ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #200 : บทที่194: อุกกาบาต ปะทะ ลำแสงขนาดร้อยเมตร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.08K
      92
      23 พ.ค. 55

    บทที่194 อุกกาบาต ปะทะ ลำแสงขนาดร้อยเมตร

    จริงๆแล้วความสงสัยในตัวชายหนุ่มหัวฟูที่ชื่อแอฟโรนี้ มีมาตั้งแต่ตอนที่ทาเนียจับมือของเขาระหว่างหนีพวกกิลด์แก้วมังกรด้วยกันแล้ว ใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกันพอสมควรกับชายอีกคนที่เข้ามาฉุดเธอเมื่อตอนที่แอตแลนติสล่ม

    ทำไมมาตาร์ไปอยู่บนแอตแลนติสตอนนั้น แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่ฟรานซ์ ทั้งๆที่จุดที่แอตแลนติสจมมันก็ไม่ได้ใกล้กับฟรานซ์ขนาดที่จะเดินทางชั่วโมงเดียวถึง หมายความว่ามาตาร์เป็นคนที่มีจุดบันทึกบนแอตแลนติสแล้วก็ย้ายไปเกิดที่ฟรานซ์เมื่อเมืองจม เหมือนๆกับเธอ คงไม่ได้บังเอิญถึงขนาดมีจุดบันทึกอยู่ที่ฟรานซ์หรือมีพาหนะที่มีความเร็วสูงมากอยู่แล้วหรอกนะ

    แล้วบันทึกตอนไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่บนแอตแลนติส ก็ต้องเป็นพวกกิลด์แก้วมังกรที่บุกมา แต่เรื่องมาตาร์เป็นพวกกิลด์แก้วมังกรตัดทิ้งไปได้เลยเพราะเขายังมาช่วยเธอสู้กับพวกมันตอนอยู่ที่ฟรานซ์เลย เหลือแต่คนที่อาศัยอยู่ในแอตแลนติสเท่านั้น ซึ่งทาเนียก็ไม่อาจหาญถึงขนาดพูดได้เต็มปากว่าจำผู้อาศัยที่มีจำนวนเรือนหมื่นได้ทุกคน มาตาร์คงจะเป็นคนที่เล็ดรอดจากการส่งผู้เล่นออกจากเมืองของเธอนั่นแหละ ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกก็มีนายแอฟโรหัวฟูนั่นอยู่ด้วย เพราะทาเนียเห็นผู้เล่นที่ไม่ได้เป็นพวกแก้วมังกรเหลืออยู่แค่คนเดียวเท่านั้นเอง

    ตลอดการโดยสารบนหลังเจ้าวาฬเพชฌฆาต ทาเนียพยายามจะจับพิรุธของชายหนุ่มหัวฟูให้ได้ เธออยากเหลือเกินที่จะให้มาตาร์คือนายหัวฟูที่อยู่กับเธอตอนนี้ อยากจะคิดว่าเขาคือคนที่ฟ้าส่งมาช่วยเหลือเธอยามคับขัน และสุดท้ายแล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่เธอคิดจริงๆ

    ทาเนียที่นอนนิ่งอยู่ในช่องลมรับรู้เรื่องราวของมาตาร์ผ่านบทสนทนาของนายแอฟโรและผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในห้องข้างใต้นี้

     

    ฮึ จำเอาไว้วัลแคน นี่เป็นแค่การแก้เผ็ดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น โทษฐานที่มาปั่นหัวชั้น ...ไว้เจอกันตอนที่นายมีสติ ชั้นค่อยแก้แค้น ทาเนียคิดขึ้นมาหลังจากที่เธอ จัดการ  ชายหนุ่มผมขาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว

    หลังจากนั้นหญิงสาวผมทองก็เดินสำรวจไปรอบห้อง แม่แมงมุมสาวก็ช่วยสำรวจด้วย ทาเนียไม่คิดจะเดินออกจากห้องไปเพราะมีความเสี่ยงที่จะไปเจอลูกเรือได้ แม่แมงมุมที่สามารถไต่เข้าไปในช่องอากาศที่อยู่บนเพดานได้ก็เสนอให้ลอดเข้าไปในท่ออากาศ เพราะมันมีขนาดใหญ่พอที่จะให้คนขึ้นไปคลานได้สบายๆ

    หลังจากนั้นทาเนียก็คลานไปตามท่ออากาศ แล้วเธอก็ได้ยินเสียงคนคุยกันจากห้องห้องหนึ่ง มันคือบทสนทนาระหว่างมาตาร์กับเรย์น่านั่นเอง

    นึกแล้วเชียวว่าคุณมาตาร์คือคุณแอฟโร คงจะมีทักษะในการพรางล่ะสิ ...หรือไม่ก็เป็นไรเดอร์ แต่ทำไมเข็มขัดไรเดอร์ถึงยังอยู่กับตัวได้หลังจากที่ตายล่ะ? หรือว่ามันเป็นอุปกรณ์แบบพิเศษ ...จะถามตรงๆก็ไม่ได้ด้วยสิ ถ้าคุณมาตาร์รู้ว่าเรารู้ตัวจริง ได้หนีเราไปแน่ๆเลย ดูจากที่ผู้หญิงคนนั้นพูดแล้ว คุณมาตาร์คงจะหนีผู้หญิงคนอื่นมาอีกหลายคนเลย เสน่ห์แรงจังแฮะ ...แปลว่าห้ามทำให้คุณมาตาร์รู้สึกว่าเราเข้าใกล้เกินไปสินะ ...อืม มิน่า ทำไมเวลาเราเสนอว่าจะสลักวิญญาณให้ทุกวันถึงได้มีท่าทางแบบนั้น ทาเนียครุ่นคิดขณะนอนนิ่งอยู่ในช่องอากาศบนเพดานพร้อมกับนึกถึงท่าทางและปฏิกิริยาต่างๆของชายหนุ่มหัวฟูตอนที่อยู่บนหลังของเจ้าวาฬด้วย

    ถึงแม้ท่าทางของทาเนียจะดูสดใสและยิ้มแย้ม ซึ่งเป็นนิสัยพื้นฐานของเธออยู่แล้ว แต่ก็อย่าลืมว่าจริงๆแล้ว อายุในเกมของหญิงสาวที่ดูเหมือนสาวน้อยคนนี้มีไม่ต่ำกว่าร้อยปี แถมยังเป็นผู้เล่นระดับตำนานด้วย คงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะทำตัวสดใสโดยไม่ได้คิดอะไรเลยเป็นแน่ ท่าทางและการแสดงออกของเธอ เป็นสิ่งที่เธอวางแผนเอาไว้อยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่การฝืนทำ เนื่องจากหญิงสาวคนนี้ถูกกดให้มีความรับผิดชอบในเมืองเมืองหนึ่งเป็นเวลากว่าร้อยปี ความอัดอั้นที่ระเบิดออกมานั้นจึงทำให้เธอกลายเป็นคนที่ดูสดใสและซุกซนผิดปกติไปเลยทีเดียว เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่เธอสูญเสียไป

     

    กุก! กัก!

    แล้วหญิงสาวผมทองก็คลานให้มีเสียงดังขึ้นมาทันที ทำเอาชายหนุ่มหัวฟูที่อยู่ในห้องระวังตัวขึ้นมา

    “คุณแอฟโร ปลอดภัยดีใช่มั้ย?” หญิงสาวส่งเสียงออกไปเบาๆ ประโยคที่เธอถาม ราวกับว่าเธอเพิ่งจะคลานมาถึงห้องนี้เมื่อสักครู่นี้เอง

    “คุณทาเนียเหรอ? ...ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นน่ะ” มาตาร์ยืนขึ้นพร้อมกับส่งเสียงกลับไปที่เพดาน

    “ก็ชั้นไม่อยากออกไปที่ทางเดินนี่นา เกิดเจอพวกลูกเรือเดี๋ยวจะมีเรื่องกันเปล่าๆ” หญิงสาวในท่อระบายอากาศกล่าว

    กึง!

    ฝ้าเพดานถูกดึงออกมาชิ้นหนึ่งด้วยฝีมือของหญิงสาว

    “คุณแอฟโรก็ขึ้นมาอยู่บนนี้ดีกว่านะ แล้วอยู่กับเลดี้รึเปล่า ถ้าไม่อยู่จะได้ไปตามหากัน” ทาเนียกล่าว

    “อืม ...ไปตามหาเลดี้กัน” มาตาร์ตอบรับคำเชิญง่ายๆ เพราะเขาไม่อยากจะคิดมากเรื่องเรย์น่าอีก

    แล้วมาตาร์ปีนขึ้นไปบนช่องลมโดยอาศัยใยแมงมุมจากแม่แมงมุมสาว หลังจากนั้นผู้เล่นทั้งสองก็คลานไปทั่วยานผ่านทางช่องลมนั่นเอง

     

    วืด~

    ประตูห้องเปิดขึ้น หญิงสาวผมหน้าม้าสั้นเต่อเดินเข้ามาในห้องของเธอ แต่แล้วก็ต้องผงะ เมื่อเห็นภาพตรงหน้า

    “อ๊า!! ขนมของชั้น!” หญิงสาวอุทานพร้อมกับจ้องมองไปที่ร่างของเด็กหญิงผมแดงและเจ้าเสือเขี้ยวดาบตัวโตที่มีคราบขนมเลอะรอบๆปาก กับเศษซากของถุงขนมที่ถูกฉีกขาดกระจุยกระจาย

    กร๊อบ แกร๊บ

    เด็กหญิงผมแดงและเจ้าเสือยังไม่เลิกเคี้ยวขนมในปาก แม้จะเห็นแล้วว่าเจ้าของห้องมีท่าทางตกใจที่ถูกแย่งกินขนม

     “อ๊า!! กินไอ้นั่นเข้าไปแล้วด้วยเหรอ ชั้นอุตส่าห์จะเก็บไว้กินก่อนนอน” หญิงสาวเจ้าของห้องกล่าวพร้อมกับหยิบถุงขนมเปล่าๆถุงหนึ่งขึ้นมาถือเอาไว้ในมือด้วยอาการสั่นเทา

    “อร่อยเนอะ เลดี้เพิ่งเคยกิน ปกติแอฟโรไม่ค่อยให้เลดี้กินขนมเท่าไหร่” เด็กหญิงพูดเรียบๆราวกับว่ามันไม่ใช่ปัญหาอะไร

    ก๋าว~

    เจ้าเสือก็ขานรับเหมือนกับเห็นด้วยว่าอร่อยจริงๆนะ

    “ยัยเด็กขี้ขโมย! ไอ้เสือตะกละ! คายออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” หญิงสาวแผดเสียงขึ้นมาพร้อมกับกระโดดใส่เจ้าเสือและเด็กหญิงพร้อมๆกัน พยายามจะง้างปากพวกเธอเพื่อที่จะเอาขนมที่กินเข้าไปแล้วคืนมา

    “อ๊า~! เอ็บอ๊ะ อ้อเออี้อินเอ้าไอแอ๊วอ้ะ เอาออกอาอ้ออินอีกไอ้ไอ้ออก (อ๊า~! เจ็บนะ ก็เลดี้กินเข้าไปแล้วอ้ะ เอาออกมาก็กินอีกไม่ได้หรอก)” เด็กหญิงผมแดงส่งเสียงอออกมาไม่เป็นคำขณะที่ถูกหญิงสาวง้างปาก

    “ชั้นไม่สน ถ้าชั้นไม่ได้กิน คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้กิน” หญิงสาวเอ่ยขณะที่พยายามส่องเข้าไปในปากของเด็กหญิงเหมือนกับจะหาขนมที่เหลืออยู่ให้เจอ

    พลั่ก!

    แต่แล้วเด็กหญิงก็ผลักหญิงสาวออกไปก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

    “ถ้าอยากได้งั้นเดี๋ยวเลดี้อ้วกคืนให้ ยังไงออกมามันก็ไม่อร่อยแล้วล่ะนะ ค่อ~ก” เด็กหญิงพูดจบก็ใช้มือล้วงปากเตรียมอาเจียนออกมาทันที

    “แง~! ไม่เอาแล้ว อุบาทว์ เจ้านายเธอสอนมายังไงเนี่ย ทำไมถึงได้กวนส้นแบบนี้ล่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับทำหน้าเหยเกเหมือนจะร้องไห้ เพราะเธอทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ขนมที่เสียไปแล้วมันไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิมได้ ต่อให้เลดี้อ้วกออกมาคืนให้ เธอก็คงจะไม่กล้ากินมันหรอก

    “อ้าว? ไม่เอาแล้วเหรอ ตกลงเลดี้ไม่ต้องอ้วกแล้วใช่มั้ย” เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับจมูกที่แดงและน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมาเล็กน้อย เพราะเธอเกือบจะอ้วกออกมาอยู่แล้วเมื่อครู่

    “รับผิดชอบเลยนะ! บอกให้เจ้านายของเธอเลี้ยงขนมชั้นด้วย โทษฐานที่เธอแอบมากินขนมของชั้น” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างมีอารมณ์ ท่าทางเธอจะจริงจังกับเรื่องขนมมาก

    “แหงะ ก็พี่สาวส่งเลดี้มาห้องขนมเองนี่นา เลดี้ก็คิดว่ามันพี่สาวให้เลดี้กินได้น่ะสิ” เด็กหญิงยังเถียงกลับ เธอไม่อยากให้เรื่องราววุ่นวายไปถึงเจ้านายของเธอ

    “ไม่สน!! นี่ไม่ใช่เรื่องโจ๊กขำๆนะยะ! ...รับรองเรื่องนี้ ...ถึงนายหัวฟูแน่!!” หญิงสาวยืนยัน

     

    กุก กัก กึง~!

    ทันใดนั้นฝ้าเพดานก็เปิดออก แล้วร่างของชายหนุ่มหัวฟูกับหญิงสาวผมทองก็ทิ้งตัวลงมาบนเตียงทันที

    ตุบ! พลัก!

    “โอ๊ย!” ชายหนุ่มหัวฟูอุทานออกมาเมื่อร่างของหญิงสาวผมทองหล่นลงมาบนตัวของเขาเต็มๆ

    “ขอโทษค่ะคุณแอฟโร เจ็บมากมั้ย” หญิงสาวผมทองเอ่ยเสียงใส ราวกับว่าเรื่องที่เธอหล่นลงมาทับเขามันไม่ใช่ปัญหาอะไร

    “อ๊ะ! แอฟโรมาแล้ว” เด็กหญิงผมแดงเอ่ยออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นเจ้านายของเธอ

    “นายแอฟโร! เลดี้กินขนมชั้นไปหมดเลย ชดใช้มาเลยนะ” หญิงสาวผมม้าสั้นเต่อฟ้องทันที

    “เอ๋? ...เอ้อ ...เท่าไหร่ล่ะ?” มาตาร์ตอบรับง่ายๆ เขาพร้อมจะชดใช้เสมอในสิ่งที่เขาหรือน้องสาวของเขาทำเอาไว้ ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจจะโกงตั้งแต่แรกล่ะก็นะ

    “...ทำไมนายตอบรับง่ายจังเลยล่ะ ไม่ถาม ไม่สงสัยอะไรซักหน่อยเหรอ” หญิงสาวผมม้าสั้นเต่อเสียอีกที่เป็นฝ่ายลังเล เพราะปกติเรื่องอย่างนี้มันต้องถามอะไรกลับมาบ้างสิว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร นี่เล่นยอมรับเลยทันที มันผิดจากวิถีที่เธอเคยเจอมากไปหน่อย

    “อ้าว? ก็เธอบอกเองว่าเลดี้กินขนมเธอไป ตกลงเธอพูดเล่นเหรอไง” มาตาร์ถามกลับเรียบๆ

    “ฮิๆ ไม่ได้พูดเล่น แต่ชั้นไม่เอาเป็นเงินหรอก พาชั้นไปเลี้ยงที่ร้านบนอาร์เทมิสละกันนะ” หญิงสาวผมม้าสั้นเต่อยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อรับทราบนิสัยของชายหนุ่มหัวฟูคนนี้ว่าเป็นคนที่พูดง่ายพอสมควร

    “อาร์เทมิส? มันอยู่ที่ไหนล่ะนั่น” ชายหนุ่มถามกลับด้วยความสงสัย

    “อาร์เทมิสเหรอ! ใช่หนึ่งในบริวารของโลกจ็อคออนไลน์นี้รึเปล่า” หญิงสาวผมทองได้ยินชื่ออาร์เทมิสก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

    “ใช่แล้วล่ะหัวหน้า อาร์เทมิสก็คือหนึ่งในบริวารชั้นใน เป็นดาวบริวารที่มีป่าอุดมสมบูรณ์มากเลยล่ะ” หญิงสาวผมม้าสั้นเต่อกล่าว

    “อาร์แซนไม่ต้องเรียกชั้นว่าหัวหน้าหรอก เรียกชื่อเฉยๆดีกว่า ชั้นไม่ได้เป็นเจ้าเมืองแอตแลนติสแล้วนะ” ทาเนียกล่าวกับแม่โจรสาว

    “อ้อ ...หัวห ...ทาเนียนี่เปลี่ยนไปเยอะเลยเนอะ ผิดกับตอนเป็นเจ้าเมืองเลย เหมือนกลับไปเป็นแบบเมื่อตอนเป็นเดอะทรีโออีกครั้ง” อาร์แซนเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของทาเนียรู้สึกได้ชัดเจน

    “เอ๋!? ยังมีคนจำเรื่องสมัยเดอะทรีโอได้อีกเหรอเนี่ย ...เราเคยเจอกันสมัยนั้นด้วยเหรออาร์แซน ถึงได้รู้ว่าเมื่อก่อนชั้นเป็นคนยังไงน่ะ?” ทาเนียสงสัยขึ้นมา เพราะคนที่รู้จักเธอเป็นการส่วนตัวนั้นมีไม่เยอะเท่าไหร่

    “แค่เคยเดินผ่านสมัยที่เธอเป็นเดอะทรีโอเท่านั้นแหละ ไม่เคยคุยกันหรอก แหม ก็สมัยนั้นน่ะทาเนียดังจะตายนี่นะ” อาร์แซนกลบเกลื่อนเรื่องที่เธอเคยต่อสู้กับทาเนียมาแล้วด้วยซ้ำ ตอนที่เธอเคยปลอมเป็นผู้ชายแล้วไปช่วยทาเคโซจากการล่าค่าหัวของพวกเดอะทรีโอ

    “อ๋อ ...เหรอ” หญิงสาวผมทองตอบรับเรียบๆ ดูท่าทางเหมือนไม่ติดใจอะไรมาก

    “นี่ ทำไมถึงต้องไปกินถึงอาร์เทมิสด้วยล่ะ” มาตาร์ถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าทั้งสองสาวคุยกันจบประเด็นแล้ว

    “อ้าว? ก็เดี๋ยวยานลำนี้จะไปอาร์เทมิสน่ะสิ” อาร์แซนตอบ

    “ดีจังเลยแอฟโร ได้ไปอวกาศจริงๆด้วย แถมไม่ต้องจ่ายตังค์” เด็กหญิงผมแดงเอ่ยอย่างยินดี

    “มันจะง่ายอย่างนั้นเลยเหรอ ยานลำนี้มันระบบตรวจสอบอ่อนอย่างนั้นเลยเหรอเนี่ย ให้คนอื่นลอบเข้ามาง่ายๆ แล้วยังให้คนอื่นแอบโดยสารไปง่ายๆอีกเนี่ยนะ” มาตาร์เกิดระแวงขึ้นมาตามประสาคนที่มักจะดวงซวย เพราะเขาไม่เคยเดินทางแบบไม่มีอุปสรรคมาก่อนเลย ขนาดขึ้นเรือของระบบยังโดนระเบิดจนจมทั้งลำมาแล้ว

    “ถือว่าเป็นโชคดีของพวกนายนะที่เจ้าของยานลำนี้กำลังหลับอยู่ ถ้าตื่นอยู่คงไม่ง่ายอย่างนี้หรอก แต่พอเข้ามาในห้องนี้ได้แล้วก็ไม่เป็นปัญหา ถ้าไม่ได้ไปเพ่นพ่านที่ไหน เพราะชั้นมีอภิสิทธิ์พอสมควรบนยานลำนี้ ไม่มีใครเข้ามาตรวจอะไรอยู่แล้ว เดี๋ยวตอนจะออกจากยานชั้นจัดการส่งออกไปเนียนๆเลย” อาร์แซนกล่าว

     

    ตูม~!

    ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นมา

    “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย! พวกนายรออยู่ในนี้ก่อนนะ อย่าออกไปไหนล่ะ” อาร์แซนเอ่ยออกมาก่อนที่จะรีบเดินไปที่ประตูทันที

    วืด~! ตุบ! ตุบ! ตุบ!

    ประตูเลื่อนเปิดออกมาเมื่อหญิงสาวผมม้าสั้นเต่อกดปุ่มที่อยู่ข้างๆประตู พร้อมกับมีเสียงฝีเท้าที่วุ่นวายเล็ดรอดเข้ามาในห้อง

    “เกิดอะไรขึ้น! ทำไมมีเสียงระเบิดได้ล่ะ” หญิงสาวถามลูกเรือคนหนึ่งที่วิ่งผ่านหน้าห้องมา

    “โจรสลัดไงครับคุณอาร์แซน มันบุกเข้ามาข้างในได้แล้ว ไม่รู้ทำยังไง พวกที่เฝ้าอยู่หน้าประตูยังไม่เห็นใครเข้ามาเลย คุณอิชินกับคุณซุยกะก็ยังไม่กลับมาด้วย ไม่รู้ว่าจะเสียท่าพวกโจรสลัดไปแล้วรึเปล่า” ลูกเรือรายงานอย่างเร่งรีบ

    “แล้วนี่วัลแคนยังไม่ตื่นอีกเหรอ เรื่องวุ่นวายขนาดนี้” อาร์แซนถามอีก

    “กัปตันยังไม่ตื่นเลยครับ เห็นคุณซุยกะบอกว่าควรจะให้กัปตันพักผ่อนบ้าง” ลูกเรือรายงานเสียงหงอยลง

    “เฮ่อ~อ งั้นเดี๋ยวชั้นไปช่วยอีกแรงละกัน แล้วเดี๋ยวชั้นจะบวกเพิ่มเข้าไปในค่าจ้างนะ” หญิงสาวพูดอย่างอ่อนใจขณะที่เดินออกจากห้องไป

    วืด~

    แล้วเสียงประตูเลื่อนก็ดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับประตูที่ปิดลง

     

    เพียะ!! พลัก!! อ็อค~!!

    เสียงแส้ฟาด พร้อมกับพันแล้วเหวี่ยงผู้คนให้กระแทกกับพื้นบ้าง กับกำแพงบ้างดังขึ้นมาไม่หยุด ลูกเรือหลายคนมีแผลเหวะหวะ บางคนก็นอนจมกองเลือดแน่นิ่งไป

    “พวกนี้มันไม่ใช่ผู้เล่นหรือไงเนี่ย ทำไมมันไม่มีใครกลายเป็นแสงเลยซักคนล่ะ” หญิงสาวผู้ใช้แส้เอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดพร้อมกับฟาดแส้ใส่ลูกเรือไม่หยุด

    ฟิ้ว ตูมม!!

    ทันใดนั้นอาวุธบินชิ้นหนึ่งก็วิ่งเข้ามากระทบกับแส้แล้วเกิดเสียงระเบิดขึ้นดังสนั่น ก่อนที่ปลายแส้จะขาดกระจุยไป

    “อึ๊!” หญิงสาวผู้ใช้แส้อุทานออกมาอย่างตกใจ

    “โห เป็นโจรสลัดที่สวยไม่เบาเลยแฮะ” หญิงสาวผู้ที่ปาอาวุธบินเมื่อสักครู่กล่าวเมื่อเห็นหน้าตาที่ได้สัดส่วนของหญิงสาวผมยาวสีขาวตรงหน้า ถึงดวงตาจะดูดุไปหน่อยก็เถอะ แต่สีฟ้าน้ำทะเลของนัยน์ตานั่นก็น่ามองดีเหมือนกัน

    “น่ารำคาญที่สุด! ไปตายซะให้หมด! อุกกาบาต!!” หญิงสาวโจรสลัดแค่นเสียงออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนที่จะเรียกก้อนหินขนาดห้าเมตรให้พุ่งออกมาจากมือของเธอ แล้วตรงเข้าใส่ร่างของหญิงสาวผู้ใช้อาวุธบินทันที

    ตูมม!!

    ก้อนหินเคลื่อนอย่างรวดเร็ว กวาดเอาพื้นและกำแพงที่อยู่ใกล้ๆให้พังไปเป็นแถบ ก่อนจะกระแทกเข้ากับผนังด้านที่หญิงสาวผู้เป็นเป้าหมายยืนอยู่

    แวบ!

    ทันใดนั้นร่างของหญิงสาวผู้เป็นเป้าหมายก็วาร์ปมาปรากฏตัวในระยะประชิดกับหญิงสาวผมขาวทันที

    “อะไรน่ะ!” หญิงสาวโจรสลัดอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะเธอคาดไม่ถึงว่าศัตรูจะเข้ามาประชิดตัวเธอได้ง่ายดายอย่างนี้

    ฉัวะ! อ๊าย!!

    หญิงสาวผู้ใช้อาวุธบินตวัดมือเข้าไปที่หญิงสาวโจรสลัดอย่างรวดเร็ว แล้วรอยคมมีดก็ปรากฏขึ้นที่ลำคอของหญิงสาวโจรสลัด

    “โห ยังหลบได้อีกเหรอเนี่ย นึกว่าจะตายไปแล้วนะเนี่ย” หญิงสาวผู้ใช้อาวุธบินกล่าว

    อาวุธอะไรน่ะ ...ไพ่เหรอ?หญิงสาวโจรสลัดคิดขึ้นมาอย่างตระหนก เมื่อเห็นอาวุธที่อยู่ในมือของหญิงสาวที่เป็นศัตรู

    ตั้งแต่ครั้งแรก ไพ่ถูกปาออกมาใส่แส้แล้วเกิดการระเบิด จริงๆแล้วมีไพ่อีกใบแฝงมาด้วยกัน ซึ่งมันก็ตกลงไปบนพื้น และเมื่อหญิงสาวผู้ใช้แส้เรียกก้อนหินยักษ์ออกมาโจมตี หญิงสาวผู้ใช้ไพ่ก็วาร์ปมาที่ไพ่ใบที่อยู่บนพื้นนั้น ก่อนจะใช้ไพ่อีกใบในมือ ปาดไปที่คอของเป้าหมาย

    แต่หญิงสาวโจรสลัดก็ยังไว เธอสามารถหลบคมไพ่ที่ถึงตายได้อย่างหวุดหวิด แต่ไพ่นั้นก็ยังสร้างบาดแผลขึ้นมาให้เธอได้อยู่ดี

    ไม่ไหวแน่ ฝีมือต่างกันมากเกินไป ทั้งระยะไกล ทั้งระยะประชิด สู้ไม่ได้เลย หญิงสาวโจรสลัดประมวลผลอย่างรวดเร็วเพียงแค่เห็นการโจมตีเพียงครั้งเดียว ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดพลาดอะไร เพราะศัตรูของเธอเป็นผู้เล่นที่มีระดับและค่าสถานะสูงกว่าเธอลิบลิ่วทีเดียว แถมประสบการณ์การต่อสู้ยังมากกว่าด้วย อาศัยเพียงการเคลื่อนไหวง่ายๆก็สยบคู่ต่อสู้ได้แล้ว

    ปัง! ปัง! พรึบ!!

    ทันใดนั้นชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับยิงปืนที่กระสุนกลายเป็นแหโลหะชนิดพิเศษ ออกมาคลุมร่างของลูกเรือโดยรอบและหญิงสาวผู้ใช้ไพ่ทันที เขามีรูปร่างอ้วนและที่สำคัญ ยังไว้ผมทรงแอฟโรฟูฟ่องอีกด้วย

    “อ๋า? ผมทรงแอฟโร? นี่มันทรงฮิตหรือไงเนี่ย” หญิงสาวผู้ถูกแหคลุมร่างเห็นทรงผมของชายร่างอ้วนแล้วก็สงสัยขึ้นมา

    “ท่านราชินี หนีเร็ว!” ชายร่างอ้วนกล่าวอย่างรีบร้อน

    “เดี๋ยว! ขอเอาคืนหน่อยเถอะ ...ถล่ม พินาศ วอดวาย!” หญิงสาวผู้ใช้แส้พูดจบก็เอ่ยคำอัญเชิญเวทอุกกาบาตแบบเต็มทันที

    แวบ!

    ทันใดนั้นหญิงสาวผู้ใช้ไพ่ก็หายตัวจากแหโลหะมาปรากฏตัวที่ด้านหลังของหญิงสาวที่กำลังใช้เวทอัญเชิญแล้วตวัดมือเข้าไปที่ร่างของศัตรูทันที

    ฉัวะ!

    “ไม่ได้นะ เวทอันตรายแบบนั้น อย่ามาใช้บนยานสิ” หญิงสาวผู้ใช้ไพ่เอ่ยเรียบๆพร้อมกับเลือดที่เปื้อนอยู่ที่ปลายนิ้วที่ถือไพ่ของเธอ

    “ท่านราชินี!!!” ชายร่างอ้วนตะโกนขึ้นมาอย่างตระหนก พร้อมกับกดปุ่มเครื่องมือที่อยู่ข้างเอวของเขาทันที

    ปึ้ก! ปึ้ก!

    “ถล่มมันให้..ราบ อุก..กาบาต” แต่แล้วหญิงสาวโจรสลัดก็ฝืนพูดประโยคอัญเชิญจนสำเร็จจนได้

    แวบ! แวบ!

    แล้วทันใดนั้นร่างของหญิงสาวโจรสลัดและชายร่างอ้วนก็หายไปทันที

     

    เพล้ง!! ครืน~!!

    ที่ภายนอกยานนั้น อากาศบริเวณเหนือยานไปห้าสิบเมตรแตกออก พร้อมกับมีก้อนหินยักษ์ขนาดห้าสิบเมตรพุ่งทะลุออกมาทันที อากาศโดยรอบก้อนหินเสียดสีจนเกิดเป็นคลื่นพลังสีแดงเพลิง ดูท่าทางถ้ามันตกลงมาใส่ยานล่ะก็ คงได้ไปเกิดใหม่กันทั้งลำแน่นอน

    “อิชจัง! ที่ยานมีอุกกาบาตกำลังตกใส่ล่ะ” หญิงสาวร่างใหญ่ที่อยู่บนโฮเวอร์คราฟท์กล่าวขึ้นมาเมื่อเห็นหินอุกกาบาตก้อนสีแดงนั่นแต่ไกล

    “เฮ่ย! อะไรนั่นน่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือเจ้าพวกโจรสลัด มันแอบเข้าไปที่ยานได้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ชายหนุ่มร่างเตี้ยที่กำลังขับโฮเวอร์คราฟท์เอ่ยอย่างตกใจ

    “รีบกลับยานกันก่อนเถอะอิชจัง” หญิงสาวร่างใหญ่เรียกร้อง

    “แต่ว่าเรายังหาเรือของโจรสลัดไม่เจอ แล้วกลับไปเราจะทำอะไรได้เล่า ดูยังไงก็ตายกันหมดแล้วนั่นแหละ ... โธ่เว้ย! กลับก็ได้!!” ชายหนุ่มร่างเตี้ยยกเหตุผลที่ยังไม่อยากกลับยานขึ้นมา แต่เมื่อมองหน้าของหญิงสาวร่างใหญ่ที่เหมือนจะร้องไห้แล้วก็ต้องเลี้ยวยานลอยน้ำกลับไปในที่สุด

    ควับ! ซ่า!

    เสียงยานเลี้ยวตีน้ำเป็นวงโค้งดังขึ้นมาพร้อมกับโฮเวอร์คราฟที่เบนหัวกลับไปยังยานขนาดใหญ่ที่จอดอยู่กลางทะเลนั่น โดยไม่เกรงกลัวต่ออุกกาบาตที่กำลังจะหล่นลงมาเลย

    “อิชจังใจดีที่สุดเลย” หญิงสาวร่างอ้วนเอ่ยออกมาอย่างยิ้มแย้มหลังจากที่เห็นว่าคู่หูของเธอยอมทำตามที่เธอขอ

    “เงียบไปเลยยัยแตงโม” ชายหนุ่มร่างเล็กแค่นเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ

     

    แวบ! แวบ!

    ร่างของหญิงสาวผมขาวและชายร่างอ้วนปรากฏขึ้นในห้องบังคับเรือที่มีชายร่างผอมกำลังนั่งอยู่อย่างสงบ

    “เฮ้ยแฟ็ตตี้มาช่วยกันหน่อย!! ท่านราชินีบาดเจ็บสาหัส!” ชายร่างอ้วนเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนรน

    “อะไรนะ!! ไปโดนอะไรมา!!” ชายร่างผอมลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าร่างของหญิงสาวมีเลือดไหลออกมาจากคอ และหลัง

    “ไม่ต้อง แผลแค่นี้ชั้นรักษาเองได้” หญิงสาวผมขาวพูดออกมาอย่างอ่อนแรง

    “ท่านราชินีให้ผมช่วยเถอะครับ เดี๋ยวจะถ่ายปราณให้นะ” ชายร่างผอมพูด ทำหน้าตากะลิ้มกะเหลี่ยพร้อมกับยื่นมือทั้งสองออกมาข้างหน้าคล้ายจะสัมผัสร่างของหญิงสาว

    “หยุดเลยย่ะไอ้พวกบ้ากาม ชั้นรักษาให้ยัยซาดิสม์นี่เอง” เสียงกะเทยดังขึ้นมา พร้อมกับเงาร่างของงูกระดูกสีขาวที่พันร่างหญิงสาวเอาไว้รอบ

    “อ่ะ! อีกแล้วเหรอเนี่ย เจ้างูก้างขวางคอนี่นิ” ชายร่างผอมเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิด

    ตึก! ตึก! ปึ้ง!

    แล้วหญิงสาวผมขาวก็เดินไปทั้งๆที่หลับตาเหมือนหมดสติ เข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่งทันที

     

    ครืน~~

    ขณะนั้นเองหินอุกกาบาตขนาดห้าสิบเมตรก็กำลังจะพุ่งชนยานอยู่แล้ว หินขนาดยักษ์ทำให้อากาศสั่นไหวจนคนที่อยู่ไม่ห่างมากรู้สึกได้เลยทีเดียว

    “ไม่ทันแน่ยัยแตงโม กางโล่ออกมาก่อนที่เราจะโดนแรงกระแทกไปด้วยเร็ว!” ชายร่างเตี้ยเอ่ยออกมาอย่างร้อนใจเมื่อเห็นว่าเจ้าหินอุกกาบาตนั้นคงจะพุ่งชนยานแน่แล้ว

    แซดดด!!!

    แต่แล้วที่เหนือยาน มีลำแสงที่มีรัศมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร พุ่งขึ้นไปบนฟ้า ครอบคลุมเจ้าหินอุกกาบาตเอาไว้ทั้งก้อน แล้วดันมันกลับไปทันที

    “อ๊ะ! นั่นมันอาวุธของชั้นนี่นา คุณวัลแคนตื่นแล้วสินะ รอดตัวไป” ชายหนุ่มเห็นว่าเจ้าลำแสงขนาดใหญ่นั่นเป็นอาวุธที่วัลแคนแสดงให้เขาดูเมื่อเช้านี้นั่นเอง ซึ่งเป็นอาวุธที่เขาสั่งทำและรอมาเป็นปีกว่ามันจะเสร็จสมบูรณ์

    แซดดด!!! ตูมมม!!! แซดด!!

    ลำแสงขนาดใหญ่นั้นพุ่งขึ้นฟ้าไม่หยุด ทำลายเอาหินอุกกาบาตขนาดห้าสิบเมตรให้สลายไปอย่างง่ายดาย แต่ถึงกระนั้นพลังแสงมันก็ยังมีอีกเหลือเฟือ ลำแสงยังถูกยิงพุ่งขึ้นฟ้าไม่หยุดแม้ว่าจะไม่มีเป้าให้มันยิงแล้วก็ตาม

     

    “เฮ่!! นายแอฟโร หยุดยิงได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนจับได้หรอก!!” หญิงสาวผมม้าสั้นเต่อพูดขึ้นขณะย่อตัวลงต่ำเพื่อหลบรัศมีของเจ้าปืนพลังงานสุดอลังการอันนี้

    “ก็มันไม่ยอมหยุดนี่นา!! แขนนี่มันอะไรเนี่ย!!!” ชายหนุ่มหัวฟูพูดออกมาอย่างตระหนกขณะที่แขนซ้ายของเขาชูขึ้นไปบนฟ้า พร้อมกับลำแสงขนาดร้อยเมตรที่พุ่งออกมาไม่หยุดจากปืนที่อยู่ตรงข้อมือ

     

    เจ๋งมะ ถ้าอยากรู้รายละเอียดปืนก็กลับไปอ่าน บทที่178 นะ
    แต่ถ้าคิดว่ามันมีแต่โชคดีล่ะก็ ...ฮึๆๆๆ
    เอ๋? ไม่มีใครคิดเหรอ จับได้กันหมดแล้วว่าโชคร้าย?
    ...ไม่จริงน่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×