อัตราเร็วต่อการตกหลุมรัก

ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

คุณคิดว่าคนเราจะตกหลุมรักใครสักคนเร็วแค่ไหน?

.

.

ผมเชื่อว่าแทบจะทุกคนที่กำลังอ่านบทความนี้คงเคยผ่านเรื่องราวความรักมาไม่มาก ก็น้อย ยกตัวอย่างเช่น การแอบชอบใครสักคนนึง การถวิลหาในทุกๆวัน การชอบพอในความเป็นตัวตนของเค้าซึ่งนำไปถึง “การตกหลุมรัก”

แน่นอนว่าการที่เราจะมอบคำว่า “รัก” ให้กับใครสักคนบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่ยากเย็น เมื่อเปรียบเทียบกับความหมายที่กว้างและลึก ยิ่งใหญ่และซับซ้อน มีคุณค่าและมีความหมายในคำว่า รัก แต่บางทีมันก็อาจจะเป็นเรื่องที่ง่ายจนเหมือนพลาดพลั้ง ดังปลาที่ดิ้นหลุดจากมือ จนทำให้เกิดคำถามที่ว่า สิ่งที่เรียกว่าความรักนั้นมีความเร็วขั้นต่ำของตัวมันไหม รักแรกพบ นั้นมีตัวตนอยู่จริงๆ หรือเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุจากความประมาทพลาดพลั้งจนทำให้ความรักดิ้นหลุดออกมา

เว็บไซต์หาคู่จากสหรัฐอเมริกา ชื่อว่า “eHarmony” เคยหาคำตอบในเรื่องนี้ครับ งานวิจัยที่พวกเค้าออกแบบมาศึกษาถึงเวลาหลังจากที่หนุ่มสาวได้มาเจอกัน พูดคุยกัน จนกระทั่งตัดสินใจออกเดทกันนั้นทั้งคู่ใช้เวลานานแค่ไหน ที่จะตกหลุมรักและบอกรักกัน ผลปรากฏว่า ค่าเฉลี่ยของระยะเวลาที่ผู้ชายจะตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งนั้น ใช้เวลา 88 วัน แต่สำหรับผู้หญิงนั้นใช้เวลาถึง 134 วัน ผลวิจัยในทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับอีกหนึ่งเว็บไซต์หาคู่ในปี 2017 ที่ชื่อว่า “Elite Single” โดยกำหนดหัวข้อเกี่ยวกับ “รักแรกพบ” ผลปรากฏออกมาว่า ผู้ชายจะเชื่อในเรื่องของรักแรกพบมากถึง 72% ในขณะที่ผู้หญิงนั้นมีเพียง 61% เท่านั้นที่เชื่อในเรื่องของรักแรกพบ หมายความว่าผู้ชายนั้นมีแนวโน้มที่จะตกหลุมรักได้เร็วกว่าผู้หญิง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับงานวิจัยชิ้นแรก

อาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะผลจากการวิจัยนั้นอาจชี้ให้เห็นถึงร่องรอยของวิวัฒนาการที่หลงเหลืออยู่ใน มนุษย์

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 300,000 ปีก่อน มนุษย์ยุคโบราณที่ใช้ชีวิตและหากินด้วยการเป็นพรานป่านั้น มิได้มีความมั่นคงหรือผาสุกแต่อย่างใด การใช้ชีวิตให้พ้นวันต่อวันนั้นช่างยากเย็นกว่าความเป็นอยู่ในยุคนี้มาก มันจึงทำให้มนุษย์เพศผู้นั้น หากมีโอกาสใดที่จะได้สืบพันธุ์ เขาจะไม่มีทางปล่อยมันให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นหนทางที่จะคงเผ่าพันธุ์ของเขาให้สืบทอดต่อไป ในสภาวการณ์ที่ต้องใช้ชีวิตวันต่อวันนั้น คงจะเป็นการดีหากจะไม่ปล่อยโอกาสขยายเผ่าพันธุ์ให้หลุดมือไป กลับกันในยุคที่การดำรงฝูงของมนุษย์ยังมีไม่มากนั้น มนุษย์เพศเมียมีโอกาสที่จะเสียชีวิตมากขึ้นอย่างทวีคูณเมื่อต้องตั้งท้องลูกน้อย และต้องเลี้ยงดูลูกของเธอให้เติบโต มนุษย์เพศเมียจึงต้องเลือกอย่างระวังเสริมกับปัจจัยหลายอย่างที่จะทำให้เธอรู้ว่า เธอและลูกน้อยของเธอจะสามารถมีชีวิตรอดได้

อย่างไรก็ดี ทั้งหลักฐานทางงานวิจัยต่างๆและเหตุผลจากบรรพชน ก็อาจจะเป็นแค่น้ำหยดเล็กๆในทะเลแห่งคำว่ารัก

งานวิจัยที่ได้จากแบบสอบถามของความรู้สึกที่หาจุดยึดเหนี่ยวที่เที่ยงแท้ไม่ได้นั้น อาจเป็นเพียงแนวทางที่ทำให้เราได้เห็นภาพรวมใหญ่ๆของกลุ่มคน แต่กลับกันกลายเป็นสิ่งที่เล็กเหมือนฝุ่นผงเมื่อเทียบกับปัจเจกบุคล เมื่อเราไม่จำเป็นต้องหาของป่าหรือเอาชีวิตรอดในพรงไพรอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่ได้รับตกทอดจากพรานป่ามา ก็เป็นเพียงแค่กลิ่นของไม้ดอกเล็กๆที่ล่องลอยอย่างเบาบางอยู่ในผืนป่าที่กว้างใหญ่

ส่วนตัวของผมนั้น ผมคงบอกไม่ได้ว่าผมโชคดี หรือโชคร้าย ที่เคยได้มีประสบการณ์พบเจอกับสิ่งที่อาจจะเป็น หรือใกล้เคียงกับคำว่า “รักแรกพบ”

เรื่องมันผ่านมานานแล้ว แต่ไม่เคยนานพอที่จะทำให้ลืมมันไป ผมสามารถอธิบายถึงมิติกาลที่บิดเบี้ยวจากความทรงจำของผมได้ คุณอาจจะได้พบว่าทุกๆอย่างเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าราวกับหยุดนิ่ง ในกรณีของผม กลิ่น และ เสียง ได้หลีกหายไปจากการรับรู้ อาจจะฟังดูเกินจริงไปสักหน่อย แต่เหตุการณ์นี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้จากแรงดึงดูดที่มีพลังมหาศาลมากเพียงพอที่จะบิดเบือนมิติกาลโดยรอบให้ผกผันอย่างเหนือจินตนาการ  ซึ่งผมมั่นใจว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าของผมนั้นมีแรงดึงดูดที่เกินคำว่าเพียงพอไปหลายโข อาจเปรียบเทียบได้กับหลุมดำมวลยิ่งยวดที่กลืนกินทุกสิ่งอย่าง หรืออาจพูดได้ว่าเจ้าปลาตัวที่ผมถืออยู่นั้นได้หลุดออกจากมือผมไปเป็นที่เรียบร้อย ผมสามารถหาถ้อยคำมาบรรยายถึงปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีนี้ได้ทั้งวัน…

แต่ผมไม่อาจสรรหาถ้อยคำที่มีความหมายงดงามมากเพียงพอที่จะพรรณนาถึงรูปโฉมโนมพรรณของภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของผมได้เลย คุณจะสามารถเข้าใจได้ทันทีเมื่อคุณได้พบกับมันด้วยตัวเอง

 -รักแรกพบ-