โฉมนาง - นิยาย โฉมนาง : Dek-D.com - Writer
×

    โฉมนาง

    และแล้ว เมื่อทั้งหมดเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็สังเกตเห็นว่า ม้าสีดำตัวใหญ่นั่น มันมีดวงตาสีแดงเรืองแสง!! ฉันสะดุ้งเฮือก รีบยกมือขึ้นมาตะครุบปากตัวเองตามสัญชาติญาณ แต่มันไม่ทัน

    ผู้เข้าชมรวม

    184

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    184

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  14 พ.ค. 61 / 18:05 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    โฉมนาง บทนำ


    อากาศหนาวยะเยือกคงปลุกฉัน พอลืมตาขึ้นมาเห็นเพดานแปลกๆ ถึงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ฉันกับครอบครัวมาเที่ยวที่ชิงเอี๋ยน ตามความใฝ่ฝันของอาป๊า หลังจากที่เราตามรอยหาต้นตระกูลเจอเมื่อปีกลาย พยายามติดต่อกัน และนัดหมายมาพบกันที่กุ้ยหยางในที่สุด

              ฉันไม่ชอบภาษาจีนรวมทั้งความเป็นคนจีนนัก ฉันรู้สึกว่าเป็นชนชาติที่พูดจาล้งเล้ง แถมชี้มือชี้ไม้ประกอบจนดูไม่สุภาพ ดังนั้นการเดินทางครั้งนี้ก็เรียกได้ว่า ฝืนใจที่จะมาเป็นอย่างยิ่ง

              หลังจากพบปะสังสรรค์กับบ้านของต้นตระกูลเสร็จ เราก็พากันมาเที่ยวที่เมืองโบราณแห่งนี้ ที่นี่บ้านเรือนยังคงเก่าแก่แบบในละคร เพราะว่าเป็นสถานที่ที่นิยมถ่ายละครย้อนยุคกัน

              ตอนนี้ฉันนอนบนเตียงสี่เสาแบบโบราณ ขอบเตียงฝังเปลือกมุกลวดลายสวยงามพิสดาร (เท่าที่ได้ยินจากอาป๊า เพราะฉันไม่สนใจจะดูหรอก) แต่ผ้านวมเป็นของใหม่ ฉันแอบเห็นว่าที่ป้ายพิมพ์ว่า made in Thailand ด้วย

              พอยื่นมือไปหาคนที่คิดว่าน่าจะนอนอยู่ข้างๆ ปรากฏว่าไม่เจอ

              อีเจ้ของฉันคงแอบไปหาผู้ชายตามเคย เขาเป็นว่าที่พี่เขยของฉันเอง แต่หากจะเรียกตามพฤตินัยก็ต้องเรียกว่า ผัวของเจ้ แต่ถ้าหากเรียกตามประเพณีก็เรียกว่า คู่หมั้น

              ฉันเบะปาก อดหมันไส้ความแรดของพี่สาวตัวเองไม่ได้ แน่นอนว่าฉันไม่ได้อิจฉาหรอกนะ เพราะฉันไม่ถูกกับคู่หมั้นของเจ้นักหรอก มันคอยจะแต๊ะอั๋งฉันอยู่เรื่อยเวลาที่ลับตาคน

              เลว --- ให้คำเดียวสั้นๆ

     

              บางอย่างทำให้ฉันลุกจากที่นอนโบราณ จรดเท้าเปล่าเปลือยลงบนพื้นไม้เย็นเฉียบ หันซ้ายหันขวาก็ไม่รู้จะทำอะไร เพราะนี่คงเป็นเวลาดึกสงัดแล้ว ข้างนอกโรงเตี๊ยมแบบโบราณก็เงียบเชียบขนาดไม่ได้ยินกระทั่งเสียงลมหรือแมลงสักนิด ฉันเดินไปทางหน้าต่างที่หน้าตาเหมือนในละคร แบบที่จอมยุทธ์เอานิ้วชุบน้ำลายแล้วจิ้มให้เป็นรู เวลาต้องการสืบเรื่องลับ

              หน้าต่างเปิดไม่ออก ---

              ฉันเงยหน้ามองไปรอบๆ จึงเห็นว่าหน้าต่างถูกขนาบด้วยไม้ ตอกตะปูปิดตายอยู่

              อ้อ เพิ่งนึกได้ว่า ยายไกด์ตัวอ้วนๆนั่นพูดบางอย่างเกี่ยวกับหน้าต่างเหมือนกัน เพราะเห็นว่าชี้โบ้ชี้เบ้มาทางหน้าต่าง ตอนที่พวกเรากินอาหารอยู่ตรงเหลาข้างล่าง สงสัยจะเป็นเรื่องห้ามเปิดหน้าต่างนี่ละมั๊ง เพราะโรงเตี๊ยมนี่เก่าแก่มากแล้ว เจ้าของคงกลัวมันจะพัง

              แล้วไงล่ะ ---

              ฉันเดินขยับหน้าต่างทุกบานตลอดแนวผนัง และพบว่ามีหน้าต่างบานหนึ่งสามารถแง้มขึ้นได้นิดหน่อย เพราะไม้ที่ตอกปิดนั้นมันเก่าจนโก่งตัวขึ้น

              ฉันมองสอดสายตาไปยังถนนเบื้องล่าง แอบสมมติในใจว่าเป็นจอมยุทธ์สาวที่มาพัก และลอบเก็บข้อมูลคุณชายรูปหล่อฝั่งตรงข้าม ซึ่งอีกไม่นานภารกิจของฉันจะทำให้ต้องใกล้ชิดกัน แล้วเขาก็เสร็จฉันในที่สุด ... แล้วก็หัวเราะคิกคักกับจินตนาการของตัวเอง

              อันที่จริง ที่นอกหน้าต่างไม่มีอะไรให้ดูมากนัก เพราะทุกบ้านปิดไฟเงียบ ไม่มีหน้าต่างเปิดออกมาสักบาน คงปิดตายเหมือนกันหมด

              ฉันคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยทั้งที่เท้าแขนกับกรอบหน้าต่างยืนก้งโค้งอยู่อย่างนั้น สักพักฉันก็ชักจะเมื่อยและเย็นที่เท้า จนคิดว่ากลับไปสู่ที่นอนโบราณนั่นก็จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการยืนก้นโด่งอยู่ตรงนี้แน่ๆ

             

              หากแต่ตอนที่ฉันกำลังจะยืดตัวขึ้นนั่นเอง หางตาก็พบว่ามีบางสิ่งเคลื่อนไหวมาตามถนนข้างล่าง ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ฉันหยุดดูสักหน่อย แล้วมันค่อยๆปรากฏขบวนของอะไรสักอย่าง ที่ความมืดของราตรีทำให้เงาตะคุ่มนั้นเป็นสีดำสนิทไปทั้งหมด

              ดูเหมือนจะมีคนถือป้ายไม้ขนาดใหญ่สองป้ายเดินนำมา มีคนเดินหามฆ้องขนาดใหญ่ คนถือของแบกหีบสารพัดหลายคน จนกระทั่งถึงเงาของผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่ขี่ม้าตัวใหญ่เบ้อเร่อ ข้างหลังผู้ชายคนนั้นเป็นเกี้ยวที่ประดับประดาอะไรอิรุงตุงนัง และดูเหมือนจะมีคนเดินตามหลังอีกหลายคน

              ฉันเพ่งมองขบวนประหลาดๆนั่น ทุกคนดูจะไม่มีปัญหากับการเดินทางในความมืดสงัด เพราะยังคงเคลื่อนที่อย่างเงียบเชียบ เป็นระเบียบและนุ่มนวลอย่างกับว่าลอยไปอย่างนั้นแหละ

              และแล้ว เมื่อทั้งหมดเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็สังเกตเห็นว่า ม้าสีดำตัวใหญ่นั่น มันมีดวงตาสีแดงเรืองแสง!!

              ฉันสะดุ้งเฮือก รีบยกมือขึ้นมาตะครุบปากตัวเองตามสัญชาติญาณ แต่มันไม่ทัน

              ส่วนที่เป็นใบหน้าของชายบนหลังม้าเงยขึ้นมามองตรงหน้าต่างที่ฉันแอบดูอยู่ ฉันไม่เห็นใบหน้าของเขาสักนิด แต่นั่นทำให้ฉันล้มลงไปบนพื้นและหมดสติแน่นิ่งไป



    14 พ.ค.61

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น