[SF] Cherry - Junhyuk (JunDong) - [SF] Cherry - Junhyuk (JunDong) นิยาย [SF] Cherry - Junhyuk (JunDong) : Dek-D.com - Writer

    [SF] Cherry - Junhyuk (JunDong)

    ผู้เข้าชมรวม

    2,411

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    2.41K

    ความคิดเห็น


    13

    คนติดตาม


    45
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 มิ.ย. 58 / 02:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สำหรับนักอ่านคนใหม่ๆ ทุกเรื่องเป็น SF นะคะ ^_^

    จบในตอน ไม่จำเป็นต้องอ่านทุกตอนก็ได้จ้า

    ** แต่เพื่ออรรถรสที่ดี และถ้ามีเวลา..

    แนะนำให้ไล่อ่านตั้งแต่ตอนแรกเนาะ ฮี่ฮี่ :D
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Junhoe x Donghyuk






      กดปิดแอร์.

       



      อื้อ...”   คนตัวเล็กที่หลับอยู่บนเตียงเริ่มส่งเสียงประท้วงในลำคอเบาๆเมื่ออากาศในห้องร้อนขึ้น คิมดงฮยอกขมวดคิ้วจนยุ่งไปหมดทั้งที่ยังหลับตาอยู่เหมือนกับไม่พอใจที่โดนปลุกด้วยวิธีปิดแอร์แบบนี้ ร่างเล็กขยับตัวยุกยิกอยู่สองสามทีจากนั้นก็เอามือดึงผ้าห่มออก ผมยืนกอดอกมองอย่างเงียบๆอยู่สักพักเพื่อรอให้อีกคนตื่น แต่ดูเหมือนอีกคนไม่สะทกสะท้านอะไรกับการปิดแอร์ของผมเลยแม้แต่น้อย แถมยังเอื้อมมือออกไปข้างๆตัวแล้วกวาดไปรอบเตียง พอไม่เจอสิ่งที่ต้องการก็เริ่มเปิดปากโวยวายอีกรอบ

       

      กูจุนฮเวหายไปไหนน”  เสียงโวยวายดังขึ้นทั้งที่อีกคนยังไม่ยอมลืมตา 

       

      อยู่นี่”  ผมเลื่อนมือเข้าไปจับมือของคนที่นอนอยู่บนเตียงไว้ก่อนจะกระตุกเบาๆเชิงปลุกให้ตื่น “..ลุกได้แล้วน่า ทำไมขี้เซาอย่างนี้อ่ะ

       

      “....”  ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าของผมสีน้ำตาลตรงหน้า มีเพียงแรงดึงรั้งจากมือเล็กเท่านั้นที่ผมรู้สึกได้ ดงฮยอกกำลังพยายามต่อต้านการปลุกของผมโดยการบังคับให้ให้ผมลงไปนอนด้วย

       

      นี่... นาฬิกาตอนนี้มันจะเที่ยงแล้วนะครับ

       

      ก็ช่างนาฬิกามันสิ.....”    

       


      โอ้โห...

      คำตอบของคนง่วงมันกวนประสาทได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ

       


      แล้วจะนอนต่ออีกนานไหม?”  

       

      “...จนกว่าจะหิว

       

      .

      .

       

      จนกว่าจะหิวใช่มั้ย?

      ก็ได้...

       

       

      สปาเก็ตตี้ ไข่ดาว นมร้อน และไอศกรีมโปะหน้าด้วยลูกเชอร์รี่นับสิบลูกถูกจัดวางไว้บนถาด ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายตัวเองพร้อมถือถาดอาหารมานั่งบนเตียงข้างๆคนที่กำลังนอนหลับอยู่ เฮดโฟนตัวโปรดถูกยกขึ้นมาสวม ก่อนจะค่อยๆจัดการของกินทีละอย่างแบบใจเย็น  หึ... ทนหลับต่อได้ก็ตามใจ

       

       

       

                 

                   “....ฟุดฟิด ฟุดฟิด”  ไม่รู้ว่าฝันอะไรมันจะชัดเจนขนาดนี้ ถึงขนาดว่ารู้สึกตัวแล้วกลิ่นเชอร์รี่หอมๆยังติดอยู่ที่ปลายจมูกอยู่เลย อา... ไม่อยากตื่นเลย ในฝันนั้นมีไอศกรีมกับลูกเชอร์รี่ของโปรดเต็มไปหมดเลย

       

       

      กินมั้ย?”  เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ๆตัว พอค่อยๆหรี่ตามองก็เจอกับร่างสูงยื่นเชอร์รี่ลูกสีแดงสดมาให้ 

       

      อ..อ้าว..  นายกินเชอร์รี่หรอกเหรอ? นึกว่าฝัน...

       

      ฮ่าๆๆ นี่หิวจนฝันเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นเลยเหรอ? ก็ปลุกแล้วไม่ตื่นเอง อ่ะนี่..อ้าปากเร็ว..อ้าม..จุนฮเวทำเสียงล้อเลียนจนอยากจะผลักให้ตกเตียงไปซะตอนนี้เลย ถ้าไม่ติดว่าเชอร์รี่ลูกใหญ่ได้ดึงความสนใจไปหมดอ่ะนะ จากลูกที่หนึ่งที่อีกคนป้อน ก็มีลูกที่สอง สาม สี ห้า ตามมาติดๆ 

       

      เอี๊ยวไอ้อ้ายแอ๊วว (เคี้ยวไม่ได้แล้ว)ส่งเสียงก่นด่าไปเต็มที่ ไม่สนแล้วว่าอีกคนจะฟังรู้เรื่องมั้ย ก็เล่นป้อนเข้าปากแบบไม่เว้นจังหวะให้เคี้ยวเลย

       

      แก้มกลมๆแบบนี้โคตรน่ารักเลยอ่ะ ไหนขอหยิกแก้มดิ๊..ดงฮยอกงี่~มือหนาเอื้อมมือมาประครองใบหน้าไว้แล้วพยายามจับแก้มกลมๆที่ตึงแน่นด้วยเชอร์รี่ให้ยืดออก

       

      "อย่าดึงงง มันเจ็บบบบ~" จุนฮเวยอมลดมือลง แต่ก็ยังไม่เลิกวุ่นวายด้วยการเลื่อนหัวแม่มือมาเช็ดคราบเปื้อนที่อยู่ตรงมุมปากออกให้

       

      "อิ่มมั้ย? มีอีกนะเต็มตู้เย็นเลย"

       

      "ไม่เอาอ่ะ อยากกินกุ้งชุบแป้งทอดกับข้าวร้อนๆมากกว่า..."

       

      "อีกยี่สิบนาทีต้องออกไปคณะแล้ว ไว้กินวันหลังนะ" ฝ่ามือหนายกขึ้นมาขยี้ลงบนผมอย่างเอาใจ

       

      "พาไปกินก่อนดิ...." 

       

      "อย่าทำหน้าตาแบบนั้นน่า... ใจอ่อนจะแย่อยู่แล้ว แต่มันงานด่วนจริงๆนะ ต้องเข้าไปแก้เพลงให้เสร็จก่อนครับ"

       

      "หิวอ่ะ.."

       

      "...."

       

      "จุนฮเวพาไปนะ.."

       

      "ถ้าเอาก้านเชอร์รี่มาม้วนเป็นปมได้ เดี๋ยวพาไปเลยเอา"

       

       

       

      หื้อ?

       

       

      อยู่ๆกูจุนฮเวก็ยื่นข้อเสนอแปลกๆมาให้ โดยยื่นก้านเชอร์รี่ที่เหลือจากการกินเมื่อสักครู่มาตรงหน้าแล้วบอกให้ม้วนเป็นปม

       

       

      ใครๆก็ทำได้ป่ะ

       

       

      "เฮ้ๆๆๆ ใครให้ใช้มือม้วนเล่า ง่ายไป"

       

      "อ้าวว แล้วจะให้ใช้อะไร-.."

       

      "ใช้ปากม้วนดิ แบบนี้ไง" จุนฮเวหยิบก้านเชอร์รี่ก้านใหม่บนถาดขึ้นมาก่อนจะเอามันเข้าไปในปาก ร่างสูงทำปากขมุบขมิบอยู่สักพักแล้วคายก้านเชอร์รี่ที่ถูกม้วนเป็นปมแน่นออกมา

       

       

       

      เห้ย.. ทำได้ไงอ่ะ 

       

       

       

      "อ่ะลองทำดู..." จุนฮเวยัดก้านเชอร์รี่ทั้งหมดสามก้านใส่มือ  "ให้ใช้ได้สามก้าน... ถ้าม้วนได้แค่หนึ่งในสาม ภายในเวลาห้านาที จะยอมโดดงานที่คณะ ยอมโดนฮันบินฮยองและบ๊อบบี้ฮยองด่าเลยเอา"

       

      "......"

       

       

       

      ก้านที่หนึ่งก็แล้ว..

       

      ก้านที่สองพยายามม้วนจนเปื่อยก็ยัง..

       

      ก้านที่สาม... ใกล้ละ

       

      .

       

      .

       

      เห้ยใกล้แล้วจริงๆ

       

       

       

      "หมดเวลา"   เสียงบอกหมดเวลามันช่างฟังดูเยือกเย็นอะไรขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งรู้สึกนี่แหละว่าสอบเข้าแพทย์ยังจะง่ายกว่าม้วนปมก้านเชอร์รี่ด้วยปากซะอีก

       

       

      พ่ายแพ้..

      รู้สึกพ่ายแพ้

       

       

       

       

      "...."

       

      "ต้องออกไปทำงานที่คณะแล้วจริงๆนะ" ร่างสูงพูดพลางยกกระเป๋าขึ้นมาสะพาย 

       

      "จะไปไหนก็ไปเลย"

       

      "เฮ้ๆ นี่โกรธเหรอ?  คนแบบคิมดงฮยอกไม่ชอบแพ้ทำไมจะไม่รู้... หงุดหงิดใช่มั้ยล่ะครับ? หิวด้วยอ่ะดิ"

       

      "...."   คิดจะยั่วโมโหกันอีกนานไหมกูจุนฮเว

       

      "ถ้าหิวก็ไปกินได้เลยนะ กับข้าวอยู่บนโต๊ะในครัวอุ่นให้แล้ว"

       

      "..."

       

      "ถ้าหงุดหงิดที่ทำไม่ได้ไปฝึกมาดิ... คนทำแบบนี้ได้แสดงว่าจูบเก่งนะ"

       

      "คิดว่าเชื่อเหรอ? ไม่ทำแล้ว ไร้สาระ"

       

      "....เชอร์รี่มีอีกเพียบอยู่ในตู้เย็น"

       

      "ก็บอกว่าไม่ทำ-.."

       

      "ไปทำงานละ ตอนเย็นเจอกันครับ" 

       

      “.....”

      .

       

      .

       

       

       

      “ย้ำอีกที.. เชอร์รี่มีอีกเพียบในตู้เย็น”

       

       

       

       

      โว้ยยยยยยย

      หุบปากไปเลย!

       

       

       

       

       

       

                 อากาศวันนี้ก็ไม่ค่อยดี จุนฮเวก็มาทำให้อารมณ์เสีย แล้วแถมตอนนี้พี่จินฮวานยังจะมาสายอีก ไหนบอกว่าขึ้นเวรตรวจคนไข้แค่แป๊บเดียวไง... บ้าชะมัด

       

       

       

      ~กรุ๊งกริ๊ง~ 

       

      กระดิ่งที่ประตูดังขึ้นบอกว่ามีลูกค้าเดินเข้ามาใหม่ พอหันไปก็เจอกับพี่ชายตัวเล็กที่เดินเร็วๆมาที่โต๊ะที่ผมนั่งอยู่ในตอนแรก

       

       

      "รอนานมั้ย? โทษทีพอดีเขียนรายงานเคสคนไข้อยู่"

       

      "ไม่เป็นไรครับ อ่ะนี่... ผมสั่งนมสดร้อนกับไอศกรีมมาเผื่อ"

       

      "ไอศกรีมใส่เชอร์รี่มาเยอะจัง พี่ไม่ชอบกินก็รู้นี่"

       

      "รู้... ก็ผมสั่งมากินเอง"

       

      "เยอะขนาดนี้อ่ะนะ?"

       

      "ความจริงจะเอามาฝึกม้วนก้านเชอร์รี่... จุนฮเวมาท้าทายเอาไว้ อารมณ์เสียสุดๆไปเลย"

       

      "ฮ่าๆๆ สองคนนี้ชอบเล่นอะไรแปลกๆ พี่ทำไม่เป็นหรอกนะอะไรพวกนี้อ่ะ ถ้าจะให้บอกว่าทำยังไงต้องไปถามคนแบบฮันบินโน่น"

       

      "จริงดิ? ฮันบินฮยองก็ทำได้เหรอ??"

       

      "ทำได้ดิ รายนั้นชอบกินเชอร์รี่มากกก พอพี่ไม่กินก็เอาของพี่ไปกินจนหมด แล้วก็ม้วนก้านเชอร์รี่ออกมาโชว์เสร็จสรรพ ตลกชะมัด ทำไปทำไมก็ไม่รู้"

       

      "ก็จุนฮเวบอกว่าคนทำแบบนั้นได้แสดงว่า...-"

       

      "จูบเก่ง"

       

      "..."

       

      "จุนฮเวพูดแบบนั้นใช่มั้ยล่ะ?"

       

      "อือ.. ก็ใช่.. ที่เรียกฮยองมาหาวันนี้ก็จะมาบ่นเรื่องนี้แหละ.."

       

      "มาบ่นเรื่องอะไร? เรื่องที่ม้วนก้านเชอร์รี่ไม่ได้ หรือเรื่องที่โดนจุนฮเวสบประมาททางอ้อมว่าจูบไม่เก่ง? ฮ่าๆ"  พี่ชายตัวเล็กหัวเราะออกมาแบบห้ามไม่อยู่ นี่สรุปว่าเรียกมาเพื่อทำให้คลายความหงุดหงิด หรือมาเพิ่มความหงุดหงิดกันแน่เนี่ย

       

      "ฮยองอ่ะ... ไม่ตลกนะ ฮยองก็รู้ว่าผมไม่ชอบแพ้ ยิ่งอะไรแบบนี้ด้วยล่ะก็.. มันน่าหงุดหงิดจะตายไป"

       

      "ก็อย่าไปใส่ใจสิ พี่ก็ไม้รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ความเชื่อที่ว่าถ้าเอาลิ้นม้วนก้านเชอร์รี่ได้แล้วจูบเก่ง นี่มันมาจากไหน"

       

      "แล้วฮันบินฮยองจูบเก่งไหม?"  

       

       

       

      เห้ย...

      นี่ผมหลุดปากถามอะไรออกไป

       

       

       

      "....."

       

      "ขอโทษฮะฮยอง ผมไม่ได้ตั้งใจ" ก้มหน้ามองพื้นเพื่อหลบหนีความผิดในการถามตั้งคำถามส่วนตัวกับพี่จินฮวาน 

       

       

       

       

      "แล้วกูจุนฮเวจูบเก่งไหม?"  

       

      "....."

       

      "ไปหาคำตอบเอาเอง"

       

       

       

       

      อืม....

       

      จะมีใครอีกไหมที่กล้าตอบ ‘คำถามด้วย คำถามแบบพี่จินฮวานอีกไหมเนี่ย.

       



       

       

                  จุดมุ่งหมายแรกของการกลับมาถึงห้องคือเปิดตู้เย็น ในใจหวังไว้ว่าจะเจอกับกล่องใส่เชอร์รี่ที่ว่างเปล่า แต่พอคิดอีกทีคนแบบดงฮยอกน่ะ... ไม่ยอมทำตามเกมส์ของใครง่ายๆหรอก

       

       

      ซึ่งมันก็จริง..

      เชอร์รี่เหลืออยู่เต็มกล่อง.

       

       

      “อ่ะแฮ่ม..”   ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนก็ส่งเสียงกระแอมเล็กๆให้คนที่นอนอ่านแม็กกาซีนอยู่บนเตียงได้รับรู้ถึงการมาของผม ดงฮยอกทำเพียยงแค่เปรยตาขึ้นมามองเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะหันกลับไปอ่านแม็กกาซีนตามเดิม

       

      “....”

       

      “หิวป่าว? ซื้อข้าวกับกุ้งชุบแป้งทอดมาฝากด้วยนะ...”

       

      “ยังไม่หิว” ดงฮยอกตอบเสียงเย็นแถมไม่เงยหน้าขึ้นมามองกันสักนิด

       

      “อ่อ... งั้นเหรอ”

       

      “อยากกินเชอร์รี่”

       

      “ว่าไงนะ?”

       

      “ไปหยิบเชอร์รี่ในตู้เย็นมาให้หน่อย”

       

      พอได้ยินแบบนั้นขาทั้งสองข้างก็รีบเดินไปหยิบกล่องเชอร์รี่ในตู้เย็นมาให้คนตัวเล็กทันที ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่าดงฮยอกอาจจะหายโกรธหรือหายหงุดหงิดผมแล้วก็ได้ เพราะตอนแรกนึกว่าอีกคนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเมื่อตอนบ่ายสักเท่าไหร่ แต่พอบ่นว่าอยากกินเชอร์รี่แบบนี้ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย

       

       

      เชอรร์รี่ถูกส่งเข้าปากของคนตัวเล็กลูกต่อลูก... จริงๆมันก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเท่าไหร่ยกเว้นก้านเชอร์รี่ที่ถูกม้วนเป็นปมแน่นถูกส่งกลับมาให้ผม

       

       

      คิมดงฮยอกทำได้แล้ว

      ใช้เวลาต่อหนึ่งก้านไม่ถึงสองนาทีอีกด้วย

      เก่งกว่าผมอีก.

       

       

      “อ้าว.. ส่งเชอร์รี่มาดิ ถืออยู่ทำไม”  มือเล็กเอื้อมมาสะกิดเพื่อขอเชอร์รี่ลูกที่สิบเอ็ดจากผม แล้วเจ้าตัวก็ส่งก้ามเชอร์รี่ที่ถูกม้วนปมแล้วกลับคืนมาเป็นก้านที่สิบ...

       

      “ม้วนก้านเชอร์รี่เป็นแล้วเหรอครับ?...”  ถามพลางค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งพิงหัวเตียงข้างคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

       

      “.....”

       

      “จะพิสูจน์ว่าตัวเองจูบเก่งรึไง....”   เอามือรั้งใบหน้าหวานให้เขามาใกล้ๆอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะจ้องลึกลงไปยังดวงโตเรียวสวยนั่น  ดงฮยอกที่กำลังม้วนก้านเชอร์รี่ก้านที่สิบเอ็ดในปากจ้องกลับอย่างไม่นึกกลัว หลังจากนั้นไม่นานเรียวปากบางก็คายก้านเชอร์รี่ที่มีปมออกมาให้ดู เพื่อย้ำความสามารถของตัวเอง

       

      “ไม่ได้จะบอกว่าจูบเก่งหรือไม่เก่ง ...แค่จะทำให้เห็นว่าทำได้แล้ว” พูดพลางแบมือโชว์ก้านเชอร์รี่ในมือ

       

      “ไหนบอกว่าไร้สาระ?”

       

      “.....”    เพียงเสี้ยววินาทีที่นัยน์ตาของดงฮยอกวูบไหว  “ก็ไร้สาระไง... พอม้วนได้แล้วไงอ่ะ?”

       

      “ก็แปลว่าจูบเก่งไงครับ... ใครๆเค้าก็บอกแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ”

       

      ใครๆ ที่ว่านี่หมายถึงใคร?”

       


      “....”

       


      “เห็นมั้ยล่ะกุจุนฮเว ขนาดนายก็ยังไม่รู้เลยว่าใครๆ นี่มันไม่หมายถึงใ-...อื้ออออออ..ออออออออ...”

       

      .

       

      .



      .









      “...จากนี้ไปฉันจะไม่เชื่อใครๆอีกแล้วคิมดงฮยอก... ฉันจะเชื่อตัวเอง”  ผมก้มลงกระซิบเข้าข้างหูของคนในอ้อมกอดหลังจากที่มอบจูบอันหนักหน่วงและเนิ่นนานให้ไป

       


      “อ..อื้ม..ดีแล้วล่ะ...   ฉันก็เชื่อตัวเอง...”   ร่างบางที่อยู่ในสภาพเหมือนคนหมดแรงเลื่อนหน้ามาซุกไว้บริเวณอกกว้าง ก่อนจะเปล่งเสียงตอบกลับมา

       


      “เหนื่อยเลยเหรอ.. ขอโทษครับ”  พูดพลางยกมือขึ้นมาลูบหัวดงฮยอกเบาๆ

       

      “อ..อือ”

       

      “จูบเก่งนะ.. รู้ตัวมั้ย?”

       

      “...”

       


      “...”

       

       

       

      “นายก็เหมือนกัน”

       


      END.

       


      หลังจากที่หายไปเดือนกว่า ขอกราบขอโทษลงตรงนี้งามๆนะคะ //กราบบบ

      และขออนุญาตกราบลาไปนอนก่อนค่ะ 5555555555555 ง่วงจ๊นนนน

      มาทิ้งระเบิดตอนช่วงตี2-3 อีกละ แหะๆ

      Enjoy reading นะคะ จุ๊บบบบบบ :3

       

      ปล. ถ้ามีคำผิด/ประโยคผิด เชิญแจ้งได้เลยจ้า ยินดีและขอบคุณมากๆ

       Twitter ที่เก่าเหมือนเดิม  #ฟิคสามหมอ   ^-^

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×