คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ยกที่12: วันที่สี่(น่ากลัวกว่าใจเรา คืออนาคต)(100 per.)
แนะนำให้ฟังเพลงด้วยครับ ไม่เปิดเล่นอัตโนมัตินะครับ เผื่อใครไม่ชอบ...เผื่อคุณจะเข้าใจผมมากขึ้น...
ยกที่12: วันที่สี่(น่ากลัวกว่าใจเรา คืออนาคต)
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด...แสงจันทร์ที่ทอดส่องเข้ามาจากทางระเบียง ผ้าม่านสีขาวบางที่ปลิวไหวตามแรงลมจากข้างนอก...มันทำให้ผมสบายใจ...ว่าผมยังอยู่ที่เชียงราย...
ผมมองการ์ดที่เริ่มขยับตัวแปลกๆ...เหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นมาข้างขมับและคิ้วที่ขมวดหน่อยๆทำให้ผมรู้ว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆกำลังฝันร้ายอยู่...
ผมลุกขึ้นนั่งลูบไหล่ลูบหลังการ์ดเบาๆ เดินเข้าห้องน้ำไปหาผ้าชุบน้ำหมาดๆมาเช็ดตัวเช็ดหน้าให้...
“การ์ดขอโทษ...ขอโทษครับ...กูขอโทษ...ขอโทษ...” การ์ดพึมพำวนไปวนมาหลายต่อหลายรอบ...
ผมได้แต่ลูบหลังลูบไหล่การ์ดเบาๆ หวังว่าจะทำให้คนตรงหน้าหายใจหายคอคล่องขึ้นบ้าง...
“ไม่เป็นไรมึง...ไม่เป็นไร...” ผมพูดย้ำอยู่แค่นี้วนไปวนมา...
ผมทำแบบนี้วนไปวนมา...เหมือนกับทุกคืน...
การ์ดเป็นแบบนี้ตั้งแต่คืนแรกที่เรานอนด้วยกัน...คืนแรกผมตกใจ แต่ก็คิดว่ามันคงละเมอ ซักพักคงหาย...แต่มันกลับรุนแรงขึ้น...การ์ดตกใจและสะดุ้งตื่น
ผมถามการ์ดว่าฝันเห็นอะไร....มันตอบแค่ว่า
‘ฝันไร้สาระน่ะ นอนต่อเหอะ’ ...
หลังจากคืนนั้น...การ์ดก็เป็นเหมือนเดิม...ผมก็ทำได้แค่นี้...ดีขึ้นมาหน่อยที่มันไม่สะดุ้งตื่นเหมือนคืนแรก
เหมือนสิ่งที่ผมทำจะช่วยบรรเทาฝันร้ายของมันไปได้นิดนึง...
...ไม่รู้ว่าการ์ดฝันว่าอะไร...
ผมหยิบหนังสือที่อยู่ข้างหัวนอนขึ้นมาพัดให้คนข้างๆพลางมองดาวบนท้องฟ้าที่สามารถเห็นได้จากมุมที่ตัวเองอยู่...
ผมเริ่มสนิทกับการ์ดตอนไหนกันนะ...
ตอนม.2ใช่มั้ย...
...จำได้ว่าตอนนั้นผมกับเกมส์วางแผนแกล้งไอป้อ โดยรวมหัวกับพวกผู้หญิงห้องข้างๆ...
น่าขำดีที่ตอนนั้นผมกับเกมส์ให้ความร่วมมือกับพวกผู้หญิงเกินคาด พวกเธอสั่งว่าห้ามบอกเพื่อน...เราก็ไม่บอกใครเลยจริงๆ...
จนวันนึงซึ่งทุกคนเริ่มสงสัยในพฤติกรรมแปลกประหลาดของผมกับเกมส์ ที่พักนี้ชอบไปนั่งคุยกับกลุ่มผู้หญิงต่างห้อง เพื่อนหลายๆคน(ทั้งห้องตัวเองและเพื่อนห้องที่ผมกับเกมส์ชอบไปสิง)เลยพยายามมาถามเค้นเอาความจริงจากพวกเรา...
แน่นอนว่าผมไม่บอกครับ...
“บอกหน่อยดิ กระซิบก็ได้” ไอการ์ดว่าพลางยื่นหูมาใกล้ผม... ตอนนั้นสนิทรึเปล่า...ก็ไม่นะ แทบไม่เคยคุยกันด้วย มันสูงกว่าผมประมาณสิบเซนเองมั้งตอนนั้น... ใครมันจะไปคิดว่าอนาคตมันจะโตเร็วยังกะแดกเนื้อยีราฟมาแบบนี้
“อ่ะ...บอกก็ได้ ฟู่ววววววววว” ผมเป่าลมเข้าหูมันสุดแรงลมปากเลยครับ 555555
“โหววว น้ำลายเต็มหูเลยเนี่ย...เป่าไม่เป็นนี่หว่า มันต้องเป่าแบบนี้ เอาหูมาๆ” มันกวักมือเรียกผม ผมยื่นหูเข้าไปใกล้ๆ “ฟู่วววววว เป็นไง แบบนี้จั๊กกะเดียมใช่ป่ะ”
“เออว่ะ! เป่าไงวะ สอนดิ๊!” ผมว่าขำๆ มันก็สอนจริงๆนะครับ ผมเองก็ตั้งใจเป่าตามมันสอนจริงจังเลยล่ะ
ปัญญาอ่อนดีมั้ย...แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของพวกเราจริงๆ
เล่นกันไปกันมา หยอกกันไปกันมา...รู้สึกตัวอีกที...
...ก็กลายเป็นคนสำคัญของกันและกันไปแล้ว...
รู้ตัวชัดเจนจริงๆตอนที่ผมแซวมันกับเพื่อนผู้หญิงในห้องแล้วมันวิ่งตามหาผมทั่วโรงเรียน(ตอนนั้นเรียนคนละห้องกันครับ แต่ห้องของผมกับห้องไอการ์ดสนิทกัน) เพื่อมาอธิบายผมว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง...
...ผมขำหน่อยๆ มันพยายามถึงขั้นนั้น...
ตอนที่มันหายไป...ก็คิดอยู่เหมือนกัน...ว่าไอที่เข้าใจมาตลอดนี่...หรือว่าเราเข้าข้างตัวเอง
ที่ผมเข้าใจมาตลอด อาจจะไม่ได้เข้าใจตรงกันกับการ์ดก็ได้...
เคยโดนมันจูบครั้งเดียว...วันที่เรียนจบครับ...
ตอนแรกมันนั่งนิ่งปล่อยให้ผมพูดคนเดียว ผมนี่ร้องไห้ไปละ...พอจะเห็นลางๆแล้วล่ะ ว่าไอการ์ดคงไม่ต่อที่เดิม...
พอผมลุกขึ้นจะกลับหอ...มันดึงผมไปจูบทันทีเลย 55555
ตอนนั้นเองที่ผมเห็นว่ามันร้องไห้...
‘เหงื่อออกเฉยๆ’ มันว่างั้น โว๊ะ!ไอขี้เก็ก!!!
ตกใจนะครับ...แต่อาลัยมากกว่า...
รู้ว่าที่ที่มันจะไปเรียน มันคงจะกลับมาหา ออกมาเจอกันไม่ได้ง่ายๆอีกต่อไปแล้ว...
จะไม่ได้ยินเสียงทุกวันเหมือนเคย...
ไม่มีคนมาปลุกตอนเช้า...
ไม่มีคนมาแซวเล่นตอนกินข้าวกลางวัน...
ไม่มีคนมาแกล้งช่วงพักหรือหลังเลิกเรียน...
ไม่มีคนมายืนรอตอนซักผ้าคนเดียว...
ไม่มีคนมาไล่ให้นอนตอนดึก...
ไม่มีคนมาช่วยถือกระเป๋าตอนเดินกลับหอ...
ไม่มีคนคอยปกป้องเวลามีรุ่นพี่มาพูดจีบ...
ไม่มีการ์ด...
ศาลากลางน้ำที่หน้าโรงเรียน...เหมือนเป็นสถานที่ที่เอาไว้ทรมานใจผม เก้าอี้ที่ผมนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆมัน...
ผมเกลียดทุกครั้งที่มีคนพูดชื่อมัน...ผมอยากจะร้องไห้
บางครั้งภาพของการ์ดในหัวของผมเริ่มเลือนลางหายไปทุกทีๆ
เสียงของการ์ดที่ผมเคยจำได้แม่นเริ่มเบาลงทุกๆครั้งในความทรงจำ...
เหมือนการ์ดเริ่มจะหายไปจากชีวิตผมทุกทีๆ
บางครั้งผมดีใจที่มันเป็นแบบนั้น...
แต่หลายๆครั้ง...ผมกลัวว่ามันจะเป็นแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ
ผมมองการ์ดที่ตอนนี้กลับมาหลับเหมือนปกติ...ช่วงที่มันหายไป มันต้องเจออะไรมาบ้างนะ...
...ผมไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว...
ผมลุกจากเตียง...เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง โกยเสื้อผ้าของตัวเองและการ์ดทั้งหมดออกมา
ผมไม่อยากเปิดไฟ...มันอาจจะทำให้การ์ดตื่น...
ผมวางเสื้อผ้าและกระเป๋าของพวกเราไว้ข้างๆประตูระเบียง แล้วนั่งลงพับผ้าทีละตัว...ท่ามกลางแสงจากดวงจันทร์
“...ทำอะไรอยู่...” การ์ดถามผม
“เสียงดังเหรอ...ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจทำให้ตื่น” ผมพูด หางตาเห็นการ์ดเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ
“เปล่า...ไม่ได้เสียงดัง แต่คลำไปแล้วไม่เจอ...ทำอะไร?” การ์ดถามผมอีกครั้ง
“เก็บของ” ผมพึมพำ “จะไปกรุงเทพพรุ่งนี้เช้าแล้วนี่”
ผมไม่รู้การ์ดทำหน้ายังไงหรือรู้สึกยังไง...
...ผมเห็นแค่ว่า มันนั่งลงข้างๆแล้วเริ่มหยิบผ้าที่ผมพับไว้ค่อยๆใส่ลงกระเป๋า...
ผมไม่รู้ว่าการไปกรุงเทพครั้งนี้พวกเราจะเจออะไร...
...แต่ผมจะมีการ์ดอยู่ข้างๆเสมอ...
...ใช่มั้ย...
วันนี้เป็นวันที่แปลกประหลาดวันนึงครับ...
ตั้งแต่พวกผมออกจากห้องนอนมาในตอนเช้า เพื่อนทุกคนก็ส่งสายตาเห็นอกเห็นใจมาให้ผมกับเม่นเป็นพิเศษ...โดยเฉพาะไอบาส ที่ทำท่าเช็ดน้ำตาทุกทีที่มองหน้าพวกผม...
“ตีนมึงถึงมั้ยการ์ด ของกูถึงนะ เดี๋ยวกูยันให้!” ไอมีนพูด สีหน้าดูพร้อมส่งของให้บาสเต็มที่
“ไม่เป็นไร กูฝากไผ่เอาคืนแทนพวกกูหลังพวกกูไปแล้ว หึๆ ทบต้นทบดอกเลยนะบาส” ผมว่าขำๆ สบายใจนิดหน่อยที่เห็นมีนกับเม่นหัวเราะไปด้วย...
เมื่อเช้าวิชมาเล่าให้ผมฟัง...ว่าเมื่อคืนมีนร้องไห้เกือบทั้งคืน...
‘มีนสงสารพวกมึง’ ไอวิชว่าก่อนถอนหายใจยาวโดยไม่หันมามองผม ‘มีนบอกว่า ก่อนหน้านี้โกรธมึงไปเพราะไม่รู้เหตุผล...เม่นเสียใจก็ยังด่ามึงได้ ตอนนี้พอรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ถ้าเม่นต้องเสียใจอีกก็ไม่รู้จะเป็นยังไง เพราะถ้าเม่นเสียใจ มึงก็คงไม่ต่างกัน’
‘เมียมึงคิดมาก’ ผมยิ้มให้วิช ตบบ่ามันเบาๆ ‘กูบอกแล้วว่าถ้ากูไม่พร้อม กูไม่โผล่หน้ามาให้เม่นเห็นหรอก’
‘ไอที่มึงพร้อมนี่แหละ ที่ทำให้พวกกูกลัว’ วิชพูดสวนกลับมา ผมมองวิชที่มองมาทางผมนิ่ง ‘ใช่ว่ากูจะไม่รู้จักพ่อแม่มึงนะการ์ด...คุณลุงโมโหร้ายขนาดไหนกูก็พอรู้ คุณป้าเองก็ทิฐิสูงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วลูกของคุณป้าอารีย์ล่ะเอาไง วันนั้นกูกับพ่อไปเจอคุณป้าที่ร้านอาหาร...เจอพร้อมๆกับคุณป้าอารีย์นั่นแหละ ท่านคุยซะยกใหญ่ ว่าจะจับพวกมึงหมั้นกันเร็วๆนี้’
‘...ถึงต้องรีบนี่ไง...’ ผมพึมพำ ‘ว่าแต่มึงเหอะ กลับกันวันไหน?’
‘พวกกูคงไปช่วยกันย้ายของมีนเม่นกับบาสออกจากหอในก่อนว่ะ เห็นว่าพวกนั้นจะไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน’ วิชพูด ก่อนจะทำท่านึกอะไรบางอย่าง ‘เออ...แล้วก็ พวกกูคุยกันแล้วว่าจะไปอยู่ที่บ้านตายายพวกมีนก่อนซักอาทิตย์ว่ะ เพราะว่าถ้ามึงเสร็จธุระแล้วก็ต้องเข้าไปที่จปร.ทันทีเลยใช่ป่ะ พวกกูว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเม่นก่อนว่ะ’
ผมได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มให้วิช...บุญอีกอย่างของผมครับ...ผมได้เพื่อนที่ดีจริงๆ...
ไม่รู้เสร็จเรื่องคราวนี้ ผมต้องไปกราบใครบ้าง...
ผมมองขอบตาของมีนที่ดูบวมหน่อยๆ...ร้องจริงๆด้วยแฮะ...
“มองขนาดนั้น ไม่กินไปเลยล่ะ” ...ให้ทายครับว่าโดนใครนก หึๆ
“...หึงรึไง” ผมถามกลับ เห็นคนตรงหน้าทำหน้าบึ้งหน่อยๆก่อนสวนกลับมา
“กูหวงแฝดผู้พี่กูเหอะ ...เดี๋ยวกูจะไปฟ้องวิชว่ามึงแทะโลมแฟนมันด้วยสายตา” เอาเข้าไปไอแหนม กูแค่มอง บอกว่ากูแทะโลมไอมีน!
“โอยแหนม...แค่มองมึงคนเดียวกูก็หมดเวลาไปเกือบจะทั้งชีวิตละ จะให้กูไปมองใครอีกวะ” ผมพูดลอยๆ เลยได้ของตอบแทนเป็นแรงตบจากแหนมไปเต็มหลังเลยครับ...= =
“ไม่ต้องกงต้องกินมันละไอขนมทงขนมไทยเนี่ยไอสลัดผัก...แค่นี้พวกกูก็จะเบาหวานแดกตายล่ะไอห่าน แต่ละคู่!” ไอป้อพูดขึ้นมาทำเอาพวกผมหัวเราะไปพร้อมๆกัน
คือ...ช่วงนี้ป้อน่าสงสารจริงๆครับ มันเพิ่งอกหักจากสาวคณะเดียวกันมา(อ่ะแน่ล่ะ ใฝ่สูงจีบดาวก็งี้) นอกจากจะต้องมาเห็นผมหยอดเม่นแล้ว เมื่อวานซืนมันดันเป็นผู้โชคดีเพียงหนึ่งเดียวที่ไปเห็นไอวิชจูบไอมีนอยู่ในครัวตอนดึก(ได้ความมาว่าไอคู่นี้ลงไปหาน้ำกินแล้วไอวิชมันนึกครึ้มอยากจูบเมียขึ้นมา ส่วนไอป้อนี้ก็ดันไปหิวน้ำตรงกับคู่บ้าพอดี โป๊ะเช๊ะ!) แต่ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจไอป้อไปอีกนานคือ เมื่อวานครับ...รู้สึกว่าไอป้อดันไปเห็นตอนที่ไผ่กำลังง้อไอบาสอยู่พอดี(ซึ่งผมไม่รู้หรอกนะว่ามันโกรธหรืองอนอะไรกัน) ไอป้อบอกกับพวกผมว่า...
‘จำไปจนตายเลยมึงเอ๊ยยยย!!! น่าขนลุกชิบหาย ไอไผ่ที่ว่านิ่งๆพูดคะขากูว่ากูอึ้งแล้วนะ ไอเชี่ยบาสงอนเนี่ย สะพรึงใจกูไปจนตาย!’
เล่าไม่ถูกและทำให้ดูไม่ลงจริงๆครับ ท่าทางไอบาสตอนงอนที่ไอป้อเห็นน่ะ...เอาว่าเป็นหลุมดำที่พวกผมไม่คิดอยากจะเจอแล้วกัน...ตอนที่พวกเรานั่งดูป้อสาธิต ผมได้ยินไอแหนมที่นั่งข้างๆพึมพำเบาๆ
‘น่ารักจนขนลุก...’
...พวกคุณคิดว่าไง...
เรื่องที่แปลกอีกเรื่อง...ผมโดนเม่นลากมาซื้อของฝาก ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แทบจะไม่อยากออกไปไหนกับผมสองคนด้วยซ้ำ...
มันแปลกใจน่ะครับ...ผมคิดว่าเม่นจะหมดอาลัยตายอยากหรืออะไรที่มันเลวร้ายอย่างไม่ยอมกินข้าวกินน้ำแล้วหมกตัวอยู่แต่ในห้อง เพราะไม่อยากไปกรุงเทพกับผม...
“พ่อกับแม่ของมึงอ่ะ...พวกท่านชอบทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า” เม่นถามผมตอนเราเดินในตลาด ตายังคงมองมือถือตัวเองอยู่
“ไม่รู้ดิ ของอร่อยๆมั้ง...รู้สึกว่าพ่อชอบกินชา แม่ชอบกินน้ำพริกหนุ่ม” ผมตอบพลางโอบเม่นเข้ามาใกล้ๆเพื่อหลบคนที่เดินสวนทางมา...เวลามันอ่านหนังสือหรืออะไรจะเป็นแบบนี้ประจำครับ...ไม่มองทงมองทางเลย!
“แปปนะ...หาร้านที่เขาว่าอร่อยที่สุดในเชียงรายก่อน...” เม่นตอบ...อ้อ นี่ที่อ่านอยู่คือหาข้อมูลซื้อของฝากไปให้พ่อแม่ผม?! ติดแค่ว่าที่นี่เป็นข้างนอกบ้านครับ ติดแค่เป็นข้างนอกจริงๆ!!!!! น่ารักไปไหนวะแหนม!!!!!!!!!
ผมมองคนตรงหน้าที่พอหาข้อมูลได้ก็พาผมเดินวนรอบหาร้านที่ต้องการอย่างกระตือรือร้นจนบางทีผมก็หัวเราะออกมา...พ่อแม่ผมแท้ๆ ทำไมผมไม่กระตือรือร้นเท่าคนตรงหน้าบ้างนะ...
“ก็ซื้อไปสามชุดเลยก็ได้...อีกสองชุดก็เอาไปให้พ่อแม่ของมึงกับพ่อแม่มีน” ผมพูดยิ้มๆหลังจากยืนมองไอแหนมลังเลใจมาซักพัก
“แต่กลัวเงินไม่พอ” เม่นพูด “อยากซื้อไปให้ทั้งสามบ้านเลยอ่ะ”
“ก็เอาเงินกูด้วยดิ” ผมบอก “ซื้อไปให้พ่อแม่พวกเรานี่ ก็ช่วยกันออกก็ได้ไม่เห็นเป็นไร”
“โอเคคคคค งั้นเอาสามชุดเลยครับป้า” พูดเสร็จก็หันมาชูของโชว์ผม ผมหยิบถุงจากมือคนตรงหน้ามาถือ
“เออ...ไหนๆก็ไหนๆ ซื้อไส้อั่วเพิ่มอีกซักสามชุดได้มั้ย?” ผมถามแบบไม่ต้องการคำตอบเท่าไหร่ “ก่อนกลับไปบ้านต้องไปแวะหาคนๆหนึ่งก่อนน่ะ...บ้านนั้นเขาชอบไส้อั่ว”
เรื่องแปลกเรื่องสุดท้าย...
...เม่นเรียกผมเข้าห้อง...
“นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ตื่นตีสามนะ” เม่นว่า ผมพยักหน้าหน่อยๆ
“กูไปก่อนนะ” ผมหันไปบอกพวกเพื่อน
“เออๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพวกกูจะตื่นมาส่ง...อะไรวะ มีมาเรียกไปนอนด้วย” ไอเจหยอก
“กูกลัวมันจะไปหลับกลางทางแล้วกูจะตายเอาเนี่ย = = “ โหยแหนม ตอบไม่รักษาหัวจิตหัวใจกูเลย
ผมเดินตามเม่นกลับมาที่ห้องนอน...วันนี้นอกจากจะลากผมไปซื้อของฝาก ใช้ให้ผมอาบน้ำตั้งแต่เย็น ไปเรียกผมเข้านอน นั่งจัดกระเป๋าตอนตีสาม...
...ที่น่าแปลกอีกอย่างคือ...ผมเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศของพวกเราที่มันเคยหายไป...ตอนนี้มันเริ่มกลับมา...
มือที่ของเม่นที่ชอบวางบนเข่าผมเวลาที่เรานั่งข้างกัน...
เม่นชอบตีหลังแรงๆตอนที่โดนหยอกให้เขิน...
ผมไม่ได้เห็นท่าโชว์ของที่ซื้อจากคนตรงหน้านานแค่ไหนแล้วนะ...
เวลาที่ฟังเรื่องอะไรอยู่แล้วเม่นนึกอะไรได้...เม่นจะชอบพึมพำให้ได้ยินกันแค่สองคน...
มันอาจเป็นพฤติกรรมที่เม่นทำกับทุกคน...แต่ผมคิดถึงมัน...
ผมชอบเม่น...เพราะสิ่งที่เม่นเป็น ทำให้ผมชอบ
ผมไม่ได้ชอบเม่นเพราะเม่นเป็นผู้ชาย...ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย
ผมตกหลุมรัก...ผู้ชายตัวเล็กน่าหวาน ที่แกล้งเป่าลมเข้าหูผม...
ผมตกหลุมรัก...ผู้ชายดัวเล็กน่าหวาน ที่แซวผมกับเพื่อนผู้หญิงในห้องด้วยใบหน้าที่น่ารักกว่าผู้หญิงคนไหนๆ และดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ทุกๆวันที่ผมฝึก...กำลังใจของผมคือภาพเม่น...
ผมจำเม่นได้ทุกรายละเอียด...
ผมกลัวทุกครั้งที่มีคนพูดชื่อเม่น...ผมจุกอยู่ในอก
ทุกๆวัน ภาพเม่นในหัวผมยิ่งชัดเจนมากขึ้นทุกทีๆ
เสียงของเม่นที่เคยเรียกผม ดังขึ้นทุกๆครั้งในความทรงจำ...
เหมือนเม่นจะมายืนอยู่หน้าผม...
บางครั้งผมดีใจที่มันเป็นแบบนั้น...
แต่หลายๆครั้ง...ผมกลัวว่ามันจะเป็นแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ
ผมมองด้านหลังของคนที่นอนข้างๆ ท่ามกลางความมืด
“กูฝันว่าโดนพ่อตี...โดนพ่อใช้ร่มตี กูเห็นแม่ร้องไห้ด้วย...” ผมพูดเบาๆ “ฝันว่าเห็นมึงชี้หน้าด่ากูว่ากูเลว”
ท่ามกลางความมืดที่พอจะมองเห็นได้ ผมเห็นเม่นพลิกตัวหันเข้าหาผม...
“กูเริ่มฝัน...ตั้งแต่มาเชียงใหม่” ผมพูดต่อ “ไม่รู้ว่ากลัวหรืออะไร...”
“...กลัวอะไร” เสียงเม่นถาม
“กลัวพ่อมั้ง...หึๆ กลัวทุกอย่างที่ฝันเลยว่ะ” ผมบอก “กลัวมึงด่ากลัวแม่ร้องไห้...”
“...การ์ด...” เม่นเรียกผม ผมรู้สึกได้ว่ามืออุ่นๆของคนตรงหน้าเอื้อมมาจับที่แก้ม “เราหนีไม่ได้นะ...เราหนีไม่ได้แล้ว”
ผมบีบมือเม่นเบาๆ สัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าร้องไห้...ผมดึงเม่นเข้ามากอด...
เรานอนข้างกันมากี่คืนนะ...
ผมไม่เคยได้กอดเม่นเลย...
พวกเราต่างกลัวอนาคต กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น...
แต่อนาคตจะเป็นยังไงก็ตาม...สำหรับผม อดีตที่ผ่านมามันเลวร้ายที่สุดแล้ว...
“ไม่หนีหรอกเม่น...มันไม่มีอะไรจะเสียและแย่ไปมากกว่าที่ผ่านมาแล้ว...”
ผมโบกมือให้เพื่อนๆที่ออกมายืนส่งพวกเราตั้งแต่ฟ้ายังมืด...
มีนร้องไห้จนพูดไม่รู้เรื่อง...ผมจับใจความได้แค่ มันจะรออยู่ที่บ้านตายาย...
“เปลี่ยนใจไม่ไปมั้ย” การ์ดถามผม...ดูเหมือนท่าทางของมีนจะเรียกคะแนนความสงสารจากไอการ์ดไปเต็มๆ
“เปลี่ยนได้ด้วยเหรอ” ผมขำหน่อยๆ รู้อยู่แล้วว่ามันถามไปงั้น...
“...กูพูดจริงนะ” การ์ดย้ำ เรียกให้ผมหันไปมอง...เมื่อคืนใครบอกจะไม่หนีนะ...
“...ไปเหอะ” ผมพูดเบาๆ ในจังหวะที่รถเริ่มออกตัว ผมมองเพื่อนๆผ่านทางกระจกข้าง เห็นทุกคนตัวเล็กลงจนหายไป...
“วกกลับยังทันนะ” การ์ดย้ำอีกครั้ง...ผมมองออกไปยังวิวภูเขาสองข้างทาง
“ไปเหอะ...ไม่ว่าจะไปจะอยู่เราก็อยู่ด้วยกันอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ ถ้างั้นก็ไปเหอะ...อย่างที่มึงว่า มันไม่มีอะไรจะเสียและแย่ไปมากกว่าที่ผ่านมาแล้วล่ะ” ผมตอบ...เห็นการ์ดยิ้มหน่อยๆ
ถ้าตอนที่ไม่มีการ์ดคือช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด ต่อจากนี้ผมจะเจออะไรผมไม่รู้...แต่ตอนนี้การ์ดอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้น...สิ่งที่จะเจอต่อจากนี้...ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่สุดแน่นอน...
************************************************
เหอๆๆๆ มันเริ่มแล้วค่ะขุ่นแม่!!!!ตอนนี้คือสงสารป้อ 555555
มันเริ่มจะดราม่าแล้ว...สอบเสร็จละจ้าาา
อ่านตอนนี้ ขอให้ฟังเพลงประกอบด้วยนะคะ เพราะมันจะเพิ่มฟีลลิ่งมากกก
ยังไงก็ เม้นกันหน่อยเด้อ ขอกำลังใจให้คู่นี้หน่อย =w=
รักคนอ่านนะจ้ะ>3<
ความคิดเห็น