death flag ขีดเส้นชีวิต พลิกลิขิตชะตา - นิยาย death flag ขีดเส้นชีวิต พลิกลิขิตชะตา : Dek-D.com - Writer
×

    death flag ขีดเส้นชีวิต พลิกลิขิตชะตา

    ความเจ็บปวดของความตายที่แทรกเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ 'เอเมรอล' ฉุดคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของชีวิต และก่อนที่เขาจะได้นึกเสียใจตัวของเขาก็ถูกย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง ..

    ผู้เข้าชมรวม

    100

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    100

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  8 ก.ค. 66 / 12:09 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

          ความตายที่คืบคลานเข้ามาหาร่างที่กำลังกายใจอย่างรวยริน ความเจ็บปวดมากเกินกว่าที่ตัวเขาเคยคาดคิดเอาไว้ ดวงตาสีดำหม่นที่มองรอบตัวไม่ชัด บัดนี้กลับมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว
          เสียงฝีเท้าบางเบาที่เดินเข้ามาใกล้ผ่านสายฝนที่ตกกระทบร่างไม่หยุด ไม่ได้ทำให้เขาละความสนใจจากความเจ็บปวดทรมาณที่เขากำลังเผชิญอยู่ได้เลย

          ไม่อยากตาย...

          หยาดน้ำตาที่ถูกกลืนหายไปกับสายฝน เฉกเช่นเดียวกับเลือดที่กำลังไหลริน ฝีเท้าที่เข้ามาใกล้หยุดชะงักลงแล้ว

          "ขอโทษ..."

          เสียงทุ้มต่ำที่เขาไม่ได้ยินมาหลายสิบปี กลับปลุกตัวเขาที่กำลังตายลงขึ้นมาใหม่ แม้ร่างกายไม่อาจขยับได้อีก แม้ดวงตาจะมองไม่เห็น แต่เขาจดจำเสียงของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนไม่รู้ลืม


    "ถ้าผมอยู่ในอันตรายคุณจะมาช่วยผมหรอ"


    "แน่นอน เด็กน้อยของฉัน ฉันสัญญา"


    "สัญญาแล้วนะครับ คุณต้องกลับมาทำตามสัญญาด้วยนะ!"


          ความทรงจำวัยเด็กที่ย้อนกลับมา ภาพของเด็กน้อยที่เคยยิ้มแย้มสดใส กับชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังเกี่ยวก้อยสัญญากันอย่างบริสุทธิ์ใจ


    "คุณเมธาเขาตายแล้ว"


    "โกหก! ก็เขายังสัญญากับผมอยู่เลยว่าจะกลับมา! คุณลุงโกหก!"


    "ตั้งสติสักทีเอเมลรอล! เมธาเขาตายแล้ว!"


    "โกหก... ฮึก.. ทุกคนโกหก"


           เสียงร่ำไห้คร่ำครวญถึงใครบางคนที่จากไปอย่างไม่หวนคืนโดยที่เขาไม่ทันได้บอกลา ไม่เห็นแม้แต่ศพให้ได้พบเจอ ไม่มีแม้แต่หลุมที่จะฝังไว้ให้


    "เอเมลรอลพอได้แล้ว!"


    "ยังหรอกน่า! ต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้!"


    "แต่นายจะตายเอานะ!"


           ภาพของวัยรุ่นที่กำลังฝืนร่างกายตัวเองจนบาดเจ็บสาหัสโดยไม่ฟังแม้แต่คำห้ามปราบของเพื่อน จนสุดท้ายก็ไม่อาจทำสิ่งที่ตัวเองต้องการได้สำเร็จ


    "ขอโทษนะคะ... ช่วยตายไปทีได้ไหม?"


    "เธอ...--!?"


    "เพราะคุณ เขาถึงไม่เคยหันมามองฉัน ถึงแม้ฉันจะแย่งดวงตานั้นมาจากคุณแล้วก็ตาม!"


          เสียงของหญิงสาวกับภาพอันเลือนลาง ก่อนที่ความเจ็บแปร๊บจะสาดซัดเข้าที่ท้อง แขน มือ และลำตัวส่วนต่างๆ ชั่วพริบตาที่เขาไม่คาดคิดว่าคนรักของเพื่อนจะเป็นคนที่พรากดวงตาของเขา และเป็นคนที่พรากช่วงเวลาชีวิตที่เหลือทั้งหมดของเขาไป

          มือหนาจากการฝึกฝนจนหยาบกร้าน พยายามยกขึ้นเพื่อสัมผัสกับร่างกายของบุคคลข้างตัวก่อนที่จะถูกมือหนาแสนอบอุ่นของอีกฝ่ายกอบกุมเอาไว้อย่างเบามือ รอยยิ้มผุดพรายจากใบหน้าของคนที่ร่างกายเย็นเยียบราวกับศพที่ยังยื้อชีวิตอยู่ น้ำเสียงสะอื้นอย่างสิ้นหวังของอีกฝ่ายที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต

           อย่างน้อย...อีกฝ่ายก็กลับมาหาเขาแล้วจริงๆ...

          "พี่...เมธ...ผม..ข..อ..โท..."

           ไม่อาจเอ่ยได้จบประโยค มือของเอเมรอลก็ทิ้งตัวตกลงไปที่พื้น เสียงลมหายใจได้ขาดหายไปในเสี้ยววินาทีนั้น ทิ้งอีกบุคคลที่เฝ้าตามหาเขาให้กรีดร้องอย่างน่าเวทนาอยู่ท่ามกลางสายฝนของถนนยามค่ำคืน

          ความเจ็บปวดของเขาที่คิดว่าอีกฝ่ายตาย 

          ความเจ็บปวดของอีกฝ่ายที่เห็นเขาตาย  


          เขาหวังแค่ให้เรื่องราวมันจบเพียงเท่านี้






    .

    .

    .



          "เฮือก!!"

          ร่างเล็กของเด็กชายผมสีม่วงแวววาวลุกพรวดจากเตียงไม้อย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตาสีเขียวสุกสว่างเหลือบตามองรอบตัวด้วยความแตกตื่นและตกใจ เหงื่อผุดพรายขึ้นทั่วใบหน้าและลำตัว เด็กน้อยสำรวจร่างกายตัวเองอย่างร้อนรน

          ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดทรมาณเจียนตายแล้ว

          ไม่รู้สึกหนักตัวแล้วด้วย

          เขา...มองเห็น!?

          หยาดน้ำตาหยดรินไหลอย่างไม่คาดคิด ไม่คาดว่าดวงตาที่เขาไม่คิดว่าจะได้กลับมามองเห็นรอบตัวอีกแล้วจะกลับมามองเห็นอีกจริงๆ 

          ร่างเล็กที่ดูบอบบางแทบปลิวตามลมขยับตัวลงจากเตียงก่อนที่ตัวเขาจะเซถลาเพราะเสียศูนย์อย่างไม่ทันตั้งตัว

           อึ๊ก--!

           .

          ไม่เจ็บ..?

          "เอเมล..? เป็นอะไรไป ฝันร้ายหรอ?"

          เสียงที่คุ้นเคยราวกับเป็นเสียงเดียวกับเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินทำให้ดวงตาสีเขียวเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนที่เขาจะหันไปมองอีกฝ่ายที่เข้ามารับตัวเขาเอาไว้

          ดวงตาสีทับทิมแดงสบตากับเขาอย่างกังวลและห่วงใยเฉกเช่นเคยที่เขาเคยเห็น ผมสีเงินสว่างพลิ้วลาดกับไหล่หนาตัดกับชุดสีดำสนิทที่ราวกับบาทหลวงจากโบสถ์ที่สวรรค์ส่งมา มือหนาแสนอบอุ่นลูบไล้ผ่านแก้มเนียนที่เปรอะเปื้อนน้ำตา ก่อนที่เขาจะเช็ดมันออกอย่างเบามือ

          "พี่...เมธา...?"

          รอยยิ้มบางเบาผุดพรายออกมาจากใบหน้างดงามนั้นหลังเด็กน้อยที่เขาเอื้อมแขนกอดไว้ไม่ให้อีกฝ่ายหล่นกระแทกพื้นเอ่ยชื่อเชาออกมา

          "ร้องไห้ทำไมกันหืม"




    ????????????????????????????????????????????????????????????????

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น