ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮาฟ กับ 12 ชิ้นส่วนแห่งพระเจ้า

    ลำดับตอนที่ #42 : ข้อเสนอระหว่างสองสาว

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 65


    เหล่าทหารที่ได้รบที่เมืองเนฮาเลมถูกเคลื่อนย้ายกลับมาที่พระราชวัง 

    "ยินดีต้อนรับ เหล่าอัศวินผู้กล้าหาญ เพื่อไม่ให้เสียเวลาข้าจะอธิบายแผนการรบเลยก็แล้วกัน"

    องค์ราชาดรักม่าที่นั่งอยู่บนพระที่นั่งกล่าวทักทาย เหล่าอัศวินต่างคุกเข่าคำนับ 

    "จุดที่ทั้งสองกองทัพจะปะทะกันนั้นก็คือที่ราบสูงด้านนอกเมืองหลวง เราจะทุ่มกำลังรบทั้งหมดที่มีตั้งรับที่จุดนั้น"

    ชายหนุ่มที่ได้ฟังแบบนั้นได้ขมวดคิ้ว

    "กระหม่อมขออนุญาติออกความเห็นขอครับ"

    ฮาฟยกมือขึ้น...

    "ว่ามา"

    "การกระทำแบบนั้นมีผลดียังไงเหรอขอรับ" 

    "อืม ถามได้ดี จะได้ถือเป็นโอกาศอธิบายแผนการรบไปเลยก็แล้วกัน... ณ ตอนนี้เรียกได้ว่ากำลังรบของศัตรูนั้นมีน้อยกว่าที่คาด หรือก็คือนี่อาจจะยังไม่ใช่กำลังรบทั้งหมดที่ฝั่งศัตรูมี..อาจจะเป็นเพราะปัญหาการเคลื่อนย้ายกำลังพลข้ามทวีป ก็เลยสามารถพามาได้เท่านี้ ศัตรูคงจะชะล่าใจเพราะคิดว่าฝั่งมนุษย์ของเราคงไม่ได้เตรียมการรับมือการบุกสายฟ้าแลบแบบนี้แน่นอน นี่ก็เป็นอีกผลงานของเจ้า ฮาฟ ข้าขอขอบคุณ"

    ฮาฟก้มตัวรับคำขอบคุณ

    "แต่ว่า เวลาเตรียมการเท่านี้มันไม่เพียงพอ โชคยังดีที่ศัตรูใช้วิธีบุกแบบหว่านร่างแหใช้กำลังรบน้อยแต่ทำลายศัตรูได้เป็นวงกว้างและรวดเร็ว หากว่าศัตรูใช้วิธีเทกองกำลังทั้งหมดลงมาที่เมืองเนฮาเลมล่ะก็ เวลาเตรียมการคงลดลงมากกว่านี้ เอาล่ะ จากการที่เรือขนส่งสินค้าที่ศัตรูใช้ในการเคลื่อนย้ายกำลังพลนั้นยังคงมุ่งหน้ามาที่ เมืองหลวงแซงชัวรี่ แห่งนี้ ข้าคาดว่าก่อนหน้าที่จะเดินทางมาถึงเรา ขบวนเรือขนส่งสินค้านั้นจะกระจายออกเป็นวงกลมปิดล้อมเมืองหลวงเอาไว้ ก่อนจะถึงตอนนั้นยังมีเวลาเหลืออีก1วันกับอีก6ชั่วโมง เราจะใช้จุดที่ขบวนเรือขนส่งสินค้าจะแปรขบวนนั้นแหละเป็นจุดตัดสิน พวกเราจะทำลายเรือขนส่งสินค้าทั้งหมดลงที่ตรงนั้นซะ เป็นการตัดการเดินทัพของศัตรูทั้งหมดไปในตัวด้วย และเพื่อไม่ให้เรือขนส่งสินค้านั้นกลับไปรับกองทหารที่ยังเหลืออยู่มาบุกโจมตีเราอีก แผนการก็มีเท่านี้แหละ ตรงจุดที่คาดการว่าจะมีการแปรรูปขบวนนั้นมีชื่อว่าที่ราบสูง-ดิมิเทอร์- พื้นที่100ตารางกิโลเมตรนั้นจะเป็นจุดตัดสินพวกเราจะเทกำลังรบทั้งหมดเข้าปะทะกับศัตรูที่ตรงนี้ จงต่อสู้และได้รับชัยชนะกลับมาซะเหล่าทหาร และตัวข้าเองก็จะไปรบด้วยเช่นกัน.."

    เหล่าทหารเบิกตาขึ้น เสียงงึมงำดังขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่องค์ราชาพูดแบบนั้น แต่ฮาฟที่ยังไม่หมดคำถามก็ยังคงยกมือถามคำถามองค์ราชาดรักม่าต่อ

    "ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะขอรับองค์ราชา แต่ว่าจะทำยังไงถึงจะทำลายเรือขนส่งสินค้าลำใหญ่ขนาดนั้นทั้งหมดได้กัน เรือนั่นเสริมด้วยแร่คานาชด้วยนะขอรับ ปืนใหญ่ที่มีก็สร้างความเสียหายแทบไม่ได้เลย จะมีวิธีทำลายมันทั้งหมดได้ยังไงกัน.."

    องค์ราชาหลับตาและยิ้มออกมา 

    "จงเชื่อและศรัทธาในพระเจ้าของเราไว้เถอะ  เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว.. เอาล่ะ!!!มีเรื่องที่ต้องแจ้งแต่เพียงเท่านี้!!!! มีเวลาเหลืออีกเกือบ2วัน จงพักผ่อนให้เต็มที่เสีย ข้ายังต้องพึ่งพลังของพวกเจ้า!!!!!!"

    สิ้นเสียงประกาศนั้น องค์ราชาดรักม่าก็ยืนขึ้นและเดินหายไปทางด้านหลังพระที่นั่ง เหล่าทหารแยกย้ายกันไปพักผ่อนในช่วงเวลาที่เหลือ 

    ฮาฟและอนนะ เดินคู่กันตรงไปที่ห้องพักของตน หวังจะรีบตรงไปที่ห้องและพักผ่อน ทว่าระหว่างทางที่ร่างของคนคนนึงยืนรอทั้งคู่อยู่ 

    เส้นผมสีทองที่ส่องประกายระยิบระยับเมื่อต้องแสง นัยย์ตาสีท้องฟ้าดังผืนฟ้าในช่วงกลางวันอันสดใส .. องค์หญิงแคทซิโอเปีย

    (อ่า...คุณ อนนะ ครับ ช่วยหยุดส่งรังสีแปลกๆใส่องค์หญิงจะได้ไหมครับบบ วันนี้ขอสงบศึกกันสักวันเถ้อะะ)

    ฮาฟได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ

    ทั้งคู่หยุดเดิน แต่มีแค่ฮาฟที่ทำความเคารพ องค์หญิงเดินเข้ามาด้วยท่าทางปกติ 

    "พรุ่งนี้นายก็จะไปรบที่แนวหน้าอีกแล้วใช่ไหม.."

    น้ำเสียงนิ่งเรียบขององค์หญิงเอ่ยถามฮาฟขึ้นมา

    "อ่าา..ก็คงจะเป็นอย่างนั้นขอรับ"

    "เธอก็จะไปด้วยกันใช่ไหมล่ะ ชื่อว่า อนนะ สินะ"

    หญิงสาวผมสีขาวพยักหน้าตอบ

    "ถ้าหากเจ้าจะตัดสินใจแบบนั้น มันก็เป็นเรื่องของเจ้า..แต่ว่า ข้าอยากให้เจ้าอยู่ที่หน่วยสนับสนุนที่พระราชวังนี้ดีกว่า"

    อนนะที่ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา 

    "ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกองค์หญิง ข้ากับฮาฟน่ะสัญญากันไว้แล้วว่าจะต่อสู้ร่วมกันและจะข้ามผ่านสงครามนี้ ข้าน่ะ.."

    "แล้วถ้าเจ้าเกิดตายขึ้นมาล่ะ...หากว่าพวกเจ้ารอดกลับมาแค่คนเดียวล่ะ..คนที่ยังมีวิตอยู่จะเป็นยังไงคงรู้ดีสินะ"

    อนนะอ้ำอึ้ง..

    "ข้าแค่กังวลว่าหากฮาฟเสียเจ้าไปกลางสนามรบล่ะก็ กำลังรบที่สำคัญของมนุษย์จะสั่นคลอนน่ะสิ ให้เจ้าหมอนี่ต่อสู้ได้อย่างเต็มที่จะไม่ดีกว่าเหรอ"

    "อืม..."  ทั้งฮาฟและอนนะมองหน้ากัน

    "งั้นจะขอฝากผู้หญิงคนนี้ไว้กับท่านได้หรือเปล่า องค์หญิง.."

    "แต่ว่า!!..."

    ฮาฟที่ตัดสินใจออกไปแบบนั้น ทำให้อนนะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ว่าก็ต้องยอมรับความจริง...ในสนามรบที่ศัตรูมีพลังของแร่คานาช พลังของอนนะ แทบจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถึงจะเจ็บใจแต่เธอก็กัดริมฝีปากจนเลือดซิบ ไม่พูดอะไรต่อ

    "ขอบใจที่เข้าใจนะ"

    ฮาฟลูบหัวหญิงสาวสีขาวข้างๆ

    "สรุปเจ้าตกลงแล้วนะ งั้นตั้งแต่ตอนนี้ฉันจะรับฝากผู้หญิงของนายไว้เอง ขอสาบานด้วยเกียรติขององค์หญิงแห่งมวลมนุษย์เลย"

    "ผู้หญิงของฮาฟ.."

    อนนะพึมพำออกมาด้วยใบหน้าเขินอาจ องค์หญิงยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์

    ฮึบ 

    "เอ๊ะ..!"

    แคทซิโอเปียกระโดดเข้ามาพร้อมกับจับตัวอนนะไว้(ประมาณกอดรอบเอวเอาไว้)

    "อื้มๆ งั้นเวลานี้ก็เป็นการดีเลยที่เจ้ากับข้าจะมาสนิทกันไว้ใช่ไหมล่ะคุณผู้หญิงสีขาว ไม่มีกฏข้อไหนบอกว่าผู้ชายต้องมีภรรยาคนเดียวนี่นา ที่หนึ่งอาจจะเป็นเจ้าก็จริง แต่ข้าก็เป็นที่สองได้นี่นา เพราะฉะนั้นเวลานี้เรามาสนิทกันไว้เถอะ คืนนี้เจ้ากับข้านอนห้องเดียวกันนะ"

    แคทซิโอเปียอยู่ๆก็เปลี่ยนฟอร์มไปเป็นเด็กสาวตัวน้อย...

    "เอ๋?????????"  อนนะที่ในหัวตอนนี้มีเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด ส่วนฮาฟตอนนี้ก็ใช้มือปิดหน้าพร้อมกับเบือนหน้าหนี 

    "ที่หนึ่งที่สองอะไรกันเล่ายัยองค์หญิงนี่..."

    "หึ ข้าไม่ยอมให้เจ้าได้อยู่ร่วมห้องเดียวกันโดยไม่มีข้าหรอกน่าาา ถ้าคืนนี้เจ้าอยากอยู่กับนางล่ะก็ ก็มาหาที่ห้องข้าซะสิ ฮ่ะๆฮ้า ข้าไปล่ะ!!!"

    ...และองค์หญิงแคทซิโอเปียก็หอบ อนนะ หนีไป

    (นี่มันเรื่องอะไรกันอีกฟ่ะเนี้ย... -_-) 

     

    .....................................................................................................................................................................................

    -ทางฝั่งดีเวียร์-

    -อาม่อน- 

    ยืนอยู่บนหัวเรือขนส่งสินค้าลำสุดท้ายของขบวนรบ

    "ที่สนามรบแรก ที่เมืองเนฮาเลม...มีกองทหารของพวกมันที่ดูมากเกินกว่าปกติ ไหนยังจะมีอาวุธที่สามารถโจมตีทะลุเกราะแร่คานาชได้อีก...พวกมันรู้ได้อย่างไรกัน...แถมยังมีเวลาจัดแนวตั้งรับอีก เป็นเพราะเจ้าหนุ่มนั่นเหรอ..มันกลับผืนแผ่นดินได้ด้วยวิธีไหนกัน..."

    ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ทหารเผ่าดีเวียร์คนนึง ก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับรายงานสถานการณ์ให้ราชาคนใหม่ของเผ่าพันธ์ได้รับทราบ

    "ขออนุญาติ รายงานสถานการณ์ครับ..การรบที่เมืองเนฮาเลมพวกเราสูญเสียทหารที่อยู่ที่นั่นทั้งหมดขอรับ.."

    อาม่อนเลิกคิ้วขึ้นมา

    "อารุคด้วยอย่างนั้นหรือ"

    "ใช่ครับ.."

    ออร่ากดดันแผ่ออกมาจากอาม่อนจนทหารคนนั้นขนลุก ก่อนจะสงบลง

    "รายงานต่อซะ"

    "ส่วนเมืองอื่นๆที่เหลือมีเพียงเมืองที่ติดกับเมืองเนฮาเลมเท่านั้นที่มีกองทหารของศัตรูอยู่ ที่เหลือ ราวกับว่าเป็นเมืองร้างเลยครับ ไม่มีทหารไม่มีผู้คนมีเพียงแค่เมืองโล่งๆให้พวกเราไปเก็ยทรัพยากรกลับมาเท่านั้น ขอรับ.."

    "..อืม..รวบรวมกำลังพลพร้อมกับยืดเวลาในการตั้งแนวตั้งรับสินะ... เมืองที่จะรวบรวมกำลังพลไว้ก็คงจะเป็นแซงชัวรี่ เมืองหลวงของพวกมัน"

    อาม่อนแสยะยิ้มออกมา

    "หึๆ ถ้างั้น จงเลิกกระจายกำลังพลสู่ภาคพื้นดินเสีย ไม่มีสิ่งใดให้ล้างสังหารแล้ว มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของศัตรูให้เต็มกำลัง!! เราจะเปลี่ยนสรวงสวรรค์ของพวกมันให้กลายเป็นทะเลแห่งการนองเลือด!! จงไปประกาศคำสั่งนี้เสีย"

    "ขอรับ!!!"

    สิ้นคำสั่ง ทหารคนนั้นก็กระโดดหายไปอย่างรวดเร็ว

    อีกด้านทางท้ายเรือลำนั้น..

    -กายาแห่งบรรพกาล- กำลังนั่งชมทิวทัศน์อย่างเลื่อนลอยอยู่ และเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้สักอย่าง ชิ้นส่วนแห่งพระเจ้านั้นได้หัวเราะออกมา

    "หึๆๆ เจ้าจะรับมือข้ายังไงกันนะ..-การรังสรรค์-..."

    ............................................................................................................................................................................................

    ภายในพระราชวัง เมืองแซงชัวรี่...

    "หายไปไหนซะแล้วเนี้ยยย!!!นี่กะจะให้ฉันไปหายัยนั่นที่ห้องจริงๆอย่างนั้นเหรอ!!! ลูกสาวท่านกลายเป็นคนแบบนั้นซะแล้วครับ!!ท่านไปอยู่ที่ไหนกันองค์ราชา!!!!"

    ฮาฟที่แหกปากอยู่คนเดียวที่โถงทางเดินนั่งคุกเข่าลงด้วยความเหนื่อยใจ 

    -ทางด้านองค์หญิงแคทซิโอเปีย- 

    ภายในห้องบรรทมขององค์หญิง 

    "สรุปแล้วพระองค์ทรงต้องการอะไรเหรอเพคะ.."

    อนนะที่ยืนอยู่ที่ปลายเตียงเอ่ยถามองค์หญิงที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง 

    "อันที่จริงสิ่งที่ข้าต้องการน่ะก็เป็นอย่างที่ได้ว่าไปนั่นแหละ ข้าต้องการเคียงข้างชายผู้นั้นเช่นเดียวกันกับเจ้า.."

    องค์หญิงกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ

    "เรื่องแบบนั้น.."

    "ใครมันจะไปยอม..ใช่ไหมล่ะ ข้ารู้อยู่แล้วล่ะ..แต่ว่าข้าควรจะทำอย่างไรล่ะ หลังจากที่พ่ายแพ้เจ้าไปในวันนั้น ข้าก็ได้ลองพยายามตัดใจแล้วนะ แต่ว่า..ทำไม่ได้ ขอโทษนะ"

    ตัวของ อนนะ นั้นไม่ได้รู้จักหรือสนิทกับองค์หญิงแคทซิโอเปียแต่อย่างใด แต่ทว่าในเรื่องที่องค์หญิงได้พูดออกมานั้น เธอกลับเข้าใจมันได้..

    "งั้น..ท่านกับข้า เรามาแข่งกันดีไหมเจ้าคะ.."

    องค์หญิงเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว..

    "คืนนี้ ท่านกับข้า เรามาแข่งกัน ว่าใครจะทำให้ฮาฟสนใจได้มากกว่ากัน..แน่นอนว่าข้าจะไม่กีดกันอะไรท่านเลย แบบนั้นเป็นยังไงบ้างเจ้าคะ..

    หากข้าเห็นว่าฮาฟมีความสนใจในตัวท่านสักนิดล่ะก็ ข้าก็จะยอมให้ท่านได้อยู่ข้างกายของเขาเอง

    อนนะยื่นข้อเสนอ ซึ่งทำให้องค์หญิงนั้นดวงตาเป็นประกาย

    "เจ้าพูดเองนะ.."

    .............................................................................................................................................................................

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×