ลาก่อน.... แล้วเธอก็จากไป
ท่ามกลางสายลมต้อนรับฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา.. ใครบางคนตัดสินใจที่จะ ....
ผู้เข้าชมรวม
269
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กลางฤดูใบไม้พลิ......
ภายในห้องส่วนตัวเล็กๆของผมเอง
ร่องรอยจากสายฝนที่เมื่อครู่พึ่งสงบลงยังถูกทิ้งไว้ มันหยดน้ำเล็กๆที่ทิ้งรอยทางเดินเป็นแนวยาวก่อนร่วงสู่เบื้องล่าง มือที่เย็นเฉียบทั้งสองข้างนาบลงบนกระจก ทั้งสองข้างที่ผ่านร่องรอยของคนอื่นมาหลายต่อหลายครั้ง ผมไม่เคยนับแต่ไม่แน่มันอาจมากกว่าหยดน้ำที่เกาะอยู่นั่นอีก ผมไม่เคยคิดที่จะจำมันเลย ..... ผมค่อยลากมือผมออกจากกระจก อย่างช้าๆ เหมือนที่ผมเคยทำกับอุปกรณ์โลหะที่คอยกรีดเข้าไปบนร่างของผู้คนเมื่อเสร็จงาน ใช่มันเป็นงานเป็นหน้าที่เป็นสิ่งที่ผ่านไปแต่ละวัน ......วันนี้ผมฝากรอยฝ่ามือของผมไว้บนกระจกอีกครั้งเหมือนกับวันอื่นๆ ขณะผมคอยมองดูสภาพภายนอก
ช่างน่าประหลาดใจที่นั่นเป็นเวลาไม่นานนักที่เปลี่ยนจากความมืดมัวมาเป็นความสว่างใสของท้องฟ้าเวลานี้ มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องหนึ่งได้มันเกิดขึ้นใน....... วันหนึ่งของเดือนตุลาคม
เดือนตุลาคม ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นวันที่ 21 ซึ่งเป็นวันสุดสัปดาห์ เป็นอาทิตย์ที่มีความสุขถ้าผมจะไปปิกนิกบนเขาผมอาจกำลังจับปลาตัวใหญ่จากแม่น้ำได้ในขณะที่เพื่อนๆส่งเสียงเฮลั่น ผมอาจกำลังชมการแข่งขัยเบสบอล จอน ตัวน้อยอาจกำลังเล่าเรื่องที่เขาอยากเป็นนักเบสบอลตัวน้อย แต่วันนี้ทั้งวันเวลาของผมหายไป มันถูกแลกด้วยวันแห่งความอับโชคกับเรื่องราวที่ผมได้ทราบจากชายที่หยิบยื่นวันนั้นให้กับผม
วันนั้นเป็นวันที่พื้นดินเป็นสีแดงอมน้ำตาลจากใบไม้ที่โรยร่วง วันที่ฝนโปรยปรายจากฟากฟ้า .
ภาพที่ผมได้พบเห็นหลังจากเราได้เปิดประตูบ้านหลังหนึ่งที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านใกล้เคียง มันคือชายผู้หนึ่งเขาอยู่ในท่าทางที่สงบ ใบหน้าไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ ขณะที่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจที่สุดคือสันมีดที่แสดงให้เห็นเพียงแต่ปลายนั้นเสียบลึกเข้าไป มันถูกเสียบไปที่กลางหัวใจของเขาพอดี จากที่เห็นผมพยายามหลับตาลงเพื่อนึกถึงเรื่องดีๆที่ผมเคยเจอเพื่อลบล้างมันไป เรื่องลูกๆ เรื่องเพื่อนๆ เรื่องของความรัก ..... ช่างหน้าสงสารชายผู้นี้เขาไม่มีโอกาสอย่างนั้นอีกแล้ว
ลมที่พัดผ่านจากหน้าต่างที่ถูกเปิดไว้พัดบางสิ่งมาข้างๆผม ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการเคลื่อนย้ายศพ อาจเป็นเพราะความสงสัยผมหยิบแผ่นกระดาษสองสามแผ่นนั้นขึ้น พับไว้ในกระเป๋า และทำงานของผมต่อไป โดยไม่มีใครอื่นที่จะรู้เรื่องราวที่เขียนในนั้นนอกจากตัวผมเอง และ ศพเท่านั้น
หลังจากทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนมาอยู่ในชุดนอนแล้ว ผมเข้าไปนั่งในห้องรับแขก วันนี้ผมสามารถยับยั้งมือของผมไม่ให้ไปใช้รีโมต คอนโทรลได้ เนื่องจากอะไรบางอย่างในวันนี้ ผมมีความรู้สึกว่าผมอยากชวนลูกๆของผมเล่น ผมทำอย่างนั้น. เวลาล่วงมาเกือบเที่ยงคืน ลูกๆเข้านอนกันหมดแล้ว ผมนึกอะไรบางอย่างได้ ผมกลับไปที่ชั้นวาง มองหากระเป๋าทำงานและสิ่งสำคัญที่อยู่ข้างใน ใช่แล้ว มันคือจดหมายลาตายของชายผู้นั้นนั่นเอง
“ ถึงแอนนี่ที่รักที่จากผมไป
ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้ วันเป็นเวลานานแล้วที่ผมคอยคำตอบนี้ ผมรู้ว่าจะไม่มีใครบอกผมถ้าผมไม่ค้นหามันเอง แต่จากวันนั้น วันที่ผมกับคุณอยู่ใต้ร่มเงาของ “ พยานรักของเรา “ ผมเชื่อว่าคุณยังจำได้ คุณดูเหมือนจะลืมมันไป แต่แสงแดดของวันแห่งรักที่พระเจ้าประทานให้เราและสายลมที่รวมเราทั้งสองยังอยู่กับผมเสมอ คำว่ารักเธอและตลอดไปยังก้องอยู่ในหัวใจของผมมาแรมปี ถ้าคุณได้ยินผมโปรดตอบกลับรักจากผมด้วย ผมคิดถึงคุณและจะรอคุณเสมอ.......รัก “
ข้อความบนกระดาษสีขาวแผ่นเล็กจบลงเพียงเท่านี้ แสงไฟอ่านหนังสือจากห้องของผมเป็นแสงไปเดียวในบ้านตอนนี้ ผมกล่าวราตรีสวัสดีกับภรรยาผมพร้อมกับจูบเธอ ต่อไปนี้จะมีเพียงผมกับความทรงจำของชายคนนี้เท่านั้น ผมค่อยเก็บเอกสารสำคัญแผ่นแรกนี้ลงไปและผมก็อดไม่ได้ที่จะรับรู้เรื่องของชายผู้นี้ที่ผมเริ่มจะมีความสัมพันธ์ด้วยอย่างไม่รู้ตัว
“ที่รัก ผมได้อ่านจดหมายของคุณแล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่จากเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นของคุณ แต่ที่รักเชื่อเถอะว่าคุณจะไม่เป็นไร เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดกับคุณหรือกับเรา เชื่อผมสิว่าไม่นานคุณจะกลับมาที่บ้านของเรา ฟังเรื่องเล่านับพันที่ผมอยากจะบอกคุณ และหัวเราะไปกับมัน ไม่ต้องกังวลไปแล้วผมจะไปหาคุณ รัก “
ในวันรุ่งขึ้น..
ที่ริมถนนหน้าร้านดอกไม้ผมเห็นเงาของผู้ชายคนหนึ่งสะท้อนอยู่บนกระจกเงา แม้จะไม่มีใครอื่นอีกนอกจากคนขายที่กำลังยื่นช่อดอกไม้ให้กับลูกค้า ผมเดินออกมาพร้อมกับดอกไม้สีขาวสะอาดที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ไม่เคยมีใครบอกผมมาก่อนและนี่ก็เป็นครั้งแรก ดอกไม้ที่เราเอาไปให้ควรจะเป็นดอกอะไร ผมเกร็งๆอยู่นิดๆตอนเลือก ผมกับเขาที่ผมรู้เรื่องราวผ่านทางจดหมายคงรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน เรารู้สึกเหมือนไปด้วยกัน เขาจะอยู่ข้างๆผม ผมคิดว่ามันเป็นการดีถ้าหากผมจะไปเยี่ยม ไดแอน เพื่อนผมคนนึงที่กำลังจะคลอดลูกชายคนแรกของเธอ ใช่แล้วเขาคงเป็นลูกคนแรกด้วยถ้าไม่เกิดเรื่องเศร้าขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ผมเดินตามคำบอกของนายแพทย์ที่บังเอิญมาเจอผมพอดีในขณะที่ผมกำลังหาห้องของเพื่อนผมอยู่ เขายิ้มให้ผมและเดินจากไป จากนั้นผมก็มาหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่ง ตาของผมเริ่มเลือนลาง ป้ายชื่อของห้องนั้นไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่รายชื่อที่ถูกเขียนอยู่บนป้ายสีขาวนั้นให้ความรู้สึกที่คุ้นตามาก มันพึ่งเป็นเมื่อวานนี้เองที่ผมรู้จักกับชื่อนี้ นามสกุลนี้ ผมรู้สึกเย็นวูบขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลกนี้ ผมรวบรวมสติของผมและเปิดประตูเข้าไป
ชายคนนั้นกำลังทรุดลงข้างๆหญิงสาวที่เป็นที่รักของเขา ใบหน้าที่เศร้าสลดของเขาและของเธอบอกความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดออกมาโดยไม่ต้องการคำพูดใดๆ ผมนั่งอยู่ซึ่งยืนอยู่นั้นถึงแม้จะอยู่ใกล้กับพวกเขามาเพียงนี้แต่ ผมก็ไม่อาจจะเข้าร่วมในความรู้สึกของพวกเขาได้ แม้แต่โลกภายนอกผ่านบานกระจกดูเหมือนจะดับมืดลงเป็นสีดำสนิท เสียงที่ดังที่สุดกลับกลายเป็นความเงียบสงัดไปเมื่อเทียบกับเสียงกระซิบจากหัวใจของทั้งสองคน โลกนี้ดูเหมือนจะมีแต่พวกเขาเท่านั้น เพียงเขาและเธอเท่านั้น
น้ำตาไหลรินบนใบหน้าของชายหนุ่ม เขาอาจไม่เคยร้องไห้มาก่อนแต่สิ่งที่ปลอบโยนเขาอยู่นั่นคือ “ที่รัก” ของเขาซึ่งอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้เช่นกัน เธอกล่าวบางอย่างด้วยน้ำเสียงที่ค่อย และนุ่มนวลของเธอ เธอจับมือของเขาไว้แลดูเหมือนทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะไม่มีทางเป็นครั้งที่สอง มันเป็นคำกล่าวลา ต่อมากลุ่มแพทย์ก็เดินเข้ามาพร้อมเครื่องมือบางอย่าง หนึ่งในกลุ่มนั้นเป็นที่คุ้นตามาก เขาเป็นผู้ที่ผมเคยรู้จักแต่ได้จากไปนานแล้ว นานมากแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกถึงสายตาเย็นชาของเขาที่มีให้ชายหนุ่มที่ร่ำไห้กับความขอร้องครั้งสุดท้ายจากภรรยา “ผมรักคุณ” เขาตะโกนเข้าไปแต่นั่นก็สายไปแล้ว ภรรยาไม่ได้ยินมัน และไม่สามารถส่งรอยยิ้มให้เขาได้อีกแล้ว ...............
ผมเดินออกมาจากห้อง ขณะกลุ่มแพทย์กำลังจัดการบางอย่างกับร่างที่ไร้วิญญาณของหญิงสาว ชายผู้สับสนและไม่เข้าใจนั้นยังคงร่ำไห้กับอดีตที่โหดร้าย และอนาคตที่ไม่แน่นอนของเขา
หญิงสาวไม่พยายามอธิบายให้คนที่เป็นห่วงเธอเข้าใจว่า ทำไม? และด้วยคำถามเดียวกันนี้ก็กำลังรุมเร้าชายหนุ่มอยู่ เธอช่างไม่เข้าใจเอาเลยว่าตลอดเวลามานี้ คนที่รักเธอและเธอรักเขานั้นเสียใจกับการกระทำของเธอขนาดไหน ถ้าเธอรู้ว่าเขานั่งคิดถึงเธอเป็นชั่วโมงๆที่ล่วงเลยจนเป็นหลายๆวัน เขาไม่ออกไปร่าเริงที่ไหนอีก เขาจำกัดโลกของเขาอยู่แค่เพียงเธอเท่านั้น เธอคงไม่ทำมันลงไปถ้าเพียงเธอรู้อนาคตของชายคนนี้ เพียงแต่ เธอช่างโง่เขลา สิ่งเดียวที่ความรักในหัวใจของเธอที่จะมีให้เขาคืออะไรที่เธอยอมแลกด้วยชีวิต เขาที่จะต้องมาลำบากเพื่อเธอ เขาที่คอยเป็นกังวลจนไม่ห่วงตัวเขาเอง เขาที่คอยให้เธอกลับมาอย่างสิ้นหวังและปล่อยให้เวลาอันมีค่าของตัวเขาเองหมดไปกับเธอ และเธอจะไม่มีทางปล่อยชายที่เธอรักให้อยู่ในโลกแบบนั้นเป็นอันขาด แต่นั่น ..... เพียงแต่เธอไม่รู้เท่านั้น เอง
“นับจากนี้คุณต้องสัญญากับฉันว่าคุณจะเป็นตัวของคุณอีกครั้ง คุณจะต้องเข้มแข็ง ได้โปรดอย่ายึดติดกับฉันอีกเลย เดินตามทางของคุณแล้วอย่าหันกลับมา ฉันรักคุณค่ะ
แอนนี่ .....”
6:00 AM
แสงกระพริบจากพื้นสีเขียวอ่อนของหน้าปัดนาฬิกาข้อมือต้อนรับเช้าวันใหม่อีกวัน แต่ด้วยการที่มีผ้าห่มหลายต่อหลายผืนถมอยู่ด้านบนทำให้ไม่มีใครเลยได้ยินเสียงร้องเรียกจากมันซึ่งนอนไร้ประโยชน์อยู่บนเตียงของเจ้าของ เขาไม่ได้มานอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อวาน เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูแก่กว่าวัยไปหลายปี ผมที่ยุ่งเหยง หน้าตาที่ซีดเซียว เขารำพันไปตลอดคืนเกี่ยวกับชีวิตที่ไร้ค่าของเขา เขาไม่อยากอยู่อีกแล้วในโลกที่ไม่มีเธอ ซักพักเขานำปากกาที่จับไว้ตลอดคืนวางมันลงขณะนั้นก็ค่อยๆหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆสีขาวพับเก็บไว้ในซองและสอดมันลงไปใต้ โต๊ะ บนซองที่คว่ำอยู่ปรากฏตัวอักษร
“ ไง จอช !เพื่อนรัก
รู้ไหมนี่เป็นโอกาสดีจริงๆ รู้ไหมว่าที่จริงเรานัดกันออกไปพูดกันที่ร้านกาแฟแถวๆบ้านนายก็ได้ แต่แหมมันจะไม่คลาสสิกน่ะและกลัวว่านายจะน้อยใจด้วยถ้าไม่ได้การ์ดเหมือนกับคนอื่นๆที่ไปอยู่ที่อื่นกันหมด ดีๆจริงที่อย่างน้อยงานของฉันก็มีนายคนนึงแหละที่มาจากรัฐทางใต้นี่ แล้วเจอกัน อย่าลืมของขวัญให้ลูกตัวน้อยของฉันด้วยล่ะ”
แล้วเจอกัน จอช
ไดแอน
และวันนั้นกระดาษใบนี้ก็กลับมาหา “จอช” อีกครั้ง ..........................
ผลงานอื่นๆ ของ หัวไชเท้าอบ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ หัวไชเท้าอบ
ความคิดเห็น