คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่10: อวตารมารและเทพจำแลง
บทที่10 อวตารมารและเทพจำแลง
“คุณดันเต้เผ่ามาร เป็นหัวหน้าของกิลด์มารครวญค่ะ” พิธีกรสาวแนะนำ
“เรามาเริ่มกันเบาะๆก่อนนะครับ ด้วยแวมไพร์สิบตัว” พิธีกรชายพูดจบ แวมไพร์ชุดดำก็ออกมาสิบตัว
“เมื่อตอนที่คุณเคนริวสู้ เราจัดมนุษย์หมาป่าซึ่งมีความสามารถในการต่อสู้ประชิดตัวสูงถือว่าเป็นการดวลพลัง ตอนนี้เราส่งแวมไพร์ออกไปซึ่งเป็นสัตว์อสูรสายเวทมนตร์ครับ เราจะได้เห็นความสามารถเชิงเวทมนตร์กันแบบชัดๆนะครับ” พิธีกรชายพูดต่อ
“เริ่มกันแล้วค่ะจ๊อด ดูสิคะ” พิธีกรสาวชี้ชวน
‘ตกลงสามคนนี้เป็นแก๊งแม่สีจริงๆสินะ’ มาตาร์คิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่สายตาก็ยังจ้องดูที่เวทีประลอง
แวมไพร์ห้าตัวพุ่งเข้าไปหาชายหนุ่มเผ่ามารอย่างรวดเร็ว ส่วนอีกห้าตัวล้อมอยู่วงนอก ในขณะที่ชายหนุ่มชุดแดงยังคงยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
แวมไพร์ห้าตัวปักนิ้วเข้าไปที่ร่างชายชุดแดงจนมิดข้อมือ
‘อ้าวเฮ้ย! อยู่ๆก็โดนเสียบเลยเรอะ ประมาทไปป่าวเนี่ย’ มาตาร์คิดเมื่อเห็นชายในชุดแดงเสียท่า
แต่แล้วร่างของชายชุดแดงก็กลายเป็นเงาดำ
ตูม!!
ร่างเงานั้นระเบิดอย่างรุนแรง แวมไพร์ทั้งห้าก็สลายกลายเป็นแสงไปทันที
แวมไพร์อีกห้าตัวที่เหลืออยู่ก็สับสนกันหมด พวกมันไม่รู้ว่าศัตรูของพวกมันหายไปไหน ได้แต่เหลียวมองรอบกายอย่างระมัดระวัง ด้วยกลัวว่ามันผู้เป็นศัตรูจะโผล่ออกมาโจมตีทีเผลอ
แต่แล้วตรงบริเวณที่เกิดการระเบิด ปรากฏก้อนกลมๆสีดำขึ้นมา
อากาศบริเวณรอบๆเหมือนถูกดูดเข้าไปในลูกกลมสีดำนั้น ..เร็วขึ้น ...เร็วขึ้น
แวมไพร์ทั้งหลายถูกแรงฉุดที่เกิดจากเจ้าก้อนสีดำนั้น
ไม่ว่ามันจะพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ไม่เป็นผล แวมไพร์บางตัวพยายามเอาเล็บจิกพื้นฝืนตัวเองเอาไว้ แต่กลับถูกแรงดึงดูดอันมหาศาลลากไป จนรอยเล็บปรากฏเป็นทางยาวอยู่ที่พื้น ดูแล้วน่าอเนจอนาถใจว่าทำไมสัตว์อสูรผู้เป็นราชันแห่งรัตติกาลถึงได้มีสภาพน่าสมเพชได้ขนาดนี้
จนในที่สุดแวมไพร์ทั้งห้าตัวก็ถูกดูดจนมากระจุกอยู่ที่ก้อนกลมสีดำนั้น
ตูม!!
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นกลางวงอีกครั้ง แวมไพร์ทั้งห้าก็กลายเป็นแสงหายไปอีก
แล้วชายชุดแดงก็ค่อยๆโผล่ออกมาจากเงาดำที่พื้นตรงจุดเดิม ไม่ได้ขยับไปไหนเลย
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพิธีกรไม่มีเวลาจะบรรยาย และที่สำคัญ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง อะไรทำให้แวมไพร์ทั้งสิบหายไปด้วยเวลาไม่ถึงนาที
“เอ่อ จ๊อดคะ เมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้นบ้างคะ ดิชั้นมองไม่ทันค่ะ” พิธีกรสาวถามด้วยความสงสัยปนกับตกตะลึง
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ รู้แต่ว่ามีระเบิด แล้วก็มีเงาสีดำ คงจะเป็นการใช้ธาตุความมืดของเผ่ามารกับการใช้เวทระเบิดมั้งครับ” พิธีกรชายสันนิษฐาน
“แต่ทำไมมันดูง่ายอย่างนั้นล่ะคะ ทำเอาพวกแวมไพร์ไม่ต่างกับกระต่ายน้อยที่ไร้ทางสู้เลย ดิชั้นเห็นแล้วยังนึกสงสารพวกแวมไพร์ที่ดิ้นรนไม่ให้ถูกดูดเข้าไปกลางวงเลยค่ะ” พิธีกรสาวกล่าวด้วยเสียงที่ดูเหมือนเศร้า
“แต่นั่นก็เป็นการบ่งบอกได้แล้วนะครับ ว่าเผ่ามารแข็งแกร่งขนาดไหน คุณดันเต้แทบไม่ได้ขยับตัวด้วยซ้ำ คือจริงๆผมไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเค้าขยับตัวครับ” พิธีกรชายเสริม
ผู้ที่ชมการสาธิตอยู่หลายคนก็ยังนิ่งอึ้ง จากอารมณ์ร้อนๆที่ได้เห็นการต่อสู้อันเร้าใจของเผ่ามังกรก็สงบลงทันที ใบหน้าของบางคนบ่งบอกถึงความไม่น่าเชื่อ ของเหตุการณ์การฆ่าล้างแวมไพร์สิบตัวในเวลาไม่ถึงนาที หลายคนที่คิดจะเล่นเผ่ามังกรต้องกลับมาคิดดูใหม่ทันที
‘ร้ายกาจสุดๆไปเลยเผ่ามาร อะไรจะเทพ เอ๊ย!! มารขนาดนี้ครับพี่’ มาตาร์ก็ยังรู้สึกว่าดันเต้คนนี้ไม่ธรรมดา
“ผมคิดว่าเมื่อกี๊คุณดันเต้คงได้อุ่นเครื่องบ้างแล้ว ต่อไปก็จะเป็นของจริงล่ะครับ ผมหวังว่ามันน่าจะสร้างความลำบากให้คุณดันเต้ได้บ้างนะครับ” พิธีกรชายพูด
ตึ้ง!
มังกรตัวใหญ่ออกมาทันที
“มังกรเกล็ดม่วง!! คุณจ๊อดเอาจริงๆเหรอคะเนี่ย” พิธีกรสาวตกใจที่เห็นสัตว์อสูรตัวนี้
“แน่นอนครับ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าคุณดันเต้จะทำยังไงกับมัน” พิธีกรชายกล่าว
“สำหรับมังกรเกล็ดม่วงตัวนี้นะคะ เป็นสัตว์อสูรชั้นสูง คุณสมบัติที่ของมันคือ มีเกล็ดที่แข็งและทนทานมาก ที่สำคัญ มันป้องกันเวทมนตร์ได้ค่ะ” พิธีกรสาวให้ข้อมูล
“ใช่ครับ ไม่ว่าจะเป็นโจมตีทางกายภาพหรือเวทก็แทบจะไม่มีผลกับมันเลยครับ” พิธีกรชายกล่าว
爆(ระเบิด)
ตัวหนังสือโบราณถูกยิงออกมาจากหลังมือของดันเต้ที่สวมถุงมือแปลกๆทั้งสองมือคล้ายกับของแม่มดสาวซารีน่า
ตัวหนังสือโบราณกระทบกับเกล็ดของมังกรเกล็ดม่วง แต่กลับไม่เกิดอะไรขึ้น แล้วตัวหนังสือก็สลายไป
“เมื่อกี๊มันอะไรคะจ๊อด” พิธีกรสาวถามเสียงตื่นเต้น เพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นชัดเจนว่าดันเต้ได้ทำอะไรบ้าง ไม่ใช่ยืนเฉยๆ
“อ้อ ผมเข้าใจแล้วครับ คุณดันเต้ใช้เวทอักษรนี่เอง ถ้าอย่างนั้นก็สามารถอธิบายเหตุการณ์ฆ่าแวมไพร์ได้แล้วครับ” พิธีกรชายถึงบางอ้อเมื่อเห็นเวทที่จอมเวทมารคนนี้ใช้
“คุณจ๊อดเข้าใจอะไรคะช่วยเฉลยให้ดิชั้นฟังหน่อย” พิธีกรสาวถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เวทอักษรจะมีผลตามความหมายของตัวอักษรโบราณที่ปล่อยออกมาครับ ผมพอจะอ่านได้ว่าคำเมื่อสักครู่แปลว่าระเบิด” พิธีกรชายตอบ
“อ๋อ! ถ้าอย่างนั้นการที่เราเห็นแวมไพร์ระเบิดเป็นเสี่ยงๆนั่นก็อาจจะเกิดจากเวทที่คุณดันเต้ใช้เมื่อซักครู่ด้วยใช่มั้ยคะ” พิธีกรสาวเรียบเรียงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“ใช่ครับ ส่วนที่เราเห็นกันเมื่อสักครู่ ที่คุณดันเต้ยิงเวทใส่มังกรเกล็ดม่วง แต่มันกลับไม่เกิดผลอะไรเลยก็เพราะมังกรเกล็ดม่วงมันป้องกันเวทได้ไงครับ” พิธีกรชายสรุป
“ถ้าอย่างนั้นคุณดันเต้ก็คงต้องลำบากมากแล้วล่ะคะ มาดูกันต่อไปนะคะคุณผู้ชม ว่าคุณดันเต้จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร” พิธีกรสาวปลุกอารมณ์คนดู
มาตาร์มองไปที่กลางลานต่อสู้ ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด เขาเห็นใบหน้าของชายในชุดแดงแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว ก่อนที่ความบ้าคลั่งจะบังเกิดขึ้น
“มาแล้วครับ! อวตารมาร!!” เสียงพิธีกรชายตื่นเต้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“อวตารมาร คือทักษะเฉพาะของเผ่ามารนะคะ เป็นทักษะที่เพิ่มค่าสถานะจิตใจซึ่งมีผลต่อความรุนแรงของเวทมนตร์ค่ะ ขั้นต่ำสุดที่เพิ่มได้คือห้าเท่าเชียวนะคะ แต่ดิชั้นมั่นใจว่าทักษะของคุณดันเต้ไม่ได้เพิ่มขึ้นเพียงห้าเท่าแน่นอนค่ะ” พิธีกรสาวให้ข้อมูลพร้อมให้ความเห็น
มาตาร์มองเห็นจอมเวทมารชุดแดงมีสภาพคล้ายๆกับนักสู้มังกรตอนใช้ทักษะมังกรแปลง พลังที่รู้สึกเอ่อล้นจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า
爆(ระเบิด) 爆 爆 爆 爆 爆 爆 爆 爆 爆 爆 爆 爆 爆 爆
ตูมม!! ตูมม!! ตูมม!! ตูมม!! ตูมม!! ตูมม!! ตูมม!! ตูมม!! ตูมม!! ตูมม!!
เสียงระเบิดต่อเนื่องดังสนั่นหวั่นไหว สะท้อนก้องไปทั่ว อากาศบริเวณที่เจ้ามังกรเกล็ดม่วงยืนอยู่สั่นไหวอย่างรุนแรง จนไม่สามารถเห็นได้ว่าที่ตรงนั้นเป็นอย่างไร ทุกคนต้องอุดหูและหลับตาเพราะไม่สามารถทนเสียงดังสนั่นและอากาศที่สั่นไหวอย่างรุนแรงได้
มาตาร์เอามืออุดหู หลับตาปี๋แล้วก้มตัวเหมือนกับจะหลบระเบิดที่มาพร้อมกับอากาศ ผิวหนังของเขารู้สึกได้ถึงการสั่นไหวของอากาศที่รุนแรง พื้นดินก็ถึงกับสะเทือนเลื่อนลั่น ตัวของเขาต้องกระเด้งเป็นระยะ ทั้งๆที่ที่นั่งของเขาเป็นบันไดดินที่เชื่อมต่อกับพื้นตลอด มันบ่งบอกถึงความรุนแรงของระเบิดครั้งนี้ได้ดี
หนึ่งนาทีต่อมา ทุกอย่างเงียบสงบ มาตาร์รู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านสงครามอวกาศมาครั้งหนึ่ง ผ้าคลุมยาจกที่เขาห่มอยู่ขาดวิ่นเป็นริ้วๆ ทั้งๆที่เขาไม่ได้นั่งอยู่ใกล้บริเวณที่มีการระเบิดเลยด้วยซ้ำ
มาตาร์มองลงไปบริเวณที่มังกรเคยยืนอยู่ กำแพงดินและรั้วกันหายไปทั้งแถบ กินลึกเข้าไปอีกกว่าสิบเมตร ไม่ต้องพูดถึงคนที่นั่งอยู่บริเวณนั้นเลย คงไม่มีใครรอด ขนาดเขายังคิดว่าตัวเองจะตายได้เลย
และก็ไม่ต้องพูดถึงมังกรเลยด้วย เพราะดูท่าทางมันก็คงไม่เหลือซากเหมือนกัน
“ร้ายกาจจริงๆค่ะ ขนาดมังกรเกล็ดม่วงที่มีความสามารถในการป้องกันเวทมนตร์ยังตายโดยไม่ได้ตอบโต้เลยซักนิด” พิธีกรสาวยังมีแก่ใจรายงานผลอยู่
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับซาร่า คุณดันเต้ไม่ได้ใช้เวทมนตร์กับเจ้ามังกรเกล็ดม่วง แต่ใช้กับอากาศที่อยู่รอบๆมันต่างหาก” พิธีกรชายอธิบาย
“อ๋อ ดังนั้นจึงได้ผลกับมังกรเกล็ดม่วงสินะคะ เพราะคุณดันเต้ใช้อากาศที่เกิดจากการระเบิดโจมตีมังกร ไม่ใช่เวทมนตร์โดยตรง” พิธีกรสาวกล่าวสรุปให้
“ใช่ครับ และสำหรับผู้ชมที่โดนลูกหลงเมื่อสักครู่ ทางเราจะเก็บอุปกรณ์และเงินที่ตกของท่านไว้ให้ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ถ้าฟื้นแล้วก็มาติดต่อขอรับคืนได้” พิธีกรชายพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ
‘ขอบใจที่บอกนะครับ เกรงว่าถ้าผมตายไปแล้วจะไม่ได้ยินที่คุณพูดน่ะสิ’ มาตาร์แดกดัน ทั้งๆที่ถ้าเขาตายจริงๆของที่ตกก็มีแค่ผ้าคลุมยาจกแท้ๆ
“ขอบคุณคุณดันเต้มากค่ะที่สาธิตความสามารถของเผ่ามารให้เราได้ชมกัน และขออนุญาตผู้ชม ซ่อมแซมอัฒจันทร์ซักนาทีนึงนะคะ” พิธีกรสาวกล่าว
จอมเวทมารลอยขึ้นมาจากลานประลอง พอขึ้นมาถึงอัฒจันทร์ผู้คนที่อยู่ใกล้ถอยหนีทันที ให้ความรู้สึกตรงข้ามกันกับนักสู้มังกรอย่างสุดขั้ว
“นายใช้เป็นอยู่เวทเดียวเหรอ” ชายชุดน้ำเงินพูดขึ้นมาเรียบๆ หลังจากที่ดันเต้กลับมานั่งตรงที่เดิม
“โอ๊ย!! จะใช้เยอะแยะทำไม ก็เห็นอยู่ว่าเวทเดียวก็ตายแล้ว” ดันเต้ตอบกลับเสียงสดใส
ความจริงแล้วเวทอักษรมีให้ใช้ได้หลากหลายตามจำนวนตัวอักษร จึงจัดว่าเป็นเวทมนตร์ที่พลิกแพลงมาก ส่วนดันเต้นั้นสามารถใช้ตัวอักษรได้เป็นร้อยตัว แต่ที่เขาใช้อยู่ตัวเดียวคงเป็นเพราะทิฐิหรือความบ้าก็ไม่แน่ใจ
หลังจากเวลาผ่านไปนาทีหนึ่ง พื้นที่บริเวณที่ถูกระเบิดก็ฟื้นฟูจนกลับมาเหมือนเดิม ไม่เหลือร่องรอยว่าเคยเสียหายมาก่อนเลย
“และสุดท้ายของรอบนี้นะคะ เผ่าเทพ ขอเชิญคุณไมเคิลค่ะ” พิธีกรสาวประกาศ ซึ่งผู้คนก็หายไปส่วนหนึ่งแล้วเพราะความวอดวายก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้ชมการสาธิตเหลือไม่เยอะเท่าไหร่
หลังคำประกาศ ชายชุดน้ำเงินก็ลุกขึ้นยืน แล้วหายตัวไปปรากฏที่กลางลานประลองทันที
‘โว้ว! เนี่ยเหรอพลังจิต สะดวกดีแฮะ’ มาตาร์ทึ่งเมื่อเห็นชายชุดน้ำเงินหายตัวไปต่อหน้า
“คุณไมเคิลเผ่าเทพ ปัจจุบันเป็นหัวหน้าของกิลด์เทพเหนือเทพค่ะ ออกจะเป็นกิลด์ที่ชื่อแปลกนะคะ ทำให้ดิชั้นนึกถึงคำว่าชายเหนือชายทุกที” พิธีกรสาวปล่อยมุก
“เรามาเริ่มกันเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาดีกว่านะครับ” พิธีกรชายไม่รับมุกแถมเปลี่ยนเรื่องทันที
ทันใดนั้น คนในชุดอวกาศสีดำปิดหน้าปิดตามิดไปหมดสิบคนก็ออกมา
“นี่คือมนุษย์ดาวอังคารนะครับ สัตว์อสูรสายจิตที่รูปร่างเหมือนคนมาก” พิธีกรชายกล่าว
ปิ้ว! ปิ้ว! ปิ้ว! ปิ้ว!
ยังไม่ทันจะแนะนำเสร็จมนุษย์ดาวอังคารก็เปิดฉากโจมตีทันที ด้วยอาวุธที่ดูรูปร่างเหมือนปืนพลังงาน
ลำแสงของปืนพุ่งไปที่ชายชุดน้ำเงินนับสิบสาย แต่เส้นแสงเหล่านั้นกลับหายไปก่อนที่จะเข้าถึงตัวชายชุดน้ำเงิน เหมือนกับมีโล่ที่มองไม่เห็นปกป้องเขาเอาไว้
ปิ้ว! ปิ้ว!
ชายชุดน้ำเงินก็ตอบโต้กลับเหมือนกันด้วยปืนสั้นในมือ กระสุนแสงถูกยิงออกมาใส่มนุษย์ดาวอังคาร แต่ผลลัพธ์กลับเหมือนกัน คือกระสุนแสงหายไปก่อนที่จะกระทบถูกเป้า
‘โอ้วว เหมือนดูหนังคาวบอยเลยแฮะ ยิงกันสนั่น’ มาตาร์มองด้วยความเพลิดเพลิน
“พวกมนุษย์ดาวอังคารมีบาร์เรียสามารถป้องกันกระสุนพลังงานได้ครับ อาวุธยิงที่เป็นปืนพลังงานจะถูกลดทอนลงอย่างที่เห็น ปืนของคุณไมเคิลทำอะไรไม่ได้เลยครับ” พิธีกรชายบรรยาย
พริบตาต่อมาชายชุดน้ำเงินเก็บปืนของเขากลับไปเมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ผล แล้วปืนกลแกตลิ่งกระบอกใหญ่ก็โผล่ออกมาแทนที่
“อ๊ะ!! คุณไมเคิลเปลี่ยนปืนเป็นแกตลิ่งแล้วค่ะ” พิธีกรสาวตื่นเต้น
แทด! แทด! แทด! แทด! แทด! แทด!
ลำกล้องหมุนรัวด้วยความเร็วสูง ปลอกกระสุนปลิวว่อนเป็นสายออกมาจากปืนกลทันที
เพล้ง!!
เสียงเหมือนแก้วแตกดังขึ้น บาร์เรียสลาย มนุษย์ดาวอังคารทั้งสิบตัวกระตุกเหมือนโดนไฟช็อต เพียงแต่มันไม่ใช่
กระสุนค่อยๆฝังตัวลงบนร่างทั้งสิบจนพรุนไปหมด
“กระสุนจริงไม่สามารถป้องกันได้ด้วยบาร์เรียครับ นับว่าแก้ปัญหาได้ถูกจุดจริงๆ ทำเอามนุษย์ดาวอังคารกลายเป็นไอ้โง่ไปเลย” พิธีกรชายบรรยายต่อ
‘เอ๊ะ!? ทำไมไม่เห็นต้องส่ายปากกระบอกปืนเลยล่ะ’ มาตาร์คิดเมื่อเห็นชายชุดน้ำเงินยืนยิงอยู่เฉยๆโดยไม่ได้ส่ายไปส่ายมาเพื่อให้กระสุนไปอย่างทั่วถึง
“นี่คือการยิงทะลุมิติด้วยพลังจิตนะคะ ด้วยความสามารถในการเคลื่อนย้าย กระสุนที่ถูกยิงด้วยผู้มีพลังจิตสูงสามารถเข้าเป้าได้แม้ปากกระบอกจะไม่ได้หันไปทางเป้าหมายก็ตาม สะดวกดีใช่มั้ยล่ะคะ” พิธีกรสาวให้ข้อมูล ทำเอามาตาร์ถึงบางอ้อ
สุดท้าย ก้อนสีขาวๆกลมๆขนาดกำปั้นก็ถูกโยนออกมาตกกลางวงของมนุษย์ดาวอังคาร
แว้บบ!!
แสงสีขาวสว่างวาบทั่วบริเวณ ก่อนจะเห็นว่าร่างของมนุษย์ดาวอังคารกลายเป็นฝุ่นแล้วสลายไป
“นั่นคือระเบิดแสงครับ มันคืออาวุธพลังจิตชนิดหนึ่งที่ผสมกับธาตุแสงของเผ่าเทพอย่างลงตัว อานุภาพก็อย่างที่เห็น ขนาดลูกเล็กๆยังสลายได้ถึงวิญญาณ” พิธีกรชายบรรยายสรรพคุณจนเห็นภาพ
‘แต่จริงๆไม่เห็นต้องใช้ไอ้ระเบิดนั่น พวกมนุษย์ดาวอังคารนั่นก็พรุนอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ’ มาตาร์เห็นว่าแม้ไม่ต้องใช้ระเบิดแสงลูกสุดท้ายนั่น พวกมนุษย์ดาวอังคารก็เละเป็นเนื้อสับอยู่แล้วจะใช้ให้มันเปลืองอีกทำไม
“การต่อสู้ด้วยความสามารถของแต่ละเผ่ามีความเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนมากใช่มั้ยครับ” พิธีกรชายชี้ให้เห็นความแตกต่าง
‘แต่การต่อสู้รอบนี้ดูสบายที่สุดเลยแฮะ เร็วด้วยสะดวกด้วย หรือจะเลือกเผ่าเทพดีน้า’ มาตาร์เห็นว่าการต่อสู้ด้วยอาวุธปืนของเผ่าเทพดูสะดวกดี
จริงๆแล้วไมเคิลซึ่งเป็นนักรบชั้นสูงของเผ่าเทพมีความสามารถสูงมากจนดูเหมือนง่าย กระสุนทุกนัดต้องใช้ค่าสมาธิช่วยบวกกับพลังวิญญาณและพลังจิตอย่างสมดุล ยิ่งยิงถี่ขนาดนี้ไม่รู้ว่าค่าสมาธิต้องสูงขนาดไหน เพราะขนาดเวลาที่มาตาร์ใช้ค่านี้ร่วมโจมตียังไม่ถึงวินาทีก็ใช้หมดก่อนทุกที
“และแล้วก็มาถึงช่วงเอาจริง หวังว่าคุณไมเคิลจะพร้อมแล้วนะครับ” พิธีกรชายเตรียมปล่อยอสูรตัวสุดท้าย
ตึง!!
ทันใดนั้นสัตว์ปีศาจตัวยักษ์ก็ปรากาฏ รูปร่างมันเหมือนไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อ แต่ขนาดตัวมันสูงกว่ายี่สิบเมตร ใหญ่กว่ายักษ์ตาเดียวขึ้นไปอีกเท่าหนึ่ง
‘เฮ้ยย!! เล่นกันขนาดนี้เลยเรอะ’ มาตาร์มองขนาดอันใหญ่โตของเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้แล้วก็ต้องตกตะลึง
“นี่คือสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ครับ ไดโนเสาร์กินคน มันมีรูปร่างใหญ่ผิวหนังก็หนา แข็งแรงมากนะครับ” พิธีกรชายประกาศข้อมูล
แทด!! แทด!! แทด!! แทด!! แทด!! แทด!!
นักรบในชุดน้ำเงินสาดกระสุนทันที แต่ด้วยขนาดอันใหญ่โตและผิวหนังที่หนาของไดโนเสาร์กินคน ทำให้กระสุนปืนของนักรบเทพทำอะไรมันไม่ได้เลย
แต่นักรบหนุ่มก็ไม่มีหวั่น เขาเก็บปืนกระบอกยักษ์ไปทันทีแล้วหยิบเอาอาวุธชิ้นใหม่ขึ้นมา
“เฮ่ย!! เล่นเอาไอ้นี่มาใช้เลยเหรอ ซวยแล้ว” ชายชุดแดงที่นั่งอยู่ข้างหน้ามาตาร์เห็นอาวุธของไมเคิลแล้วก็เกิดอาการตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด
อาวุธที่นักรบหนุ่มเอาออกมา จะเรียกว่าอาวุธก็ไม่ถูกนัก มันเหมือนหุ่นยนต์รบซะมากกว่า มันยืนอยู่ด้วยสองขาที่มีความหนาและหนัก ลำตัวเป็นห้องกระจกมีช่องให้เข้าไปขับเคลื่อนได้ ที่มือทั้งสองข้างเป็นปืนกลแกตลิ่งที่มีปากกระบอกขนาดสิบเซนติเมตร และข้างหลังมันยังมีแท่งยาวๆโผล่ออกมาซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นปืนแสง
‘สุดยอด เกมนี้มีกระทั่งของพรรค์นี้ด้วยเหรอเนี่ย’ มาตาร์เห็นหุ่นรบแล้วรู้สึกทึ่ง
แล้วร่างของนักรบเทพชุดน้ำเงินก็เหมือนมีพลังอะไรบางอย่างแผ่ออกมาจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“ออกมาอีกแล้วครับ!! ทักษะเทพจำแลง!!” พิธีกรชายเห็นสภาพที่เปลี่ยนไปของนักรบหนุ่มแล้วรายงานด้วยความตื่นเต้น
“ทักษะเทพจำแลงเป็นทักษะเฉพาะของเผ่าเทพค่ะ ช่วยเพิ่มพลังสมาธิ จิตใจ และโชค เหมาะแก่การใช้อาวุธยิงเป็นที่สุดเลยค่ะ!” พิธีกรสาวเสริมข้อมูลด้วยความรวดเร็ว
แล้วนักรบหนุ่มหายตัวเข้าไปในห้องบังคับทันที
ก๊าซซซ!!
ไดโนเสาร์กินคนอ้าปากโจมตีมาที่หุ่นรบด้วยความรวดเร็ว
แว้บ! บรึมม!
ลำแสงถูกยิงออกจากปากไดโนเสาร์เป็นลำ ที่เห็นว่าจะอ้าปากงับกลับกลายเป็นการหลอกยิง ทำเอาหุ่นรบเซถลาถอยหลังไปหลายเมตร
‘ไดโนเสาร์บ้านพี่ปล่อยแสงได้ด้วยเหรอครับเนี่ย’ มาตาร์เกือบจะลืมไปแล้วว่านี่มันเป็นเกม ไม่จำเป็นที่ไดโนเสาร์จะต้องทำได้เหมือนโลกจริงสักหน่อย
แทรด!! แทรด!! แทรด!! แทรด!! แทรด!! แทรด!!
ปืนกลถูกยิงออกมาจากมือทั้งคู่ของหุ่นรบ ก่อนที่ปืนแสงที่อยู่ด้านหลังจะหันปากกระบอกลงมาแล้วเริ่มชาร์จ
“ได้ผลค่ะ กระสุนขนาดสิบเซนติเมตรเจาะเนื้อของไดโนเสาร์กินคนได้สบายเลยค่ะ” พิธีกรสาวรายงานขณะที่เห็นว่ากระสุนเริ่มเจาะเข้าร่างเจ้าไดโนเสาร์จนมันเริ่มตัวกระตุกแล้ว
แซ้ดด!!
ปืนลำแสงถูกยิงซ้ำทันที ความร้อนของลำแสงแผ่มาจนมาตาร์รู้สึกได้ บ่งบอกถึงความรุนแรงของลำแสงนี้
ลำแสงสาดส่ายไปมาพาดตามลำตัวของเจ้าไดโนเสาร์ ดูท่าว่ามันคงจะสิ้นท่าก็คราวนี้
‘เผ่าเทพสุดยอด!!’ มาตาร์ตื่นเต้นมากที่ได้เห็นผลลัพธ์ของอาวุธอันร้ายกาจ
ปลึ๊ก! ปลึ๊ก! ปลึ๊ก!
ลูกระเบิดแสงกลมๆขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตรสามลูก ลอยขึ้นไปบริเวณหัวและลำตัวของเจ้าไดโนเสาร์ที่กำลังร่อแร่เจียนตายในไม่กี่วินาที
“เอาแล้วไง เคนริวมาช่วยกันหน่อยเด๊ะ!!” เสียงชายที่นั่งอยู่ข้างหน้ามาตาร์ตะโกนอย่างแตกตื่นเมื่อเห็นอาวุธชิ้นสุดท้ายที่ถูกปล่อยออกมา
ระเบิดแสงขนาดลูกเท่ากำมือลูกเดียวยังสลายได้ถึงวิญญาณ แล้วไอ้ลูกที่ขนาดใหญ่ขึ้นมาห้าหกเท่าถึงสามลูกจะสลายได้ถึงขนาดไหน
แว้บบ!!
แสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมา สว่างจนมาตาร์รู้สึกแสบตา จนต้องหลับตาเอาไว้ ความร้อนจากระเบิดแสงแผ่ออกมาจนเขารู้สึกได้
และเมื่อเวลาผ่านไปสักพักเขารู้สึกว่ารอบข้างไม่ร้อนแล้ว
‘ในที่สุดก็สงบซักที’ มาตาร์หลับตาไปสักพัก พอเสียงรอบด้านเริ่มสงบเขาจึงลืมตาขึ้นมา
...บนโซฟาในห้องสีขาว
“....” มาตาร์มองไปรอบๆห้องอันคุ้นเคย
“ผู้เล่นมาตาร์เสียชีวิต ท่านสามารถเข้าสู่เกมได้ในอีกหนึ่งชั่วโมง พื้นที่พิเศษสามารถออฟไลน์ได้ค่ะ”
“อีกแล้วเหรอเนี่ย” มาตาร์พูดออกมาอย่างเซ็งๆ พร้อมสัตว์เลี้ยงอีกสามตัวที่มานัวเนียรอบๆตัว
ทักษะเผ่ามังกร
ทักษะเผ่า ร่างมังกร | อัตราการใช้ความอึดลดลง50% กาย+20% คล่อง+20% อึด+20% สมาธิ-20% จิต-20% โชค-20% ไม่สามารถใช้พลังจิตหรือเวทมนตร์ได้ ไม่สามารถใช้ธาตุความมืดหรือแสงได้ |
ทักษะเผ่า มังกรแปลงระดับ1 | กาย+100% คล่อง+100% อึด+100% พลังวิญญาณ10/วินาที |
ทักษะเผ่า ปราณมังกร ระดับ1 | แปลงเป็นพลังธาตุธรรมชาติได้ทั้ง5ธาตุ +10% ความเร็วในการฟื้นฟูปราณ 10% ของปริมาณปราณที่ใช้เสริมเข้ากับสถานะทางกายภาพ 10% ของปริมาณปราณที่ใช้คูณกับท่าที่ใช้ปราณ |
ทักษะเผ่ามาร
ทักษะเผ่า ร่างมาร | พลังวิญญาณฟื้นฟูเร็วขึ้น100% กาย-20% คล่อง-20% อึด-20% สมาธิ+0% จิต+60% โชค+0% สามารถใช้พลังธาตุความมืดได้เท่านั้น สามารถใช้เวทมนตร์ได้ 2 สาย ไม่สามารถใช้พลังจิตได้ |
ทักษะเผ่า อวตารมารระดับ1 | จิต+500% พลังวิญญาณ10/วินาที |
ทักษะเผ่าเทพ
ทักษะเผ่า ร่างเทพ | สมาธิฟื้นเร็วขึ้น100% กาย-10% คล่อง-10% อึด-10% สมาธิ+10% จิต+10% โชค+10% สามารถใช้พลังธาตุแสงได้เท่านั้น |
ทักษะเผ่า เทพจำแลงระดับ1 | สมาธิ+100% จิต+100% โชค+100% พลังวิญญาณ10/วินาที |
Rewrite tag : แก้คำผิด
ความคิดเห็น