คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
Intro
“เยริอา นี่เธอเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่อีกแล้วหรอเนี่ย เครื่องเก่าเพิ่งจะซื้อเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองไม่ใช่หรอ?"
“สงสารพ่อแม่ยัยนี่จริงๆ ใช้เงินยังกับปลูกต้นเงินไว้หลังบ้านงั้นแหละ“
“แล้วไงล่ะ มีรุ่นใหม่ออกมาฉันก็ต้องรีบคว้าไว้ก่อนสิ นี่ฉันเป็นเจ้าของคนแรกในประเทศเราเลยนะ อยากดูใกล้ๆมั้ยล่ะ"
“อิจฉาฉันสินะ เป็นคนจนนี่น่าสงสารจริงๆเลยน้าาา ให้ตายสิ ฮ่ะๆๆ“
เสียงสนทนาของนักศึกษาสาวสองคนนั่งคุยกันไกลออกไปเกือบ10เมตรเห็นจะได้ นั่นน่าจะไกลพอที่มนุษย์ทั่วๆไปจะไม่สามารถบังเอิญได้ยินเสียงคนอื่นคุยกันแบบนั้นแน่ แต่ไม่ใช่กับ คิม แทยอน เพราะเธอได้ยินทุกอย่างชัดเจนราวกับว่าตัวเธอนั้นนั่งอยู่ในกลุ่มสนทนานั้นด้วย เพียงเพราะเธอดันสอดส่ายสายตาไปมองยัยสองคนนั้นเข้า
แทยอนได้ยินเรื่องราวแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่เธอจำความได้ ไม่ว่าใครก็ล้วนมีความรู้สึกในใจที่สวนทางกับสิ่งที่จำเป็นต้องพูดออกไปทั้งนั้น แทยอนรับรู้เรื่องราว ความรู้สึก ความลับ และความจริงของทุกคนที่เธอเคยพบเจอ แต่ถึงเธอจะกุมความลับของคนอื่นเอาไว้มากมายแค่ไหนตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดที่จะใช้สิ่งนั้นหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองหรอกนะ
เพราะเธอเองก็มีความลับที่อยากจะปิดมันเอาไว้ตลอดชีวิตเช่นกัน
คิม แทยอน
ถ้ามองแค่ภายนอกก็คงจะเห็นแต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวปากแดงซึ่งมันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยสักนิด แต่ถ้าหากได้ลองพูดคุยกับเธอดูสักครั้ง คุณจะได้รู้...ว่าแทยอนคนนี้น่ะพิเศษกว่าคนอื่นยังไง
อ้ะ อยากรู้แล้วหรอ ก็ได้ๆบอกก็ได้ ฉันน่ะ...ได้ยินเสียงความคิดของคนอื่น ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะตั้งแต่เกิดเลยละมั้ง ได้ยินทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี จะตั้งใจฟังหรือไม่ตั้งใจฟังก็ได้ยินหมด เป็นไงเจ๋งใช่มั้ยล่าา ฮ่าๆ บอกตามตรงฉันชอบมันมากๆเลยนะ มันทำให้ฉันแยกเพื่อนร่วมโลกกับเพื่อนแท้ออกจากกันได้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนสักเท่าไหร่ แต่ใครสนล่ะถ้าเพื่อนพวกนั้นไม่ได้จริงใจกับฉัน ถ้าต้องคบเพื่อนปลอมๆแบบยัยพวกนั้นเป็นเพื่อนละก็ฉันยอมอยู่คนเดียวยังดีซะกว่า!
ตอนเด็กๆฉันเคยแสดงความสามารถนี้ให้พ่อกับแม่ดู พวกท่านอึ้งกันไปเลยอ่ะ มันก็ตลกดีนะตอนเห็นสีหน้าพ่อกับแม่ตัวเองเหวอขนาดนั้น แต่ฉันก็เริ่มขำไม่ออกเพราะหลังจากนั้นพ่อกับแม่ฉันก็ทำเหมือนว่าฉันเป็นเด็กประหลาด ไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ ต้องดูแลเป็นพิเศษอะไรแบบนั้น พวกท่านกลัวว่าฉันจะไม่มีเพื่อน แน่ล่ะใครจะอยากคบฉันล่ะถ้าพวกเขารู้ความจริงว่าฉันได้ยินทุกอย่างที่เขากำลังคิดน่ะ และแล้วสิ่งที่พวกท่านกลัวนักหนามันก็เกิดขึ้นจริง เพราะฉันดันเผลอไปเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนคนหนึ่งฟัง หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนคนนั้นก็ตีตัวออกห่างจากฉันไป แค่นั้นยังไม่พอ ยัยนั่นยังเที่ยวเอาไปป่าวประกาศให้คนอื่นฟังอีก จนคนอื่นๆก็เริ่มทำอย่างกับฉันเป็นตัวเชื้อโรคที่ต้องออกห่าง และห้ามเข้าใกล้ แล้วสุดท้ายก็ไม่มีใครอยากคุยกับฉันสักคนแม้กระทั่งคนที่เรียกตัวเองว่าครู!!
ฉันไปโรงเรียนด้วยความรู้สึกเศร้าหมองแทบทุกวัน ไม่มีใครกล้าสบตา ไม่แม้แต่จะอยากเดินผ่าน ไม่มีใครอยากนั่งใกล้เพียงเพราะกลัวว่าฉันจะอ่านความคิดพวกเขา แต่เจ้าพวกนั้นคงไม่รู้หรอกว่าถึงจะนั่งห่างจากฉันแค่ไหน แต่ถ้ายังอยู่ในระยะสายตาที่ฉันมองเห็นละก็ ฉันได้ยินที่พวกแกคิดทุกอย่างอยู่ดีนั่นแหละ พวกบ้าเอ้ย!!!
ฉันพยายามอย่างหนักที่จะอยู่คนเดียวให้ได้ บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร เราอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งใคร แกเก่งมากๆแล้วแทยอน แต่ก็ทำได้แค่บอกกับตัวเองน่ะนะ เพราะเอาเข้าจริงฉันก็ไม่เคยทำมันได้เลยไม่เคยเลยสักครั้ง ฉันร้องไห้จนตาบวมแต่ก็ต้องฝืนเก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจ และใช้ชีวิตพิเศษนี้ต่อไปอย่างมีความหวังว่าสักวันนึงจะเจอคนที่พร้อมจะยอมรับและเข้าใจในความพิเศษของฉัน
หลังจากนั้นไม่นานฉันก็ย้ายโรงเรียน ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่ของการเปลี่ยนที่เรียน ฉันคิดว่าเริ่มจะชินกับการแนะนำตัวหน้าชั้นเรียนแล้วล่ะ และถึงฉันจะชิน แต่ฉันก็ไม่อยากจะย้ายที่เรียนไปตลอดชีวิตหรอกนะ การสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังอีกเด็ดขาดคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตพิเศษของฉัน
และตอนนี้ฉันกำลังมองผู้หญิงสองคนนั้นอย่างนึกสงสัย ถ้าการเป็นเพื่อนกันมันต้องเอาแต่ปั้นหน้ายิ้มใส่กันทั้งที่ในใจเกลียดกันขนาดนั้นแล้วพวกแกจะคบกันเป็นเพื่อนไปเพื่ออะไรวะ นั่งด่ากันในใจอยู่นั่นแหละ แปลกคนจริงๆ ขาเล็กๆของฉันพาตัวเองเข้ามาถึงสนามบอล ฉันพยายามมองหาเพื่อนสนิทที่นัดเจอกันที่นี่เป็นประจำอยู่
ควอนยูริ เป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันมีในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จะพูดกันตามตรงก็คงจะเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันเคยมีเลยก็ว่าได้ ยูริไม่เหมือนคนอื่น ถึงแม้ว่ามันจะดูบ้าๆบอๆ แต่มันไม่เคยคิดร้ายกับใครแม้แต่คนเดียว ขนาดมีคนขับจักรยานมาเฉี่ยวมันจนล้มหน้าจิ้มขี้หมา แต่มันก็ดันเป็นห่วงคนที่ขับจักรยานเฉี่ยวมันมากกว่าตัวเองซะอีก มันบอกว่าเพราะคนๆนั้นก็ล้มเหมือนกันเขาอาจบาดเจ็บก็ได้ เป็นไงล่ะเพื่อนฉันคนนี้เยี่ยมไปเลยล่ะสิ และที่สำคัญมันไม่เคยนินทาฉันในใจ (แต่ว่าด่าต่อหน้าเลยจ้า) นั่นทำให้ฉันประทับใจในตัวเพื่อนคนนี้มาก
“ไอ้แท ทางนี้โว้ยย ยู้ฮู่ววววว” เพื่อนตัวดำของฉันโบกมือหย่อยๆเป็นเชิงว่า แทยอน กูอยู่นี่ มานี่เร๊ววว อะไรประมาณนี้ ซึ่งถ้าเป็นกลางคืนกูคงมองไม่เห็นมันแน่ๆ ยังดีที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลยโบกมือตอบกลับมันไปนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าไปหามัน
“ไมวันนี้มาเช้าจังวะยูลิง“ นึกสงสัยว่าทำไมมันมาแต่เช้าขนาดนี้ โดยปกติมันมาเรียนไม่ต่ำกว่า 11 โมงประจำ นี่ยังไม่ 8 โมงเลยด้วยซ้ำ เวลาเข้าเรียนก็ตั้ง 9โมงนู้น บางทีก็อยากบอกเพื่อนว่าถ้ามึงจะมาเอาป่านนั้น มึงก็นั่งสักแปบแล้วสะพายกระเป๋ารอกลับบ้านเลยเถอะ อาจารย์จะเลิกสอนอยู่แล้วไอ้เพื่อนบ้า
“ก็เมื่อตอนตี5อ่ะ น้องฮานิเป็นไรไม่รู้อยู่ๆก็ซึมไป กูไม่สบายใจเลยพาไปหาหมอตั้งแต่6โมงเช้า ตอนนี้อยู่กับหมอแล้วก็โล่งใจไปบ้างแต่กูก็ยังเป็นห่วงอยู่เลยว่าจะเป็นไรมากมั้ย ตอนโดนฉีดยาจะเจ็บมากมั้ยก็ไม่รู้ น่าสงสารจัง ฮานิจ๋าอดทนหน่อยนะ เดี๋ยวพี่ยูลไปรับตอนเย็นนะคะ” พูดไปก็ทำหน้าเศร้าไป มือไม้ก็โอบกอดตัวเองราวกับปลอบประโลมใครสักคนไว้ในอ้อมแขน
"อ่ะ อันนี้พูดกับกูหรือพูดกับตัวเอง เป็นเอามากนะมึงเนี่ย"
น้องฮานิที่มันพูดถึงน่ะ ไม่ใช่แฟนมันหรอกนะ แต่เป็น หมา! หมาค่ะ ฟังไม่ผิดหรอกนะคะ คือไอ้ลิงนี่มันรักหมายิ่งกว่าอะไร ใครอย่าได้มาพูดจาไม่ดีกับหมามันเชียวนะ มันตีปากแตกเลยเด้อ และถ้าใครจะรักมันนะก็ต้องรักหมามันด้วยนะจ้ะบอกไว้ก่อน
“อ๋อออ ก็ว่าอยู่มันแปลกๆที่เห็นมึงนั่งรอเข้าเรียนซึ่งเป็นไปได้ยากมากเปอร์เซ็นความเป็นไปได้แทบเป็นศูนย์"
“มึงอย่ามาเวอร์ไอ้เตี้ย ถึงกูจะมาสายแต่สมองอันชาญฉลาดของกูสามารถเรียนรู้ไวยิ่งกว่าคนที่นั่งเรียนในห้องตั้งแต่วินาทีแรกยันวินาทีสุดท้ายอย่างมึงอีก โธ่ววมิอยากจะคุย" มึงเก่งมากจ้าไอ้ลิงดำได้ C+ เกือบทุกวิชา เก่งกว่ากูมาก กูแค่เข้าใจช้าแต่ไม่ได้โง่แบบมึงค่ะ
“เอาที่มึงสบายใจเลยลิง กูไปเรียนละ"
"รอกูด้วยเซ่!"
.
.
“เออไอ้แท เห็นเค้าลือกันว่าอาจารย์ที่สอนวิชานี้คือแซ่บเวอร์ ใครๆก็อยากลงเรียน พวกเรานี่โชคดีเนอะที่มีวิชานี้ในตารางอยู่แล้วไม่ต้องไปลงทะเบียนแย่งกับใครเขาให้เหนื่อย กูนี่อยากเห็นละว่าจะแซ่บแค่ไหน ฮึ้ยๆ"
“ถ้าเด็ดอย่างที่เค้าล่ำลือกันจริงๆล่ะก็.... ควอนยูลคนนี้จะจีบอาจารย์คนนั้นให้ดูวว อิคึอิคึ"
"โอ้ย กูเจ็บนะเนี้ย ตบกูไมวะ"
“มึงจะขึ้นครูหรอไอ้ลิงใจบาป เกิดมาหน้าเหมือนลิงแล้วยังจิตใจไม่ดีอีกนะ" ตบหัวเรียกสติมันสักที ก่อนมันจะคิดอะไรลึกไปมากกว่านี้
“ไอ้เตี้ยแท อย่าให้กูเห็นว่ามึงแอบเหล่อาจารย์นะ กูจะตบกะโหลกมึงให้โยกเลย "
ยูริขมุบขมิบปากบ่น ทั้งที่มืออีกข้างก็ลูบจุดที่โดนตบไปเมื่อกี้ด้วยความแค้น
“มึงไม่มีทางได้ตบกะโหลกกูหรอกเพราะกูไม่ได้ชอบผู้หญิงโว้ยย" หึ ไอ้ยูล คิดว่าแอบด่ากูในใจแล้วกูจะไม่ได้ยินหรอมึงคิดผิดแล้วเต็มสองรูหูกูเลย วะฮ่าๆๆ แอบยิ้มเยาะเย้ยมันอย่างสะใจที่ได้แกล้งเพื่อนหน้าโง่ของตัวเอง ฮ่าๆ
“เห้ย มึงรู้ได้ไงวะว่ากูคิดอะไร หลายทีละนะมึงอ่ะ หรือว่ามึงเป็นหมอดูจิตสัมผัสวะ เอาดีๆ" สีหน้ายูริตกใจอย่างเห็นได้ชัด ตัวเธอเองก็คบกับแทยอนมาตั้งแต่ปีกว่าแล้ว หลายครั้งที่แทยอนพูดจาแปลกๆเหมือนรู้ทุกอย่างที่เธอคิด แต่จะมีพลังแบบนั้นอยู่จริงได้ไง นี่ไม่ใช่ซีรีย์เกาหลีนะ
“คือ จริงๆแล้วกูอ่ะ .......”
ปึง!
เสียงวางหนังสือบนโต๊ะหน้าห้องเรียน บ่งบอกได้ถึงการมาของอาจารย์สาวคนดังที่ยูริเพิ่งพูดถึง ทำเอานักศึกษาที่เคยส่งเสียงคุยกันจ๊อกแจ๊กจอแจหยุดอึ้งกับความสวยสมบูรณ์แบบของอาจารย์คนนั้น ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าเรียวงาม จมูกเป็นสันได้รูปบวกกับริมฝีปากเล็กทรงกระจับ แล้วไหนจะดวงตาหวานนั่นอีก หญิงสาวหลายคนอาจอยากได้มันจนยอมแม้แต่จะต้องเสียเงินมากมายไปผ่าตัดเพื่อให้ได้มันมา แต่กับอาจารย์ฮวัง ทิฟฟานี่คนนี้ดูเหมือนเธอจะไม่ต้องไขว่ขว้าสิ่งเหล่านั้นให้ยากเลย เพราะเธอเกิดมามีครบทุกอย่างบนใบหน้านั้นแล้ว จะมีคำไหนเหมาะไปกว่าคำว่าสมบูรณ์แบบอีกหรอ ก็ไม่น่าจะมีแล้ว ยูริค่อยๆเลื่อนมือขึ้นมาจับที่หัวใจตัวเองแล้วยิ้มออกมาสีหน้าเหมือนคนกำลังเพ้อเบลอในความสวย ในขณะที่แทยอนนั้นลืมวิธีการหายใจไปแล้วเหมือนกัน....
“Hi , Everyone my name is ……." อาจารย์คนสวยหยุดพูดแล้วหมุนตัวกลับไปเขียนกระดานด้วยลายมือที่มีเอกลักษณ์เป็นภาษาอังกฤษว่า “””””””” Tiffany Hwang “””””””””””
“ You can call me อาจารย์ ฮวังก็ได้นะคะ" ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คลาสเรียนวิชาอะไร อาจารย์คนสวยแนะนำตัวเสร็จก็ยิ้มหวานแล้วขยิบตาให้นักศึกษาไปหนึ่งทีตามแบบฉบับการแนะนำตัวของคนมีเสน่ห์เป็นการปิดจ๊อบ ส่วนคนที่ได้รับการวิ๊งนั้นจะเป็นใครไปได้ นอกจากคิม แทยอนไงล่ะ เมื่อกี้ลืมหายใจใช่ไหมคะ ตอนนี้ ฮึก! สะอึกไปเลยจ้าา
"ฮึก" โคตรสวยเลย นั่นใช่คนจริงหรอวะ
"ฮึก" โอ้ยแล้วทำไมกูต้องสะอึกด้วยวะเนี่ย
"ฮึก"
"ไอ้แท มึงเป็นอะไรอยู่ๆก็สะอึก อ่ะๆนี่น้ำกูกินเข้าไปแล้วกลั้นหายใจตอนกินด้วยจะได้หาย" ยูริหยิบขวดน้ำที่ซื้อไว้เมื่อเช้าตอนอยู่ที่คลินิกมาให้แทยอนกิน สีหน้าแทยอนดูซีดๆหรือมันจะป่วยวะ
"มึงป่วยหรอ ทำไมสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยวะ" แทยอนอึกอักกับคำถามของเพื่อน อันที่จริงก็อยากจะบอกแหละนะว่ากูไม่ได้ป่วย กูแค่ต้องการออกซิเจนเพราะแอบเหล่อาจารย์ฮวัง แต่ก็กลัวมันจะตบหัวให้โยกอย่างที่มันบอกไว้
"ป่าวๆ กูแค่หายใจผิดจังหวะเฉยๆ" โกหกออกไปด้วยสีหน้าเลิ่กลั่กที่ใครเห็นก็รู้ว่ามีพิรุธยิ่งกว่าในละครไทย แต่นี่ใคร นี่ยูริเอง
"อ่อ แล้วไป" เพื่อนดิฉันเองค่ะ แกเป็นคนโง่ๆ-_-
“วันนี้เรามาเริ่มต้นคลาสด้วยการแนะนำตัวกันหน่อยดีกว่าค่ะ เริ่มที่คุณเลยค่ะ “อาจารย์คนสวยผายมือไปที่ ลิงกับหมาหน้าเอ๋อหลังห้อง ยูริไม่แน่ใจว่าอาจารย์หมายถึงตัวเองหรือเปล่าเลยลองชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วยึ้กไหล่ทำหน้าแหยงๆเป็นเชิงถาม อาจารย์ยิ้มหวานแล้วพยักหน้าอ่อนๆเพื่อบอกว่ามึงนั่นแหละค่ะ ทำเอาลิงดำรู้สึกหนาวสันหลังยังไงก็ไม่ทราบ ทำไมต้องเริ่มที่กูวะเนี่ย ก็ยิ่งฉลาดๆอยู่ภาษาอังกฤษเนี่ย
“เอ่อ กู๊ด มอนิ่ง ทีชเชอร์ มายเนม อีส ควอน ยูริ เอ่อ กูต้องพูดไรอีกวะแท" เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เลยหันไปกระซิบขอความช่วยเหลือจากไอ้แทเพื่อนรักดีกว่า เพราะมันเรียนเก่ง
“มึงคงลืมไปสินะว่ากูโง่อังกฤษ" ช่วยได้มากเลยขอบคุณมากไอ้เพื่อนเตี้ย แม่งเอ้ยแล้วไอ้แนะนำตัวนี่มันต้องบอกอะไรบ้างวะ ชื่อพ่อแม่หรอ บ้านเลขที่ด้วยรึเปล่าวะ แล้วก็บอกว่าเมื่อเช้ามาเรียนยังไงงี้อ่อ โอ้ยยยพูดไรดีอ่ะ หันไปทำหน้าขอร้องไอ้แทยอนอีกครั้ง
“มึงก็บอกว่ามึงมีหมาไง หมาชื่อฮานิก็บอกเค้าไป" เออว่ะ น้องฮานิ ฉลาดมากไอ้เพื่อนรัก
“เอ่อ ไอ แฮฟ อะ ด๊อก มาย เนม อีส ด๊อก เอ้ย! มาย ด๊อก อีส ด๊อก เอ้ย! ฮานิ เอ้ย! โอ้ะ" เอ้ยซะเป็นแก๊งสามช่าเลยมึงไอ้ลิง หันไปมองหน้าอาจารย์คนสวยที่แอบขำกับความโง่ของไอ้ยูล แทยอนไม่ได้รู้สึกไปเองเมื่อกี้นี้มันใจแว๊บแปลกๆอาจารย์สวยมาก อาจารย์สวยจนจุกอย่างที่ไอ้ยูลมันบอกจริงๆ นี่ขนาดเธอเป็นผู้หญิงด้วยกันยังยอมรับเลยว่าสวยมาก
“โอเคค่ะ คนต่อไปเลย" อ่าวซวยแล้วคิวกูสินะ เดี๋ยวๆกูต้องพูดอะไรนะ มาย เนม อีส หรือ อีส มาย เนม วะ โอ้ยยย นี่ไม่ได้โง่นะ นี่รน ล้วนๆไม่มีเขินผสม
“เอ่อ มาย เนม .... อีส ......แทยอน คิม แทยอนค่ะ" เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อก็... นั่งแม่งเลยละกัน
“แทยอนคะ ไม่มีอะไรจะพูดต่อแล้วหรอคะ แค่นี้เองหรอ" โอ้ย จะมาแทยอนค๊งแทยอนคะอะไรคะอาจารย์ขา งื้อออ โคตรน่ารักเลยโว้ยยย
“เอ่อ คือชีวิต...หนูไม่มีอะไรน่าสนใจเลยอ่ะค่ะอาจารย์ หนูเลยไม่รู้จะพูดอะไรดี" แหะๆ จริงๆคือหนูพูดไม่ได้ค่า จะว่ามีมันก็มีแหละนะเรื่องที่อยากจะพูด แต่มันกลัวจะปล่อยควายออกไปน่ะสิ เลยเลือกที่จะไม่พูดดีกว่าดูฉลาดดี
“แต่อาจารย์อยากรู้เรื่องของแทยอนหนิคะ พูดต่อหน่อยสิ" เอาล๊ะ!! อาจารย์ไม่ได้กำลังทำรถอ้อยคว่ำอยู่ถูกมั้ย เอาวะ คำนี้ง่ายที่สุดละ
“ เอ่อ ไอ แอม ซิง เกิล “
ความคิดเห็น