ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #199 : บทที่193: จูบที่ไร้ค่า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.23K
      116
      20 พ.ค. 55

    บทที่193 จูบที่ไร้ค่า

    “พบวัตถุขนาดใหญ่ทางทิศสิบสองนาฬิกา” เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้น

    “เรือเรอะ?” เสียงหญิงสาวถามขึ้นมา

    “อืม อยู่กลางทะเลก็น่าจะเป็นเรือนั่นแหละนะ” ชายอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมาบ้าง

    “แต่ว่า ...ขนาดมันใหญ่มากเลยนะ” ชายคนแรกพูดขึ้นมาอีก

    “ที่เอ็งว่าใหญ่นะ ใหญ่ขนาดไหนกันเชียว?” ชายคนที่สองถาม

    “ก็ ...ประมาณร้อยเมตรล่ะมั้ง” ชายคนแรกตอบ

    “ฮ้า!! แกว่าอะไรนะแฟ็ตตี้! เรือใหญ่ร้อยเมตรเชียวเหรอ!!” ชายคนที่สองที่มีร่างอ้วนเอ่ยอย่างตกใจ

    “ข้าบอกเอ็งแล้วไงว่าใหญ่ เชื่อรึยังล่ะ” ชายคนแรกที่มีร่างผอมกล่าวเรียบๆ

    “ไม่เห็นขึ้นมาที่หน้าจอเลย อีกไกลมั้ยเนี่ย?” หญิงสาวที่มีผมยาวสีขาวถามเสียงเข้ม

    “ไม่ไกลครับท่านราชินี จากสัญญาณที่จับได้ มันอยู่ห่างไปแค่ห้าสิบเมตรเท่านั้นเอง” ชายร่างผอมกล่าว

    “ก็แล้วมันอยู่ไหนล่ะ?” หญิงสาวถามเสียงดุ

    “...หรือว่า! ...มันคือยานล่องหน!!” ชายร่างอ้วนอุทานออกมาอย่างตระหนก

    “ยานล่องหนเหรอ? มีคนทำของแบบนั้นในเกมนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย” ชายร่างผอมเอ่ยอย่างรู้สึกทึ่ง

    “มีสิ แต่ไม่เชิงว่าล่องหนจริงๆหรอก มันใช้การสะท้อนและหักเหแสงให้เราเข้าใจว่ามันหายไปเท่านั้นแหละ และคนที่ทำยานล่องหนใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมาก็มีอยู่คนเดียวในเกมนั่นแหละ” ชายร่างอ้วนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหงุดหงิด ท่าทางเหมือนจะเจ็บแค้นอะไรสักอย่างเมื่อพูดถึงยานล่องหนล้ำนี้

    “ใครเหรอทินนี่?” ชายร่างผอมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    “ก็เจ้าวัลแคนไงล่ะ!” ทินนี่ร่างอ้วนพูดพร้อมกับกัดฟันกรอด

    “แล้วเอ็งโกรธอะไรเนี่ย ง่วงนอนหรือไง?” แฟ็ตตี้ร่างผอมสังเกตเห็นความผิดปกติในน้ำเสียงของคู่หูของตน

    “เจ้าวัลแคน!! ...มัน! ...มันเป็นคนที่น่ารังเกียจมาก!!” ชายร่างอ้วนเสียงดังขึ้นมาอย่างมีอารมณ์

    “มันทำอะไรเอ็งรึไง?” ชายร่างผอมถาม

    “เมื่อสองปีที่แล้ว มีการแข่งขันหุ่นยนต์ต่อสู้ที่อวกาศ ซึ่งจัดแข่งกันเป็นประจำ ข้าซึ่งเป็นขาประจำก็จะเอาหุ่นของตัวเองไปลงแข่งทุกครั้งแล้วก็ได้รางวัลกลับมาเสมอ แต่อยู่ๆมันก็โผล่มา!! ทั้งๆที่เป็นมือใหม่แท้ๆ แต่มันดันกวาดรางวัลไปหมดเลย ทำเอาทั่วทั้งวงการหุ่นยนต์ฮือฮา มันน่าเจ็บใจที่สุด!! ...น่ารังเกียจใช่มั้ยล่ะ!!” ทินนี่ร่างอ้วนระบายความอัดอั้นตันใจของเขาออกมา ที่แท้ก็เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีช่างตีเหล็กนั่นเอง

    “แล้วมันแปลกตรงไหนล่ะ เจ้าวัลแคนนี่ ใช่วัลแคนเทพศาสตรารึเปล่า?” ชายร่างผอมสงสัยขึ้นมา เพราะวัลแคนเป็นช่างตีเหล็กที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆของเกมอยู่แล้ว มันจะน่าแปลกใจตรงไหนที่แข่งประลองหุ่นยนต์แล้วชนะ

    “เจ้าโง่แฟ็ตตี้!! ในเมื่อมีฉายาเทพศาสตราแล้ว ก็ไปทำอาวุธเฉยๆสิ หุ่นยนต์มันคนละเรื่องกันนะเฟ่ย!! การตีเหล็กมันมีหลายสาย มีทั้งสายอาวุธ สายหุ่นยนต์ สายเครื่องจักร สายชีวะ แล้วก็อีกเยอะแยะ เลือกเด่นเอาซักอย่างสิโว้ย!! ไม่ใช่จับงานมั่วไปหมด แล้วอย่างนี้ข้าจะได้เกิดเมื่อไหร่เล่า!!” ทินนี่ร่างอ้วนระเบิดอารมณ์ออกมาในที่สุด

    “ตกลงเอ็งก็แค่อิจฉาเค้าใช่มั้ยเนี่ย” แฟ็ตตี้ร่างผอมเอ่ยเรียบๆ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าคู่หูของตนโกรธเรื่องอะไร

    “ไม่ว่ามันจะเป็นใคร เราก็ปล้นมันให้หมดนั่นแหละ ยิงใส่เจ้ายานล่องหนนั่นเดี๋ยวนี้!” หญิงสาวไม่สนใจเรื่องเล่าของทินนี่ร่างอ้วน เธอสนแต่การปล้นเท่านั้น

    “อาย! อาย! มายควีน!!” ชายอ้วนผอมตอบรับอย่างพร้อมเพรียงทันที

     

    “แปลกแฮะ ในเมื่อมีเรืออยู่ แล้วเจ้าออก้าว่ายมาทางน้ำไมล่ะ ทำไมไม่หลบ” มาตาร์เอ่ยขึ้นมาเรียบๆหลังจากคิดว่ามันก็น่าแปลกที่เจ้าวาฬไม่หลบเรือแต่แรก แต่ดันว่ายมาให้ชนทางเรือซะอย่างนั้น

    ปี๊~~! ปี๊~~!

    “ออก้าบอกว่า เจ้าเรือนี่มันอยู่เฉยๆไม่ได้แล่นไปไหน ตอนแรกนึกว่าเป็นเกาะด้วยซ้ำ เพราะมันใหญ่มากน่ะแอฟโร” เด็กหญิงผมแดงช่วยแปลเสียงร้องของเจ้าวาฬให้

    “เหรอ แต่เก่งนะเนี่ย รู้ด้วยว่ามีเรือล่องหนอยู่ ทั้งๆที่มองไม่เห็นแท้ๆ” มาตาร์เอ่ยชมเจ้าวาฬอีก เพราะขนาดเขายังจับสังเกตไม่ได้เลย

    “อืม สัตว์ประเภทวาฬจะมีการใช้คลื่นโซน่าร์ในการเคลื่อนที่ด้วยน่ะคุณแอฟโร ไม่ได้ใช้แต่ตาเพียงอย่างเดียว เจ้าออก้าก็เลยรู้ด้วยคลื่นสะท้อนล่ะมั้งว่ามีเรืออยู่ตรงนี้” หญิงสาวผมทองให้ข้อมูลตามที่เธอเคยอ่านมาในหนังสือ

    “เหรอ ...มีพลังคลื่นใช้ด้วย ปกติสัตว์ในเกมมันทำอย่างนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย” มาตาร์เอ่ย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความรู้เรื่องวาฬเลย

    “ไม่ใช่แค่สัตว์ในเกมคุณแอฟโร ถ้ามีวาฬจริงๆมันก็ทำได้แบบนี้แหละค่ะ” หญิงสาวผมทองเอ่ยยิ้มๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ชายหนุ่มจะไม่รู้ เพราะสัตว์หลายอย่างมันไม่มีให้เห็นตัวเป็นๆแล้วในปัจจุบันนี้ ยิ่งพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยกันในปัจจุบันด้วย หาสัตว์ตามธรรมชาติสักตัวยังยากเลย

    ตูม~!! ซ่า!!

    ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาทันที พร้อมกับน้ำที่สาดกระเซ็นขึ้นมากลางทะเล จากระยะที่ห่างจากพวกมาตาร์ไปประมาณห้าสิบเมตร

    “อะไรน่ะ! เกิดอะไรขึ้น?” มาตาร์อุทานออกมาอย่างตกใจ แรงสั่นสะเทือนในน้ำทำให้เขารู้สึกได้ ถึงแม้จุดที่มีเสียงระเบิดจะห่างไปไกลพอสมควรก็ตาม

    แวบบ!!

    ทันใดนั้นยานที่มีขนาดใหญ่กว่าร้อยเมตร สีดำสนิท ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกมาตาร์อย่างทันทีทันใด ราวกับผุดขึ้นมาจากอากาศ เล่นเอาพวกเขาตะลึงงันกันไปทันที

    มันไม่ใช่เรือ รูปร่างมันไม่เหมือนเรือเลย มันเหมือนกับเครื่องบินมากกว่า รูปร่างมันเป็นทรงสี่เหลี่ยม ถึงจะไม่ใช่เสียทีเดียวก็คล้ายสี่เหลี่ยมที่สุดแล้วล่ะ และมีสิ่งที่ยื่นออกมาดูเหมือนปีกอันหนาๆด้วย

    “นี่มัน! ไม่ใช่เรือนี่นา มันคือยานอวกาศไม่ใช่เหรอเนี่ย!?” มาตาร์อุทานออกมาเมื่อเห็นรูปร่างของพาหนะตรงหน้าชัดๆ

     

    วืด~ด วืด~

    “เกิดอะไรขึ้น!?” ชายหนุ่มตะโกนถามขึ้นมาขณะเดินผ่านประตูเลื่อนเข้ามาในห้องสะพานเดินเรือ

    “เราถูกโจมตีจากยานลึกลับครับ” ลูกเรือรายงาน

    “แล้วคุณวัลแคนล่ะ!” ชายหนุ่มถามขึ้นมาอีกครั้ง

    “กัปตันหลับไปตั้งแต่เมื่อตอนเย็น ตอนนี้ยังไม่ตื่นเลยครับ” ลูกเรือรายงานอีก

    “อิชจังไม่ต้องไปรบกวนคุณวัลแคนหรอก คุณวัลแคนยังต้องพักผ่อนอีกนะ” หญิงสาวตัวสูงร่างอวบอ้วนสวมแว่นตาหนาเตอะที่ยืนอยู่ข้างๆชายหนุ่มกล่าว

    “ศัตรูเป็นใครกันเนี่ย มันรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่ ไม่ได้ล่องหนอยู่หรอกเหรอ” ชายหนุ่มร่างเตี้ยบ่นออกมาพร้อมกับเดินออกจากสะพานเดินเรือไปทันที

    “น่ากลัวจังเลย ต้องเป็นพวกโจรสลัดแน่ๆเลยอิชจัง” หญิงสาวร่างอวบกล่าวพร้อมกับเดินตามชายหนุ่มไป

    “เงียบไปเลยยัยแตงโม” ชายหนุ่มร่างเตี้ยตอบด้วยเสียงดุๆ

     

    แอด~

    ทันใดนั้นที่ด้านท้ายของยานก็มีประตูเปิดออกมา ลักษณะเหมือนทางเดินขนาดใหญ่ที่เอาไว้ขนของ

    วืด~ด ฟูว~!

    แล้วโฮเวอร์คราฟท์เปิดประทุนลำหนึ่งก็แล่นออกมาจากท้ายยาน วิ่งไปบนผิวน้ำที่ทิศทางหนึ่งทันที ดูท่าทางมันกำลังแล่นไปหายานลึกลับที่ยิงใส่ยานลำใหญ่เมื่อสักครู่แน่นอน

    “อ๊ะ!! คุณแอฟโร ประตูยานเปิดออกมาด้วยล่ะ เราเข้าไปกันเถอะ” หญิงสาวผมทองเอ่ยอย่างตื่นเต้น

    “หา? คุณทาเนีย นี่มันยานคนอื่นนะ แถมรู้สึกเหมือนกำลังมีสงครามกันด้วย อย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นดีกว่าน่า” ชายหนุ่มหัวฟูเอ่ยพร้อมกับทำหน้าตาเหยเกเมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวผมทองพูด

    “คุณแอฟโรไม่คิดเหรอว่านี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นน่ะ ยานล่องหนแบบนี้จะมีโอกาสซักกี่ครั้งกันที่ได้ขึ้นไป แถมดูแล้วมันน่าจะมาจากอวกาศด้วย เผลอๆเราจะได้ไปอวกาศกันฟรีๆเลยนะ” ทาเนียพูดอย่างยิ้มแย้ม

    “นั่นสิๆ เลดี้ก็อยากลองขึ้นยานล่องหน ไปกันเถอะนะแอฟโร” เด็กหญิงผมแดงเห็นดีเห็นงามกับความคิดของทาเนียอีกคน

    “... เฮ่อ~อ งั้นระวังหน่อยนะ ถ้าบังเอิญตายไปอีกรอบผมไม่กลับมาแล้วนะ” มาตาร์เอ่ยอย่างเหนื่อยใจ ทำไมเหมือนมีเด็กเล็กๆให้ดูแลสองคนเนี่ย

    “ถ้าคุณแอฟโรตาย ชั้นก็ยอมตายด้วย ยังไงก็ต้องมาสลักวิญญาณให้อยู่แล้วนี่นา รับรองว่าเราไม่พรากจากกันเร็วๆนี้แน่ๆ ฮิๆ” ทาเนียพูดพร้อมยิ้มอย่างสดใสอีกครั้ง

    “...” มาตาร์เงียบไป รู้สึกเหมือนทาเนียจะพูดแปลกๆกับเขาหลายครั้งแล้ว ทั้งจะสลักวิญญาณให้ทุกวัน ทั้งจะยอมตายตาม ทำเอาเขารู้สึกกลุ้มใจขึ้นมาเล็กๆ ยอมมาสลักวิญญาณให้ก็ดีอยู่หรอก แต่รู้สึกเหมือนจะมากไปแฮะ

    ซ่า~~!

    แล้วเลดี้ก็ให้เจ้าวาฬว่ายไปตรงประตูท้ายยานนั่น ก่อนที่ทุกคนจะขึ้นไปอยู่บนยานลำใหญ่ได้สำเร็จ

    “ออก้ามานี่”

    แวบ!

    เด็กหญิงออกคำสั่งเบาๆ แล้วเจ้าวาฬก็กลายเป็นแสงแล้วลอยหายเข้าไปในกำไลผนึกที่แขนของเธอทันที

    “เลดี้ใส่เสื้อผ้าก่อนนะ เอ้า!” มาตาร์ยื่นเสื้อผ้าและผลึกรักษาที่เขาซื้อมาส่งให้เด็กหญิงทันที ตลอดทางเอาแต่นั่งอยู่บนหลังเจ้าออก้า ก็เลยไม่ได้ให้เธอใส่เสื้อผ้าเอาไว้ก่อนและพอดีเธอก็สวมชุดว่ายน้ำอยู่แล้วด้วย ถือว่าแต่งตัวเข้ากับสถานที่อยู่แล้ว

    “อื้อ” เด็กหญิงขานรับพร้อมกับรับเสื้อผ้ามาสวมอย่างรวดเร็ว

    “ฮึ! พวกโจรสลัด แอบเข้ามาแบบนี้ใจกล้ามากนะ ...เอ๋?”

    เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังสอดเข้ามากะทันหันทำเอาพวกมาตาร์ตั้งตัวแทบไม่ทัน แต่แล้วทั้งหมดก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนพูดออกมา รวมทั้งหญิงสาวคนที่พูดออกมาด้วย

    “ยัยอะไรก็ตาม ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ” มาตาร์ถามขึ้นมาก่อนเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนนั้นคือหญิงสาวตาคมไว้ผมบ๊อบฟูๆมีหน้าม้าสั้นเต่อสีดำแซมม่วง

    “เสียมารยาทนะนายแอฟโร บอกแล้วไงว่าให้เรียกอาร์แซน ...แล้วนายกับหัวหน้ามาทำอะไรที่นี่ล่ะ หรือว่าจะมาแก้แค้น?” หญิงสาวผมม้าสั้นเต่อกล่าว

    “แก้แค้น? ...ใคร? อ๊ะ! หรือว่าที่นี่คือยานของ..!!” ทาเนียพูดออกมาอย่างตกใจก่อนที่อาร์แซนจะส่งสัญญาณว่าให้เงียบ

    ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! แวบ!

    ทันใดนั้นไพ่จากอาร์แซนถูกโยนออกมาให้ชายหนุ่มหัวฟู หญิงสาวผมทอง และเด็กหญิงผมแดงพร้อมๆกันคนละใบ ก่อนที่แม่โจรสาวจะพลิกข้อมือครั้งหนึ่ง ส่งร่างทั้งสามหายไปจากบริเวณนั้นทันที

    วืด~ด วืด~

    “คุณอาร์แซนพบผู้บุกรุกเหรอครับ” ลูกเรือคนหนึ่งถามขึ้น พร้อมกับลูกเรืออีกสี่ห้าคนที่ถือปืนและอาวุธครบมือ เดินออกมาจากประตูที่อยู่ด้านในยานอีกที

    “ก็ไม่มีใครนี่นา ชั้นก็รออยู่เนี่ย นึกว่าจะมีคนบุกมาซะอีก ...ยังไงพวกนายช่วยเฝ้าเอาไว้ให้ดีๆละกันนะ” หญิงสาวผมหน้าม้าสั้นเต่อกล่าวพร้อมกับเดินสวนพวกลูกเรือเข้าไปในยาน ตายล่ะ นายหัวฟูกับหัวหน้าแวบไปอยู่ที่ไหนบ้างก็ไม่รู้ ไม่ไปเจอตอเข้าก็จะดีหรอก

     

    แวบ!

    ร่างของเด็กหญิงผมแดงปรากฏขึ้นในห้องห้องหนึ่ง มีเตียงขนาดใหญ่วางอยู่กลางห้อง ที่นอนก็ปูอย่างเรียบร้อย และมีเคาน์เตอร์เรียงกันที่ผนังด้านหนึ่ง มีขนมขบเคี้ยววางอยู่หลายถุง ราวกับว่าที่นี่คือห้องของโรงแรม

    “เอ่? ...ที่ไหนหว่า? แล้วแอฟโรไปไหนแล้วอ้ะ” เด็กหญิงเอ่ยออกมาเรียบๆหลังจากมองไปรอบๆห้อง

    แล้วเด็กหญิงก็ทำท่ายกมือซ้ายขึ้นมาครั้งหนึ่ง เจ้าเสือเขี้ยวดาบก็โผล่พรวดออกมาจากเงาที่พื้นทันที

    พรึบ!

    “นี่เซเบอร์ เรามาถล่มห้องนี้กันก่อนละกันนะ” เด็กหญิงพูดพร้อมกับเดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วเริ่มฉีกถุงขนมออกมากินทันที

    ก๋าว~ว หงับ!

    เจ้าเสือเขี้ยวดาบก็รู้งาน ตรงเข้าไปงับถุงขนมเหมือนกัน

    แล้วทั้งคู่ก็เริ่มถล่มห้องโดยเริ่มจากขนมขบเคี้ยวก่อนนั่นเอง

     

    “...” หญิงสาวผมทองยืนสงบนิ่งอยู่ในห้องห้องหนึ่ง ตรงหน้าของเธอมีร่างของชายคนหนึ่งกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง และท่าทางชายคนนั้นคงจะไม่ตื่นขึ้นมาเร็วๆนี้แน่นอน

    ...วัลแคน หญิงสาวคิดขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะมองหน้าของชายคนนั้น

    เขาคือชายหนุ่มผมขาวยาวประบ่าที่ชื่อวัลแคนนั่นเอง มีดเล่มหนึ่งถูกเรียกขึ้นมาใส่มือของหญิงสาวผมทองขณะที่เธอค่อยๆเดินเข้าไปที่ร่างของชายที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง

     

    อ่า ...ยัยโจรพันหน้าส่งเรามาที่ไหนเนี่ยมาตาร์คิดขึ้นมาขณะที่ยืนอยู่ในห้องห้องหนึ่งที่มีตู้กระจกทรงกระบอกตั้งอยู่กลางห้อง ข้างในตู้กระจกนั้นมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างในด้วย

    อะไรหว่า? ...อ๊ะ! ลาภลอยแท้ๆ!!’ ชายหนุ่มคิดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ๆตู้กระจกแล้วมองเข้าไปเห็นสิ่งที่อยู่ภายในนั้นชัดๆ

    มันคือแขนเทียมข้างหนึ่งที่มีสีดำ แถมยังเป็นแขนซ้ายเสียด้วย แต่ว่ามันออกจะยาวเกินไปหน่อยเมื่อมันเป็นแขนที่มีจุดเชื่อมที่หัวไหล่ ไม่ใช่แขนท่อนล่างที่ยาวถึงข้อศอกแบบที่เขาด้วน แต่มีหรือที่ชายหนุ่มหัวฟูจะสนใจรายละเอียดเล็กน้อยแบบนั้น เขาทุบกระจกให้แตกแล้วหยิบแขนท่อนนั้นออกมาทันที

    เพล้ง! หมับ!

     ฮ่าๆ เสร็จโจรล่ะ ...ตัดเอาเฉพาะส่วนข้อศอกได้รึเปล่าหว่า มาตาร์คิดขึ้นมาขณะที่ลูบๆคลำๆไปที่ท่อนแขนเทียมอันนั้นเผื่อจะสามารถแยกเฉพาะส่วนแขนท่อนล่างออกมาได้

    แกร็ก!

    แล้วหลังจากพยายามงัดแงะอยู่สักพัก ชายหนุ่มก็แยกแขนออกมาเป็นสองท่อนได้จริงๆ โดยมีส่วนที่เป็นแขนท่อนบนแยกออกไปต่างหาก กับส่วนแขนท่อนล่างที่ติดมาตั้งแต่ส่วนที่เป็นข้อพับ

    เอ่ แบบนี้จะกลายเป็นมีข้อพับสองข้อรึเปล่าเนี่ย ...แต่เดี๋ยวเจ้าเดียมอนมันก็ทำให้มันกลืนกันได้มั้ง ขนาดหินเปล่าๆยังกลายเป็นแขนได้เลยนี่นะ ...จะว่าไปถึงจะใส่ไปทั้งแขนแต่แรกก็อาจจะกลายเป็นแขนท่อนล่างอย่างเดียวก็ได้ ไม่น่าเสียเวลาจับแยกเลย มาตาร์คิดขึ้นมาพร้อมกับเอาแขนเทียมข้างใหม่มาประกบกับแขนหินของเขาทันที

    กรึก กรึก

    แล้วแขนเทียมข้างใหม่นั้นก็ค่อยๆถูกแขนหินดูดกลืนไปทีละน้อยจนมันซ้อนกันแนบสนิทเป็นเนื้อเดียว แล้วเศษหินก็ร่วงกราวออกมาจากแขน เหมือนกับว่าแขนเทียมข้างใหม่นั้นไปไล่ที่ของเก่าอย่างก้อนหินให้ออกไป แล้วจากแขนสีดำก็กลับกลายเป็นแขนที่มีกล้ามเนื้อเหมือนแขนปกติอีกครั้ง พร้อมกับหน้าของเจ้าเดียมอนที่ไปอยู่ตรงหลังมือแล้ว แล้วก็มีหางเป็นลายอักขระพันเป็นวงไปจนถึงต้นแขน

    อืม เหมือนเมื่อตอนที่ได้แขนเทียมมาใส่เลย แขนกลายเป็นแขนจริงๆ ไม่ใช่แขนโลหะ มาตาร์คิดขึ้นพร้อมกับพลิกแขนซ้ายไปมาเหมือนกำลังพิจารณาว่ามีอะไรประหลาดๆที่แขนของเขาไหม

    ฟุบ! ควับ!

    มาตาร์ลองสะบัดแขนซ้ายไปมา ทดสอบดูว่าแขนข้างนี้มีอาวุธแบบที่เขาเคยใช้ติดอยู่หรือไม่ แต่ไม่ว่าจะสะบัดหรือพยายามคิดถึงอาวุธอะไร แขนก็ไม่เปลี่ยนรูปทรงไปเลย ราวกับว่ามันเป็นแค่แขนธรรมดาๆ

    อืม แบบนี้ก็ดี ถือซะว่ามีแขนเหมือนเดิม ไม่ได้ด้วนละกัน อาวุธติดแขนมันไม่จำเป็นอยู่แล้ว ที่เหลือก็ให้ทาเนียมาสลักวิญญาณให้กันแขนโดนย่อยสินะ มาตาร์คิดขึ้นมาพร้อมกับเดินสำรวจรอบๆห้องอีก ซึ่งก็ไม่ได้พบอะไรนอกจะประตูทางออกเท่านั้นเอง

     

    ตูม~! ตูม~! ซ่า~~!

    ที่ภายนอก กลางทะเล โฮเวอร์คราฟท์กำลังแล่นฝ่าระเบิดที่ทำให้น้ำแตกกระจายไปเรื่อยๆ

    “อะไรของมันเนี่ย โดนตอร์ปิโดเข้าไปเต็มๆยังไม่เป็นไรอีกเหรอเนี่ย มันทำด้วยอะไรวะนั่น” ชายร่างผอมที่นั่งขับเรือที่กำลังดำอยู่ในน้ำพูดขึ้นเมื่อเห็นภาพโฮเวอร์คราฟท์ฝ่าระเบิดมาง่ายๆจากหน้าจอ โดยในห้องบังคับเรือนั้นไม่มีใครอยู่อีกเลย

    “ว้าย!! อ๊าย~! ระเบิดอีกแล้ว น่ากลัวจังเลยอิชจัง” หญิงสาวร่างใหญ่ร้องออกมาพร้อมกับหลับตาปี๋นั่งอยู่ในโฮเวอร์คราฟท์ ในขณะที่เวทเกราะของเธอไม่ได้เกิดรอยร้าวขึ้นสักนิดแม้จะถูกขีปนาวุธโจมตี ส่วนชายหนุ่มร่างเตี้ยนั่งทำสายตาละเหี่ยใจพร้อมกับใช้มือขวาข้างเดียวขับเจ้ายานลอยน้ำมุ่งไปตรงจุดที่มีการยิงตอร์ปิโดออกมาไม่ได้หยุด

     

    ทางด้านหญิงสาวผมขาวและชายร่างอ้วน พวกเขาใช้เครื่องย้ายมวลสาร ย้ายตัวเองเข้ามาในยานลำใหญ่ได้เรียบร้อยโดยไม่ต้องผ่านประตูที่มีลูกเรือยืนเฝ้าอยู่เลย

    “เจ้าอ้วน แกอยากจะทำอะไรก็ไปทำ ชั้นจะไปทำลายที่นี่” หญิงสาวผมขาวพูดห้วนๆแล้วก็เดินไปทางหนึ่งทันที

    “ครับท่านราชินี” ชายร่างอ้วนขานรับพร้อมกับเดินไปอีกทางหนึ่งทันที ฮึๆๆวัลแคน ข้าจะล้วงความลับของแกล่ะ

     

    ทีนี้ก็ตามหาคนอื่นล่ะนะ มาตาร์คิดขึ้นมาพร้อมกับค่อยๆเดินไปที่ประตูทางออก

    วืด~

    และเมื่อประตูเปิดออก ทันใดนั้น แส้เส้นหนึ่งก็พุ่งเข้ามารัดคอมาตาร์ทันที

    พลัก!! อั้กก!!

    ชายหนุ่มหัวฟูถูกแส้กระชากออกมาจากห้อง เหวี่ยงไปกระแทกกับกำแพงทางเดินอย่างแรง และแม้ว่าเขาจะพยายามฝืนด้วยพลังจิตหรือปราณ แต่พลังทั้งหลายกลับไม่ยอมออกมาเลยราวกับถูกดูดหายไปหมด แม้ว่าเขาจะใช้เคล็ดแบ่งพลังตามส่วนต่างๆของร่างกายแล้วก็ตาม

    “ตายซะเจ้าพวกลูกกระจ๊อก!” หญิงสาวเจ้าของแส้พูดขึ้นมาอย่างดุดันในขณะที่แส้ก็รัดคอชายหนุ่มแน่นขึ้นอีก

    หืม? สำเนียงอย่างนี้ ในสติอันรางเลือน ชายหนุ่มคิดถึงเจ้าของสำเนียงพูดแบบนี้ขึ้นมาได้ เธอคือหญิงสาวคนหนึ่งที่เคยใช้ชีวิตร่วมกับเขาบนเกาะที่เกือบจะร้างผู้คนนานถึงหนึ่งเดือน แต่ว่าเขาก็คิดมากไปกว่านี้ไม่ไหวแล้วเพราะลมหายใจขาดห้วงและเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงสมองถูกตัดขาด ดันคิดถึงยัยงูพิษก่อนตายได้ยังไงเนี่ย ประหลาดแฮะ

     

    จุ๊บ!

    แต่แล้ว ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่มาตาร์หมดสติไป ชายหนุ่มรู้สึกตัวขึ้นมาเพราะสัมผัสที่อ่อนนุ่มที่ริมฝีปากของเขา

    “อุ๊!” มาตาร์อุทานออกมาอย่างตกใจทันทีที่ได้สติ เขากำลังนอนอยู่บนตักของหญิงสาวผมขาวที่ตอนนี้เธอกำลังจูบเขาอย่างดูดดื่ม

    แต่แล้วเมื่อหญิงสาวถอนปากออกมา เธอก็กอดเขาเข้าไปเต็มๆโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย

    หมับ!

    “เฮ่ ยัยงูพิษ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะ” มาตาร์เอ่ยออกมาเรียบๆ เขาทำตัวไม่ถูกจริงๆเมื่อมาเจอสถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้ว่าจะแปลกใจที่เรย์น่ามาอยู่ที่นี่ก็ตาม

    “มาตาร์! นายหายไปไหนมา ปล่อยให้ชั้นตามหาซะแทบแย่!!” เรย์น่าขึ้นเสียงใส่อย่างมีอารมณ์ ในขณะที่ดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อขึ้นมา

    สถานที่ที่ทั้งสองอยู่ตอนนี้ คือห้องเดิมที่มาตาร์เดินออกมานั่นแหละ เรย์น่าที่กำลังจะฆ่ามาตาร์ตายอยู่แล้วยั้งมือเอาไว้ทัน เมื่อเห็นว่าคนที่เธอเอาแส้พันคออยู่นั้นคือมาตาร์นั่นเอง แต่ว่าที่ทางเดินมันออกจะอันตรายเกินไป เธอจึงพาร่างอันไร้สติของเขากลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

    “แล้วเธอจะตามหาชั้นทำไมยัยงูพิษ ชั้นเคยบอกแล้วไง ว่าซักวันเราต้องแยกจากกัน” มาตาร์เอ่ยออกมาเรียบๆ ในขณะที่มือเขาก็ลูบไปที่เส้นผมของหญิงสาวเบาๆ

    “ชั้นไม่อยากอยู่คนเดียว” เรย์น่าตอบห้วนๆ

    “เธอไม่ได้อยู่คนเดียวนี่ คนที่เล่นเกมนี้มีเป็นหมื่นล้าน ไปทำความรู้จักพวกเขาซะบ้างสิ” มาตาร์กล่าวพร้อมกับฝืนตัวลุกขึ้น

    ตุบ!

    “ชั้นอยากอยู่กับนาย!” เรย์น่าตะโกนพร้อมกับดันตัวของมาตาร์ลงไปบนตักของเธออีกครั้ง ใบหน้าของเธอแดงซ่านออกมาทีเดียว

    “... เป็นไปไม่ได้ พอเธอออกจากเกมเธอก็จะไม่เจอชั้นอีกแล้ว” มาตาร์ตอบกลับเรียบๆ สายตาดูหม่นลงมานิดหน่อย แต่เล็กน้อยมากจนไม่ว่าใครก็อาจจะสังเกตไม่เห็น

    “มันก็ไม่แน่หรอกมาตาร์ นายคือหนึ่งในผู้ทดสอบอาหารเม็ดตัวใหม่ของนิวเทรียนไลฟ์ใช่มั้ยล่ะ” เรย์น่าเอ่ยพร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม

    “เธอ ...รู้?” มาตาร์เอ่ยเหมือนเพ้อออกมาเบาๆพร้อมกับดวงตาที่เบิกโพลงออกมา แต่แล้วเหมือนกับคิดได้จึงรีบกลับสีหน้าเป็นปกติอีกครั้ง

    “ตอนแรกชั้นไม่รู้ แต่ตอนนี้รู้แล้ว เพราะนายออนไลน์นานเกินไป ...เหมือนกับชั้น ยิ่งเห็นปฏิกิริยาเมื่อกี๊ของนายก็ยิ่งแน่ใจ” เรย์น่าพูดเหมือนกับว่าเธอจับพิรุธของชายหนุ่มได้แล้ว

    “หรือว่า! ...เธอ คือคนหนึ่งในผู้ทดสอบ?” มาตาร์ถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ

    “ใช่ ชั้นกำลังนอนอยู่ที่นิวเทรียนไลฟ์ เหมือนกับนาย และเมื่อไหร่ที่เราตื่นขึ้นไป เราก็จะได้พบกันอีกอยู่ดี” เรย์น่ากล่าวออกมาเรียบๆเหมือนกับจะบอกว่ายังไงนายมาตาร์ก็หนีเธอไปไม่พ้น

    พรวด!

    ทันใดนั้นชายหนุ่มหัวฟูก็ฝืนตัวลุกขึ้นทันที

    “ไม่! เธอจะไม่ได้เจอชั้นเรย์น่า ทั้งตอนที่ตื่นขึ้นมา หรือแม้กระทั่งตอนนี้!” มาตาร์กระแทกเสียงใส่หญิงสาวพร้อมกับหยิบมีดขึ้นมาจากเข็มขัดแล้วปาดไปที่คอของตัวเองทันที

    “ไม่นะ!!

    ฉัวะ!

    แต่แล้วสิ่งที่โดนมีดกรีด กลับเป็นมือของหญิงสาว เมื่อเธอเคลื่อนไหวได้เร็วกว่า และสามารถเอามือมาขวางเอาไว้ได้ทัน

    หมับ!

    แล้วเรย์น่าก็คว้ามือทั้งสองข้างของมาตาร์เอาไว้แล้วกดแขนของเขาลงไปทันที

    “ไม่! นายกลัวอะไรน่ะมาตาร์ นายเป็นอะไรกันแน่! ทำไมไม่ยอมเปิดใจให้คนอื่นบ้าง! ทำไมนายต้องหนีตลอด ทำไมนายต้องหนีผู้หญิงพวกนั้น ฮึก ...ทำไมนายต้องหนีชั้น” เรย์น่าขึ้นเสียงใส่มาตาร์ ก่อนที่จะอ่อนลงจนเป็นสะอื้นในท้ายประโยค พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตาของชายหนุ่ม

    “...” มาตาร์ไม่พูดอะไร แต่สายตาของเขายังแข็งกร้าวอยู่ ดูท่าทางเขาจะไม่ใจอ่อนลงเลยแม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเขาจะยอมเปิดใจให้เขาแล้วก็ตาม

    จุ๊บ!

    เรย์น่าประกบปากลงไปทันที โดยมาตาร์ก็พยายามออกแรงขัดขืน แต่สู้แรงไม่ได้เลย มันแปลกประหลาดมาตั้งแต่ที่เขาโดนแส้พันแล้ว เหมือนกับว่าใช้พลังพิเศษไม่ได้เลยอย่างนั้น ทำให้เรย์น่าที่เสริมปราณเข้าไปมีกำลังเหนือเขาได้

    และนี่เป็นครั้งแรกที่เรย์น่าจูบมาตาร์เต็มๆแบบที่ยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่ใช่ตอนที่กำลังมึนๆเบลอๆ หรือว่าแกล้งทำแบบในร้านอาหารอินเดียเมื่อแรกพบ

    กึ้ด! โอ๊ยย!!

    สุดท้ายแล้วชายหนุ่มที่สู้แรงไม่ได้ก็ใช้ปากของเขากัดเข้าไปที่ปากของหญิงสาวเพื่อให้เธอถอนปากออกจากเขาให้ได้

    เพียะ!!

    เรย์น่าถอนปากที่เต็มไปด้วยเลือดออกมา แล้วก็ใช้มือตบฉาดไปที่หน้าของชายหนุ่มที่กัดเธอทันที

    “อย่าคิดว่าแค่จูบแล้วจะทำให้ชั้นใจอ่อนเรย์น่า จูบของเธอมันไม่มีค่าอะไรหรอก!” มาตาร์แค่นเสียงออกมา ในขณะที่น้ำตาของหญิงสาวก็ไหลนองออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอจูบเขาจริงๆ แต่มันกลับเลวร้ายมากเลย

    “ไปตายซะมาตาร์!! แล้วอย่าคิดนะ ว่าจะหนีจากชั้นไปได้ ถ้าชั้นเจอนายอีกครั้ง ชั้นจะทรมานนายจนอยากจะตายไปให้พ้นๆเลย!! แล้วก็ ...เจอกันตอนตื่นนะ” เรย์น่าหันมาพูดทั้งน้ำตาใส่ชายหนุ่มหัวฟู แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งซึมอยู่ในห้องคนเดียว

    “โธ่เว่ย!! ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ! ทำไม!!” มาตาร์แค่นสียงออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมกับก้มหน้าลงแนบหัวเข่า เขาไม่ได้โกรธแค้นอะไรเรย์น่า แต่น่าจะเป็นชะตาของเขามากกว่า ที่ทำให้เขาไม่สามารถใกล้ชิดใครได้

     

    แต่ใกล้ๆนั้นเอง บนช่องลมที่อยู่บนเพดานของห้อง หญิงสาวคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ตั้งแต่ที่ทั้งคู่เข้ามาอยู่ในห้องแล้ว เธอคือทาเนียนั่นเอง

    นึกแล้วเชียว ว่าคุณมาตาร์ก็คือคุณแอฟโร ...เป็นไรเดอร์จริงๆด้วยสินะ หญิงสาวคิดขึ้นมาขณะที่นอนนิ่งอยู่ในช่องลม พร้อมกับความรู้สึกหลากหลายที่อยู่ในใจ

     

    ซีนนี้ของเรย์น่า สู้ของซารีน่าได้มั้ยล่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×