เรื่อง เทคนิคดีๆการสอบวัดความถนัดแพทย์ครับ - เรื่อง เทคนิคดีๆการสอบวัดความถนัดแพทย์ครับ นิยาย เรื่อง เทคนิคดีๆการสอบวัดความถนัดแพทย์ครับ : Dek-D.com - Writer

    เรื่อง เทคนิคดีๆการสอบวัดความถนัดแพทย์ครับ

    ต่อจากกระทู้ของคุณ Rainy เรื่องการทำข้อสอบวัดความถนัดแพทย์หน่อยนะครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    4,653

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    4.65K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    14
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ก.ย. 52 / 17:42 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    Trip ดีๆของการทำข้อสอบวัดความถนัดแพทย์แต่ละพาร์ทครับ ต่อจากกระทู้ของMy ID ของคุณ Rainy ครับ

    http://writer.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=490640&chapter=12

    (น้องๆที่สนใจ ลองอ่านกระทู้ของคุณ Rainy ก่อนก็ได้นะครับ)
    ขอบพระคุณคุณRainy ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      แนะนำเพิ่มเติมต่อจากคุณ Rainyอีกนิดนึงนะครับในฐานะได้มีโอกาสเข้าร่วมในสถานการณ์สอบ นานมากแล้วแต่ปัจจุบันก็ยังชอบเอาข้อสอบเหล่านั้นมานั่งสอนน้องๆที่จะสอบความถนัดแพทย์อยู่ครับที่อยากจะอธิบายคือ 
           -
      ทำไมต้องแบ่งข้อสอบออกเป็นสามตอนด้วยคำตอบคือจากการวิจัยทางเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การแพทย์นั้นในสาขาของจิตวิทยามีการกล่าวถึงการแบ่งระดับกระบวนการคิดและการจำของมนุษย์ออกเป็นหลายแบบด้วยกันแต่ที่นิยมคือ ทฤษฏีสองขั้น ทฤษฏีของกิลฟอร์ด ทฤษฏีของกาเย่ เป็นต้นสามารถแบ่งออกได้เป็น3แบบดังที่ ได้กล่าวมาแล้วครับดังนั้นทางคณะผู้วิพากษ์ข้อสอบ (ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังเป็นหน้าที่ของแพทยสภารึเปล่า???) จึงต้องจัดทำแบบทดสอบอันเป็นเครื่องมือแยกไอคิวหรือทักษะการการคิดวิเคราะห์และอีคิวหรือทักษะการบริหารทางจิตและอารมณ์รวมไปถึงที่ทางคณะแพทยศาสตร์เน้นย้ำมากที่สุดคือกระบวนการตัดสินใจ เนื่องจากวิชาชีพแพทย์รวมไปถึงพยาบาลศาสตร์และวิทยาศาสตร์การแพทย์อื่นๆด้วยจำเป็นต้องมีอย่างยิ่งเนื่องจากการตัดสินใจที่ถูกต้องและรวดเร็วนั้นเป็นอีกทักษะหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บที่เข้ามาอยู่ในการอารักขาของเรานั้นรอดชีวิตครับดังนั้นน้องๆท่านใดที่จะทำคะแนนตรงนี้ได้ต้องฝึกการคิดวิเคราะห์ที่ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์โดยมีหลักการรองรับ(หลักการทางการแพทย์เบื้องต้น น้องๆควรจะหาอ่านบ้างนะครับโดยเฉพาะโรคที่กำลังระบาดในสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น H1N1 ชิคุนกุนยาอุบัติเหตุฉุกเฉินต่างๆ) ตัวอย่างข้อสอบที่พี่เคยเจอคือ
                   "
      การ CPRหรือกู้ชีพคนไข้, ถ้าเจอคนเป็นลมจะทำ......." ทำนองนี้ครับอันนี้มันอาจจะรวมเรื่องของกฏหมายไว้ด้วยนะครับ ต้องระวังให้มาก 
                   ****
      เทคนิคของพาร์ทการคิดวิเคราะห์ คือ ข้อไหนดูแล้วโอก้อเอาข้อนั้นน่ะครับน้องๆต้องพิจารณาดูแล้วคิดว่า ข้อไหนสมเหตุสมผลมากที่สุดก็เป็นข้อนั้นอันนี้พี่ว่าไม่ยาก หากน้องๆเป็นคนมีเหตุมีผลอยู่แล้ว****


           -
      การทำข้อสอบวัดไอคิว ร้อยละ60-80ของข้อสอบความถนัดทางการแพทย์ในพาร์ทนี้ส่วนมากจะเกี่ยวกับ"มิติสัมพันธ์" น้องๆหลายท่านคงไม่รู้จัก??? พูดง่ายๆมันก็คือ "การคิดที่มีระบบและต่อเนื่องนั่นเอง" ข้อสอบจะเป็นภาพที่ 1,2,3 และภาพที่4จะเป็นภาพอะไร???} อันนี้ลองเข้าไปทำได้ในเว็ปที่พี่ลิงค์ไว้ให้นี้นะครับ
      http://www.eduzones.com/school/iqtest.html

      (
      เข้าไปแล้วเลือกโหมด ENGLISHนะครับ)

                ****
      เทคนิคการทำข้อสอบในพาร์ทนี้คือ คิดให้เร็วตาให้ไว อย่าวอกแวก สมาธิจดจ่อ ห้ามหลับตาจิ้ม สุดท้ายคือ มองนาฬิกาด้วยเพราะเค้ากำหนดเวลาเคร่งครัด หากทำไม่เสร็จต้องหยุดทันที หากเหลือ15นาทีรีบเดาหน่อย อิอิ ^__^  ****



           -
      ข้อสอบการคิดแบบเชื่อมโยงอันนี้ต่อเนื่องจากสองอันแรกนะครับ ส่วนมากจะพบข้อสอบเขียนหรือข้อความที่อ่านยาวๆประมาณแค่โจทย์ก้อครึ่งหน้าแล้ว อย่างที่คุณRainy บอก ต้องหาKeywords ของเรื่องที่อ่านให้ได้ และจงคิดแบบวิเคราะห์คือการคิดจาก เหตุไปผล จากหัวไปหาง (หากคิดแบบสังเคราะห์น้องต้องคิดอีกอย่างหนึ่งนะครับ ไปทบทวนดูด้วยนะจ๊ะ)อันนี้ต้องหัดคิดให้ดี เช่นพี่จะลองวิเคราะห์การเกิดโรคความดันของผู้ป่วยโรคเบาหวาน(อย่างเป็นระบบและเชื่อมโยงกันให้น้องๆดูเป็นแนวทางนะครับ อ้อ!!! อันนี้ใครจะลงทำเป็นconcept mapping หรือแผนภูมิก้างปลาก็ได้นะครับจะดูง่ายขึ้น)


           " 
      เบาหวาน > ระดับน้ำตาลและไขมันเลวในเลือดสูงจากพยาธิสภาพ > เลือดมีความหนืดมากขึ้น > เกิดผลต่อผนังหลอดเลือด > ผนังหลอดเลือดเสื่อมสภาพ > มีการตีบแคบของหลอดเลือด> เลือดไหลเวียนในร่างกายได้น้อยลง > ร่างกายปรับสภาพเพื่อเพิ่มปริมาณเลือดที่ระบบไหลเวียน > หัวใจบีบตัวมากขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงร่างกาย > เลือดไหลผ่านหลอดเลือดไม่ได้เลือดไปกระทบหรือคั่งอยู่ตามหลอดเลือดมาก > แรงดันเลือดกระทำต่อหลอดเลือดมากขึ้น >กลายเป็นความดันโลหิตสูง "



      ^__^ 
      เป็นไงล่ะครับพอจะทำได้ไม๊???  ลองดูๆนะครับ พี่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเหมือนเดิมอย่างนี้รึป่าวแต่พี่ว่าน่าจะยากขึ้นอ่ะครับ อิอิ แต่ไม่ต้องท้อนะ สู้ๆ สุดท้ายนี้พี่มีเคล็ดลับการสอบเอ็นทรานซ์ให้น้องๆลองดู เป็นแนวทางที่พี่ใช้สอบครับแล้วก็ประสบความสำเร็จดีหลังจากนั้นพี่ก้อลองให้น้องๆที่พี่ติวให้ทำดูเค้าก็สอบได้100%เช่นกันลองอ่านดูนะครับ

         
      ข้อ1 คืนก่อนสอบเอ็นฯ จนนอนหลับเสียกินให้อิ่มนอนให้หลับ 
          
      ข้อ2 ตื่นตอนเช้าให้ล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำทันทีอย่ามัวกลิ้งอยู่บนที่นอน เพราะเวลาที่เหลือจนกระทั่งก่อนเข้าห้องสอบนั้น   คือ golden time แห่งการจำ เพราะฉะนั้นจงอ่านหนังสือซะ
        
      ข้อที่3 จงตระหนักอยู่เสมอว่าตนต้องทำอะไรต่อไป วางแผนล่วงหน้าเพื่อเข้าห้องสอบได้ตรงเวลา
         
      ข้อที่4 ก่อนเข้าห้องสอบหากได้ติวกับเพื่อนๆสักนิดเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กันสัก10-15นาทีก็ดีจะทำให้เราได้แนวคิดของข้อสอบมากขึ้น
        
      ข้อ5 ตอนเข้าห้องสอบรำลึกถึงพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ (รวมไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์สักนิดอิอิ) เพื่อให้เกิดสมาธิที่ดี ที่สำคัญทำหน้าตาฉลาดๆเข้าไว้ หุหุ
         
      ข้อที่6 ขณะทำข้อสอบ เช็คดูซะก่อน ครบถ้วนรึป่าว ตรงตามคำชี้แจงรึป่าวเปิดทำข้อที่ทำได้ก่อน ข้อที่ทำไม่ได้ไว้ค่อยทำ วิธีเดาข้อที่ทำไม่ได้คือตัดข้อที่ดูแล้วงี่เง่าๆออกไป จนเหลือสองข้อสุดท้ายให้พิจารณาว่าข้อใดตรงกับข้อที่เราคิดมากที่สุด ตัดสินใจครั้งเดียวเท่านั้นและคำตอบแรกที่เราเลือกจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุดในข้อนั้น จงเชื่อมั่นแต่ถ้าหากข้อนั้นอ่านไม่รู้เรื่องเลย จงหลับตาลงระลึกถึงบุญกุศลพร้อมใช้ดินสอจิ้ม(ยกต่ำๆ เดี๋ยวอายเค้า) จงตอบข้อนั้นแหล่ะ
       
      ข้อที่7 หลังจากหมดเวลาให้เอานิ้วลากเรียงข้อ(ในanswer sheet)เพื่อดูข้อที่ไม่ได้ทำแล้วลืมไว้อีกทีแล้วเดาเสีย
       
      ข้อที่8 ออกจากห้องสอบให้ระลึกถึงข้อสอบที่ทำไปแล้วอีกที (เผื่อพลาด ไว้เป็นแนว อิอิ)
       
      ข้อที่9 ออกมาแล้วคุณจะเจอกับฝูงเพื่อนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักมากมายทยอยออกจากห้องสอบเต็มไปหมดจงเดินไปหาที่นั่งที่มีกลุ่มเพื่อนของคุณเองเพื่อฟังสิ่งที่เค้าเลือกตอบ(พวกชอบเฉลยหลังสอบแต่ไม่รู้ว่าที่ตัวเองพูดถูกรึป่าว -*-) จงฟังพวกเค้า แล้วเออออห่อหมกตามไปแต่อย่าเก็บมาเป็นสาระเพื่อรบกวนจิตใจ เพราะเค้าก้อไม่ใช่คนออกข้อสอบนี่ (พวกนี้จะมากพอเวลาตอบไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ก้อมักจะกังวลจนทำให้ไม่มีสมาธิสอบวิชาต่อไป)
       
      ข้อที่10 พิจารณาตัวเองว่าอ่อนเรื่องอะไร กลับไปทบทวนให้มากแต่ที่สำคัญต้องตระหนักอยู่เสมอว่า "เอ็น(ทรานซ์)ตามเขา ระวังเอ็นเราจะขาด" นั่นคือเลือกคณะที่เหมาะสมกับตน มีใจรักชอบคณะนี้ และมุ่งมั่นจริงๆเท่านี้ก้อไม่มีพลาดครับ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×