คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 กลายเป็นเรื่อง...
2
ปัง !!!
“ เวรเอ้ย ! ”
ธนวรรธน์สบถออกมาเสียงดังอย่างคาดไม่ถึงพลางคว้าข้อมือนิษฐาที่อยู่อยู่ใกล้ๆทำท่าจะวิ่งไป แต่เสียงของนิษฐาก็ขัดขึ้นมาก่อน
“ คุณจะพาฉันไปไหน ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้นะ ”
“ คุณอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ หนีก่อนดีกว่า ไม่งั้นตัวเราพรุนไปด้วยลูกกระสุนแน่ ! ” ธนวรรธน์พูดพร้อมกับพานิษฐาวิ่งไปอีกทาง ปล่อยให้ชายหนุ่มคู่กรณีตั้งแต่แรกได้แต่คำรามออกมาเสียงดังท่ามกลางบรรยากาศที่แสนวุ่นวายเนื่องจากผู้คนในร้านที่พากันวิ่งออกจากร้านและหลบกันให้วุ่น
“ ออกมาสิมึง ปากดีนัก ไม่กลัวไม่ใช่รึไง !! ”
ธนวรรธน์พานิษฐาวิ่งหลบออกมาตามทางออกของหลังร้านจนเกือบจะถึงทางออก ธนวรรธน์หยุดวิ่งพลางหันไปมองรอบๆ หันไปพูดกับนิษฐา
“ ผมว่าเราหลบที่ตรงมุมนั้นก่อนดีกว่า ”
“ หลบ... ? ” นิษฐาพูดพลางปลายตามองไปยังตรงมุมมืดๆมุมหนึ่งที่เหมือนเป็นที่เก็บของย่อมๆเพราะมีลังวางกองตั้งสูงเกือบจดเพดานอยู่ด้านใน “ หลบทำไม อีกนิดเดียวเราก็ถึงทางออกแล้วนะ ”
“ ออกไปตอนนี้คุณไม่กลัวถูกยิงตายรึไง...มันเห็นอยู่ว่าเราวิ่งหลบมาทางหลังร้าน มันต้องไปดักรอเราตรงทางออกแน่ๆ ” ธนวรรธน์พยายามอธิบาย
“ แล้วอย่างนี้เราจะมีวิธีออกไปจากร้านนี้ได้ยังไง ”
“ คุณตามผมมาล่ะกันน่ะ ผมไม่พาคุณไปให้ไอพวกนั้นยิงทิ้งฟรีๆแน่ ”
ธนวรรธน์พูดตัดบทก่อนจะจับมือพาหญิงสาวเดินเข้าไปหลบที่มุมๆหนึ่งที่มองไว้ตั้งแต่แรก นิษฐายอมเดินตามไปแต่โดยดีเพราะไม่รู้จะขัดยังไง แต่ทันทีที่ทั้งสองนั่งลงจนคิดว่าพอจะหลบได้ คำถามๆหนึ่งที่หญิงสาวตั้งไว้ตั้งแต่เขาพาวิ่งหนีออกมาก็ถูกถามขึ้น
“ ไหนคุณบอกว่าคุณไม่กลัวเขาไงคะ ”
ธนวรรธน์ฟังแล้วนิ่งไปหน้าเจื่อนลง ก่อนจะค่อยๆเบือนหน้าหนีอย่างใช้ความคิด
“ ผมถอยมาตั้งหลัก ” ชายหนุ่มหันมาตอบหน้านิ่งเหมือนแก้ตัว นิษฐาฟังแล้วยกยิ้มอย่างแสดงออกว่าไม่เชื่อคำพูดของชายหนุ่มข้างตัวแม้แต่น้อย ธนวรรธน์ไม่ได้ใส่ใจว่านิษฐาจะเชื่อหรือไม่แต่กลับมองไปยังใบหน้าที่เปื้อนยิ้มบางของหญิงสาวนั้นอย่างถูกใจ
“ คุณยิ้มน่ารักดี ” คำพูดของเขาทำเอานิษฐาต้องรีบหุบยิ้มในทันทีและพูดขัดขึ้น
“ ตามหลักคุณกำลังแก้ตัวและเฉไฉไปเรื่องอื่น ”
ธนวรรธน์มองใบหน้าที่เชิ่ดขึ้นพูดอย่างไม่ได้ถือสาแต่กลับอมยิ้มอย่างชอบใจ
“ แต่ตามหลักของผมคุณกำลังเขินและเฉไฉไปเรื่องอื่นเหมือนกัน ”
ธนวรรธน์พูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ นิษฐานิ่วหน้าอย่างไม่พอใจรีบตอบกลับทันที
“ ฉันเปล่า ! ”
ธนวรรธน์ไม่ได้พูดอะไรได้แต่อมยิ้มแทนคำตอบ กลับยิ่งทำให้นิษฐายิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีกและทำท่าจะลุกออกไปจากมุมตรงนั้นแต่ชายหนุ่มก็คว้าข้อมือเอาไว้ทัน
“ คุณจะไปไหน ”
“ ฉันจะออกไปแล้ว ฉันอยากกลับบ้าน ”
นิษฐาหันไปตอบแต่ก็เห็นใบหน้าของชายหนุ่มนิ่งไปจึงรู้สึกแปลกใจ ยังไม่ทันได้ตั้งตัวธนวรรธน์ก็รีบดึงมือหญิงสาวจนตัวปลิวให้กลับมานั่งลงตามเดิมและโอบไหล่หญิงสาวให้เบียดชิดเข้ามาอีก นิษฐาตกใจกับการกระทำนั้นรีบยกมือขึ้นตีและพยายามดึงมือของชายหนุ่มออกทันที
“ นี่ ! คุณจะทำอะไร ”
ธนวรรธน์รีบใช้มือใหญ่ปิดปากหญิงสาวทันที นิษฐาเบิกตากว้างอย่างตกใจ แต่ก็เริ่มเข้าใจเหตุการณ์เมื่อชายหนุ่มกระซิบคำพูดที่ข้างหู
“ มันกำลังเดินเข้ามาจากทางหลังร้านตรงมาทางนี้ คุณอย่าเพิ่งโวยวาย... ”
นิษฐาเหล่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ ดึงมือของชายหนุ่มออกจากใบหน้าหน้าของตนและยอมสงบปากสงบคำแต่โดยดี ชั่วอึดใจหนึ่งที่ทั้งสองคนเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆเดินเข้ามาใกล้ นิษฐานั่งนิ่งราวกับตัวแข็งไปในบันดล ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆเมื่อได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าที่เดินไกลจากไปทางหน้าร้านแล้ว
“ ไปครับ มันออกไปทางหน้าแล้ว เดี๋ยวเรารีบออกไปทางหลังร้านกัน ”
ธนวรรธน์รีบพูดขึ้นพลางทำท่าจะคว้าที่ข้อมือของหญิงสาว แต่นิษฐารีบชิงชักมือหลบก่อน
“ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินเองได้ ” นิษฐาบอกอย่างถือตัว ธนวรรธน์ยักไหล่ตอบอย่างไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่อมยิ้มกับท่าทีของหญิงสาว แล้วรีบเดินตามหญิงสาวออกจากร้านไป
“ มิว !! แกออกมาแล้ว หายไปไหนมา ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่รู้รึเปล่า ”
เสียงของราณีดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นเพื่อนของตนเดินออกมายังบริเวณที่จอดรถที่แทบจะไม่มีรถจอดอยู่แล้ว นิษฐารีบเดินเข้าไปกอดเพื่อนสาวที่ยืนน้ำตาคลออยู่ ส่วนธนวรรธน์ยักคิ้วพลางยิ้มให้จิรายุที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันอย่างยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไร
“ กลับกันเถอะ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว ”
นิษฐาบอก ราณีพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะมองเลยไปยังธนวรรธน์ที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยแววตาซึ้งในน้ำใจ
“ ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันและเพื่อนฉันไว้ แล้วก็กลับออกมาอย่างปลอดภัย ”
“ ไม่เป็นไรครับ ผมมากกว่าที่ต้องขอโทษคุณทั้งสองคนที่ทำให้เรื่องมันวุ่นแล้วก็ต้องลำบากไปด้วย ”
ธนวรรธน์บอกยิ้มๆ ราณียังคงมองด้วยแววตาที่ชื่นชมจนทำเอานิษฐาที่ยืนอยู่ข้างๆมองอย่างอดหงุดหงิดไม่ได้ ได้แต่เถียงอยู่ในใจว่าไม่เห็นมีตรงไหนในตัวชายหนุ่มน่าชื่นชมเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาเป็นคนทำให้เรื่องเล็กๆเลยเถิดจนกลายเป็นเรื่องใหญ่
“ ถ้าคุณ... ” ธนวรรธน์ทักขึ้นพลางหยุดตรงชื่อของหญิงสาวอย่างมีชั้นเชิง
“ เบลล่าค่ะ ” ราณีเต็มใจตอบด้วยใบหน้าที่เป็นมิตร
“ ครับ ถ้าคุณเบลล่าไม่รังเกียจ ผมอยากจะขอเบอร์โทรคุณไว้ โอกาสหน้า...ผมอยากจะขอเลี้ยงไถ่โทษ ”
“ ไม่ให้ ! ”
นิษฐาเถียงขึ้นมาทันที ธนวรรธน์แกล้งทำท่าทางสงสัยพลางเลื่อนสายตาไปมองหน้าหญิงสาวยิ้มๆ
“ แต่ผมขอเบอร์เพื่อนคุณนะครับ ”
“ จะใครก็ไม่ได้ค่ะ เราสองคนไม่ต้องการการเลี้ยงไถ่โทษ ขอบคุณด้วยค่ะสำหรับความหวังดี ”
นิษฐาตอบเสียงแข็ง ธนวรรธน์มองหญิงสาวตรงหน้าแล้วอมยิ้มอย่างชั่งใจว่าเห็นนิ่งๆเงียบๆแสนเย็นชาแต่ก็ปากร้ายไม่เบา แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรไป และเลื่อนสายตากลับไปมองยังราณีเช่นเดิม
“ ถ้าเพื่อนคุณยืนยันว่าจะไม่ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อผมก็ไม่เป็นไร... ” ชายหนุ่มหยุดพูดเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าราณี อมยิ้มและเหล่มองไปยังนิษฐาที่ยืนอยู่ข้างกัน พลางเอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้ราณี “ แต่นี่นามบัตรผม...แล้วเจอกันนะครับ ”
ธนวรรธน์บอกพร้อมด้วยสายตาหวานเชื่อมที่สื่อออกมาอย่างโจ่งแจ้งจนทำให้ราณีได้แต่ยืนมองยิ้มๆและยื่นมือไปรับนามบัตรนั้นแต่โดยดี นิษฐาเชิดหน้ามองชายหนุ่มด้วยสายตานิ่งๆแต่แฝงไปด้วยความไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเดินนำขึ้นไปนั่งรอที่รถ ราณีหันมาขอโทษกับท่าทีของเพื่อนและบอกลาชายหนุ่มก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถและขับออกไป จิรายุที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ตลอดเดินมาสมทบหยุดยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น
“ เป็นไง...เกือบเอาตัวเองไม่รอดแล้วไหมล่ะ เกือบจะต้องไปนอนที่โรงพยาบาลแทนบ้านตัวเองแล้ว ”
ธนวรรธน์ฟังแล้วอมยิ้ม มือสองข้างท้าวอยู่ที่เอวด้วยท่าทีสบายๆ สายตายังคงจับจ้องไปที่รถที่เพิ่งถูกขับออกไปและกำลังแล่นอยู่บนท้องถนนจนแทบจะลับสายตาไปแล้ว...
“ แต่ก็คุ้มนี่หว่า...ฝันดีล่ะวะคืนนี้ ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างชอบใจในความคิดของตนเอง
............................................................
ทุกคอมเม้นท์คือกำลังใจ
นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการ
ไม่ได้มีเจตนาทำให้ศิลปินหรือนักแสดงเสียหาย
หากมีตรงไหนผิดพลาด ขออภัยด้วยค่ะ
ความคิดเห็น