ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #40 : บทที่39: บทสนทนาบนโต๊ะอาหาร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.12K
      106
      20 ธ.ค. 54

    บทที่39 บทสนทนาบนโต๊ะอาหาร

    สิ่งที่มาตาร์เหนือกว่าบรันโด้คือ ค่าสถานะ ประสบการณ์การต่อสู้ และท่าไม้ตายพลังสูงที่สยบได้ในครั้งเดียวอย่างระเบิดวายุ ส่วนสิ่งที่บรันโด้เหนือกว่ามาตาร์ก็คือ ระดับที่สูงกว่ามาก ความอึดที่ไม่มีวันหมด ความแรงของหมัด ความเร็วของเท้า

    ซึ่งทั้งความเร็วและแรงนี้มาตาร์ชดเชยได้ด้วยการเสริมปราณ แต่นั่นคือช่วงเวลาก่อนการต่อสู้กับบาซาร่าเอมิเลีย เพราะปราณของบรันโด้ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ปริมาณปราณยังน้อยอยู่ เทียบกับของมาตาร์ไม่ได้เลย แต่ถ้าเสริมปราณให้ถูกจังหวะ ก็อาจจะมีโอกาสชนะได้

    ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

    บรันโด้วิ่งไปรอบๆมาตาร์ด้วยความเร็วสูง เขาได้ประสบการณ์จากการประลองแล้ว เขารู้ว่าจุดเด่นของเขาคืออะไร ดังนั้นเขาจึงวิ่งวนเพื่อก่อกวน และหาโอกาสจะเข้าไปโจมตี

    ส่วนมาตาร์แผ่ลมรับรู้ออกมา รัศมียังอยู่ที่ประมาณห้าสิบเซนติเมตรเท่านั้น ด้วยความเร็วระดับบรันโด้ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากขนาดไหน ถ้าเกิดบรันโด้เข้าประชิดมาจากทางด้านหลังก็แทบจะหลบไม่ทันแล้ว

    ฟิ้ว!! วูบ!!

    ทันใดนั้น บรันโด้พุ่งเข้ามาในรัศมีลมรับรู้ของมาตาร์จากทางด้านหลัง พลังสมาธิของมาตาร์ก็ทำงานทันที เวลาเหมือนหยุดนิ่ง ทุกอย่างกลายเป็นภาพช้า

    ด้านหลังซ้าย มาตาร์รับรู้ได้ เขาเอี้ยวตัวไปทางขวา พร้อมกับตั้งท่าเหวี่ยงหมัดขวาสวนกลับด้วยเคล็ดหมัดความเร่งบวกเคล็ดลมหมุนวนไปที่แขนของบรันโด้ ต้องทำลายแขนก่อน ต่อยตัวคงไม่ทัน

    หมัดของบรันโด้เข้ามาใกล้ร่างมาตาร์ แต่มาตาร์ไม่หลบเพราะเขาจะใช้หมัดของเขาทำลายหมัดนี้ก่อนมันจะเข้าถึงตัว

    หมัดของมาตาร์ยังเร็วกว่าเมื่อเสริมด้วยปราณเต็มพิกัด หมัดของมาตาร์เข้าใกล้แขนของบรันโด้มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าโดนเข้าไป แขนของบรันโด้กระจุยแน่นอน

    แต่ว่าในช่วงเวลาพริบตานั้น หมัดของบรันโด้กลับเร็วขึ้นอีก มาตาร์เห็นถึงความผิดปกติทันที เสริมปราณเพิ่มความเร็ว!!’ และแล้วพลังสมาธิของมาตาร์ก็หมดลง เวลาเดินเป็นปกติอีกครั้ง

    ตู้มม!!!

    จังหวะสุดท้าย หมัดของบรันโด้เข้าถึงก่อน ความเร็วและแรงนั้นทะลวงร่างของมาตาร์จนตัวของเขาขาดกระจุยเป็นชิ้นๆ ก่อนที่จะสลายไป และการต่อสู้ก็จบลงเพียงพริบตา

    บรันโด้มีสีหน้าเศร้าหมอง เขาเก็บของรางวัลเข้ากระเป๋า แล้วเดินไปทางท่าเรือทันที

    “ไปกันเถอะแวมพ์” ชายหนุ่มผมดำพูดกับแวมไพร์สาวของเขาที่ออกมายืนชมการต่อสู้ด้วยเสียงเศร้าสร้อย

    “ค่ะนายท่าน” แวมไพร์สาวตอบรับแล้วเดินตามชายหนุ่มไป

    แล้วบรันโด้ก็ออกจากเกาะเริ่มต้นไปทั้งอย่างนั้น เพื่อนที่เขาเพิ่งรู้จักก่อนการประลองและรู้สึกถูกชะตา แต่เขากลับต้องมาฆ่าเพื่อนคนนั้น การออกเดินทางนี่แหละที่จะช่วยให้เขาคลายความทุกข์ใจไปได้ ถ้าเจอมาตาร์อีกตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร บางทีถ้าเจอกันหลังจากผ่านเวลาไปสักพักคงจะดีกว่า คงไม่ใช่เร็วๆนี้แน่นอน

    ส่วนมาตาร์ ก็กลับมาในห้องสีขาวที่คุ้นเคยอีกครั้ง

    “มันดีแล้วรึเปล่านะที่ทำแบบนี้น่ะ” มาตาร์ก็โพล่งขึ้นมาขณะนอนอยู่บนโซฟา

    “คุณมาตาร์เสียใจที่ทำอย่างนี้เหรอครับ” เสียงนุ่มๆของพ่อบ้านแสนสะดวกถามกลับ

    “ไม่หรอก กับสิ่งที่ทำไปแล้ว ถ้าเสียใจก็ขาดทุนแย่สิ” มาตาร์เข้าใจดี ว่ามันแก้ไขอะไรไม่ได้กับเรื่องที่ทำไปแล้ว ดังนั้นทางเลือกที่เหมาะสมคือ พอใจกับผลลัพธ์ของการกระทำเท่านั้น

    พ่อบ้านยังคงง่วนอยู่กับการชงเครื่องดื่มสูตรใหม่ที่เขาคิดขึ้น โดยมีสามสาวน้อยคอยนั่งดูอยู่ใกล้ๆด้วยความสนใจ

    “มาตาร์บ้า บรันโด้อุตส์ยกโมโนไบค์ให้แล้วเชียว โมเรน่าเลยอดซ้อนท้ายมาตาร์เลย” แม่แมวน้อยบ่นออกมาอย่างเสียดาย เธอนึกถึงภาพที่เธอเกาะเอวชายหนุ่มแล้วซ้อนโมโนไบค์วิ่งไปตามถนนริมชายหาดอันโรแมนติก ซึ่งมันไม่มีทางเกิดขึ้นได้แล้ว

    “สก๊อย” บราวนี่พูดออกมาคำเดียว เล่นเอาโมเรน่ามองกลับตาขวาง

    พ่อบ้านแสนสะดวกชงเครื่องดื่มเสร็จก็จัดใส่แก้วสี่ใบแล้วเสิร์ฟให้สาวน้อยทั้งสาม และมาตาร์ที่ลุกขึ้นมานั่งที่เคาน์เตอร์แล้ว

    “ทำไมโฆเซ่ถึงได้ชงเครื่องดื่มได้อร่อยแบบนี้ล่ะเนี่ย” มาตาร์รู้สึกทึ่งจริงๆ ไม่ว่าเขาจะดื่มอะไรที่พ่อบ้านนำมาเสิร์ฟให้ล้วนแต่อร่อยทั้งนั้น

    “ก็เป็นพ่อบ้านนี่ครับ เรื่องงานบริการ ถ้าไม่เก่งก็ไม่ต้องเป็นแล้วล่ะครับ” พ่อบ้านแสนสะดวกตอบกลับอย่างนอบน้อม

    “...เหรอ” มาตาร์ขานรับพร้อมกับคิดอะไรไปด้วย แล้วเราเป็นอะไร แล้วควรจะเก่งเรื่องอะไรล่ะเนี่ย

    พ่อบ้านเหมือนรู้ว่ามาตาร์กำลังคิดอะไรอยู่ “คุณมาตาร์ก็เป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆไงครับ”

    “...เหรอ” แม้แต่ตัวมาตาร์เองยังไม่แน่ใจเลยว่าตัวเขาจะเป็นอย่างที่พ่อบ้านพูด

    “ไปฝึกกันดีกว่าครับ ไม่ต้องคิดมากเรื่องอย่างนี้ก็ได้ เรื่องบางเรื่องก็ไม่ต้องการคำตอบที่เร่งด่วนนัก” พ่อบ้านเปลี่ยนเรื่อง เพราะดูท่าพูดเรื่องนี้ไปตอนนี้ก็คงจะไม่คืบหน้าอะไรเท่าไหร่

    มาตาร์ก็ไม่ได้คิดมากอะไรไปกว่านั้น ดื่มเครื่องดื่มจนหมดแล้วก็เดินเข้าห้องฝึกไปทันที

    ไม่ว่าผมจะชวนคุณมาตาร์ฝึกกี่ครั้งก็ไม่เคยเห็นคุณปฎิเสธซักครั้ง ถ้าไม่เรียกว่าใจสู้แล้วจะให้เรียกว่าอะไรดีล่ะครับ พ่อบ้านยิ้มที่เห็นท่าทางของมาตาร์เดินเข้าห้องฝึกแบบไม่คิดมาก

    “ผมลองมาคิดดูแล้วนะ พลังลมหมุนนี่มันใช้ประโยชน์ได้อีกเยอะเลย น่าจะฝึกไอ้นี่ให้เชี่ยวชาญก่อน” มาตาร์เสนอสิ่งที่เขาอยากจะฝึกในรอบนี้

    “ลองใช้ประกอบกับกงจักรลมด้วยสิครับ เพราะมันยังอยู่ในหลักการเดียวกันนะครับ” พ่อบ้านแนะนำ

    ลมหมุนจะหมุนรอบๆอวัยวะ เช่นแขน ขา หรือลำตัว อย่างครั้งหลังสุดมาตาร์ก็ใช้ลมหมุนรอบลำตัวป้องกันเวทเสียงของบาซาร่าเอาไว้ได้ส่วนหนึ่ง ส่วนกงจักรลมจะหมุนนอกอวัยวะ อย่างเช่นหมุนบนฝ่ามือ หมุนระหว่างมือสองข้าง อย่างตอนที่เขาใช้ป้องกันบรันโด้ไม่ให้กระแทกพื้นตอนสู้กับชูจินก็เป็นกงจักรลมที่หมุนระหว่างมือเหมือนกัน

    “คุณมาตาร์ลองจับมันหมุนให้ได้ในทุกจุดของร่างกายสิครับ” พ่อบ้านแนะนำวิธีฝึก

    มาตาร์พยักหน้าแล้วลองทำทันที

    ชายหนุ่มหมุนลมรอบแขน แล้วไล่มาที่ข้อมือ แล้วไล่มันออกมานอกแขนจนกลายเป็นกงจักร แล้วก็เคลื่อนกงจักรจากฝ่ามือ ไปหลังมือ

    “ถ้ามีกงจักรอยู่หลังมือแบบนี้ จะช่วยเปลี่ยนทิศการโจมตีของหมัดจากแรงดีดได้ด้วยนะครับ” พ่อบ้านแสนสะดวกช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆในการใช้กงจักรลม

    พิ้ง! ฟิ้ว!

    มาตาร์ลองเอาหลังมือไปชนกงจักรลม แรงสะท้อนก็ทำให้หมัดของเขาพุ่งออกไปในทิศตรงข้ามทันที

    “อู้หู แบบนี้เดาการเคลื่อนไหวไม่ได้เลยนะเนี่ย ถ้าเรียกกงจักรลมขึ้นมาที่ไหนก็ได้ ทิศการโจมตีของผมจะเด้งไปเด้งมาจนตัวเองยังงงได้เลยนะเนี่ย” มาตาร์เริ่มเห็นภาพของการใช้แรงสะท้อน ภาพหมัดที่เปลี่ยนทิศทางกะทันหัน

    “หรือใช้มันเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศก็ได้นะครับ” พ่อบ้านผู้รอบรู้แนะนำอีก

    คราวนี้มาตาร์ถึงขั้นตรัสรู้ ภาพตัวเขาเองวิ่งอยู่กลางอากาศด้วยพลังกงจักรลม เปลี่ยนทิศทางกลางอากาศอย่างอิสระ หรือการเร่งความเร็วให้การเคลื่อนที่บนพื้นโดยใช้กงจักรลมเสริมแรงสะท้อน

    “สุดยอด!!” มาตาร์ถึงกับอุทานออกมาเมื่อคิดถึงสิ่งที่กงจักรลมทำได้

    ดังนั้นทั้งชั่วโมงนั้น เขาจึงฝึกเคลื่อนลมหมุนวนลงที่ขาและเท้า แล้วสร้างกงจักรลมที่ฝ่าเท้าหรือปลายเท้าให้ได้ ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะปราณบังคับง่ายกว่าเวท สำหรับมาตาร์

    “คุณมาตาร์อย่าลืมไปรับเงินจากคุณซารีน่าก่อนนะครับ พอซื้อของเสร็จค่อยกลับไปหาคุณราตรีกับคุณเมโลดี้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพวกเธอจะไม่สบายใจ” พ่อบ้านแนะนำวิธีเลี่ยงปัญหาให้มาตาร์

    “อืม ก็ดีเหมือนกันโฆเซ่ ผมก็ไม่รู้จะบอกพวกเธอว่าไง ว่าไปท้าบรันโด้ชิงโมโนไบค์เนี่ย เห็นผมตัวเปล่าออกไปแบบนี้ก็รู้กันหมดว่าตายไปรอบนึง” มาตาร์ก็กำลุงกลุ้มใจอยู่พอดี กลัวว่าเดี๋ยวจะโดนราตรีวีนใส่ว่าทำอะไรไม่เข้าเรื่อง

    “โชคดีนะครับคุณมาตาร์” พ่อบ้านกล่าวลาอีกครั้งก่อนที่มาตาร์จะเปิดประตูเข้าสู่เกม

    “ขอบคุณมากโฆเซ่” มาตาร์บอกลาแล้วก็เดินออกจากประตูแมนชั่นแห่งความตายไป

     

    เวลาหนึ่งทุ่ม

    ร่างของชายหนุ่มผมแดงทรงประหลาดๆกับสัตว์เลี้ยงสามตัวปรากฏขึ้นที่ลานกลางเมือง

    หลังจากที่เขาหยิบเอาผ้าคลุมยาจกมาห่มแล้วก็ต้องแปลกใจถึงความครึกครื้นที่ผิดปกติของลานกลางเมืองนี้ มันมีงานอะไรรึเปล่าหว่า ...ช่างเถอะ ติดต่อยัยแม่มดก่อนดีกว่า

    ยัยแม่มด ไปรับเงินค่าหัวมารึยัง มาตาร์ส่งข้อความถึงซารีน่า

    เรียบร้อยแล้วค่ะ อยากจะได้ส่วนแบ่งเหรอคะ ซารีน่าตอบกลับมา

    ใช่สิ ชั้นจะรอเธออยู่ที่ลานกลางเมืองนะ รีบมาด้วยล่ะ มาตาร์นัดเธอมาทันทีไม่มีเกรงใจ

    ไปเจอที่ร้านเสื้อผ้าดีกว่าค่ะ ดิชั้นไม่สะดวกไปที่ลานกลางเมืองตอนนี้ ซารีน่าตอบกลับมา

    มาตาร์รู้สึกแปลกใจที่ดูเหมือนซารีน่าจะพยายามเลี่ยงอะไรสักอย่างบริเวณนี้ หรือว่าพวกคนเยอะแยะนี่จะเป็นโจทก์เก่ายัยแม่มดหว่า?

    แต่มาตาร์ก็ไม่ได้ถามอะไรซารีน่าเพิ่มอีก ได้แต่เดินไปที่ร้านเสื้อผ้าเท่านั้น

    “ว่าไงคะคุณมาตาร์ ตายอีกแล้วเหรอ” ซารีน่าทักขึ้นเมื่อเห็นสภาพของมาตาร์ที่ห่มแต่ผ้าคลุมยาจกเดินเข้ามาในร้านเสื้อผ้า

    “แล้วทำไมเธอถึงนัดมาที่นี่ล่ะ ลานกลางเมืองมันมีอะไรรึไง” มาตาร์ถามซารีน่าตรงๆ แล้วก็ตรงเข้าไปเปิดเลือกเสื้อผ้าในหนังสือรายการสินค้าทันที

    “แหมคุณมาตาร์นี่ล่ะก็ ถามสุภาพสตรีกันตรงๆแบบนี้มันเสียมารยาทนะคะ” ซารีน่าพูดเสียงหวาน

    “อ๋อเหรอ ...ไม่ถามก็ได้” มาตาร์ก็ไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับซารีน่ามากอยู่แล้ว ไม่บอกก็ไม่เห็นจะเป็นไร เขายังคงก้มหน้าเลือกเสื้อผ้าที่ต้องการในหนังสืออยู่

    “ว้า! คุณมาตาร์นี่ก็ไม่ได้เข้าใจผู้หญิงเลยนะคะ เวลาอย่างนี้ต้องตื้อหน่อยสิคะ” ซารีน่าส่งเสียงกระเซ้า

    มาตาร์เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือแล้วทำหน้างงๆ อยากจะบอกแล้วทำไมต้องมีลีลาเยอะจังฟะ

    “เหรอ ...แล้วที่ลานกลางเมืองมันมีอะไรล่ะ” มาตาร์ถามเสร็จก็ก้มหน้าเลือกเสื้อผ้าต่อ เหมือนกับว่า ชั้นตื้อเธอแล้วนะ ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร

    “ฮิฮิ คุณมาตาร์นี่น่ารักจังเลย ให้ทำอะไรก็ทำ” ซารีน่าหัวเราะเสียงใสพร้อมหยอดคำหวาน “ช่วงอาทิตย์นี้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันเสาร์ เป็นวันที่เกาะเริ่มต้นอนุญาตให้กิลด์ที่ประมูลที่ได้ มาเปิดโต๊ะรับสมัครผู้เล่นหน้าใหม่ได้ค่ะ”

    มาตาร์เงยหน้าขึ้นมาทันที อ้อ มิน่าล่ะถึงมีคนเยอะนัก

    “แล้วทำไมเค้าถึงอนุญาตให้แค่อาทิตย์เดียวล่ะ ไม่ให้เปิดตลอดเวลา” มาตาร์สงสัยขึ้นมา

    “ก็เพราะจะได้ให้ผู้เล่นหน้าใหม่ได้ฝึกฝนฝีมือด้วยตัวเองอย่างสงบไงคะ ถ้าเกิดมีผู้เล่นชั้นสูงอยู่บนเกาะเยอะแยะผู้เล่นหน้าใหม่ก็ไม่ค่อยได้ฝึกอะไรสิคะ” ซารีน่าเฉลย

    “อ๋อ เหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่เธอไม่นัดชั้นที่ลานกลางเมืองล่ะ” มาตาร์ถามแล้วก็ก้มหน้าเลือกเสื้อผ้าต่อ

    “ก็ดิชั้นไม่อยากถูกชวนเข้ากิลด์นี่นา ถ้าเกิดใครมาชวนก็ต้องปฎิเสธไป น่ารำคาญจะตาย” ซารีน่าให้เหตุผล

    “เธอเป็นคนดังหรือไง ถึงจะได้มีใครมาชวนเข้ากิลด์น่ะ” มาตาร์ถามไปตามเรื่อง

    “ก็เปล่าหรอกค่ะ ใครๆก็มีสิทธิถูกชวนทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่เห็นต้องเป็นคนดังเลย” ซารีน่าตอบ

    หลังจากนั้นมาตาร์ก็เลือกเสื้อผ้าให้ตัวเอง แล้วก็สามสาวน้อยได้ ยังคงเป็นเสื้อผ้าราคาถูกเหมือนเดิม และมาตาร์ก็ยังไปซื้อผลึกไฟอีกสองก้อนเหมือนเดิม ซารีน่าก็ติดสอยห้อยตามไปด้วยพร้อมกับเป็นกระเป๋าสตางค์ให้มาตาร์

    “แล้วทำไมเธอไม่ให้เงินชั้นมาดีๆล่ะเนี่ย” มาตาร์สงสัย ไม่เห็นต้องเดินตามมาจ่ายเงินให้เลย

    “ถ้าดิชั้นให้เงินคุณมาตาร์ไปแล้วก็ไม่มีข้ออ้างที่จะอยู่ใกล้ๆคุณมาตาร์น่ะสิคะ ฮิฮิ” ซารีน่าตอบกลับอย่างมีเลศนัย

    ความหมายในคำพูดของซารีน่าก็คือ อยากจะอยู่ใกล้ๆมาตาร์ จะได้แกล้งปั่นหัวเท่านั้นแหละ ซึ่งมาตาร์ก็ไม่ได้เข้าใจผิดไปเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มก็ทำหน้าเซ็งๆกลับไปเหมือนกัน

    “เซเรน่า!?” เสียงชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นจากทางด้านหลัง ระหว่างที่มาตาร์และซารีน่ากำลังเดินซื้อของกันอยู่

    มาตาร์กับซารีน่าหันไปดูก็เห็นชายคนหนึ่งมีผมสีดำหน้าตาหล่อเหลา แต่งกายด้วยชุดเกราะอ่อนอย่างดีพกดาบเล่มยาวไว้กลางหลัง ดูแล้วไม่น่าจะเป็นผู้เล่นที่เกาะเริ่มต้นแน่นอน อาจจะเป็นพวกกิลด์ใดกิลด์หนึ่งที่มาตั้งโต๊ะ

    ชายคนนั้นจ้องมองมาที่ซารีน่าอย่างไม่วางตา จนซารีน่าสงสัย

    “มองชั้นทำไม มีปัญหาเหรอ” ซารีน่าพูดออกมาด้วยสำเนียงที่ต่างออกไปจากเดิมจนมาตาร์สังเกตได้

    “เอ้อ ...ขอโทษครับ ผมทักคนผิด” ชายผมดำกล่าวขอโทษออกมา แต่สายตายังคงมองมาที่เธออยู่ด้วยความสงสัย

    ซารีน่าควงแขนมาตาร์แล้วก็ลากเขาไปทางอื่นทันที “ไปกันเถอะค่ะคุณมาตาร์ ยังเหลือกระเป๋าที่ยังไม่ได้ซื้ออีก”

    “คนรู้จักเหรอซารีน่า” มาตาร์สงสัยขึ้นมา เพราะพฤติกรรมของเธอแปลกไปจนผิดสังเกต

    “เปล่านี่คะ แค่ชื่อก็ไม่เหมือนแล้ว” ซารีน่าตอบกลับแต่ก็ยังดึงแขนมาตาร์เดินไปไม่หยุด

    แต่มาตาร์ก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องของคนอื่นขนาดนั้นเหมือนกัน เลยปล่อยให้ซารีน่าลากตัวไปซื้อของต่อ

    “คุณมาตาร์จะไปล่าที่ไหนรึเปล่าคะ” ซารีน่าถามขึ้นมาหลังจากซื้อของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

    “เอ่ ...ก็ว่าจะไปหาเพื่อนๆชั้นก่อน เดี๋ยวพวกเธอจะเป็นห่วง” มาตาร์ตอบกลับมา มันผ่านมาเกือบสองชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่หน้าสนามต่อสู้นั่น บางทีพวกเมโลดี้อาจจะรอฉลองกันอยู่

    “อ๋อ แม่สองสาวนั่นน่ะเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นให้ดิชั้นตามไปด้วยได้มั้ยคะ” ซารีน่าถามขึ้นมา

    มาตาร์ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหญิงสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ แต่รู้สึกได้ถึงความยุ่งยากเหมือนกันถ้าจะให้ทั้งสามมาเจอหน้ากันเนี่ย

    “นะคะ ดิชั้นแค่เคยเห็นหน้าพวกเธอเท่านั้นเอง แม้แต่ชื่อดิชั้นก็ยังไม่รู้จักเลย มาทำความรู้จักกันดีกว่า วันนี้คุณมาตาร์ก็ชนะเลิศการประลองด้วย เดี๋ยวดิชั้นเป็นเจ้ามือเลี้ยงเองก็ได้” ซารีน่าอ้อนวอน

    มาตาร์สังเกตเห็นว่าซารีน่าแปลกไปจริงๆ ทำไมถึงอยากเกาะติดเขาขนาดนี้ มันจะเกี่ยวอะไรกับเจ้าผู้ชายคนเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่านะ แต่แค่แนะนำให้สาวๆรู้จักกันอย่างเป็นทางการ ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรล่ะมั้ง

    “งั้นเดี๋ยวชั้นนัดพวกเธอก่อนนะ อ้อ อย่าบอกเรื่องที่ชั้นตายไปอีกรอบนึงล่ะ ขี้เกียจจะตอบคำถาม” มาตาร์เตือนซารีน่าถึงเงื่อนไขในการเกาะติดไปกับเขา

    พวกเขาทั้งเจ็ดนัดกันที่ภัตตาคารในเมือง เมโลดี้กับราตรีมีสีหน้าสงสัยอยู่เหมือนกัน เมื่อแรกเจอชายหนุ่มที่นอกจากจะเดินมากับสามสาวน้อยแล้ว อีกคนกลับเป็นซารีน่าคนนั้น แทนที่จะเป็นบรันโด้

    “อ้าว คุณบรันโด้ล่ะคะพี่มาตาร์” เมโลดี้ถามขึ้นมาเมื่อไม่เห็นคู่หูของชายหนุ่ม

    “บรันโด้เค้าออกเดินทางไปแล้วล่ะ” มาตาร์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามปกติ

    “ทำไมรีบไปจัง น่าจะอยู่ฉลองกันซักครั้งก่อน” เมโลดี้มีน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเสียดาย

    “เอ้อ จะแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการนะ นี่ซารีน่า คิดว่าคงเคยเห็นกันหลายครั้งแล้วล่ะนะ” มาตาร์กล่าวแนะนำซารีน่าให้อีกสองสาวรู้จัก

    “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ซารีน่ายิ้มอย่างอ่อนหวานให้ทั้งสองสาวแล้วก็ยื่นมือออกมาแสดงการทักทาย

    “สวัสดีค่ะพี่ซารีน่า หนูเมโลดี้ค่ะ” เมโลดี้โค้งให้ซารีน่าก่อนจะยื่นมือออกมาจับแล้วบีบกระชับเบาๆ

    “สวัสดีค่ะ ดิชั้นราตรี” ราตรีโค้งให้น้อยๆแต่หน้าไม่ยิ้มเท่าไหร่ เธอยื่นมือออกมาบีบมือซารีน่าอย่างแรง

    อุ๊ย! แม่สาวผมสั้นนี่แสดงความเป็นศัตรูชัดเจนดีแฮะ ซารีน่าจับสัมผัสของราตรีได้ ในใจของเธอก็แอบชอบใจอยู่ แม้แต่สีหน้าของซารีน่าก็ยิ้มแย้มขึ้นอย่างชัดเจน ได้แกล้งคนอีกแล้ว สนุกจัง

    แล้วมื้ออาหารก็เริ่มต้นขึ้น คนเจ็ดคนนั่งล้อมโต๊ะกลม เป็นชายหนุ่มหนึ่งคน และสาวสวยอีกหก ซึ่งสามในหกนั้นเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยก

    “คุณราตรีกับคุณเมโลดี้นี่เข้าขากันมากเลยนะคะ ตอนต่อสู้น่ะ ดิชั้นดูอยู่บนอัฒจันทร์ยังรู้สึกทึ่งเลย” ซารีน่าเริ่มต้นบทสนทนา

    “หนูกับรัตเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กค่ะ สนิทกันที่สุดเลย รู้ใจกันทุกเรื่อง” เมโลดี้ตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม

    “น่าอิจฉาจังมีเพื่อนที่รู้ใจกัน ดิชั้นก็อยากจะมีเพื่อนแบบนี้บ้างซักคนเหมือนกัน” ซารีน่าแสดงความเห็น

    “คุณซารีน่าไม่มีเพื่อนสมัยเด็กบ้างเหรอคะ” ราตรีถามขึ้นมา น้ำเสียงยังแสดงความไว้ตัวอยู่

    “ก็มีบ้างแหละค่ะ แต่มีแต่เพื่อนผู้ชาย ดิชั้นอยากจะมีเพื่อนผู้หญิงเอาไว้ปรึกษาเรื่องของผู้หญิงๆเหมือนกัน คุณราตรีคงเข้าใจนะคะ ว่าปัญหาบางเรื่องก็มีแต่เพื่อนผู้หญิงที่จะปรึกษาได้” ซารีน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส

    “คลาร่าขอแค่มาตาร์คนเดียวก็พอแล้วค่ะ” แม่หมาน้อยโพล่งออกมากลางวง

    คงจะมีสาวๆอีกอย่างน้อยสองคนในวงที่อยากจะพูดอย่างนี้ออกมาบ้าง แต่ก็ต้องเก็บคำเอาไว้ ได้แต่แอบอิจฉาเล็กๆถึงความซื่อตรงของแม่สาวน้อยหน้าตาบ้องแบ๊วคนนี้

    “แหมคลาร่าคะ เรื่องบางเรื่องคุณมาตาร์เค้าก็ไม่ประสาหรอกค่ะ อย่างเรื่องผู้หญิงเนี่ย ดิชั้นเห็นแล้วว่าบื้ออย่างกับอะไรดี” ซารีน่าพูดออกมาตรงๆแบบไม่เกรงใจชายหนุ่ม

    สองสาวเพื่อนสนิทออกจะมีท่าทางเห็นด้วยเล็กๆกับคำพูดนี้ เพราะท่าทางและการแสดงออกของพวกเธอ จะว่าไปก็ไม่ได้ซ่อนเร้นขนาดดูไม่รู้ แต่ชายหนุ่มผู้นี้ก็ยังคงทำเหมือนไม่เข้าใจ

    “อ้าวยัยแม่มด คนที่โดนนินทายังนั่งอยู่ตรงนี้นะเฟ่ย” มาตาร์เงยหน้าขึ้นมาจากอาหารเมื่อบทสนทนาวกกลับมาหาตัวเขาเอง

    การสนทนาในวงอาหารเป็นไปอย่างสนุกสนาน

    แต่ยังมีสายตาของชายคนหนึ่งกลับจ้องมาที่โต๊ะของทั้งเจ็ดอย่างไม่วางตา เขาคือชายหนุ่มผมดำที่สะพายดาบยาวกลางหลัง คนที่ร้องทักเซเรน่ากลางตลาด แต่เธอกลับไม่ใช่เซเรน่า แม้บุคลิกจะดูเหมือน แต่หน้าตาและการพูดจากลับไม่ใช่ ทว่าบนโต๊ะอาหารนี้ เขาเริ่มแน่ใจแล้วหลังจากสังเกตบุคลิกและการพูดจาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นต้องใช่เซเรน่าแน่ๆ

    เธอปิดชั้นไม่ได้หรอกเซเรน่า เธอต้องไปกับชั้น

     

    Rewrite tag: แก้คำผิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×