Long for Love [Draco&Hermione] by Draconyx
รู้ไว้นะผมไม่ได้แต่งงานกับคุณเพราะอยากให้คุณเจ็บปวด
ผู้เข้าชมรวม
7,344
ผู้เข้าชมเดือนนี้
28
ผู้เข้าชมรวม
เรื่องนี้เป็นอีกฟิคที่เราชอบ
ขออนุญาต copy จากบอร์ดตัวกวน
ฟิคนี้เเต่งโดย 'Draconyx
link > http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=marauder&id=2647
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Title Long for Love
Author Draconyx
Paring Draco/Hermione
Era Post-Hogwarts/After HBP but not DH
Genre Romance/Drama
Disclaimer Characters and main story belong to
J.K. Rowling
The plot belongs to Yoko
Hanabusa (Japanese Cartoon)
I only adopted it to Dramione FanFic
Summary After the death of Jane Granger.
Herbert Granger became a gambler.
When Draco Malfoy offer to help with
the debt. What did he want in return ?
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
Dedicated to
Tom Felton
The boy who woke Draco Malfoy up from Nightmares,
And brought him out of the dark lair.
The same boy who open up Hermione Granger eyes,
And taught her how to be wild.
The very same boy who also changed this girl life,
So she picked a quill and began to write.
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
......เหง่ง หง่าง เหง่ง หง่าง.....
เสียงระฆังภายในโบสถ์เซนต์แพททริกดังก้องไปทั่วบริเวณบอกให้รู้ว่าพิธีอันศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเริ่มขึ้น
เสียงกังวานใสดังสะท้อนราวกับจะประกาศการแต่งงานครั้งนี้ให้โลกได้รับรู้
ภายในโบสถ์ขบวนเจ้าสาวกำลังเดินไปช้าๆเข้ากับจังหวะของออแกนที่กำลังบรรเลงเพลงส่งตัวเจ้าสาว
เจ้าสาวอยู่ในชุดเกาะอกสีขาวบริสุทธิ์ ชายกระโปรงตกแต่งด้วยลูกไม้ที่ดูก็รู้ว่าราคาคงแพงระยับ
ผ้าคลุมหน้าลูกไม้ที่ใส่ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของเจ้าสาวว่ารู้สึกอย่างไร
เธอเดินเกาะแขนชายกลางคนในชุดทักซิโด้สีดำที่มีรอยยิ้มกังวลประดับอยู่บนใบหน้า
ด้านหลังเธอเป็นเด็กหญิงตัวน้อยสองคนช่วยกันยกชายกระโปรงเจ้าสาวอย่างเก้ๆกังๆ
เรียกความขบขันให้แก่แขกเหรื่อภายในงาน ที่ตามหลังเด็กหญิงสองคนมาติดๆ
ก็คือเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว คู่แรกเป็นชายหนุ่มผิวเข้ม ผมดำควงคู่มากับหญิงสาวผมแดงเพลิง
คู่ที่สองเป็นชายหนุ่มร่างชะลูดผมแดงกับหญิงสาวผมบลอนด์ร่างเล็ก คู่สุดท้ายเป็นชายหนุ่มผมดำทรงยุ่งๆ
นัยน์ตาสีมรกตที่สวมแว่นสายตาสั้นกับหญิงสาวผมดำ หน้างอเหมือนหมาจู
สีหน้าของชายหนุ่มสองคนหลังและหญิงสาวผมดำบึ้งตึงเหมือนกำลังจะไปงานศพมากกว่าที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งในพิธี
แต่งงานอันน่ายินดี
ที่ปลายทางเดิน
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดทักซิโด้สีดำสนิทตัดกันกับผมสีบลอนด์ยืนอยู่ข้างบาทหลวงผู้ทำพิธี
ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยราวกับสลัก
ดวงตาสีเงินเปล่งประกายเย็นชาจับจ้องอยู่ที่ขบวนเจ้าสาวอย่างไม่กระพริบ
เมื่อเจ้าสาวเดินมาถึงปะรำพิธี ชายกลางคนที่ทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาว
ยื่นมือส่งตัวหญิงสาวที่ตนเองดูแลมาตลอด 27 ปี ให้กับชายหนุ่มตรงหน้า
ชายหนุ่มที่สัญญาจะทำหน้าที่นี้แทนเขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เสียงพึมพำภายในโบสถ์เงียบลงเมื่อบาทหลวงเริ่มทำพิธี
“เรามาที่นี่ในวันนี้เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานของ นางสาวเฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ และ นายเดรโก
มัลฟอย หากมีผู้ใดคิดว่าบุคคลสองคนนี้ไม่สมควรจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันก็ขอให้ลุกขึ้นยืนด้วย”
ทั่วทั้งบริเวณงานเงียบสนิทจนแทบจะได้ยินเสียงกำหมัดของชายหนุ่มตาสีมรกต
บาทหลวงรออยู่ชั่วครู่ก่อนจะทำพิธีต่อ
“คุณเดรโก มัลฟอย คุณยินดีและเต็มใจที่จะรับคุณเฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์เป็นภรรยา จะรักและดูแลเธอ
ทั้งในยามทุกข์และยามสุข ยามยากจนและยามมั่งมี รวมทั้งยามเจ็บไข้และยามสุขสบายหรือไม่”
“รับครับ” เจ้าบ่าวตอบรับอย่างหนักแน่น
“คุณเฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ คุณยินดีและเต็มใจที่จะรับคุณเดรโก มัลฟอยเป็นสามี จะรักและดูแลเขา
ทั้งในยามทุกข์และยามสุข ยามยากจนและยามมั่งมี รวมทั้งยามเจ็บไข้และยามสุขสบายหรือไม่”
“รับค่ะ” เจ้าสาวตอบรับเสียงแผ่ว
“แลกแหวนกันได้” บาทหลวงผู้ทำพิธีกล่าว
เจ้าบ่าวหันไปหาเด็กถือแหวนที่ก้าวเข้ามายืนด้านข้าง เขาหยิบแหวนทองคำขาวที่ประดับเพชรน้ำงาม
เจียรอย่างประณีตเป็นรูปหัวใจสองดวงซ้อนทับกันอยู่ ราคาคงแพงลิบลิ่วเมื่อคิดถึงจำนวนกะรัตของเพชร
เขายกมือเจ้าสาวขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะบรรจงสวมแหวนให้อย่างเบามือ
“ขอแหวนนี้เป็นสัญลักษณ์ของการแต่งงานและความรักของเรา”
เจ้าบ่าวกล่าวตามบาทหลวงขณะที่สวมแหวนให้เจ้าสาว
ถึงตาเจ้าสาว เธอหันไปหยิบแหวนทองเกลี้ยง ตัวแหวนสลักอักขระอะไรไว้แต่เธอไม่ได้สนใจอ่าน
“ขอแหวนนี้เป็นสัญลักษณ์ของการแต่งงานและความรักของเรา” เจ้าสาวกล่าวตามบาทหลวงด้วยคำพูดเดียวกัน
“เชิญจูบเจ้าสาวได้”บาทหลวงประกาศพลางปิดหนังสือในมือ
เจ้าบ่าวค่อยๆ ยกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวขึ้น ดวงตาสีเงินเย็นชาสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนโยน เขานิ่งไปอึดใจ
ก่อนจะโน้มตัวลงมาประทับริมฝีปากได้รูปลงบนเรียวปากบางอย่างทะนุถนอม
จุมพิตหวานละมุนละไม หากประกายตาสีเงินเย็นชาของเจ้าบ่าวกลับบอกตรงกันข้าม
“พ่อขอประกาศให้ทั้งคู่เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายนับแต่นาทีนี้”
บาทหลวงผู้ทำพิธีกล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความยินดี
บรรดาแขกเหรื่อภายในงานพากันลุกขึ้นยืนเพื่อแดงความยินดีกับคู่สามีภรรยาหมาดๆ
ทั้งคู่เดินออกมาตามทางเดิน ทางเดียวกับที่เจ้าสาวเดินเข้าไป
เด็กน้อยสองคนที่ทำหน้าที่ยกชายกระโปรงเจ้าสาวตอนนี้แปรสภาพไปเป็นเด็กโปรยดอกไม้แทน
ทั้งคู่กระโดดโลดเต้นออกมาจากตัวโบถส์อย่างร่าเริง
บรรยากาศภายในงานชื่นมื่นหน้ายินดี โบถส์สีขาวประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาชนิด
แม่น้ำเอวอนที่ไหลผ่านตัวโบสถ์สะท้อนแดดเป็นประกายระยิบระยับ
ดูแล้วน่าเป็นงานแต่งงานในฝันของผู้หญิงหลายๆ คน หากแต่การแต่งงานครั้งนี้ช่างน่าอดสู
เพราะมันเป็นการแต่งงานที่ปราศจากความรัก!!!!!!!!!!!!!!!!!
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
วันที่เขา เดรโก มัลฟอย มาปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกครั้งมันเพิ่งจะผ่านมาได้เพียงเดือนเดียว
“พ่อทำไมกลับไวจังคะ” เฮอร์ไมโอนีวิ่งออกมาจากในครัวเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูหน้าบ้าน
แต่คนที่ยืนหันหลังให้เธออยู่กลับไม่ใช่เฮอร์เบิร์ต เกรนเจอร์
ผู้ชายคนนั้นหันหน้ามาช้าๆ เมื่อรู้สึกได้ว่ามีบุคคลอีกคนก้าวเข้ามาในห้อง เขาเป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง
ผมสีบลอนด์เป็นประกายเจิดจ้า ดวงตาสีเงินลึกล้ำ เย็นชา ไม่ผิดแน่
ถึงแม้เธอจะไม่ได้เจอเขาตั้งแต่ตอนที่โวลเดอมอร์ถูกกำจัดไปเมื่อ 9
ปีก่อนแต่เธอไม่มีวันลืมดวงตาสีเงินคู่นี้เป็นแน่
“มัลฟอย คุณมาทำอะไรที่นี่”
เฮอร์ไมโอนีถามเสียงกร้าวพลางนึกเจ็บใจตัวเองที่วางไม้กายสิทธิ์ไว้ที่เคาน์เตอร์ในครัว
“ผมมีธุระกับคุณเกรนเจอร์” เดรโก มัลฟอยตอบเสียงเรียบ นอกจากดวงตาจะเปล่งประกายเย็นชาแล้ว
น้ำเสียงของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความเย็นชาเช่นกัน
ธุระ เฮอร์ไมโอนีใจหายวาบเมื่อได้ยินคำนี้เธอมองไปรอบๆ ตัวอย่างหมดหวัง
ทุกครั้งที่คนพวกนี้มีธุระกับพ่อของเธอ
ของในบ้านไม่ว่าจะเป็นรูปภาพประดับฝาผนังหรือแจกันเซรามิกส์รูปทรงแปลกตา
จนกระทั่งเฟอร์นิเจอร์มีราคาเป็นต้องมีอันส่งส่วยไปให้กับคนพวกนี้ แต่คราวนี้ไม่เหมือนทุกที
คราวนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
“ที่นี่ไม่มีอะไรที่คุณต้องการหรอก” เฮอร์ไมโอนีกัดฟันพูด “กลับไปซะ”
“ไม่มีงั้นเหรอ” เดรโกเอ่ยถาม แม้ดวงหน้าจะเรียบเฉยแต่ดวงตาสีเงินมีแววเยาะหยัน
“ใช่ ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว” เฮอร์ไมโอนีผายมือไปรอบๆ “ดูสิ หลังคารั่ว ผนังร้าว รูปภาพมีราคาก็ไม่เหลือ
ของที่อยู่ที่นี่มีแต่ของไม่มีราคาทั้งนั้น”
“มีสิ” เดรโกตอบพลางขยับเดินเข้ามาใกล้ “ยังเหลือเธอไง”
เฮอร์ไมโอนีอึ้งไปทันที
ดวงตาสีน้ำตาลสบเข้ากับดวงตาสีเงินอย่างตื่นตระหนกเขาหมายความว่ายังไงที่บอกว่ายังเหลือเธอหน่ะ
“เฮอร์ไมโอนี ทำไมลูกไม่พาคุณมัลฟอยไปที่ห้องรับแขกล่ะ” เสียงของเฮอร์เบิร์ต เกรนเจอร์ดังขึ้น
“พ่อมีธุระจะคุยกับคุณมัลฟอยเขา”
“ธุระ” เฮอร์ไมโอนีขึ้นเสียง เธอหันมาเล่นงานบิดาแทนชายหนุ่มตรงหน้า “พ่อเล่นพนันอีกแล้วใช่มั๊ย”
“เฮอร์ไมโอนี” เฮอร์เบิร์ตดุลูกสาว “อย่าทำเสียมารยาทต่อหน้าแขก”
ดวงตาสีน้ำตาลที่คลอไปด้วยน้ำใสๆ จ้องมองผู้เป็นบิดาอย่างตัดพ้อ
เปลี่ยนมามองชายหนุ่มต้นเรื่องอย่างโกรธๆ ก่อนจะสะบัดหน้าวิ่งออกจากบ้านไป
“เฮอร์ไมโอนี ลูกจะไปไหน” เฮอร์เบิร์ตร้องถามตามหลังลูกสาว
“ไปทำงาน” เฮอร์ไมโอนีร้องตอบโดยไม่หันกลับมามอง
“เฮอร์ไมโอนีกลับมาก่อน พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย” เฮอร์เบิร์ตตะโกนบอกลูกสาว
“ไม่สนและไม่อยากรับรู้ด้วย” เฮอร์ไมโอนีตะโกนตอบ ก่อนจะวิ่งหายลับสายตาไป
“เธอทำงานที่ไหนครับ” เดรโกถาม สายตายังคงทอดมองตามเฮอร์ไมโอนีไป
“Borders” เฮอร์เบิร์ตตอบยิ้มๆ “ร้านหนังสือ ตรงหัวมุมถนนชาร์ลส์ เธอหุ้นกับเพื่อนซื้อแฟรนไชส์มา”
“เธอแคร์คุณแน่เหรอ รู้เลยนะว่าจะตอบข้อเสนอของผมยังไง” เดรโกพูดลอยๆ ขึ้นมา
“เห็นอย่างนี้ก็เถอะ เธอใจดีนะ” เฮอร์เบิร์ตยิ้มเมื่อพูดถึงลูกสาวคนเดียว “เมื่อ 3 ปีก่อน
เธอยอมทิ้งชีวิตที่ลอนดอนเพื่อที่จะกลับมาดูแลผม”
“คุณคงรักเธอมากสินะครับ” เดรโกถามเปรยๆ
“ครับ” เฮอร์เบิร์ตรับคำอย่างหนักแน่น “เธอเป็นสิ่งล้ำค่าสิ่งเดียวของผมที่ยังเหลืออยู่”
“คุณมัลฟอยครับ ผมสัญญาครับว่าหลังจากนี้ไปผมจะเลิกเล่นการพนัน แต่ผมขออะไรอย่างหนึ่ง
สัญญากับผมได้มั๊ยครับ” เฮอร์เบิร์ตพูดขึ้นอย่างจริงจัง การตายของภรรยาทำให้เขาแก้ความเหงาด้วยการพนัน
“ช่วยดูแลลูกสาวผมอย่างดีด้วยนะครับ”
ดวงตาสีน้ำตาลเช่นเดียวกับบุตรสาวจับจ้องอยู่ที่ชายหนุ่มผมบลอนด์ตรงหน้าอย่างร้องขอ
เดรโก มัลฟอยนิ่งไปครู่ ก่อนจะตอบรับอย่างหนักแน่น “ผมสัญญาครับ”
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
เฮอร์ไมโอนีกระแทกหนังสือลงกับชั้นวางอย่างหงุดหงิด
“บ้าจริง ไปกลัวเขาทำไมนะ” เฮอร์ไมโอนีบ่นตัวเองที่นึกกลัวเดรโก มัลฟอย
นึกกลัวดวงตาสีเงินเย็นชาคู่นั้นที่มีแววมุ่งมั่น ถ้าเขาต้องการอะไร เขาก็คงจะเอาไปให้ได้สินะ
มีสิ ยังเหลือเธอไง คำพูดของเขาดังขึ้นในความคิด เขาต้องการอะไรนะ
เดรโก มัลฟอยเปลี่ยนไปจากครั้งสุดท้ายที่เธอเจอเขาเมื่อ 9 ปีก่อน เปลี่ยนไปมาก
ผมสีบลอนด์ที่เคยหวีเรียบบัดนี้ถูกรวบไว้เป็นหางม้าหลวมๆ ปอยผมด้านข้างหยักศกเล็กน้อย
แถมเขายังตัวสูงขึ้นกว่าเดิมตั้งเยอะ เธอจำได้ว่าตอนนั้นเธอสูงประมาณปลายคางของเขา
แต่ตอนนี้แค่ไหล่ยังไม่รู้จะถึงรึเปล่า
“เฮอะ หล่อตายแหละไว้ผมทรงนั้น” เฮอร์ไมโอนีบ่นพึมพำ “คิดว่าตัวเองเป็นใคร ท่านลอร์ดในยุคกลางรึไง”
เจสสิก้าหันมามองที่มาของเสียงบ่นพึมพำและเสียงกระแทกหนังสืออย่างงงๆ เฮอร์ไมโอนีเป็นคนรักหนังสือ
แค่สันหนังสือเป็นรอยถลอกหน่อยเดียวก็บ่นพึมแล้ว
แต่นี่กระแทกไปอย่างนั้นเกิดตัวเล่มกับปกมันหลุดออกจากกันขึ้นมาจะว่าไงล่ะ
“โมโหใครมาล่ะ” เจสสิก้าถามหลังจากที่คิดว่ามีหนังสือโดนประทุษร้ายมากพอแล้ว
“เดรโก มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนีตอบไปอย่างไม่ทันคิด
“เดรโก มัลฟอย? หนุ่มที่เธอบอกว่าป็อปที่สุดในฮอกวอร์ตส์นะเหรอ” เจสสิก้าถามอย่างตื่นเต้น
เจสสิก้าเป็นเพื่อนสนิทของเฮอร์ไมโอนีตั้งแต่เธออายุ 3 ขวบ แน่นอนเจสสิก้ารู้ว่าเธอเป็นแม่มด
แต่ตอนที่เธอบอกเจสสิก้านั้น เจสสิก้าโกรธหาว่าเธอเล่นมายากลหลอก
จนสุดท้ายเฮอร์ไมโอนีต้องเสกตุ๊กตาหมีของเจสสิก้าให้ติดไฟแล้วทำให้กลับสู่สภาพเดิมถึงจะยอมเชื่อ
(ก็มันยังไม่ได้เรียน เลยไม่ได้เสกคาถายากๆ )
“ใครบอก นายนั่นมันงี่เง่าที่สุดในฮอกวอร์ตส์ต่างหาก” เฮอร์ไมโอนีเถียง
“เธอนั่นแหละบอก ชั้นจำได้” เจสสิก้าเตือนความจำ
ใช่ เฮอร์ไมโอนีก็จำได้เหมือนกัน แต่เรื่องอะไรจะยอมรับล่ะ
Flashback
ตอนปิดเทอมภาคฤดูร้อนปีที่เธอกำลังจะขึ้นปี 6 ที่ฮอกวอร์ตส์ เธอก็กลับมาที่บ้านตามปกติ
ใช้เวลาว่างหมดไปกับการอ่านหนังสือหรือไม่ก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนของเธอให้สมกับที่ไม่ได้เจอกันมาตลอดทั้
งปี แต่บ่ายนี้ผิดไปตรงที่เจสสิก้ามาหาเธอที่บ้าน
ขณะที่เฮอร์ไมโอนีกำลังเพลิดเพลินไปกับชีวิตในยุคศตวรรษที่ 19 ของมิสเตอร์ดาร์ซี
เจสสิก้าที่นอนพังพาบอ่านนิตยสารวัยรุ่นอยู่ข้างเตียงก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา
“นี่เฮอร์ไมโอนี ที่โรงเรียนเธอมีหนุ่มๆ หล่อๆ มั่งหรือเปล่า”
เจสสิก้าถามแต่ตาก็ยังไม่ละจากนิตยสารตรงหน้า
เฮอร์ไมโอนีหยิบรูปที่ตั้งอยู่บนชั้นข้างเตียงให้เจสสิก้า “คนผมดำ ใส่แว่นนะ”
“หล่อสุดแล้วเหรอเนี่ย” เจสสิก้าอุทาน มันก็ไม่ใช่ว่าเด็กชายในภาพจะหน้าตาขี้เหร่อะไรหรอกนะ
แต่หน้าตาแบบนี้นะก็แค่เรียกได้ว่าหน้าตาใช้ได้เท่านั้นแหละ
“มันก็ไม่ที่สุดหรอก” เฮอร์ไมโอนีตอบสะบัดๆ เมื่อภาพเด็กชายผมสีบลอนด์กับดวงตาสีเงินปรากฏขึ้นในความคิด
“ชั้นอยากเห็นที่หล่อที่สุดต่างหาก ไม่มีเหรอ” เจสสิก้าโอดครวญ
“ไม่มีหรอก” เฮอร์ไมโอนีตอบเสียงห้วน พลางนึกหมั่นไส้เด็กหนุ่มที่กำลังจะกลายเป็นหัวข้อสนทนา
“ไอ้ที่ไม่มีเนี่ยะ ไม่มีคนหล่อหรือไม่มีรูป” เจสสิก้ายังจี้ไม่เลิก
“ไม่มีรูปย่ะ” เฮอร์ไมโอนีขึ้นเสียง
“ว้า เสียดายจัง” เจสสิก้าที่ไม่สนใจกับความหงุดหงิดของเพื่อนสาวทำหน้าทำตาราวกับออแลนโด
บลูมประกาศว่าเป็นเกย์ยังไงยังงั้น หากเพียงครู่เดียวเธอก็ถลามาเกาะขอบเตียง ดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย
“งั้นเธอบรรยายให้ฟังหน่อยสิ”
เฮอร์ไมโอนีมองหน้าตาตื่นเต้นของเพื่อนสนิทแล้วก็ถอนหายใจน้อยๆ ถึงมัลฟอยจะนิสัยไม่ดี
แต่ถ้าวัดกันแค่หน้าตา เขาก็กินขาดนักเรียนชายคนอื่นๆ “เขาชื่อเดรโก มัลฟอย
เรียนอยู่ปีเดียวกับชั้นนี่แหละแต่อยู่บ้านสลิธิริน เขามีผมสีบลอนด์ ตาสีเงิน ตัวสูงเชียวล่ะ
แต่ค่อนข้างจะผอมไปหน่อย”
“ว้าว แค่ฟังยังดูเหมือนจะหน้าตาดีมากเลยนะ” เจสสิก้าทำตาลอย
“นี่พอทีเถอะ ชั้นแค่ฟังแม่พวกสาวๆ ที่โรงเรียนละเมอเพ้อพกถึงนายนี่ก็เอียนเต็มทนแล้ว
อย่าให้กลับมาบ้านก็ต้องเจออีกเลย” เฮอร์ไมโอนีโยนหนังสือลงบนเตียง
ไม่มีอารมณ์จะใส่ใจกับมิสเตอร์ดาร์ซีแล้ว
“แล้วเธอไม่ชอบเขาเหรอ” เจสสิก้าถาม
“ใช่ อันที่จริงชั้นเกลียดนายนั่นเลยล่ะ เขาหน้าตาดีก็จริง แต่นิสัยเลวมาก” เฮอร์ไมโอนีประกาศ
“แล้วก็เขานี่แหละคนที่ชั้นเล่าให้ฟังว่าชอบแกล้งแล้วก็พูดจาดูถูกชั้นนะ”
“งั้นเธอก็ต้องระวังตัวหน่อยแล้วล่ะ” เจสสิก้าทำท่าครุ่นคิด
“ทำไมล่ะ” เฮอร์ไมโอนีสงสัย
“ก็เขาว่ากันว่าผู้ชายหน้าตาดีๆ แต่นิสัยออกจะไม่ค่อยดีเนี่ย มักจะเป็นที่ดึงดูดเพศตรงข้ามนะ”
เจสสิก้าพูดพลางจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี
“ไม่ใช่กับชั้นแน่นอน” เฮอร์ไมโอนีตอบอย่างมั่นใจ
“ชั้นจะคอยดู” เจสสิก้าพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเบนความสนใจกลับไปที่นิตยสารในมือตามเดิม
End of Flashback
กริ๊งงงงงงงงงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของร้านหนังสือ
“Borders ค่ะ” เจสสิก้ารับสายก่อนจะเงียบไปครู่ ดวงหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ของเธอหน่ะ จากเดรโก
มัลฟอย”
เขาจะโทรมาทำไมกัน
“เฮอร์ไมโอนีค่ะ” เฮอร์ไมโอนีกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“บ่ายนี้คุณว่างหรือเปล่า” เสียงนุ่ม ทุ้มหากติดจะเย็นชาดังมาตามสาย
“ว่างค่ะ” เฮอร์ไมโอนีตอบกลับ
“งั้นบ่ายโมงผมจะไปรับ” เดรโกพูดจบก็วางสายไปเลย ไม่สนใจจะรอฟังคำตอบจากเฮอร์ไมโอนีสักนิด
เฮอร์ไมโอนีกระแทกหูโทรศัพท์ลงกับแป้นอย่างแรง ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายวาววับ หนอย
ใครบอกว่าจะไปกับนายกันยะ
“เขาว่าไงล่ะ” เจสสิก้าถามอย่างอยากรู้
“เขาว่าเดี๋ยวจะมาหาตอนบ่าย มีเรื่องจะคุยด้วย” เฮอร์ไมโอนีตอบกระแทกๆ แม้จะไม่ได้โกรธเพื่อนสาว
แต่ไอ้ท่าทางอยากรู้อยากเห็นจนอกนอกหน้าเนี่ยมันก็น่ารำคาญไม่น้อย
“มาหาที่นี่เหรอ” เจสสิก้าไม่สนใจอาการของเพื่อนสนิทยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงกระดี๊กระด๊า
“งั้นชั้นก็จะได้เห็นสุดหล่อของเธอแล้วสิ”
“เขาไม่ใช่สุดหล่อของชั้น”
เฮอร์ไมโอนีตวาดก่อนจะเดินปึงปังไปที่ห้องสต็อกหนังสือแล้วกระแทกประตูปิดดังโครม
ร้านหนังสือ Borders เป็นร้านหนังสือสัญชาติอเมริกันที่มาขยายสาขาที่อังกฤษ
เธอเข้าหุ้นกันกับเจสสิก้าเปิดร้านนี้เมื่อ 3 ปีก่อนตอนที่เธอกลับมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ
แต่กว่าจะได้เป็นเจ้าของร้านหนังสือร้านนี้เธอก็ต้องเกลี้ยกล่อมเจสสิก้าที่อยากซื้อแฟรนไชส์แมคโดนัลด์มา
กกว่าอยู่นานถึง 2 เดือน
เฮอร์ไมโอนีใช้เวลาอยู่ในห้องสต็อกหนังสือตลอดช่วงเช้า เธอชอบกลิ่นชอบหนังสือใหม่
มันทำให้เธอรู้สึกสงบและสบายใจ
ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เธอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องสมุดที่ฮอกวอร์ตส์
ที่สำคัญเวลาอยู่ที่ห้องสมุดมัลฟอยไม่ค่อยมากวนเธอเท่าไหร่เพราะเขาเองก็ต้องการอ่านหนังสือเหมือนกัน
เฮอร์ไมโอนีทำงานไปอย่างเพลิดเพลิน
กลิ่นของกระดาษที่อบอวลอยู่ภายในห้องกำลังทำหน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพในการลบภาพชายหนุ่มผมบลอนด์ออกไป
จากความคิดของเธอ
เฮอร์ไมโอนีอยู่ในห้องสต็อกหนังสือตลอดช่วงเช้าและไม่ออกมาที่หน้าร้านเลย
เธอเงยหน้าขึ้นจากสมุดสต็อกหนังสืออีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ของเพื่อนสาว
“สุดหล่อของเธอมาแล้วนะ”
จบประโยคคนพูดก็ผลุบหายออกไปทันที
เฮอร์ไมโอนีลุกขึ้นยืนจัดชุดให้เข้าที่พร้อมสำรวจหน้าตาตัวเองและทรงผมจากกระจกหน้าต่าง
เธอไม่อยากจะปรากฏตัวในสภาพโทรมๆ ต่อหน้าคุณชายคนนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นชุดที่เธอใส่แล้วเมื่อเช้านี้ก็เถอะ
เฮอร์โอนีเปิดประตูออกไปพบชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดเดียวกันกับเมื่อเช้านี้เช่นกัน
เพียงแต่เขาถอดเสื้อนอกออก เหลือเพียงเสื้อเชิร์ตด้านในสีเทาเข้มที่พับแขนขึ้นมาไว้ที่ข้อศอก
เขานั่งอยู่ที่โต๊ะกาแฟข้างหน้าต่าง และเมื่อเห็นเธอเดินเข้าไปใกล้เขาก็ลุกขึ้นยืนทันที
แม้เฮอร์ไมโอนีจะรู้ว่าการถูกเลี้ยงมาในตระกูลสูงสอนให้เขาให้เกียรติผู้หญิง
แต่การที่เธอไม่คุ้นชินกับการปฏิบัติอย่างนี้ มันก็อดที่จะรู้สึกเขินๆ ไม่ได้
“ไปกันรึยัง” เดรโกถามเสียงเรียบเข้ากับหน้าตาไร้อารมณ์ของเขา
“ไปไหน”เฮอร์ไมโอนีถามเสียงสูง คนเขาทำงานทำการอยู่ไม่ได้เป็นคุณชายบนกองเงินกองทองเหมือนตัวเองนะยะ
จะได้นึกอยากไปไหนก็ไปได้เลย
“ก็ผมบอกว่ามีเรื่องของพ่อคุณจะปรึกษาไง” เดรโกพูดช้าๆ ราวกับกำลังอธิบายเรื่องบวกเลขกับเด็กสามขวบ
“ชั้นรู้แล้ว” เฮอร์ไมโอนีตวาดเบาๆ “ที่ชั้นถามหมายถึงว่าจะไปไหนต่างหาก
แล้วก็มันมีเรื่องอะไรนักหนาทำไมถึงคุยที่นี่ไม่ได้”
“ที่นี่มันพลุกพล่านเกินไป” เดรโกตอบหน้าเฉย อยากรู้จริงเด็กชายสลิธิรินกวนประสาทคนนั้นหายไปไหนกันนะ
ทำไมถึงเหลือทิ้งไว้แต่ผู้ชายไร้อารมณ์คนนี้
“เดี๋ยวชั้นไปหยิบกระเป๋าก่อน” เฮอร์ไมโอนีว่าก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอรที่เจสสิก้านั่ง (แอบ) มองอยู่
“ชั้นจะออกไปข้างนอกนะ” เฮอร์ไมโอนีบอกกับเจสสิก้าที่กำลังเพ้อเพราะความหล่อของเดรโกอยู่
“อีกประมาณสองชั่วโมงจะกลับมา”
“ไม่ต้องกลับมาก็ได้” เจสสิก้าแนะนำตาวาว “แค่สองชั่วโมงยังทำอะไรไม่ได้หรอก”
“นี่ชั้นจะไปคุยเรื่องพ่อกับเขานะ ไม่ได้ไปทำอย่างอื่น” เฮอร์ไมโอนีแก้ตัวหน้าแดง
“ก็เรื่องนี้แหละที่ชั้นว่า ดูท่าทางแล้วคงจะคุยกันยาว” เจสสิก้ายิ้มเจ้าเล่ห์
“ว่าแต่เธอคิดไปถึงไหนกัน”
“ชั้นไม่พูดด้วยแล้ว ไปดีกว่า”
เฮอร์ไมโอนีตัดบทโดยการกระชากกระเป๋ามาแล้วเดินไปหาเดรโกที่ยืนรออยู่ที่โต๊ะกาแฟ
เดรโกก้มศีรษะเป็นเชิงอำลากับเจสสิก้า
เขาผายมือให้เฮอร์ไมโอนีออกเดินนำหน้าก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายอ้อมมาเปิดประตูให้
และจังหวะนั้นเองที่เธอเห็นตรามาร รอยสักรูปหัวกะโหลกสีดำเห็นเด่นชัดบนท้องแขนสีซีด
งูที่เลื้อยออกจากปากหัวกะโหลกก็ดูราวกับว่ามันกำลังเลื้อยไปตามลำแขนแข็งแกร่ง
“คำสาปมันสลายไปหมดแล้วล่ะ แต่เราทำอะไรได้ไม่มากนักกับรอยสัก”
เฮอร์ไมโอนีสะดุ้งเมื่อเสียงเรียบเย็นดังขึ้น เธอหันไปมองที่มาของเสียง
ดวงตาสีเงินที่ปกติมีแต่ความเย็นชาปรากฏร่องรอยของความเจ็บปวดขึ้นมาแวบหนึ่ง
แวบเดียวเท่านั้นจนเธอไม่แน่ใจว่าเธอเห็นมันรึเปล่า
เดรโกเดินนำหน้าเธอไปที่รถ BMW สีดำ ความจริงรถ BMW มันก็หรูอยู่หรอกนะ
แต่เธอคิดว่าเขาน่าจะเป็นประเภทขับรถสปอร์ตซิ่งไปซิ่งมาอวดสาวๆ มากกว่า แต่ก็นั่นแหละคนอย่างเดรโก
มัลฟอย ต่อให้เดินอยู่ข้างถนนเขาก็ยังดึงดูดสายตาสาวๆ อยู่ดี
เดรโกขับรถออกไปตามถนนนอกเมือง เลียบแม่น้ำเอวอนไปเรื่อยๆ บรรยากาศภายในรถเงียบสนิทไม่มีบทสนทนาใดๆ
เกิดขึ้น เฮอร์ไมโอนีเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ เสียงเพลงจากแผ่นซีดีที่ค้างอยู่ในเครื่องก็ดังขึ้น
There are places I remember
all my life, though some have changed.
Some forever, not for better.
And some have gone, and some remain.
All these places have their moments
with lovers and friends I still can't recall.
Some are dead and some are living.
In my life I love them all.
But of all these friends and lovers,
there is no one compares with you.
And these memories lose their meaning
when I think of love as something new.
Though I know I'll never ever lose affection
for people and things that went before,
I know I'll often stop and think about them.
In my life I love you more.
เฮอร์ไมโอนีเหล่มองคนข้างๆ ก่อนจะแอบยิ้ม ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเดรโก มัลฟอยจะฟังเพลงแบบนี้
แต่ว่าใครกันนะที่เขาคิดถึงเวลาฟังเพลงนี้ เดรโกเองก็ดูเหมือนจะอ่านความคิดเฮอร์ไมโอนีออก
เขาเอื้อมมือไปปิดวิทยุก่อนจะกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง
ระยะเวลาที่เหลือในการเดินทางเต็มไปด้วยความเงียบ เดรโกไม่พูดอะไรซักคำ
เขาทุ่มความสนใจทั้งหมดไปกับการขับรถ เฮอร์ไมโอนีเองก็มองออกไปที่นอกหน้าต่างตลอด
ก็ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้มีความพยายามในการต่อบทสนทนาแล้วทำไมเธอจะต้องเดือดร้อนด้วยเล่า
ในที่สุดการเดินทางที่สุดแสนจะอึดอัดก็จบลง เดรโกพาเธอมาที่โรงแรม Upon Avon
โรงแรมครบวงจรที่นอกเหนือจากห้องพักรับรองสุดหรูแล้วยังรวบรวมกิจกรรมทั้งในร่มและกลางแจ้งไว้มากมาย
อาทิเช่น สปา ห้องสมุดที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดใน Stratford มีสนามขี่ม้า สนามกอล์ฟ จักรยานเสือภูเขา
ลานพักผ่อนที่ชายหาดริมแม่น้ำเอวอน รวมไปถึงอินเตอร์เน็ตคาเฟ่
เดรโกส่งกุญแจรถให้กับพนักงานที่รออยู่บริเวณหน้าห้องรับรองของโรงแรมเพื่อขับไปจอดที่ลานจอดรถ
ก่อนจะเดินนำเฮอร์ไมโอนีไปที่ล็อบบี้ ระหว่างทางพนักงานชายและหญิง
ทั้งผู้น้อยและระดับหัวหน้างานต่างก็หยุดทำความเคารพชายหนุ่มแล้วก็เอื้อเฟื้อมาถึงเธอด้วย
ทำเอาเธออดแปลกใจไม่ได้ สงสัยจะเป็นขาประจำมาบ่อย พนักงานเลยจำได้เพราะทิปหนัก
ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ที่ประตูล็อบบี้ด้านที่ติดกับสวนสาธารณะที่มีชายวัยกลางคนสวมสูทสีดำ
สวมแว่นสายตาท่าทางใจดียืนรออยู่ เฮอร์ไมโอนีอ่านป้ายชื่อที่หน้าอกได้ว่าชื่อ จอร์แดน เจมส์
“สวัสดีครับคุณมัลฟอย” จอร์แดนก้มหัวทำความเคารพก่อนจะหันมาทำอย่างเดียวกันกับเฮอร์ไมโอนี
“สวัสดีครับคุณเกรนเจอร์”
เฮอร์ไมโอนีผงกหัวตอบงงๆ การที่เขารู้จักเดรโกมันก็ไม่แปลกอะไรหรอก
ก็หล่อและรวยขนาดนั้นคงจะมาที่นี่บ่อย แต่เขารู้จักเธอได้ไงนี่สิ
“เชิญทางนี้เลยครับ”
จอร์แดนผายมือก่อนจะเดินนำทั้งคู่ไปด้านนอกอาคารผ่านสวนสาธาณะไปที่ศาลาท่าน้ำขนาดใหญ่
ตัวศาลาเป็นอาคารชั้นเดียวหลังคาทรงสูง ทาสีเหลืองอ่อน
เสาอาคารแต่ละต้นมีการประดับด้วยไม้ระแนงเพื่อให้เป็นที่เกาะเกี่ยวของกุหลาบพันธุ์เลื้อยที่ออกดอกบานสะพ
รั่งส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไปทั่วบริเวณ ตัวอาคารด้านติดกับแม่น้ำเปิดหลังคาโล่งรับอากาศบริสุทธิ์สดชื่น
นอกจากนี้ยังมีส่วนที่สร้างเป็นสะพานไม้เล็กๆ ยื่นลงไปในแม่น้ำ
“ขอบคุณมากจอร์แดน คุณมีอะไรจะทำก็ไปทำต่อเถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง”
เดรโกหันไปบอกจอร์แดนที่ค้อมหัวแสดงความเคารพทั้งสองก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เดรโกเดินนำเธอไปที่ระเบียงริมน้ำ
เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอก่อนจะเดินไปที่รถเข็นที่บรรจุเครื่องดื่มและขนมนานาชนิดที่ตั้งอยู่ด้านข้าง
“คุณจะดื่มอะไร” เดรโกถาม
“มีชามะลิหรือเปล่า” เฮอร์ไมโอนีถาม ตอนนี้เธอกำลังสนใจในเรื่องของชาอยู่พอดี
แทนคำตอบขายหนุ่มหยิบกาน้ำชาสีฟ้าขึ้นมารินให้หญิงสาว
เขาวางถ้วยชาหอมกรุ่นตรงหน้าเธอก่อนจะหันไปจัดการกับขนม
เขาหยิบขนมหน้าตาน่าทานอย่างละนิดอย่างละหน่อยแบ่งใส่จานเล็กเธอ
ก่อนจะจัดการกับกาแฟมัคคิอาโตของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว
“ที่นี่สวยจังนะ เจ้าของเขาเข้าใจทำจริงๆ ” เฮอร์ไมโอนีพูดพลางมองบรยากาศรอบตัวอย่างชื่นชม
“ขอบคุณ” เดรโกก้มศีรษะรับคำชมจากเฮอร์ไมโอนี
“มาขอบคุณชั้นทำไม” เฮอร์ไมโอนีถามอย่างงงๆ
“ก็คุณชมเจ้าของเขาว่า idea ดีไม่ใช่เหรอ” เดรโกย้อนถาม
“ใช่ชั้นชมเจ้าของที่นี่ ไม่ได้ชมคุณสักหน่อย” เฮอร์ไมนีเถียงกลับ
เดรโกมองหน้าเฮอร์ไมโอนีนิ่ง ดวงตาสีเงินพราวระยับ ก่อนที่ดวงหน้าเรียบเฉยนั้นจะค่อยๆ แย้มออก
พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ฟังดูอบอุ่นจริงใจ ผิดกับบุคลิกเย็นชาของเขา
“หัวเราะอะไร” เฮอร์ไมโอนีถามฉุนๆ
ไม่รู้ว่าฉุนกับการที่เขาหัวเราะเธอหรือว่าเพราะเสียงหัวเราะนั่นทำให้หัวใจเธอเร่งสปีดในการเต้นกันแน่
“ผมเป็นเจ้าของและก็ CEO ของที่นี่” เดรโกตอบเสียงเรียบ แม้เสียงหัวเราะจะหายไปแล้ว
แต่ดวงตาสีเงินยังคงประกายยิ้มหัวเอาไว้
เออ...เป็นเจ้าของนี่เอง มิน่าพนักงานพวกนั้นถึงดูพินอบพิเทายังไงชอบกล
แต่จากสายตาพวกพนักงานแม้จะมีแววเกรงใจแต่ก็ไม่มีความหวาดกลัว ดูท่าคงจะไม่ใช่พวกนายจ้างจอมโหดละมั๊ง
“เป็นเจ้าของแต่ดูบริการคล่องนะ คงทำบ่อยละซิ” เฮอร์ไมโอนีกล่าวหา
“ก่อนที่ผมจะเข้ามาบริหารงานที่นี่ ผมเข้ามาทำงานระดับล่างพวกนี้ก่อน ผมทำทั้งล้างคอกม้า
ตัดหญ้าสนามกอล์ฟ รวมไปถึงพนักงานเสิร์ฟที่นี่ด้วย” เดรโกชึ้แจง
เฮอร์ไมโอนีมองผู้ชายตรงหน้าอย่างแปลกใจ
ทำไมผู้ชายที่เย็นชาไร้หัวใจกลับคิดสร้างสถานที่แบบนี้แถมยังใส่ใจถึงขนาดลงทุนศึกษางานโดยการทดลองทำงานร
ะดับล่างด้วยตนเอง หากแต่น่าเสียดายที่บรรยากาศอันอบอุ่นของ Upon Avon
ไม่สามารถทำลายกำแพงน้ำแข็งที่ชายหนุ่มผู้นี้สร้างขึ้น
“ว่าแต่คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับชั้นล่ะ” เฮอร์ไมโอนีเข้าเรื่องโดยไม่อ้อมค้อม
“พ่อคุณติดหนี้พนันลาสเตอร์อยู่” เดรโกพูดเรื่อยๆ เหมือนพูดเรื่องทั่วไป
หากน้ำเสียงของเขาติดจะกังวลเล็กน้อย ลาสเตอร์เป็นเจ้าของคลับที่ค่อนข้างจะเอาเรื่องอยู่
คนอย่างเขาไม่รู้จักคำว่าเมตตา
ถ้าตอนนั้นเขาไม่ไปจัดการเรื่องเชฟที่ติดพนันที่คลับจนเสียการเสียงานก็คงไม่ได้ไปเจอกับเฮอร์เบิร์ตที่กำ
ลังถูกลาสเตอร์ไล่บี้อยู่
และเพราะดวงตาสีน้ำตาลที่ชวนให้เขารำลึกถึงหญิงสาวคนตรงหน้านี่เองที่ทำให้เขาเสนอตัวเขาช่วยโดยยังไม่รู้
ว่าชายคนที่ว่าเป็นใคร
เฮอร์ไมโอนีอึ้งไปทันทีที่ได้ยินพ่อเธอติดหนั้พนันกับลาสเตอร์ เธอจะไปหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้กันล่ะ
เงินเก็บที่มีเธอก็เอาไปลงกับร้านหนังสือหมด ซึ่งก็ไม่ได้ทำกำไรอะไรมากนักเนื่องจากเพิ่งเปิดได้ไม่นาน
คิดมาถึงตรงนี้ความหอมของชามะลิก็ดูจะจางไป ขนมก็ฝืดคอ เธอวางช้อนก่อนจะลุกเดินออกไปที่สะพาน
สายลมเย็นที่พัดผ่านไม่ได้ช่วยลดความร้อนรุ่มในจิตใจเธอได้เลย
“พ่อติดหนี้ลาสเตอร์อยู่เท่าไหร่” เฮอร์ไมโอนีถามเสียงสั่น ดวงตาสีน้ำตาลมีน้ำใสๆ คลออยู่
“บ้านคุณติดจำนองพ่อคุณเลยประกันคลีนิกหวังจะเอาบ้านคืน” เดรโกเล่า
“แต่คลีนิกมันขายไปเมื่อปีที่แล้วนี่” เฮอร์ไมโอนีท้วง
“ใช่ เอาทรัพย์สินของคนอื่นไปประกัน ถ้าลาสเตอร์รู้เข้า เขาไม่ยอมแน่”
เฮอร์ไมโอนีทรุดตัวลงนั่งบนพื้นไม้อย่างหมดอรงทันทีที่ได้ยินคำตอบ น้ำตาไหลจากดวงตาคู่สวยไม่ขาดสาย
เดรโกดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นเฮอร์ไมโอนีบ่อน้ำตาแตก เขาค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เธอก่อนจะโอบเธอไว้
อย่างอ่อนโยน เฮอร์ไมโอนีเอนตัวเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นของชายหนุ่ม เธอซุกหน้าลงไปกับอกกว้าง
น้ำตาเธอไหลเปื้อนอกเสื้อข้างซ้ายของเขาจนเปียกชุ่ม
ตลอดเวลาที่เฮอร์ไมโอนีร้องไห้เดรโกไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาเพียงแต่โอบเธอไว้หลวมๆ และลูบศีรษะเธอเบาๆ
อย่างปลอบโยน
เฮอร์ไมโอนีนั่งฟังเสียงหัวใจของเดรโกเต้นเป็นจังหวะหนักแน่นและมั่งคง น้ำตาของเธอแห้งแล้ว
แม้เขาไม่ได้พูดอะไรที่เป็นคำมั่นสัญญากับเธอ
แต่เสียงหัวใจที่ดังอยู่แนบหูนั้นเหมือนจะบอกเธอว่าอ้อมแขนนี้พร้อมจะปกป้องเธอตลอดไป
เมื่อเดรโกเห็นว่าเฮอร์ไมโอนีสงบลงแล้วเขาก็ค่อยคลายอ้อมกอดออก
เฮอร์ไมโอนีเองก็คลายวงแขนที่รัดอยู่รอบเอวชายหนุ่มออกพลางสูดจมูกฟุดฟิด
“แล้วชั้นจะต้องทำยังไงล่ะ” เฮอร์ไมโอนีพึมพำ น้ำตาที่แห้งเหือดไปเริ่มซึมออกมาใหม่
“ผมไปเจอคุณพ่อคุณพอดี ท่านกำลังตกใจทำอะไรไม่ถูก ผมเลยเสนอจะช่วย” เดรโกเว้นจังหวะนิดนึง
“แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยน”
“คุณต้องการอะไร” เฮอร์ไมโอนีถามเสียงสั่น แน่ละซิเรื่องอะไรเขาจะมาช่วยเธอเปล่าๆ
เพื่อนกันหรือก็ไม่ใช่
เดรโกมองหน้าเธอนิ่ง สายตาของเขาเหมือนกำลังตรึกตรองอะไรบางอย่าง
สายตาที่ทำเอาเฮอร์ไมโอนีรู้สึกหนาวยะเยือก
“คุณจะแต่งงานกับผม” เดรโกพูดเรียบๆ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ท้องฟ้าสีฟ้า หญ้าสีเขียว
เดรโกจะแต่งงานกับเฮอร์ไมโอนี
“ขอโทษพูดอะไรออกมาไม่ตลกเลยนะ” เฮอร์ไมโอนีหันมามองเดรโกด้วยดวงตาสับสนไม่เข้าใจ
“ผมไม่ได้พูดเล่นนะ” เดรโกย้ำเสียงเรียบ
“คุณพูดอะไรออกมารู้รึเปล่า จะให้ชั้นแต่งงานกับคนอย่างคุณเนี่ยนะ” เฮอร์ไมโอนีถามพลางยิ้มหยัน
ดวงตาสีเงินลุกวาบราวกับมีไฟสุมอยู่ในนั้นทันทีที่หญิงสาวพูดจบประโยค
“ทำไม คนอย่างผมมันทำไม”
“ก็พวกผู้เสพความตายกระหายเลือดไง คนอย่างพวกคุณไม่มีหัวใจจะรักใครหรอก” เฮอร์ไมโอนีตะโกน
น้ำตาของความโกรธ ความเสียใจ ความผิดหวัง ไหลเปื้อนแก้มเนียนใสอีกครั้ง
“คุณเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะสาวน้อย” เดรโก มัลฟอยหัวเราะออกมาเบาๆ หากคราวนี้เสียงหัวเราะของเขากลับเย็นชา
บาดลึกเข้าไปในหัวใจของคนฟัง “คุณในฐานะภรรยาของผมจะทำให้คนอื่นๆ มองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
โอเคผมยอมรับถึงผมจะเป็นสายลับให้กับภาคีแต่ทุกคนก็ยังมองผมว่าเป็นผู้เสพความตายและเป็นตันเหตุการตายของ
ดัมเบิลดอร์อยู่ดี
แต่ถ้าผมทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมัลฟอยแต่งงานกับคุณแม่มดมักเกิลบอร์นเพื่อนสนิทของพอตเตอร์
ไม่ว่าใครก็ต้องเปลี่ยนความคิดแน่ๆ ”
“คนเลว” เฮอร์ไมโอนีฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าขาวซีดเต็มแรงจนชายหนุ่มหน้าหัน
เธอบ้าไปแล้วรึไงนะที่เผลอคิดอยากให้เขามีใจให้
“โอเค เรื่องนี้จบลงที่พ่อคุณต้องติดคุก และตัวคุณเองก็ต้องอยู่กับความละอายใจไปชั่วชีวิต”
เดรโกพูดอย่างเลือดเย็น
เฮอร์ไมโอนีหน้าถอดสี เธอไม่ยอมให้พ่อต้องติดคุกหรอก
“ชั้นจะเป็นภรรยาเลวๆ ” เฮอร์ไมโอนีประกาศ
“ผมจะคอยดู”
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
บ้าชะมัด ผู้ชายใจร้ายอย่างนั้นขณะนี้ได้ชื่อว่าเป็นสามี
เฮอร์ไมโอนีก้มลงมองแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายก่อนจะเบนสายตาไปที่ชายหนุ่มข้างตัวที่ทักทายกับแขกเหรื่อในงาน
อย่างสุภาพ ตอนนี้เขาตัดผมแล้ว เฮอร์ไมโอนีจำได้ว่า ตอนที่ไปลองชุดแต่งงานเธอบอกเขาว่าให้ไปตัดผมซะ
เธอไม่อยากเดินเข้าโบสถ์กับผู้ชายที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เหมือนลูเซียสยังกับแกะ ถึงแม้คนๆ
นั้นจะเป็นลูกชายก็เถอะ เขามองเธอด้วยสายตาประหลาดๆ
ก่อนจะจับผมตัวเองขึ้นมาพิจารณาดูพลางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เฮอร์ไมโอนีก็คิดว่าเขาคงไม่ตัดผมแล้ว
หากแต่วินาทีที่เธอเห็นว่าชายหนุ่มคนที่ยืนรอเธออยู่ที่ปลายทางเดินนั้นตัดผมสั้นหวีเสยไปข้างหลังแบบลวกๆ
ปอยผมเล็กๆ ปอยหนึ่งหล่นลงมาปรกตาข้างซ้าย
หัวใจเธอก็เต้นรัวเร็วราวกับว่าเธอกำลังเดินเข้าโบสถ์ด้วยสปีดของนักวิ่งร้อยเมตรกำลังทะยานเข้าเส้นชัยยั
งไงยังงั้น
สายตาของเฮอร์ไมโอนีอ่อนลงเมื่อบิดาของเธอเดินเข้ามาหา พลางส่งยิ้มอ่อนๆ ให้
“พ่อเห็นความรักเริ่มงอกเงยตอนจูบสาบาน
รู้มั๊ยว่าพ่อไม่สบายใจมาตลอดที่เป็นต้นเหตุให้ลูกต้องแต่งงานโดยปราศจากความรัก” เฮอร์เบิร์ต
เกรนเจอร์ยิ้มบางๆ กับลูกสาว “แต่ตอนนี้พ่อสบายใจแล้ว”
“พ่อค่ะ” เฮอร์ไมโอนีโผเข้ากอดบิดา พ่อเธออาจจะถูกเรื่องเห็นความรักเริ่มงอกเงย
แต่ถ้าจะให้ถูกที่สุดมันคงเป็นความรักของเธอเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น
“คุณเจ้าบ่าว ขอยืมตัวเจ้าสาวหน่อยนะค่ะ” เจสสิก้าเดินยิ้มตาเป็นประกายเข้ามา
“เดี๋ยวเดียว” เดรโกตอบก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเฮอร์ไมโอนี
เฮอร์ไมโอนีรู้สึกใจสั่นหวิวกับรอยยิ้มของชายหนุ่ม เขาคิดจะทำอะไรกับเธอกันแน่นะ
ถ้าไม่รักไม่ชอบก็อย่ามาทำให้หลงสิ
เฮอร์ไมโอนีสะบัดศีรษะเคลียร์หัวสมองแล้วจึงเดินตามเจสสิก้าออกไปที่ชายฝั่งแม่น้ำเอวอนอย่างเบลอๆ
“ไหนว่าไม่มีทางหลงเสน่ห์เขายังไงล่ะ ยัยจอมโกหก” เจสสิก้าต่อว่า
หากรอยยิ้มบนใบหน้ากลับบอกตรงข้ามกับคำพูด
“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย” เฮอร์ไมโอนีปฏิเสธแต่หน้าแดงก่ำกับสาวตารู้ทันของเพื่อนสาว
และก่อนที่ยัยจุ้นจะพูดอะไรไปมากกว่านี้เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“นี่ชั้นเห็นนะว่าเธอแอบเหล่หนุ่มผมดำที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดอยู่หน่ะ เอ้านี่ช่อดอกไม้นี่ชั้นให้
เขาว่าคนที่ได้ช่อดอกไม้ของเจ้าสาวไปจะได้แต่งงานเป็นคนต่อไปนะ”
เจสสิก้ารับช่อดอกไม้ไปอย่างยินดี เธอหันมากอดเฮอร์ไมโอนีอีกครั้งก่อนจะออกเดินไปหาชายหนุ่มคนที่ว่า
เขากำลังยืนจิบไวน์อยู่ข้างโต๊ะเครื่องดื่ม
เฮอร์ไมโอนีมองตามเจสสิก้าพลางยิ้มเศร้าๆ กับตัวเอง
เธอหวังว่าเจสสิก้าจะโชคดีได้เจอกับคนที่เธอรักและรักเธอ
“ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าจะมีวันนี้” เสียงกระซิบนุ่มๆ
ข้างหูมาพร้อมกับวงแขนแข็งแรงที่กระหวัดรัดรอบเอวบาง
เฮอร์ไมโอนีขืนตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม “ชั้นก็เหมือนกัน แฮร์รี่”
เฮอร์ไมโอนียิ้มบางๆ ให้กับเพื่อนชาย เขามองเธออย่างหลงใหล
มันจะเป็นอย่างไรนะถ้าคนที่ใส่ชุดทักซิโด้ยืนรอเธอที่โบสถ์เป็นเขา ไม่ใช่เดรโก มัลฟอย
ดวงหน้าคมกระด้างขึ้นเมื่อนึกถึงผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเพื่อนสาวที่เขาแอบรักมาตลอด
“ทำไมนะ ชั้นไม่เข้าใจเลยทำไมเธอถึงไปแต่งงานกับไอ้กร๊วกอย่างมัน” แฮร์รี่รำพันอย่างเจ็บปวด
“ชั้นเหมาะสมกับเธอมากกว่ามันเป็นไหนๆ ”
“ครับผมคุณพอตเตอร์ ผมมันเป็นไอ้กร๊วก แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับการที่คนสองคนจะรักกันนี่ครับ”
เดรโกสอดแขนคล้องเข้าที่เอวของเฮอร์ไมโอนีดวงตาสีเงินจ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาล
เฮอร์ไมโอนีรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด สายตาแบบนี้ของเขาทำให้เธอคิดอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก
“ช..ใช่ เรื่องนี้มัน..มันไม่เกี่ยวกับความรัก ถ้าคน..คนสองคนรักกันจริง...” เฮอร์ไมโอนีพูดตะกุกตะกัก
“เรื่องนั้นเอาไว้สรุปตอนฮันนีมูนดีกว่า” เดรโกว่าพลางดึงเธอให้ออกเดินไปทางบิดาของหญิงสาว
“ฮันนีมูน ? ที่ไหน ?” เฮอร์ไมโอนีถามตื่นๆ
“อิตาลี” เดรโกตอบเรียบๆ ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้เข้มขึ้น “และต่อไปนี้ก็ห้ามไปยุ่งกับพอตเตอร์อีกนะ”
“ทำไม” เฮอร์ไมโอนีเริ่มโมโหกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของชายหนุ่ม เขามีสิทธิ์อะไรมาสั่งเธอ
เขาอจจะเป็นสามีแต่ไม่ใช่เจ้าของชีวิต
“ผมไม่ใช่คนใจกว้างที่จะยอมให้เมียตัวเองไปคบหากับคนรักเก่าหรอกนะ” เดรโกว่าเสียงเข้ม
เฮอร์ไมโอนีมองเดรโกอย่างโกรธๆ คนรักเก่าอะไร แฮร์รี่ก็เป็นแค่เพื่อนสนิทเท่านั้น
แต่ดีอยากเข้าใจผิดก็ดี การแต่งงานที่ปราศจากความรัก ความจริงคงไม่สลักสำคัญอะไร
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
ห้องที่ปรากฏต่อสายตาของเฮอร์ไมโอนีเป็นห้องฮันนีมูนสวีทสุดหรูที่ประดับตกแต่งในโทนสีครีม
สีขาวและสีโอโรส ห้องแบ่งสัดส่วนออกเป็นห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ มุมทำครัวขนาดเล็ก ด้านในสุดเป็นห้องนอน
ทางซ้ายมือเป็นระเบียงที่จัดตั้งโต๊ะเก้าอี้เล็กๆ ไว้ยามต้องการรับอากาศบริสุทธิ์ภายนอก แต่ก็นั่นแหละนะ
ถึงห้องมันจะใหญ่ซักแค่ไหน แต่ฮันนีมูนสวีทมันก็มีเตียงแค่เตียงเดียวเท่านั้น
“คืนนี้คุณนอนโซฟานะ” เฮอร์ไมโอนีจัดแจง ประเด็นเรื่องขอเตียงเสริมตกไปในทันทีที่คิดขึ้นมา
แขกห้องฮันนีมูนสวีทโทรลงไปขอเตียงเสริม คนเขาจะได้นินทากันสนุกปากปะไร
“เรื่องอะไรล่ะ” เดรโกปฏิเสธ เขาถอดเสื้อนอกออกแล้ว ตอนนี้กำลังจัดการกับเนคไทอยู่
“งั้นชั้นนอนโซฟาเองก็ได้” เฮอร์ไมโอนีกระชากเสียง เธอสะบัดหน้าจะเดินหนี
หากเดรโกคว้าข้อมือบางไว้ได้ก่อน
“มาฮันนีมูนทั้งทีจะมานอนแยกเตียงทำไมกันล่ะ” เดรโกกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาว
“อย่ามาทำรุ่มร่ามกับชั้นนะ” เฮอร์ไมโอนีสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม
“คุณได้สิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ ยังจะมาวุ่นวายอะไรกับชั้นอีก”
หลังจากที่มีข่าวว่าเดรโกจะแต่งงานกับเฮอร์ไมโอนี ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปในแทบจะทันที
ธุรกิจยาที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ทวดของเขาที่ถูกทางกระทรวงเวทย์มนตร์ถอนใบอนุญาต ก็ได้ใบอนุญาตกลับคืนมา
คฤหาสน์มัลฟอยที่ถูกยึดไปก็ได้รับคืน ชื่อมัลฟอยไม่ได้เป็นชื่อต้องห้ามอีกต่อไป
“งอนอะไรล่ะ” เดรโกดึงตัวภรรยาสาวเข้ามากอด เขาไล้ริมฝีปากไปตามขากรรไกรเธอเบาๆ
เฮอร์ไมโอนีดิ้นออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม หน้าของเธอแดงก่ำ เดรโกค่อยๆ
เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของตัวเองก่อนจะถอดเสื้อเชิร์ตสีขาวออกเผยให้เห็นแผ่นอกแข็งแกร่งและหน้าท้องที
่อุดมไปด้วยมัดกล้าม เขามองเธอนิ่งๆ
อยู่พักหนึ่งก่อนจะโยนเสื้อเชิร์ตใส่เธอแล้วหันหลังเดินไปทางห้องน้ำ
“สบายใจเถอะ คืนนี้ผมเหนื่อยยังไม่คิดจะแตะต้องอะไรคุณหรอก”
เดรโกหยุดอยู่ที่ประตูห้องน้ำแล้วหันหน้ากลับมา “ผมจะอาบน้ำ อาบด้วยกันมั๊ยล่ะ”
“บ้า” เฮอร์ไมโอนีขยุ้มเสื้อเชิร์ตแล้วขว้างออกไปเต็มแรงโดยมีเป้าหมายเป็นใบหน้าหล่อเหลาของสามี
แต่เพราะทั้งโกรธทั้งเขินเลยพลาดเป้าไปเยอะ เดรโกหัวเราะเบาๆ อย่างชั่วร้ายก่อนจะปิดประตูห้องน้ำ
เฮอร์ไมโอนีเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าห่มสำรองออกมา แล้วก็เดินไปที่เตียงหยิบหมอนมาใบ
เธอจัดแต่งที่นอนบนโซฟาสีครีมตัวใหญ่ แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้านอนห่มผ้าห่มถึงคอ เธอตัดสินใจ ‘ซักแห้ง’
เพราะขึ้เกียจรอ และอีกอย่างเธอไม่อยากจะเสวนาอะไรกับเดรโกอีก
ครู่เดียวประตูห้องน้ำก็เปิดออก เดรโกเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าโดยมีผ้าขนหนูพันหลวมๆ อยู่ที่เอว
และอีกผืนพาดอยู่ที่หัวไหล่ เขาจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แห้งแล้วหยิบกางเกงบ็อกเซอร์ออกมาสวม
เดรโกเดินมาหาเธอที่โซฟาแล้วเรียกชื่อเธอเบาๆ เฮอร์ไมโอนีนอนนิ่งแกล้งทำเป็นหลับ
เธอได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ ก่อนจะรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นๆ ที่กดประทับลงที่หน้าผาก
“ราตรีสวัสดิ์ มายน์”
เดรโกหันหลังเดินกลับก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง ครู่เดียวเสียงลมหายใจของเขาก็ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
หากแต่หญิงสาวที่นอนอยู่บนโซฟานี่สิ แทนที่จะได้นอนหลับสบายๆ
กลับต้องมานอนลืมตาโพลงในความมืดพลางเหลือบมองเงาตะคุ่มๆ
ของชายหนุ่มที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงกว้างเป็นระยะๆ
หลังจากที่โวลเดอมอร์ถูกกำจัด บรรดาผู้เสพความตายก็ถูกทางกระทรวงเวทย์มนตร์เรียกสอบสวน เดรโก
มัลฟอยเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ทรัพย์สินของครอบครัวถูกยึด ธุรกิจถูกสั่งปิด พร้อมด้วยโทษจำคุกตลอดชีวิต
แต่เพราะเพนซีฟของดัมเบิ้ลดอร์และคำให้การของอาร์เทอร์ วีสลีย์ว่าเดรโก
มัลฟอยเป็นสายลับให้กับทางภาคีจริงๆ ทำให้เขารอดพ้นอัซคาบันมาได้
หากแต่นั่นไม่ได้ทำให้ทางกระทรวงเปลี่ยนใจในเรื่องของการริบทรัพย์สิน
แม้ว่าทรัพย์สินเหล่านั้นจะเป็นชื่อของเดรโกเพราะลูเซียสและนาร์ซิสซาร์
มัลฟอยได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นแล้ว ทางกระทรวงให้เหตุผลช้างๆ คูๆ
ว่าถึงแม้เขาจะเป็นสายลับแต่ก็ได้กระทำความผิดหลายอย่างในฐานะผู้เสพความตาย
ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องคงคำตัดสินบางส่วนไว้
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับการปล่อยตัวและมีประกาศอย่างเป็นทางการจากกระทรวงเวทย์มนตร์ว่าเขาเป็นสายลับให้ก
ับภาคี ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังคงไม่เชื่ออะไรในเรื่องนี้นัก
เนื่องจากมีน้อยคนที่รู้ของเขาแถมคนที่รู้ก็ปิดปากเงียบเป็นหอยกาบอีก พออยู่ดีๆ
มีการประกาศว่าชายที่เชื่อว่าเป็นสมุนมือขวาของโวลเดอมอร์เป็นสายลับ มันก็เลยดูเหมือนไม่มีมูล
แล้วยิ่งมีการยึดทรัพย์สินของตระกูลมัลฟอยทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเขาใช้เงินเพื่อซื้ออิสรภาพและไถ่โท
ษความผิดทั้งหมดที่เขาก่อ
หลังจากที่เรื่องราวทั้งหมดเรียบร้อยข่าวคราวของเขาก็เงียบหายไป
พอจะมีให้ได้ยินอยู่บ้างในคอลัมน์ซุบซิบของนิตยสารแม่มดรายสัปดาห์
เธอได้ยินมาว่าเขาไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมที่ออกซ์ฟอร์ดและลงทุนทำธุรกิจอะไรบางอย่างหลั
งจากเรียนจบ แต่ทางนิตยสารไม่ได้บอกว่าเป็นธุรกิจอะไร
เฮอร์ไมโอนีไม่รู้ว่าเขาถูกทางกระทรวงริบทรัพย์สินไปมากน้อยแค่ไหน
แต่การที่เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่จากโลกที่ไม่มีใครยอมรับ สร้างตัวเองขึ้นมาจากที่ที่เขาไม่รู้จัก
ด้วยวัยเพียง 27 ปีบวกกับมันสมองและความมุ่งมั่น เขาสร้างตำนานของตัวเองอย่างเต็มภาคภูมิ
ถ้าหากว่านี่เป็นการแต่งงานที่เกิดจากความรัก เธอจะมีความสุขขนาดไหน
เฮอร์ไมโอนีพลิกตัวนอนตะแคงพลางกลั้นเสียงสะอื้น เธอจะร้องไห้ทำไม ในเมื่อเอาแต่พูดให้เสียบรรยากาศ
เป็นคนต้องการแบบนี้เอง เขาเองก็คงจะเบื่อกับการต่อปากต่อคำกับเธอถึงไม่ได้คัดค้านอะไรจริงจัง
หากแต่วินาทีนั้นเองที่เธอรู้สึกถึงวงแขนแข็งแรงสอดเข้าที่ด้านหลังและใต้เข่ายกตัวเธอขึ้น
“เดรโก” เฮอร์ไมโอนีพึมพำ
“ไปนอนที่เตียงเถอะ ขืนนอนที่โซฟาทั้งคืน ตื่นเช้ามาจะปวดเมื่อยไปเปล่าๆ ”
เดรโกอุ้มหญิงสาวไปวางที่เตียงอย่างเบามือ เฮอร์ไมโอนีหันหน้ามาหาชายหนุ่ม
หยาดน้ำในดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายในความมืด
“คุณร้องไห้อยู่เหรอ” เดรโกใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยน้ำตาบนแก้มใสอย่างอ่อนโยนก่อนจะกอดเธออย่างแนบแน่น
“รู้ไว้นะผมไม่ได้แต่งงานกับคุณเพราะอยากให้คุณเจ็บปวด”
เดรโกก้มลงจูบเธอย่างแผ่วเบาก่อนจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ มือซ้ายของเขาเริ่มสำรวจไปทั่วเรือนร่างอรชร
ในขณะที่มือขวาวางรองอยู่ข้างศีรษะหญิงสาวเพื่อรองรับน้ำหนักตัวของเขา
“นิ่งซะนะคนดี ผมจะทำให้คุณมีความสุข ทำให้คุณลืมพอตเตอร์ไปเลย”
รืมฝีปากร้อนผ่าวของเขาไล่ลงมาที่ทรวงอกอิ่มที่สะท้อนขึ้นลงจากแรงหายใจหอบ
เฮอร์ไมโอนีดิ้นขยุกขยิกอยู่ใต้ร่างของชายหนุ่ม เขาไม่ได้รักเธอ เขาแค่ต้องการเองชนะแฮร์รี่เท่านั้น
“ไม่” เฮอร์ไมโอนีรวบรวมเรื่ยวแรงที่เหลืออยู่ดันหน้าอกของชาบหนุ่มออกไป เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน
เดรโกชะงักการกระทำของเขาชั่วครู่ ดวงตาสีเงินเปล่งประกายปรารถนาชัดเจน เขายึดข้อมือสองข้างของเธอ
จับกดเอาไว้เหนือศีรษะ เขาซุกหน้าลงไปที่ซอกคอของเธอ จูบย้ำลงบนผิวขาวนวล รอยแดงปรากฏขึ้นเห็นเด่นชัด
“คุณเป็นของผม เฮอร์ไมโอนี” เดรโกงึมงำอยู่ในลำคอ
เฮอร์ไมโอนีเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการกระตุ้นของเดรโก เธอไม่ต้องการแบบนี้
เธออยากให้เขาจูบเธอเพราะเขารักเธอ ไม่ใช่เพราะต้องการเอาชนะใคร
“แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนีพูดเสียงแผ่ว “แฮร์รี่ช่วยด้วย”
เฮอร์ไมโอนีลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับอยู่ด้านบนเคลื่อนออกไป เขาลุกขึ้นจากเตียง
ดึงผ้าห่มมาห่มให้เธอ แม้ว่าจะอยูในความมืด แต่เฮอร์ไมโอนีก็รู้สึกได้ว่ามือของเขาสั่น
“เตียงเป็นของคุณ ผมจะไปนอนโซฟา” น้ำเสียงห้วนจัดของคนพูดบาดลึกเข้าไปในหัวใจของคนฟัง
นี่เธอทำร้ายเขา ทำร้ายศักดิ์ศรีของเขาใช่มั๊ย แต่เธอเองก็อยากเป็นที่รัก
ไม่ใช่เครื่องระบายอารมณ์ของใคร เพราะอะไร ทำไมเธอถึงอยากได้ความรักของเขานักนะ
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
เฮอร์ไมโอนีตื่นเข้าขึ้นมาอย่างไม่สดชื่นนัก เมื่อคืนกว่าจะหลับลงได้ก็เสียน้ำตาไปหลายปี๊บทีเดียว
เธอกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องไม่ปรากฏว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ในบริเวณนี้แต่อย่างใด
เฮอร์ไมโอนีลุกเดินไปที่ห้องน้ำ อาบน้ำเย็นๆ ซักหน่อยเพื่อจะสดชื่นขึ้น
‘ผมมีงานด่วนต้องทำ เงินกับบัตรเครดิตที่โต๊ะเชิญคุณใช้ได้ตามสบาย ถ้าอยากออกไปไหนก็ไปบอกที่ฟร้อนท์
ผมสั่งรถเช่าไว้ให้แล้ว แล้วอีกอย่างวันนี้ผมคงกลับดึก ไม่ต้องอยู่รอผมหรอกนะ’
เฮอร์ไมโอนีอ่านโน้ตที่ชายหนุ่มทิ้งไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง
พร้อมกับก้มลงมองบัตรเครดิตสองใบพร้อมเงินสดปึกนึงวางอยู่ใกล้ๆ กัน
“เงินตั้งเยอะใครจะไปใช้หมด ชั้นไม่ใช่พวกนักช็อปซะหน่อย”
เฮอร์ไมโอนีบ่นเมื่อหยิบปึกเงินขึ้นมานับแล้วพบว่ามันมีมูลค่าถึง 1000 ยูโร
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ นายหญิง” เสียงทักดังขึ้นจากห้องนั่งเล่น หญิงสาววัยสามสิบปลาย สวมชุดแม่บ้านของโรงแรม
ผมยาวสีบลอนด์รวมตึงเป็นมวยไว้ทางด้านหลัง หากแม้คำพูดคำจาและท่าทางจะดูสุภาพอ่อนน้อม
แต่ดวงตาสีฟ้ากลับแข็งกระด้าง “นายท่านให้ดิฉันมาดูแลนายหญิงค่ะ ดิฉันชื่อโอลิเวีย
กรีนกราสเป็นหัวหน้าแม่บ้านของที่ Above Mediterranean ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ โอลิเวีย” เฮอร์ไมโอนีทักตอบ “ชั้นยังไม่มีอะไรให้ทำหรอกจ๊ะ เธอมีอะไรทำก็ไปทำเถอะจ๊ะ”
“งั้นถ้านายหญิงมีอะไรก็เรียกดิฉันได้ที่ 2130 นะคะ” โอลิเวียยังคงกล่าวอย่างสุภาพก่อนจะเดินออกไป
เฮอร์ไมโอนีนั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องตลอดช่วงเช้า เธอตัดสินใจว่าวันนี้จะยังไม่ออกไปไหน
เอาไว้วันหลังเดรโกว่างค่อยไปด้วยกัน
หากแต่มาต่างประเทศทั้งทีจะให้อยู่แต่ในห้องอ่านหนังสือมันก็น่าเบื่อเกินไป
ช่วงบ่ายหลังจากนั่งรับประทานอาหารกลางวันคนเดียว เธอจึงตัดสินใจที่จะออกไปเดินดูพื้นที่รอบๆ
สำรวจบริเวณโรงแรมเสียหน่อย
Above Mediterranean นี้เป็นโรงแรมอีกสาขาหนึ่งของโรงแรมในเครือ Dragon Eyes ที่เดรโก
มัลฟอยเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว แรกเริ่มหลังจากที่เขาเรียนจบวิศวะใหม่ๆ
เขาลงทุนซื้อที่รกร้างริมแม่น้ำเอวอน
ใช้เวลาเพียงปีเดียวจากสถานที่ที่ไม่มีอะไรเลยก็กลายเป็นโรงแรมครบวงจรขนาดใหญ่ สามปีหลังจากนั้น Upon
Avon ก็สร้างชื่อเสียงขึ้นมาเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง
ผู้คนให้ความสนใจกับบรรยากาศสไตล์ครอบครัวแบบเป็นกันเองของที่นี่มาก
ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ห้องพักจะถูกจองเต็ม
และถึงแม้ว่าจะมีคนเข้าพักเยอะแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเนื่องจากที่นี่มีกิจกรรมมากมายเอาไว้รองรับความสน
ใจที่แตกต่างกันของทุกคน
ในเวลาเพียง 6 ปี Dragon Eyes ก็มีโรงแรมในเครือถึง 4 แห่ง Upon Avon และ Next to Thames ในอังกฤษ Above
Mediterranean ในอิตาลี Along Danube ในฮังการี และโครงการในอนาคต Between Nile ในอียิปต์
และเห็นว่ายังมีโครงการต่อไปอีกคือ Into the Rhine ในเยอรมัน Opposite Seine ในฝรั่งเศส
โรงแรมในเครือของ Dragon Eyes จะเน้นถึงความสงบ ธรรมชาติและสายน้ำ
สังเกตดูได้จากชื่อของโรงแรมว่าเป็นชื่อของแม่น้ำทั้งนั้น อาจจะยกเว้นที่อิตาลีนี่ที่เป็นทะเล
ถึงแม้ว่าสไตล์การตกแต่งของที่นี่จะดูร้อนแรง แต่การตกแต่งก็ยังเน้นไปที่บรรยากาศแบบครอบครัว
ซึ่งจะเป็นเหมือนกันทุกสาขา
เฮอร์ไมโอนีใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายเดินสำรวจโรงแรม ดูเหมือนพนักงานที่นี่ทุกคนจะรู้จักหญิงสาวกันหมด
เพราะพวกเขาจะหยุดทำความเคารพเธอทุกครั้งที่เดินผ่าน ที่นี่ถึงแม้จะมีคอนเซปต์ครอบครัวเหมือนที่ Upon
Avon หากสไตล์ของสิ่งก่อสร้างและกิจกรรมเสริมต่างๆ กลับแตกต่างออกไป เช่น
ประภาคารที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกถูกปรับแต่งให้เป็นหอดูดาว สะพานไม้ที่ทอดยาวลงไปในทะเล
เป็นที่ที่เราสามารถนำเอาขนมปังมาโปรยให้อาหารปลาตัวเล็กๆ สีสันสวยงาม
รวมทั้งร้านกาแฟที่สร้างยื่นลงไปในทะเล และบริการเรือท่องเที่ยวล่องไปในทะเลสีน้ำเงินสด
ตกเย็นเฮอร์ไมโอนีกลับเข้าไปรอเดรโกในห้องพัก เขาก็บอกในโน้ตอยู่หรอกว่าไม่ต้องรอ
แต่เผื่องานเขาเสร็จเร็วเขาก็อาจจะกลับเร็วก็ได้ ใครจะรู้
เฮอร์ไมโอนีหยิบหนังสืออ่านเล่นที่เธอนำติดตัวมาจากอังกฤษขึ้นมาอ่านพลางเหลือบมองประตูห้องเป็นระยะๆ
โอลิเวียนำอาหารค่ำขึ้นมาให้เธอตอนสองทุ่ม เธอว่าให้กินอาหารเย็นเลยดีกว่า
ถึงตอนนี้เดรโกเองก็คงหาอะไรกินไปแล้ว
ในที่สุดเดรโกก็กลับมาเมื่อเวลาล่วงเข้าวันใหม่ไปกว่าชั่วโมง
เขาดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นเฮอร์ไมโอนียังนั่งอ่านหนังสือที่โซฟา
“ทำไมกลับดึกจัง” เฮอร์ไมโอนีวางหนังสือในมือลง พลางอ้าปากหาวน้อยๆ
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องรอ” เดรโกตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “โอลีเวียบอกผมว่าคุณไม่ได้ออกไปไหน”
“ชั้นไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว” เฮอร์ไมโอนีพูดเสียงอ่อย ท่าทางเขายังโกรธเรื่องเมื่อคืนอยู่ แต่ก็นะ
เป็นผู้ชายคนไหนก็ต้องโกรธที่ภรรยาตัวเองร้องเรียกให้ผู้ชายคนอื่นช่วย
“งั้นผมจะให้นิโคลัสไปเป็นเพื่อนคุณ” ชายหนุ่มยังคงพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์เช่นเดิม
ส่วนนิโคลัสที่ว่านี้เป็นเลขาคนสนิทของเขาเอง
“แต่เรามาฮันนีมูนกันนะ คุณจะให้ชั้นไปกับนิโคลัสได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนีแย้ง
“ผมไม่ว่าง ตอนนี้กำลังยุ่งเรื่องที่อียิปต์อยู่” เดรโกถอนหายใจอย่างรำคาญ
น้ำเสียงที่พูดก็ไม่ปิดบังความหงุดหงิดเลยซักนิด “แต่ถ้าคุณไม่อยากไปกับนิโคลัส
จะตามพอตเตอร์มาตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอกนะ”
ชายหนุ่มพูดเรื่อยๆ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าสังเกตดีๆ
จะพบความน้อยใจในน้ำเสียงและความเจ็บปวดในแววตา
“อย่าดึงแฮร์รี่เข้ามาเกี่ยวนะ” เฮอร์ไมโอนีตวาด
เดรโกมองเฮอร์ไมโอนีนิ่งด้วยสายตาตรึกตรอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ “ตั้งแต่คืนนี้ไปผมจะย้ายไปอยู่ห้องข้างๆ
มีประตูเชื่อมกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ถ้าคุณอยากได้อะไรก็บอกโอลิเวียได้เลย ผมสั่งเธอไว้แล้ว”
พูดจบเดรโกก็สะบัดไม้กายสิทธิ์ ข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าของเขาก็หายไปจากห้องหมด
เขากล่าวราตรีสวัสดิ์กับเธอเบาๆ ก่อนจะเดินผ่านไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามองกลับมาที่เธอ
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
ผ่านไป 1 อาทิตย์เฮอร์ไมโอนีไม่เจอกับเดรโกอีกเลยนับจากคืนนั้น
เขาออกไปทำงานแต่เช้ากว่าจะกลับเข้ามาก็ค่ำมืดดึกดื่น
ตัวเฮอร์ไมโอนีเองก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ห้องสมุดและร้านไอศกรีมริมหาด
ช่างเป็นการมาเที่ยวอิตาลีที่เสียเปล่าจริงๆ
“นายหญิงคะ นายท่านส่งของมาให้ค่ะ” โอลีเวียยื่นกล่องสีฟ้าหม่นๆ ให้เธอ
ด้านบนมีโน้ตจากเดรโกและรูปภาพของเขากับหญิงสาวหน้าตาสวย
ทั้งคู่ยืนแนบชิดกันและยิ้มให้กล้องอย่างร่าเริง โอเคอาจจะร่าเริงเฉพาะฝ่ายหญิง
หากรอยยิ้มที่มุมปากชายหนุ่มก็ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ เช่นกัน
“เอ๊ะ” เฮอร์ไมโอนีอุทานเมื่อเห็นรูป
“หลานสาวดิฉันเองค่ะ ชื่อดาฟเน่ กรีนกราส สวยใช่มั๊ยค่ะ” โอลิเวียพูดยิ้มๆ
“แล้วเอามาให้ดูทำไม” เฮอร์ไมโอนีถามเสียงเขียว เธฮเป็นภรรยาเจ้าของโรงแรมนะ
ยังไงก็ควรจะให้เกียรติกันหน่อย
“ก็เอามาให้คุณดูนะสิว่าดาฟเน่น่ะเหมาะสมกับนายท่านแค่ไหน นายท่านเคยมีความสุขกับคุณมั๊ย
แต่งงานได้แค่วันเดียวก็ขอแยกห้อง จะบอกให้นะถ้าเป็นดาฟเน่นะ ไม่มีทางขัดขืนให้นายท่านต้องหงุดหงิดหรอก”
โอลิเวียสูดลมหายใจก่อนจะเสริม “แถมหน้าตาก็ยังสวยกว่าคุณเป็นไหนๆ ”
เฮอร์ไมโอนีคว้ารูปมาขยำทิ้งทันทีที่โอลิเวียเดินออกไป ไม่ว่าจะยังไงเธอก็เป็นภรรยาของเดรโก
เป็นเฮอร์ไมโอนี เจน มัลฟอย ถึงเขาจะรักเธอหรือไม่ก็ตาม
ผู้หญิงที่เป็นแค่แม่บ้านไม่มีสิทธิ์จะมาวิจารณ์การกระทำของเธอ
‘เย็นนี้มีทานข้าวเย็นกับเพื่อนๆ ที่บริษัทตอนทุ่มตรง เตรียมตัวให้พร้อม’
เฮอร์ไมโอนีอ่านโน้ตจากเดรโกก่อนจะเปิดกล่องดูของข้างใน
ชุดราตรีเกาะอกสีม่วงเปลือกมังคุดนอนสงบนิ่งอยู่ในกล่อง พร้อมกับรองเท้าและเครื่องประดับเข้าชุด
เฮอร์ไมโอนีเหลือบมองนาฬิกา มีเวลาอีกกว่าสองชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัด
เฮอร์ไมโอนีอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัวอย่างบรรจง เธอใช้เวลาสองชั่วโมงที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า
เฮอร์ไมโอนีพิศดูตัวเองในกระจกพลางยิ้มอย่างพอใจ
เดรโกมารับเธอที่ห้องตอนหกโมงครึ่ง ชายหนุ่มดูหล่อเฉียบในชุดสูทสีดำสนิทที่มีเส้นสีเงินลายทางจางๆ
ส่งให้เขาดูสูงขึ้นไปอีก เขาสวมเนคไทสีม่วงเปลือกมังคุดสีเดียวกับชุดของเธอ
ความตั้งใจของเฮอร์ไมโอนีที่จะดึงความสนใจของชายหนุ่มได้ผล เมื่อแรกมองเฮอร์ไมโอนีเขาถึงกับชะงัก
หญิงสาวในชุดเกาะอกสีม่วงเปลือกมังคุดรับกับร่างสมส่วนดูสวยงามจับใจ
เธอสวมสร้อยเพชรรูปหยดน้ำที่คอเพียงเส้นเดียว ผมสีน้ำตาลที่ยาวสลวยเป็นลอนถูกรวบเป็นมวยแบบหลวมๆ
“ไปกันเถอะ” เดรโกยื่นแขนให้เฮอร์ไมโอนีเกาะ ก่อนจะพาเดินไปที่ห้องอาหาร
แม้เขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมาเป็นการชมเธอตรงๆ
แต่สายตาที่แสดงความพึงพอใจยามที่เขามองเธอก็ทำให้เธอรู้สึกคุ้มค่ากับการลงทุนแปลงโฉมครั้งนี้
เดรโกพาเธอมาที่ห้องอาหารอิตาเลี่ยนของโรงแรมชื่อ Sunset Cape ที่โต๊ะอาหารข้างๆ
บาร์นั่นเองที่หญิงสาวผมบลอด์ในชุดสีแดงเพลิง คนเดียวกับในรูปถ่ายที่โอลิเวียเอามาให้ดูนั่งจิบไวน์อยู่
เฮอร์ไมโอนีสบตากับดาฟเน่พลางกระชับมือที่เกาะแขนเดรโกแน่นขึ้น
ชายหนุ่มเหลือบมองเธอแวบหนึ่งแต่เขาไม่ได้เอ่ยทักอะไร ที่โต๊ะอาหารนอกจากดาฟเน่แล้ว
ยังมีนิโคลัสเลขาของเดรโก และชายหนุ่มที่เธอไม่รู้จักอีกสองคน
เมื่อทุกคนมาพร้อมอาหารก็เริ่มเสิร์ฟ ถึงแม้จะเป็นการทานอาหารร่วมกันระหว่างผู้บริหาร
หากแต่จุดประสงค์ของการทานอาหารครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องงาน จึงมีบรรยากาศที่เป็นกันเอง
“คุณเฮอร์ไมโอนีทำงานอะไรเหรอครับ” ชายร่างท้วมที่เดรโกแนะนำว่าชื่อปีเตอร์ เคน
เป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชีถามเฮอร์ไมโอนีเมื่อเห็นว่าดาฟเน่ผูกขาดการสนทนากับเดรโกไว้แต่เพียงผู้เดียว
“ชั้นเปิดร้านหนังสืออยู่ที่ Stratford ค่ะ” เฮอร์ไมโอนีตอบ
“อ๋อ เป็นพวกหนอนหนังสือนี่เอง”
ดาฟเน่ที่คงเงี่ยหูฟังบทสนทนาของเฮอร์ไมโอนีระหว่างที่คุยกับเดรโกพูดแทรกขึ้นมา
“ไม่ใช่ซักหน่อย” เฮอร์ไมโอนีเถียง
“เฮอร์ไมโอนีทำงานเป็นผู้บำบัดด้านกระดูกที่เซนต์มังโกก่อนที่เธอจะเปิดร้านหนังสือ” เดรโกชี้แจง
เฮอร์ไมโอนีหันไปมองหน้าชายหนุ่มทันที เธอแน่ใจว่าเธอไม่เคยบอกเขาเรื่องนี้
“แล้วทำไมถึงลาออกมาล่ะครับ” เดวอน เวบบ์ หัวหน้าฝ่ายกฏหมายถามขึ้น
“คุณพ่อมีปัญหานิดหน่อยค่ะ เลยย้ายกลับมาอยู่กับท่าน” เฮอร์ไมโอนีอ้อมแอ้มตอบไป
เธอไม่อยากให้ใครโดยเฉพาะดาฟเน่รู้ถึงเบื้องหลังของการแต่งงานครั้งนี้
“งั้นต้องขอบคุณคุณพ่อของคุณนะที่ทำให้คุณมาที่ Stratford จนได้เจอกับเดรโกไงล่ะ” ปีเตอร์พูดเย้าๆ
“แล้วคุณคิดจะกลับไปทำงานที่เซนต์มังโกบ้างมั๊ย” ดาฟเน่ถามขึ้นบ้าง
ริมฝีปากที่ถูกเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงฉาบรอยยิ้มหวานอย่างเสแสร้ง
“อย่างโง่ไปหน่อยเลยดาฟเน่ เดรโกไม่ปล่อยให้เฮอร์ไมโอนีไปทำงานในที่ที่ห่างหูห่างตาหรอกน่า
ใช่มั๊ยเดรโก” นิโคลัสที่นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยขึ้น ประโยคหลังเขาหันไปพยักเพยิดกับเดรโก
เดรโกหันมามองเฮอร์ไมโฮนีเต็มตา ดวงตาสีเงินเปล่งประกายแวววาว
เขาเอื้อมมือมากุมมือเธอที่วางประสานกันอยู่บนตักก่อนจะออกแรงบีบเบาๆ “แน่นอนอยู่แล้ว”
ดาฟเน่หน้าเปลี่ยนสีทันที เธอกระแทกผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยเสียงห้วน “ชั้นอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะ”
ปีเตอร์ เดวอน และนิโคลัสสบตากันพลางลอบยิ้มอย่างมีความหมาย ก่อนต่างคนจะเอ่ยว่ามีธุระที่ต้องไปทำต่อ
ทิ้งให้เดรโกนั่งอยู่กับเฮอร์ไมโอนีเพียงสองคน
“งั้นเราก็กลับกันเถอะ” เดรโกหันมาบอกเฮอร์ไมโอนี
ก่อนจะบอกกับบริกรให้ชาร์จค่าอาหารเข้าไปที่บัญชีของเขา
เดรโกเดินมาส่งเฮอร์ไมโอนีที่หน้าห้องพักของเธอ
เขาบอกว่าเป็นการไม่สุภาพที่จะให้สุภาพสตรีเดินกลับห้องคนเดียว
หากเมื่อถึงหน้าประตูห้องเขาก็ยังไปยอมเดินกลับไปห้องตัวเอง
“คืนนี้คุณสวยมากรู้มั๊ย” เดรโกเอ่ยเรียบๆ แม้สีหน้าและน้ำเสียงของเขาจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
แต่ดวงตาของเขาแสดงความต้องการชัดเจน
“ขอบคุณค่ะ แต่ชุดที่คุณส่งมาให้ก็สวยด้วยล่ะคะ” เฮอร์ไมโอนีตอบเขินๆ พลางก้มหน้าทำท่าจัดกระโปรง
สายตาปรารถนาที่จ้องมองมาไม่วางตาของเขาทำให้เธอวางตัวไม่ถูก
ชายหนุ่มเชยคางเธอขึ้นมาก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตหวาน นุ่มนวล หากทว่าเรียกร้องอยู่ในที
เฮอร์ไมโอนีเองก็เผยอริมฝีปากรับรสสัมผัสจากเขาอย่างเต็มใจ เธอเอนหลังพิงไปที่ประตู
มือข้างหนึ่งโอบรอบคอเขาไว้อย่างแนบแน่น มืออีกข้างหนึ่งควานหาลูกบิดเพื่อเปิดประตู
เดรโกดันตัวหญิงสาวเข้าไปในห้อง ก่อนจะเตะประตูปิดโดยไม่ถอนริมฝีปากออก เขานำเธอไปที่เตียงอย่างรู้ทาง
แล้ววางตัวเธอลงบนฟูกหนานุ่มอย่างเบามือ ดวงตาสีเงินจ้องมองหญิงสาวอย่างขออนุญาต
เฮอร์ไมโอนีจ้องตาตอบเดรโก ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ นาทีนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าเขาจะรักเธอหรือไม่
เพราะถึงเขาไม่รักแต่เธอรัก
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
เฮอร์ไมโอนีลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาในห้อง เธอเขยิบตัวไปด้านข้าง
หวังว่าจะเจอกับร่างของสามีที่เพิ่งเติมเต็มความหมายของการสมรสเมื่อคืนนี้
หากที่นอนด้านข้างกลับว่างเปล่า แถมมันยังเย็นชืดราวกับว่าเขาลุกออกไปนานแล้วด้วย
เฮอร์ไมโอนีซุกหน้าลงกับหมอนอย่างอ่อนใจ เขายังคงทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ออกไปทำงานแต่เช้าตรู่เหมือนเคย นี่ถ้าเมื่อคืนเขาไม่พาออกไปทานข้าวด้วย
เธอคงลืมไปแล้วล่ะว่าเธอมาฮันนีมูนที่อิตาลีกับสามี ไม่ได้มาเที่ยวคนเดียว
หากในระหว่างที่กำลังสมเพชตัวเองอยู่นั่นเอง ประตูห้องนอนก็เปิดออก
“ชั้นยังไม่ค่อยหิวเลยจะโอลิเวีย เธอเอาอาหารออกไปก่อนเถอะ” เฮอร์ไมโอนีพูดโดยไม่หันมามอง
แม้จะแปลกใจอยู่ว่าทำไมโอลิเวียไม่เคาะประตู
“ผมไม่ใช่โอลิเวีย” เสียงเย็นชาที่ดังขึ้นแทนเสียงของโอลิเวียทำให้เฮอร์ไมโอนีหันกลับมามองอย่างตกใจ
“แต่ถึงคุณจะไม่หิวก็ควรทานอะไรซักหน่อย น้ำส้มซักแก้วก็ยังดี”
“คุณไม่ได้ไปทำงานเหรอค่ะ” เฮอร์ไมโอนีถาม ความหวังจุดประกายวูบในดวงตาคู่สวย
“ผมเข้าไปทำงานด่วนมาแล้ว เอาเป็นว่าหลังจากนี้ผมพอจะมีเวลาพาคุณไปเปิดหูเปิดตา ดูอะไรๆ
ที่เป็นอิตาลีนอกจากสนามบินกับโรงแรมนี้ก็แล้วกัน”
แม้เขาจะยังพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่แววตาที่มองมาที่เธอกลับแปลกไป
“คุณจะไปเที่ยวกับฉันเหรอค่ะ” เฮอร์ไมโอนีถามเสียงแผ่ว ดวงหน้างามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดใส
“ใช่ รีบไปแต่งตัวสิ ผมจะพาไปล่องเรือ”
เดรโกเร่งเฮอร์ไมโอนีแม้ใบหน้าของชายหนุ่มจะปราศจากรอยยิ้มตรงข้ามกับสีหน้าของภรรยาโดยสิ้นเชิง
แต่หัวใจของเขาก็พองโตคับอกที่รู้ว่าตัวเขาเป็นคนสร้างรอยยิ้มแบบนั้นให้กับเธอเอง
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
“เฮอร์ไมโอนี” เดรโกส่งเสียงเรียกมาจากสะพานเดินเรือ “ใส่หมวกซะ แดดแรงเดี๋ยวจะไม่สบาย”
มือใหญ่จับหมวกครอบลงบนศีรษะของหญิงสาว
ก่อนที่จะทิ้งตังลงนั่งบนเก้าอี้ชายหาดที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบดาดฟ้าเรือ
“อากาศดีจังนะคะ” เฮอร์ไมโอนีหันมาเจรจากับสามี ดวงตาสีน้ำตาลมองชายหนุ่มอย่างพิจารณา
ผมสีบลอนด์ทองของเขาพลิ้วไสวไปกับแรงลม ผิวที่เคยขาวซีดก็ดูเกรียมขึ้นเล็กน้อย
รูปร่างแม้จะผอมไปสักนิดแต่ก็เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสมชายชาตรี ส่วนเรื่องความสูงนะเหรอ ขนาดเขานั่งอยู่
เธอยังสูงกว่าเขาแค่หนึ่งช่วงศีรษะเท่านั้นเอง
“คุณสูงเท่าไหร่” เฮอร์ไมโอนีถามขึ้นมาโต้งๆ เธออยากรู้มานานแล้ว
เดรโกมองเธองงๆ ก่อนจะเฉลย “หกฟุตห้า (ประมาณ 195 เซนต์) แล้วคุณล่ะ”
“ห้าฟุตห้า (ประมาณ 165 เซนต์)” เฮอร์ไมโอนีตอบ มิน่าล่ะ
สูงขนาดนั้นเวลายืนด้วยกันเธอถึงสูงแค่พอสูสีกับไหล่ของเขาเท่านั้น
“คุณเตี้ยกว่าผมฟุตนึงพอดีเลยนะ” เดรโกหักลบสัดส่วนความต่างของความสูงของทั้งคู่
ตัวเขาเองตั้งใจแค่ว่าจะบอกความต่างเท่านั้น ไม่ได้คิดจะเยาะเย้ยหรือดูถูกความสูงของเธอ
หากหญิงสาวผู้เป็นภรรยากลับตีความหมายไปอีกอย่าง
“ขอโทษทีนะคะที่ดิฉันไม่ได้หุ่นชะลูดเป็นเสาไฟเหมือนแม่บรรดานางแบบที่คุณเคยควง”
เฮอร์ไมโอนีค้อนชายหนุ่มก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง หากแต่เดรโกเองก็ไวทายาด
มือหนาคว้าข้อมือบางไว้ได้ก่อนที่เธอจะเดินออกไปพ้นช่วงแขนแล้วออกแรงกระตุกเบาๆ
เฮอร์ไมโอนีไม่ทันคาดคิดกับกลยุทธ์นี้เลยไม่ทันตั้งตัว
เธอถลาล้มลงบนตักชายหนุ่มที่สอดแขนรัดเอวบางเอาไว้ทันที
เฮอร์ไมโอนีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเดรโกทำให้เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นจนแผ่นหลังของเธอแนบติดอยู่ก
ับแผ่นอกแข็งแกร่งของเขา
ชายหนุ่มหยุดอาการพยศของหญิงสาวด้วยการเอี้ยวศีรษะมาประทับจูบที่ริมฝีปากเธออย่างอ่อนหวาน
เฮอร์ไมโอนีจูบตอบเดรโกอย่างเต็มใจก่อนจะเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกมา เธอเอ็ดชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ “ทำอะไรนะ
คนเรือมองอยู่นะ”
“ช่าง” เดรโกตอบอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะก้มลงจูบเธออีกรอบ คราวนี้เขาจูบเธออย่างเนิ่นนานจนแทบจะหมดลมหายใจ
“คุณเคยดูไททานิกมั๊ย” เฮอร์ไมโอนีถามเบาๆ เธอซบศีรษะลงกับอกกว้างของชายหนุ่ม
ฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอของเขา
เดรโกถอนใจ ถึงแม้เขาจะเรียนจบจากสถาบันการศึกษาของมักเกิ้ล และทำธุรกิจแบบมักเกิ้ล
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะนิยมชมชอบในงานอดิเรกทุกอย่างของมักเกิ้ลซะหน่อย
“ไม่เคย” เดรโกตอบเบาๆ ก่อนจะถอนใจอีกครั้ง มันไม่ใช่ความผิดเธอนี่นาที่เธอเป็นมักเกิ้ลบอร์น
เฮอร์ไมโอนีกระโดดลงจากตักของเดรโกทันทีที่ได้ยินคำตอบ
“มานี่สิ” หญิงสาวออกแรงฉุดชายหนุ่มที่รากงอกไม่อยากลุก แต่ไม่ว่าจะดึงท่าไหน
เขาก็ไม่เขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
“ลุกสิ” เฮอร์ไมโอนีกระทืบเท้าอย่างขัดใจ เดรโกเห็นท่าทางเหมือนจะร้องไห้ของหญิงสาวจึงหยุดแกล้ง
ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี
“คนอะไรตัวหนักชะมัด” เฮอร์ไมโอนีบ่นเดรโกเบาๆ ก่อนจะออกเดินนำไปที่หัวเรือ
เดรโกเดินเข้ามาสวมกอดเธอจากด้านหลัง เขาก้มลงจูบที่หัวไหล่เธอก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาว
“ทีเมื่อคืนไม่เห็นบ่นว่าหนักเลย”
เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงแปร๊ด เธอพลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม
สองมือฟาดไม่ยั้งลงไปตรงไหนก็ได้ที่เป็นร่างกายของเดรโก “นี่แน่ะ นี่แน่ะ พูดอะไรนะห๊า”
เดรโกหัวเราะ เขายึดข้อมือของเฮอร์ไมโอนีไว้แน่น พลางส่งสายตาท้าทายมาให้ แต่คนอย่างเธอหรือจะยอมแพ้
ในเมื่อใช้มือไม่ได้ เธอใช้ขาแทนก็ได้
“ฤทธิ์มากนักใช่มั๊ย” เดรโกกระซิบเสียงขุ่น เขาปล่อยมือที่ยึดข้อมือเธอไว้ ก่อนจะย่อตัวลง
ตวัดยกร่างของหญิงสาวเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว
เฮอร์ไมโอนีหวีดร้องพร้อมกับยกแขนขี้นโอบรอบคอของเดรโกไว้แน่นแล้วหลับตาปี๋
เมื่อรู้สึกว่าตัวเธอลอยขึ้นจากพื้น
เดรโกก้มมองอาการของหญิงสาวในอ้อมแขนแล้วก็ต้องลอบยิ้ม ก่อนจะแกล้งเดินลงส้นหนักๆ ไปที่ระเบียงหัวเรือ
เดรโกหยุดยืนชิดกับขอบรั้ว ซึ่งก็ทำให้ร่างของเฮอร์ไมโอนีที่เขาอุ้มอยู่นั้นยื่นออกไปนอกตัวเรือ
เฮอร์ไมโอนีค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อเห็นว่าเดรโกหยุดเดิน หากว่าเมื่อเธอเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน
ก็หลับตาปี๋เหมือนเดิมเธอซุกหน้าลงกับอกกว้าง สองแขนโอบกระชับรอบคอชายหนุ่มแน่นเข้าไปอีก
“นี่คุณรัดคอผมแน่นขนาดนั้น เกิดผมขาดอากาศหายใจมือไม้มันอาจชักกระตุกก็ได้นะ” เดรโกขู่หญิงสาว
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เธอยังคงโอบคอเขาแน่นด้วยแรงเท่าเดิม
แถมยังดูเหมือนจะพยายามเบียดตัวเองเข้าหาเขามากกว่าเดิมอีกต่างหาก
เดรโกมองหญิงสาวที่ยังคงหลับตาปี๋ก็ให้รู้สึกสงสาร เขาก้าวถอยหลังออกมาสองสามก้าวก่อนจะวางเธอลง
“ขอบคุณพระเจ้า” เฮอร์ไมโอนีนั่งแปะลงบนพื้นอย่างหมดแรง
“ขอบคุณผมต่างหาก” เดรโกท้วง เขาเอื้อมมือไปฉุดเธอให้ยืนขึ้น “ว่าแต่เมื้อกี๊คุณมีอะไรจะอวดผมเหรอ”
เฮอร์ไมโอนีชะงัก เธอลืมไปแล้วว่าเธอจะอวดอะไรกับเขา เดรโกสบกับสายตาว่างเปล่าของหญิงสาวก่อนจะตอบเบาๆ
“รู้สึกว่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับไททานิกหน่ะ” เดรโกเกาหัวแกรกๆ เขาก็ไม่รู้ว่าจริงๆ
แล้วมันใช่เรื่องนี้หรือเปล่า
“เออ..ใช่..ใช่” เฮอร์ไมโอนีดึงชายหนุ่มไปที่ราวเหล็กอีกครั้งก่อนจะเริ่มปีน
“นี่คุณจะทำอะไรหน่ะ” เดรโกคว้าเอวของเฮอร์ไมโอนีไว้มั่น
เฮอรืไมโอนีหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางตื่นตกใจของชายหนุ่ม เธอดึงมือเขาให้ปีนขึ้นมายืนบนราวเหล็กด้วยกัน
เขาปีนขึ้นมายืนซ้อนทางด้านหลังก่อนจะดันตัวเธอให้ปีนสูงขึ้นไปอีกขั้น เฮอร์ไมโอนีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เธอพยายามจะไม่มองลงไปยังผืนน้ำเบื้องล่าง
เดรโกเองคงจะสัมผัสกับความกลัวของหญิงสาวได้ มือขวาของเขาจึงย้ายจากเสาเรือมาคล้องรอบเอวของเธอแทน
เขาจูบที่ขมับเธออย่างปลอบโยน “หลับตาสิ”
เฮอร์ไมโอนีหลับตาลง เธอทิ้งน้ำหนักตัวเอนพิงไปที่ชายหนุ่มด้านหลัง
There are places I remember
all my life, though some have changed.
Some forever, not for better.
And some have gone, and some remain.
All these places have their moments
with lovers and friends I still can't recall.
Some are dead and some are living.
In my life I love them all.
But of all these friends and lovers,
there is no one compares with you.
And these memories lose their meaning
when I think of love as something new.
Though I know I'll never ever lose affection
for people and things that went before,
I know I'll often stop and think about them.
In my life I love you more.
เสียงทุ้มที่ดังแผ่วๆ อยู่ข้างหูทำให้เฮอร์ไมโอนีน้ำตารื้น แม้เธอจะไม่ใช่หญิงสาวในเพลง แต่ ณ
เวลานี้ขอเธอสวมบทเป็นหญิงสาวผู้โชคดีคนนั้นก่อน ซักนาทีก็ยังดี
สิ้นเสียงเพลงเดรโกซุกหน้าลงกับซอกคอของเฮอร์ไมโอนีก่อนจะพรมจูบลงไปทั่วบริเวณลำคอและหัวไหล่ของเธอ
“ไหนว่าไม่เคยดูไททานิกไง” เฮอร์ไมโอนีถาม ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองไปยังท้องทะเลกว้างเบื้องหน้า
“ก็ไม่เคยดูนะสิ” เดรโกยังยืนยันคำเดิม “ทำไมเหรอ”
“ก็ในเรื่องไททานิกนะ พระเอกเป็นคนพานางเอกมาที่หัวเรือ” เฮอร์ไมโอนีเล่า “เขาร้องเพลงให้เธอฟัง
ก่อนจะจูบเธอขณะที่พระอาทิตย์ตกพอดี แล้วเราก็ทำเหมือนในหนังเลย”
“เหมือนที่ไหน” เดรโกแย้ง แม้เวลานี้จะยังไม่ใช่ช่วงพระอาทิตย์ตก แต่บรรยากาศยามเย็นที่แสงอาทิตย์อ่อนๆ
ส่องสะท้อนผืนน้ำก็สวยงามไม่น้อย “ก็ในเมื่อเรื่องนี้ นางเอกเป็นคนพาพระเอกมาที่นี่
พระเอกร้องเพลงให้เธอฟังก่อนจะปิดท้ายด้วยการจูบที่นี่” เดรโกจูบเฮอร์ไมโอนีเร็วๆ ที่ริมฝีปากทีนึง
“ที่นี่” จูบที่เปลือกตา
“ที่นี่” จูบที่ปลายจมูก
“และที่นี่” เขาปิดท้ายด้วยการก้มลงจูบเธอที่ริมฝีปากอย่างเรียกร้องอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
หลังจากวันที่ไปล่องเรือด้วยกันเดรโกก็พาเฮอร์ไมโอนีออกเที่ยวทุกวัน
วันก่อนเขาพาเธอไปมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เฮอร์ไมโอนีพินิจพิเคราะห์ทุกซอกทุกมุมของวิหารอย่างสนใจ
นี่ถ้าเธอแกะเอาเศษปูนไปได้ เธอก็คงจะเอาไปส่องดูแล้วว่ามันมีส่วนผสมยังไงกันแน่
และเพราะเหตุนี้เองทั้งคู่จึงต้องกลับมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น เพราะวันเดียวยังดูไม่ทั่ว
วันนี้ก็คงจะเป็นเหมือนกันกับวันก่อน
เฮอร์ไมโอนีทำท่าไม่อยากออกจากพิพิธภัณฑ์เนื่องจากยังเดินดูงานศิลปะที่จัดแสดงได้ไม่ถึงครึ่ง
เดรโกต้องสัญญาว่าจะพามาใหม่วันหลัง เธอถึงยอมออกมาได้
เดรโกพาเธอมารับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารชื่อ Cesar
เป็นร้านอาหารอิตาเลียนประยุกต์ที่ตกแต่งร้านในสไตล์โรมันโบราณ
“เชิญครับ” บริการหน้าตาคมเข้มสไตล์หนุ่มเมดิเตอร์เรเนียนกล่าวต้อนรับ
“มิสเตอร์มัลฟอยกับมีสกรีนการ์ดใช่มั๊ยครับ”
เดรโกเหลือบมองหญิงสาวด้านข้างทันทีที่รู้สึกว่ามือบางขัดขืนเพื่อที่จะออกจากการเกาะกุมของเขา
ดวงหน้าใสที่เคยแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มตอนนี้บึ้งสนิท
“ไม่ใช่ นี่ภรรยาผม เฮอร์ไมโอนี” เดรโกแก้เสียงเรียบ
แม้ภายนอกเขาจะยังดูเย็นชาแต่ภายในเขากำลังหวั่นกับปฏิกิริยาของเฮอร์ไมโอนี
“ประทานโทษครับ เชิญทางนี้”หนุ่มบริกรกล่าวขอโทษก่อนจะออกเดินนำไปที่โต๊ะ
“ผมเคยพาดาฟเน่มากินข้าวที่นี่ ตอนที่มาดูสถานที่สร้าง Above Mediterranean ด้วยกัน” เดรโกออกตัว
เฮอร์ไมโอนีพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ คิ้วเรียวยังคงขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ เธอไม่อยากได้ยินชื่อนี้
แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะเหยียบย่างไปที่ไหนในอิตาลีเธอก็จะได้ยินแต่ชื่อ ดาฟเน่ กรีนกราส
จะมาตอกย้ำกันหรือไงนะว่าเธอไม่เหมาะสมกับเดรโกหน่ะ
เดรโกเองก็เริ่มจะไม่พอใจเหมือนกัน เขาต้องหยุดงานพาเธอไปเที่ยวยังไม่บ่นอะไรเลย
กะอีแค่บริกรทักผิดแค่นี้มันจะอะไรกันนักกันหนา อีกอย่างเขาก็อธิบายแล้วด้วนว่าทำไมถึงมากับดาฟเน่
“คุณอยากทานอะไร” เดรโกถามพลางเลื่อนเมนูมาตรงหน้าหญิงสาว
“ชั้นอยากกลับบ้าน” เฮอร์ไมโอนีโพล่งออกมา เธออยากกลับบ้าน ที่ที่จะไม่มีดาฟเน่ กรีนกราส
“อะไรนะ” เดรโกถามเสียงแผ่ว
“ชั้นอยากกลับบ้าน ชั้นไม่ชอบอิตาลี แดดแรงกว่าอังกฤษเยอะเลย” เฮอร์ไมโอนีเชิดหน้าตอบ
“อะไรกันก็เห็นร่าเริงอยู่นี่ คุณไม่อยากชมพิพิธภัณฑ์ต่อแล้วเหรอ” เดรโกถาม
ไม่รู้เพราะอะไรท่าทางของเธอทำให้เขารู้สึกใจหายยังไงพิกล
“ไม่” เฮอร์ไมโอนีปฏิเสธเสียงห้วน
“ก็ได้ พรุ่งนี้ผมจะพากลับอังกฤษ” เดรโกขว้างผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะอย่างแรง คนอย่างเขาไม่เคยยอมใคร
แค่นี้เขาก็ลงให้มากพออยู่แล้ว ถ้าต้องการมากกว่านี้คงต้องไปหาจากที่อื่นแล้วล่ะ
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
“พ่อค่ะ” เฮอร์ไมโอนีถลาเข้าไปกอดบิดาทันทีที่เดรโกจอดรถ “คิดถึงพ่อจังเลยค่ะ”
เฮอร์เบิร์ต เกรนเจอร์หัวเราะกับอาการของลูกสาวก่อนจะหันไปหาลูกเขยที่เดินตามหลังมา
“ทำไมกลับไวนักล่ะ ตามกำหนดต้องอยู่อีกเดือนนึงไม่ใช่เหรอ”
“จริงๆ ก็เป็นอย่างนั้นล่ะครับ แต่เฮอร์ไมโอนีโฮมซิกกระทันหัน ผมก็เลยต้องพากลับมาก่อน
ไม่งั้นก็จะกลับมาตอนที่บ้านนี้ตกแต่งเสร็จพอดี” เดรโกตอบ
เขามองสองพ่อลูกที่ยังคงกอดกันกลมอย่างรู้สึกอิจฉา ตั้งแต่เขาจำความได้ลูเซียสไม่เคยกอดเขาเลยซักครั้ง
“เข้ามาข้างในก่อนสิ พ่อกำลังทานน้ำชาอยู่ ไป ไปทานด้วยกัน” เฮอร์เบิร์ตออกปากชวนทั้งลูกสาวและลูกเขย
“ผมเห็นจัต้องขอตัว มีงานต้องทำให้เสร็จครับ เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยผมกลับมาทานข้าวเย็นที่นี่ก็แล้วกัน”
เดรโกปฏิเสธ เขาจับมือกับเฮอร์เบิร์ตก่อนจะจูบเฮอร์ไมโอนีเร็วๆ ที่ริมฝีปากทีนึงเป็นการบอกลา
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
“เอ่อ...เดรโก” เฮอร์ไมโอนีผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ที่ประตูห้องทำงานเก่าของพ่อ
ซึ่งตอนนี้กลายเป็นห้องทำงานของเดรโกไปแล้ว
“เข้ามาสิ” ชายหนุ่มเงยหน้าจากเอกสารสัญญาเช่าซื้อที่ดินแถบลุ่มแม่น้ำไนล์
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยซ่อมแซมบ้านหลังนี้ให้ใหม่”
เมื่อวานนี้หลังจากที่เธอกลับมาเธอก็เดินสำรวจความเปลี่ยนแปลงไปทั่วบริเวณบ้าน
และพบว่าบรรดาเครื่องเรือนและของตกแต่งทั้งหลายเริ่มทยอยนำเข้ามาจัดวางใหม่ในบ้าน
“ให้ได้แค่คำขอบคุณเท่านั้นเหรอ” เดรโกถามเสียงต่ำ ดวงตาสีเงินจ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาล
“ไม่มีอะไรอีกแล้วเหรอที่คุณจะให้ได้”
เฮอร์ไมโอนีหน้าถอดสี เขาต้องการจะบอกอะไรกับเธอนะ จะบอกว่าเธอไม่มีความหมายแล้วใช่มั๊ย
“เอ่อ...ถ้ามีสิ่งที่คุณต้องการ...”
“สิ่งที่ผมต้องการคุณน่าจะรู้นะ” เดรโกพูดแทรกขึ้นมา “ถ้าบอกว่าไม่ใช่ฐานะทางสังคม ไม่ใช่เพราะผิวขาวๆ
ของคุณ คุณยังจะให้อะไรผมได้อีก”
เฮอร์ไมโอนีหันหลังกลับทันที สิ่งที่ชั้นให้ได้ก็มีแต่ความรักของชั้นเท่านั้นนะ
แต่มันคงไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ
เดรโกมองตามหญิงสาวที่เดินน้ำตาตกออกไป เขาไม่รู้ว่าเขาจะทำยังไงถึงจะลบพอตเตอร์ไปจากใจเธอได้
เขาลองทำทุกอย่างแล้วแต่มันก็ยังไม่ได้ผล
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
“เฮอร์ไมโอนี โทรศัพท์” เฮอร์เบิร์ตส่งเสียงเรียกมาจากห้องนั่งเล่น
เฮอร์ไมโอนีป้ายน้ำตาทิ้งก่อนจะกรอกเสียงลงไป “เฮอร์ไมโอนีค่ะ”
“ไงกลับมาแล้วเหรอ ไปเที่ยวอิตาลีสนุกมั๊ย” เสียงร่าเริงของแฮร์รี่ดังมาตามสาย
“สนุกดีจ้ะ ว่าแต่นายเถอะเป็นไงมั่ง” เฮอร์ไมโอนีถามกลับ
“ก็ถ้าบอกว่ามีแฟนแล้วจะโกรธรึเปล่าล่ะ” แฮร์รี่ลองหยั่งเชิง
“ไม่หรอก ดีใจซะอีก” เฮอร์ไมโอนีหัวเราะ
“เอาล่ะชั้นแค่โทรมาทักทายเท่านั้นไม่กวนเธอแล้ว
แล้วก็ปลายสัปดาห์นี้มีงานเลี้ยงที่กระทรวงหวังว่าเธอคงจะไปนะ” แฮร์รี่เอ่ยปากชวน
“จ๊ะ แล้วคงได้เจอกันวันงาน” เฮอร์ไมโอนีรับคำก่อนวางสาย เธอหันหลังจะเดินไปที่ห้องสมุด
ก็พบว่าเดรโกมายืนอยู่ข้างหลังเธอ ดวงตาสีเงินมีแววโกรธกรุ่น
“ค่ะ” เฮอร์ไมโอนีถามเสียงสั่น เขามายืนอยู่ตรงนี้นานรึยังนะ
“เย็นนี้ผมมีนัดกับนิโคลัส คงจะกลับดึก” ว่าจบเขาก็หันหลังเดินจากไปทันที
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
หลังจากวันที่ได้คุยโทรศัพท์กับแฮร์รี่ เหตุการณ์ก็กลับไปเหมือนเมื่อครั้งแต่งงานกันใหม่ๆ
จะต่างกันก็ตรงที่ทั้งคู่ยังคงพักอยู่ห้องเดียวกัน แต่ถึงไม่แยกห้องนอนก็เหมือนแยก
เฮอร์ไมโอนีนอนอยู่ฝั่งหนึ่งของเตียง เดรโกนอนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง แถมเขายังนอนหันหลังให้เธออีกต่างหาก
เฮอร์ไมโอนีรู้ว่าเขาโกรธเธอเรื่องแฮร์รี่แต่จะให้เธอตัดขาดเขาได้ยังไงล่ะ
ก็ในเมื่อเขาเป็นเพื่อนสนิทเธอ
ทีเธอยังไม่ขอให้เขาเลิกติดต่อกับดาฟเน่เลยทั้งที่เขาเองก็คุยโทรศัพท์กับดาฟเน่ทุกวัน
แถมไม่รู้ว่าคุยกันเรื่องงานรึเปล่าด้วย
เมื่อถึงวันงานเฮอร์ไมโอนีแต่งตัวอย่างประณีต เธออยากให้เดรโกประทับใจเหมือนเมื่อตอนที่อยู่ที่อิตาลี
เธอบอกเขาเรื่องงานเลี้ยงไปเมื่อวันก่อน เขาพยักหน้ารับรู้แต่ไม่ได้เอ่ยปากตอบรับหรือปฏิเสธ
แต่ถึงเขาไม่ไปเธอก็ต้องไปอยู่ดี เพราะรับปากแฮร์รี่ไว้แล้ว
เฮอร์ไมโอนีนั่งรอเดรโกอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เธอหยิบนิตยสารมาอ่านฆ่าเวลาพลางเหลือบมองนาฬิกาเป็นระยะๆ
อีกสิบห้านาทีจะได้เวลาเปิดงานแล้ว เฮอร์ไมโอนีถอนหายใจ เธอลุกขึ้นหยิบกระเป๋าที่
แล้วเอื้อมมือไปที่กระป๋องใส่ผงฟลูข้างเตาผิง พร้อมกับที่เธอได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
เฮอร์ไมโอนีหยุดชะงัก เธอมองอย่างคาดหวังไปที่ประตู
ครู่เดียวประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นร่างของสามีของเธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในห้อง เขาหอบหายใจเล็กน้อย
“ขอโทษที พอดีการประชุมมันเลยเวลาไปหน่อย เรายังไปทันใช่มั๊ย” เดรโกถามเสียงหอบ
ดวงตาสีเงินไร้อารมณ์กวาดขึ้นลงสำรวจการแต่งตัวของภรรยา
เฮอร์ไมโอนีอยู่ชุดราตรีไล่เฉดสีน้ำเงินสั้นแค่เข่า ชายกระโปรงพลิ้วไล่ระดับอย่างเก๋ไก๋
ที่ศีรษะเธอมีมงกุฏแซฟไฟร์ประดับอยู่ เธอกำลังมองเขาด้วยสายตาคาดหวัง
สายตาที่ทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงยิ่งขึ้น
“ตอนนี้ยังทันค่ะ อีกสิบห้านาทีถึงจะเปิดงาน” เฮอร์ไมโอนีตอบพลางสำรวจเครื่องแต่งกายของชายหนุ่มบ้าง
เขาอยู่ในชุดสูทสีดำสนิทไม่ได้ผูกเนคไท เสื้อเชิร์ตตัวในสีดำปลดกระดุมลงมาสองเม็ด แม้จะรีบ
เขาก็ยังคงดูเฉียบเสมอ
“ฟลูไปแล้วกัน สายแล้ว” ชายหนุ่มว่า เขาดันตัวเฮอร์ไมโอนีเข้าไปในเตาผิงก่อนจะก้าวตามไป
เขาโอบเอวเธอไว้หลวมๆ ก่อนจะขว้างผงฟลูลงไป
ทั้งคู่ถลำออกมาจากเตาผิง แต่เพราะรองเท้าส้นสูงที่สวมทำเฮอร์ไมโอนีเสียหลัก
ถ้าหากว่าไม่ได้วงแขนแข็งแรงที่โอบไว้ เธอคงจะล้มลงไปกองบนพื้นแล้วล่ะ
“ไปเถอะ” เดรโกเร่ง พลางเดินนำเข้าไปในบริเวณงาน เฮอร์ไมโอนีมองตามแผ่นหลังของสามีไปด้วยความน้อยใจ
เธอบรรจงแต่งตัวเพื่อเขา แต่เขาจะสนใจรึก็เปล่า ตอนวันแต่งงานแม้เขาจะไม่พูดอะไร
แต่สายตาเย็นชาที่จับจ้องอย่างไม่วางตาก็บอกได้ว่าเธอสะดุดตาเขา วันที่เขาพาเธอไปที่ Sunset Cape
เขาก็ชมว่าเธอสวย วันนี้แม้เขาจะมองสำรวจการแต่งกายของเธอ แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น
นอกจากนั้นเขาก็เพียงแค่มองผ่านเหมือนเธอแต่งตัวธรรมดา
เดรโกหันกลับมามองเฮอร์ไมโอนีเมื่อเขาเดินถึงประตูงาน
สีหน้าของเขาอ่อนลงเมื่อเห็นน้ำตาคลออยู่ในดวงตาคู่สวยที่เคยมีแววร่าเริงอยู่เป็นนิจ
นับตั้งแต่แต่งงานมาดูเหมือนว่าเขาจะทำให้เธอร้องไห้บ่อยเหลือเกิน
ชายหนุ่มเดินกลับไปหาหญิงสาว เขากอดเธออย่างแนบแน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป
ริมฝีปากอุ่นของเขาคลอเคลียอยู่ที่แก้มนวล
“คืนนี้คุณสวยที่สุดเลยรู้มั๊ย” เดรโกพูดเบาๆ ให้หญิงสาวได้ยิน
เขาไล้ริมฝีปากไปทั่วแก้มเนียนก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเงินมองเธออย่างจริงจัง
“ผมขอบอกคุณไว้ตรงนี้เลยนะว่าคุณเป็นของผม ของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น”
เฮอร์ไมโอนีจ้องตาชายหนุ่มหาร่องรอยของการหลอกลวง เขาเองก็สู้ตาเธอไม่ถอย
เธอไม่พบแววของความโกหกหลอกลวงในดวงตาคู่นั้น
เดรโกส่งยิ้มบางๆ มาให้หญิงสาว เฮอร์ไมโอนียิ้มกว้างตอบชายหนุ่ม
มือใหญ่กระชับมือบางแน่นราวกับจะตอกย้ำคำพูดของเขา
“เดรโก” ชายร่างสันทัดสวมสูทที่มีตราของแผนกมือปราบมารร้องทักเดรโก
“มิสเตอร์แลงค์” เดรโกทักตอบอย่างสุภาพ
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกอดัม” อดัม แลงค์ หัวหน้ามือปราบมารที่คุมคดีของเดรโกพูดอย่างอารมณ์ดี
เขาเป็นมือปราบเพียงคนเดียวที่เชื่อว่าเดรโกเป็นสายลับจริงๆ “ว่าแต่เป็นยังไงบ้างล่ะกับชีวิตสมรส
แล้วนี่ก็คงเป็นมิสซิสมัลฟอยสินะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เฮอร์ไมโอนียื่นมือให้อดัมจับ
“สวยอย่างนี้นี่เองถึงจับพ่อหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนนี้ซะอยู่มือ นี่รู้อะไรมั๊ย
ตอนที่เขาติดคุกอัซคาบันอยู่พวกผู้คุมวิญญาณเชื่อฟังคำสั่งง่ายอย่างกับอะไรดี เพราะบรรดานักโทษสาวๆ
พากันละเมอเพ้อพกถึงชายหนุ่มผมบลอนด์ที่จับจองห้องขังเบอร์ E48
เล่นเอาพวกผู้คุมดูดเอาความสุขไปซะอิ่มเลย”
อดัมร่ายยาวถึงเรื่องสมัยที่เขาติดคุกเพื่อรอคำตัดสินตอนที่สงครามสงบใหม่ๆ
“พูดเกินไปน่าแลงค์” เดรโกเอามือลูบต้นคออย่างอึดอัด ความทรงจำในอัซคาบันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนัก
“เกินไปที่ไหน เอ้า มัวแต่คุยเพลงมาแล้ว พาภรรยาคนสวยไปเต้นรำสิ”
อดัมตบหลังเดรโกพลางพยักเพยิดไปที่ฟลอร์เต้นรำ
เดรโกหันมาหาของเฮอร์ไมโอนี เขาขอเธอเต้นรำโดยการยื่นมือมาตรงหน้าพลางก้มหัวลง
เฮอร์ไมโอนียกชายกระโปรงขึ้นแล้วย่อเข่าเป็นเชิงตอบรับ มือเล็กวางลงบนมือใหญ่ อย่างเต็มใจ
Whenever I'm weary
From the battles that rage in my head
You make sense of madness
When my sanity hangs by a thread
I lose my way
But still you seem to understand
Now and forever
I will be your man
Sometimes I just hold you
Too caught up in need to see
I'm holding a fortune
That heaven has given to me
I'll try to show you
Each and every way I can
Now and forever
I will be your man
Now I can rest my worries
And always be sure
That I won't be alone anymore
If I only known you were there
All the time
All this time!
Until the day
The oceans doesn't touch the sand
Now and forever
I will be your man
Now and forever
I will be your man
“Now and forever, I will be your man” เดรโกร้องเพลงคลออยู่ที่ข้างหูของเฮอร์ไมโอนี
เธอยกแขนขึ้นโอบรอบคอสามีพลางซบหน้าลงกับอกอุ่น
เดรโกเองก็โอบเอวเธอแน่นเข้าราวกับกลัวว่าเธอจะต่อต้านคำพูดของเขา
“ขอผมยืมคู่เต้นหน่อยได้มั๊ย” เสียงทุ้มดังขึ้นทางด้านหลังของเฮอร์ไมโอนี เธอเงยหน้าก็พบกับ แฮร์รี่
พอตเตอร์ยืนยิ้มเผล่พลางยื่นมือมาที่เธอ
“ขอโทษครับคุณพอตเอตร์ ภรรยาของผมให้ใครยืมไม่ได้หรอก”
เดรโกตัดบทก่อนจะดึงตัวเฮอร์ไมโอนีออกไปจากฟลอร์เต้นรำ
“คุณจะดื่มอะไรมั๊ย” เดรโกถามขี้นเมื่อเธอและเขาเดินมาถึงระเบียงด้านนอก
“พันช์ค่ะ” เฮอร์ไมโอนีตอบ เธอไม่รู้สึกอยากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่าไหร่
“เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้ รอแป๊บนึง”
ว่าจบเขาก็เดินฝ่ากลุ่มคนไปที่โต๊ะเครื่องดื่มที่ตั้งอยู่บริเวณด้านตรงข้ามกับที่ที่ทั้งสองยืนอยู่
เฮอร์ไมโอนีเดินไปที่ราวระเบียง เพ่งสายตาออกไปยังความมืดมิดด้านนอก โชคชะตานี่ก็ประหลาดนะ
ตลอดเวลาที่อยู่ที่ฮอกวอร์ตส์ เธอกับเขาทะเลาะกันจะเป็นจะตาย ผ่านไป 10 ปีกลับมาแต่งงานกันซะนี่
และที่ตลกที่สุดก็คือ เธอดันไปหลงรักเขา
ตอนแรกที่เธอรู้ว่าเธอต้องเป็นประธานนักเรียนคู่กับเขา
เธอก็คิดว่าเขาคงจะไม่ทำงานทำการอะไรก็คุณชายจ๋าขนาดนั้นจะทำอะไรเป็นและเขาก็จะต้องหาเรื่องแกล้งเธอสารพ
ัดแน่ๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เขากลับเป็นคนที่ขอสงบศึกกับเธอก่อนเพราะขี้เกียจทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้า
ซึ่งคงจะต้องเจอกันบ่อยเนื่องจากทั้งคู่ย้ายมาพักที่หอประธานนักเรียนด้วยกัน
แล้วพอได้ทำงานร่วมกับเขาจริงๆ ได้เห็นตัวตนในส่วนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ได้เห็นว่าภายใต้นิสัยกวนประสาทเขาเป็นคนจริงจังแค่ไหน ภายใต้กำแพงน้ำแข็งเขาเป็นคนอ่อนโยนเพียงใด
ความรู้สึกติดลบก็เริ่มจะบวกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นความรู้สึกดีๆ
จนอาจเรียกได้ว่าเขาเป็นรักแรกของเธอก็ได้ หากเฮอร์ไมโอนีไม่ได้บอกความรู้สึกของเธอให้เดรโกรู้
เมื่อเรียนจบต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง
ในระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา เธอเองก็คบกับใครหลายคนหากแต่ไม่มีใครทำให้เธอรู้สึกเต็มตื้นเหมือนเขา
คงจะจริงที่ว่ารักแรกจะอยู่กับเราตลอดไป และในระหว่างที่เธอกำลังหมดหวังว่าจะได้เจอรักแท้
รักแรกที่เคยคิดว่าหายไปแล้วก็กลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง
ถึงแม้เขาจะยังคงเย็นชาและมาพร้อมกับกำแพงน้ำแข็งที่หนากว่าเดิม
แต่เธอจะไม่ยอมให้มันหายไปเป็นครั้งที่สองแน่
“จับได้แล้ว” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมวงแขนที่คล้องเข้าที่เอว
“แฮร์รี่ปล่อยชั้นเถอะ” เออร์ไมโอนีดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเพื่อนหนุ่ม
“เฮอร์ไมโอนี เธอสวยมากเลยนะ ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะยอมแต่งงานกับมัลฟอย”
ดวงตาสีมรกตภายใต้กรอบแว่นมองเธออย่างเสียดาย
“ชะตาลิขิตนะ นายเองก็เถอะอายุตั้งมากแล้วน่าจะทำอะไรจริงจังซักที”
เฮอร์ไมโอนีพยายามเปลี่ยนเรื่องพูดแต่เหมือนจะไม่ได้ผล
เธอขยับตัวอย่างอึดอัดที่ตั้งเยอะตั้งแยะทำไมต้องมายืนเบียดด้วย
“เธอเลิกกับมันเถอะ แต่งงานไปเดือนนึงก็น่าจะรู้แล้วนะว่ามันเป็นคนยังไง”
แฮร์รี่ก้าวเข้ามากอดหญิงสาวอีกครั้ง
“ปล่อยชั้นนะ แฮ...” เฮอร์ไมโอนีดิ้นสุดแรง อ้อมกอดของเพื่อนชายแม้จะอบอุ่น
แต่มันไม่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเหมือนอ้อมกอดของเดรโก
“เฮอร์ไมโอนีไม่ต้องห่วงนะ ชั้นจะดูแลเธออย่างดี เธอเลิกกับมันมาแต่งกับชั้นเถอะ” แฮร์รี่ร้องขอ
เขาจ้องมองเธออย่างมีความหวัง
“ได้เลยนะเฮอร์ไมโอนี ถ้าเลือกพอตเตอร์ผมก็จะหย่าให้” เสียงเรียบเย็นดังขึ้น “แต่วางใจเถอะ
ผมสัญญาอะไรไว้ผมจะทำให้เสร็จ”
ดวงตาสีน้ำตาลตื่นตระหนกสบเข้ากับดวงตาสีเงินสิ้นหวัง
เขามองเธอราวกับจะจดจำภาพนี้เองไว้ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“เดรโก” เฮอร์ไมโอนีร้องตาม “เดรโก อย่าเพิ่งไป”
“เฮอร์ไมโอนีเธอไม่ได้ยินที่มันพูดเหรอ มันจะหย่าให้เธอ เรากำลังจะได้แต่งงานกันแล้ว”
แฮร์รี่ยิ้มอย่างดีใจโดยที่ไม่ได้สังเกตสีหน้าแววตาของหญิงสาวข้างตัวแม้แต่น้อย
“นายพล่ามอะไรหน่ะแฮร์รี่ ชั้นไม่ได้รักนาย ชั้นรักเดรโก ได้ยินมั๊ย แล้วชั้นก็จะไม่หย่าด้วย”
เฮอร์ไมโอนีสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของแฮร์รี่ได้ในที่สุด เธอรีบวิ่งตามเดรโกออกไปทันที
เมื่อเธอไปถึงบันไดทางเข้างาน ชายหนุ่มก็เดินลงไปถึงชั้นล่างแล้ว
“เดรโกอย่าไป” เฮอร์ไมโอนีกรีดเสียง พลางเร่งสปีดการวิ่งให้ไวกว่าเดิม
เดรโกยังคงเดินต่อไปเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกของเธอ เฮอร์ไมโอนีวิ่งลงบันไดด้วยความรวดเร็ว
แต่ด้วยความที่ใส่ส้นสูงทำให้เธอสะดุด
“กรี๊ด” เฮอร์ไมโอนีร้องเสียงหลงเมื่อรู้ว่าเธอกำลังเสียการทรงตัว
เดรโกหันกลับมาเพียงเพื่อจะพบกับเฮอร์ไมโอนีที่นอนสลบอยู่ที่เชิงบันได
@#@#@#@#@#@#@#@#@#@#
“เดรโก อย่าไป” เฮอร์ไมโอนีเอื้อมมือไปข้างหน้า
เธอลืมตาขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสอบอุ่นของมือใหญ่ที่กุมมือเล็กบางของเธออยู่
“คุณอยู่ที่โรงพยาบาลนะ จำได้มั๊ยว่าเกิดอะไรขึ้น” เดรโกถามเสียงอ่อน
“ชั้นวิ่งตามคุณออกมาจากงานเลี้ยงแล้วตกบันได” เฮอร์ไมโอนีตอบงงๆ ทำไมเขายังอยู่กับเธอล่ะ
“หมอตรวจดูแล้วว่าคุณไม่เป็นอะไรมาก แค่ฟกช้ำเท่านั้น ถ้าตื่นแล้วก็กลับบ้านได้”
เดรโกบรรยายก่อนจะถามเสียงแผ่ว “คุณวิ่งตามผมออกมาทำไม”
“ชั้นไม่อยากให้คุณไป” เออร์ไมโอนีสะอื้น น้ำตาไหลลงมาเปื้อนแก้มเนียน
“ทำไม” ชายหนุ่มถามต่อ
“เพราะรัก” เฮอร์ไมโอนีสารภาพ ความรู้สึกอึดอัดทรมานหายไปทันทีที่เธอเปิดเผยความในใจออกมา
“คุณรักผม ? แล้วพอตเตอร์ล่ะ” เดรโกถาม สีหน้าของเขาฉายแววยินดีอย่างปิดไม่มิด
“แฮร์รี่เป็นแค่เพื่อนสนิทของชั้นเท่านั้น และที่ชั้นเรียกชื่อเขาในคืนวันแต่งงานเพราะคุณไม่ได้รักชั้น
คุณต้องการชั้นเพราะอยากเอาชนะแฮร์รี่เท่านั้น ก็เลยคิดว่าจะทำยังไงดีถึงจะหยุดคุณได้ ชั้นก็เลย....”
เฮอร์ไมโอนีอธิบายยาวเหยียด
“โอเค งั้นเราก็กลับบ้านกันเถอะ” เดรโกตัดบท
เขาอุ้มหญิงสาวขึ้นมาอย่างทะนุถนอมแล้วหายตัวพาเธอกลับมาที่บ้าน
“แต่เรื่องหย่าคุณจัดการได้ตามสบายเลยนะ ชั้นสัญญาว่าชั้นจะหาเงินมาคืนคุณให้ครบทุกบาททุกสตางค์เลย”
เฮอร์ไมโอนีงึมงำอยู่กับอกอุ่นของสามี ยาแก้ปวดที่หมอจ่ายให้เริ่มออกฤทธิ์
“ฟังนะเฮอร์ไมโอนี จะไม่มีการหย่าเกิดขึ้น” ชายหนุ่มวางเธอลงบนเตียงก่อนจะคุกเข่าลงนั่งข้างๆ
“แต่คุณไม่ได้รักชั้นนี่ค่ะ จะยื้อกันไว้ทำไม” เฮอร์ไมโอนีถามอย่างตัดพ้อ เขายังทำเธอเจ็บไม่พอหรือไง
“ใครบอกว่าผมไม่รักคุณ” เดรโกถาม
เขาไล้ข้อนิ้วกับแก้มเนียนของหญิงสาวที่หายง่วงเป็นปลิดทิ้งหลังจากที่ได้ยินคำถามของเขา
“ก็คุณเคยบอกว่าการแต่งงานครั้งนี้มันก็แค่แลกกับฐานะทางสังคมเท่านั้นนี่” เฮอร์ไมโอนีตอบทันควัน
ดวงตาสีน้ำตาลส่อแววแห่งความหวัง
“ผมโกหกนะ” เดรโกว่าง่ายๆ “ตอนนั้นที่ช่วยพ่อคุณก็เพราะผมต้องการคุณมาตั้งแต่แรกแล้ว
แล้วผมเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเรื่องฐานะทางสังคมนั่นด้วย ผมแค่ยกมาเป็นข้ออ้างเท่านั้น”
เฮอร์ไมโอนีเลิกคิ้วมองชายหนุ่มอย่างเป็นต่อ เขาถอนหายใจก่อนจะพูดความในใจออกมา
“จะให้ผมพูดได้ยังไงล่ะว่าผมไปหลงรักแม่มดมักเกิ้ลบอร์นที่เคยดูถูกนักหนาว่าต่ำต้อย
แถมตัวคุณเองก็ทำท่าเหมือนไม่สนใจผม ผมไม่อยากถูกคุณปฏิเสธ แต่ถ้าผมรู้ว่าคุณเองก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
ผมก็คงไม่ใช้วิธีนั้นหรอก”
“คุณรักชั้นเหรอค่ะ” เฮอร์ไมโอนีถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่ผมรักคุณ รักมาก รักมานานแล้วด้วย” เดรโกยอมรับอย่างเต็มใจ
“รู้มั๊ยคืนนั้นที่ผมรู้ว่าผมเป็นคนแรกของคุณ ผมดีใจมากแค่ไหน ช่างหัวพอตเอตร์ไปเลย”
“คุณรักชั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ” เฮอร์ไมโฮนีถามยิ้มๆ เธอกับเขารักกันมาตลอด
ถ้าเพียงแต่ทั้งคู่กล้าเอ่ยปาก ทุกอย่างคงง่ายกว่านี้
“บอกแล้วห้ามหัวเราะนะ” เดรโกส่งสายตาปรามหญิงสาวก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น “ตั้งแต่ตอนปี 3 ที่คุณตบผม”
เฮอร์ไมโอนีกลั้นหัวเราะเต็มที่แต่ก็ไม่สามารถปิดบังรอยยิ้มได้ เดรโกก็เลยต้องแก้เขินด้วยการถามกลับ
“แล้วคุณล่ะรักผมตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตอนปี 7 ที่เราเป็นประธานนักเรียนด้วยกัน” เฮอร์ไมโฮนีตอบอายๆ “แต่ชั้นรู้สึกดีๆ
กับคุณมาตั้งแต่ตอนงานเลี้ยงไตรภาคีตอนปี 4 ตอนนั้นคุณหล่อมากเลยนะ รู้รึเปล่าว่าสาวๆ
นะอิจฉาแพนซี่แค่ไหนที่ได้ออกงานกับคุณ”
“แล้วคุณอิจฉาแพนซี่รึเปล่าล่ะ” เดรโกถามพลางยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ
“ไม่เห็นมีอะไรน่าอิจฉา ชั้นยอมรับว่าคุณหน้าตาดีก็จริง แต่ไอ้นิสัยเสียๆ
ของคุณน่ะมันหักลบคะแนนความหล่อไปหมด” เฮอร์ไมโอนีย่นจมูกอย่างรังเกียจ
“อะไรไหนบอกว่ารักผมไง ทำไมมาว่าผมอย่างนั้นล่ะ” เดรโกโวยวาย
“ใช่ก็เพราะว่าชั้นรักคุณน่ะสิ ถึงได้มองข้ามไอ้นิสัยเสียๆ พวกนั้นของคุณไปได้” เออร์ไมโอนีพูดแก้
เดรโกมองหน้าเธอนิ่งดวงหน้าหล่อเหลาที่เคยเรียบเฉยแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
“ผมรักคุณ” เดรโกกระซิบก่อนจะประกบริมฝีปากของเขาเข้ากับเธออย่างดูดดื่ม
เขาจูบเธอด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี
“ชั้นก็รักคุณค่ะ” เฮอร์ไมโอนีกระซิบตอบ พลางเผยอริมฝีปากรับจูบอย่างเต็มใจ
ถึงตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วว่าใครจะรักใครมากกว่ากัน หรือรักมานานเท่าไหร่
ขอแค่ชั่วชิวิตนี้ทั้งคู่ยังคงรักกัน มีกันและกันตลอดไป ก็เพียงพอแล้ว
ผลงานอื่นๆ ของ l!i:.นู๋ นิ้ ง.:i!l ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ l!i:.นู๋ นิ้ ง.:i!l
ความคิดเห็น