ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #63 : บทที่61: น้ำตาราตรี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.73K
      96
      21 ธ.ค. 54

    บทที่61 น้ำตาราตรี

    แองเจล่าจับมือของเมโลดี้และราตรีเอาไว้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันที่ต้องทำตัวเป็นสะพานถ่ายความรู้สึกสองอย่าง โดยดึงเอาความรู้สึกของราตรีออกมาจากเมโลดี้แล้วเอาไปให้ราตรี แล้วดึงความรู้สึกของเมโลดี้ที่เข้ามาใหม่จากราตรีแล้วเอาไปให้เมโลดี้

    “ทำทีละอย่างแองเจล่า” ราตรีฝืนพูดออกมาเมื่อเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของนางฟ้าผมทอง

    ส่วนผู้คนรอบข้างก็มองด้วยความเป็นห่วง พวกเขาช่วยอะไรไม่ได้เลย เมื่อมันเป็นพลังเฉพาะตัวของนางฟ้าแองเจล่าเท่านั้น ก็ต้องให้แองเจล่าเป็นผู้จัดการอยู่คนเดียว

    แองเจล่าตัดสินใจ ถ่ายความรู้สึกของราตรีจากร่างเมโลดี้ออกมาก่อน แล้วย้ายมาใส่ให้ราตรีทั้งหมด ทำให้ราตรีมีสีหน้าย่ำแย่ยิ่งขึ้นทันทีเมื่อมีความรู้สึกสองสายตีกันในร่าง ส่วนเมโลดี้ดูดีขึ้นมาแล้วเมื่อไม่มีความรู้สึกแปลกปลอมแทรกเข้ามาอีก

    แล้วแองเจล่าก็จัดการรวบรวมความรู้สึกของเมโลดี้ที่กระจายอยู่ทั่วร่างของราตรีออกมา แล้วถ่ายกลับคืนไปให้เมโลดี้ แล้วสีหน้าของราตรีก็เริ่มดีขึ้นมา

    และแล้วภารกิจจริงๆก็เริ่มขึ้น เมื่อส่วนผสมทั้งหมดลงตัว เมโลดี้เริ่มรับผลที่แท้จริงของน้ำตานางฟ้า

    ถ้าการที่ผู้รับภารกิจเผ่ามังกรต้องทนกับความทรมานอันเกิดจากพิษที่ทำร้ายร่างกาย น้ำตานางฟ้าสำหรับผู้รับภารกิจเผ่าเทพนี้ก็เป็นพิษกับจิตใจ ความทุกข์ระทมอันเกิดจากน้ำตานางฟ้าเริ่มโจมตีจิตใจของเมโลดี้ทันที ประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีตของเธอถูกกวนขึ้นมาใหม่

    “ฮือ~อ” เมโลดี้เริ่มร้องไห้ออกมาเบาๆ

    “อ้าว ท่านเมโลดี้เป็นอะไรไป” แองเจล่าสงสัยขึ้นมาเมื่อเห็นเจ้านายของเธอหายทรมาน แต่กลับร้องไห้ออกมาแทน

    ส่วนราตรีนั้นแตกต่างกัน เมื่อเธอไม่ได้เป็นเผ่ามนุษย์แต่เป็นเผ่ามังกรอยู่แล้ว มันคือการดื่มของเหลวชนิดที่สองเข้าไปนั่นเอง นอกจากราตรีจะถูกโจมตีทางจิตใจแล้ว ผลจากเลือดมังกรก็ย้อนกลับมาใหม่อีกครั้งด้วย เธอลงไปดิ้นทุรนทุรายบนที่นอนหนักกว่าเดิม

    “อ๊า!!” ราตรีตะโกนออกมาอย่างทรมาน ขนาดตอนที่เธอรับภารกิจเผ่ามังกรยังดูไม่ร้ายแรงเท่านี้เลย

    “รัต!” มาตาร์เห็นหญิงสาวอาการไม่ดีจึงเข้ามาจับตัวเธอไว้พร้อมกับถ่ายปราณให้เธอทันที

    “คุณมาตาร์จับคุณราตรีกับท่านเมโลดี้ไปคนละเตียงกันก่อน” แองเจล่าเสนอขึ้นมา

    เมโลดี้ดูอาการไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ เพราะเธอแค่นั่งนิ่งๆร้องไห้ออกมาเฉยๆเท่านั้น แต่ดูเธอเหม่อลอยจนไม่มีสติแล้วมากกว่า ส่วนราตรีก็ดิ้นจนที่นอนยับยู่ไปหมดแล้ว

    ดังนั้นมาตาร์จึงอุ้มราตรีที่ดิ้นไม่หยุดไปอีกเตียงทันที จะได้มีพื้นที่ให้ดิ้นเยอะขึ้นหน่อย

    “มาตาร์ นายมันใจร้าย!” ระหว่างที่มาตาร์อุ้มราตรีไป ราตรีเหมือนไม่มีสติมือของเธอบีบแขนมาตาร์เอาไว้แน่นเหมือนทรมานมาก แล้วยังเพ้อออกมาด้วย

    และทั้งๆที่มาตาร์ถ่ายปราณลมให้ไม่หยุด แต่ดูเหมือนจะช่วยลดอาการทรมานของราตรีไม่ได้เลย ต่างกับตอนรับภารกิจเผ่ามังกรอย่างสิ้นเชิง ที่ครั้งนั้นมาตาร์ถ่ายปราณให้ไปเธอก็หายทรมาน

    “อ๊ายย!!” ราตรียังตะโกนออกมาอย่างทรมาน พร้อมกับดิ้นไม่หยุด

    “รัต! เป็นยังไงบ้าง” มาตาร์ถามออกมาด้วยความเป็นห่วง โดยที่ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้เลย

    “นายกำลังจะทิ้งพวกชั้นไปอีกแล้วใช่มั้ย!!” ราตรีตะโกนออกมา พร้อมกับดิ้นไปมา มือก็จับแขนมาตาร์เอาไว้ไม่ยอมปล่อย เธอบีบมือแน่นมากจนมาตาร์รู้สึกเจ็บ

    “ชั้นอยู่นี่รัต ชั้นไม่ได้ทิ้งเธอไปไหน” มาตาร์ตอบกลับราตรีเพราะคิดว่ามันจะช่วยให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้

    “ไม่จริง! นายแปลกไป ตั้งแต่คุณมัลโก้มาแล้ว!” ราตรีตอบกลับมาอีกครั้ง เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอพูดออกมา

    “...ชั้นไม่ไปไหนทั้งนั้นรัต” มาตาร์ตอบกลับราตรีพร้อมกับจับมือเธอเอาไว้

    “นายไม่เคยพึ่งพาพวกเราเลย! แต่ครั้งนี้นายกลับมาขอร้องเรื่องที่ปกตินายจะไม่ขอ!” ราตรีโพล่งขึ้นมาอีก

    “...รัต! เธอเป็นอะไร” มาตาร์ตอบกลับหญิงสาวที่ดูตาลอยแล้ว

    “ถ้าเป็นปกติ นายจะไม่ขอร้องให้เราฝึกน้องๆของนายให้แน่ๆ นายพึ่งพาพวกเรามากเกินไป” ราตรีพูดออกมา “ชั้นดีใจมาก ที่นายเริ่มพึ่งพาพวกเราแล้ว ...แต่มันแปลกๆ” เธอยังเพ้อออกมาไม่หยุด “เหมือนนายจะทำให้พวกเราดีใจ แล้วสุดท้ายนายก็จะทิ้งพวกเราไป ...ใช่มั้ย!!” สุดท้ายแล้วราตรีตะโกนออกมาพร้อมกับดิ้นทุรนทุรายไปด้วย

    “...เธอคิดมากเกินไปแล้วรัต ชั้นไม่ไปไหนหรอกน่า” มาตาร์ตอบคำของหญิงสาวในขณะที่มือของเขาก็ยังจับมือของเธอเอาไว้แล้วถ่ายปราณให้ไม่หยุด

    แล้วราตรีก็ยังเพ้ออะไรออกมาไม่ได้หยุดเหมือนคนบ้า ช้าบ้าง เร็วบ้าง เดี๋ยวตะโกน เดี๋ยวพูดเบาๆ

    ส่วนอีกด้านหนึ่งเมโลดี้ซึ่งกำลังนั่งนิ่งๆแล้วร้องไห้ มีมัลโก้คอยดูอยู่ใกล้ๆ และนางฟ้าแองเจล่าคอยจับมือเธอแล้วถ่ายความรู้สึกให้เธอเอาไว้ด้วย

    ที่แองเจล่าคอยถ่ายทอดความรู้สึกให้เมโลดี้นั้นเพราะคิดว่ามันจะช่วยเธอได้ เนื่องจากคำพูดของชายชุดขาวจากอาคารภารกิจเผ่าเทพที่พูดเอาไว้ มีนางฟ้าเป็นของตัวเองแล้วสำเร็จง่ายกว่าของที่ได้จากอาคารภารกิจ มีอย่างเดียวที่เธอพอจะทำได้ คือควบคุมความรู้สึกและอารมณ์ให้เมโลดี้ เพราะต้นเหตุของอารมณ์โศกนั้นมันมาจากน้ำตาของแองเจล่าเอง

    “แองจี้จ๊ะ ขอบใจมาก” เมโลดี้เอ่ยออกมาในที่สุด ดูเหมือนเธอจะได้สติแล้ว

    “ท่านเมโลดี้เป็นอย่างไรบ้าง” นางฟ้าผมทองถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเจ้านายของเธอเลิกร้องไห้แล้ว

    “ไม่เป็นไรแล้วจ้ะ เพราะเธอคอยช่วย ถึงได้เร็วแบบนี้” แต่ถึงแม้เมโลดี้จะเลิกร้องแล้ว แต่อารมณ์ของเธอก็ยังค้างอยู่ดี หน้าของเธอไม่มีรอยยิ้มออกมาเลย มีแต่คราบน้ำตา

    “คุณเมโลดี้พักผ่อนก่อนดีมั้ยครับ” มัลโก้ทักขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าตาของหญิงสาวดูอิดโรย

    “เมลไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะคุณมัลโก้ ขอบคุณที่เป็นห่วง” เมโลดี้ตอบกลับชายหนุ่มผมขาวอย่างสุภาพ สีหน้าของเธอยังคงฉายแววเศร้าออกมา

    จริงๆแล้วผลของน้ำตานางฟ้าไม่มีอะไรนอกจากจะทำให้ผู้ดื่มมันเข้าไปรู้สึกเศร้าใจเท่านั้นเอง ผู้ที่รับภารกิจเผ่าเทพเข้าไปทั้งหมดก็ผ่านมันมาได้ทุกคน เพราะมันไม่ทำให้ผู้เล่นตาย เนื่องจากของทำภารกิจก็ได้รับมายากอยู่แล้วจากของทำภารกิจทั้งสามเผ่า ความแตกต่างของแต่ละคนขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่น้ำตานางฟ้าแสดงผล คนที่จิตใจเข้มแข็งก็จะผ่านมันไปได้อย่างรวดเร็ว คนที่จิตใจอ่อนแอก็จะใช้เวลานานหน่อย แต่ถึงแม้ผู้ที่ผ่านภารกิจนี้จะมีเต็มร้อย แต่ความเศร้าจากผลกระทบนี้ทำให้ผู้เล่นเผ่าเทพบางคนถึงกับเลิกเล่นเกมไปเลย

    “อ๊า!!” เสียงร้องของราตรียังคงดังอยู่ ความสนใจของทุกคนจึงพุ่งตรงไปที่หญิงสาวผมสั้นแทน

    “แองจี้ช่วยรัตหน่อยสิจ๊ะ” เมโลดี้สั่งนางฟ้าของเธอ

    หญิงสาวนัยน์ตามรกตรู้แล้วว่าทำไมมีนางฟ้าเป็นของตัวเองแล้วถึงสำเร็จภารกิจง่ายกว่าเดิม แองเจล่าสามารถคุมความรู้สึกที่เกิดจากน้ำตานางฟ้าของเธอได้ เนื่องจากมันเป็นความรู้สึกของเธอเอง แต่มันช่วยไม่ได้กับความรู้สึกของตัวเมโลดี้เองที่เกิดขึ้นมาแล้ว น้ำตานางฟ้ามีหน้าที่ตีฟุ้งความเศร้าที่ถูกเก็บเอาไว้ในใจ ยิ่งแองเจล่าเข้ามาช่วยเร็วเท่าไหร่ ผลกระทบก็จะลดน้อยลงเท่านั้น แต่ความเศร้าที่ฟุ้งขึ้นมาแล้ว มันเป็นความเศร้าของเจ้าของเอง ดังนั้นเมโลดี้จึงเหลือความรู้สึกเศร้าที่ยังตกค้างอย่างช่วยไม่ได้

    “คุณราตรีเรามาช่วยแล้ว” นางฟ้าแองเจล่าพูดพร้อมกับจับตัวราตรีที่ดิ้นทุรนทุรายเอาไว้

    ผึง!

    “อะไรเนี่ย ทำไมไม่เหมือนของท่านเมโลดี้เลยล่ะ” แองเจล่าแปลกใจที่เธอถูกดีดออกมา แถมดูแล้วราตรีไม่ได้มีแต่ความรู้สึกทางจิตใจ มันมีความเจ็บปวดจากร่างกายด้วย

    “รัตเป็นเผ่ามังกร คิดว่าการกินน้ำตานางฟ้าเข้าไปคงส่งผลแตกต่างจากของเมโลดี้มั้ง” มาตาร์ให้ข้อมูลพร้อมสันนิษฐานให้แองเจล่าฟัง

    “อืม คงเป็นเช่นนั้นกระมัง” แองเจล่าพยักหน้ารับ แล้วก็ลองเข้าไปจับตัวราตรีอีกครั้ง

    คราวนี้แองเจล่าพยายามเพิ่มความรู้สึกที่มีต่อราตรีเข้าไปอีก

    “ไม่ได้ มันมีพลังอีกสายหนึ่งเข้ามาขวางเอาไว้” แองเจล่าเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนรน

    “แล้วยังไงดีล่ะเนี่ย ปราณที่ส่งให้ไปก็เหมือนจะไม่มีผลอะไรเลย” มาตาร์ก็บ่นออกมาเหมือนกัน

    ไม่ว่าแองเจล่าหรือมาตาร์จะพยายามอย่างไร ก็ดูเหมือนจะช่วยอะไรราตรีไม่ได้เลย เธอยังคงดิ้นอย่างทุรนทุรายและกรีดร้องออกมาไม่หยุดปนกับคำเพ้อที่ดูเหมือนจะมีแต่เรื่องเกี่ยวกับมาตาร์ล้วนๆ

    “คุณมาตาร์ไปทำอะไรคุณราตรีเอาไว้เนี่ย ทำไมคุณราตรีถึงพูดแต่เรื่องคุณมาตาร์ล่ะ” แองเจล่าพูดออกมาอย่างไม่คิดอะไร ส่วนมาตาร์ก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน

    “รัต อดทนไว้ ชั้นอยู่กับแกนะ” เมโลดี้ที่เห็นอาการเพื่อนสาวหนักขึ้นทุกทีเดินมาที่เตียงราตรีแล้วจับตัวเธอเอาไว้อีกคน

    มันคืออาการต่อต้านกันของของเหลวสองชนิดนั่นเอง ขณะที่น้ำตานางฟ้าพยายามจะแทรกซึมเข้าไป แต่พลังมังกรกลับผลักดันมันออกมา เกิดเป็นอาการกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ค้างๆคาๆ เจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นผลลัพธ์ของคนที่คิดจะรับเผ่าที่สองนั่นเอง ถึงแม้ราตรีจะไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้นก็ตาม แต่พฤติกรรมของเธอก็เหมือนคนที่คิดจะรับเผ่าที่สอง

    “จิตของคุณราตรีอ่อนแรงลงทุกทีแล้ว” แองเจล่ารายงานหลังจากที่เธอพยายามจะดึงจิตของราตรีเอาไว้

    “ทำยังไงดีล่ะ แองจี้มีวิธีเอาน้ำตานางฟ้าออกมามั้ยจ๊ะ” เมโลดี้ถามนางฟ้าของเธอ เพราะเธอรู้ว่าแองเจล่าสามารถควบคุมความรู้สึกที่มาจากน้ำตาของเธอได้ บางทีถ้าเอามันออกมาราตรีอาจจะกลับเป็นปกติ

    “เราทำไม่ได้ น้ำตาของเราปะปนเข้าไปกับร่างกายของคุณราตรีหมดแล้ว คุณราตรีเหมือนรวมร่างเข้ากับน้ำตานางฟ้าเรียบร้อยแล้ว” แองเจล่าบอก

    “อื้อ!! มาตาร์ อย่าไปไหนนะ!” ราตรียังเพ้อออกมาอีก

    “ชั้นอยู่นี่” ชายหนุ่มยังจับมือของเธอเอาไว้พร้อมกับถ่ายปราณให้เรื่อยๆ

    “อ๊ะ! เมื่อครู่นี้จิตของคุณราตรีแข็งแรงขึ้นมาแวบหนึ่ง” แองเจล่าจับกระแสจิตของราตรีที่เข้มแข็งขึ้นมาได้ในขณะที่มาตาร์พูดให้กำลังใจเธอ

    “แล้วมันมีผลยังไงเหรอจ๊ะ” เมโลดี้ถามขึ้นมา ในสถานการณ์แบบนี้จิตแข็งแรงหรืออ่อนแอมันแตกต่างกันอย่างไร

    “ก็ถ้าจิตของคุณราตรีแข็งแรงขึ้นมา เราก็แยกเฉพาะจิตของคุณราตรีกับจิตจากน้ำตาของเราออกมาได้ แล้วก็อาจจะนำมันออกมาได้กระมัง” แองเจล่าพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ เพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่เธอพูดออกมามันจะทำได้จริงๆหรือไม่

    “พี่มาตาร์! ...กอดรัตหน่อยสิคะ” เมโลดี้พูดสิ่งที่มาตาร์ก็ไม่คาดคิดออกมา

    “หา?” ชายหนุ่มอุทานออกมาด้วยความตกใจ

    “พี่มาตาร์คะ รัตเค้าทรมานอยู่นะ พี่มาตาร์ช่วยรัตหน่อยสิคะ” เมโลดี้พูดออกมาอย่างร้อนรน

    “เอ้อ ...พี่กอดรัตแล้วมันจะช่วยอะไรได้ล่ะ” มาตาร์ยังคงลังเลอยู่ ทำไมวิธีช่วยมันถึงแปลกแบบนั้น

    “ก็รัตเค้ามีปฏิกิริยากับเสียงพี่มาตาร์นี่ ถ้ารัตมีปฏิกิริยากับเสียงหนูบ้างหนูก็คงกอดรัตไปแล้วล่ะ” เมโลดี้พูดออกมาอย่างเป็นเหตุเป็นผลโดยไม่พูดออกมาตรงๆว่าผู้หญิงที่กำลังทรมานอยู่ตรงหน้านี้มีความรู้สึกพิเศษๆให้ชายหนุ่มอยู่นะ ถึงต้องใช้วิธีแบบนั้น

    “คุณมาตาร์อย่ามัวแต่ลังเล ยิ่งนานก็จะยิ่งแก้ไขยากนะ” แองเจล่าเร่งเร้าชายหนุ่ม

    มือของราตรียังคงบีบที่แขนของมาตาร์แน่นโดยไม่คิดจะปล่อยให้เขาไปไหนได้ ตัวของเธอยังคงดิ้นทุรนทุราย แล้วมาตาร์ก็ตัดสินใจ ก้มลงไปกอดหญิงสาวที่นอนดิ้นอยู่บนเตียงนั้นอย่างแผ่วเบา

    เมโลดี้มองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกอึดอัดขึ้นทันที ถึงแม้เธอจะเป็นคนบอกให้ชายหนุ่มทำเองก็ตาม แต่พอเห็นท่าทางของชายหนุ่มที่ทะนุถนอมเพื่อนของเธอแล้วก็อดใจเสียและอิจฉาเล็กๆไม่ได้ ทำไมไม่เป็นเราบ้างนะ

    “ไม่ได้ผลเลย จิตของคุณราตรียังไม่มีปฏิกิริยาเลย” แองเจล่ารายงานหลังจากที่พยายามส่งพลังเข้าไปในร่างของราตรี

    “พี่มาตาร์พูดอะไรให้รัตได้ยินหน่อยสิคะ รัตเค้าไม่มีสติรับรู้หรอกนะว่าคนที่กอดเธออยู่คือพี่มาตาร์น่ะ”

    เมโลดี้พูดออกมาอย่างร้อนรน ร้อนรนที่เพื่อนของเธอกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตและร้อนรนที่เธอต้องเป็นคนสนับสนุนให้ชายหนุ่มได้ลงเอยกับเพื่อนสาวของเธอเองด้วย ทั้งๆที่ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาก็ดูเหมือนจะก้าวหน้าขึ้นมาแล้วในป่าฝูงนก แต่อย่างนี้มันเหมือนกับเธอเป็นคนที่บอกให้เขาไปกับเพื่อนเธอเลย

    แล้วมาตาร์ก็กระซิบอะไรบางอย่างที่หูของราตรี ซึ่งมีเพียงหญิงสาวที่ถูกกระซิบเท่านั้นที่รับรู้ได้

    “มาแล้ว! จิตของคุณราตรีปรากฏแล้ว” แองเจล่าพูดออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมๆกับส่งพลังชักนำพลังของเธอให้ออกมาจากร่างของราตรี

    “ฮึก ฮือ~!” ราตรีร้องไห้ออกมาพร้อมกับกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น “นายพูดจริงๆใช่มั้ย” เป็นเสียงของราตรีที่พูดออกมาอย่างไม่มีสติ

    ตั้งแต่ที่ราตรีดื่มน้ำตานางฟ้าเข้าไปเธอไม่ได้ร้องไห้ออกมาเลย ทั้งๆที่มีท่าทางทรมานหรือกรีดร้องออกมาขนาดนั้น เพราะพลังมังกรในร่างคอยต่อต้านอยู่ตลอดนั่นเอง แตกต่างจากที่เมโลดี้ร้องไห้ออกมาตั้งแต่แรก

    หยาดน้ำตาสีชมพูใสๆร่วงออกมาจากดวงตาของราตรีไม่ขาดสาย

    “อะไรน่ะ ทำไมน้ำตาของราตรีถึงมีสีชมพูล่ะ” เมโลดี้มองด้วยความแปลกใจ

    “มันคือเลือดและน้ำตาของเราไงท่านเมโลดี้ เราใช้พลังนำมันออกมาจากร่างคุณราตรี” นางฟ้าแองเจล่าเฉลยพร้อมทั้งดึงพลังออกมาจากร่างของราตรีไม่หยุด

    เมื่อมาตาร์เห็นว่าราตรีดูทรมานน้อยลงแล้ว เขาจึงยกตัวขึ้นมา

    “อย่าไปนะ!” ราตรีเพ้อออกมาอย่างไม่มีสติพร้อมกับกอดมาตาร์เอาไว้แน่น

    “รัต ชั้นไม่ได้ไปไหน” มาตาร์ตอบกลับหญิงสาวกอดเขาอยู่ พร้อมกับกอดเธอให้กระชับเข้ามาอีกครั้ง จนแขนของหญิงสาวคลายลง เขาจึงเงยตัวขึ้นมาได้ แต่ก็ยังคงจับมือราตรีเอาไว้แล้วถ่ายปราณให้ต่อไป

    โห! คุณมาตาร์เก่งจัง ดูยังไงก็เสือผู้หญิงชัดๆ แองเจล่าคิดขึ้นมาหลังจากเห็นวิธีปฏิบัติต่อราตรีของชายหนุ่ม

    “คงปลอดภัยแล้วใช่มั้ยแองจี้” มาตาร์หันมาถามนางฟ้าผมทองที่ยังคงดึงน้ำตานางฟ้าออกมาจากร่างของราตรีไม่หยุด

    “ถ้าเอาน้ำตาสีชมพูนี่ออกมาหมดก็คงจะหายห่วงได้” นางฟ้าผมทองรายงาน

    “งั้นคงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะมั้ง” มาตาร์พูดขึ้นพร้อมกับละมือออกจากราตรี

    “เอ๋? พี่มาตาร์จะไปไหนล่ะคะ” เมโลดี้ร้องทักขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่มเหมือนจะออกไปจากห้องนี้แล้ว

    “เมลก็ไปด้วยกันสิ พี่จะไปทำภารกิจเสริมจิตไง” มาตาร์บอกเมโลดี้ถึงเป้าหมายของเขา

    “แต่ว่า รัตเค้า...” เมโลดี้ยังเป็นห่วงเพื่อนสาวของเธออยู่

    “ตอนนี้รัตเค้าก็หลับไปแล้ว แองจี้ก็อยู่นี่ เดี๋ยวพี่ให้สาวๆอยู่เป็นเพื่อนด้วยก็ได้ ถ้าเกิดเราทำภารกิจเสร็จเร็ว เราก็กลับมาดูอาการของรัตต่อก็ได้ เพราะเราอยู่ที่นี่หรือไปทำภารกิจก็เสียเวลาไปเหมือนกันนั่นแหละ สู้เราไปทำสิ่งที่เราทำได้ก่อนดีกว่านะ” มาตาร์ยกเหตุผลมาอ้าง แต่จริงๆแล้วดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยอยากจะเผชิญหน้ากับราตรีตอนที่เธอได้สติมากกว่า

    “อืม ...ก็ได้คะ” เมโลดี้ตอบคำ “คุณมัลโก้คะ ฝากดูแลรัตหน่อยนะคะ เดี๋ยวเมลกลับมาค่ะ”

    “ได้ครับ” มัลโก้รับคำ

    แล้วมาตาร์กับเมโลดี้ก็เดินกลับไปที่ถนนทางเลือกอีกครั้ง

    ระหว่างทางทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก แต่สิ่งที่เมโลดี้อยากจะรู้เหลือเกินคือชายหนุ่มกระซิบอะไรให้เพื่อนสาวของเธอฟังตอนนั้น ถึงกับทำให้เพื่อนสาวของเธอเข้มแข็งขึ้นมาได้ขนาดนั้น ...ซึ่งเธอก็พอจะคาดเดาได้ จึงไม่กล้าจะถามออกไป เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะตอบออกมาจริงๆนั่นเอง

     

    และแล้วทั้งคู่ก็เดินมาถึงอาคารภารกิจเสริมพลังจิต

    “เงินหมื่นโกลด์กับทักษะอาวุธระดับสามนะจ๊ะ” หญิงชราประจำอาคารภารกิจกล่าว

    “นี่ครับ/นี่ค่ะ” มาตาร์และเมโลดี้ยื่นเงินให้หญิงชราคนละหมื่นโกลด์

    หญิงชรารับเงินของมาตาร์เอาไว้ แต่กลับไม่รับเงินของเมโลดี้

    “อ้าว ทำไมไม่รับเงินของหนูล่ะคะ” เมโลดี้ถามออกมาด้วยความสงสัย

    “ระดับอาวุธของหนูยังไม่ถึงสามนี่จ๊ะ” หญิงชรากล่าว

    เมโลดี้เกิดความสงสัยขึ้นมาทันที ตั้งแต่เธอสำเร็จภารกิจเผ่าเทพเธอยังไม่ได้เปิดดูสถานะดูเลยว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่

    “เอ๋!?” เมโลดี้ก็อุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเธอเปิดดูสถานะของตัวเอง

    “มีอะไรเหรอเมล” มาตาร์ถามออกมาด้วยความสงสัย

    “ทักษะทั้งหมด ...หายไปหมดเลยค่ะ” เมโลดี้พูดออกมาด้วยความแปลกใจ

    “หนูเพิ่งจะทำภารกิจเผ่าสำเร็จใช่มั้ยล่ะจ๊ะ” หญิงชรากล่าวออกมาเหมือนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    “ใช้ค่ะ” เมโลดี้ตอบหญิงชรากลับไป

    “หลังจากที่ผ่านภารกิจเผ่าแล้ว ทักษะที่ยังคงอยู่จะมีแค่เสริมปราณ เสริมเวท และเสริมจิตเท่านั้นจ้ะ เพราะมันคือการเกิดในร่างใหม่ ส่วนทักษะเสริมปราณ เสริมเวท และเสริมจิตยังคงอยู่นั้นเพราะมันเป็นสิ่งที่หายไปไม่ได้อยู่แล้วสำหรับผู้ที่ทำเป็นแล้ว” หญิงชราเฉลยสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมโลดี้

    จริงๆตอนที่ราตรีผ่านภารกิจเผ่ามังกรก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเหมือนกัน แต่เนื่องจากราตรีไม่ได้มีทักษะอะไรก่อนเปลี่ยนเผ่าอยู่แล้วจึงไม่รู้ตัวว่าต้องสูญเสียทักษะไปหลังจากผ่านภารกิจประจำเผ่า

    “อ้าว ...อย่างนี้หนูก็ต้องเสียเวลาเก็บทักษะอาวุธใหม่สิคะเนี่ย” เมโลดี้พูดออกมาอย่างเสียดาย ทักษะอาวุธระดับสามไม่ใช่จะเก็บกันง่ายๆ ยิ่งเมโลดี้ใช้อาวุธที่ไม่ได้โจมตีต่อเนื่องอย่างธนูด้วยแล้วยิ่งเสียเวลานานเข้าไปใหญ่

    “เสียใจด้วยนะจ๊ะ” หญิงชรากล่าว

    “งั้นเมลกลับไปดูแลรัตเถอะนะ เดี๋ยวพี่ผ่านภารกิจแล้วจะตามไป” มาตาร์กล่าวกับเมโลดี้

    “ไม่อยากจะขัดหรอกนะพ่อหนุ่ม แต่ภารกิจเสริมจิตถือเป็นภารกิจที่เสียเวลานานมากเลยนะ” หญิงชรากล่าว

    “นานเหรอครับ ขนาดไหนครับ?” มาตาร์ถามขึ้นมา

    “พ่อหนุ่มกินข้าวแล้วก็พักผ่อนมาแล้วรึเปล่าจ๊ะ” หญิงชราถาม

    “เปล่าครับ ผมต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนด้วยเหรอครับ” มาตาร์ตอบอย่างงงๆ แล้วมันจะเกี่ยวกับระยะเวลาที่ใช้ในการผ่านภารกิจตรงไหน

    “ดีแล้วล่ะจ้ะ ถ้าร่างกายสมบูรณ์พร้อมมันจะยิ่งเสียเวลา ยิ่งมาตอนเหนื่อยๆก็จะสำเร็จได้เร็วขึ้น ...ถ้าไม่ตายซะก่อนนะจ๊ะ โฮะๆๆ” หญิงชราตอบกลับอย่างอารมณ์ดี

    “หา? ถึงตายอีกแล้วเหรอครับ” มาตาร์ยังคงไม่เข้าใจกับภารกิจของเกมนี้จริงๆ มีแต่ภารกิจเสี่ยงตายหรือไงเนี่ย

    “ก็ไม่ทุกคนหรอกจ้ะ ถ้าพ่อหนุ่มไม่ได้พักผ่อนหรือกินอะไรมา ก็คงใช้เวลาไม่เกินสามวันมั้งจ๊ะ ...แบบช้าที่สุดที่ยังไม่ตายนะ” หญิงชราตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งๆที่พูดว่าชายหนุ่มอาจจะตายได้ในการทำภารกิจ

    “เอ้อ ...งั้นถ้าพี่หายไปหลายวัน ฝากดูแลพวกสาวๆด้วยนะเมล” มาตาร์หันไปพูดฝากฝังสาวๆกับเมโลดี้แทน

    เมโลดี้ไม่ห้ามชายหนุ่มเพราะเห็นว่ามันคือภารกิจของระบบที่ยังไงเขาก็ต้องทำให้ได้อยู่แล้วไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม เพียงแต่มองกลับอย่างเป็นห่วงเท่านั้น

    “ขอให้ปลอดภัยกลับมานะคะพี่มาตาร์” เมโลดี้กล่าวลาชายหนุ่มที่เดินเข้าไปหลังอาคาร

     

    หลังจากนั้นเมโลดี้จึงเดินกลับมาที่โรงแรมอีกครั้งเพื่อมาดูเพื่อนสาวของเธอ

    “ท่านเมโลดี้ เกิดเรื่องประหลาดขึ้นค่ะ” นางฟ้าผมทองรายงานให้เมโลดี้ทราบทันทีที่เธอเปิดประตูเข้ามาในห้อง

    “เกิดอะไรขึ้นจ๊ะแองจี้” เมโลดี้ถามออกมาด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าเพื่อนสาวของเธอจะเป็นอะไรไป

    แต่แล้วเธอก็ต้องรู้สึกแปลกใจขึ้นมาเหมือนกัน เพราะตรงหน้าของราตรีที่นอนหลับอยู่ มีแสงเจิดจ้าออกมา

    “แสงอะไรน่ะแองจี้” เมโลดี้ถามขึ้นมา

    “ไม่ทราบค่ะท่านเมโลดี้ แต่มันออกมาจากร่างของคุณราตรี” แองเจล่ารายงานเจ้านายของเธออย่างตื่นเต้น

     

    ฮิฮิฮิ ไม่ใช่เผ่าลับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×