ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชุลมุนวุ่นรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่2 บังเอิญ...โลกกลม...พรหมลิขิต

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 59


     

    ตอนที่ 2  บังเอิญ  โลกกลม  พรหมลิขิต

                    ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูขึ้นทำให้กัณญาภัทรซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอยู่หันไปตามเสียงเคาะที่ดังขึ้น ก็รู้ได้เลยว่าต้องเป็นพี่ชายฝาแฝดของตนแน่นอน เพราะทั้งสองอาจจะยังปรับตัวเรื่องของเวลาไม่ได้อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าทั้งสองจะปรับตัวได้

                    “ ออกไปหาอะไรกินกันมั้ยบัว เขาถามทันทีที่น้องสาวเดินออกมาเปิดประตูให้ ซึ่งเธอก็ไม่อิดออดที่จะตอบตกลงแล้วก็หันกลับเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ส่วนกัณตภัทรนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะเขาเปลี่ยนมาเรียบร้อยแล้ว

                    “ ไปไหนกันดีล่ะบอน ไม่รู้ว่ากรุงเทพเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปมากแค่ไหนแล้วบอกตรงๆนะบัวกลัวหลงอ่ะ”  เธอบอก เพราะไปอยู่ต่างประเทศมาซะนานพอกลับมาอีกทีก็ไม่รู้จะไปทางไหนเหมือนกัน

                    “ไม่หลงหรอกน่าเยาวราชอยู่ใกล้แค่นี้เองจอดรถไว้ตรงนี้แล้วเราค่อยๆเดินตามเค้าเข้าไปก็ได้ อีกอย่างเราก็มาเดินกันตั้งแต่เด็กจนโตร้านค้าแถวนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปอะไรมากมาย” เขาบอก ว่าแล้วทั้งสองคนก็มุ่งหน้าไปยังเยาวราชทันที

     

                    เมื่อทั้งสองเดินลึกเข้ามาถึงถนนชั้นในแล้วก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับความคบคั่งของผู้คนมากมาย ที่มาเดินจับจ่ายซื้อของกันมากมาย “ กินไรดีบัว ” เขาหันมาถาม “ บัวอยากกินเป็ดย่างอ่ะ ไม่รู้ว่าเจ้านั้นจะยังอยู่หรือเปล่า ” เธอบอกกับพี่ชายฝาแฝด

                    “อืมงั้นเราก็เดินไปเรื่อยๆก่อนก็แล้วกัน ถ้าไม่เจอยังไงก็ค่อยว่ากันอีกที ” ว่าแล้วเขาก็เดินจูงมือน้องสาวลัดเลาะตามทางไปเรื่อยๆแล้วทั้งสองก็เจอร้านที่ว่านั้นจริงๆ แต่ในทันใดนั้นเองสายตาของหญิงสาวก็ทันได้เห็นหลังไวๆของใครคนหนึ่ง ที่เธอยังจำได้อย่างแม่นยำว่ามันเป็นของใครจึงไม่รอช้ารีบจูงมือพี่ชายไปยังร้านขายเป็ดย่างทันที

                    “ เฮ้ยๆบัวจะรีบไปไหนค่อยๆเดินก็ได้เดี๋ยวหกล้มไปล่ะแย่เลยนะนั่น ” เขาถามเมื่อรู้สึกถึงแรงที่ดึงมือเขาไป “ ก็บัวเจออีตานั่นน่ะสิ ไปเร็วเขาเดินเข้าไปในร้านนั้นแล้วบัวเห็นเขามากับผู้หญิงวันนั้นด้วย ” ได้ยินแค่นั้นกัณตภัทรจึงไม่รอช้ารีบเดินตามน้องสาวไปทันทีเพื่อหวังว่าจะเจอกับภูริษาอีกสักครั้ง

     

                    ด้วยความที่คู่แฝดเดินมาด้วยความเร็วหรือจะเรียกว่าเหาะมาก็ไม่ปานจึงมาถึงที่หน้าร้านพร้อมๆกับคู่ของสองพี่น้อง แต่ด้วยความที่เป็นร้านชื่อดังในย่านนั้นจึงมีคนแน่นเต็มร้านและที่หนักไปกว่านั้นคือทั้งร้านเหลือโต๊ะว่างอยู่โต๊ะเดียว ทั้งสี่จึงหันหน้ามองกันทันทีและเป็นภูริวัฒน์ที่คิดว่าคงเป็นความบังเอิญบวกกับความโชคร้ายมากกว่าที่ทำให้ต้องมาเจอกับหญิงสาวอีกครั้ง แต่ตรงกันข้ามกับกัณญาภัทรโดยสิ้นเชิงเพราะแค่เห็นข้างหลังว่าเป็นใครเท่านั้นก็ตามมาทันที

                    ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งจนเจ้าของร้านต้องเอ่ยขึ้น “ ต้องขอโทษด้วยนะคะพอดีว่าทางเราเหลืออยู่แค่โต๊ะเดียวจริงๆค่ะ ” เจ้าของร้านบอกอย่างเกรงใจ

                    แต่ทั้งหมดก็ยังตกอยู่ในความเงียบจนภูริษาต้องเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน “ พวกเรานั่งโต๊ะเดียวกันได้ค่ะพอดีรู้จักกันอยู่แล้ว ” ทั้งสองสาวจึงรีบดึงพี่ชายของแต่ละคนเข้าไปนั้งประจำที่ แต่สายตาของภูริวัฒน์กลับจ้องมองมายังคู่ของฝาแฝดตรงหน้า แล้วหญิงสาวทั้งสองคนก็เอ่ยทักทายกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

                    “ นี่เราเจอกันสองครั้งแล้วไหมยังไม่รู้จักแฟนของคุณเลยค่ะวันนั้นก็ไม่ทันได้ทักกัน ” ภูริษเอ่ยถามคนที่นั้งตรงข้ามกับตน ชายหนุ่มได้แต่อึกอักทำอะไรไม่ถูกจนน้องสาวต้องสะกิด

                    “ เอ่อคือว่าจริงๆแล้วเราสองคนไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างที่คุณเข้าใจหรอกครับ เราสองคนเป็นพี่น้องฝาแฝดกันน่ะครับ ” ได้ยินดังนั้นทั้งสองพี่น้องถึงกับอึ้งกันไปที่คิดว่าทั้งสองเป็นคนรักกันแล้วกัณญาภัทรก็แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

                    “ ฉันกัณญาภัทรค่ะ เรียกว่าบัวก็ได้ค่ะ และก็คงไม่แปลกหรอกค่ะที่คนเขาว่าเป็นคนรักกันเพราะเวลาไปไหนมาไหนตัวติดกันตลอด แถมหน้าตาก็ยังไม่ค่อยเหมือนกันอีก ” หญิงสาวอธิบายให้ทั้งสองพี่น้องฟัง

                    เมื่อได้ยินดังนั้นภูริษาก็ถือโอกาสแนะนำพี่ชายสุดที่รักให้รู้จัก “ นี่พี่ชายของไหมค่ะ ” แล้วก็หันไปทางพี่ชายของตน “ ผมภูริวัฒน์ครับเรียกผมหม่อนก็ได้ ” เขาแนะนำตัวเอง และมันก็ทำให้ใครบางคนทำท่าว่าจะมีความหวังขึ้นมาทันทีที่ได้ยินภูริษาแนะนำว่าชายหนุ่มข้างๆกายเป็นเพียงพี่ชายเท่านั้น

     

                    หลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จแล้วพอดีกับพนักงานของร้านเอาเมนูมาให้พอดี “กินไรดีบอน” น้องสาวฝาแฝดถาม เขาจึงทำท่าคิดนิดนึงแล้วก็หันไปทางพนักงาน “ ขอเป็ดย่างสมุนไพรหนึ่งตัวแล้วก็สูตรต้นตำหรับตัวหนึ่งครับ ”

                    “เอาอะไรดีไหม” ภูริวัฒน์หันมาถามน้องสาว “ ขอแบบน้ำๆก็แล้วกันจะได้ไม่ฝืดคอ ”เธอตอบ

    “งั้นขอกระเพาะปลากับน้ำซุบกระดูกหมูตุ๋นก็แล้วกันครับ ” เขาสั่ง

     

                       หลังจากที่สั่งอาหารได้สักพักหนึ่งพนักงานก็ทยอยเอาอาหารออกมาเสริฟจนเต็มโต๊ะไปหมดทั้งสี่จึงไม่รอช้ารีบลงมือรับประทานอาหารกันทันที และด้วยความที่กัณตภัทรอยากจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสองพี่น้องจึงชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปลื่อย ซึ่งต่างจากน้องสาวของเขาที่ดูจะไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ที่ต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับภูริวัฒน์ จนชายหนุ่มสังเกตเห็นได้ชัดก็พอจะรู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร

                    แต่ก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น จู่ๆเขาก็หันไปตามเสียงของกัณตภัทรที่เกิดสำลักข้าวที่เพิ่งทานเข้าไปออกมาเพราะมีอะไรหนักมากระแทกเข้าที่ข้างหลัง กัณตภัทรที่กำลังจะสาวหมัดใส่ฝั่งตรงข้ามก็ต้องดึงกลับทันทีเมื่อรู้ว่าคนๆนั้นเป็นใคร

                    “ ไอ้ดล ” เขาเรียกชื่อเพื่อนสนิทที่คบกันมาต้องแต่อนุบาล “เออ ฉันเองกลับมาแล้วไม่คิดจะโทรหาเพื่อนบ้างเลยรึไงวะ” เขาบ่น แต่ยังไม่ทันที่กัณตภัทรจะตอบอะไรธนดลก็หันไปทักทายทั้งสามคนที่เหลือต่อ

                    “เป็นไงบ้างบัวกลับมานานหรือยัง” เขาถาม “ยังไม่ถึงอาทิตย์เลย ที่จริงก็ไม่อยากจะกลับหลอกป๊ากับม๊าดิขู่ไว้ว่าถ้าไม่กลับจะตัดออกจากกองมรดก” เมื่อได้ยินดังนั้นถึงกับหัวเราะครืนกันทั้งโต๊ะ

                    แล้วที่ทำให้ฝาแฝดต้องงงหนักเข้าไปอีกก็เพราะว่าธนดลดันไปรู้จักกับสองพี่นั้นได้ยังไงถึงทักกันได้สนิทสนมขนาดนั้น “ หวัดดีหม่อน ไหม ว่าแต่คุณสองคนไปรู้จักกับไอ้แฝดนรกสองตัวนี่ได้ยังไงกัน ”

                    “ ตั้งแต่บนเครื่องแล้วหละพอดีฉันเดินไปชนคุณบัวเขาหกล้มที่หน้าห้องน้ำน่ะ ” เขาอธิบาย แต่ยังไม่ถามไถ่อาการของกัณญาภัทรพี่ชายก็พูดแทรกขึ้นซะก่อน

                    “ ว่าแต่แกเหอะไอ้ตี๋แสบไปรู้จักกับสองคนนี้ได้ยังไงเนี่ย ”  เขาถาม “ก็ตอนที่ไปเรียนที่โน่นนั่นแหละพอฉันเรียนจบก็กลับมาเลยแต่สองคนนี้ยังอยู่ต่อ” ธนดลตอบ

                    “ ถ้างั้นตอนนี้พวกเราก็รู้จักกันหมดแล้วน่ะสิโลกมันกลมจริงๆเนอะ” ทั้งหมดจึงพยักหน้าเห็นด้วย
     

    แล้วภูริษาก็เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยกับคำว่า แฝดนรกและไอ้ตี๋นรก“ คือว่าไหมมีเรื่องสงสัยอยากจะถามพี่ดลหน่อยน่ะค่ะว่าทำไมพวกพี่ถึงเรียกกันแบบนั้นด้วยล่ะคะ ”

                    ได้ยินดังนั้นทั้งไอ้แฝดและไอ้ตี๋ถึงกับมองหน้ากันว่าใครจะเป็นคนเล่าถึงวีรกรรมตอนสมัยเรียน และหน้าที่นี้ก็ตกเป็นของกัณตภัทร “ ฉายานี้พวกเราได้กันมาตั้งแต่ตอนสมัยเรียนแล้วล่ะครับ ชอบไปก่อเรื่องให้พวกอาจารย์เขาปวดหัวกันได้ทุกวันแหละครับ ” 

                    แล้วธนดลก็พูดต่อว่า “ ซนไม่ซนก็คิดดูเถอะ เดือนหนึ่งพวกผมถูกเรียกผู้ปกครองไม่ต่ำกว่าห้าครั้งแล้วพวกอาจารย์อีกนั่นแหละที่เป็นคนตั้งฉายานี้ให้พวกเรา ” เขาบอก

                    “ ท่าจะซนกันจริงๆอย่างที่ว่าน่ะเนี่ยถึงได้เรียกผู้ปกครองกันบ่อยขนานนั้นน่ะ ” ภูริวัฒน์แซวขึ้นมาบ้าง  แล้วก็หันไปถามกัณตภัทรต่อ “ แล้วพวกคุณจะไปที่ไหนกันต่อหรือเปล่าครับ ” 

                    กัณตภัทรทำท่าคิดก่อนจะบอกออกไป “ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วว่าจะไปเดินย่อยสักหน่อยน่ะครับ พวกคุณจะไปด้วยกันมั้ย ”  ได้ยินดังนั้นเขาจึงหันไปขอความคิดเห็นจากน้องสาวซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้าเห็นด้วย ซึ่งทริปนี้ธนดลรับอาสาเป็นไกด์พาทั้งหมดเดินเที่ยวทั่วทั้งเยาวราช

     

                    หลังจากที่ได้เดินเที่ยวจนทั่วเยาวราชแล้วทั้งหมดจึงแยกย้ายกันกลับโดยที่ธนดลขอตัวแยกไปอีกทางหนึ่งส่วนพี่น้องทั้งสองคู่เดินตามกันไปที่รถ และมีสองหนุ่มคอยเป็นบอดี้การ์ดเดินประกบหน้าหลังให้เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการเดินจนมาถึงที่จอดรถเอาไว้

                    แต่แล้วทั้งสองก็ต้องยืนงงเมื่อเห็นทั้งสองสาวเดินซุปซิบกันออกไปอยู่ที่ข้างรถ จนภูริวัฒน์อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “ สองสาวนั่นเขาไปสนิทกันตอนไหนหว่า ” เขาพูดด้วยความสงสัย

                    “ ผู้หญิงก็แบบนี้แหละครับพอเจอคนที่คุยกันถูกคอก็มักจะสนิทกันเร็วกว่าผู้หญิงที่แค่มองหน้าก็ไม่

    ถูกชตาแล้ว ” เมื่อพูดจบกัณตภัทรก็นึกถึงดาริกาขึ้นมาทันที เพราะเวลาที่เจอกับน้องสาวเขาทีไรเป็นต้องมี

    เรื่องให้ได้เจ็บตัวกันทุกครั้งไป แต่ดูเหมือนว่าน้องสาวของเขาจะเป็นคนที่เอาตัวรอดได้เสมอ

                    “ แต่ผมว่ามันจะสนิทกันเร็วเกินไปมั้ย ”  ภูริวัฒน์พูด แล้วทั้งสองก็มองหน้ากันแล้วทำท่าอ่อนอก

    อ่อนใจ แล้วก็พูดปลอบใจตัวเองกับกัณตภัทรว่า “ เขาคุยกันถูกคอก็ดีกว่าเขาไม่ถูกกันนะผมว่า ”

                    หลังจากที่ทั้งสองสาวเดินออกมาไกลพอสมควรแล้วทั้งสองจึงไม่รอช้าที่แลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้

    “ นี่ค่ะคุณไหมเบอร์โทร.ของบัวกับบอน ”  กัณญาภัทรยื่นกระดาษที่เธอเขียนเบอร์โทรไว้ให้กับภูริษา

                    “ เรียกไหมเฉยๆก็ได้ค่ะจะได้ดูสนิทกันมากขึ้น ”   หญิงสาวบอกขณะที่มือก็กำลังจดเบอร์โทร.

    ของตนเองกับพี่ชายยื่นให้อีกฝ่าย “ เสร็จแล้วค่ะนี่เบอร์โทร. ของไหมกับเฮียหม่อน ”

                    “ ขอบคุณค่ะตอ่ไปนี้มีอะไรจะได้โทร.หากันสะดวกหน่อย ”  ภูริษาพยักหน้าเห็นด้วยเพราะนอกจากทั้งสองแฝดนี้แล้วเธอก็ไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหนเลย

                    เมื่อเห็นว่าเริ่มดึกมากแล้วและยังไม่มีวี่แววว่าน้องสาวทั้งสองจะกลับมา สองหนุ่มจึงตัดสินใจเดินออกไปตาม “ กลับบ้านกันได้หรือยังครับสาวๆ ”  ภูริวัฒน์ถามขึ้น ทำให้ทั้งสองสาวหันมาตามเสียงที่ได้ยินก็เห็นทั้งสองหนุ่มยืนอยู่ข้างหลัง

                      กลับบ้านได้แล้วบัวบอนง่วงแล้ว ”  กัณตภัทรบอก “ จ้ากลับเดี๋ยวนี้แหละ ”  พูดแล้วก็หันไปลาภูริษา “ ไว้เจอกันนะไหม ”  หญิงสาวบอก “ จ้าไว้เจอกัน ” ภูริษาตอบ

                    ว่าแล้วกัณตภัทรก็เดินเอาแขนคล้องคอน้องสาวเดินหยอกล้อกันออกไป จนทำให้ภูริวัฒน์คิดในใจว่าก็เพราะมันทำตัวติดกันแบบนี้ไงเล่าถึงได้คิดว่าเป็นคนรักกันน่ะ “ เฮ้อ ”

                    คิดแล้วก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ เขาจึงจับมือน้องสาวเดินออกไปที่รถเพื่อกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่เลิกคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรือเปล่าที่ทำให้เขาได้เจอกับหญิงสาวอีกครั้ง

     

                       “ บัวว่ามันตลกไปมั้ยที่เราบังเอิญเจอกันตั้งสองครั้งแล้วว่ะ ”  เขาหันไปถามน้องสาวขณะเดินเข้าบ้าน “ อืม แต่ถ้าไม่เจอใครบางคนก็คงจะดีกว่านี้นะ ”  หญิงสาวตอบ ได้ยินแค่นั้นเขาก็รู้แล้วว่าหมายถึงใคร เขาเลยพูดกลับไปบ้าง “ บัวก็เจ้าคิดเจ้าแค้นไปได้ เขาก็ขอโทษบัวแล้วไงยังจะอะไรกับเขาอีก ” 

                    “ ก็มันจริงนี่นาถ้าเขาขอโทษบัวตั้งแต่อยู่บนเครื่องก็คงไม่โกรธขนาดนี้หรอก ”  พูดเรื่องนี้ทีไรเกิดอาการของขึ้นทุกที เพื่อเป็นการตัดความโกรธของน้องสาวชายหนุ่มจึงไม่พูดอะไรต่อ เพราะรู้ดีว่าถ้าพูดเรื่องนี้ทีไรน้องสาวของขึ้นทุกที ดีไม่ดีจะหาว่าเข้าข้างผู้ชายเหมือนกันอีก

                    แล้วก็หันมาบอกกับน้องสาวก่อนจะแยกเข้าห้อง “ คืนนี้นอนห้องบัวนะเดี๋ยวบอนไปอาบน้ำก่อนแล้วจะเข้าไปนอนด้วยนะ ” เขาบอก  หญิงสาวไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้ารับแล้วก็เดินเข้าห้องไป มันจะเป็นความบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ชาตินี้ฉันกับนายคงไม่มีวันญาติดีกันได้แน่นอน หญิงสาวคิดในใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×