แพทย์ฯกรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล - แพทย์ฯกรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล นิยาย แพทย์ฯกรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล : Dek-D.com - Writer

    แพทย์ฯกรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล

    โดย BMMD/B13

    น้องๆที่สนใจจาเข้าหมอ อยากลองปรึกษากะรุ่นพี่ได้นะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    28,082

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    28.08K

    ความคิดเห็น


    513

    คนติดตาม


    11
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 มี.ค. 50 / 22:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      วันหนึ่งของเมื่อหลายปีก่อน  เป็นวันที่พี่ดีใจจนกระโดดลงมาจากอัฒจันทน์ชั้นบนสุด  เมื่อคุณแม่โทรมาบอกว่า  "นี่  วชิระเค้าโทรมาบอกที่บ้านว่าเทอสอบติดนะ"  ตอนนั้นพี่ดีใจจนบอกไม่ถูก  ดีใจทั้งติดวชิระ  และดีใจที่โดดลงมาแล้วขาไม่หักเป็นสองท่อน

                น้องๆหลายคนที่อ่านอยู่อาจจะงงว่า  "วชิระเค้าโทรมาบอกเลยหรอ"  ใช่ครับ  เค้าโทรมาบอกเลย  เพราะพี่ติดโควตา"สอบตรง"เข้าไป  เลยจะรู้ผลว่าติดไม่ติดตั้งแต่เดือน มกราคมโน้น  ทำให้มีเวลาบ้าๆบอๆได้อีกหลายเดือน 
                 นั่นก็เป็นเรื่องของคนแก่  ผู้ซึ่งผ่านการสอบแบบเก่าๆ ก็คือยุคเด็กเอนทรานซ์นั่นเอง
                 แต่ปัจจุบัน  ด้วยเหตุผลบางประการของเหล่าผู้มีสิทธิ์มีเสียงในองค์กร  ก็ทำให้ระบบการสอบเปลี่ยนไปกลายเป็นระบบ  Admission  ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี  ระบบนี้ก็อาจจะมีข้อดีข้อเสียไปตามเรื่องตามราวของมัน  แต่ที่แน่ๆคณะแพทย์ทั้งหลายต่างไม่ค่อยจะยอมรับเท่าไร  เพราะฉะนั้นการสอบเข้าแพทย์ทุกวันนี้ก็จะเป็นแนวๆการสอบตรงซะมากกว่า
                การสอบตรงในทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ  แค่จะมีการจัดสอบวิชาเฉพาะของแพทย์ในเดือนตุลาคม ซึ่งคะแนนวิชาเฉพาะนี้ก็จะนำไปคิดรวมกับคะแนนสอบA-net  ที่จะสอบกันเดือนมีนาคมต่อไป  รายละเอียดที่มากกว่านี้ก็ลองสอบถามพี่ๆ หรือครูแนะแนวที่โรงเรียนดูนะครับ


                มาว่ากันต่อดีกว่า  หลังจากที่พี่ดีใจมากที่สอบติดวชิระไปแล้ว 
      แต่ก็เต็มไปด้วยความสับสน  เรามั่นใจแล้วหรอว่าจะเดินเข้ามาคณะนี้  นี่"หมอ"เลยนะ แล้วหน้าอย่างเราจะไหวหรอ  เวลาคิดว่าจะสละสิทธิ์ยังพอมี  จะเอายังไงดี

                แรกเริ่มเดิมทีพี่ก็ไม่ได้นึกอยากจะเป็นหมอขนาดนั้น เพราะรู้ว่ามันเป็นอาชีพที่เหนื่อยทั้งชีวิต  เรียนก็หนัก  สู้เรียนอย่างอื่นมาเปิดกิจการส่วนตัว  มันก็มีลู่ทางหาเงินได้เหมือนกัน  แล้วทีนี้  จะตัดสินใจยังไงดีล่ะ? 

                ถามพ่อแม่พี่น้องผองเพื่อนครูบาอาจารย์  ก็ไม่ได้ให้คำตอบที่เราต้องการ  เพราะเค้าไม่ใช่ตัวเรา เค้าไม่รู้หรอกว่าเราคิดยังไง  ทางที่ดีที่สุด ถามตัวเองดีกว่า  ว่าเราพร้อมมั้ยที่จะเดินหน้าเข้าสู่คณะที่เหนื่อยตั้งแต่เข้าเรียน  ยันจบออกไป  พร้อมมั้ยที่ต้องสละความชอบส่วนตัวของตนเอง  เช่นน้องคงไม่ไว้ผมทรงRock starเข้าโรงพยาบาลรักษาคนไข้  พร้อมรึเปล่าที่จะรักษาชีวิตคนที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนด้วยความทุ่มเทราวกับว่าเค้าเป็นครอบครัวเดียวกับเรา  ถ้าไม่พร้อม  อย่าเพิ่งคิดจะเข้ามาเรียนหมอเลยครับ  ลองไปไตร่ตรองดีๆก่อน  แต่ถ้าพร้อมแล้วก็มาทำความรู้จักกับคณะนี้ซักหน่อยดีกว่า

                วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล  เป็นชื่อเต็มๆของคณะหมอวชิระ  น้องคงสงสัยว่าทำไมชื่อมันยาวจัง  แล้วทำไมต้องมีคำว่ากรุงเทพด้วย?  เรื่องทำไม่ชื่อยาวนั้นพี่คงไม่ตอบให้  แต่เหตุผลที่ว่าต้องมีกรุงเทพในชื่อด้วยนั้นเป็นเพราะ  โรงพยาบาลเรารับนักศึกษาแพทย์ตามนโยบายของกรุงเทพมหานคร  ซึ่งต้องการผลิตแพทย์เพื่อเมืองหลวง  ตั้งแต่วันนั้น ถึงวันนี้ น้องที่กำลังจะก้าวเข้ามาในคณะในปี 2549  ก็ถือเป็นรุ่นที่  14 แล้ว

                การเรียน  ในปีแรก  เราจะเรียนที่มหาวิทยาลัยมหิดล  ศาลายา  ร่วมกับหมอทั้ง4คณะคือ  ศิริราช รามา  และพระบรมราชชนก  แต่จะแยกห้องเรียนกัน โดยที่  วชิระ  รามา และพระบรมราชชนก  เรียนห้องเดียวกัน  ศิริราชและพระบรมราชชนกอีกส่วนหนึ่งก็เรียนห้องเดียวกัน 

      อย่างที่รู้ๆกันว่า  หมอปีหนึ่งเนี่ย  เป็นอะไรที่สบายที่สุดแล้ว  เนื้อหาการเรียนยังไม่ยากมาก (แต่ถ้าถามพี่  พี่ว่ามันก็ยากแล้วล่ะ  แต่ปีอื่นมันคงยากกว่า)  โดยส่วนมากเราจะเรียนBasic Science อาจจะมีวิชาอย่างสถิติ และแคลคูลัส  ฟิสิก มาทำให้น้องมึนว่า  จะเรียนไปทำไม?  แต่พอขึ้นเทอมสองน้องก็เจอกับวิชาที่น้องอาจต้องผงะคือOrganic chem  ซึ่งทำพี่ปวดหัวทั้งเทอม  แต่วิชาชีวะก็จะเริ่มเรียนเนื้อหาที่ดูเปนหมอมากขึ้นกว่าเทอมแรก  ซึ่งบางคนอาจจะชอบ  โดยรวมก็ขอแค่น้องขยันๆก็จะไปรอดครับ

        อยู่ที่ศาลายา  ถึงแม้มันจะไกลปืนเที่ยงพอสมควร  แต่พี่ว่ามันก็มีอิสระในตัวของมันเอง  ได้รู้จักคนเยอะแยะเพราะอยู่หอ  เรื่องกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัยก็มีให้น้องได้สนุกกันพอสมควร  ภายนอกมหาวิทยาลัยมีของกินเพียบครับ  แต่ถ้าน้องรักชีวิตเที่ยวกลางคืนคงยากหน่อย เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีสถานที่กินดื่มมากมายเท่าไร  ห้างที่ใกล้ๆ  ซึ่งมันก็ไม่ใกล้มากก็เซนทรัลปิ่นเกล้าครับมีรถตู้รับส่งถึงหน้าหอ20บาทเท่านั้น   ส่วนน้องๆผู้ชายที่คิดว่าจะจีบสาวล่ะก็  รีบๆหาตั้งแต่ปีหนึ่งซะ  เพราะพอขึ้นปีสอง  เราจะต้องย้ายจากศาลายาไปเรียนรวมกับ รามาและพระบรมราชชนก  ที่วิทยาเขตพญาไท  ดังนั้นตัวเลือกก็จะน้อยลงอีก 

      ปีสอง  ปีนี้แหละครับที่น้องจะได้ผ่าอาจารย์ใหญ่   อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าน้องต้องย้ายมาเรียนที่วิทยาเขตพญาไท  ซึ่งอยู่ค่อนข้างกลางเมือง  ไม่เหมือนกับปีที่แล้ว  ที่ทั้งการเดินทาง และการหาที่เที่ยวค่อนข้างลำบาก  ปีนี้ย้ายมาอยู่กลางกรุง  สยามก็ไปง่ายๆ  กลับบ้านก็ง่ายๆ  สบายมาก  แต่เรื่องการเรียนก็จะหนักขึ้นมา  ซึ่งต้องอาศัยความรับผิดชอบมากขึ้น  พี่เองก็เพิ่งจบปีหนึ่ง ก็ยังไม่รู้หรอกครับ  ว่าต้องเรียนอะไรยังไงขนาดไหน  เพราะยังไม่เจอกับตัวเอง

      ปี 3 เทอมแรก เรายังคงเรียนที่เดิม  ร่วมกับรามาและพระบรมราชชนก  เนื้อหาการเรียนจะเบากว่าปี 2 หน่อยนึง  แต่พอเทอมสอง  น้องจะต้องอำลาเพื่อนร่วมแอล(Lecture room)  มาสู่โรงพยาบาลของตนเอง ก็คือ วชิรพยาบาละนี่เอง  ปีสามเทอมสองนี้ก็ยังไม่มีเรียนอะไรมาก  รสชาติของชีวิตการเรียนแพทย์ก็อยู่ที่ ปี4 ขึ้นไปนี่แหละครับ

      พอน้องขึ้นปี4  จะมีคนไข้มาเรียกน้องว่าหมอแล้ว  ว่ากันว่า  ขึ้นปี 4 วันแรก น้องอาจจะได้เย็บแผลคนไข้นับสิบ  ดังนั้นการเรียนปี 4 จึงเป็นอะไรที่ยาก และเหนื่อยอย่างมาก  น้องต้องราวน์วอร์ด และที่สำคัญ  ปีนี้น้องจะได้ทำคลอดภายใต้การดูแลของพี่Resident   พี่คิดว่าคงจะรู้สึกอบอุ่นไม่น้อยเลยทีเดียว  เมื่อเราสามารถช่วยให้ชีวิตหนึ่งชีวิตถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก 

      ปี5 และ ปี6 พี่ยังไม่ขอพูด  เพราะมันยังค่อนข้างจะห่างไกลตัวน้อง  และพี่เองก็ยังไม่ได้สัมผัสอะไร  จึงเอามาเล่าไม่ถูก

      บางคนอาจจะมองว่า  คณะนี้เพิ่งก่อตั้งขึ้นได้ไม่นาน แล้วมาตรฐานจะเทียบเท่ากับคณะอื่นๆได้มั้ย  พี่ขอรับรองเลยว่า  "ได้ครับ"  ปี 1-3  น้องได้เรียนชั้นPre clinic ในหลักสูตรของมหาวิทยาลัยมหิดลตัดเกรดรวมกับรามา พระบรมฯ  ส่วนพอขึ้นมาที่โรงพยาบาล ที่วชิระพยาบาลนั้น  ก่อตั้งตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6  ถึงแม้จะไม่ได้มีขนาดเนื้อที่กว้างขวางมาก  แต่ก็กว้างพอ   มีเครื่องไม้เครื่องมือรักษาที่ทันสมัย ครบครัน  มีเคสคนไข้ให้น้องๆได้ฝึกเยอะครับ  เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร  และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาแบบก้าวกระโดด  เรื่องรุ่นพี่รุ่นน้องก็แสนจะอบอุ่น เนื่องจากปริมาณคนยังน้อยอยู่  อย่างรุ่นพี่ มี 80 คน ส่วนรุ่นพี่ปีแก่ๆ  เค้ายังมีแค่  30-60กว่าคน  เพราะเพิ่งมีนโยบายรับนักศึกษาเพิ่มเมื่อ  2ปีก่อน  และยังมีแนวโน้มว่าจะรับเพิ่มขึ้นอีกในภายภาคหน้า เมื่อก่อนที่ยังไม่ได้จัดเพิ่ม วชิรพยาบาลก็รับนศพจากมศวเข้ามาฝึกที่นี่

      ก็ถ้ามีข้อสงสัยไม่เพียงเฉพาะเกี่ยวกับคณะนี้  จะถามเกี่ยวกับคณะอื่น หรือให้พวกพี่แนะแนว  หรือจะถามเรื่องความรักก็ไม่ว่านะครับ 55  ก็สามารถโพสถามได้เลยนะครับ 


      ออ  สุดท้าย ที่สำคัญที่สุดน้องๆม4-ม6  ที่อยากรู้และเข้าใจเรื่องราวชีวิตของหมออย่างลึกซึ้ง    เตรียมมาสมัคร  "ค่ายเปิดเสื้อกาวน์ครั้งที่ 8"  นี่ไม่ใช่ค่ายหมอธรรมดาแน่นอนครับ  ที่นี่พี่มั่นใจว่าน้องจะได้ทั้งประสบการณ์ ความรู้ และที่สำคัญคือความสนุกสนานที่น้องจะต้องประทับใจไปตลอดชั่วกาลปาวสาน  อืม  รายละเอียดทั้งหมดจะถูกนำลงไปใส่ในwebsiteอย่างเป็นทางการอีกทีนึง  ซึ่งถ้ามีเว็บเมื่อไรจะเอามาบอกนะครับ  ตอนนี้ถ้ามีข้อสงสัยก็โพสถามได้เรื่อยๆครับ  พวกพี่ๆเข้ามาดูกันบ่อย  ได้รับคำตอบแน่นอน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×