ลาก่อน.... แล้วเธอก็จากไป - ลาก่อน.... แล้วเธอก็จากไป นิยาย ลาก่อน.... แล้วเธอก็จากไป : Dek-D.com - Writer

    ลาก่อน.... แล้วเธอก็จากไป

    ท่ามกลางสายลมต้อนรับฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา.. ใครบางคนตัดสินใจที่จะ ....

    ผู้เข้าชมรวม

    269

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    269

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 มี.ค. 49 / 08:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

             



        
      กลางฤดูใบไม้พลิ......

                                                     

                                                             ……   ภายในห้องส่วนตัวเล็กๆของผมเอง

       

       

           ร่องรอยจากสายฝนที่เมื่อครู่พึ่งสงบลงยังถูกทิ้งไว้ มันหยดน้ำเล็กๆที่ทิ้งรอยทางเดินเป็นแนวยาวก่อนร่วงสู่เบื้องล่าง มือที่เย็นเฉียบทั้งสองข้างนาบลงบนกระจก ทั้งสองข้างที่ผ่านร่องรอยของคนอื่นมาหลายต่อหลายครั้ง ผมไม่เคยนับแต่ไม่แน่มันอาจมากกว่าหยดน้ำที่เกาะอยู่นั่นอีก ผมไม่เคยคิดที่จะจำมันเลย ..... ผมค่อยลากมือผมออกจากกระจก อย่างช้าๆ เหมือนที่ผมเคยทำกับอุปกรณ์โลหะที่คอยกรีดเข้าไปบนร่างของผู้คนเมื่อเสร็จงาน ใช่มันเป็นงานเป็นหน้าที่เป็นสิ่งที่ผ่านไปแต่ละวัน ......วันนี้ผมฝากรอยฝ่ามือของผมไว้บนกระจกอีกครั้งเหมือนกับวันอื่นๆ ขณะผมคอยมองดูสภาพภายนอก

             

                ช่างน่าประหลาดใจที่นั่นเป็นเวลาไม่นานนักที่เปลี่ยนจากความมืดมัวมาเป็นความสว่างใสของท้องฟ้าเวลานี้ มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องหนึ่งได้มันเกิดขึ้นใน....... วันหนึ่งของเดือนตุลาคม

       

      เดือนตุลาคม ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นวันที่ 21 ซึ่งเป็นวันสุดสัปดาห์ เป็นอาทิตย์ที่มีความสุขถ้าผมจะไปปิกนิกบนเขาผมอาจกำลังจับปลาตัวใหญ่จากแม่น้ำได้ในขณะที่เพื่อนๆส่งเสียงเฮลั่น ผมอาจกำลังชมการแข่งขัยเบสบอล จอน ตัวน้อยอาจกำลังเล่าเรื่องที่เขาอยากเป็นนักเบสบอลตัวน้อย แต่วันนี้ทั้งวันเวลาของผมหายไป มันถูกแลกด้วยวันแห่งความอับโชคกับเรื่องราวที่ผมได้ทราบจากชายที่หยิบยื่นวันนั้นให้กับผม

       

       

         วันนั้นเป็นวันที่พื้นดินเป็นสีแดงอมน้ำตาลจากใบไม้ที่โรยร่วง วันที่ฝนโปรยปรายจากฟากฟ้า ….

       

      ภาพที่ผมได้พบเห็นหลังจากเราได้เปิดประตูบ้านหลังหนึ่งที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านใกล้เคียง มันคือชายผู้หนึ่งเขาอยู่ในท่าทางที่สงบ ใบหน้าไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ ขณะที่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจที่สุดคือสันมีดที่แสดงให้เห็นเพียงแต่ปลายนั้นเสียบลึกเข้าไป มันถูกเสียบไปที่กลางหัวใจของเขาพอดี  จากที่เห็นผมพยายามหลับตาลงเพื่อนึกถึงเรื่องดีๆที่ผมเคยเจอเพื่อลบล้างมันไป เรื่องลูกๆ เรื่องเพื่อนๆ เรื่องของความรัก ..... ช่างหน้าสงสารชายผู้นี้เขาไม่มีโอกาสอย่างนั้นอีกแล้ว

       

       

      ลมที่พัดผ่านจากหน้าต่างที่ถูกเปิดไว้พัดบางสิ่งมาข้างๆผม ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการเคลื่อนย้ายศพ อาจเป็นเพราะความสงสัยผมหยิบแผ่นกระดาษสองสามแผ่นนั้นขึ้น พับไว้ในกระเป๋า และทำงานของผมต่อไป โดยไม่มีใครอื่นที่จะรู้เรื่องราวที่เขียนในนั้นนอกจากตัวผมเอง และ ศพเท่านั้น

       

       

       

      หลังจากทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนมาอยู่ในชุดนอนแล้ว ผมเข้าไปนั่งในห้องรับแขก วันนี้ผมสามารถยับยั้งมือของผมไม่ให้ไปใช้รีโมต คอนโทรลได้ เนื่องจากอะไรบางอย่างในวันนี้ ผมมีความรู้สึกว่าผมอยากชวนลูกๆของผมเล่น ผมทำอย่างนั้น. เวลาล่วงมาเกือบเที่ยงคืน  ลูกๆเข้านอนกันหมดแล้ว ผมนึกอะไรบางอย่างได้ ผมกลับไปที่ชั้นวาง มองหากระเป๋าทำงานและสิ่งสำคัญที่อยู่ข้างใน ใช่แล้ว มันคือจดหมายลาตายของชายผู้นั้นนั่นเอง

       

       

       

      ถึงแอนนี่ที่รักที่จากผมไป

       

                ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้ วันเป็นเวลานานแล้วที่ผมคอยคำตอบนี้ ผมรู้ว่าจะไม่มีใครบอกผมถ้าผมไม่ค้นหามันเอง แต่จากวันนั้น วันที่ผมกับคุณอยู่ใต้ร่มเงาของ พยานรักของเรา ผมเชื่อว่าคุณยังจำได้ คุณดูเหมือนจะลืมมันไป แต่แสงแดดของวันแห่งรักที่พระเจ้าประทานให้เราและสายลมที่รวมเราทั้งสองยังอยู่กับผมเสมอ คำว่ารักเธอและตลอดไปยังก้องอยู่ในหัวใจของผมมาแรมปี  ถ้าคุณได้ยินผมโปรดตอบกลับรักจากผมด้วย ผมคิดถึงคุณและจะรอคุณเสมอ.......รัก

       

      ข้อความบนกระดาษสีขาวแผ่นเล็กจบลงเพียงเท่านี้  แสงไฟอ่านหนังสือจากห้องของผมเป็นแสงไปเดียวในบ้านตอนนี้ ผมกล่าวราตรีสวัสดีกับภรรยาผมพร้อมกับจูบเธอ ต่อไปนี้จะมีเพียงผมกับความทรงจำของชายคนนี้เท่านั้น ผมค่อยเก็บเอกสารสำคัญแผ่นแรกนี้ลงไปและผมก็อดไม่ได้ที่จะรับรู้เรื่องของชายผู้นี้ที่ผมเริ่มจะมีความสัมพันธ์ด้วยอย่างไม่รู้ตัว

       

      ที่รัก ผมได้อ่านจดหมายของคุณแล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่จากเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นของคุณ แต่ที่รักเชื่อเถอะว่าคุณจะไม่เป็นไร เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดกับคุณหรือกับเรา  เชื่อผมสิว่าไม่นานคุณจะกลับมาที่บ้านของเรา ฟังเรื่องเล่านับพันที่ผมอยากจะบอกคุณ และหัวเราะไปกับมัน ไม่ต้องกังวลไปแล้วผมจะไปหาคุณ รัก

       

      ในวันรุ่งขึ้น..

       

       ที่ริมถนนหน้าร้านดอกไม้ผมเห็นเงาของผู้ชายคนหนึ่งสะท้อนอยู่บนกระจกเงา แม้จะไม่มีใครอื่นอีกนอกจากคนขายที่กำลังยื่นช่อดอกไม้ให้กับลูกค้า ผมเดินออกมาพร้อมกับดอกไม้สีขาวสะอาดที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ไม่เคยมีใครบอกผมมาก่อนและนี่ก็เป็นครั้งแรก ดอกไม้ที่เราเอาไปให้ควรจะเป็นดอกอะไร ผมเกร็งๆอยู่นิดๆตอนเลือก ผมกับเขาที่ผมรู้เรื่องราวผ่านทางจดหมายคงรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน เรารู้สึกเหมือนไปด้วยกัน เขาจะอยู่ข้างๆผม ผมคิดว่ามันเป็นการดีถ้าหากผมจะไปเยี่ยม ไดแอน เพื่อนผมคนนึงที่กำลังจะคลอดลูกชายคนแรกของเธอ ใช่แล้วเขาคงเป็นลูกคนแรกด้วยถ้าไม่เกิดเรื่องเศร้าขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

       

      ผมเดินตามคำบอกของนายแพทย์ที่บังเอิญมาเจอผมพอดีในขณะที่ผมกำลังหาห้องของเพื่อนผมอยู่ เขายิ้มให้ผมและเดินจากไป จากนั้นผมก็มาหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่ง ตาของผมเริ่มเลือนลาง ป้ายชื่อของห้องนั้นไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่รายชื่อที่ถูกเขียนอยู่บนป้ายสีขาวนั้นให้ความรู้สึกที่คุ้นตามาก มันพึ่งเป็นเมื่อวานนี้เองที่ผมรู้จักกับชื่อนี้ นามสกุลนี้ ผมรู้สึกเย็นวูบขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลกนี้ ผมรวบรวมสติของผมและเปิดประตูเข้าไป

       

           ชายคนนั้นกำลังทรุดลงข้างๆหญิงสาวที่เป็นที่รักของเขา ใบหน้าที่เศร้าสลดของเขาและของเธอบอกความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดออกมาโดยไม่ต้องการคำพูดใดๆ ผมนั่งอยู่ซึ่งยืนอยู่นั้นถึงแม้จะอยู่ใกล้กับพวกเขามาเพียงนี้แต่ ผมก็ไม่อาจจะเข้าร่วมในความรู้สึกของพวกเขาได้ แม้แต่โลกภายนอกผ่านบานกระจกดูเหมือนจะดับมืดลงเป็นสีดำสนิท เสียงที่ดังที่สุดกลับกลายเป็นความเงียบสงัดไปเมื่อเทียบกับเสียงกระซิบจากหัวใจของทั้งสองคน โลกนี้ดูเหมือนจะมีแต่พวกเขาเท่านั้น เพียงเขาและเธอเท่านั้น

       

      น้ำตาไหลรินบนใบหน้าของชายหนุ่ม เขาอาจไม่เคยร้องไห้มาก่อนแต่สิ่งที่ปลอบโยนเขาอยู่นั่นคือ ที่รักของเขาซึ่งอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้เช่นกัน เธอกล่าวบางอย่างด้วยน้ำเสียงที่ค่อย และนุ่มนวลของเธอ เธอจับมือของเขาไว้แลดูเหมือนทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะไม่มีทางเป็นครั้งที่สอง มันเป็นคำกล่าวลา ต่อมากลุ่มแพทย์ก็เดินเข้ามาพร้อมเครื่องมือบางอย่าง หนึ่งในกลุ่มนั้นเป็นที่คุ้นตามาก เขาเป็นผู้ที่ผมเคยรู้จักแต่ได้จากไปนานแล้ว นานมากแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกถึงสายตาเย็นชาของเขาที่มีให้ชายหนุ่มที่ร่ำไห้กับความขอร้องครั้งสุดท้ายจากภรรยา ผมรักคุณเขาตะโกนเข้าไปแต่นั่นก็สายไปแล้ว ภรรยาไม่ได้ยินมัน และไม่สามารถส่งรอยยิ้มให้เขาได้อีกแล้ว ...............

       

       

      ผมเดินออกมาจากห้อง ขณะกลุ่มแพทย์กำลังจัดการบางอย่างกับร่างที่ไร้วิญญาณของหญิงสาว ชายผู้สับสนและไม่เข้าใจนั้นยังคงร่ำไห้กับอดีตที่โหดร้าย และอนาคตที่ไม่แน่นอนของเขา

       

      หญิงสาวไม่พยายามอธิบายให้คนที่เป็นห่วงเธอเข้าใจว่า ทำไม? และด้วยคำถามเดียวกันนี้ก็กำลังรุมเร้าชายหนุ่มอยู่ เธอช่างไม่เข้าใจเอาเลยว่าตลอดเวลามานี้ คนที่รักเธอและเธอรักเขานั้นเสียใจกับการกระทำของเธอขนาดไหน ถ้าเธอรู้ว่าเขานั่งคิดถึงเธอเป็นชั่วโมงๆที่ล่วงเลยจนเป็นหลายๆวัน เขาไม่ออกไปร่าเริงที่ไหนอีก เขาจำกัดโลกของเขาอยู่แค่เพียงเธอเท่านั้น  เธอคงไม่ทำมันลงไปถ้าเพียงเธอรู้อนาคตของชายคนนี้ เพียงแต่ เธอช่างโง่เขลา สิ่งเดียวที่ความรักในหัวใจของเธอที่จะมีให้เขาคืออะไรที่เธอยอมแลกด้วยชีวิต เขาที่จะต้องมาลำบากเพื่อเธอ เขาที่คอยเป็นกังวลจนไม่ห่วงตัวเขาเอง เขาที่คอยให้เธอกลับมาอย่างสิ้นหวังและปล่อยให้เวลาอันมีค่าของตัวเขาเองหมดไปกับเธอ และเธอจะไม่มีทางปล่อยชายที่เธอรักให้อยู่ในโลกแบบนั้นเป็นอันขาด แต่นั่น ..... เพียงแต่เธอไม่รู้เท่านั้น เอง

       

       

       

      นับจากนี้คุณต้องสัญญากับฉันว่าคุณจะเป็นตัวของคุณอีกครั้ง คุณจะต้องเข้มแข็ง ได้โปรดอย่ายึดติดกับฉันอีกเลย เดินตามทางของคุณแล้วอย่าหันกลับมา ฉันรักคุณค่ะ

                                                                                                                               แอนนี่ .....

       

       

      6:00 AM

                       21/10/2004

          แสงกระพริบจากพื้นสีเขียวอ่อนของหน้าปัดนาฬิกาข้อมือต้อนรับเช้าวันใหม่อีกวัน แต่ด้วยการที่มีผ้าห่มหลายต่อหลายผืนถมอยู่ด้านบนทำให้ไม่มีใครเลยได้ยินเสียงร้องเรียกจากมันซึ่งนอนไร้ประโยชน์อยู่บนเตียงของเจ้าของ เขาไม่ได้มานอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อวาน เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูแก่กว่าวัยไปหลายปี ผมที่ยุ่งเหยง หน้าตาที่ซีดเซียว  เขารำพันไปตลอดคืนเกี่ยวกับชีวิตที่ไร้ค่าของเขา เขาไม่อยากอยู่อีกแล้วในโลกที่ไม่มีเธอ ซักพักเขานำปากกาที่จับไว้ตลอดคืนวางมันลงขณะนั้นก็ค่อยๆหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆสีขาวพับเก็บไว้ในซองและสอดมันลงไปใต้ โต๊ะ บนซองที่คว่ำอยู่ปรากฏตัวอักษร

       

      ไง จอช !เพื่อนรัก

       

                      รู้ไหมนี่เป็นโอกาสดีจริงๆ รู้ไหมว่าที่จริงเรานัดกันออกไปพูดกันที่ร้านกาแฟแถวๆบ้านนายก็ได้ แต่แหมมันจะไม่คลาสสิกน่ะและกลัวว่านายจะน้อยใจด้วยถ้าไม่ได้การ์ดเหมือนกับคนอื่นๆที่ไปอยู่ที่อื่นกันหมด ดีๆจริงที่อย่างน้อยงานของฉันก็มีนายคนนึงแหละที่มาจากรัฐทางใต้นี่ แล้วเจอกัน อย่าลืมของขวัญให้ลูกตัวน้อยของฉันด้วยล่ะ

       

      แล้วเจอกัน จอช

      ไดแอน

      8/5/2000

       

       

       

       

      และวันนั้นกระดาษใบนี้ก็กลับมาหา จอชอีกครั้ง ..........................

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×