ลืม....ตัว
หนึ่ง...เป็นบุตรชายนักการเมืองใหญ่ หนึ่ง...เป็นกำพร้าขาดพ่อขาดแม่ หนึ่ง...เป็นจักรวาลของทุกคน หนึ่ง...เป็นดาวดวงเล็ก ๆ ที่อับแสง
ผู้เข้าชมรวม
190
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เพียงแค่ร่างผอมบางของเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินผ่านกลุ่มของผู้มีอิทธิพลประจำโรงเรียน ซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะประจำในโรงอาหารประจำโรงเรียน เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
“กูบอกกี่ครั้งแล้ว ว่ากูไม่ได้รักมึง ไม่ได้ชอบมึง ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง!!!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่อยู่ ๆ ก็ดังขึ้นกลางโรงอาหาร ท่ามกลางสายตาของเด็กนักเรียนชาย – หญิงแทบทุกชั้นปี ที่ต่างมองมาด้วยความสนใจเมื่อสิ้นเสียงนั้น
ภาพที่ทุกคนได้เห็นคือเด็กหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหล่ามีเสน่ห์เจ้าของฉายา…..เจ้าชาย บุตรชายคนเดียวของนักการเมืองใหญ่ที่กำลังรุ่งเรืองอยู่ในสมัยนี้….ศรเทพ กำลังยืนตีหน้ายักษ์ อยู่กับเด็กหนุ่มร่างเล็กท่าทางเฉิ่มเชยผู้ซ่อนดวงตาไว้หลังแว่นสายตาเลนส์หนา นักเรียนผู้มีผลการเรียนดีเด่น….ปัตนิ ซึ่งกำลังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตรงหน้า
ศรเทพแสดงอาการฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจผลักร่างเล็ก ๆ อย่างแรง จนร่างนั้นเซล้มไปกองกับพื้น จานข้าวที่ถือมาร่วงกระจาย แล้วร่างสูงนั้นก็ก้าวข้ามผ่านไปอย่างไม่สนใจใยดี ทิ้งไว้เพียงเสียงอื้ออึงและร่างเล็กที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางเศษอาหารที่เกลื่อนพื้น
ในขณะที่ปัตนิรู้สึกงุนงงและคาดไม่ถึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ เด็กหนุ่มพยายามตั้งสติก่อนจะเอื้อมมือไปเก็บจานพลาสติกมาถือไว้เพื่อจะเอาไปเก็บเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ดวงตาคู่สวยหลังเลนส์สายตานั้นจะมีหยดน้ำตาคลอหน่วย แต่ก็ไม่มีน้ำตาแม้สักหยดที่จะไหลรินจากดวงตาคู่นั้น หากแต่ใครจะรู้เล่าว่าใจของเด็กหนุ่มกำลังร่ำไห้อย่างหนัก
สายตาของเพื่อนนักเรียนในโรงอาหารที่เห็นเหตุการณ์มีทั้งสงสาร สะใจ สมเพชและสมน้ำหน้า ปะปนกัน ทุกคนต่างรู้ดีว่าในช่วงเวลาหนึ่ง ศรเทพตามติดปัตนิยิ่งกว่าเงาตามตัว ทั้งดูแลเอาใจใส่จนใคร ๆ ต่างก็คิดว่าทั้งคู่คงลงเอยกันในไม่ช้านี้…..แต่แค่เพียง 3 เดือน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป โดยไม่มีใครรู้สาเหตุนอกจากคนทั้งคู่เท่านั้น
เพียงพ้นสายตาและเสียงอื้ออึงภายในโรงอาหาร น้ำใส ๆ ก็ไหลรินจากดวงตาจนเจ้าของต้องถอดแว่นสายตาออกเผยให้เห็นนัยน์ตาคู่โต ที่บัดนี้คลอไปด้วยหยาดน้ำตา
ปัตนิสัญญากับตัวเองตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าจะไม่ร้องไห้ จะไม่อ่อนแอ และจะไม่เสียใจ เขาจะทนกับการแสดงออกของศรเทพให้ได้ จะรับมือให้ได้เหมือนที่เคยบอกฝ่ายนั้นไป
เขาไม่ได้เสียใจที่ถูกศรเทพตะคอกใส่ ไม่ได้เสียใจที่ถูกผลักจนล้มไปกองกับพื้น ไม่ได้เสียใจที่ไม่ได้รับประทานอาหารกลางวันอย่างที่ตั้งใจ
แต่เขากำลังเสียใจ…..และเจ็บใจตัวเองที่ครั้งหนึ่งเคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับคน ๆ นี้!
แค่เธอเข้ามาทักทายยังเก็บไปคิด
ยิ่งเธอใกล้ชิดฉันเองก็ยิ่งได้ใจ
เลยแอบไปนอนละเมอ
เธอคงไม่ไกล ฝันไว้คงได้รักกัน
ไม่ดูตัวเอง ว่าควรจะอยู่แค่นี้
ไม่มองความจริงสักที ว่ามีเท่าไหร่
เธออยู่ดีๆ ของเธอ เรามันเพ้อไป
เพิ่งเริ่มเข้าใจ ตอนนี้ เผลอลืมตัว
ว่าเราเป็นคนสำคัญ เผลอใจสั่น เมื่อยามเธออยู่กับใคร
ผิดไปแล้ว ที่ได้ทำ ให้เธอลำบากใจ
เผลอลืมตัว เลยดูเป็นคนไม่ดี
ขอโทษที ทำทำให้เธออับอาย ( ต้องอาย )
ต่อไปนี้ ไม่ต้องห่วง เพราะฉันจะจากไป
แม้รู้แก่ใจว่ารักเธอ
เพลง ลืมตัว ของ Little Bird
เสียงเพลงที่ดังแว่วมาจากห้องกระจายเสียงของโรงเรียน ในขณะที่ปัตนิกำลังล้างคราบน้ำตาซึ่งเปรอะเต็มสองแก้มของตนอยู่นั้น ทำให้เด็กหนุ่มหยุดชะงัก แล้วนิ่งฟังเพลงนั้นเกือบทันที
เพลง…..ที่เหมือนจะถ่ายทอดออกมาได้ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเขามากที่สุด ดวงตากลมโตที่มักหลบซ่อนไม่ให้ใครเห็นนั้น เหม่อมองไปไกล….ความคิดล่องลอยไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 3 เดือนก่อนอย่างช่วยไม่ได้
++++++++++++++++++++++++++
ในโรงเรียน…..ไม่มีใครไม่รู้จักศรเทพ เด็กหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูง สมาร์ท นักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียน “เจ้าชาย” ในฝัน บุตรชายคนเดียวของนักการเมืองใหญ่…. ขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ เพราะแม้แต่ปัตนิเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้จักศรเทพ ถึงจะเป็นการรู้จักเพียงฝ่ายเดียวก็ตาม
ก็ใครบ้างล่ะที่อยากจะรู้จักนักเรียนเฉิ่ม ๆ เชย ๆ สวมแว่นตาหนาเตอะ หน้าตาไม่ได้เรื่อง มีดีแค่ “เรียนเก่ง” จนได้รับทุนเรียนฟรีจนถึงระดับมหาวิทยาลัย และเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนกลางเทอมในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 อย่างเขากันเล่า
ไม่มีหรอก….และเขาก็ชินเสียแล้ว กับการอยู่คนเดียว
ทุกวัน…. โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นหูกวางใกล้ ๆ สนามบาสเกตบอล เป็นที่ประจำที่ปัตนิมักไปนั่งอ่านหนังสือ แต่วันนี้ที่ประจำของเขากลับมี “แขก” ไม่ได้รับเชิญ
ศรเทพ…..แขกไม่ได้รับเชิญ กำลังนอนหนุนแขนตัวเอง….นั่งหลับอยู่ตรงนั้น
เด็กหนุ่มร่างบางมองอย่างแปลกใจ เพราะปกติคน ๆ นี้มักถูกห้อมล้อมด้วยคนอื่น ๆ อยู่เสมอ….เหมือนเป็นจุดศูนย์กลางของทุกคน แต่วันนี้กลับเห็นเพียงคนเดียว แล้วคนอื่น ๆ หายไปไหนหมด
แปลก……..แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสนใจ เด็กหนุ่มยักไหล่ก่อนจะทรุดนั่งตรงข้ามกับคนนอน ไม่อยากไปหาที่นั่งใหม่ให้เสียเวลา เพราะวันนี้เขาต้องสรุปบทเรียนให้เสร็จก่อนที่อาจารย์จะเข้าสอนคาบบ่าย
นักเรียนดีเด่นจมอยู่กับงานที่ต้องทำจนไม่สนใจสิ่งอื่น กระทั่งได้ยินเสียงออดจึงได้เงยหน้าขึ้นมองโลก (บ้าง) แต่คนที่นอนหลับอยู่ตรงข้ามก็ยังคงหลับอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะตื่นด้วยซ้ำ
“คุณศรเทพ….คุณศรเทพ....”
ปัตนิเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา….เสียงออดออกจะดังแต่คนหลับก็ยังหลับอยู่ สงสัยว่าจะ “หลับลึก” เขาไม่ได้อยากปลุกหรอกนะ แต่เพื่อมนุษยธรรมจะปล่อยเจ้าชายให้ถูกแดดเผาจนสุกได้อย่างไร
“…อืม…..อ้าว!….นายเป็นใคร?”
“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอก…แต่ได้เวลาเข้าเรียนคาบบ่ายแล้ว คุณควรจะไปเรียนได้แล้วนะ นอนอยู่ตรงนี้เดี๋ยวแดดจะเผาเอาได้” ปัตนิชินเสียแล้วกับคำถาม “นายเป็นใคร?” ไม่ได้เสียใจเสียความรู้สึกที่มีคน “จำ” เขาไม่ได้เท่าไรนัก ก็นักเรียนเฉิ่มเชยไม่มีอะไรเด่นสะดุดตาอย่างเขา ใครเขาจะอยากไปจำกันเล่า
“อ้อ….ขอบใจ….ปัตนิ…” ศรเทพอ่านชื่อที่ปักด้วยด้ายสีน้ำเงินใต้อักษรย่อของโรงเรียน
ปัตนิ อัครวัฒน์ ใคร….เหมือนจะเคยได้ยินชื่อ แต่ทำไมไม่เคยเห็นหน้า ถ้าหากอยู่โรงเรียนเดียวกัน
“ไม่เป็นไร คุณตื่นแล้วก็ดี ผมขอตัวก่อนนะ ต้องรีบไปเข้าเรียน”
ร่างเล็กบางผละจากไปพร้อมกับหนังสือเรียนโดยไม่สนใจคนที่นั่งมองอยู่เลยแม้แต่น้อย ทิ้งให้คนที่เป็น “ศูนย์กลาง” ของโลกมองตามด้วยสายตาที่ไม่มีใครอ่านความหมายออก
++++++++++++++++++++++++++
“นั่งด้วยได้ไหม”
เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างที่นั่งลงอย่างไม่รอคำตอบนั้น ทำให้ปัตนิเงยหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างงง ๆ …..ถามเอง….ตอบเอง…แล้วจะถามทำไม หากคนตรงหน้ายิ่งทำให้นักเรียนดีเด่นงุนงงหนักเข้าไปใหญ่……ศรเทพ
“….โต๊ะอาหารของโรงเรียน ไม่ใช่ของส่วนตัว….ใครจะนั่งก็ได้”
เด็กหนุ่มเอ่ยในที่สุด ถึงแม้จะนึกสงสัยหรือแปลกใจที่เห็นเจ้าชายเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ แต่ก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยนั้นไว้ แถมสายตาของเพื่อนนักเรียนที่มองมาก็ยิ่งทำให้ต้องนั่งรับประทานอาหารไปอย่างเงียบ ๆ เพราะไม่เคยชินกับการตกเป็นเป้าสายตาของใคร ท่าทาง….ชีวิตในโรงเรียนของเขาจะหาความสงบสุขได้ยากซะแล้ว
“ปกติ….ทานข้าวคนเดียวเหรอ”
“…………………”
อยู่ ๆ ศรเทพก็เอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างรับประทานอาหารของตนโดยไม่มีเสียงพูดคุยมาได้ครู่ใหญ่ ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนแทบทั้งโรงอาหาร
ก็ใครจะไม่สงสัยเล่า เพราะอยู่ ๆ “เจ้าชาย” ก็มานั่งอยู่กับ “ไอ้เฉิ่ม” นั่น
ปัตนิไม่ได้ตอบคำถาม เพราะกำลังนึกทบทวนสูตรคณิตศาสตร์ที่เพิ่งได้เรียนไป จึงไม่ได้สนใจฝ่ายตรงข้ามเท่าไรนัก
“ปัตนิ….ได้ยินที่ผมถามหรือเปล่า”
ศรเทพถามย้ำเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉย คนที่เคยได้รับความสนใจจากคนรอบข้างอย่างเขารู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย
“….ผมเพิ่งย้ายมา ยังไม่รู้จักใครน่ะ” …..และไม่เดือดร้อนหรอกที่จะต้องกินข้าวคนเดียว ประโยคนี้ปัตนิตอบเพียงในใจแต่ไม่ได้เอ่ยออกมา มองสบสายตาของลูกชายนักการเมืองอย่างไม่เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายมากนัก ไม่มีเพื่อนเป็นมนุษย์….เขาก็ยังมี “หนังสือ” เป็นเพื่อน
“งั้น….ผมจะมาทานข้าวด้วยทุกวัน”
“ไม่….”
ปัตนิยังไม่ทันได้เอ่ยปากปฏิเสธ ร่างสูงก็ลุกไปพร้อมกับจานอาหารของตนและของปัตนิ โดยที่เด็กหนุ่มร่างบางได้แต่นั่งอึ้ง เหมือนกับเจ้าของสายตาหลายต่อหลายคู่ในโรงอาหารที่แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ศรเทพคนนั้นเก็บจานให้คนอื่นด้วย!!!! สงสัยทุกคนคงกำลังอยู่ในความฝันแน่ ๆ
แล้วหลังจากนั้นไม่ว่าเด็กหนุ่มนักเรียนดีเด่นจะอยู่ที่ไหน ทุกคนก็มักจะได้เห็นร่างสูงของ “เจ้าชาย” อยู่ที่นั่นด้วยเสมอ จนเป็นภาพชินตาและกลายเป็นความเคยชินไปในที่สุด
++++++++++++++++++++++++++
“คุณ….ไม่จำเป็นต้องอยู่กับผมตลอดก็ได้นะ”
ปัตนิเอ่ยขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปกว่า 2 เดือน และตัวตนของศรเทพค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในใจเขาอย่างช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว
การที่เด็กหนุ่มร่างสูง “หยุด” อยู่ข้าง ๆ เขาโดยไม่สนใจสายตาใคร ทำทุกอย่างให้เป็นไปโดยธรรมชาติ ทำให้คนที่ไม่เคยได้รับความสนใจจากใครอย่างเขารู้สึกเต็มตื้น แม้ชั่วขณะหนึ่งจิตใต้สำนึกจะสั่งให้ระมัดระวังหัวใจตัวเอง แต่… “ความรัก” มันห้ามกันไม่ได้
“ผมอยากอยู่กับคุณ….ไม่ได้เหรอ” ศรเทพเอ่ยเสียงอ้อน มือใหญ่เอื้อมไปจับมือเล็กที่เจ้าของวางไว้ข้างตัวมากุมไว้ ทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ด้วยกันที่ “โต๊ะประจำ” ข้างสนามบาสเก็ตบอลของนักเรียนดีเด่นนั่นเอง
“เพื่อน ๆ คุณจะว่าได้ ที่คุณเอาแต่อยู่กับผมจนไม่สนใจพวกเขา” ปัตนิบอกตามตรง เพราะหลายครั้งที่เขาได้เห็นสายตากลุ่ม “เพื่อน” ของศรเทพ รวมถึงสายตาของคนอื่น ๆ ที่มักจะรายล้อมอยู่รอบ “ศูนย์กลาง” ของทุกคนมองมาที่เขาสองคน มองด้วยสายตาแปลก ๆ …..สายตา….ที่เขาเดาความหมายนั้นไม่ออก
บางครั้งเขาก็นึกฉงนในใจ…..ทั้ง ๆ ที่เรื่องเรียนสามารถเรียนรู้ได้โดยง่าย ทำข้อสอบได้คะแนนเต็มร้อย แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศรเทพ…คนที่เคยสอบได้คะแนนเต็มอย่างเขา กลับเรียนไม่รู้เรื่องและทำข้อสอบนี้ไม่ถูกอยู่ร่ำไป
“ไม่มีใครว่าอะไรคุณได้หรอก….ผมรับรอง”
ศรเทพยิ้มบาง ๆ ให้คนตรงหน้า เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เจ้าของมือเล็กที่เขากอบกุมอยู่ต้องเสไปอ่านหนังสือต่ออย่างเก้อเขิน ก่อนจะมองเลยไปยังกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงสนามบาสเก็ตบอล รอยยิ้มนั้นจึงเปลี่ยนไป!!!
++++++++++++++++++++++++++
“ไหน…..ศร….บอกว่าไม่นานไงล่ะ”
เสียงที่ได้ยินในขณะที่กำลังเดินผ่าน ทำให้ปัตนิหยุดเดินเกือบทันที เด็กหนุ่มกำลังตัดสินใจเดินผ่าน หากไม่ได้ยินเสียงคุ้นหูของใครคนหนึ่งเข้าเสียก่อน…….เสียงของศรเทพ….
“ก็อีกไม่นานไง….มันยังไม่ครบ 3 เดือนที่เราตกลงกันเลยนะ”
“จัดการเสียทีสิ….ถ้าทำได้เงิน 50,000 บาท ก็เป็นของมึงตามที่พนันกันไว้….อย่าลืมถ่ายคลิปมาด้วยล่ะ”
“อีกไม่กี่วันหรอก มึงรอดูไปไอ้อาร์ต เดี๋ยวไอ้เด็กเรียนนั่นต้องเสร็จกูแน่ มึงได้ดูคลิปกูกับไอ้เด็กนั่นแน่ มึงเตรียมเงินไว้เถอะ”
“รีบจัดการเร็ว ๆ นะศร….กวางไม่ชอบเลยที่ต้องเห็นศรไปอี๋อ๋อกับเด็กนั่น….กวางเป็นแฟนศรนะ….”
“รอ…..”
คนพวกนั้นจะพูดเรื่องอะไรกันต่อปัตนิไม่ได้อยู่ฟังจนจบ ความจริงที่เขาบังเอิญได้ยิน ทำให้ต้องหันหลังเดินกลับไปทางเดิม ทว่าสองขาที่ก้าวเดินเหมือนจะอ่อนแรงจนต้องหาที่นั่งพัก สมองครุ่นคิดเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างช้า ๆ ขณะที่น้ำตากลับไหลออกมาจนต้องถอดแว่นสายตาออกมาเช็ด
ไม่ใช่ปัตนิไม่เคยผิดสังเกต ไม่ใช่ไม่เคยรับรู้ แต่ “ใจ” ที่ถลำลึกไปแล้วหยุดทุกอย่างไว้
หากเมื่อได้หยุดคิด….ได้หยุดไต่ตรอง เด็กหนุ่มจึงเริ่มเข้าใจเหตุผลที่คนอย่างศรเทพยอมเสียเวลาอยู่กับเขา เริ่มเข้าใจสายตาที่ “คนพวกนั้น” มองมา….สายตาที่บ่งบอกถึงความสมเพชและสะใจ
ความรักของเขา….ความรู้สึกที่เขาไม่เคยมีให้ใครนั้น มีค่าเพียงแค่เงิน 50,000 บาท เท่านั้นเองหรือ?
++++++++++++++++++++++++++
ในวันที่เวลาผ่านไปครบ 3 เดือน
เด็กหนุ่มร่างสูงกับดอกกุหลาบที่ปรากฏสู่คลองจักษุไม่ได้สร้างความแปลกใจให้แก่ปัตนิเท่าไรนัก เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าศรเทพต้องทำอย่างนี้แน่ ๆ ตั้งแต่วันที่ได้ยิน “ความจริง” นั้น นักเรียนดีเด่นทำเหมือนตัวเองไม่รู้เรื่องอะไร ยังคงปล่อยให้ลูกชายนักการเมืองตามติดดั่งเงาตามตัวเช่นเดิม แต่ความรักที่เคยมีให้อีกฝ่ายนั้นกลับลดน้อยถอยลงไป เด็กหนุ่มเริ่มเรียนรู้ที่จะเผื่อใจไว้สำหรับความผิดหวังที่ต้องเกิดขึ้น
“ปัตนิ….เป็นแฟนกับผมนะ”
คำพูดเขิน ๆ กับดอกกุหลาบที่ถูกยื่นมาตรงหน้า หากเป็นคนอื่นเมื่อถูกเจ้าชายในฝันขอเป็นแฟนคงดีใจและรีบตอบตกลง แต่ไม่ใช่กับคนที่รู้ความจริงทุกอย่างแล้วอย่างปัตนิ เด็กหนุ่มทำแค่เพียง “มอง” ดอกกุหลาบในมือใหญ่นั้น และมองเลยไปยังกลุ่มคนหน้าสนามบาสเก็ตบอลกลุ่มนั้น ก่อนจะกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกผิดหวังมากกว่าเดิม
“ผมไม่ชอบผู้ชาย….และเราเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ดีกว่านะศรเทพ” ไอ้เฉิ่ม….ของหลาย ๆ คนเอ่ยเสียงเรียบ แต่ก็สงผลให้คนที่ไม่เคยถูกใครปฏิเสธมาก่อนกำมือแน่นอย่างระงับความโกรธที่กำลังปะทุขึ้นมา
“ถ้าหากการแสดงออกหลาย ๆ อย่างของผมที่ผ่านมาทำให้คุณเข้าใจผิด ผมต้องขอโทษด้วย”
หนุ่มร่างเล็กก้มศีรษะน้อย ๆ เป็นเชิงขอโทษ พยายามไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมามากไปกว่าที่กำลังทำอยู่
ทำไมเขาจะไม่เห็นมือใหญ่ที่กำแน่น
ทำไมจะไม่รู้ว่าคนเจ้าอารมณ์กำลังระงับอารมณ์เต็มความสามารถ
“ขอตัวก่อนนะครับ….” ปัตนิรวบหนังสือ 2 – 3 เล่มบนโต๊ะมาถือไว้ ตั้งท่าจะผละหนีจากสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกตรงหน้า หากไม่ทันก้าวเดินไปไหนเสียงเข้ม ๆ บ่งบอกอารมณ์ของคนตรงหน้าก็ดังขึ้นเสียก่อน
สงสัยว่าคงระงับอารมณ์ไม่ได้…..
“เดี๋ยวก่อน!....มึงนึกว่ากูจะสนใจคนอย่างมึงงั้นเหรอ!” ศรเทพตะคอกใส่คนที่กล้าปฏิเสธเขา ไม่สนใจแล้วไอ้เงินพนันแค่ 50,000 บาทนั่น
“ไอ้หน้าจืดอย่างมึงน่ะ ถ้าเพื่อนกูไม่ท้าพนัน กูก็ไม่เข้าใกล้มึงหรอก! รู้เอาไว้ด้วย” อารมณ์โกรธ ฉุนเฉียว ทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงเอ่ยเรื่องที่เขารับพนันเพื่อนมาอย่างไม่ทันคิด
แต่ใครจะไปสนใจล่ะ!! ตอนนี้เขารู้อย่างเดียวว่าเขากำลังโกรธ…..โกรธไอ้หน้าจืดที่ทำให้เขาต้องเสียเวลาตามติดอยู่ตั้ง 3 เดือน โดยไม่ได้ได้อะไรอย่างนี้
เสียเวลาเปล่า!
“…..ครับ….เท่านี้ใช่ไหมครับที่คุณอยากบอก แล้วถ้าคุณจะเลิกสนใจ เลิกเป็นเพื่อนกับผมต่อไปก็ไม่เป็นไรครับ….ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ”
ปัตนิเอ่ยทิ้งท้ายเหมือนไม่สนใจก่อนเดินจากมา ในขณะที่กลุ่มคนหน้าสนามบาสเริ่มเดินเข้ามาหาร่างสูง “ศูนย์กลาง” จักรวาล
“ศรเทพ….เกิดอะไรขึ้น!”
กวางวิ่งมาเกาะแขนแฟนหนุ่มพลางเอ่ยถามอย่างอย่างสงสัยระคนแปลกใจ ที่เห็น “ไอ้เฉิ่ม” เดินจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง แถมยังไม่ยอมรับดอกกุหลาบที่ลูกชายนักการเมืองอุตสาห์ถือมาด้วย
“ไม่สำเร็จใช่ไหมล่ะ…..” อติเทพเอ่ยถามยิ้ม ๆ เหมือนรู้ผลลัพธ์นั้นอยู่แล้ว
“เออ!!! เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอาเงินมาให้…..แล้วมึงจำไว้เลยนะอาร์ต ไอ้จืดนั่นกับกูต้องเห็นดีกันแน่!!!”
++++++++++++++++++++++++++
ปัตนิถอนใจยาวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาระหว่างตนกับลูกชายนักการเมือง เด็กนักเรียนดีเด่นอย่างเขาจะเอาอะไรไปสู้กับอิทธิพลและอำนาจเงินของอีกฝ่ายได้ เมื่อไม่ยอมเป็น “ของเล่น” ซ้ำยังถูกหมายหัว ทุกวันเด็กหนุ่มจึงต้องทนรับการกลั่นแกล้งทุกรูปแบบ
โดยเฉพาะการกลั่นแกล้งที่พลิกกลับให้ฝ่ายนั้นเหมือนเป็นฝ่ายถูกเขาตามตื้อแทน ให้เขากลายเป็นคนน่ารังเกียจในสายตาของทุกคน เหมือนเหตุการณ์ในโรงอาหาร
“…คุณควรจะสู้ ไม่ใช่ยอมอยู่อย่างนี้”
ผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ถูกยื่นมาตรงหน้าในขณะที่ปัตนิกำลังล้วงมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้เป็นประจำในกระเป๋ากางเกงนักเรียน ทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้ามองเจ้าของผ้าผืนน้อยก่อนถอนใจยาวอีกครั้ง
คนหนึ่งไป….คนหนึ่งมา….เขาไม่เข้าใจตรรกะความคิดของคนพวกนี้จริง ๆ
“ขอบคุณ….แต่ผมมีของผมแล้ว” ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กจากกระเป๋ากางเกงถูกหยิบออกมาเช็ดหน้าตัวเอง เป็นการปฏิเสธความหวังดีอย่างสุภาพ พยายามไม่สนใจคนตรงหน้ามากนัก
…..อาร์ต….อติเทพ….
เขาไม่อยากลืมตัว…..คิดไปเองและไม่อยากหวั่นไหวต่ออะไรง่าย ๆ อีกแล้ว
+++++++++++The End ++++++++++
คุยตอนจบ
เรื่องสั้นนี้จบแล้วค่ะ พยามยามแต่งให้จบ อาจจะอ่านไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนะ เราคิดพล็อตนี้ได้ตอนที่ได้ฟังเพลงลืมตัว ไม่เคยแต่งเรื่องสั้นเลย แต่งที่ไรยาวทุกที นี่เป็นเรื่องแรกที่แต่ง ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
ผลงานอื่นๆ ของ runa-j ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ runa-j
ความคิดเห็น