ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮาฟ กับ 12 ชิ้นส่วนแห่งพระเจ้า

    ลำดับตอนที่ #46 : วีรบุรุษ

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 65


    ฉึก..  เสียงของดาบที่แทงลงบนพื้นเพื่อค้ำยันไม่ให้ผู้ใช้ล้มลง….

    ราชาดรักม่าที่ตอนนี้กำลังเหนื่อยล้าจากการรบ   กำลังอบพยบเหล่าทหารที่เหลือรอดให้เข้าไปในเมืองหลวง โดยที่ตนและเหล่าทหารฝีมือดีคอยคุ้มกันเอาไว้ ทัพของทางฝั่งดีเวียร์ก็รุกคืบเข้ามาใกล้ขึ้นทุกทีๆ สถานการณ์ของทางฝั่งมนุษย์นั้นเรียกได้ว่าริบหรี่---ใช่แล้ว ริบหรี่แต่ยังไม่มืดสนิท ว่ากันว่าวีรบุรุษคนเพียงคนเดียวนั้นก็สามารถเปลี่ยนกระแสสงครามได้หากว่าตัวแปรต่างๆนั้นมีมากพอ….เสียงแจ้งเตือนหนึ่งดังขึ้นที่หูฟังไร้สายของปัญญาและการรังสรรค์ -การวิเคราะห์เสร็จสิ้น ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอะตอมของแร่คานาชหรือไม่-  

    “อ่า เปิดใช้งานระเบิดเสียงสั่นพ้อง”    ปัญญาและการรังสรรค์ดีดนิ้ว  ในขณะที่กายาแห่งบรรพกาลนั้นได้แต่นิ่งค้างเพราะความงุนงงนั้น ตัวพระราชวังที่ใจกลางของเมืองหลวงแซงชัวรี่ก็ระเบิดคลื่นเสียงพิเศษออกมาเป็นวงกว้างขนาดที่ว่าส่งผลไกลถึงเมืองเนฮาเลมที่เป็นด่านหน้าสงครามเลยทีเดียว คลื่นเสียงดังกล่าวนั้นมีคุณสมบัติพิเศษมันจะสั่นสะเทือนทุกสิ่งลึกลงไปถึงระดับโมเลกุลตามสิ่งที่ได้ตั้งค่าเอาไว้ กล่าวโดยสรุปคือ ปัญญาแห่งการรังสรรค์ได้ตั้งค่่าเอาไว้ให้คลื่นเสียงนั้นทำลายเอกลักษณ์ของแร่คานาชการสั้นสะเทือนระดับโมเลกุลนั้นทำให้อะตอมของแร่คานาชผิดเพี้ยนไปทำให้สูญเสียเอกลักษณ์ในการสลายเวทย์มนต์ แม้จะเป็นเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตามแต่ในตอนนี้แร่คานาชก็ไม่ต่างจากก้อนผลึกธรรมดาๆแล้ว 

    “นี่แก..ทำบ้าอะไรไปน่ะ”  กายาแห่งบรรพกาลเอ่ยถาม..

    “ก็แค่ช่วยอะไรนิดๆหน่อยๆกับพวกมนุษย์น่ะนะ ก็ถ้าห้องทดลองชั้นพังมันก็จะเป็นปัญหาใช่ไหมล่ะ”

    เส้นเลือดปูดขึ้นที่ขมับของกายาแห่งบรรพกาลอย่างเห็นได้ชัด กายาแห่งพระเจ้าได้เพิ่มความรุนแรงในการต่อสู้ขึ้นไปอีกขั้น และการต่อสู้ของสองชิ้นส่วนพระเจ้าก็ยังคงดำเนินต่อไป---

    …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….    

           ทางฝั่งของสนามรบ เหล่านักรบของมวลมนุษย์นั้นรับรู้ได้ทันทีหลังจากการระเบิดคลื่นเสียงนั้น สนามรบทีี่มีแต่สีของเปลวเพลิงและหยาดเลือดนั้น บัดนี้ ได้ระเบิดสีสันของเวทย์มนต์ออกมา พลังเวทย์หลากหลายสีสันถูกปลดปล่อยออกมา เหล่าทหารดีเวียร์ที่หลงระเริงก่อนหน้านี้เริ่มถูกพลังเวทย์มากมายกลืนหายไป เวทย์เสริมแกร่งเพื่อทดแทนความแข็งแกร่งของร่างกาย เวทย์มนต์โจมตีของธาตุต่างๆได้ถูกงัดออกมา ทว่าแม้จะเป็นอย่างนั้น เหล่าทหารดีเวียร์ก็ใช่ว่าจะเป็นพวกขี้ขลาดเพียงแค่เห็นพลังเวทย์ สนามรบปะทุขึ้นอย่างดุเดือดอีกครั้ง 

    -ก่อนการระเบิดของคลื่นเสียงสั่นพ้องเล็กน้อย-                                                                                ราชาดรักม่าที่ยันทัพศัตรูนับร้อยเพื่อให้เหล่าทหารถอยร่นไปที่แนวหลังได้นั้น ได้หมดเรี่ยวแรง ร่างของราชานั่งคุกเข่าอยู่ไม่ไกลจากกำแพงเมืองหลวงมากนัก และร่างนั้นก็กำลังจะถูกฟาดฟันจากเหล่าศัตรูที่บุกเข้ามา ในวินาทีแห่งความตายนั้นเงาหนึ่งได้พุ่งทะยานข้ามราชาแห่งมวลมนุษย์ไป เจ้าโซอี้ไวเวิร์นแคระนั้นได้กระโจนใส่ทหารเผ่าดีเวียร์ พร้อมกับฮาฟที่ได้กระโจนลงมาด้วย  

    เสียงคมดาบปะทะกันดังขึ้นก่อนที่ทหารเผ่าดีเวียร์คนนั้นจะถูกฮาฟจัดการลงได้อย่างไม่ยากเย็น                        
    “ยังไหวไหมครับท่านองค์ราชา!!”  ฮาฟที่ได้กลับเข้ามาสู่สนามรบเอ่ยถามพร้อมกับรับมือเหล่าดีเวียร์ไปด้วย
    “อ่า ช้ากว่านี้เพียงเสี้ยวเดียวตัวข้าคงได้ไปพบกับบรรพบุรุษแล้วล่ะ”

    หลังจากนั้นระเบิดเสียงสั่นพ้องก็ถูกสั่งใช้งาน ราชาดรักม่าที่กลับมาใช้เวทย์มนต์ได้แล้วนั้นได้ฉีกยิ้มออกมา

    “ให้มันได้อย่างงี้สิ”   เวทย์เสริมแกร่งได้ถูกสั่งใช้งานทันที  เปลวเพลิงอันร้อนแรงที่มีประกายสายฟ้าแลบออกมาเป็นระยะนั้นได้ปะทุออกมา ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ทหารเผ่าดีเวียร์นับสิบที่บริเวณนั้นถูกเปลวเพลิงกลืนหายไปในพริบตา…

    “สุดยอด---”   ฮาฟนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

    “เอาล่ะ ที่ตรงนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง เจ้ามีที่ๆต้องไปอยู่ใช่ไหมล่ะ”  
              ราชาดรักม่าเหลือบมองไปที่เจ้าไวเวิร์นแคระที่มีท่าทีกระวนกระวาย

    ฮาฟพยักหน้ารับพร้อมกับกระโจนขึ้นขี่เจ้าโซอี้และทะยานขึ้นฟ้า   

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    อีกฝากของสนามรบ ทางฝั่งชิ้นส่วนของพระเจ้า 

    กายาแห่งบรรพกาลเข้าทรุดลงกับพื้นพร้อมอาการหอบหายใจเล็กน้อย---

    “ทั้งๆที่…พลังนั้นไม่ใช่ของแกแท้ๆ…การรังสรรค์” 
    กายามองไปที่ชุดเกราะของปัญญาและการรังสรรค์อย่างขุนเคือง

    “แล้วมันยังไงล่ะ ตอนนี้แกก็ไม่มีทางที่จะชนะได้แล้ว ยอมแพ้แล้วตายๆไปซะ”
    พื้นที่โดยรอบของการต่อสู้นั้นพังยับเยินแผนดินราวกับถูกชนด้วยอุกบาตหลายลูกก็ไม่ปาน…การต่อสู้นี้เหมือนจะรู้ผลแพ้ชนะกันไปแล้ว--- ด้วยกำลังและความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถเอาชนะเทคโนโลยีและการสรรสร้างของปัญญาและการรังสรรค์ได้ จากการปะทะกันตั้งแต่ตอนเช้าจนตอนนี้ตะวันไกล้จะลับฟ้า เรี่ยวแรงของกายานั้นเริ่มถดถอย เช่นเดียวกับ การรังสรรค์ที่ปล่อยพลังเวทย์ออกมาโดยไม่หยุดหย่อนเช่นกันแค่เจ้าตัวไม่แสดงอาการให้เห็นเท่านั้น….


           “หึ หากเท่านี้คิดว่าชนะข้าได้แล้วนั้นน่ะแกคิดผิดมหันต์เลยล่ะ” 
    กายาแห่งบรรพกาลยันร่างกายขึ้นมา พร้อมกับเข้าประชิดและยังคงโจมตีต่อไป นั่นทำให้ปัญญาและการรังสรรค์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย 

    “ดื้อด้าน”
    ปัญญาและการรังสรรค์กล่าวสั้นๆ ก่อนจะเปิดโล่รับการโจมตีของกายาที่ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง….

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ทางฝั่งของฮาฟที่กำลังขี่เจ้าโซอี้ ด้วยสายตาจากทั้งไวเวิร์นและมนุษย์ ทั้งสองกวาดสายตาหาหญิงสาวตัวเล็กอย่างเอาเป็นเอาตายจนผ่านไปหลายสิบนาที ในที่สุดฮาฟก็เจอเข้ากับ-สีขี้เถ้้า-ที่ปรากฏไกลๆสายตา

    “นั่นไง!!” 
    ชายหนุ่มชี้นิ้วพร้อมกับกระโดดลงจากหลังของไวเวิร์นแคระ เมื่อเข้าสู่ระยะที่สายตาพอที่จะโฟกัสได้ฮาฟก็ได้เบิกตากว้าง

    ร่างกายที่เต็มไปด้วยลูกธนู สีขี้เถ้าของเธอนั้นถูกชโลมไปด้วยสีของเลือดไปมากกว่าครึ่ง ถึงจะดูเหนื่อยล้ามากขนาดไหนแต่ร่างนั้นก็ยังคงเคลื่อนไหวฟาดฟันและต่อกรกับเหล่าทหารเผ่าดีเวียร์ที่เหลือไม่ถึงหยิบมือ…

    เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงที่เฟเลเน่ได้ยืนหยัดต่อกรกับศัตรูที่รายล้อม..ร่างกายที่ขยับได้ตอนนี้นั้นอาจจะขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณเพียงเท่านั้นก็ได้ และในขณะที่สาวน้อยนั้นได้สังหารทหารดีเวียร์คนนึงลงได้ อาม่อนที่แอบอยู่ด้านหลังและใช้จังหวะที่เฟเลเน่ไม่ทันได้สังเกตุนั้นเองฟาดฟันดาบในมือเข้าที่กลางลำตัวของสาวน้อยในแนวแทยง… 

    ฉั๊วะะ!   

    ร่างของเฟเลเนล้มลงตามแรงโน้มถ่วง 

    “ม่ายยยยยยยย!!”

    ฮาฟร้องตะโกนออกมาอย่่างสุดเสียงพร้อมกับชักดาบที่หยิบติดมาด้วยออกมา

             ตูม!

    ฮาฟพุ่งลงพื้นอย่างสุดกำลังพร้อมกับสะบั้นดาบในมือหวังจะสังหารราชาแห่งเผ่าดีเวียร์ให้ดับดิ้น ทว่าด้วยความสามารถของอาม่อน ราชาต่างเผ่าพันธ์กระโดดถอยฉากออกมาอย่างไม่ยากเย็น ทว่า ฮาฟไม่ได้มาคนเดียว เจ้าโซอี้โฉบเข้าหาอาม่อนพร้อมกับเหวี่ยงราชาต่างเผ่าพันธ์ออกไป

    “นี่!ไหวหรือเปล่า ยัยเปี๊ยก!!”   ฮาฟ รีบปรี่เข้าไปดูอาการของเฟเลเน่ทันที สาวน้อยสีขี้เถ้าค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก

    “ท่าน---อั--ศ---วิน---”
    น้ำเสียงอันแผ่วเบานั้นทำเอาฮาฟใจฟ่อ ชายหนุ่มค่อยๆประคองสาวน้อยมังกรตรงหน้าขึ้นมาอย่างเบามือ  

    “ลืมตาขึ้นมาสิ คุยกับชั้นก่อน!!”  

    “..ชั้น…เหนื่อย..นิด..หน่อย.น่ะค่ะ… อยากจะ..พัก..สักนิดนึง..”  
    ฮาฟก้มมองแอ่งเลือดที่ค่อยๆนองออกมาจากตัวของหญิงสาวตรงหน้า ชายหนุ่มกัดฟันร่ายเวทย์รักษา
    -แสงจันทร์อันอ่อนโยน- ให้กับสาวน้อยโดยที่อัดพลังเวทย์ลงไปเพื่อให้ส่งผลมากที่สุด..ทว่า บาดแผลของเธอนั้นไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย…

    “ทิ้ง…ชั้นไว้…ตรงนี้ก่อน…โซ..อี้…มัน…”  เฟเลเน่พยายามเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก  
    ฮาฟเหลียวมองไปทางเจ้าโซอี้ เจ้าไวเวิร์นแคระกำลังส่งเสียงขู่พร้อมกับตามตัวที่เกิดแผลจากคมดาบของอาม่อน

    มันเคลื่อนไหวไม่ได้อีกต่อไปแล้วจากบาดแผลทั้งหลายที่ได้รับ…ชายหนุ่มกัดริมฝีปากจนเลือดไหล 

    (จะให้ทิ้งยัยนี่ไว้สภาพนี้ได้ยังไงกัน) 

    แปะ..

    สัมผัสเบาๆที่แก้มทำให้ฮาฟหลุดออกจากห้วงความคิด เฟเลเน่ได้เอื้อมมือขึ้นมาสัมผัสที่แก้มของเขา สาวน้อยสีขี้เถ้าลืมตาขึ้นมา 

    “ทำในสิ่ง..ที่คุณควรจะทำเถอะค่ะ ยุติสงครามครั้งนี้..”
    ฮาฟกุมมือของสาวน้อยตรงหน้าเอาไว้ พร้อมกับพยักหน้า 

    “อ่า มันแน่นอนอยู่แล้ว!!”

    เฟเลเน่ยิ้มให้กับคำตอบนั้นและหลับตาลงไปอีกครั้ง  ฮาฟค่อยๆวางร่างของสาวน้อยตรงหน้าลงอย่างเบามือ 

    “อยู่ตรงนี้รอเดี๋ยวนึงนะ เดี๋ยวชั้นกลับมา”

    เฟเลเน่ลืมตาขึ้นและพยักหน้ารับ ชายหนุ่มยืนขึ้นและหยิบดาบแถวนั้นขึ้นมาพร้อมกับถีบตัวพุ่งเข้าสู่การต่อสู้อย่างเต็มแรง 

    “อาม่อนนนนน!!!!”

    “เข้ามา!!!!”

    เสียงของดาบปะทะกันดังกึกก้อง ดาบของฮาฟนั้นหล่นหายไปตั้งแต่ที่สู้กับอาม่อนครั้งแรก ในมือของชายหนุ่มตอนนี้เป็นเพียงดาบธรรมดาเท่านั้น 

    ฮาฟวาดดาบไปในแนวนอน อาม่อนก็ยกดาบของตนขึ้นรับทันควัน ฮาฟกดแรงลงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว อาม่อนหัวเราะในลำคอออกมา ก่อนจะเบี่ยงดาบของฮาฟออกไปอย่างไม่ยากเย็น

    “ข้าล่ะประหลาดใจจริงๆ ทำไมสัตว์ประหลาดอย่างเจ้าถึงไปอยู่ฝั่งมนุษย์กัน ทั้งที่ศักยภาพของเจ้ามันสูงกว่าเหล่าดีเวียร์อย่างเราเสียอีก”

    อาม่อนพูดพลางกระโดดหลบเสาเปลวเพลิงของฮาฟที่ผุดออกมาจากพื้น ฮาฟไม่รีรออะไรต่อไปทั้งนั้น ชายหนุ่มกางปีกเปลวเพลิงขึ้น พร้อมกับเรียกดาบแสงที่ล่องลอยได้อย่างอิสระออกมาด้วย
     

    “ชั้นจะอัดแกให้ยับเลยคอยดู!”

    “โห~ได้ลูกเล่นกระจอกของมนุษย์คืนมาแล้วงั้นรึ”

    ฮาฟไม่ได้พูดอะไรต่อเข้าประชิดตัวอาม่อนพร้อมฟาดฟันคมดาบทั้งสองในมืออย่างถี่รัว!! อาม่อนตั้งรับอย่างพัลวันด้วยบาดแผลที่เกิดขึ้นจากทั้งที่ต่อสู้กับฮาฟและเฟเลเน่มาเป็นเวลานาน การเคลื่อนไหวของราชาดีเวียร์นั้นทื่อลงทว่าก็ยังคงเฉียบคม และด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมมานานนั้นจังหวะที่ฮาฟฟาดดาบในมือลงมานั่นเองอาม่อนเสียจังหวะไปครู่นึง

    ดาบแสงของฮาฟที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระนั้นก็ฟันเข้าที่หลังของอาม่อนอย่างจัง ราชาต่างเผ่าพันธ์เซเสียหลัก ฮาฟที่ไม่ปล่อยจังหวะนั้นให้หลุดลอยไปใช้ดาบในมือพุ่งเสียบเข้าที่ลำตัวของอาม่อนทันที!!

    ทว่า อาม่อนที่เหมือนจะจับทางได้หมุนตัวหลบอย่างสุดชีวิตจึงพ้นคมดาบของฮาฟมาได้ ราชาต่างเผ่าพันธ์เสียหลักกลิ้งไปตามพื้น ฮาฟไม่ปล่อยให้ศัตรูพักหายใจแน่นอน ดาบแสงของฮาฟพุ่งไปทางเป้าหมายทันที อาม่อนกระชับดาบในมือแน่นออกแรงฟาดคมดาบที่ลอยได้อย่างอิสระนั้นปลิวไปพร้อมกันนั้นฮาฟก็กระโดดเข้ามาจากทางด้านบน ราชาต่างเผ่าพันธ์ุที่กำลังจะสิ้นท่าได้ชักม่ีดสั้นออกมาพร้อมกับแทงสวนออกไป 

    ฉึก!!!  

    คมดาบของทั้งสองต่างไม่พลาดเป้า ฮาฟถูกมีดสั้นนั้นแทงเข้าที่ลำตัวอย่างจัง พร้อมกันนั้นอาม่อนก็ถูกดาบในมือของฮาฟเสียบเข้ากลางอกเช่นกัน….

    ชายหนุ่มฉีกยิ้มออกมาแม้จะเจ็บปวดก็ตาม

    “ทุกชีวิตที่แกได้ช่วงชิงไป ถึงคราวแกจะต้องชดใช้มันแล้วล่ะ!!อาม่อน!!!!”

    “แค่ก…อย่าได้หวัง!!!” อาม่อนออกแรงถีบเข้าที่หน้าอกของฮาฟจนชายหนุ่มลอยกระเด็นก่อนจะค่อยๆดึงดาบของฮาฟที่ปักอยู่ตรงกลางอกออก….

    ราชาต่างเผ่าพันธ์กระชับดาบแน่นพร้อมกับเก็บมีดสั้นที่พึ่งดึงออกมาจากฮาฟ ความกดดันรอบข้างนั้นเพิ่มขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ฮาฟตั้งท่าตั้งรับ ในช่วงจังหวะที่หายใจเข้านั่นเอง พริบตานั้นอาม่อนเข้ามาประชิดตัวของฮาฟชนิดที่ว่ามองตามไม่ทัน ในหัวของชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความงุนงงและตกใจ อาม่อนทำการกวัดแกว่งดาบในมือเป็นกระบวนท่า ฟาดฟันฮาฟชนิดที่ว่าไม่ให้หยุดหายใจ ชายหนุ่มที่มีเพียงมือเปล่านั้นพยายามจะปัดป้องทว่าก็ไม่อาจทำได้ ฮาฟไม่อาจตามกระบวนท่าที่รวดเร็วซับซ้อนนี้ได้ทัน!

    ฉั๊วะะะๆๆๆ!
    หยาดเลือดสาดกระเซ็น---ฮาฟถูกคมดาบของอาม่อนฟาดฟันชนิดที่ว่าทั่วทั้งตัวจนชายหนุ่มทรุดลงกับพื้น---

    “คิดที่จะปลิดชีวิตข้างั้นเหรอ มันยังเร็วไป10ปี ไอ่หนู!!”

    อาม่อนกระชับคมดาบในมือแน่นพร้อมที่จะปลิดชีวิตของฮาฟ…


    (อีกแล้วงั้นเหรอ..แพ้…อีกแล้วงั้นเหรอ…)(ไม่เอา..)(ไม่เอาอีกแล้ว!!)

    เมื่อดาบของอาม่อนได้เหวี่ยงเข้ามาในแนวนอนหวังจะบั่นคอของชายหนุ่ม 

    ฮาฟได้หันหน้าไปทางคมดาบนั่นกะจังหวะภายในเสี้ยววินาทีและกัดลงไปอย่างสุดแรง!!! 

    กึก !!!!

    คมดาบของอาม่อนถูกฮาฟหยุดไว้ได้ด้วยฟัน! แต่จากพละกำลังของเผ่าดีเวียร์แล้วนั่นทำให้ริมฝีปากของฮาฟถูกเฉือนลึกลงไปเล็กน้อย ฮาฟรู้สึกเหมือนกับว่าฟันจะหลุดออกจากเหงือกยังไงยังงั้น ทว่านั่นก็ทำให้หยุดดาบของอาม่อนไว้ได้  และในจังหวะที่อาม่อนกำลังตกตะลึงนั่นเอง ฮาฟจับเอามีดสั้นที่เหน็บไว้ที่ด้านหลังของอาม่อนมืออีกข้างก็จับแขนของอาม่อนข้างที่จับดาบแน่น ฮาฟใช้มีดสั้นสุดคมนั้นสะบั้นลงไปที่แขนข้างที่จับดาบของอาม่อนซะขาดกระเด็น--- 

    ถึงแม้การขยับตัวจะทำได้ยากลำบากก็ตาม แต่ถ้าพลาดจังหวะนี้ก็ไม่มีทางจะจัดการอาม่อนได้อีกแล้ว ฮาฟที่คิดได้เช่นนั้น
    กระชับมีดสั้นในมือแน่น พร้อมกับแทงตรงเข้าไปที่กลางลำตัวของราชาต่างเผ่าพันธ์ุสุดแรง

    ฉึก!!!  อั๊ค….

    ใบมีดคมกริบแทงเข้ากลางลำตัวของอาม่อนซะมิดด้าม ราชาดีเวียร์ที่ยังไม่สิ้นฤทธิ์ใช้หัวแม่มือแทงเข้าไปที่ตาขวาของฮาฟสุดแรง…..

    หยาดเลือดของชายหนุ่มสาดกระเซ็นทว่านั่นก็ไม่ทำให้ฮาฟปล่อยมือออกจากมีด ชายหนุ่มใช้แรงสุดท้ายที่มี
    ก้าวข้ามความเจ็บปวดออกแรงหมุดมีดในมือจากแนวตั้งเป็นแนวนอนและลากแขนสะบั้นกลางตัวของอาม่อน
    …หยาดเลือดทะลักออกมาจากบาดแผล อาม่อนทรุดลงคุกเข่ากับพื้นไม่อาจทำอะไรได้อีกต่อไปแล้ว ฮาฟเองก็เช่นกัน

    “หึๆๆๆ…แก..เก่งมากไอ่หนู..ที่ชนะข้าได้…ทว่ามันยังไม่จบหรอกนะ..ตราบใดที่พระเจ้าของพวกเรายังอยู่…เผ่าพันธุ์แกจะต้องสูญสิ้น….หึๆๆๆ ฮ่าาาาๆๆๆๆๆ…………….”

    สิ้นเสียงหัวเราะนั้นอาม่อนก็ได้ทรุดลงไปแน่นิ่งและจะไม่เคลื่อนไหวอีกตลอดกาล…

    ฮาฟที่เสียตาขวาไปหนึ่งข้างกับสภาพที่เลือดท่วมตัวกำลังคลานไปกับพื้นอย่างยากลำบาก ที่ปลายสายตาของชายหนุ่มก็คือสาวน้อยสีขี้เถ้า….

    “ต้องรีบ..รักษา..ยัยนั่น….”

    ฮาฟที่กระเสือกกระสนจนไปถึงตัวเฟเลเน่

    “…นี่..เธอน่ะ…ยังไหว…อยู่หรือเปล่า”

    ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบรับ ทำเอาฮาฟหน้าเสีย ในหัวของชายหนุ่มกำลังคิดหาวิธีช่วยสาวน้อยตรงหน้านี้อย่างเอาเป็นเอาตายจนในที่สุดก็เหมือนจะคิดออกอยู่วิธีนึง…..ฮาฟหลับตาลงและจมดิ่งลงไปในห้วงความคิด……

    “แกพัฒนาขึ้นนะไอ่ฝันกลางวัน”  เสียงเย้ยหยั่นกล่าวทักทาย

    ชายหนุ่มลืมตาขึ้นท่ามกลางทิวทัศน์มืดมิดที่คุ้นเคย…ตรงใจกลางความมืดนั้นได้มีบานกระจกบานใหญ่ที่ภายในเป็นร่างที่คุ้นเคยกำลังถูกพันธนาการอยู่………..ฮาฟถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะค่อยๆ..ก้าวเท้าไปหากระจกบานใหญ่นั้น

     

    -----------------------------------------------------------------

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×