ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Best Friend

    ลำดับตอนที่ #11 : My Best Friend 9 : เกมอีกเกม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 112
      0
      26 เม.ย. 56

    My Best Friend 9

    เกมอีกเกม

     

    “เราคงไม่มีวันออกไปมีชีวิตข้างนอกเหมือนเดิมได้แล้วล่ะ”

     

     

     

     “เอาล่ะ ได้เวลาสักที จะได้เล่นสนุกอย่างที่เราชอบที่สุดสักที!

     

    ร่างที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้เงาจันทร์พูดเปรยกับตัวเอง มือบางโยนโทรศัพท์มือถือแบบฝาพับทิ้ง เธอถีบผนังเพื่อส่งแรงให้เก้าอี้สำนักงานเคลื่อนตัวไปอีกฝั่งของห้อง เมื่อเก้าอี้เคลื่อผ่านหน้าต่างแสงจันทร์ที่ส่องกระทบลงบนเสี้ยวหน้า ทำให้เห็นผมสีดำยาวถึงต้นคอของเธอ

     

    เพื่อนเป็นผู้หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย..

     

    “ทีนี้.. ก็ต้องไปกระจายเสียงสินะ ตื่นเต้นจัง~”เด็กสาวหยิบหมวกตุ๊กตาสีฟ้าอ่อนติดมือมา เธอก้าวฉับๆไปยังไมโครโฟนของห้องประชาสัมพันธ์

     

    “ฮิฮิ ทุกคน..ช่วยแสดงความเห็นแก่ตัวของพวกเธอออกมาให้เต็มที่นะ”

     

    เธอสวมหมวกตุ๊กตาสีฟ้าใบโตเข้าที่หัว ก่อนจะยืนขึ้นเพื่อให้ความสูงของตัวเองถึงไมโครโฟน นิ้วเรียวกดปุ่มกระจายเสียงออกไปโดยไม่ลังเล

     

    “สวัสดีเพื่อนที่น่ารักของเรา!...”

     

     

    ..ความน่ากลัวมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น..

     

     

    “เสียงประกาศมาอีกแล้ว..”

     

    เด็กหนุ่มผมขาวพึมพำคนเดียวในห้องศิลปะ เขากำลังนั่งวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้อยู่ จะเห็นได้ว่าในมือของเขามีปากกาเก่าๆด้ามหนึ่งกับกระดาษแผ่นใหญ่ที่มีแผนผังโยงไปโยงมาและตัวหนังสือที่เขียนแบบรีบๆ

     

    ตอนนี้ทุกคนคงจบเกมกันได้แล้วสิน้า~ แต่ถ้าใครยังไม่ได้เล่นก็ไม่เป็นไรนะ เพราะเราจะไปต่อกันเกมหน้าเลย!’

     

    เสียงใสๆนั่นบ่งบอกถึงความอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้ของเพื่อน พาลทำให้ปูนรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมานิดๆด้วย

     

     

    เกมที่เราจะเล่นก็คือ คนทรยศคือใคร ไงล่ะ!’

     

     

    “หือ?”

     

    หัวข้อการประกาศครั้งนี้ทำให้ปูนสนใจไม่น้อยเลย เขาวางปากกา ละสายตาจากกระดาษขึ้นมาฟังเสียงประกาศอย่างตั้งใจ  

     

    เราจะมาจับตัวคนทรยศซึ่งเป็นคนของเราที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มพวกเธอกัน! กติกาง่ายมาก ถ้าใครฆ่าได้ล่ะก็ เราจะส่งตัวเธอกลับบ้านล่ะ!! ว่าไง~น่าสนุกใช่มั้ย?

     

    “คนทรยศงั้นหรอ.. หึหึ ท่าทางน่าสนุกนี่”

     

    ปูนแสยะยิ้มท่าทางไม่น่าไว้ใจ  ดวงตาสีเลือดจับจ้องแผนผังบนกระดาษแผ่นใหญ่ ก่อนที่มือหนาจะใช้ปากกาเมจิกสีแดงวงรายชื่อแรกบนหัวกระดาษ

     

    “นี่แหละ คนที่น่าสงสัยที่สุด..”

     

    เอาล่ะ เกมนี้จะเริ่มใน..5..4..3..2….’

     

    เด็กหนุ่มผมขาวหายตัวไปจากห้อง เหลือแต่กระดาษแผ่นใหญ่บนโต๊ะ รอยปากกาสีแดงบนชื่อของเด็กสาวคนหนึ่งเด่นชัดในเงามืด

     

    ‘1..0..เริ่มได้!’

     

    ผู้ถูกล่าในครั้งนี้ก็คือ..

     

     

    .................................................................................

     

     

    “ใครเป็นคนทรยศกันนะ..”

     

    เด็กสาวผมสีน้ำตาลนั่งกอดเข่าหลังฟังเสียงประกาศ เนื้อตัวของเธอเปียกปอนไปด้วยของเหลวสีดำ พ่อบ้านประจำตัวของเธอที่ยืนอยู่ข้างๆก็ตัวเปียกไม่แพ้กัน เขากำลังรื้อของรอบๆหาอะไรบางอย่าง

     

    จะอะไรซะอีก... พวกเขาเดินตามแสงไฟไปจนถึงห้องดนตรีก็ไม่เจออะไร..

     

    แต่ประตูดันปิดแล้วมีถังน้ำตกใส่หัวซะนี่..

     

    “งั้นระหว่างผมหาอะไรมาเช็ดตัวนี้ มาวิเคราะห์กันดีไหมครับ.. ใครน่าสงสัยที่สุด” เด็กหนุ่มผมทองออกความคิด หลังการเดินหาของรอบห้องอย่างไร้ประโยชน์มาราวๆ10นาที

     

    “ก็เอาสิ.. สงสัยใครไหม เมก้า”

     

    “จะดีหรอครับ.. เพราะคนนั้นเป็นเพื่อนคุณหนูด้วยนะ”เมก้าอึกอัก ไม่ยอมพูด เอวาจึงส่ายหน้าแล้วพูดตอบด้วยท่าทางอยากรู้

     

    “บอกมาเถอะ เวลาแบบนี้เชื่อใจใครไม่ได้หรอกนะ..”

     

    “เฟรมครับ...”

     

    “หา! ทำไมล่ะ?”เอวาถามอึ้งๆ เธอไม่คิดจะสงสัยเฟรมเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะเธอไม่สนิทกับเฟรมก็เป็นได้

     

    “เพราะเธอเป็นคนที่ไม่กลัวที่จะเล่นผีถ้วยแก้ว แล้วก็เป็นคนที่ตั้งสติได้คนแรก ถึงได้ดึงตัวนาโนที่จะเอามือออกจากก้นแก้วได้ อีกอย่างคือ..เฟรมรู้ได้ยังไงว่าห้ามเอามือออกจากก้นแก้ว?” เมก้าคิ้วขมวดขณะที่มือก็ยังหาของต่อไป

     

    “จริงด้วย.. นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย!”เอวาทำหน้าตะลึงที่พ่อบ้านของเธอคิดได้ลึกขนาดนี้ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

     

    “แล้วคุณหนูล่ะครับ สงสัยใคร?”เมก้าถามกลับ

     

    “นาโน”

     

    เอวาตอบกลับอย่างไม่ลังเล ทำให้เมก้าหันกลับมามองด้วยความแปลกใจที่เอวาสงสัยเพื่อนสนิทตัวเองแบบนี้ เอวาจึงชี้แจงให้เมก้าฟัง

     

    “เพราะนาโนเป็นคนเห็นแก่ตัวไงล่ะ.. คนๆนั้นไม่ว่าอะไรก็ทำได้เพื่อตัวเองทั้งนั้น”

     

    “เห.....คิดงั้นหรอครับ”เมก้าตอบเรียบๆแต่แฝงไว้ด้วยความสงสัยและแปลกใจ แต่เขาก็หันกลับมาหาของต่อ

     

    “ก็แค่ทฤษฎีเลื่อนลอยที่มีความเป็นไปได้ล่ะน่า..”เอวาพึมพำ

     

    “หะ..ห๊ะ”เมก้าหันไปอีกครั้งด้วยความงงงวยกับศัพท์แปลกๆที่เอวาพูดมา เด็กสาวผมน้ำตาลส่ายหน้าก่อนจะกล่าวขอโทษ

     

    “ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ..”

     

    “ค...ครับ”

     

    เมก้าเลิกสนใจเอวาแล้วเดินผ่านเปียโรสีดำหลังใหญ่ไปอีกด้านของห้อง ที่ทางเดินนั้นมีแผ่นซีดีกองสุมขวางทางกันอยู่สี่สิบถึงห้าสิบกองหรืออาจมากกว่านั้น เขาลองรื้อกองแผ่นซีดีเผื่อจะเจออะไรที่พอจะเอามาเช็ดตัวได้บ้าง แต่เขากลับพบอีกอย่างแทน

     

    “คุณหนู...นี่มัน...”เมก้าเรียกเอวา เธอจึงลุกเดินเข้ามาดู

     

    “อะไรน่ะ... ผู้หญิงหรอ?”

     

    เอวาเดินเข้าไปดูร่างของเด็กสาวผมดำที่ยังสลบสไลไม่ได้สติ อาจเป็นเพราะอาการเสียเลือดมากจากรอยแผลที่ข้อมือ เมื่อเอวาลองสังเกตดูดีๆ เธอพบว่าเด็กสาวคนนี้มีผมดำยาวสลวยถึงเอว หน้าตาสวยมีเสน่ห์

     

    “นี่ คุณ..คุณครับ!”เมก้าเขย่าร่างของเด็กสาวที่สลบไม่ได้สติ

     

    “ทำไงดีครับคุณหนู เขาไม่ยอมตื่...”

     

    เพียะ!!!!!!

     

    ฝ่ามือของเอวาปะทะใบหน้าของเด็กสาวผมดำอย่างแรง เมก้าทำหน้าตาตื่นหันมองเอวาที่ทำหน้าไม่สะทกสะท้าน ทั้งยังยกมือตั้งท่าจะตบซ้ำอีกรอบด้วย

     

    เพียะ!!!!!!!!!!

     

    “ตื่นสิยะ!”

     

    เธอตบซ้ำที่เดิม แต่คราวนี้เอวาตะโกนเรียกด้วย ดวงตาสีคาราเมลแข็งกร้าวดูเย็นชาจนน่ากลัว เอวาทำหน้าไม่พอใจ ง้างฝ่ามือขึ้นหมายจะตบอีกเป็นครั้งที่สาม

     

    หมับ!

     

    มือเรียวจับข้อมือบางไว้ทันก่อนที่จะมีฝ่ามือพิฆาติเป็นครั้งที่สาม เด็กสาวผมน้ำตาลชะงัก มองเจ้าของมือที่จับข้อมือเธอนิ่งๆ

     

    “เธอจะฆ่าฉันรึไง...”

     

    เด็กสาวผมดำบีบข้อมือของเอวาจนแดง เอวาสะบัดมืออัตโนมัติด้วยความไม่ชอบใจ สนจับใบหน้าขาวซีดที่เป็นรอยแดงเพราะรู้สึกเจ็บ

     

    “อ่า..ผมเมก้า นี่เอวานะครับ”

     

    เมก้ายิ้มเจื่อน ทั้งสองคนจ้องกันอย่างอาฆาตจนเขาต้องรีบแนะนำตัวก่อนทั้งสองจะวางมวยกันและเขาจะถูกลืม..

     

    “ฉันสน..ว่าแต่ไปตกคลองที่ไหนกันมาน่ะ”

     

    สนมองทั้งสองเหยียดๆ เอวาตอบยิ้มๆ...แต่กัดฟันพูดสุดฤทธิ์

     

    “ถังน้ำตกใส่ตอนเข้ามา.. แล้วเธอมาอยู่นี่ได้ไง ไปโดนตัวอะไรกรีดแขนมาล่ะ หือ?” เอวากระแทกเสียงตอกกลับ

     

    “ไอ้นี่ไม่ได้โดนทำอะไรมาหรอกน่า..”สนชูแผลที่ข้อมือให้ทั้งคู่ดู “ฉันกรีดเองล่ะ”สนยิ้มแบโรคจิตก่อนจะเลียแผลตัวเอง เมก้ากัดฟันเพราะรู้สึกแสบแทน

     

    “นั่นน่ะ เรื่องจริงรึเปล่า”เอวาบ่นเบาๆ

     

    “แน่นอน”สนพยักหน้า

     

    แล้วทั้งสองก็หัวเราะ โดยมีเมก้ายืนมึนอยู่ข้างหลัง เขาไม่เข้าใจเหตุผลที่ผู้หญิงที่(น่าจะ)โรคจิตสองคนคุยกันเลยสักนิด...

     

    “งั้นเราจะออกจากห้องนี้ยังไง ประตูก็เปิดไม่ได้ด้วย”เมก้าถาม

     

    “ออกไม่ได้หรอก เพราะพวกเธอคือผู้ถูกล่าไงล่ะ..”

     

    “!!!!!”

     

    เสียงที่สี่ดังขึ้นหลัง เมก้า เอวาและสนหันไปสนใจเจ้าของเสียงนั่นในทันที ร่างนั้นเดินออกมาจากเงามืด

     

    “เกมไล่ล่า ถ้าไม่มีผู้ล่าอีกคนก็ไม่สนุกสิ..”

     

     

    .................................................................................

     

     

    “ฟ..เฟรมเงียบไปแล้วแฮะ..”ตองว่าเบาๆ หลังเสียงประกาศจบลง เสียงข้างนอกก็หายไปด้วย เธอจึงเงี่ยหูฟังเสียงนอกประตู

     

    “อย่าเพิ่งวางใจ.. บางทีอาจจะยังอยู่ก็ได้ พี่นิธาน......”

     

    เด็กสาวผมน้ำเงินหันไปส่งสัญญาณให้รุ่นพี่หัวฟ้า นิธานพยักหน้ารับ กระชับไม้ถูพื้นในมือ ก่อนจะกระโจนเข้าเปิดประตูอย่างรวดเร็ว!

     

    พลั่ก!!!

     

    “.....”

     

    ความว่างเปล่าคือคำตอบสำหรับพวกเขา นิธานยื่นหน้าออกไปดูอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจริงๆ เขาจึงหันกลับไปบอกสาวๆในห้อง

     

    “ไม่อยู่แล้วล่ะ...”น้ำเสียงทุ้มฟังดูโล่งอก

     

    “อืม...”

     

    ไรส์ขานเบาๆ ถอยหายใจอย่างโล่งอก เดินออกไปหน้าห้องเรียน ตามมาด้วยโคน ปัญญา นาโน ตองและแตงโมตามลำดับ เด็กสาวผมสีน้ำเงินหันหลังกลับไปพูดกับทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

    “รีบไปหาที่ๆปลอดภัยกว่านี้กันเถอะ.. แถวนี้ท่าทางจะไม่ปลอยภัย”เธอว่าพลางหันมองซ้ายขวา

     

    “อืม!!

     

    ตุบๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

    ทั้งหมดรีบวิ่งผ่านทางเชื่อมตึกโดยมีไรส์และนิธานวิ่งนำหน้า ไรส์ทำหน้าเครียดมองแผนที่ในสมุดแดงของแอน เธอพยายามวิ่งตามเส้นทางที่แอนได้เขียนไว้

     

    “ข้างหน้ามีทางเชื่อมตึก ถ้าผ่านไปได้จะถึงห้องประชาสัมพันธ์!!”ไรส์ตะโกนให้คนวิ่งตามข้างหลังได้ยินด้วย

     

    “โอเค!!”

     

    ทุกคนขานรับ รีบวิ่งตามเพื่อไม่ให้คลาดกัน ทางระเบียงไม้ทอดยาวออกไปจนสุดสายตา ไรส์วิ่งไปเรื่อยๆตามแผนที่ด้วยความลุ้นระทึก

     

    “เฮ้ยยยยยย!!!!!”

     

    เอี๊ยดดดด!!ฟู่

     

    เด็กสาวผมน้ำเงินหยุดกะทันหันจนพื้นรองเท้าเสียดสีกับพื้นระเบียงไม้เป็นเสียงดังเอี๊ยด ตามหลักแรงเสียดทาน มีควันลอยขึ้นมาจากแรงเสียดสี โคน ตอง นาโน แตงโม ปัญญาและนิธานหยุดวิ่งตาม

     

    “พี่ไรส์ฮะ!เป็นอะไรไหม?!”

     

    ปัญญาเข้าไปประคองเด็กสาว ไรส์ไม่พูดอะไร เธอส่ายหน้า มองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจไม่หาย

     

    เพราะมันคือทางขาด ที่สูงจากพื้นใช่เล่น.. ถ้าเมื่อกี้ไรส์หยุดไม่ทันก็คงไม่รอด

     

    “แล้วจะทำไงดีล่ะเนี่ย.... ทางขาดแบบนี้ก็ไม่ห้องประชาสัมพันธ์ไม่ได้น่ะสิ..”

     

    นาโนพึมพำ มองทางข้างหน้าที่พื้นระเบียงไม้หายไปเกือบสองเมตร พลางนึกสงสัยว่าทางขาดไปได้ยังไง

     

    “ยังหรอก.. ที่นี่น่ะ ไม่ได้มีทางเชื่อมแค่ที่เดียว..” ไรส์พูดแต่สีหน้าเธอไม่สู้ดีนัก

     

    “เอ๊ะ ทางไหนหรอ?”แตงโมถามเบาๆ ไรส์จึงเอาแผนที่ขนาดสองหน้าสมุดของแอนมากางให้ทุกคนดู ไรส์ชี้บนกระดาษตรงที่เขียนว่าทางเชื่อมตึกแล้วอธิบาย

     

    “ตรงนี้.. ทางเชื่อมตึกที่ถ้าวิ่งไปก็จะถึงห้องประชาสัมพันธ์ แต่ทางมันขาดอยู่”ไรส์เปลี่ยนไปจิ้มตรงที่ต่ำลงมา

     

    “แต่ว่า มันมีประตูอยู่ชั้นล่างสุด ถ้าเดินลงไปล่ะก็จะเดินออกไปอีกตึกหนึ่งได้..”ไรส์ลากนิ้วจากประตูไปยังอีกตึก

     

    “อ้าว มันก็ไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่หรอ?”แตงโมถาม

     

    “ไม่หรอก... จำได้ไหม กว่าเราจะขึ้นมาถึงบนนี้ได้ เราก็แทบไม่รอดหลายครั้งแล้วนะ อีกอย่างการออกจากตึกนี้ไปข้างนอกก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง”

     

    ไรส์ตอบ ทำหน้าเคร่งเครียดไม่หาย

     

    “อืม ฉันก็ว่าอย่างงั้นล่ะ แต่ดูเหมือนทางเชื่อมนี่มันจะขาดมาตั้งแต่แอนเขียนไดอารี่แล้วนี่..... ดูสิ ในแผนที่ตรงนี้เส้นมันขาดจากกันกันด้วย” โคนตั้งข้อสังเกต ชี้เส้นที่ขาดจากกันบนแผนที่ให้ทุกคนดู

     

    “นี่ เราลองเสี่ยงไปข้างล่างกันเถอะน่า..”ตองมองหน้าทุกคนอย่างขอความเห็น

     

    “แต่ว่า... มันอันตรายมากนะ”นิธานว่า

     

    “อยูที่นี่ก็อันตรายไม่แพ้กันหรอกค่ะ เราเสี่ยงเดินไปดีกว่า เผื่อจะได้เจอปูนด้วย”โคนมองนิธานด้วยสีหน้าจริงจัง นิธานทำหน้าแหย ขณะที่ไรส์ทำหน้าสงสัย

     

    “ปูน? ปูนมาที่นี่ด้วยหรอ?”เธอถาม

     

    “ใช่ เจอกัน แต่ก็.....”ตองพูดเสียงแผ่วเบา “เขาทิ้งเราไปแล้วล่ะ”

     

    “อ่า ไม่เข้าใจ แต่ฉันจะไม่ถามต่อละกัน...”ไรส์พยักหน้า ทำท่าเข้าอกเข้าใจ ตองยิ้มแบบฝืนๆให้เธอ ก่อนไรส์จะหันไปถามความเห็นทุกคน

     

    “สรุปเราจะลงไปข้างล่างกันนะ?”

     

    “อืม/ใช่/ครับ” ทั้งหกตอบพร้อมกัน

     

    “แน่ใจแล้วนะ..”ไรส์ถามซ้ำเพื่อความมั่นใจอีกรอบ

     

    “พี่ไรส์ครับ พวกเราตัดสินใจไปแล้ว.... ถ้าเกิดว่ามีอะไรที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ มันก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกของการมีชีวิตอยู่เลยนะครับ เพราะฉะนั้นพวกเราพร้อมจะออกไปเสี่ยงแล้วล่ะครับ....”

     

    ปัญญาพูดจาฉะฉานเกินวัยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ใบหน้าของเด็กชายดูเหมือนจะแสดงความเจ็บปวดเล็กๆออกมาด้วย ไรส์จึงพยักหน้า

     

    “โอเค ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นก็ได้ เอาล่ะ...ไปกันเถอะทุกคน”

     

    ไรส์จับมือปัญญา แล้วเดินนำ ไม่รู้ว่านิธานคิดว่าไม่สมควรหรืออย่างไร เขาเดินขึ้นไปนำหน้าไรส์ แล้วหันมาพูดท่าทางเขินๆ

     

    “รุ่นพี่ต้องดูแลรุ่นน้องน่า..”

     

    การเรียงลำดับจึงเป็น นิธานเดินนำหน้า ตามมาด้วยไรส์เดินจูงมือกับปัญญา ตามด้วยตองที่แผลหายสนิทเพราะยาของไรส์เดินคู่กับโคนและแตงโม ส่วนนาโนเดินรั้งท้ายกับแมวดำตัวเดิม แต่ก่อนออกเดิน นาโนหันไปมองข้างหลัง

     

    “เหมียว...”

     

    แมวดำร้อง นาโนส่ายหน้าให้มัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย สีหน้าของเธอดูไม่สู้ดีนัก แมวดำแสนรู้นั่งลงหน้านาโน ราวกับจะรอฟังสิ่งเธอจะพูด

     

     

    “เราคงไม่มีวันออกไปมีชีวิตข้างนอกเหมือนเดิมได้แล้วล่ะ”

     

     

    นาโนหลับตา เธอรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน... ตลอดเวลาที่มาอยู่ที่นี่เธอรู้สึกเหมือนตัวเองตัวตนของเธอกำลังดำดิ่งลงสู่ทะเลมืดมิดไร้แสงสว่าง

     

    ที่นี่กำลังกัดกินหัวใจของฉันสินะ.. ไม่นานฉันก็คงจะเสียสติแล้วล่ะมั้ง

     

    วูบ..!!

     

    ทันใดนั้น.. นาโนก็เหลือบไปเห็นมันเข้า ในเงามืดอีกฝั่งของทางเดิน ดวงตาสีดำไร้แววตากำลังจ้องมองเธอราวกับจะเจาะลึกเข้าไปในใจ เด็กสาวผมสีดำยาวสลวย..

     

    แอน!!!?

     

    “ด..เดี๋ยวสิ แล้วฉันรู้ได้ไงว่านี่คือแอน......”

     

    นาโนพึมพำ เพ่งมองร่างที่อยู่อีกฝั่ง แต่มันไม่มีประโยชน์เพราะความไกลและความมืด ทำให้เธอเห็นเด็กสาวคนนั้นไม่ชัด

     

    “ฟ่ออออ!!!” แมวดำขู่ใส่ร่างที่อยู่อีกด้านของทางที่ขาด

     

    “........”

     

    ปากของมันขยับพูดบางอย่างแต่ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา นาโนเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เธอเหงื่อออกท่วมตัวราวกับเพิ่งไปออกกำลังกายหนักๆมา ในหัวของเธอเหมือนได้ยินเสียงซ่าแบบตอนโทรทัศน์เสียระคนกับเสียงขู่ของแมวดำ ดวงตาสีดำเริ่มเห็นภาพของเด็กคนนั้นหมุนคว้าง นาโนทำท่าจะร้องออกมา

     

    แปะ!

     

    “เฮ้! นาโน รีบไปกันได้แล้วนะ แล้วมองอะไรอยู่น่ะ”

     

    เด็กสาวแตะไหล่ของนาโนจนเธอสะดุ้งโหยง ดวงตาสีอำพันมองตามที่นาโนมอง เมื่อนาโนหลุดจากภวังค์จึงหันไปบอกผู้ที่เดินย้อนกลับมาตามเธอ

     

    “เปล่าหรอก เหม่อไปหน่อยนะ แล้วแกจะจูงเด็กกลับมาทำไม”

     

    “เหอะๆ ช่างเถอะ รีบไปกันได้แล้ว คณะเราขาดคนเทพๆอย่างเธอไม่ได้ซะด้วย”ไรส์หัวเราะเหอะๆในลำคอแล้วจูงมือน้องปัญญาเดินนำ

     

    “หือ ฉันน่ะนะ”นาโนอุ้มแมวขึ้นมาแล้วเดินตามไรส์

     

    “อาฮะ... แกดูจะเป็นคนเดียวที่ดูเชื่อถือได้เลยมั้ง.. แหม เป็นประธานชมรม นู่นนั่นนี้ แล้วก็บลาๆๆๆอีกมากมาย เทพมาก แถมเธอยังจัดการปัญหาได้เจ๋งสุดๆ!”

     

    “งั้นหรอ ขอบใจนะ”

     

    “ด้วยความยินดี ว่าแต่ขอบใจเรื่องอะไร”ไรส์ทำท่าทางไม่ใส่ใจก่อนจะเดินไปเรื่อยๆพร้อมเด็กชายปัญญา

     

     

     

    แผนที่ตึกหนึ่ง

     

     

     ไรท์หาทางออกได้แล้วค่ะ..//ลอยล่อง ประหนึ่งวิญญาณ
    ไรท์จะฝาก ปุยโคนันไอซัง (Puiconani)อัพนะคะ (ถ้าเจ๊แกว่าง...) ขออภัยในความไม่สะดวกนะคะ...


     

     ตอบคอมเม้นท์

    ความคิดเห็นที่ 12 (จากตอนที่ 10)    
    อาหนังสือ - สยองตรงกินคนเนี่ยแหละ
    ผม - ทำไม ทีแฟงไกอากินวิญญาณคนหรือยามี่กลืนกินมนุษย์ยังไม่เห็นเป็นไรเลย
    อาหนังสือ - ก็มัน"กิน" ไม่ใช่ "กลืน"หรือ"ดูด" อ่ะเด๋!
    การสนทนานี้เกิดระหว่างวิ่งหนีพวกร่างเงาของตนเอง
    PS.  KIG guardian เมื่อเรื่องราวของการ์เดียนเชื่อมโยงกัน จะไม่มีอะไรโค่นพวกเขาได้... แม้แต่พวกเรา
    Name : bbsaver< My.iD > ดูเน็ตเวิร์คอื่นๆ ของ bbsaver [ IP : 125.26.235.94 ] 
    Email / Msn: jettanutdekd(แอท)gmail.com ส่งข้อความลับ
    วันที่: 24 เมษายน 2556 / 20:03


    WB : อืม... ถ้ากินคนสยอง เราเปลี่ยนไปกินตับแทนดีไหมคะ!#โดนลากไปเก็บ..


    ความคิดเห็นที่ 11 (จากตอนที่ 9)    
    อืม... สยองดีน่ะ
    มิซากะ - นั้นสิ
    ดีเคด - ไปช่วยพวกนั้นกัน
    ผม - เอ่อ...
    ตูม!!
    ผม - จะบอกว่ามีใครก็ไม่รู้วางระเบิดตามตะเข็บชายแดนมิตินิยายน่ะ
    PS.  KIG guardian เมื่อเรื่องราวของการ์เดียนเชื่อมโยงกัน จะไม่มีอะไรโค่นพวกเขาได้... แม้แต่พวกเรา
    Name : bbsaver< My.iD > ดูเน็ตเวิร์คอื่นๆ ของ bbsaver [ IP : 125.26.235.94 ] 
    Email / Msn: jettanutdekd(แอท)gmail.com ส่งข้อความลับ
    วันที่: 24 เมษายน 2556 / 19:59

     

     


                    WB : อ๊าย ถ้าอยากมาก็มาเลยค่ะ ระวังโดนแบบคิด ด้วยนะคะ 555+#โดนตบ

     

     

    ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านด้วยนะคะ :)  

     

    Velen
    tine
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×