตาร์หลังจากที่สัญญาณการประลองเริ่ม เขาก็พุ่งเข้าหาเกรย์ทันที

    ฟุบ!

    เคล็ดเท้าไร้เงาของมาตาร์แผลงฤทธิ์ เขาเข้าประชิดเกรย์ แล้วชายหนุ่มผมเงินก็ใช้เคล็ดความเร่งเสริมเข้ากับทอนฟาเต็มกำลังสะบัดใส่คางของคู่ต่อสู้ทันทีโดยมันไม่ทันแม้จะขยับตัวหลบหลีก

    กร๊อกก! ตุบ!

    ทอนฟาความเร็วเหนือเสียงกวาดคางและฟันล่างของเกรย์หายไปทั้งแถบ

    ปึกกก!!!

    แล้วมาตาร์ใช้มืออีกข้างก็พุ่งส่วนที่ยื่นออกมาจากกำปั้นของทอนฟาใส่ลำคอของเกรย์ทันทีจนลูกกระเดือกยุบลงไป

    “ค่ออกก!!

    เกรย์ส่งเสียงไม่ออกเมื่อทั้งปากและลำคอของเขาถูกทำร้าย

    “ไม่ต้องห่วงนะครับคุณเกรย์ ผมเห็นคุณใจดีกับผม ผมก็จะละเว้นชีวิตของคุณเหมือนกัน” มาตาร์พูดออกมาเรียบๆในขณะที่เกรย์นั้นดิ้นทุรนทุรายเอามือกุมปากและลำคอของตัวเองด้วยความทรมาน

    ปักก! ฟิ้วว!! เผละ!!

    มาตาร์เตะแขนข้างหนึ่งของเกรย์สะบัดออกจากคอ แล้วใช้ทอนฟาฟาดใส่แขนข้างนั้นเต็มแรงจนมันแหลกเละไปทันที

    “ฟืดด!!!” เกรย์ทำท่าเหมือนจะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความทรมาน แต่เพราะลำคอถูกทำลาย จึงมีแต่เสียงหายใจหนักๆและอาการดิ้นทุรนทุรายเท่านั้นเอง

    “อ้า คุณเกรย์อยากจะพูดอะไรรึเปล่าครับ ผมได้ยินไม่ชัด” มาตาร์พูดขึ้นมาน้ำเสียงเรียบๆแล้วมองเกรย์อย่างอ่อนโยน เขาเห็นน้ำตาของคู่ต่อสู้ไหลออกมา คงเพราะด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับตามสัญชาตญาณนั่นแหละ

    “อืม ผมไม่เข้าใจแฮะ แต่เรามาต่อสู้กันให้เต็มที่แบบไม่ต้องเสียใจทีหลังกันดีกว่านะครับ” มาตาร์พูดออกมาด้วยสำเนียงโลกสวยเต็มที่พร้อมยิ้มให้เกรย์อย่างสดใส

    เกรย์เห็นท่าไม่ดี ดูท่าทางเขาคงจะต้องถูกทรมานด้วยฝีมือชายหนุ่มผมเงินคนนี้แน่

    ตุบ! ตุบ! ตุบ!

    ในที่สุดเกรย์ก็กลั้นใจข่มความเจ็บปวดรวบรวมกำลังลุกขึ้น แล้วรีบวิ่งออกนอกเวทีเต็มฝีเท้าทันที แต่ถึงจะวิ่งเร็วแค่ไหน ใช้กำลังมากเพียงใด ก็ไม่เร็วไปกว่าชายหนุ่มผมเงินไปได้

    กร๊อบ!!

    “ฮึกก!!

    มาตาร์พุ่งตามมาประชิดด้านข้างของเกรย์แล้วใช้เท้ายันไปที่หัวเข่าของเกรย์จนมันบิดไปอีกทางจนกระดูกทิ่มออกมา

    “เอ้อ คุณเกรย์ครับ การประลองนี้ไม่มีการออกนอกเวทีนะ เส้นรอบๆนี่เป็นขอบเขตคร่าวๆเฉยๆ” มาตาร์อธิบายกติกาการประลองให้คู่ต่อสู้ฟังด้วยน้ำเสียงสดใส

    “ฮึกกก!!” เกรย์ส่งเสียงหายใจหนักๆมาบ่งบอกว่ากำลังทรมานสุดชีวิต

    “เอ้อ! ถ้าอยากจะยอมแพ้ก็แค่พูดว่ายอมแพ้นะครับ” มาตาร์บอกคู่ต่อสู้อีก และนี่เป็นเหตุผลที่เขาทำลายปากและลำคอของคู่ต่อสู้ก่อน

    “ฮึกก!!” เกรย์ส่งเสียงหายใจมาพร้อมกับชูมือมาที่มาตาร์เหมือนกับจะขอความเมตตา

    ฉัวะ!!! ตุบบ!!

    มาตาร์ใช้เคล็ดความเร่งเต็มกำลังฟาดเข้าไปที่แขนของเกรย์ที่ชูมาหาเขาจนมันขาดกระเด็นไป

    “อ้า คุณเกรย์นี่ใจสู้จังนะครับ บาดเจ็บขนาดนี้ยังพยายามโจมตีผมอีก นับถือจริงๆ” มาตาร์พูดออกมาอย่างยิ้มแย้ม

    ขณะนั้นการต่อสู้ของคนอื่นๆก็จบลงไปแล้ว พวกโซล่าร์ซิสฯทั้งหมดสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

    “อ๊าย! พี่มาตาร์ทำอะไรน่ะคะ” โรสสู้เสร็จแล้วก็หันมาทางมาตาร์ที่ยังสู้อยู่ ...ที่กำลังทรมานคู่ต่อสู้อยู่

    “อ้อ โรสสู้เสร็จแล้วเหรอ เรียกพี่ว่าซิลเวอร์สิ ตอนนี้พี่ไม่ใช่มาตาร์นะ” มาตาร์พูดออกมาอย่างยิ้มแย้ม ดูราวกับว่าบุคลิกเปลี่ยนไปเมื่อใส่หน้ากากแปลงร่างเลยทีเดียว

    “เฮ่ยย!! พี่มาตาร์” คริมซั่นที่สู้เสร็จก็ตกใจเหมือนกันเมื่อหันมามองทางคู่ของมาตาร์

    อาเชอร์กับมาเจนต้าก็เดินเข้ามาหามาตาร์แบบหวาดๆ

    “ไม่ใช่มาตาร์แล้ว ตอนนี้พี่คือซิลเวอร์นะ” มาตาร์ย้ำให้พวกโซล่าร์ซิสฯฟังอีกครั้ง

    “หนูโรส หน้ากากมันมีสรรพคุณประเภทเปลี่ยนบุคลิกคนใส่รึเปล่าเนี่ย” มาเจนต้าหันมากระซิบกับหญิงสาวสีชมพูของกลุ่ม

    “เอ้อ โรสก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่ามันไม่น่าจะมีคุณสมบัติแบบนั้นได้นะ” โรสกระซิบตอบมาเจนต้า

    “เอ้อ ...ซิลเวอร์ ทำไมไม่รีบๆจัดการคู่ต่อสู้ล่ะ” คริมซั่นตามน้ำไปกับมาตาร์

    “ไม่ได้หรอกคริมซั่น ผมบอกคุณเกรย์เอาไว้แต่แรกแล้วว่าจะไว้ชีวิตเค้าน่ะ” ซิลเวอร์ตอบ

    “อย่างนี้แล้วจะแพ้ชนะกันยังไงล่ะคะซิลเวอร์” โรสถามขึ้นมา ดูเหมือนพอเรียกมาตาร์ว่าซิลเวอร์แล้วก็เธอก็รู้สึกอินไปกับบทนี้เหมือนกัน

    “คงต้องรอให้คุณเกรย์เค้าประกาศยอมแพ้เองน่ะ นี่ก็ยังไม่ยอมพูดเลย” ซิลเวอร์ตอบกลับด้วยท่าทางผิดหวัง

    พวกโซล่าร์ซิสแต่ละคนจ้องไปที่หน้าของเกรย์แล้วก็เห็นว่าคางหายไปทั้งยวง แถมคอก็ดูเหมือนจะถูกทำร้ายเสียอีก แบบนี้จะให้พูดออกมาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นแขนทั้งคู่ก็ถูกทำลาย จะยกมือขอยอมแพ้ก็ทำไม่ได้แล้ว มีเพียงสายตาเท่านั้นที่หลุกหลิกไปมาพร้อมกับน้ำตาที่บ่งบอกได้ว่าเกรย์นั้นหวาดหลัวเพียงใดที่มาเจอมาตาร์ เอ้อ...ซิลเวอร์เป็นคู่ต่อสู้

    “ซิลเวอร์ เราให้โอกาสเกรย์ฆ่าตัวตายดีมั้ย” อาเชอร์เสนอขึ้นมา ดูเหมือนวิธีนี้จะทำให้การต่อสู้นี้จบลงได้เร็วที่สุด

    “อื้ม ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่ผิดสัญญาที่ให้กับคุณเกรย์ด้วย เป็นข้อเสนอที่ดีมากครับ” ซิลเวอร์ดูท่าจะเห็นด้วย

    แล้วอาเชอร์ก็มองไปที่อาวุธของแต่ละคนก่อนที่จะเดินไปทางมาเจนต้า

    “ใช้มีดของมาเจนต้าละกันนะ” อาเชอร์พูดขึ้น

    “แต่เกรย์ไม่มีมือจะจับมีดแล้วนะ” โรสพูดขึ้น

    “ก็ใช้น้ำแข็งของโรสช่วยถือไง” อาเชอร์พูดขึ้น

    “โรสใช้ปราณน้ำแข็งตั้งมีดเอาไว้บนพื้นสิ ถ้าคุณเกรย์อยากตายก็ให้เค้าเอาตัวมาวางทับมีดเอง” ซิลเวอร์รู้ดีว่าอาเชอร์จะทำอะไร

    “เข้าใจแล้วค่ะ” โรสตอบรับ

    แล้วเธอก็เอามีดของมาเจนต้ามาตั้งกับพื้น ก่อนที่จะใช้ปราณน้ำแข็งสร้างฐานให้มีดติดกับพื้น

    “คุณเกรย์ ถ้าอยากตายก็เชิญได้เลยนะครับ แล้วคราวหน้าเรามาสู้กันใหม่ให้สนุกไปเลยนะ” ซิลเวอร์พูดพร้อมกับส่งยิ้มที่เขาคิดว่าสดใสที่สุดให้เกรย์ที่ตอนนี้มีแต่น้ำตาเต็มหน้า

    “ฮึกก!!” เกรย์หายใจหนักๆ แล้วก็คลานไปที่มีดที่ปักตั้งอยู่บนพื้นนั้น เลือดที่ออกมาจากแขนขาลากเป็นทางไปตามพื้น

    พวกโซล่าร์ซิสฯแต่ละคนมองร่างของเกรย์ด้วยความรู้สึกอเนจอนาถ จะว่าสมน้ำหน้าก็สมน้ำหน้าอยู่แต่แบบนี้มันก็โหดไปหน่อย ในขณะที่ซิลเวอร์มองอย่างยิ้มแย้ม

    เกรย์คลานมาอยู่เหนือมีดในที่สุด เขาตัดใจหลับตาแล้วพุ่งร่างเข้าใส่มีดนั่นทันที

    ฉึกก!

    มีดปักเข้าไปที่หัวใจของเกรย์ แล้วในที่สุดร่างอันทรุดโทรมของชายผู้เคราะห์ร้ายก็ค่อยๆสลายไปในที่สุด

    “ผู้ชนะทีมหมายเลขสิบ” ผู้ตัดสินประกาศขึ้นเมื่อทีมคู่ต่อสู้ของพวกโซล่าร์ซิสตายหมดแล้ว

     

    พวกโซล่าร์ซิสฯเดินออกมาจากเวทีการประลองโดยมีพวกผู้ประลองทีมอื่นซุบซิบกันไปทั่วถึงพฤติกรรมทรมานคู่ต่อสู้ของซิลเวอร์ จนมีบางคนแอบเรียกเขาว่าไอ้โหดซิลเวอร์

    ส่วนเจ้าตัวเหรอ? ถึงรู้ก็ไม่คิดอะไรมาก มาตาร์ถือว่าตัวตนที่ใส่หน้ากากมันคือซิลเวอร์ ไม่ใช่มาตาร์สักหน่อย

    และหลังจากการประลองทุกคู่จบลงแล้วพิธีกรสาวก็ประกาศห้องพักของแต่ละทีม

    “การประลองรอบจริงจะเริ่มตอนบ่ายโมงนะคะหลังจากที่การประลองทุกประเภทเสร็จสิ้นแล้ว เชิญผู้เข้าประลองทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยค่ะ” พิธีกรสาวประกาศ

    พวกโซล่าร์ซิสฯกลับมาที่ห้องโถงก่อนเพื่อมารับสามสาวและเรย์น่าไปที่ห้องพัก

    “การแข่งเป็นยังไงบ้างคะมาตาร์” คลาร่าถามชายหนุ่ม

    “ก็ลำบากเหมือนกันคลาร่า เพราะคู่ต่อสู้ไม่ยอมแพ้ง่ายๆเลยล่ะ” มาตาร์ตอบยิ้มๆ

    ส่วนโซล่าร์ซิสฯแต่ละคนได้ยินคำตอบของมาตาร์ก็ยิ้มแห้งๆให้กัน

    เนื่องจากการประลองแบบทีมห้าคนใช้เวลาน้อยมาก เวลาที่เหลือก่อนการประลองจริงจึงเหลือเกือบสามชั่วโมง

    “เวลาเหลือเยอะแบบนี้จะทำอะไรดีล่ะ” คริมซั่นเอ่ยขึ้นเมื่อมาอยู่ในห้องพักแล้ว

    “ก็พักผ่อนไง” โรสตอบ

    “ฝึกกันซักหน่อยมั้ย พี่มีอะไรจะสอนเพิ่มด้วยล่ะ” มาตาร์พูดขึ้นมา

    “เหรอคะ สอนเลยค่ะๆ” โรสพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น

    แล้วมาตาร์ก็สอนการใช้สัมผัสร่วมกับสมาธิในพริบตา โดยมาตาร์ใช้ก้อนน้ำแข็งแทนลูกกระสุน แล้วใช้การเคลื่อนไหวอย่างช้าแทน ซึ่งผลลัพธ์ย่อมไม่เท่าเทียมกับการฝึกในแมนชั่นแห่งความตายอยู่แล้ว เมื่อการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างช้าๆ และการหน่วงสมาธิไม่สามารถทำได้นานเพราะใช้วูบเดียวมันก็หมดแล้ว

    มาตาร์ถึงได้รู้ว่าข้อได้เปรียบในการฝึกที่แมนชั่นแห่งความตายนั้นมันมีเยอะกว่าการฝึกเองในเกมมาก มากถึงขนาดเอาไปเทียบกันไม่ได้เลย

    สุดท้ายแล้วการฝึกของพวกโซล่าร์ซิสฯจึงกลายเป็นการขยายขอบเขตสัมผัสกับการเพิ่มพลังสมาธิแทน

    “เหลือเวลาอีกชั่วโมงนึงไปหาอะไรกินแล้วก็กลับมาพักละกันนะ” มาตาร์พูดขึ้นหลังจากที่ดูเวลา

    “อ๊ะ! เที่ยงแล้วเหรอคะเนี่ย” โรสฝึกจนลืมเวลาไปเลย

    กึ้ก! กั้ก!

    เสียงดังกุกกักออกมาจากมุมห้อง

    “อ้าว ลืมยัยงูพิษไปเลยแฮะ” มาตาร์หันไปตามเสียงแล้วก็นึกขึ้นได้ เรย์น่าซึ่งถูกมัดถูกทิ้งเอาไว้ที่มุมห้อง ดูเหมือนเธอจะตื่นแล้ว หญิงสาวผมขาวกำลังดิ้นแต่เพราะเชือกที่มัดเอาไว้อย่างแน่นหนาทำให้เธอหมดหนทางที่จะขยับตัวจริงๆ

    “งั้นเดี๋ยวพวกเราผลัดกันออกไปกินแล้วเฝ้าอยู่ในห้องพักดีมั้ยคะ” โรสเสนอขึ้น

    “งั้นพวกโรสไปกันก่อนก็ได้นะ พี่อยู่เฝ้าห้องกับสามสาวก่อนก็ได้” มาตาร์อาสาเฝ้าห้องให้ก่อน

    ดังนั้นพวกโซล่าร์ซิสฯทั้งสี่คนจึงออกไปหาของกินที่โรงอาหารที่ให้บริการอยู่ในสนามต่อสู้

    ระหว่างทางเดินไปโรงอาหารทั้งสี่คนเห็นว่าผู้คนกำลังมุงดูอะไรกันอยู่จึงเดินไปดู

    “อ๊ะ! ตารางการแข่งขันนี่นา” คริมซั่นพูดขึ้นมา

    “ไหนๆ ไปดูซิว่าเราได้แข่งกับใคร” โรสก็อยากจะดูเหมือนกัน

    ชิงชนะเลิศ

    รองชนะเลิศ

    รองชนะเลิศ

    รอบสี่ทีม

    รอบสี่ทีม

    รอบสี่ทีม

    รอบสี่ทีม

    โซล่าร์ซิสฯเรนเจอร์

    Divas & a Fighter

    ลมทะเลทราย

    Pixar

    Final’s Heroes

    Solid & Liquid

    X - men

    Wild Jungle

     

    “ทีมเราได้แข่งเป็นทีมแรกเลยแฮะ” คริมซั่นพูดขึ้นเมื่อเห็นตารางการแข่ง

    “ทีมอะไรน่ะ ดีว่าส์แอ่นอะไฟเตอร์” โรสอ่านชื่อทีมคู่ต่อสู้

    “เดี๋ยวตอนประลองก็รู้เองแหละ รีบๆกินแล้วรีบๆกลับมาดีกว่า พี่มาตาร์จะได้ไปกินบ้าง” อาเชอร์ตัดบทแล้วก็เดินนำพวกโซล่าร์ซิสฯไปโรงอาหาร

     

    ตารางการแข่งออกมาแระ ดูออกมั่งมั้ยว่าเป็นใครบ้าง
    มัดเชือกแบบ
    Kinbaku ไปหาข้อมูลกันเองนะ อิอิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×