ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Best Friend

    ลำดับตอนที่ #10 : My Best friend 8 : พบเจอและพลัดพราก (+ประกาศการอัพนิดหน่อยค่ะQ_Q)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 81
      0
      24 เม.ย. 56

    My Best friend 8

    พบเจอและพลัดพราก

     

    “ชักจะเริ่มเห็นแก่ตัวนิดๆซะแล้วสิ”

     

     

    “..โอย..ย”

     

    ชายหนุ่มผมฟ้าคราง ปรือตามองฝ้าเพดานเก่าๆ เมื่อดวงตาปรับสภาพได้แล้ว จากภาพที่เห็นอะไรสีฟ้ามัวๆเขาก็มองเห็นว่ามันเป็นเด็กสาวที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่ ในมือของเธอถือถังน้ำใบใหญ่ที่มีน้ำอยู่เต็ม เธอยิ้มเจื่อนๆเมื่อเห็นว่าเข้าได้สติแล้ว

     

    “อ่า..ขอโทษนะคะ นึกว่ายังไงตื่น กะจะเอาน้ำราดแล้วล่ะ..!!

     

    “เธอ...เธอต้องการอะไร!?”

     

    นิธานกระโจนเข้าหาร่างของเด็กหญิงผมน้ำเงิน มือหนาบีบลำคอของไรส์ไว้หลวมๆเหมือนเป็นคำเตือนไม่ให้เธอทำอะไรบ้าๆ เด็กสาวหัวเราะเบาๆก่อนจะตอบคำถามของเขาด้วยคำถาม

     

    “รู้สึกเจ็บหรือชาตัวอยู่ไหมคะ?”

     

    “หือ...”นิธานปล่อยมือจากคอของไรส์ก่อนจะมองมือของตัวเอง เขาลองทดสอบด้วยการกำและแบมือสองสามที นิธานพบว่าความเจ็บปวดทั้งหมดนั้นหายไปแล้ว ไรส์ชิงพูดขึ้นมาก่อนเขาจะได้ถามอะไร

     

    “ที่จริงยาขวดนี้ไม่ใช่ยาพิษหรอกค่ะ”ไรส์นำเก็บขวดแก้วเปล่าขึ้นมา “มันเป็นยาที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บได้ทุกรูปแบบ เพียงแต่ว่าผลข้างเคียงของมันคือ เมื่อกินครั้งแรกร่างกายจะต้องปรับสภาพจึงทำให้ต้องพักผ่อนสักประมาณ1-2ชั่วโมงน่ะค่ะ”

     

    “เยี่ยมไปเลยแฮะ.. แต่ถ้าเป็นยาล่ะก็บอกกันดีๆก็ได้นะ ไม่ให้ต้องเอาเครื่องช็อตไฟฟ้ามาจี้เลย...”นิธานทำหน้าแหยเมื่อคิดถึงตอนที่ไรส์เอาเครื่องช็อตไฟฟ้ามาช็อตเขา

     

    มันเจ็บใช่เล่นนะนั่น..

     

    “อ๋อ เรื่องนั้นน่ะ เดี๋ยวไปคุยพร้อมกันกับทุกคนดีกว่านะคะ เพราะทุกคนก็ตื่นกันหมดแล้ว แล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญด้วย”

     

    ไรส์ว่าก่อนจะเดินนำเขาผ่านทางเชื่อมตึกไปยังห้องเรียนที่อยู่ไม่ไกลจากหอประชุมนัก นิธานเดินตามไปอย่างงงๆ ระหว่างทางเขาพยายามจะซักถามเรื่องต่างๆแต่ไรส์ก็เอาแต่บอกให้ไปคุยพร้อมกันลูกเดียว

     

    แอ๊ด...

     

    ไรส์เปิดประตูไม้เก่าๆออกอย่างระมัดระวัง เธอให้นิธานเข้ามาก่อนแล้วปิดประตูลงกลอนพร้อมล็อคกุญแจอย่างแน่นหนา แล้วจึงลากโต๊ะมาปิดอีกที ก่อนเดินเข้ามาสมทบกับนาโน แตงโม โคน ตอง นิธานและปัญญาที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่บนพื้น

     

    “ทำไมต้องปิดตายแน่นหนาขนาดนั้นด้วย”นิธานหันไปกระซิบถามแตงโมที่นั่งข้างๆ

     

    “เพราะที่นี่ไม่ปลอดภัยน่ะสิคะ..”แตงโมตอบเบาๆ

     

    “เอาล่ะ มาว่ากันต่อ.. เรื่องของที่นี่” ไรส์นั่งลงข้างๆปัญญา แล้วหยิบสมุดสีแดงที่ซุกไว้ใต้เสื้อนอกของเครื่องแบบโรงเรียนออกมาเปิด แต่ก่อนหน้านั้นตองพูดขัดขึ้นมาก่อน

     

    “แล้วเธอได้เกมอะไร แล้วรอดมาได้ไงหรอไรส์?”

     

    “ฉันได้เกม..ไม่สิ มันไม่น่าเรียกว่าเกม สิ่งที่ฉันต้องทำคือเคาะประตูห้องน้ำแล้วเรียกผีฮานาโกะออกมา แล้วอยู่กับฮานาโกะให้ได้สามสิบนาทีน่ะ แล้วก่อนจะเข้าไปฉันก็เจอไดอารี่เล่มนี้ตกพื้นอยู่พอดี”

     

    ไรส์ชูไดอารี่แดงให้ทุกคนดู นิธานถามขัดก่อนไรส์จะเล่าต่อ

     

    “ฮานาโกะคืออะไร..?”

     

    “เป็นตำนานเมืองค่ะ ผีห้องน้ำของญี่ปุ่นฮานาโกะซัง เป็นวิญญาณเด็กหญิงในชุดกระโปรงเอี๊ยมสีแดง ตัดผมทรงกะลาครอบ จะอยู่ในห้องน้ำของตึกเรียนเก่าๆ ห้องสุดท้ายทางขวามือ นั่นคือห้องของฮานาโกะ ว่ากันว่าถ้าใครอยากเจอฮานาโกะซัง ให้เคาะประตูห้องน้ำที่ว่านั่น 3 ครั้ง แล้วเรียก ฮานาโกะซัง..มาเล่นกันเถอะหรือบางตำนานจะเป็น ฮานาโกะซัง เฉยๆก็มี หลังจากนั้นก็จะมีเสียงตอบกลับมาว่า ค่า......... แล้วประตูก็จะเปิด ฮานาโกะซังจะออกมาเล่นด้วยค่ะ”

     

    โคนอธิบายตำนานที่เธอรู้ออกมา นิธานจึงพยักหน้าเหมือนเข้าใจแล้ว

     

    “นั่นแหละ หลังจากนั้น พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอน้องปัญญานั่งตบแปะกับฮานาโกะซังอยู่ ทีแรกฮานาโกะซังก็ไล่บีบคอฉันอยู่หรอกแต่พอเอาเกมในโทรศัพท์ให้เล่นเท่านั้นแหละ.... ว่าง่ายขึ้นมาเลย..เด็กก็เป็นเด็กอยู่วันยังค่ำจริงๆแฮะ”

     

    “อืม งั้นก็มาคุยกันเรื่องที่นี่กันต่อเถอะ”เมื่อหมดข้อข้องใจ นาโนก็ส่งสัญญาณให้ไรส์พูดต่อ

     

    “ตามไดอารี่เล่มนี้น่ะ บอกไว้ว่าที่นี่คือ โลกต่างมิติ ที่จะไม่เชื่อมโยงกับความจริงหรือโลกที่เราเคยอยู่ นั่นหมายความว่าในโลกนี้ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ น่าจะเรียกได้ว่าที่นี่เป็นโลกคู่ขนานกับโลกของเรามั้ง ในนี้บอกไว้ว่าการมาอยู่ที่นี่จะทำให้จิตใจคลุ้มคลั่งอย่างช้าๆ จนกระทั่งสูญเสียตัวเองไปโดยสมบูรณ์ ซึ่งก็คือเสียสตินั่นแหละ”

     

    ไรส์เปิดดูเนื้อหาหน้าแรกๆแบบผ่านๆ

     

    “อ้อ ใช่...ที่นี่น่ะ มีสิ่งที่เรียกว่าร่างเงาด้วย เป็นคล้ายๆภูติหรือภาพลวงตา สามารถแปลงเป็นใครก็ได้ ซึ่งเมื่อร่างเงานั้นแปลงเป็นใครแล้ว จะได้รับความทรงจำของคนนั้นๆไปด้วย แต่มันจะสามารถแปลงกายได้เพียงครั้งเดียวและสามารถตายได้เช่นเดียวกับมนุษย์ มันจึงกลัวความตายเป็นที่สุด ฉันถึงต้องทดสอบพวกเธอด้วยการบอกว่าน้ำนั่นเป็นยาพิษไง

    ร่างเงาพวกนี้มีจุดประสงค์เพื่อจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง กล่าวคือพวกมันไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง มันจะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดร่างตัวจริง และพยายามออกไปจากที่นี่ ฉันคิดว่าที่พวกเธอเจอฉันน่าจะเป็นร่างเงาของฉันแหละ”

     

    “ดอปเปอร์แกงเกอร์ชัดๆ”นาโนพึมพำ

     

    ดอปเปอร์แกงเกอร์หรือดอพเพลแกงเกอร์ (ภาษาเยอรมัน: doppelgänger) เป็นความเชื่อ โดย doppel มีความหมายเดียวกับคำว่า double ในภาษาอังกฤษหรือแปลได้ว่า "ซ้ำสอง" ส่วนคำว่า gänger หมายถึง "goer" มีคำเรียกอีกอย่างว่า evil twin (แฝดปีศาจ) หรือ bilocation (การปรากฏตนในสองสถานที่) ซึ่งมีที่มาจากเรื่องเล่าขานพื้นบ้านของเยอรมั

     

    ดอปเปอร์แกงเกอร์ เป็นคำที่ใช้เรียกกรณีที่มนุษย์คนหนึ่งได้ปรากฏตัวตนเพิ่มขึ้นมาจากเดิมอีกคนหนึ่งซึ่งจะมีลักษณะภายนอกเหมือนกันทุกประการ

    ตามเรื่องราวที่เล่าขานกันมาดอปเปอร์แกงเกอร์นั้นจะไม่มีเงาของตัวเอง รวมทั้งไม่มีภาพสะท้อนบนกระจกหรือผิวน้ำ มันอาจจะให้คำแนะนำอะไรบางอย่างกับบุคคลต้นแบบของมันด้วยเจตนาร้ายซึ่งยุแยงให้เกิดความเข้าใจผิดต่าง ๆ หรืออาจจะปรากฏตัวต่อหน้าญาติมิตรเพื่อทำให้เกิดความสับสน และมันอาจจะปรากฏตัวในลักษณะที่สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ยามที่บุคคลต้นแบบของมันเจ็บไข้ได้ป่วย บางตำนานมีความเชื่อว่าหากใครเห็นดอปเปอร์แกงเกอร์ของตัวเอง จะต้องประสบภัยพิบัติ หรือต้องตายในที่สุด

     

    “คล้ายแต่ไม่เหมือนหรอก เพราะมันจะยังรู้ว่าตัวเองเป็นร่างเงาและมันไม่ได้อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง ความจริงคือมันแค่อยากออกจากที่นี่น่ะ”ไรส์ส่ายหน้า

     

    “ออกจากที่นี่? งั้นก็หมายความว่าที่นี่มีทางออกหรอ!”แตงโมถามอย่างมีความหวัง

     

    “มีความเป็นไปได้สูง..”ไรส์ว่าแล้วเปิดไดอารี่หน้าถัดไป “แต่ว่ามันมีเรื่องที่ฉันสงสัยเกี่ยวกับไดอารี่นี้อยู่”

     

    “อะไรหรอครับ”ปัญญาถามเสียงใส

     

    “เจ้าของไดอารี่แดงนี่ชื่อแอน เธอหายไปหลังจากเขียนข้อความสุท้ายในไดอารี่นี้”ไรส์เปิดไปหน้าสุดท้ายแล้วพลิกสมุดให้ทุกคนดู

     

    “หลังจากเธอเขียนว่า ฉันจะลองไปดูสักตั้ง ไดอารี่เล่มนี้ไม่มีข้อความอะไรอีกแล้ว มันหมายความว่ายังไงกันสินะ?”ตองถาม

     

    “แต่แอนอาจจะออกไปจากที่นี่ได้แล้วก็ได้นี่ นั่นเป็นเหตุผลที่ไดอารี่นี่ไม่มีคนเขียนต่อ”แตงโมออกความเห็น

     

    “ไม่หรอก.. ถ้าออกไปได้แล้ว เธอจะทิ้งไดอารี่นี่ไว้ทำไมล่ะ หมายถึง..ถ้าเธอจะไปล่ะก็ ทำไมเธอไม่เอาไดอารี่ไปด้วย หรือถ้าเธอพลาดระหว่างทาง ไดอารี่ควรจะตกอยู่ไกลกว่านี้”นิธานแย้ง

     

    “ใช่ค่ะ แอนเป็นคนฉลาดมาก เธอเขียนไว้ในนี้ถึงข้อมูลทุกอย่างที่สำคัญและเธอก็สามารถผ่านสถานการณ์เสี่ยงตายหลายครั้งมาได้ ถ้าเธอไม่แน่ใจว่าจะเป็นยังไงล่ะก็ เธอจะเขียนถึงคนที่มาเจอไดอารี่เล่มนี้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอไม่ทิ้งท้ายอะไรไว้เลย แสดงว่าเธอมั่นใจว่าจะต้องไม่เป็นไร”ไรส์พยักหน้า

     

    “แล้วก็เรื่องทางออกจากที่นี่... แอนเคยถามข้อมูลจากร่างเงาคนหนึ่ง มันบอกไว้ว่า ถึงจะพยายามแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วที่แห่งนี้ก็เป็นโลกของคนๆนั้นอยู่ดี นั่นหมายความว่ายังไงกัน หรือว่ามิตินี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดจากธรรมชาติแต่เป็นฝีมือวิญญาณหรือมนุษย์? แล้วร่างเงามันไม่สามารถออกจากที่นี่ได้รึยังไงถึงต้องพูดแบบนั้น”ไรส์เว้นจังหวะก่อนจะพูดต่อ

     

    “จริงสิ เรื่องการมาที่นี่ก็น่าสงสัย.. เพราะพวกเราเก้าคนรวมพี่นิธาน มาที่นี่ได้เพราะเล่นผีถ้วยแก้ว แต่โคน ปูนแล้วก็น้องปัญญาไม่ได้เล่น ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีในไดอารี่ซะด้วย.. เราคงต้องสืบกันเองแล้วล่ะ”

     

    “งั้นฉันว่าเราควรจะระวังตัวไว้มากๆล่ะตอนนี้..”นาโนลูบหัวแมวดำเบาๆ

     

    “ใช่.. อ้อ ที่นี่ใช้มือถือได้ด้วยนะ แอนเขียนไว้ว่าใช้โทรหาคนในนี้ได้ แต่ถ้าโทรออกไปฝั่งนั้นจะไม่ได้ยินเสียงเราน่ะ......”

     

    “เหมี้ยว!..แมวดำร้องเสียงแหลม นาโนหันไปมองประตูก่อนจะพึมพำเบาๆ

     

    “มันบอกว่า มีคนกำลังมา...”

     

    ปังๆๆๆ!!

     

    ประตูไม้ถูกทุบแรงๆติดต่อกันหลายครั้งเหมือนคนที่อยู่ข้างนอกจะรู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน ไรส์หันไปกระซิบบางอย่างกับนิธาน ชายหนุ่มผมฟ้าจึงลุกไปหยิบไม้ถูพื้นมาเตรียมตัว

     

    “สวัสดี...ขอฉันเข้าไปหน่อยสิ ทุกคนๆๆๆๆๆ”

     

    “เสียงเฟรมนี่!”แตงลุกขึ้น คิดจะวิ่งตรงไปเปิดประตู

     

    “เดี๋ยวแตงโม! เรายังไม่รู้ว่านี่เป็นร่างเงารึเปล่านะ!อีกอย่าง...เฟรมรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่..?”ไรส์ห้ามแตงโมไว้ไม่ให้เธอทำอะไรบ้าๆ

     

    “เอ่อ..จริงด้วย”

     

    แตงโมยอมนั่งลงแต่โดยดี ไรส์กับนิธานค่อยๆเดินเข้าใกล้ประตูเรื่อยๆด้วยใจลุ้นระทึก

     

     

    .................................................................................

     

     

    “คงต้องล่ากันแบบจริงๆจังๆแล้วล่ะ”

     

    เพื่อนมองทุกอย่างผ่านจอมอนิเตอร์ ก่อนจะหยิบรูปไรส์ขึ้นมาแล้วละเลงหมึกแดงลงไป แล้วขยำมันโยนทิ้งลงถังขยะ

     

    “เธอทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นนะไรส์..”

     

    ร่างภายใต้หมวกผ้ากัดเล็บอย่างเจ็บใจ เขาหรือเธอไม่อยากจะกำจัดหมากตัวนี้ทิ้งเท่าไหร่ เพราะไรส์เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ทำให้ตัวเขาสนุกได้ไม่น้อยทีเดียว

     

    “ช่างเถอะ...งั้นล่าคนอื่นก่อนดีกว่า” เพื่อนกดปุ่มจอมอนิเตอร์ ภาพไหววูบไปเป็นเด็กสาวสองคนกับเด็กหนุ่มที่นอนสลบอยู่ เพื่อนแสยะยิ้มใต้หมวกตุ๊กตาใบใหญ่

     

    “กำจัดทิ้งได้..”

     

     

    .................................................................................

     

     

    “นายตื่นแล้วหรอ”

     

    “....”

     

    นนท์ไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไง..

     

    เมื่อลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาเห็นคือเด็กสาวสองคนถือมีดและของมีคนท่าทางอันตราย บางอย่างบอกนนท์ว่าอย่าเข้าใกล้สองคนนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาพยายามสอดส่ายสายตามองหาทางหนีทีไล่รอบห้องตลอดเวลา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย..

     

    “ฉันชื่อสน นี่น้องสาวฝาแฝดของฉันชื่อฟาง”เด็กสาวหน้าตายชี้ตัวเองและเด็กสาวที่ยืนข้างหลังตามลำดับ ก่อนสนจะยื่นมือออกมา

     

    “ยินดีที่ได้รู้จัก”

     

    “พวกเธอเป็นใคร!?!”

     

    นนท์ถามอย่างหวาดระแวง ไม่ยอมจับมือกับสน ฟางหัวเราะคิกคักแล้วขยับปากพูดบางอย่าง สนทำหน้าเซ็งก่อนจะหันไปพูดกับนนท์

     

    “อย่าเพิ่งถามอะไร ตอนนี้นายเป็นหนี้ชีวิตฉันนะ..”

     

    “ไม่ได้ต้องการสักหน่อย!!

     

    นนท์ยังไม่ไว้ใจทั้งสอง เขาตะโกนใส่สนที่ยังพูดไม่จบ เด็กสาวผมดำยาวข้างหลังเด็กสาวหน้าตาละม้ายคล้ายกันนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาสีกาแฟฉายแววอำมหิตออกมา ฟางหยิบมีดสั้นออกมาจากกระเป๋ากระโปรง ชี้ไปที่หน้านนท์

     

    “อะไรนะ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ ไม่ต้องการหรอ อย่ามาปากดีหน่อยเลย อย่าแกถ้าไม่มีคนช่วยจะไปได้สักแค่ไหนกัน ถ้าฉันไม่ช่วยแกก็กลายเป็นศพเน่าๆอยู่ตรงนั้นแล้ว รู้ไว้ด้วย!!

     

    วูบ!!

     

    มีดสั้นตวัดเฉียดหน้านนท์ไปนิดเดียว สนเข้าไปล็อคตัวฟางไว้ เด็กสาวผมดำดิ้นไม่หยุด สนถอนหายใจเพราะน้องสาวตัวเองอาการกำเริบ เธอหันไปมองนนท์ด้วยสายตาเย็นชา เธอโทษใครไม่ได้และตอนนี้สนก็ไม่มีทางเลือก

     

    น้องสาวของเธอเป็นคนเสียสติ ไม่ว่าจะทำยังไงก็รักษาไม่ได้

     

    “ฉันจะฆ่าเขา!! ฉันจะฆ่ามันนนนน!!!”ฟางสะบัดตัว ยังดิ้นเหมือนคนบ้า พยายามพุ่งเข้าไปหานนท์ที่ไม่ยอมหนีไปไหนสักที สนสบถกับความโง่ของเด็กหนุ่มก่อนเธอจะตะโกนใส่ฟาง หวังจะให้เธอยอมหยุด

     

    “ฉันไม่อนุญาตให้แกฆ่าเขา!!!

     

    แต่ฟางไม่ยอมฟัง สะบัดตัวจนมีดสั้นแทงตวัดโดนแขนของสน แต่เธอก็ยังไม่หยุด จนมีดสั้นกรีดบนผิวสีซีดของพี่สาวฝาแฝดเธอได้หลายแผล

     

    “ชักจะเริ่มเห็นแก่ตัวนิดๆซะแล้วสิ”

     

    ฉึก!!!

     

    สนพึมพำ เอาคัตเตอร์ที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมาแล้วแทงสีข้างของน้องตัวเอง ใบหน้าเย็นชายังเรียบเฉยแม้เด็กสาวอีกคนจะกำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ตาม เลือดสีแดงพุ่งออกมาเหมือนดอกไม้สีแดงฉาน สนหยุดลงก่อนจะกรีดข้อมือตัวเองเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง

     

    เธอไม่พอใจที่เธอรู้สึกดี รู้สึกดีที่ฆ่าและทำลายชีวิต..

     

    ความจริงที่เธอเองก็เป็นคนเสียสติ ถูกเก็บไว้เป็นความลับตลอดกาล เพราะตัวเธอไม่เคยแสดงอาการป่วยออกมา แต่วันหนึ่งเธอได้ลงมือฆ่านกคีรีบูนที่พ่อแม่เลี้ยงไว้ตายอย่างโหดร้ายทารุณ พ่อแม่ของเธอพวกท่านเสียใจมากจึงปิดปากทุกคนที่รู้เรื่อง  และให้หมอที่ไหนสักแห่งมาสะกดจิตเธอ แต่พอมาที่นี่เธอกลับรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

     

    “มัวรออะไรอยู่ หนีไปสิ”สนหันไปพูดกับนนท์ “ถ้าไม่หนีล่ะก็ ฉันจะฆ่านายนะ”

     

    “...”

     

    นนท์หันหลังกลับ วิ่งออกไปอย่างไม่ลังเล สนถอนหายใจ ทรุดตัวลงข้างฟางที่นอนหายใจรวยริน สนจับชีพจรของฟางก่อนจะถอนหายใจ เสียงฝีเท้าของนนท์ดังไกลออกไปเรื่อยๆ

     

    “ตายแล้วหรอ...”

     

    สนของใบหน้าของน้องสาวที่จากไปอย่างสงบ ใบหน้าที่ละหม้ายคล้ายกันราวกับถอดมาจากพิมพ์เดียวกัน มันเหมือนกับเธอได้เห็นใบหน้าตัวเองตอนตายไม่มีผิด

     

    “ครึ่งชีวิตของฉันตายไปแล้วสินะ ฉันควรจะรู้สึกเสียใจนี่นา”สนพึมพำกับตัวเอง

     

    “เขาว่ากันว่าฝาแฝดเนี่ย พอคนหนึ่งตาย อีกคนจะตายตามใช่มั้ยนะ..”

     

    สนมองเพดานด้วยดวงตาสีกาแฟที่พร่าเลือน เส้นผมสีดำยาวระลำคอระหง ลมหายใจเธอขาดห้วงไปเป็นพักๆ สนยิ้มเป็นครั้งสุดท้าย..ก่อนจะหลับตาลง

     

     

    อย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่เป็นภาระให้คนอื่นล่ะนะ

     

    นี่แหละ คือความตายที่เราปรารถนา..มาตลอด

     

     

    “แต่แค่นี้น่ะมันไม่ตายหรอก!!

     

     

    สนลุกขึ้นจากพื้น หยิบคัตเตอร์มาหมายจะกรีดข้อมือตัวเอง ดวงตาสีกาแฟคลอไปด้วยน้ำตา มันเริ่มไหลลงมาบนใบหน้าขาวซีด ปนกับเลือดจนเป็นสีแดงจางๆ

     

    “มันต้องเป็นแผลที่ใหญ่กว่านี้!! จะต้องใหญ่กว่านี้! ถึงจะทดแทนความรักของคุณพ่อคุณแม่ได้!!!!”

     

    คัตเตอร์คมแทงลงมาบนข้อมือบาง สนจับคัตเตอร์ด้วยมือที่สั่นเทา

     

    “ไม่..... ฉันจะไม่ยอมตายเหมือนหมาที่นี่!!!”

     

    สนเปลี่ยนใจกะทันหัน มือที่ถือคัตเตอร์ขว้างมันทิ้งไป เธอยืนขึ้นมาก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้ากดปากแผลไว้ แล้วเดินไปตามทางระเบียงมืดสลัว เลือดสีแดงสดหยดไปตามทางที่เดิน

     

    “กลิ่น..เลือด......”

     

    เงาเดินเดินออกมาจากความมืด มันใช้นิ้วแตะหยดเลือดบนพื้นขึ้นมาลิ้มรส เงาดำแสยะยิ้มร่า ตั้งใจจะวิ่งตามร่างของเด็กสาวผมดำไปติดๆ แต่ก่อนหน้านั้นมันเหลือบไปเห็นร่างของฟางเสียก่อน

     

    “อา...”

     

    มันเดินเข้าไปหาร่างชุ่มเลือดของเด็กสาวไร้ลมหายใจ ผิวสีคล้ำซีดลงจนเป็นสีขาวเผือดไม่มีเลือดฝาด ริมฝีปากเป็นสีแดงเลือดนก มันจับมือของฟางขึ้นมา

     

    “งดงามยิ่งนัก”

     

    มันว่าก่อนจะกัดนิ้วของเด็กสาวและลามขึ้นมาถึงข้อมือ แขนของเด็กสาวเป็นแผลเหวอะหวะขนาดใหญ่ เส้นเอ็นและเศษเนื้อถูกลิ้นปลายแหลมสองแฉกเหมือนลิ้นงูกลืนเข้าไปอย่างหิวกระหาย

     

    “แต่ว่าศพมันไม่อร่อยหรอก..ต้องเป็นเนื้อมนุษย์เป็นๆสิ...หึหึหึหึ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ!!!

     

    ท่ามกลางดวงจันทร์สีแดงเลือดสด เมฆดำค่อยเคลื่อนตัวบดบังพระจันทร์เต็มดวงสีเลือดนั่นจนมืดมิด ท้องฟ้ายามราตรีถูกชโลมด้วยสองสี

     

     

    คือสีดำแห่งความสิ้นหวังและสีแดงของเลือดสด..

     

     

     

    Name : สน

    นักเรียน,นักกีฬา

    “ชักจะเริ่มเห็นแก่ตัวนิดๆซะแล้วสิ”

    Status : ???

     

     

     

     

     

    Name : ฟาง

    นักเรียนธรรมดา,ผู้ป่วยโรคประสาท

    “ตายซะ จงตายซะ!!”

    Status : ตาย

     


     

    เย้ อัพแล้วว~//จุดพลุ
    ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาเลย ทั้งเรียนและคอมค้าง..;v; แต่เรื่องเรียนเดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะ.. วันศุกร์นี้เท่านั้น!

    ..แต่ แม่คะ จะพาหนูไปหัวหินทำไมQ_Q กลับวันอังคารนู่นแน่ะ..//ซับน้ำตา
    งั้นก็ขอแจ้งตรงนี้เลยนะคะ ว่าอาจจะไม่ได้อัพ ถือซะว่าทราบโดยทั่วกันนะคะ ท่านนักอ่านเงาและไม่เงา
    นักอ่านไม่เงา ถ้าทราบแล้วพิมพ์ตอบหรือไม่ทำก็ได้ ส่วนนักอ่านเงาช่วยพยักหน้านะคะ... อย่างงั้นเเหละค่ะ#เล่นอัลไล
    เอาเป็นว่า ไว้เจอกันตอนหน้านะคะQwQ 
    ปล. ขอบคุณสำหรับ 89วิว 10 คอมเม้นท์และ3Favoriteนะคะ หนูนึกว่าจะร้าง ไม่มีคนสนใจซะแล้ว..QvQ


    แก้รอบสอง ลืมใส่รูปสนกับฟางค่ะ..//เหงื่อตก (ไปหมดแล้วสมงสมอง..) 

     

    Velen
    tine
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×