คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่3 เริ่มต้นแผนการ ( จับคู่ )
ตอนที่ 3 เริ่มต้นแผนการ( จับคู่ )
“ จะออกไปไหนกันครับคู่นี้ ” กัณตภัทรเอ่ยทักเมื่อเห็นเจ้าสัวและภรรยาเดินเคียงคู่กันลงบันไดมา ท่าทางกระตือรือร้นน่าดู “ ป๊ากับม๊าจะออกไปทำธุระสำคัญกันสักหน่อยน่ะลูก ” คุณวีรวรรณบอกกับลูกชายแล้วหันไปมองตากับภรรยาแบบมีเลศนัย
ทำให้สองแฝดมองหน้ากันอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ กัณญาภัทรจึงหันมาคุยกับพี่ชายต่อว่าจะเอายังไงกันดี “ แล้วเราล่ะจะไปไหนกันดี ” กัณตภัทรทำท่าคิดนิดหนึ่ง “ เราลองโทร. ไปหาสองคนนั่นดูมั้ย เผื่อว่าจะมีความคิดอะไรดีๆ ” หญิงสาวจึงไม่รอช้ารีบกดโทรศัพท์หาภูริษาทันที
เมื่อกดโทร.ออกไม่ทันไรก็มีเสียงตอบรับจากปลายสายทันที “ สวัสดีบัว ” กัณญาภัทรถึงกับสะดุ้งเมื่อเสียงคนรับโทรศัพท์ไม่ใช่ภูริษา แต่เมื่อตั้งสติได้จึงถามถึงน้องสาวของเขาทันที “ ไหมอยู่หรือเปล่าคะ ” หญิงสาวถามกลับ “ ไหมกำลังต้มบะหมี่อยู่ในครัวน่ะเดี๋ยวเฮียไปตามให้นะ ” แล้วมันก็ต้องทำให้กัณญาภัทรต้องชะงักอีกครั้งกับคำที่ภูริวัฒน์ใช้เรียกแทนชื่อตัวเอง
เมื่อเดินมาถึงในครัวเขาก็ยื่นโทรศัพท์ให้น้องสาวทันที “ บัวโทร.มาน่ะ ” เขาบอกแค่นั้นแล้วก็หันหลังเดินออกไปทันที “ หงัดดีจ้าบัว ” ภูริษาเอ่ยทักมาย “ หวัดดีจ้าไหม เมื่อกี้เฮียหม่อนบอกว่าไหมกำลังต้มบะหมี่อยู่หรอ ” กัณญาภัทรเผลอเรียกชื่อชายหนุ่มอย่างสนิทสนม
“ กำลังจะต้มน่ะพอดีรอน้ำร้อนอยู่ ” ภูริษาตอบ “ งั้นก็ดีเลยเราออกไปหาอะไรกินกันอร่อยๆดีกว่า”ได้ยินดังนั้นหญิงสาวจึงตอบตกลงทันที “ ตกลงจ้าแล้วอีกครึ่งชั่วโมงเจอกันนะ ” เมื่อนัดสถานที่กันเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองสาวจึงชวนพี่ชายออกไปยังร้านที่ได้นัดกันไว้แล้ว
“ สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามากันกี่คนคะ ” พนักกงานต้อนรับกล่าวทักทายเมิ่อเจ้าสัวธีรธรและภรรยามาถึง “ มากันสี่คนครับอีกสองคนกำลังตามมา ” เจ้าสัวตอบ แล้วพนักงานจึงพาทั้งสองไปยังโต๊ะที่ว่างตรงมุมประจำของเจ้าสัวที่เคยมาเป็นประจำ
ไม่นานนักคู่ของคุณสุทธินันท์และคุณวิชุดาก็มาถึงทั้งสองจึงไม่รอช้ารีบเข้ามาทักทายกันตามประสาคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี “ ว่าไงจ๊ะเพื่อนรักมากันนานหรือยัง ” คุณวิชุดาเอ่ยทัก “ เพิ่งมาถึงก่อนหน้าเธอเมื่อกี้นี้เองจ้า ” คุณวีรวรรณตอบ
“ ไงล่ะแกเจ้าธรดูหน้าตามีความสุขขึ้นนะช่วงนี้ ” คุณสุทธินันท์ได้ทีก็แซวเพื่อนรักบ้าง แต่ก็โดนแซวกลับไปไม่น้อยเหมือนกัน “ แกก็น้อยกว่าฉันซะที่ไหนล่ะเจ้าสิน ” เมื่อเห็นว่าหนุ่มใหญ่ทั้งสองเริ่มจะงัดข้อกันเองซะแล้วทางฝั่งภรรยาจึงรีบสกัดดาวรุ่งโดยด่วน เพราะต่างก็รู้ดีว่าทั้งสองคนนั้นเวลาคุยกันทีไรไม่เคยพูดดีกันได้นาน แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทนคบกันมาได้ยังไงตั้งหลายสิบปี
“ เอาเป็นว่าเรามาเข้าเรื่องของเรากันก่อนดีกว่านะ ” คุณวิชุดาพูดขึ้นมา ซึ่งอีกฝั่งก็พยักเห็นด้วยทำให้ทั้งสองหนุ่มใหญ่ต้องหันมาสนใจเรื่องที่ทั้งสองครอบครัวได้ตกลงกันไว้
“ ไหนวะรูปเจ้าแฝดลูกแกน่ะ เอามาดูหน่อยสิว่าจะหล่อสวยเหมือนพ่อกับแม่หรือเปล่า ” อีกฝ่ายพูดแกมหยอก ซึ่งก็ยอมกันที่ไหนล่ะรีบเอารูปที่เตรียมไว้ขึ้นมาโชว์ให้เห็นกันเลยว่าสวยหล่อขนาดไหน
เมื่อคุณสุทธินันท์ได้เห็นแล้วก็อดแซวขึ้นมาอีกได้เหมือนกัน “ ไม่ตอ้งบอกก็รู้นะเนี่ยว่าเป็นลูกใคร สำเนาถูกต้องมาซะขนาดนั้นน่ะ ” พูดมาแค่นั้นแหละทำเอาฮากันทั้งโต๊ะ
“ แล้วไหนล่ะของแกน่ะ ” ฝ่ายเจ้าสัวถามกลับบ้าง ซึ่งทางนั้นก็ไม่รอช้ารีบหยิบรูปออกมาให้ดูกันทันที เมื่อเห็นแล้วเจ้าสัวก็แซวกลับไปไม่ใช่น้อยเหมือนกัน “ ของแกก็ใช่ย่อยที่ไหนล่ะโขลกพ่อกับแม่มันออกมาเหมือนกันอย่างกะแกะ ”
คุณสุทธินันท์พยักหน้ารับด้วยความยินดีกับคำชนของเพื่อนซี้ แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยกันต่อพนักงาน้เสริฟก็ทยอยเอาอาหารมาวางบนโต๊ะ และขณะที่กำลังจะลงมือรับประทานอาหารอยู่นั้นคุณวิชุดาก็เหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในร้านก็จำได้ทันทีเลยว่าเป็นลูกชายหญิงฝาแฝดของคุณวีรวรรณนั่นเอง จึงรีบบอกทุกคน
“ ฉันลูกๆ เธอเดินเข้ามาในร้านน่ะ ” ได้ยินดังนั้นทุกคนจึงหันไปดูพร้อมกัน แต่ก็ต้องอึ้งกับภาพที่เห็นอีกครั้งเพราะสองพี่น้องที่เดินตามมาข้างดูแล้วสนิทสนมกับเจ้าแฝดไม่น้อยเลยทีเดียว
“ เฮ้ยนั่นมันก็ลูกๆ แกนี่ แล้วเด็กพวกนี้มันรู้จักกันได้ยังไงละนี่ ” เจ้าสัวพูดขึ้นมา “ แต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่พวกเขารู้จักกันน่ะ แผนแรกของเราก็สำเร็จไปได้ด้วยดีโยที่เราก็ไม่ต้องทำอะไรเลย ”
“ งั้นเราก็มาวางแผนขั้นต่อไปกันเลยดีกว่า ” คุณวิชุดาบอก แล้วทั้งหมดก็รวมหัวกันวางแผนขั้นต่อไป แล้วระหว่างนั้นก็แอบดูปฏิกิริยาของทั้งสี่หนุ่มสาวไปด้วยและก็ลุ้นอยู่ในใจว่าแผนการจับคู่ของพวกตนจะสำเร็จไปได้ด้วยดี
เมื่อทั้งหมดเดินเข้ามาในร้านก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพนักงานประจำร้าน ซึ่งพนักงานก็พาทั้งหมดมานั่งอีกฟากหนึ่งของร้านทำให้ไม่ทันสังเกตเห็นบรรดาพ่อๆ แม่ๆ ที่นั่งดูสถานการณ์อยู่ เมื่อนั่งประจำที่กัยเรียบร้อยแล้วพนักงานก็นำเมนูมาให้เลือกกัน
“ กินไรดีบัว ” พี่ชายฝาแฝดถาม “ อืม....ไม่รู้เหมือนกันน่ะเห็นอะไรก็อยากกินไปหมด แล้วไหมล่ะ ” เธอตอบพี่ชายแล้วก็หันมาถามสาวอีกคนต่อ
“งั้นก็สั่งเมนูแนะนำของทางร้านก็แล้วกันจะได้รู้ว่ามีอะไรอร่อยๆกินบ้าง” เมื่อภูริษาเสนอความเห็น
ซึ่งทั้งหมดก็เห็นด้วย
“ เอาตามนี้ก็แล้วกัน ” ภูรวัฒน์บอก แล้วหันไปบอกกับพนักงานร้าน “ เอาเป็นเมนูแนะนำของทางร้านก็แล้วกันครับ” เขาบอก
เวลาผ่านไปไม่นานอาหารทั้งหมดก็ทยอยนำมาวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดจึงไม่รอช้ารีบลงมือรับประทานกันทันที โดยมีสองสาวคอยบริการตักให้ทั้งสองหนุ่มเสร็จแล้วก็คุยกันต่ออย่างออกรสออกชาติจนภูริวัฒน์อดที่จะแซวไม่ได้
“ คุยกันได้ขนาดนี้สงสัยเฮียสองคนคงตกกระป๋องก็คราวนี้แหละว่ามั้ยบอน ” เขาพูดขึ้นมาลอยๆ แต่อีกหนึ่งหนุ่มข้างๆ กลับพยักหน้าเห้นด้วยซะงั้น จนสองสาวอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้โดยเฉพาะกัณญาภัทรเลยพูดขึ้นมาบ้าง
“ ใครจะไปเหมือนพวกเฮียลล่ะพอกับข้าวมาปุ๊บก็พากันโซ้ยปั๊บน้องนุ่งนี่ไม่เคยสนใจกันหรอก” ได้ยินแค่นั้นภูริวัฒน์ถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่มเข้าไป โดยมีกัณตภัทรคอยลูบหลังให้แต่ทั้งสองสาวกลับนั่งหัวเราะชอบใจกันใหญ่ จนพี่ชายทั้งสองต้องส่ายหน้าเหนื่อยใจให้กับสองสาวที่อยู่ตรงหน้า แล้วกัณตภัทรพูดขึ้นมาบ้าง
“ ผมว่าสงสัยเราสองคนคงจะได้เป็นหมาหัวเน่าก็คราวนี้ล่ะมั้ง ดูเข้ากันป็นปี่เป็นขลุ่ยซะขนาดนั้น ” เขาพูดน้ำเสียงน้อยใจนิดๆ จนภูริษาต้องพูดปลอบใจก่อนที่ทั้งสองหนุ่มจะน้อยใจเข้าจริงๆ “ โอ๋ๆ อย่าน้อยใจไปเลยน้ายังไงน้องสาวสองคนนี้ก็ยังรักพี่ชายมากกว่าอยู่ดีนั่นแหละ ” พูดไม่พูดเปล่าเธอยังมือไปแหย่พี่ชายเล่นแล้วก็ตักอาหารให้อย่างเอาอกเอาใจ
แต่หารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในร้านอาหารวันนี้ได้อยู่ในสายตาของเหล่าบรรดาพ่อแม่ทั้งหลายที่นั่งดูอยู่ห่างๆ แต่อีกใจหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากลูกๆ รู้ความจริงว่าพวกผู้ใหญ่กำลังจับคู่ให้อยู่จะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เอาเถอะยังไงซะก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
หลังจากที่สั่งเช็คบิลกันเรียบร้อยแล้วทั้งสี่คนจึงเดินออกจากร้านเพื่อจะกลับบ้านใครบ้านมัน แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างมาดลใจให้กัณตภัทรเอ่ยชวนสองพี่น้องไปเที่ยวบ้านสวนของตนที่อัมพวาต่อ
“ หม่อนกับไหมสนใจจะไปเที่ยวบ้านสวนที่อัมพวากับพวกเรามั้ย ” ชายหนุ่มเอ่ยชวน แต่ทั้งคู่ยังไม่ทันได้พูดอะไร กัณญาภัทรก็พยักหน้าหงึกๆ ดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ทำให้โดนภูริวัฒน์แซวอีกจนได้
“ ดูท่าทางจะไม่ค่อยอยากไปเลยนะน่ะ ” พูดแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ แต่มีรึที่คนอย่างกัณญาภัทรจะยอม “ พูดยังกับตัวจะไม่ไปอย่างนั้นแหละ ” พูดเสร็จก็สบัดหน้าหนีแล้วดึงแขนภูริษาเดินไปขึ้นรถซะงั้นแล้วทั้งสองหนุ่มก็เดินตามมาติดๆ
“ ถามจริงนะบัวใจคอชาตินี้บัวกับเฮียหม่อนจะญาติดีกันไม่ได้เลยหรอ ” ภูริษาเปิดฉากถาม “ ถามจริงก็ตอบจริงชาตินี้คงยากอ่ะ ” คนที่รอฟังคำตอบอยู่ถึงกับหน้ามึนไปพักหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อพี่ชายทั้งสองก็เดินมาถึงรถพอดี
“ เอาไงอ่ะบอนจะรถเอาไปทั้งสองคันหรือว่าจะเอาไปคันเดียว ” น้องสาวฝาแฝดถาม “ บอว่าเอาไปคันเดียวดีกว่าประหยัดดี อีกอย่างเวลาขับไปจะได้ไม่หลงกันด้วย ” ภูริวัฒน์พยักหน้าเห็นด้วย “ งั้นเดี๋ยวผมเอารถไปไว้ที่คอนโดก่อนก็แล้วกัน อยู่ใกล้ๆ นี้เองขับแค่ 20 นาทีก็ถึง ” ‘ คอนโดเดียวกันหรือเปล่าวะ’หญิงสาวแอบคิดในใจ
แต่เมื่อขับรถมาถึงที่หมายก็เกิดอารมณ์เซ็งขึ้นมาทันทีเพราะเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดอยู่เดียวกันเปะ แล้วก็บ่นพึมพำอยู่คนเดียว “ เฮ้อ....หวังว่าคงจะไม่อยู่ชั้นเดียวกันกับอีตานั่นอีกนะ ถ้าขืนเป็นแบบนั้นอีกละก็.....” เธอพูดค้างไว้แค่นั้น จนคนข้างๆ อดที่จะหนักใจไม่ได้กับความไม่ลงรอยกันระหว่างภูริวัฒน์กับน้องสาวของตน
และทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินลงมาจากรถกัณญาภัทรก็รีบลงจากรถเพื่อเปลี่ยนที่นั่งทันที พร้อมกับออกคำสั่ง “ เฮียไปนั่งกับบอนข้างหน้านะบัวจะนั่งหลังกับไหม ” พูดแล้วก็สบัดหน้าใส่แล้วเดินลงไปนั่งข้างหลังกับภูริษา
และเหมือนว่ากัณตภัทรจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “ บัวไม่โทรบอกแม่แก้วก่อนหรอว่าเราจะไปหาน่ะ ” เขาถามแต่คำตอบที่ได้คือ “ ก็ว่าจะโทรอยู่แต่เอาไว้ให้แม่แก้วตกใจเล่นดีกว่าดูซิว่าไปกันสี่คนจะจำกันได้มั้ย” ได้ยินแค่นั้นทั้งสองหนุ่มถึงกับส่ายหน้าใส่กันเพราะความคิดพิเรนๆ ของน้องสาวตัวเอง
เมื่อขับรถออกจากกรุงเทพฯ มาไม่กี่อึดใจก็มาถึงทางเข้าบ้านสวนแล้ว ซึ่งดูเข้าไปข้างในแล้วก็รู้สึกได้ถึงความเป็นธรรมชาติขึ้นมาทันที กัณตภัทรปีบแตรรถสองสามครั้งก็มีคนงานออกมาเปิดประตูรั้วให้ และคนที่ออกมาต้อนรับเป็นคนแรกก็คือแม่แก้วนั่นเอง แต่ด้วยความที่ดีใจจนเกินเหตุทำให้กัณญาภัทรถึงกับวิ่งแจ้นเข้าไปกอดแม่แก้วของเธอทันที คนทั้งคนสามคนที่ยังอยู่ในรถอดที่จะหัวเราะตามไม่ได้ “ไหนบอกว่าจะมาทำให้แม่แก้วตกใจเล่นไงไม่ทันไรก็รีบวิ่งไปหาซะละ ” กัณตภัทรพูด
“ แม่แก้ว! ” หญิงสาวร้องเรียกด้วยความดีใจแล้ววิ่งเข้าไปกอดจนแม่แก้วเกือบจะล้ม ส่วนแม่แก้วนั้นไม่ต้องพูดถึงแค่ได้ยินเสียงก็จำได้แล้วว่าเป็นใคร แล้วทั้งสามคนก็เดินลงมาสบพอดีแล้วก็เป็นพี่ชายฝาตแฝดตัวดีของเธออีกนั่นแหละที่มาเผาเธอต่อหน้าแม่แก้ว
“ ไหนใครที่บอกว่าจะมาแกล้งให้แม่แก้วตกใจน่ะ พอลงจากรถได้เท่านั้นแหลละวิ่งไปก่อนคนอื่นเขาเลยนะนั่น ” พูดไม่พูดเปล่ายังทำท่าเล่นหูเล่นตาใส่จนน้องสาวเค้าอดหมั่นใส้ไม่ได้
เมื่อเผาน้องสาวตัวแสบเรียบร้อยแล้วก็ไม่ลืมทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีรีบแนะนำคนข้างๆ ให้แม่แก้วรู้จัก “ แม่แก้วนี่หม่อนกับไหมเพื่อนของเราสองคนครับ ” แล้วก็หันมาแนะนำแม่แก้วให้ทั้งสองพี่น้องได้รู้จัก “ นี่แม่แก้วครับเป็นแม่นมของผมกับบัว ”
เมื่อรู้จักกันเรีบยร้อยแล้วทั้งหมดจึงพากันมานั่งรับลมกันตรงศาลาริมน้ำที่ดูแล้วร่มรื่นสบายตาแถมลมยังพัดผ่านตลอด แต่มองไปมองมากลับไม่เห็นน้องสาวตัวแสบของเขาเลย “ ให้มันได้อย่างนี้สิไอ้ตัวแสบไปไหนไม่เคยบอกกันหรอกเดี๋ยวประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยอีกจนได้ ” เขาบ่นแล้วก็หันไปบอกกับแม่แก้ว “ เดี๋ยวบอนมานะครับขอไปหาน้องก่อนขี้เกียจพามันไปโรงพยาบาล ”
“ เดี๋ยว ผมไปด้วยจะได้ช่วยกันหา ” ภูริวัฒน์บอก “ งั้นตามมาทางนี้เลยครับ ” เมื่อทั้งสองออกไปแล้วภูริษาจึงหันมาถามแม่แก้วบ้าง “ ทำไมเฮียบอนเค้าถ฿งเป็นกังวนขนาดนั้นล่ะคะเมื่อรู้ว่าบัวหายไป ” เมื่อหญิงสาวถามมาแม่แก้นจึงเล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง
“ เมื่อตอนเด็กๆ ถ้าถึงวันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดทีไรเจ้าแฝดก็มักจะมานอนค้างที่นี่เป็นประจำ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง ยัยบัวไม่รู้ไปทำอีท่าไหนถึงได้เข้าไปอยู่ในดงหมามุ่ยได้ ถ้าเป็นคนธรรมดาอย่างเราๆ ล่ะก็คงไม่เป็นอะไรมากมาย แต่ยัยบัวเค้าแพ้หมามุ่ยอาการมันก็เลยรุนแรงกว่าคนอื่นถ้าครั้งนั้นพาส่งโรงพยาบาลกันไม่ทันก็คงอยู่ไม่ถึงวันนี้หรอกจ้า เพราะอย่างนี้ไงล่ะเจ้าบอนมันถึงได้ห่วงนักห่วงหนากลัวจะไปโดนเข้าอีก”
ในขณะเดียวกันทั้งสองหนุ่มก็เดินลัดเลาะมาทางหลังบ้านซึ่งเป็นทางเข้าไปยังสวนผลไม้ พอดีเดินสวนกันกับคนงานจึงได้รู้ว่าน้องสาวเขาอยู่ในสวนกับพ่อศักดิ์สามีของแม่แก้วนั่นเอง และดูจากท่าทางที่ร้อนรนของกัณตภัทรแล้วทำให้ภูริวัฒน์อดถามขึ้นมาไม่ได้
“ ทำไมคุณถึงเป็นห่วงบัวเขามากขนาดนั้นด้วยล่ะครับ ” “ คือว่าบัวแพ้หมามุ่ยน่ะครับตอนเด็กๆ เคยโดนอยู่ครั้งหนึ่งเกือบไม่รอดเหมือนกันแต่ดีที่ส่งโรงพยาบาลกันทันเวลา ” ได้ยินดังนั้นภูริวัฒน์จึงไม่รอช้ารีบพากันเดินเข้าไปในสวนทันที
เดินมาซักพักหนึ่งแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอทั้งสองคนเลยใช้วิธีตะโกนเรียกเอา “ บัว บัว อยู่แถวนี้หรือเปล่า ” กัณตภัทรตะโกนเรียก วิธีนี้ได้ผลทันทีเพราะมีเสียงตะโกนตอบกลับมาทันที “ บัวอยู่ทางนี้ ” เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับมาจึงรีบเดินตามเสียงนั้นไปจนเจอต้นเสียงซึ่งภาพที่เห็นคือน้องสาวของเขากำลังยืนสอยมังคุดอยู่
“ พ่อศักดิ์สวัสดีครับ ” เขายกมือไหว้คนที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับแนะนำคนข้างๆ ให้รู้จัก “ พ่อนี่คุณหม่อนเพื่อนเราสองคนแล้วก็มีน้องสาวอีกคนหนึ่งตอนนี้อยู่กับแม่ที่ศาลาริมน้ำครับ ” เมื่อรู้จักกันเรียงร้อยแล้วเขาจึงหันมาดุใส่ตัวต้นเรื่องที่ทำให้วุ่นวายกันไปหมด
“ ออกมาทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะบัวแล้วถ้าเกิดเรื่องอย่างครั้งนั้นอีกจะทำยังไงล่ะ ” เขาดุไม่จริงจังนัก แต่เธอก็หาข้ออ้างเอาตัวรอดจนได้ “ บัวระวังตัวอย่างดีน่าไม่ต้องห่วงหรอก ” พูดเสร็จก็ทำท่าเข้าไปอ้อนพี่ชายเหมือนกับลูกแมวเพราะรู้ว่าจุดอ่อนของกัณตภัทรอยู่ตรงที่แพ้ลูกอ้อนแบบนี้แหละ แต่ก็ยังทำท่าไม่ไว้ใจอยู่ดี จนพ่อศักดิ์สังเกตเห็นอาการจึงบอกให้เพื่อความสบายใจของทุกคน
“ เดี๋ยวนี้สวนในสวนของเราไม่มีแล้วล่ะลูก พ่อกับคนงานช่วยกันขุดรากถอนโคนตั้งแต่ที่เกิดเรื่องคราวนั้นนั่นแหละ แล้วก็ช่วยกันดูตลอดไม่ให้มันโผล่ขึ้นมาได้อีกสบายใจได้เลยไอ้ลูกชาย ”
เมื่อเห็นว่าออกมากันนานแล้วกัณตภัทรจึงบอกให้ทุกรีบกลับกัน “ งั้นเรากลับกันเลยดีกว่าป่านนี้แม่กับไหมคงเป็นห่วงแย่แล้วโทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาติดตัวมาด้วย ” งั้นเราก็ไปกันเถอะแค่นี้ก็พอแล้วมั้ง เดี๋ยวเฮียกับบอนช่วยยกมังคุดกับมะม่วงด้วยไปให้ด้วยนะ ” พูดเสร็จก็ควงแขนพ่อศักดิ์เดินตัวปลิวออกไปเลย ทิ้งให้สองหนุ่มยืนมองตาปลิบๆ
“ งานเข้าแล้วไงล่ะบอน ” เขาบ่นไม่จริงจังนัก “ แสบมั้ยล่ะครับน้องผม ” กัณตภัทรบอก แล้วก็ต้องจำใจยกตะกร้าผลไม้เดินตามไปแต่โดยดี
เมื่อมาถึงทุกคนก็มุ่งตรงไปยังห้องครัวซึ่งอยู่ใต้ถุนบ้านเพราะมองไปที่ศาลาริมน้ำแล้วไม่มีใครอยู่กันซักคน “ นั่นไงคะแม่แก้วกลับมากันแล้วค่ะ ” ภูริษาร้องเรียกแม่แก้วที่ตอนนี้ทั้งสองคนได้อพยบตัวเองมาอยู่ในครัวเรียบร้อบแล้ว
“ กลับมากันแล้วหรอแม่เป็นห่วงแทบแย่ ” แม่แก้วบ่นเข้าให้ “ อย่าไปบ่นลูกมันเลยน่ายัยบัวมันก็แค่เข้าไปหาพ่อในสวนจะเอาผลไม้ให้เพื่อนๆ เขากลับบ้านก็เท่านั้นแหละ ” พ่อศักดิ์พูดเข้าข้างเต็มที่จนแม่แก้วอดที่จะหมั่นใส้ไม่ได้กับอาการเบอร์ห้าบ้าเห่อของแก
“ ไหมนี่พ่อศักดิ์สามีแม่แก้วจ้า ” ภูริษายกมือไหว้หลังจากที่กัณญาภัทรแนะนำเสร็จ “ ยินดีต้อนรับสู่บ้านสวนของเรานะจ๊ะ เดี๋ยวพ่อขอขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนแล้วจะมาคุยด้วย ” พอดีกันที่แม่แก้วยกข้าวเหนียวมะม่วงออกมาให้พอดี
“ มาแล้วจ้าข้าวเหนียวมะม่วงสูตรแม่แก้วรับรองว่าชิมแล้วต้องติดใจ ” แม่แก้วพูดพร้อมกับยกจานข้าวเหนียวมะม่วงมาให้ “ กินแล้วจะติดใจจริงๆ กัณญาภัทรฟันธง ” “ จริงๆ นะกัณตภัทรคอนเฟิร์ม ” สองแฝดช่วยกันการันตีในความอร่อย
“ อร่อยจริงด้วยสงสัยต้องขอห่อกลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนะคะ ” หญิลสาวบอก “ ขนาดเจ้าที่ว่าดังๆ ยังสู้ไม่ได่เลยนะเนี่ย ” ภูริวัฒน์พูดขึ้นมาบ้าง “ ของมันแน่อยู่แล้วแม่แก้วของบัวซะอย่าง ”
เธอสวนขึ้นมาบ้าง “ เฮียก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คร้าบ.....” พูดแล้วเขายังทำหน้าตาทะเล้นใส่อีก จนสองหนุ่มสาวที่อยู่ข้าวๆ ต้อง รีบห้ามทับกันโดยด่วน
“ อะไรกันคู่นี้พูดกันที่ไรจะมีเรื่องกันทุกที ” กัณตภัทรบ่นใส่น้องสาว แล้วก็หันไปคุยกันภูริษาต่อ “เดี๋ยวเฮียให้แม่แก้วตักใส่กล่องไปฝากคนที่บ้านนะ ” เขาบอก “ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆ แค่นั้น
“ แล้วนี่จะกลับหรือจะค้างกันล่ะแม่จะได้เตรียมที่นอนไว้ให้” แม่แก้วถามขึ้นมาเพนาะเห็นว่าใกล้ค่ำแล้ว “ กลับดีกว่าครับอีกอย่างเสื้อผ้าก็ไม่ได้เอามากันด้วย ” กัณตภัทรบอก “ ใช่ครับแต่คราวหน้าสัญญาว่าจะมานอนค้างสูดอากาศบริสุทธิ์ที่นี่แน่นอนครับ” กัณตภัทรพูดบ้างแต่ก็ทำให้ได่ใจแม่แก้วไปเต็มๆส่วนกัณญาภัทรได้แต่นั่งหนั่มใส้อยู่ข้างๆ
“ นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วเรากลับกันเลยมั้ย ” กัณตภัทรพูดขึ้น “ ก็ดีเหมือนกันกว่าจะถึงบ้านก็คงมืดแล้ว ” เขาบอก พอดีกับพ่อศีกดิ์ลงมาพอดี “ จะกลับกันแล้วหรอ ” พ่อศักดิ์ถาม “ จะกลับแล้วครับแต่คราวหน้ารับรองว่าจะนอนค้างที่นี่แน่นอนครับ ” กัณตภัทรบอก
“ เดินทางปลอดภัยนะเด็กๆ” พ่อศักดิ์อวยพร “ นี่จ้าข้าวเหนียวมะม่วงแม่ใส่ให้บ้านละกล่องนะไปถึงก็ทานได้เลย ” แม่แก้วใส่ถุงให้เรียบร้อย “ ขอบคุณค่ะพวกเรากลับกันเลยนะคะ ” พูดแล้วทั้งหมดก็เดินไปขึ้นรถโดยมีภูริวัฒน์เป็นคนอาสาขับรถให้เพื่อจะได้ชินกับเส้นทาง เผื่อวันหลังจะได้ใช้เป็นที่หลบภัยจากสาวๆ ทั้งหลาย
ความคิดเห็น