ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮาฟ กับ 12 ชิ้นส่วนแห่งพระเจ้า

    ลำดับตอนที่ #43 : โต้กลับ

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 65


    ชายหนุ่มผมสีดำที่ตามหาห้องบรรทมขององค์หญิงในปราสาทอันแสนกว้างใหญ่ แถมยังหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจออีก

    "..หวังว่ายัยองค์หญิงคงไม่ทำอะไรไม่เข้าท่านะ.."

    ฮาฟที่เริ่มรู้สึกเป็นห่วง อนนะ บ่นพึมพำ 

    ........................................................................................................................................................

    หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง

    สุดท้าย ฮาฟก็ถอดใจและเดินกลับห้องพักของตนเอง..ชายหนุ่มต้องการที่จะพักผ่อนเร็วๆเพื่อที่จะรับมือกับอีกศึกใหญ่ในวันพรุ่งนี้..

    ...

    พอฮาฟเปิดประตูเข้าไปในห้องพักอัศวินที่พึ่งจะเคยได้ใช้งาน...อนนะที่ดักอยู่หลังประตูก็ได้ดันหลังของชายหนุ่มให้ตรงไปที่เตียงก่อนจะผลักฮาฟลงไปนอนบนเตียงพร้อมกับแช่แข็งประตูทำให้เปิดออกไปได้อีกยากด้วย..

    "ทำอะไรของเธอเนี่ย อนนะ"  ชายหนุ่มที่เริ่มรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ บรรยากาศของอนนะเริ่มจะแปลกๆขึ้นมาบรรยากาศของเธอให้ความรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษ   ฮาฟที่พยายามเบือนสายตาหนีเลื่อนสายตาไปที่มุมห้อง..ก่อนที่ชายหนุ่มจะอ้าปากค้าง

    "องค์หญิง!!!!"  

    ใช่แล้ว องค์หญิงแคทซิโอเปียในชุดนอนที่เป็นเสื้อเดรสสีขาวบางๆ บางซะจนเผยให้เห็นชุดชั้นในสีดำลายลูกไม้ที่เธอได้สวมอยู่

    (นี่มันอะไรฟะเนี้ยๆๆๆๆๆ)

    หัวใจของชายหนุ่มเริ่มเต้นอย่างถี่รัว สตรีในชุดยูกาตะสีขาวตรงหน้าก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอ ยูกาตะที่สวมอยู่ย้วยลงมาเผยให้เห็นถึงหัวไหล่ขาวเนียนจนน่ากัดของเธอ องค์หญิงที่ยืนกล้าๆกลัวอยู่ที่ปลายเตียงจนถึงตอนนี้ก็เริ่มรุกคืบเข้ามาด้วยเช่นกัน ปลายนิ้วเรียวสวยค่อยสัมผัสลงที่ปลายเตียงก่อนที่แคทซิโอเปียจะค่อยๆคลานเข้ามาหาชายหนุ่มอย่างช้าๆ.. อุณหภูมิในร่างกายของทั้งสามกำลังเพิ่มสูงขึ้น..

    ...และก่อนที่อะไรๆจะเลยเถิดไปมากกว่านี้

    "เดี๋ยววววววว!!!!สต็อปปปปป!!!"  ฮาฟที่เริ่มจะทนไม่ไหวลุกพรวดออกจากที่นอน

    "นี่พวกเธอเล่นอะไรกันเนี้ยยยยย อธิบายมาเลยนะะะะ องค์หญิงก็ด้วย เข้ามาในห้องของผู้ชายได้ยังไงกัน!!!"

    ใบหน้าของชายหนุ่มแดงไปจนถึงใบหู

    "มันก็...เป็นเรื่องของผู้หญิงยังไงล่ะ" 

    อนนะเริ่มอธิบาย พร้อมกันค่อยๆทิ้งตัวลงบนเตียง

    "ถ้านับตามสถานะตอนนี้แล้ว ฮาฟ เจ้ากับข้าก็เป็นดังสามีภรรยากันใช่ไหมล่ะ การที่ข้ากับเจ้าจะมีความสัมพันธ์อะไรกันมันก็เป็นเรื่องปกติทิใช่หรือ.."

    สตรีสีหิมะที่ชุดยูกาตะเปิดให้เห็นเนินอกและหัวไหล่กำลังเผยมือออกในเชิงเชื้อเชิญฮาฟ

    (สามีภรรยาาา!!!...////)

    "กะ...ก็เข้าใจอยู่นะ อนนะะะ...ละ..แล้ว องค์หญิงล่ะ"

    "ก็กำลังจะเข้าเรื่องนี่แหละ...องค์หญิงน่ะก็ทรงสนใจในตัวเจ้าเรื่องนี้เจ้ารู้ใช่ไหม.."

    อนนะหรี่ตาลง ส่วนฮาฟก็พยักหน้าตอบ

    "ตัวข้าและองค์หญิงกำลังแข่งขันกัน ค่ำคืนนี้ข้าอยากจะให้ของตอบแทนแก่เจ้า..ข้าคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของคนที่จะเป็นภรรยา เพราะในพรุ่งนี้เจ้าต้องออกไปเสี่ยงอันตรายอีก..ส่วนองค์หญิงก็ทรงไม่ยอมและบอกข้าว่าจะไม่ยอมแพ้แน่นอนข้าก็เลยท้าแข่งกับองค์หญิง ว่าในค่ำคืนนี้ข้าจะปล่อยให้เธอทำตามใจได้เลยและหากว่าเจ้าเกิดมีความสนใจในตัวองค์หญิงแม้เพียงสักนิดล่ะก็..ข้าจะยินยอมให้นางได้เคียงคู่ท่านด้วยเช่นกัน..เรื่องก็มีแต่เท่านี้แหละ"

    (.............................................................)

    ใบ้กิน..คงจะเป็นคำพูดที่อธิบายท่าทางของฮาฟตอนนี้

    “ฮะ…”

    .........

    องค์หญิงที่กำลังอยู่ในท่าทางเขินอายกำลังนั่งอยู่บนเตียงข้างๆอนนะ 

    หากเป็นชายอื่นล่ะก็ คงได้กระโจนเข้าหาเธอทั้งสองไปแล้ว องค์หญิงแคทซิโอเปียที่มีร่างกายอันงดงาม ส่วนเว้าส่วนโค้งเข้ากันได้อย่างพอดีราวกับเป็นงานศิลปะชั้นเยี่ยม อนนะที่แม้ความงามจะเทียบองค์หญิงไม่ได้แต่ว่าตัวเธอก็ถือเป็นคนที่สวยในระดับหนึ่ง แถมยังดูเป็นคนรู้งาน..??ในหลายๆความหมายด้วย

    "มะ..มัวแต่ให้ผู้หญิงเค้ารออยู่ในสภาพนี้มันเสียมารยาทนะ"

    แคทซิโอเปียพูดออกไปด้วยใบหน้าแดงแจ๋

    ตัวฮาฟถึงจะพอสนใจในคำเชิญชวนของอนนะอยู่ก็เถอะ..แต่ชายหนุ่มตอนนี้เองไม่กล้าที่จะมองแคทซิโอเปียตรงๆเลยเช่นกัน ทั้งความเกรงใจต่อผู้หญิงที่ตนเองรักและความหวั่นใจกลัวที่จะลุ่มหลงไปกับความงดงามขององค์หญิงตรงหน้า อีกทั้ง...เสียงที่ดังก้องอยู่ในหัว

    อีกตัวตนของเขากำลังส่งเสียงคำรามและกระชากโซ่ดังสนั่นทำให้ฮาฟเริ่มเกิดอาการปวดหัว บางทีก็รู้สึกว่าร่างกายมันขยับไปเองด้วย

    (ปล่อยข้าออกไปนะโว้ยยยย!!!ไอ้คนไม่มีน้ำยาที่น่าอิจฉานี่!!!!ไอ้ฝันกลางวัน!!!ที่ตรงนั้นต้องเป็นที่ของข้าสิ!!!!แล้วก็อีกอย่างนึง!!มององค์หญิงคนนั้นบ่อยๆหน่อยสิโว้ยยย!!!สตรีของเจ้าน่ะข้าไม่ได้อยากเห็น!!!!!!)

    (วันนี้เป็นครั้งแรก..ที่รู้สึกว่าไอ่เจ้าของร่างตัวจริงนี่น่ารำคาญชะมัด..)  ฮาฟบ่นอยู่ในใจ

    เอายังไงดี...

    ฮาฟที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้ว..

    จะปฏิเสธแล้ววิ่งออกห้องดีไหม..จะปล่อยเลยตามเลยดีไหม..แต่กับองค์หญิงน่ะไม่ได้เด็ดขาด..แต่ถ้ารับคำเชิญของอนนะแล้วองค์หญิงข้างๆล่ะ นี่เราควรจะทำยังไงดีเนี้ยยยยยย!!!!!!

    ฮาฟถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่..ชายหนุ่มได้ตัดสินใจแล้ว

    ฮาฟเดินกลับเข้าไปที่เตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนตรงกลางระหว่างหญิงสาวทั้งสอง ก่อนจะดึงยูกาตะของอนนะขึ้นไปสวมตามเดิม ส่วนองค์หญิงก็เอาผ้าห่มข้างๆคลุมเอาไว้ สร้างความมึนงงให้กับหญิงสาวทั้งสองเล็กน้อย 

    "คืนนี้ฉันอยากแค่พักผ่อนน่ะ ขอโทษด้วยนะ ศึกใหญ่ที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ ระยะเวลาของสงครามคงกินเวลามากแน่ๆ เอาไว้ผ่านพ้นสงครามครั้งนี้ไปก่อนจะได้ไหม หากผ่านพ้นศึกนี้ไปได้ฉันจะตามใจพวกเธอเอง คืนนี้พักผ่อนซะเถอะ"

    ฮาฟดึงอนนะที่อยู่ด้านขวาเข้ามากอดพร้อมกับลูบหัวเบาๆเธอทำแก้มป่องท่าทางงอนๆอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจและขยับตัวเข้ามากอดฮาฟอย่างที่เคยตามปกติ

    "ขี้โกงง่ะะะ อย่ามาเมินข้านะ" องค์หญิงที่อยู่ทางด้านซ้ายขยับเข้ามากอดฮาฟเอาไว้เช่นกัน สัมผัสที่ต่างออกไป.. A- กับ B+ น่ะนะ

    ฮาฟได้แต่ถอนหายใจ จากนั้นก็ปล่อยวาง 

    ทั้งสามได้นอนหลับไปทั้งอย่างนั้น.....

    ..............................................................................................................................................................................

    รุ่งสางของอีกวัน

    องค์ราชาดรักม่ายืนตระหง่าอยู่บนชั้นบนสุดของพระราชวัง ทิวทัศน์เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยบ้านเมืองรายล้อมอย่างแน่นหนาพื้น ที่ไกลๆภายนอกกำแพงเมืองหลวง เหล่าอัศวินและทหารกำลังจัดทัพ มองจากที่ตรงนี้ก็ดูคล้ายฝูงมดที่จัดแถวกันเป็นระเบียบ(ฮ่า) และที่ไกลกว่านั้นที่สุดสายตา มองเห็นเหล่าเรือขนส่งสินค้าลอยฟ้าเหมือนดังฝูงนกอพยพเช่นกัน.. -ที่ราบสูงดิมิเตอร์- ในอีกไม่ช้าสงครามก็กำลังจะเริ่มแล้ว

    ฮาฟตอนนี้กำลังยืนในแถวๆนึงของเหล่าอัศวิน เหล่าทหารและอัศวินของเหล่าภาคีย์รวมทั้งสิ้น 300000 นาย เข้าแถวเรียงราบอยู่ด้านนอกกำแพงเมือง

    (อีกไม่นานแล้วสินะ..)

    ฮาฟเงยหน้ามองฝูงเรือขนส่งสินค้าที่สุดขอบสายตาพร้อมกับถอนหายใจ สองมือของชายหนุ่มยังคงสั่นไหว ชายหนุ่มหันมองไปทางเมืองหลวง ด้านหลังกำแพงนั้นคือหน่วยเสบียงและหน่วยพยาบาล ที่แคทซิโอเปียและอนนะประจำอยู่

     (จะต้องรอดกลับไปให้ได้)

    ...............................................................................................................................................................

    และแล้วกองทัพของเผ่าดีเวียร์ก็เดินทางมาถึง -อาม่อน- ผู้นำทัพของศัตรู ราชาองค์ใหม่แห่งเผ่าดีเวียร์ได้ยืนอยู่ที่เรือขนส่งสินค้าลำหน้าสุด เมื่อมองเห็นกองทัพของเหล่ามนุษย์ตั้งกองกำลังรอตั้งรับอยู่ก็ได้แสยะยิ้มออกมา..

    "ก็ว่า..ไม่ว่าจะเคลื่อนผ่านเมืองไหนหรือแม้จะข้ามผ่านเป็นประเทศก็ไม่เจอทหาร ที่แท้มารวมพลอยู่ที่ตรงนีั้นี่เอง..ตอนแรกพวกข้าหวังจะบุกมาฆ่าแบบไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ..แต่นี่จัดกองกำลังรอตั้งรับไว้ถึงขนาดนี้ ไอ้เจ้าเด็กที่ฝากรอยแผลไว้กับข้า เป็นเพราะแกสินะ..แต่มันก็แค่นั้นแหละ!!"

    อาม่อนฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาที่เป็นเหมือนดังสัตว์ร้ายสะท้อนแสงสีแดงออกมา

    "เหล่าทหาร!!!!  บุกโจมตี!!!!!!!"

    อาม่อนประกาศลั่น เหล่าเรือขนส่งสินค้าที่บรรทุกเหล่าทหารในชุดเกราะแร่คานาช แปรขบวนเป็นหน้ากระดานก่อนที่เหล่านักรบคลั่งนับแสนจะกระโจนลงมา..ห่าฝนสีดำแห่งความตายกำลังสาดเทลงมาจากฟากฟ้า ...

    ต่อหน้าเหล่าทหารเผ่ามนุษย์ที่กำลังสั่นกลัวอยู่นั้น

    องค์ราชาดรักม่าที่อยู่ด้านหน้าสุดที่กำลังควบม้าอยู่ก็เผยยิ้มออกมา 

    "เป็นไปตามแผน..สินะ"

    "เอาเลยยยยยย!!!!!!!"

    องค์ราชาดรักม่าตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง ทำเอาเหล่าทหารทั้งฝ่ายมนุษย์และฝ่ายดีเวียร์เกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะ สิ้นเสียงตะโกนนั้น..

    วูป!!!!!!

    ที่พื้นข้างใต้ของกองเรือก็ปรากฏวงกลมสีฟ้าหลายร้อยวงส่องสว่างจ้าทั่วทั้งที่ราบสูงแห่งนี้ หลังจากวงแหวนเหล่านั้นถูกเปิดใช้งาน ยานขนส่งสินค้าที่เผ่าดีเวียร์ใช้ก็ถูกดึงลงมาสู่พื้นด้วยแรงดึงดูดมหาศาล

    ตูม!!!!!

    เมื่อเรือลำใหญ่ยักษ์ได้ตกกระแทกพื้นก็เกิดระเบิดขึ้น เรือขนส่งสินค้าทุกลำถูกดึงดูดลงไปกระแทกพื้นและระเบิดจนหมด เหล่าทหารที่กระโดดลงมาเมื่อครู่ไม่ถูกเรือทับตายก็ตายเพราะแรงระเบิด แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยเลยที่รอดออกมาได้

    ปัญญาและการรังสรรค์ กำลังจ้องมองผลงานของตนเองจากบนกำแพงเมืองหลวง เสียงระเบิดของเรือขนส่งสินค้ายังดังขึ้นให้ได้ยินเป็นระยะๆ 

    "อย่าหาว่าข้าสอดมือเข้าไปยุ่งกับศึกของพวกสิ่งมีชีวิตเลยนะ..พวกแกเริ่มใช้ผลงานของข้าในการบุกโจมตีก่อนเอง นั่นน่ะคือแม่เหล็กเฉพาะที่มีแรงดึงดูดมหาศาล ที่จะดึงดูดเฉพาะโลหะพิเศษตรงห้องเครื่องของเรือเท่านั้น ถือว่าข้ายึดคืนของๆข้าคืนก็แล้วกัน.."

    ทั้งเหล่าทหารและฮาฟต่างเบิกตากว้าง พลางจ้องมองการสังหารหมู่ในครั้งนี้

    "นะ..นี่น่ะเหรอ..พลังของชิ้นส่วนแห่งพระเจ้า"

    ระหว่างที่กองกำลังของตนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น องค์ราชาดรักม่าก็ชักดาบของตนเองขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปทางกองทัพของศัตรูที่กำลังกระเสือกกระสนออกมาจากซากของเรือเหาะ

    "จังหวะนี้แหละ!!!!บุกเข้าไปเลย!!!!!!"

    องค์ราชาดรักม่าประกาศลั่น ส้นเสียงนั้น กองทัพทางฝั่งของมนุษย์ก็ได้ยกทัพบุกเข้าหากองทัพของศัตรูต่างเผ่าพันธ์ 

    การโต้กลับ ได้เริ่มขึ้นแล้ว!!!ทางฝั่งของเผ่าดีเวียร์ที่รอดตาย หลังจากกระเสือกกระสนออกมาจากซากเรือขนส่งสินค้าได้แล้วก็พุ่งเข้าใส่กองทัพของเผ่ามนุษย์ด้วยเช่นกัน 

    ฮาฟวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่  ด้วยความเร็วของเขาทำให้ชายหนุ่มได้เข้าสู่สนามรบเป็นคนแรกๆ ดาบคาตานะในมือได้ฟาดฟันเหล่าทหารต่างเผ่าพันธ์ 

    กำลังรบของทางฝั่งมนุษย์มีสามแสนนาย ส่วนทางฝั่งดีเวียร์เหลืออยู่เพียงแค่แปดหมื่นนาย หากวัดกันที่จำนวน ชัยชนะคงตกเป็นของเผ่ามนุษย์แต่ว่าทางฝั่งดีเวียร์ยังมีชุดเกราะแร่คานาชอยู่แถมยังมีข้อได้เปรียบทางกายภาพ เสียงโลหะปะทะกันดังขึ้นระงมเมื่อทั้งสองกองทัพเข้าปะทะกัน กลิ่นเลือดและเสียงกรีดร้องก็เริ่มปรากฏขึ้น

    กึ๊ง!!!  

    ภายใต้ซากเรือขนส่งสิ้นค้า มีเสียงกระแทกจนโลหะส่วนนั้นนูนปูดขึ้นมา

    ตูม!!!

    -กายาแห่งบรรพการ- ทะลวงซากเรือที่ทับตนอยู่ออกมาก่อนจะฉีกยิ้ม ชิ้นส่วนร่างกายแห่งพระเจ้าได้ยกโลหะชิ้นใหญ่ยักษ์ขึ้นก่อนจะออกแรงขว้างโลหะชิ้นนั้นมาทางกองทัพของฝั่งมนุษย์ 

    ตึง!!!!!  

    เหล่าทหารโชคร้ายที่ได้แต่เงยหน้ามองเงาสีดำที่พุ่งเข้ามาหาตน รู้ตัวอีกทีแผ่นโลหะนั้นก็สังหารทหารเผ่ามนุษย์ไปสองร้อยกว่านายแล้ว

    "การรังสรรค์!!!!!!!"

    ชิ้นส่วนกายาแห่งบรรพการคำรามลั่นสนามรบ ก่อนจะกระโดดจากจุดนั้นระยะห่างประมาณ5กิโลเมตร ส่งตัวเองมาถึงด้านบนของกำแพงเมืองหลวง แต่ก็ต้องกระแทกกับม่านพลังที่มองไม่เห็นและต้องถ่อยร่นออกไปเล็กน้อย

    "มาให้เชือดถึงที่ก็ดีเหมือนกันกายาเอ๋ย ข้าจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงค้นหาเจ้า"

    แผ่นกระดาษอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กปรากฏขึ้นรอบตัวของ-ปัญญาและการรังสรรค์- ชุดเกราะที่ดูล้ำสมัยจนเกินจินตานาการปรากฏขึ้น  ชิ้นส่วนของพระเจ้าส่วมใส่สิ่งนั้น เกราะของหุ่นรบสีเงินที่มีสิ่งที่คล้ายจรวดเป็นไอพ่นอยู่ที่ด้านหลัง เกราะม่านหลังถูกกางขึ้นรอบตัวผู้ใช้ ที่ส่วนหัวมีแว่นอิเล็กทรอนิกส์หนึ่งข้างที่คอยประมวลผลการต่อสู้อยู่ ชุดเกราะนี้มีฟังก์ชั่นนาโมแมสชีนที่สามารถสร้างอาวุธได้ทันทีอีกด้วย

    "กับไอ่โง่ที่มีแค่พลังน่ะข้าจะสั่งสอนมันเอง.."

    -ปัญญาและการรังสรรค์- สร้างประตูมิติขึ้นมาข้างหน้าตนและกระโจนเข้าไป   อีกฝากของประตูก็คือ-กายาแห่งบรรพการ- จากนั้นชิ้นส่วนแห่งเทพทั้งสองก็ได้หายเข้าไปในประตูมิติอีกบานนึงที่-ปัญญาและการรังสรรค์-สร้างขึ้นมา อีกฝากของประตูคืออีกฝากฝั่งหนึ่งของที่ราบสูงดิมิเตอร์อยู่ห่างจากจุดที่เป็นสนามรบ20กิโลเมตร 

    -ปัญญาและการรังสรรค์-เริ่มการต่อสู้โดยการยิงลำแสงพลังงานจากปากกระบอกปืนที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาจากไอละออง ระดับความรุนแรงของกระสุนที่ยิงออกไปนั้นเทียบเท่ากับโหมดทำลายล้างของดาบเล่มที่สร้างให้กับฮาฟ!! 

    ตูมๆๆๆ!!!!!!! 

    กายาแห่งบรรพการยืนรับลำแสงเหล่านั้นอย่างไม่เกรงกลัว พื้นที่ตรงนั้นระเบิดขึ้นและส่งกลุ่มฝุ่นควันฟุ้งออกมา กายาแห่งบรรพการ โบกมือไล่กลุ่มควันเหล่านั้นออกไป ร่างกายที่สูงใหญ่นั้นแทบไม่ได้รับความเสียหาย  มีเพียงรอยไหม้เล็กๆเท่านั้น ก่อนที่ร่างใหญ่โตนั้นจะหายไปอย่างรวดเร็ว และโผล่มาที่ด้านข้างของปัญญาและการรังสรรค์พร้อมกับซัดหมัดตรงเข้ามา ร่างกายที่ไม่ควรจะเคลื่อนไหวได้ทันของปัญญาและการรังสรรค์ หันหน้ามาพร้อมกับยกโล่ป้องกันขึ้นมาป้องกันไว้ 

    ตูม!!!!  

    เกราะพลังงานภายนอกแตกกระจายในพริบตาแต่เกราะที่ได้ยกขึ้นมาป้องกันนั้นสามารถต้านทานไว้ได้ แค่พลังหมัดธรรมดา กลับทำให้พื้นดินด้านหลังของปัญญาและการรังสรรค์แตกกระจาย ก่อนที่จะถูกซ้ำปัญญาและการรังสรรค์สร้างประตูมิติและกระโดดถอยเข้าไปเพื่อเว้นระยะห่างออกมาก่อน 

    "เห๋...ของเล่นของแกน่าสนใจดีนี่นา การรังสรรค์!!! ถึงจะน่ารำคาญก็เถอะ แต่ก็น่าเสียงดายนะ นอกจากพลังของข้าน่ะ อย่างอื่นก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก"

    กายาแห่งบรรพการ ขยับตัวให้มีเสียงดังกร๊อกแกร๊ก เสมือนเมื่อครู่เป็นแค่การยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย

    "เอาล่ะ เรามาต่อกันเถอะ"....

    ปัญญาและการรังสรรค์เริ่มมีเหงื่อไหล่ออกมา (หมัดเมื่อกี้..ถ้าโดนเต็มๆคงไม่รอดแน่ๆ แต่ว่านะ)

    หึ..

    ปัญญาและการรังสรรค์แสยะยิ้มออกมา

    "นอกจากพลังของแกอย่างอื่นก็ทำอะไรแกไม่ได้สินะ ได้เลย ถ้างั้นถ้าเกิดว่าแกต้องสู้กับตัวเองจริงๆล่ะจะเป็นยังไง!!!"

    ชุดเกราะของปัญญาและการรังสรรค์เกิดการเปลี่ยนรูปแบบขึ้น เกราะที่ส่วนท่อนแขนและมือขยายใหญ่ขึ้นเพิ่มสิ่งที่เหมือนโล่ขึ้นมาหลายชิ้นรอบตัวผู้ใช้งาน พร้อมกับปลดโล่พลังงานด้านนอกออก

    กายาแห่งบรรพการแสยะยิ้ม จากนั้นทั้งสองก็กระโจนเข้าหากัน แรงปะทะระเบิดออกจากจุดศูนย์กลางเปิดวงกว้าง แรงปะทะนั้นส่งมาไกลถึงสนามรบ ฮาฟที่รับรู้ถึงอะไรบางอย่างและหันไปมองทางนั้น แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อ คมดาบเล่มหนึ่งก็ถูกฟาดลงมาใส่ชายหนุ่ม ฮาฟยกคาตานะในมือขึ้นรับไว้ได้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะถูกหน้าขาที่สวมเกราะอยู่ซัดเข้าที่กลางลำตัว จนชายหนุ่มปลิวกระเด็นไปหลายเมตร

    "อั๊ค!!"

    ร่างนั้นแสยะยิ้ม

    "ในที่สุดก็เจอแกสักที" 

    ฮาฟยันตัวลุกยืนขึ้นมา ชายหนุ่มจ้องไปทางชายผมสีแดงที่เขาจำได้ดี

    "อาม่อน.."

    องค์ราชาองค์ใหม่แห่งเผ่าดีเวียร์กระโจนเข้าใส่ฮาฟอีกครั้ง ชายหนุ่มตั้งรับตามเคยทว่าครั้งนี้ก่อนที่คมดาบจะปะทะกันอาม่อนหมุนตัวไปทางด้านหลังของฮาฟพร้อมกับฟันเข้ากลางหลังของชายหนุ่มจนเป็นแผลยาว

    ฉั๊วะ!!

    อึก!!

    "หึๆๆ ไอ้เด็กเวร แกจะต้องชดใช้ ที่ทำให้แผนการของข้าพังไม่เป็นท่าแบบนี้!!!ข้าจะเด็ดหัวที่น่ารังเกียจนั่นออกมาด้วยมือของข้าเอง!!!"

    อาม่อนกระโจนเข้าหาฮาฟอีกครั้ง เชิงดาบของราชาต่างเผ่าพันธ์นั้นเหนือขั้นกว่าที่ปะทะกันรอบที่แล้วมาก ผ่านไปไม่นานฮาฟก็อยู่ในสภาพที่มีแผลทั่วทั้งตัว 

    "หึๆดาบของเจ้าเป็นดาบที่ดีนะ แต่ดันไปอยู่กับคนอย่างเจ้า ช่างไร้ค่าช่างเสียของเสียจริง!!!!"

    อาม่อนเข้าประชิดตัวฮาฟอย่างรวดเร็วพร้อมกับสะบัดดาบขึ้นอย่างรุนแรงดาบในมือของราชาต่างเผ่าพันธ์แตกกระจายเมื่อปะทะแลกกันกับดาบคาตานะสีดำของฮาฟที่หลุดปลิวออกจากมือ อาม่อนหมุนตัวศอกกลับมาใส่ฮาฟแต่ชายหนุ่มตั้งแขนตั้งรับไว้ได้ ราชาต่างเผ่าพันธ์ชัดหมัดอีกข้างเข้ามาตรงหน้าฮาฟ ชายหนุ่มเอียงคอหลบก่อนที่อาม่อนจะชักแขนข้างที่ชกออกไปนั้นกลับมาในท่าศอกเข้าที่คิ้วของฮาฟจนชายหนุ่นเสียหลักก่อนที่ฮาฟจะถูกถีบกระเด็นอีกครั้ง

    อั๊กกก!!

    ฮาฟปลิวกระเด็นไปอีกหลายเมตร  อาม่อนรับดาบคาตานะที่หมุนคว้างกลางอากาศนั้นไว้และต้องตกใจเพราะน้ำหนักของมันจนทำดาบนั้นร่วงลงพื้นแม้จะถืออยู่ก็ตาม

    "ดาบนี่..มันอะไรกัน"

    ชายหนุ่มนัยย์ตาสีฟ้ายันตัวลุกขึ้นมาอีกครั้ง 

    "หนักดีใช่ไหมล่ะ.."  ฮาฟแสยะยิ้ม

    (ไอ้เจ้าเด็กนี่..มันมีพละกำลังขนาดไหนกันนะ หึ แต่ว่ามันก็ไม่สำคัญหรอก!!!)

    อาม่อนเหวี่ยงดาบคาตานะของฮาฟโยนใส่ชายหนุ่ม ฮาฟเอี้ยวตัวหลบได้ทว่าอาม่อนนั้นไม่ปล่อยให้ฮาฟได้ตั้งตัว องค์ราชาแห่งเผ่าดีเวียร์ประชิดตัวเข้ามาพร้อมกับกวัดแกว่งดาบในมือที่พึ่งหยิบมาจากศพของทหารแถวนั้นโจมตีอย่างถี่รัว ฮาฟถอยก้าวออกมาหนึ่งจังหวะหลบคมดาบที่ฟาดตรงลงมา  จากนั้นก็เอี้ยวตัวหลบซ้ายขวา..เหมือนว่าฮาฟจะอ่านจังหวะการเคลื่อนไหวของอาม่อนออกแล้ว

    (เอาล่ะ) ฮาฟตั้งท่าเตรียมโต้กลับ ชายหนุ่มเบี่ยงคมดาบของอาม่อนที่โจมตีเข้ามาออกไปด้านข้างก่อนจะกระแทกหมัดลงไปที่ข้อมือของอาม่อนจนดาบหลุดมือ เมื่อเสียจังหวะอาม่อนกระโดดถอยออกมาเล็กน้อยแต่ฮาฟไม่ยอมให้อีกฝั่งได้ตั้งหลักแน่ ชายหนุ่มกระโดดเข้าประชิดตัวตามไปติดๆ แต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นกับดัก อาม่อนแสยะยิ้ม ราชาต่างเผ่าพันธ์หลบการโจมตีของฮาฟได้อย่างง่ายได้จากนั้นก็ได้ชักมีดสั้นที่เหน็บอยู่ที่ด้านหลังออกมา 

    ในจังหวะที่ฮาฟกำลังซัดหมัดเข้ามานั้น อาม่อนได้ขยับตัวหลบอย่างง่ายดายจากนั้นก็ฟาดมีดสั้นในมือนั้นฟันเข้าที่กลางลำตัวของฮาฟ

    ฉั๊วะ!!!

    "อึก.."  

    เลือดของชายหนุ่มสาดกระเช็น และในจังหวะที่ฮาฟหยุดชะงัก อาม่อนก็ได้ถีบเข้าที่กลางลำตัวของชายหนุ่มจนปลิวกระเด็นเป็นรอบที่สามกลิ้งถไลไปกับพื้น…

    ....

    สถานการณ์ในสนามรบตอนนี้เรียกได้ว่าสูสี แม้ทางฝั่งของเผ่าดีเวียร์กำลังพลจะมีน้อยกว่าแต่ก็ไม่ใช่ข้อเสียเปรียบอะไร เป็นผลจากความต่างชั้นของเผ่าพันธ์และแร่คานาช หากยังเป็นแบบนี้คงใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์สงครามคงจะรู้ผล เพราะมหาสงครามครั้งแรกประชากรของโลกใบนี้จึงลดลงอย่างมากจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่สงครามระดับทวีปจะใช้กำลังรบเพียงแค่หลักแสน 

    และในอีกฝากของสนามรบ สิ่งที่สามารถทำให้มหาสงครามสิ้นสุดในชั่วพริบตาก็กำลังห้ำหั่นกันอยู่ 

    กายาแห่งบรรพกายังคงซัดหมัดใส่ปัญญาและการรังสรรค์ 

    ปัญญาและการรังสรรค์ ใช้โล่ที่ลอยอยู่รอบตัวนั้นเข้ารับการโจมตีไว้ แต่พอเข้าปะทะโล่นั้นกลับแตกสลายไปในการโจมตีเดียว...ทว่าก็สามารถหยุดไว้ได้ เกราะแขนที่เพิ่มขนาดของปัญญาและการรังสรรค์ก็ส่องสว่างขึ้นมา พร้อมกันนั้น ชิ้นส่วนแห่งพระเจ้าร่างเล็กก็ได้ซัดกำปั้นข้างนั้นเข้าเต็มๆใบหน้าของชิ้นส่วนกายา 

    ตูม!!!!  

    แรงปะทะระเบิดออกมาเป็นวงกว้าง ร่างสูงใหญ่ของกายาแห่งบรรพการ ปลิวกระเด็นไปหลายสิบเมตร 

    ชิ้นส่วนร่างกายของพระเจ้ายันตัวลุกขึ้นและสบัดหัวด้วยความมึนงง

    "เมื่อกี้มันอะไรกัน.."

    ปัญญาและการรังสรรค์ลอยเข้ามาด้วยไอพ่นของชุดเกราะก้มลงมองชิ้นส่วนกายาแห่งบรรพกาลอย่างเหยียดหยาม

    "รู้สึกยังไงบ้างล่ะ หมัดของตัวแกเองน่ะ...โล่ที่แกทำลายไปเมื่อครู่มันจะกักเก็บแรงปะทะที่ได้รับและเปลี่ยนแรงปะทะนั้นให้เป็นพลังงานส่งมาที่เกราะแขนนี่และกระแทกกลับไปยังไงล่ะ"

    (เอาล่ะ..การเคลื่อนไหวของมันก็ตรวจจับด้วยเซ็นเซอร์ ระบบค้นหาทิศทางอัตโนมัติ ป้องกันความเสียหายที่ได้รับและสะท้อนกลับใส่มันเอง เท่านี้ล่ะก็) 

    "จบแล้วสินะ กายาแห่งบรรพกาล"

    ............................................................................................................................................................................................

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×