คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ยกที่3: ลองเชิง
ยกที่3: ลองเชิง
Men’ Part
“อยากกินMemorizeตรงนิมมาน” ผมบอกการ์ด...ไม่ได้อะไรนะครับ อยากกินจริงๆ อยากกินมาหลายวันละ แต่ไม่มีเงินว่ะ เอาไปซื้อการ์ตูนหมด!!!
“บอกทางนะ” การ์ดพูด ผมพยักหน้าตอบหน่อยๆ
นี่ไอการ์ดมันไม่คิดจะเปลี่ยนเสื้อก่อนจะมาเลยรึไง...ผมมองเครื่องแบบนักเรียนนายร้อยที่ไอการ์ดใส่หน่อยๆ
ผมไม่เคยเห็นใกล้ๆขนาดนี้มาก่อน...เคนเห็นมันใส่แต่ในเฟส...
จำได้ว่าตอนเห็นครั้งแรกตอนม.4 ตอนที่ยังเป็นเครื่องแบบของเตรียมนายร้อย...มีแต่คนชมว่าใส่แล้วดูสง่า ผมเองก็อดภูมิใจแทนมันไม่ได้...
วันนี้ได้เห็นใกล้ๆ...ผมก็ยังรู้สึกอย่างนั้น...
ตอนม.3 ผมนั่งจับเวลาตอนมันวิ่ง ตอนมันวิดพื้น ดึงข้อ ไปยืนเชียร์มันอยู่ข้างสระว่ายน้ำตอนมันไปซ้อมวันเสาร์อาทิตย์...ตอนนั้นโคตรสนุก ความสำเร็จของคนใดคนหนึ่ง ก็เหมือนความสำเร็จของเราทั้งสองคน ผมดีใจแทบตายตอนที่มันบอกผมว่า ‘ติด’
ใครมันจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น...
“จอดตรงนี้แล้วข้ามแล้วกันนะ” การ์ดพูดพลางปลดเข็มขัดนิรภัยให้ผม “ฝั่งโน้นมันติดถนนใหญ่ ในซอยข้างๆรถก็เต็ม เลยต้องมาจอดฝั่งนี้”
“อือ...” ผมตอบ...มองข้อความที่ส่งมาจากแอทแทคหน่อยๆ ‘เอากระเป๋าให้แล้วนะ’
ผมมองการ์ดที่ยืนมองถนนฝั่งซ้ายและขวา ก่อนจะคว้ามือผมแล้วดึงให้วิ่งตาม...
...ผ่านไปกี่ปีแล้ววะ ผมไม่ได้รับสัมผัสนี้มากี่ปีแล้ววะ...ปวดว่ะ...ปวดใจ...
ผมใช้มือที่ว่างอีกข้างนวดขมับเบาๆ...
...อย่าเพิ่งร้องตอนนี้เม่น...อย่าร้อง...ได้โปรด...
“สองที่ครับ” การ์ดพูดกับพนักงาน “นั่งไหนดี?”
ผมมองหน้าการ์ด......................................................
“ข้างบน...กูอยากกินข้างบน” ผมตอบ ทำไมคนมองมาทางพวกผมเยอะจัง...
...Memorize มีประตูหลังร้านมั้ยนะ...
“...ว่ามา” ผมพูดพอทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้เสร็จ เห็นการ์ดมองหน้าหน่อยๆ
“ไม่คิดจะไปตักอะไรมาก่อนเลยเหรอ” การ์ดยิ้มๆ “คุยกันก่อนเดี๋ยวได้ออกจากร้านก่อนได้กินหรอก”
ผมลุกขึ้นเดินตามการ์ดลงไปตักเสต็กกับสลัดและพิซซ่ากลับมาที่โต๊ะ เห็นไอการ์ดเดินลงไปตักมาอีกรอบสองรอบได้
“กินหมดเหรอ...ตักมายังกะอดแดก” ผมถาม
“ดูถูกกระเพาะกูนะ มึงอ่ะ...แล้วขาหมูเยอรมันนี่ใครสั่งวะ?” การ์ดถามพลางทิ้งตัวลงนั่ง
“กูสั่งเองอ่ะ...มึงชอบไม่ใช่เหรอ” ผมตอบ...ทำไมหมูชิ้นนี้มันหั่นยากจังวะ
“...จำได้?”
“ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าที่ชอบขาหมูเยอรมันนี่มึงหรือไอแตงกวา” ผมพูดลอยๆ
“แรงว่ะ...กูเองแหละ” การ์ดพูดเสียงเนือย ทำเอาผมยิ้มหน่อยๆ “เม่น...มึงงอนให้โหดกว่านี้หน่อยดิ...กูได้รู้สึกผิดมากกว่านี้หน่อย แบบนี้กูลำบาก...ง้อไม่ถูก”
“กูไม่ได้งอนนี่ กูขอฟังเหตุผลก่อน...คราวนี้จะงอนหรือเกลียดก็ค่อยว่ากันอีกที” ผมตอบ
“จริงๆกูมีแค่สามเหตุผล...แต่มึงไม่พร้อมฟังเหตุผลกูหรอก”
“มึงไม่เล่าแล้วกูจะพร้อมเมื่อไหร่ล่ะการ์ด”
“เหตุผลเรื่องแรกที่มึงถาม กูบอกไปแล้ว” การ์ดตอบ ไม่ได้หันมามองผมเลย...
“การ์ด มองหน้ากู! กูจำไม่ได้จริงๆ ที่มึงว่าเอาความคิดหายไปปนั้นมาจากกู! มึงทำไปทำไม?!”
ผมพูดพลางยกจานการ์ดออกมาจากการ์ด “ไม่ตอบกู มึงก็ไม่ต้องแดก”
“ทำทำไม? คำตอบอันนั้นก็คือเหตุผลข้อสองกับสามที่มึงยังไม่พร้อมจะฟัง...ส่วนข้อแรก คิดดีๆเม่น กูเคยถามมึงก่อนจบ จำได้ยัง?” การ์ดกอดอกเอนหลังพิงผนังเก้าอี้แล้วมองหน้าผม ก่อนเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงย้ำคำถามอีกครั้ง
“...................................ไอ้...ไอ้เชี่ยเอ้ยยย!!! กูนึกว่ามึงถามเล่นๆ!!!!!”
“กูถามจริง” การ์ดพูดพลางรับจานจากมือผม “กูอึ้งเลยรู้ป่ะ ตอนมึงตอบอ่ะ โหดชิบ!”
“แล้วมึงก็ทำ?” ผมถาม “มึงบ้าไปแล้วเหรอวะ มึงไม่คิดถึงความรู้สึกกูเลยเหรอวะ?!”
“ตอนนั้นกูถามมึงแล้ว มึงตอบไงล่ะ...คิดถึงกูบ้างป่ะ? กูก็กะให้มึงเกลียดเลยนะเนี่ย...เกลียดกูยัง?” การ์ดเลิกคิ้วถามผม
“ใกล้แล้วล่ะ”ผมตอบ
“...แล้วรอกูมั้ย...” การ์ดถาม...
“...”
“...”
“...เกือบ...เกือบเลิกแล้ว...” ผมตอบ...ผมก้มมองมือตัวเองที่กำแน่นอยู่ตรงท้องน้อย
ผมเสียใจขนาดไหนวะ ผมเสียใจขนาดไหนกัน ตลอด4ปีที่ผ่านมา...มันให้เหตุผลมาแค่อย่างเดียว...เหตุผลที่ฟังแล้วไม่ได้ช่วยให้หายข้องใจอะไรเลย...
...ทำไมใจมัน...
ไม่อยากโกรธ ไม่อยากเกลียด อยากคุยกันดีๆ อยากไปนั่งข้างๆ ร้องไห้ออกมาให้สุดเสียง พูดทุกอย่างที่รู้สึก เล่าให้ฟังว่ารู้สึกยังไงตอนเห็นรูปมันกับน้ำ
ทุบมันให้พอใจ บอกมันว่ารู้สึกแย่ขนาดไหนที่เห็นคลิปบ้าๆนั่นแล้วยังต้องมานั่งเข้าข้างมัน...ทั้งๆที่ใจอยากจะไปถามมึงกับตัวมากกว่าใครแท้ๆ
ผมรอมันด้วยความรู้สึกแบบไหน...
ทั้งๆที่ควรโกรธมากกว่านี้...แต่สิ่งที่เจอมา...ทำให้ผมรักมันขนาดนี้...
ผมมองการ์ดที่ยิ้มให้ผม...น้ำตาเริ่มเอ่อคลอจนมองเห็นข้างหน้าไม่ชัด...
“เม่น...กูขอโทษ” การ์ด...มึงพูดด้วยสีหน้ายังไงกันนะ...ผมรีบก้มลงเมื่อรู้สึกว่าน้ำตาที่เอ่อล้นกำลังจะกลายเป็นหยด “เม่น...”
“กูไปตักพิซซ่านะ!!!”
...ต้องไป ไปไหนก็ได้...
ผมเดินออกมาทางข้างร้าน...ออกมาแล้ว...ทิ้งการ์ดออกมาแล้ว
กลับหอยังไงดี...ผมต้องกลับ กลับไปทำหัวให้โล่ง...ผมสูดลมหายใจเข้าช้าๆแล้วปาดน้ำตาลวกๆ
ผมอยู่ต่อไม่ได้...ทนอยู่ต่อหน้าการ์ดไม่ได้
จริงๆด้วย...ผมประเมินตัวเองไว้สูงเกินไป...ผมคิดว่าผมเข้มแข็งพอจะเจอมัน
ผมยังไม่แข็งแรงขนาดนั้น...ผมยังไม่พร้อม
ผมเป็นคนพูดเอง...ผมจำได้แล้ว...
‘ก็ถ้าเป็นปัญหาที่ไม่อยากให้มึงรู้ แสดงว่าต้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับมึง...งั้นกูก็ต้องแยกตัวออกมาจากมึงก่อน ให้เวลาได้อยู่คนเดียว ให้ได้คิดอ่ะ
...ถ้ามันถึงขนาดปรึกษาใครไม่ได้ แสดงว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่มาก...งั้นกูจะหายไปนานๆ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่กูจะกลับมา’
...งั้นคราวนี้ก็เป็นตากูที่หายไปนะการ์ด...
ผมมองทางซ้ายขวา...จากตรงนี้การ์ดไม่เห็นผมแน่นอน...
ผมกดเบอร์โทรออก...ใครก็ได้ มารับทีเถอะ!
“เม่น” ผมสะดุ้งสุดตัว...พอหันไปก็เห็น
“มีน มาทำไรที่นี่...” ผมถามมีนเสียงเบา...เบาพอๆกับเสียงลม
“ขึ้นไปเหอะ...คุยกันให้รู้เรื่อง อย่าหนีเลย กูรู้เรื่องจากวิชหมดแล้ว กูรู้เหตุผลการ์ดแล้ว” มีนจับแขนผม
“กูไม่ได้หนี! กูขอกลับก่อนไง กะจะไปอ่านหนังสือกับมึง...” ผมยื้อแขนตัวเองออก “กลับเหอะ!”
“เม่น...การ์ดมันรู้ว่ามึงจะหนี เลยให้พวกกูมาดักตรงข้างร้าน” มีนพูด “กูขอโทษ...แต่กูไม่อยากให้มันค้างคาอีกต่อไปแล้ว! ไม่ต้องมองหาแมน...แมนก็รู้เรื่องหมดแล้ว”
...หมดหนทาง...
ผมเดินตามมีนขึ้นมาที่ชั้นสองของร้าน...ก่อนที่มีนจะกระซิบบอกขอแยกตัวไปนั่งอีกโต๊ะที่อยู่ข้างๆกัน
การ์ดมองผมยิ้มๆ...ก่อนพูดในสิ่งที่ทำให้ผมแทบจะอยากทรุดตัวลงนั่งร้องไห้กลางร้านซะให้ได้
“หลงเหรอ...โต๊ะเราอยู่ข้างบนนะ อย่าลืมสิ”
Card Part
“หลงเหรอ...โต๊ะเราอยู่ข้างบนนะ อย่าลืมสิ”
ตั้งแต่มัธยม...ผมต้องนำหน้าเม่นสองถึงสามก้าวเสมอ
เพราะผมไม่รู้ว่าเม่นคิดอะไรอยู่...ผมเลยต้องคิดเผื่อไว้ทุกอย่าง
และมันก็ได้ผล...เมื่อคิดเผื่อไว้ตลอด เม่นก็จะเดินเข้ามาทางใดทางหนึ่งที่ผมมองไว้เสมอ
...เม่นยังรอผมอยู่...
ผมมองเม่นที่ขอบตาแดงจนน่าสงสาร...
“เม่น...”
“...”
“กูขอโทษ”
“ขอโทษทำไม” เม่นถามผม
“ขอโทษที่อธิบายไม่ได้...ตอนนี้” ผมตอบ
“...”
“...”
“ไม่เป็นไร ...เพราะกูไม่สนใจแล้ว” เม่นตอบแล้วยิ้มให้ผม...ยิ้มสดใส...ยิ้มที่ผมไม่เห็นมา4ปี “ไม่สนใจทั้งมึงทั้งเหตุผลนั่นแหละ…”
“...”...
“อย่าเงียบสิการ์ด...คราวนี้จะให้ใครมาดักกูอีกล่ะถ้ากูลุกออกไปอีกน่ะ บาสกับไผ่?” เม่นเลิกคิ้วสูง “มึงดักทุกทางออกของกู กูแค่ต้องการฟังเหตุผลของมึงเท่านั้นเอง มึงบอกกูไม่ได้?”
“...”
“แล้วมึงมารั้งกูทำไม? ปล่อยกูไปหาคนดีๆ แล้วมึงก็ไปหาใครก็ได้ที่พร้อมเจอปัญหาของมึงไม่ดีกว่าเหรอ?” เม่นถามผม...
เม่นไม่เปลี่ยนไปเลย...ร้องไห้และเข้มแข็งได้ทันที...
“...สี่ปีที่ผ่านมากูรักแต่มึง...แล้วกูจะเอาเวลาไหนไปหาคนใหม่วะเม่น”
‘พ่อครับแม่ครับ ถ้าการ์ดมีแฟน...’
‘ใครล่ะลูก...พามาให้พ่อกับแม่รู้จักหน่อยสิ บ้านเขาทำงานอะไรล่ะ’
‘แม่เค้าเป็นแม่บ้านครับแม่ เคยทำงานที่ธนาคารระหว่างประเทศแล้วลาออกมาเลี้ยงลูก ส่วนพ่อเป็นบก.นิตยาสารวิทยาศาสตร์ที่ผมชอบอ่านไง แม่จำได้มั้ย’
ผมจำได้ว่าตอนนั้น...ผมกลั้นใจลองถามแม่ทั้งๆที่ไม่ได้มีความมั่นใจอะไรเลย
‘ขอดูรูปหน่อย...คนไหนนะ’ ผมชี้เม่น...’นี่มันเด็ก...ผู้ชายไม่ใช่เหรอ...’
‘ครับ...ชื่อเม่น’
แม่มองหน้าผม...เหมือนผมทำผิดร้ายแรงมาก...ผมทำอะไรผิด
‘แม่เกิดการ์ดมาเป็นผู้ชายดีๆนะลูก ทำไมต้องทำอะไรให้บ้านเราขายหน้าด้วย!’
‘แม่ครับ การ์ดว่ามันไม่เห็นขายหน้าตรงไหนเลย การ์ดไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย’ ผมพูด...จำได้ว่าตอนนั้นผมยังยิ้มได้...
‘ขายหน้าสิ เขาจะหาว่าลูกบ้านนี้จิตไม่ปกติไง...เป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ ทำไม่ต้องไปเป็นเกย์เป็นตุ๊ดด้วย!’
ผมมองแม่ที่ร้องไห้...ทำไมต้องร้องนะ...
ลูกชายเพื่อนพ่อเขาติดยงติดยา ใครๆก็รู้ ก็ยังเห็นเขาออกงานกันได้...ไม่เห็นเขาจะอายตรงไหน...ก็ยังเห็นสมาคมคุณนายของแม่ยังคุยกับเขาดีๆอยู่เลย
ผมเป็นผู้ชาย...แต่คนที่ผมรักดันเป็นเม่นที่เป็นผู้ชาย...ผมทำเรื่องน่าอายกว่าติดยาอีกงั้นเหรอ
...ตรรกะป่วย...
‘ถ้ามันชอบผู้หญิงดีๆไม่ได้ก็จับมันแต่งงานไปเลย!’
บ้านแตกเลยครับ...วันนั้นแม่ไปบอกพ่อเรื่องผม
‘ลูกของคุณนายอารีย์ที่เขามาถามคุณเรื่องหมั้นของเด็กบ่อยๆน่ะ จับๆหมั้นไปเลย!!!’พ่อผมพูดกับแม่
‘พ่อ! การ์ดเพิ่ง15 แล้วแค่การ์ดคบกับผู้ชายมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ!!!’
ผมเถียงคอเป็นเอ็นเลยแหละตอนนั้นน่ะ ยกความดีไอเม่นขึ้นมาอวยสารพัด...ไม่ได้ช่วยอะไรเลย...ดีทุกอย่าง เสียแค่เป็นผู้ชาย...
‘ถ้าแกหาผู้หญิงไม่ได้ถึงขนาดต้องเป็นผู้ชายล่ะก็ แกก็ไปหมั้นกับลูกสาวของป้าอารีย์ซะ!!!’
‘แค่ต้องเป็นผู้หญิงใช่มั้ย?! ไม่ต้องหาให้การ์ดก็ได้ การ์ดจะหามาให้พ่อแม่สบายใจละกัน!!!’
ว่าพ่อแม่ตรรกะป่วย...ตรรกะกูป่วยกว่าพ่อแม่อีกว่ะ!
ประชดครับ ชัดเจนเลยใช่มั้ย...น้ำทักแชทมาจีบผมวันนั้นพอดิบพอดีจนน่ากลัวเลยล่ะ ผมเลยหาแฟนเป็นผู้หญิงให้แม่สบายใจได้
ผมคิดอยู่สองประเด็น
อย่างแรกที่ผมคิดเลยคือ ต้องไม่หมั้นกับลูกคุณป้าอารีย์ เพราะถ้าหมั้นแล้วมันจะยุ่งยาก พ่อผมทำจริงๆแน่ ฝ่านโน้นเขาก็พร้อมตั้งแต่พวกผมยังอยู่ในท้องอยู่เลยมั้ง ...ผมจะไม่ยอมหมั้น หนีงานหมั้นและการถอนหมั้น ไม่ได้ง่ายเหมือนในละครไทย...รู้ใช่มั้ยครับ
เม่นคงเสียใจถ้ารู้ว่าผมหมั้น...
อย่างที่สอง...หาผู้หญิงที่ไม่ดีเอาไว้(ซึ่งน้ำตอบโจทย์ข้อนี้ได้ดีจนน่าตกใจ)...พ่อแม่จะได้ไม่ชอบ... อย่างน้อยรั้งให้ถึงตอนจบเตรียมปีสามก็ยังดี
น่าจะดีกับเม่นมากกว่าการหมั้น...เม่นพอจะรู้ว่าผมไม่ชอบผู้หญิงแบบน้ำ
พอจบแล้ว...ผมจะแยกออกมาอยู่คนเดียว ผมจะทำยังไงก็ได้
เม่นจะเข้าออกก็ไม่อึดอัดใจ...
ทุกๆอย่างที่ผมทำ...ผมนึกถึงเม่นตลอด
สี่ปีที่ผมอยู่มา...ผมมีเม่นอยู่ในใจมาตลอด
...แล้วจะให้ผมไปหาคนใหม่ได้ยังไง...
***************************
ตอนหน้าเม่นเริ่มเอาคืนแล้วนะ ><
เปิดเทอมพรุ่งนี้
ต่อจากนี้ลงทุกวันศุกร์นะจ๊ะ! =w=
อ่านแล้วอะไรยังไงเม้นบอกด้วยนะ
สงสาร เข้าใจ หน่วง เศร้า
อะไรก็เม้นบอกเด้อ
สนุกใช่มะ...=w= ได้มั่นหน้าลงต่อ 55555555
เม้นหน่อยเหอะน้า เราอยากอ่านเม้นเยอะๆ ช๊อบชอบบ!!!
ฝากคู่นี้ต่อไปด้วยนะจ๊ะ
ความคิดเห็น