ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮาฟ กับ 12 ชิ้นส่วนแห่งพระเจ้า

    ลำดับตอนที่ #39 : เยียวยา

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 64


    หลังจากการเดินทางเกือบสองวันเต็ม ในที่สุดฮาฟก็มองเห็นทิวน์ทัศน์หน้าผ่าสูงติดทะเลที่เรือขนส่งสินค้าลอยฟ้าค่อยๆลอยมาเทียบท่าที่ริมหน้าผาอยู่ไกลๆสายตา เมืองท่าติดทะเล-เมืองเนฮาเลม- 

    "เดี๋ยวต้องอ้อมหลบทางเรือขนส่งไปทางนั้นนะเจ้าคะ"

    เฟเล่เน่ชี้นิ้วไปที่หมู่เกาะเล็กๆที่อยู่ไกลจนแทบมองไม่เห็น ฮาฟขมวดคิ้วนิดๆ 

    "อ่า.. ขอบใจนะที่มาส่งน่ะ เธอส่งฉันตรงนี้ก็พอแล้ว"

    "เอ๋?? เดี๋ยวสิเจ้าคะ" 

    เฟเลเน่ตบเบาๆบริเวณคอของโซอี้คล้ายส่งสัญญาณให้ลดความเร็ว ไวเวิร์นแคระกระพือปีกบินอยู่กับที่อย่างรู้ความ 

    "เอาหล่ะ" 

    ฮาฟยืดตัวขึ้นพร้อมกับบิดตัวไปมา ชายหนุ่มสูดหายใจลึก

    "คงต้องแยกจากกันตรงนี้ เธอน่ะไม่มีเหตุผลที่จะต้องหลบซ่อนไปตลอดหรอกนะ เธอไม่ใช่ตัวประหลาดอะไรทั้งนั้น ยึดอกเข้าไว้ ทำในสิ่งที่อยากทำซะ อีกแค่ไม่กี่วันสงครามกำลังใกล้เข้ามาระวังตัวด้วยล่ะ ฉันต้องไปแล้ว ขอบใจที่มาส่ง"

    ขณะที่เฟเลเน่ได้แต่นั่งมึน ฮาฟก็กระโดดลงจากหลังเจ้าโซอี้ และกางปีกเปลวเพลิงบินไปสู่หน้าผาที่เทียบเรือเหาะ ในระยะทางที่ค่อยๆไกลออกไปนั้นทำให้ไม่อาจสังเกตุสีหน้าของสาวน้อยคนนั้นได้

    ..............................................................................................................................................................................................

    ชายหนุ่มที่แยกตัวมาจากเฟเลเน่ บินตรงไปที่ท่าเทียบเรือที่หน้าผาอย่างเต็มกำลัง...

    เหล่าทหารที่เห็นสิ่งผิดปกติบินเข้ามาด้วยความเร็วสูง ก็ได้นำกำลังมาดักรอตรงท่าเทียบเรือไว้ แต่ฮาฟก็ไม่ได้ใส่ใจ บินตรงเข้ามา เลี้ยวข้ามเหล่าเรือสินค้าและลงจอดท่ามกลางวงล้อมของดาบและทวนที่ชี้เข้าหาเขา 

    "ช้าก่อนทหาร!!!" อัศวินในชุดเกราะที่น่าจะเป็นผู้นำและกำลังขี่ม้าตะโกนขึ้น

    คนๆนี้ฮาฟค่อนข้างที่จะคุ้นหน้าเพราะเป็นอัศวินที่ประจำการที่ท่าเทียบเรือแห่งนี้มาโดยตลอด ทั้งคู่อาจจะเห็นกันผ่านๆตาบ้าง ในช่วงที่ฮาฟยังทำงานเป็นลูกจ้างร้านลุงเวลม่าอยู่

    "นั่นมันเจ้าเด็กขนของร้านของคุณเวลม่าไม่ใช่หรือ อืมม ชื่อฮาฟสินะ"

    "สวัสดีครับท่านอัศวิน ตอนนี้ข้าเป็นอัศวินแห่งภาคีย์อัศวิน ที่ถูกส่งไปทำภารกิจที่ทวีปแดนรกร้าง ทว่าเกิดปัญหามากมายระหว่างทำภารกิจเลยไม่สามารถเดินทางผ่านวงเวทย์เคลื่อนย้ายได้ตอนนี้ได้โปรดปล่อยให้ผมได้ไปรายงานภารกิจที่เมืองหลวงได้ไหมครับ"

    อัศวินคนนั้นทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้า 

    "ได้ งั้นมากับข้าซะ"

    ............
     

    ณ พระราชวัง เมืองหลวงแซงชัวรี่ พระที่นั่งขององค์ราชา ดรักม่า

    ฮาฟที่เดินทางมาถึงแล้ว ตรงเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าองค์ราชา 

    "อืม..กลับมาได้สินะ..ขอแสดงความเสียใจกับอาจารย์ของเจ้าด้วย สัญญาณชีพของเขานั้นขาดหายไปแล้ว..."

    อึก..  คำพูดนั้นทำให้ภายในหน้าอกของฮาฟปวดร้าวขึ้นมา

    "รายงานภารกิจซะ"

    "ครับ.. สถานการณ์สำหรับฝั่งมนุษย์แย่มากเลยครับ องค์ราชาคนเก่าของเผ่าดีเวียร์ถูกโค่นล้มบัลลังก์องค์ราชาและบุตรชายถูกสังหารไปแล้วครับ ผู้ที่ทำการก่อกบถนั้นมีชื่อว่า อาม่อน ขุนนางในพระราชวังน่ะครับ หน่ำซ้ำยังมีแผนที่จะก่อสงครามกับอีก2เผ่าพันธ์ด้วย โดยเริ่มจากทวีปผืนแผ่นดินครับ

    ระหว่างที่ทำภารกิจ อัศวินระดับ4 วันไดรฟ์ได้ซื้อเวลาให้ตัวกระผมฝ่าวงล้อมและหลบหนีมาได้ครับ แผนการณ์บุกโจมตีทวีปผืนแผ่นดินน่าจะเริ่มขึ้นในอีก 3วัน รวมเวลาเดินทางครับ"

    องค์ราชาเบิกตากว้าง...

    "บ้าน่า..เวลาเพียงแค่นั้น"

    "การโจมตีสายฟ้าแลบโดยที่อีกฝั่งได้ทันได้ตั้งตัวน่ะครับ..วงเวทย์เคลื่อนย้ายทั่วทั้งอณาจักรนั้นถูกตัดขาดจนหมด ทำให้กระผมไม่สามารถเดินทางมารายงานได้ในทันทีขอรับ ต้องขออภัยอย่างสูง..ทางฝั่งศัตรูมีการสนับสนุนจากชิ้นส่วนแห่งบรรพกาล ส่วนกายาแห่งบรรพกาลอยู่อีกด้วย ขอรับ แล้วก็สิ่งที่คาดว่าจะเป็นอาวุธลับของทางฝั่งนั้นก็คือแร่คานาส สินแร่ที่พบได้เฉพาะในแดนรกร้าง มันมีคุณสมบัติสลายเวทย์มนต์อยู่ด้วยครับ"

    "อืม..เป็นเช่นนั้นหรือ."

    องค์ราชาถอนหายใจ ก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็นสายตาที่จริงจังทันทีพร้อมกับลุกขึ้นยืน 

    "ทหาร!!!!!แจ้งข่าวกับเหล่าทหารและอัศวินแห่งภาคีย์อัศวินทั้งหมด!!! ทั้งเมืองและทวีปของเรากำลังจะถูกโจมตี เตรียมกำลังพลไปที่หัวเมืองต่างๆซะ ไม่สามารถรู้ได้ว่าศัตรูจะบุกเข้ามาทางฝั่งไหน หากหัวเมืองไหนพบเห็นสิ่งปกติ รีบแจ้งข่าวมาที่พระราชวังทันที จากการคาดการคาดว่าทัพศัตรูน่าจะบุกเข้ามาทางเมืองท่าเนฮาเลม!! อพยพผู้คนที่อยู่ที่นั่นเสียแล้วเตรียมกำลังไว้!!!  รีบประกาศข่าวนี้ให้ทั่วกัน!!!รีบไป!!!"

    สิ้นคำสั่งจากองค์ราชา ฮาฟลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับพร้อมกับเหล่าอัศวินด้านหลังที่ยืดอกรับคำสั่งก่อนที่ทั้งหมดจะหันหลังเดินที่ทางออก

    "เดี๋ยวพ่อหนุ่ม"

    ฮาฟหันหน้ากลับไปตามเสียงเรียก

    "กลับไปพักผ่อนซะ เจ้าคงเจออะไรมาเยอะ.."

    ด้วยสายตาของคนที่ผ่านอะไรมามาก องค์ราชาดรักม่า ทรงดูออก ว่าจิตใจของฮาฟตอนนี้ไม่มั่นคงสักเท่าไหร่ 

    ชายหนุ่มได้เพียงแต่ก้มหัวลงเคารพและเดินออกไป
     

    .....................................................................................................................................................


    ชายหนุ่มเดินไปด้วยอาการเหม่อลอยนิดหน่อย 

    ก่อนที่จะกลับไปที่เมืองเนฮาเลมมีที่ๆหนึ่งที่เขาต้องไปก่อน...สถานพยาบาลเล็กๆแห่งหนึ่ง ฮาฟได้เดินเข้าไปในนั้นช้าๆ

    "อ้าว นั่นฮาฟไม่ใช่เหรอ มีธุระอะไรหรือคะหรือว่าได้รับบาดเจ็บมา"

    พยาบาลค่อนข้างสูงอายุกล่าวทักทายฮาฟ

    "ครับ...พอดีมีธุระนิดหน่อยน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณเรนเดียร์อยู่หรือเปล่าครับ..."

    ...................................................................................................................................................

    ฮาฟได้แจ้งข่าวร้ายกับเรนเดียร์ในห้องพยาบาล หญิงสาวแสดงอาการช็อคพร้อมกับร้องไห้ออกมา...

    "ขอโทษ..นะครับ..แต่ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่คุณควรรู้"

    หญิงสาวผมทองพยักหน้ารับและยังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้น ฮาฟหลับตาลงหันหลังและเดินออกมา

    ..........

    หลังจากนั้นฮาฟก็ใช้เวทย์มนต์เคลื่อนย้ายกลับมาที่เมือง เนฮาเลม ก่อนที่จะมีคำสั่งอพยพ 

    (อ่า...รู้สึกเหนื่อยชะมัด..) เวลานี้เป็นเวลาประมาณบ่าย3โมง ทางเดินในตลาดช่างไร้ผู้คน เหล่าทหารที่ได้รับประกาศการเข้าสู่สภาวะสงครามเริ่มทยอยเข้ามาที่แนวหน้าผาแล้ว ประชาชนกลับเข้าที่พักของตนเองและกำลังเก็บข้าวของอพยพ ฮาฟเดินบนทางเดินช้าๆไปเรื่อยๆ 

    จนถึงจุดที่เขาคุ้นตาเป็นอย่างดี ด้านหน้าเป็นร้านของลุงเวลม่า...หญิงสาวผมสีขาวตัดกับฟ้าอ่อนลายหิมะกำลังช่วยชายสูงวัยเก็บร้านอย่างขยันขันแข็ง 

    อนนะ..

    หญิงสาวในชุดยูกาตะสีขาวเหลือบไปเห็นฮาฟที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เธอแย้มยิ้มและโบกมือมา

    อ่า.... หยดน้ำตาอยู่ๆก็ซึมออกมาจากดวงตาของฮาฟ อนนะที่สังเกตุเห็น หญิงสาวค่อยๆก้าวเข้ามาหาและโอบกอดฮาฟเอาไว้ ชายหนุ่มค่อยเลื่อนมือขึ้นมากอดเธอตอบก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นกอดเธอจนแน่น 

    "ยินดีต้อนรับกลับนะคะ ท่านอัศวิน"

    "อ่า...ชั้นกลับมาแล้ว กลับมาแล้วอนนะ..กลับมาแล้ว..."

    ชายหนุ่มฟุบหน้าลงไปบนหัวไหล่เล็กๆนั้นหญิงสาวลูบศีรษะของเขาเบาๆอย่างกับฮาฟเป็นเด็กเล็กๆ

    ความหนักอึ้งที่แบกรับเอาไว้ค่อยๆสลายหายไปในอ้อมกอดนั้น ...

    ความอบอุ่นแหละโล่งใจทั้งยังผ่อนคลายทำเอาฮาฟเกือบจะเผลอหลับ

    "อะหืม ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ เจ้าฮาฟ ไหนๆก็มาแล้วมัวแต่กอดกันอยู่ได้ มาช่วยเก็บร้านเลยมา"

    ลุงเวลม่าทักขึ้นมาทำเอาฮาฟที่กำลังซบหน้าบนไหล่นั้นเงยหน้าขึ้นมาอย่างเซ็งๆ 

    "โห..ขออีกสักนิดไม่ได้เหรอลุง"

    "ไม่ได้โว้ยข้าเห็นแล้วอิจฉา ตามมานี่เลย ฮ่าๆๆๆ"

    ทั้งคู่หัวเราะร่า

    บรรยากาศเป็นกันเองทำให้อนนะหัวเราะตาม แล้วทั้งสามก็ช่วยกันขนย้ายข้าวของจนเสร็จ..

    เวลาผ่านเลยไปจนถึงช่วงเย็น

    ลุงเวลม่ากำลังนั่งบนรถลากพร้อมกับสัมภาระ

    ขบวนของเหล่าประชาชนกำลังเคลื่อนตัวออกจากเมืองท่าเนฮาเลม สาเหตุที่ต้องใช้รถลากในการเดินทางเพราะต้องปิดการใช้งานวงเวทย์อัญเชิญทุกที่ในทวีปเพราะศัตรูอาจจะเป็นฝ่ายใช้งานวงเวทย์นั้นบุกโจมตีจากภายในได้ 

    "เธอเองก็ต้องไปกับลุงเวลด้วยนะ อนนะ"

    "ไม่เอาข้าจะอยู่กับท่าน"

    "ไม่ดื้อน่า..คำสั่งบอกให้ฉันอยู่ที่แนวหน้าเลยนะ มันอันตรายขนาดไหนเธอก็น่าจะรู้" 

    "ใช่ เพราะข้ารู้ข้าก็เลยจะเป็นโล่ให้ท่านไงล่ะ ถ้าเป็นเรื่องกาารป้องกันล่ะก็..."

    "เอาน่าถ้านางอยากจะอยู่เคียงข้างเจ้า ก็ไม่จำเป็นต้องห้ามนางหรอก"

    ลุงเวลม่าที่นั่งฟังมานานแย้งขึ้น

    "แต่ว่า..."

    "คนรักกันนะฮาฟเอ้ย หากเจ้าอยากให้นางปลอดภัยก็จงปกป้อง ทว่าหากต้องตาย ขอให้ได้ตายเคียงข้างกัน การที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายจากไปน่ะ คนที่ยังรอดอยู่ก็ต้องทนเศร้าอยู่เพียงคนเดียว อยู่เคียงข้างกันทุกเมื่อทุกเวลานั่นแหละดีแล้ว.."

    อนนะจับแขนเสื้อของฮาฟแน่น ฮาฟถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา 
     

    "ท่านให้ชีวิตข้ามานะ ให้ข้าได้ใช้มันเพื่อท่านเถอะ"

    ชายหนุ่มเลิกคัดค้านและยินยอมให้หญิงสาวอยู่ข้างกายตนแม้ว่าที่แห่งนั้นใจเป็นใจกลางสนามรบ

    ทั้งสองกล่าวลาลุงเวลม่า และขบวนเคลื่อนย้ายก็ได้ออกเดินทาง

    ...............................................................................................................................................................................

    อีกฝากฝั่งหนึ่งเหล่าทหารในชุดเกราะสีดำนับแสนก็เริ่มทยอยขึ้นเรือขนส่งสินค้ากว่าร้อยลำเช่นกัน

    "ขออภัยที่เสียมารยาท ท่านชิ้นส่งวนแห่งเทพเจ้าของข้า -สิ่งนั้น-ของท่านได้เตรียมการไปถึงขั้นไหนแล้วหรือครับ"

    อาม่อนคุกเข่าลงถามกับกายาแห่งบรรพกาล ที่ยืนมองเหล่าทหารเผ่าดีเวียร์อยู่

    "เหลือแค่ปลุกให้มันตื่นเท่านั้นเอง..แต่-สิ่งนั้น-น่ะหากการรบไม่ถึงคราวจนมุมล่ะก็ ข้าจะไม่ใช้มันหรอก..."

    สิ้นคำพูดนั้นที่ท้องทะเลที่ติดกับทวีปแดนรกร้าง บริเวณนั้นก็ได้เรืองแสงสีม่วงออกมา....

    อีก 2 วัน จะเป็นวันเริ่มต้นของมหาสงครามครั้งที่2

    .........................................................................................................................................................................                                                                                                                            

    #จะพยายาม2วันจริงๆนะครับ555



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×