[SF] Cherry - Junhyuk (JunDong)
ผู้เข้าชมรวม
2,411
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Junhoe x Donghyuk
กดปิดแอร์.
“อื้อ...” คนตัวเล็กที่หลับอยู่บนเตียงเริ่มส่งเสียงประท้วงในลำคอเบาๆเมื่ออากาศในห้องร้อนขึ้น คิมดงฮยอกขมวดคิ้วจนยุ่งไปหมดทั้งที่ยังหลับตาอยู่เหมือนกับไม่พอใจที่โดนปลุกด้วยวิธีปิดแอร์แบบนี้ ร่างเล็กขยับตัวยุกยิกอยู่สองสามทีจากนั้นก็เอามือดึงผ้าห่มออก ผมยืนกอดอกมองอย่างเงียบๆอยู่สักพักเพื่อรอให้อีกคนตื่น แต่ดูเหมือนอีกคนไม่สะทกสะท้านอะไรกับการปิดแอร์ของผมเลยแม้แต่น้อย แถมยังเอื้อมมือออกไปข้างๆตัวแล้วกวาดไปรอบเตียง พอไม่เจอสิ่งที่ต้องการก็เริ่มเปิดปากโวยวายอีกรอบ
“กูจุนฮเวหายไปไหนน” เสียงโวยวายดังขึ้นทั้งที่อีกคนยังไม่ยอมลืมตา
“อยู่นี่” ผมเลื่อนมือเข้าไปจับมือของคนที่นอนอยู่บนเตียงไว้ก่อนจะกระตุกเบาๆเชิงปลุกให้ตื่น “..ลุกได้แล้วน่า ทำไมขี้เซาอย่างนี้อ่ะ”
“....” ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าของผมสีน้ำตาลตรงหน้า มีเพียงแรงดึงรั้งจากมือเล็กเท่านั้นที่ผมรู้สึกได้ ดงฮยอกกำลังพยายามต่อต้านการปลุกของผมโดยการบังคับให้ให้ผมลงไปนอนด้วย
“นี่... นาฬิกาตอนนี้มันจะเที่ยงแล้วนะครับ”
“ก็ช่างนาฬิกามันสิ.....”
โอ้โห...
คำตอบของคนง่วงมันกวนประสาทได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ
“แล้วจะนอนต่ออีกนานไหม?”
“...จนกว่าจะหิว”
.
.
จนกว่าจะหิวใช่มั้ย?
ก็ได้...
สปาเก็ตตี้ ไข่ดาว นมร้อน และไอศกรีมโปะหน้าด้วยลูกเชอร์รี่นับสิบลูกถูกจัดวางไว้บนถาด ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายตัวเองพร้อมถือถาดอาหารมานั่งบนเตียงข้างๆคนที่กำลังนอนหลับอยู่ เฮดโฟนตัวโปรดถูกยกขึ้นมาสวม ก่อนจะค่อยๆจัดการของกินทีละอย่างแบบใจเย็น หึ... ทนหลับต่อได้ก็ตามใจ
“....ฟุดฟิด ฟุดฟิด” ไม่รู้ว่าฝันอะไรมันจะชัดเจนขนาดนี้ ถึงขนาดว่ารู้สึกตัวแล้วกลิ่นเชอร์รี่หอมๆยังติดอยู่ที่ปลายจมูกอยู่เลย อา... ไม่อยากตื่นเลย ในฝันนั้นมีไอศกรีมกับลูกเชอร์รี่ของโปรดเต็มไปหมดเลย
“กินมั้ย?” เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ๆตัว พอค่อยๆหรี่ตามองก็เจอกับร่างสูงยื่นเชอร์รี่ลูกสีแดงสดมาให้
“อ..อ้าว.. นายกินเชอร์รี่หรอกเหรอ? นึกว่าฝัน...”
“ฮ่าๆๆ นี่หิวจนฝันเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นเลยเหรอ? ก็ปลุกแล้วไม่ตื่นเอง อ่ะนี่..อ้าปากเร็ว..อ้าม..” จุนฮเวทำเสียงล้อเลียนจนอยากจะผลักให้ตกเตียงไปซะตอนนี้เลย ถ้าไม่ติดว่าเชอร์รี่ลูกใหญ่ได้ดึงความสนใจไปหมดอ่ะนะ จากลูกที่หนึ่งที่อีกคนป้อน ก็มีลูกที่สอง สาม สี ห้า ตามมาติดๆ
“เอี๊ยวไอ้อ้ายแอ๊วว (เคี้ยวไม่ได้แล้ว)” ส่งเสียงก่นด่าไปเต็มที่ ไม่สนแล้วว่าอีกคนจะฟังรู้เรื่องมั้ย ก็เล่นป้อนเข้าปากแบบไม่เว้นจังหวะให้เคี้ยวเลย
“แก้มกลมๆแบบนี้โคตรน่ารักเลยอ่ะ ไหนขอหยิกแก้มดิ๊..ดงฮยอกงี่~” มือหนาเอื้อมมือมาประครองใบหน้าไว้แล้วพยายามจับแก้มกลมๆที่ตึงแน่นด้วยเชอร์รี่ให้ยืดออก
"อย่าดึงงง มันเจ็บบบบ~" จุนฮเวยอมลดมือลง แต่ก็ยังไม่เลิกวุ่นวายด้วยการเลื่อนหัวแม่มือมาเช็ดคราบเปื้อนที่อยู่ตรงมุมปากออกให้
"อิ่มมั้ย? มีอีกนะเต็มตู้เย็นเลย"
"ไม่เอาอ่ะ อยากกินกุ้งชุบแป้งทอดกับข้าวร้อนๆมากกว่า..."
"อีกยี่สิบนาทีต้องออกไปคณะแล้ว ไว้กินวันหลังนะ" ฝ่ามือหนายกขึ้นมาขยี้ลงบนผมอย่างเอาใจ
"พาไปกินก่อนดิ...."
"อย่าทำหน้าตาแบบนั้นน่า... ใจอ่อนจะแย่อยู่แล้ว แต่มันงานด่วนจริงๆนะ ต้องเข้าไปแก้เพลงให้เสร็จก่อนครับ"
"หิวอ่ะ.."
"...."
"จุนฮเวพาไปนะ.."
"ถ้าเอาก้านเชอร์รี่มาม้วนเป็นปมได้ เดี๋ยวพาไปเลยเอา"
หื้อ?
อยู่ๆกูจุนฮเวก็ยื่นข้อเสนอแปลกๆมาให้ โดยยื่นก้านเชอร์รี่ที่เหลือจากการกินเมื่อสักครู่มาตรงหน้าแล้วบอกให้ม้วนเป็นปม
ใครๆก็ทำได้ป่ะ
"เฮ้ๆๆๆ ใครให้ใช้มือม้วนเล่า ง่ายไป"
"อ้าวว แล้วจะให้ใช้อะไร-.."
"ใช้ปากม้วนดิ แบบนี้ไง" จุนฮเวหยิบก้านเชอร์รี่ก้านใหม่บนถาดขึ้นมาก่อนจะเอามันเข้าไปในปาก ร่างสูงทำปากขมุบขมิบอยู่สักพักแล้วคายก้านเชอร์รี่ที่ถูกม้วนเป็นปมแน่นออกมา
เห้ย.. ทำได้ไงอ่ะ
"อ่ะลองทำดู..." จุนฮเวยัดก้านเชอร์รี่ทั้งหมดสามก้านใส่มือ "ให้ใช้ได้สามก้าน... ถ้าม้วนได้แค่หนึ่งในสาม ภายในเวลาห้านาที จะยอมโดดงานที่คณะ ยอมโดนฮันบินฮยองและบ๊อบบี้ฮยองด่าเลยเอา"
"......"
ก้านที่หนึ่งก็แล้ว..
ก้านที่สองพยายามม้วนจนเปื่อยก็ยัง..
ก้านที่สาม... ใกล้ละ
.
.
เห้ยใกล้แล้วจริงๆ
"หมดเวลา" เสียงบอกหมดเวลามันช่างฟังดูเยือกเย็นอะไรขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งรู้สึกนี่แหละว่าสอบเข้าแพทย์ยังจะง่ายกว่าม้วนปมก้านเชอร์รี่ด้วยปากซะอีก
พ่ายแพ้..
รู้สึกพ่ายแพ้
"...."
"ต้องออกไปทำงานที่คณะแล้วจริงๆนะ" ร่างสูงพูดพลางยกกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
"จะไปไหนก็ไปเลย"
"เฮ้ๆ นี่โกรธเหรอ? คนแบบคิมดงฮยอกไม่ชอบแพ้ทำไมจะไม่รู้... หงุดหงิดใช่มั้ยล่ะครับ? หิวด้วยอ่ะดิ"
"...." คิดจะยั่วโมโหกันอีกนานไหมกูจุนฮเว
"ถ้าหิวก็ไปกินได้เลยนะ กับข้าวอยู่บนโต๊ะในครัวอุ่นให้แล้ว"
"..."
"ถ้าหงุดหงิดที่ทำไม่ได้ไปฝึกมาดิ... คนทำแบบนี้ได้แสดงว่าจูบเก่งนะ"
"คิดว่าเชื่อเหรอ? ไม่ทำแล้ว ไร้สาระ"
"....เชอร์รี่มีอีกเพียบอยู่ในตู้เย็น"
"ก็บอกว่าไม่ทำ-.."
"ไปทำงานละ ตอนเย็นเจอกันครับ"
“.....”
.
.
“ย้ำอีกที.. เชอร์รี่มีอีกเพียบในตู้เย็น”
โว้ยยยยยยย
หุบปากไปเลย!
อากาศวันนี้ก็ไม่ค่อยดี จุนฮเวก็มาทำให้อารมณ์เสีย แล้วแถมตอนนี้พี่จินฮวานยังจะมาสายอีก ไหนบอกว่าขึ้นเวรตรวจคนไข้แค่แป๊บเดียวไง... บ้าชะมัด
~กรุ๊งกริ๊ง~
กระดิ่งที่ประตูดังขึ้นบอกว่ามีลูกค้าเดินเข้ามาใหม่ พอหันไปก็เจอกับพี่ชายตัวเล็กที่เดินเร็วๆมาที่โต๊ะที่ผมนั่งอยู่ในตอนแรก
"รอนานมั้ย? โทษทีพอดีเขียนรายงานเคสคนไข้อยู่"
"ไม่เป็นไรครับ อ่ะนี่... ผมสั่งนมสดร้อนกับไอศกรีมมาเผื่อ"
"ไอศกรีมใส่เชอร์รี่มาเยอะจัง พี่ไม่ชอบกินก็รู้นี่"
"รู้... ก็ผมสั่งมากินเอง"
"เยอะขนาดนี้อ่ะนะ?"
"ความจริงจะเอามาฝึกม้วนก้านเชอร์รี่... จุนฮเวมาท้าทายเอาไว้ อารมณ์เสียสุดๆไปเลย"
"ฮ่าๆๆ สองคนนี้ชอบเล่นอะไรแปลกๆ พี่ทำไม่เป็นหรอกนะอะไรพวกนี้อ่ะ ถ้าจะให้บอกว่าทำยังไงต้องไปถามคนแบบฮันบินโน่น"
"จริงดิ? ฮันบินฮยองก็ทำได้เหรอ??"
"ทำได้ดิ รายนั้นชอบกินเชอร์รี่มากกก พอพี่ไม่กินก็เอาของพี่ไปกินจนหมด แล้วก็ม้วนก้านเชอร์รี่ออกมาโชว์เสร็จสรรพ ตลกชะมัด ทำไปทำไมก็ไม่รู้"
"ก็จุนฮเวบอกว่าคนทำแบบนั้นได้แสดงว่า...-"
"จูบเก่ง"
"..."
"จุนฮเวพูดแบบนั้นใช่มั้ยล่ะ?"
"อือ.. ก็ใช่.. ที่เรียกฮยองมาหาวันนี้ก็จะมาบ่นเรื่องนี้แหละ.."
"มาบ่นเรื่องอะไร? เรื่องที่ม้วนก้านเชอร์รี่ไม่ได้ หรือเรื่องที่โดนจุนฮเวสบประมาททางอ้อมว่าจูบไม่เก่ง? ฮ่าๆ" พี่ชายตัวเล็กหัวเราะออกมาแบบห้ามไม่อยู่ นี่สรุปว่าเรียกมาเพื่อทำให้คลายความหงุดหงิด หรือมาเพิ่มความหงุดหงิดกันแน่เนี่ย
"ฮยองอ่ะ... ไม่ตลกนะ ฮยองก็รู้ว่าผมไม่ชอบแพ้ ยิ่งอะไรแบบนี้ด้วยล่ะก็.. มันน่าหงุดหงิดจะตายไป"
"ก็อย่าไปใส่ใจสิ พี่ก็ไม้รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ความเชื่อที่ว่าถ้าเอาลิ้นม้วนก้านเชอร์รี่ได้แล้วจูบเก่ง นี่มันมาจากไหน"
"แล้วฮันบินฮยองจูบเก่งไหม?"
เห้ย...
นี่ผมหลุดปากถามอะไรออกไป
"....."
"ขอโทษฮะฮยอง ผมไม่ได้ตั้งใจ" ก้มหน้ามองพื้นเพื่อหลบหนีความผิดในการถามตั้งคำถามส่วนตัวกับพี่จินฮวาน
"แล้วกูจุนฮเวจูบเก่งไหม?"
"....."
"ไปหาคำตอบเอาเอง"
อืม....
จะมีใครอีกไหมที่กล้าตอบ ‘คำถาม’ ด้วย ‘คำถาม’ แบบพี่จินฮวานอีกไหมเนี่ย.
จุดมุ่งหมายแรกของการกลับมาถึงห้องคือเปิดตู้เย็น ในใจหวังไว้ว่าจะเจอกับกล่องใส่เชอร์รี่ที่ว่างเปล่า แต่พอคิดอีกทีคนแบบดงฮยอกน่ะ... ไม่ยอมทำตามเกมส์ของใครง่ายๆหรอก
ซึ่งมันก็จริง..
เชอร์รี่เหลืออยู่เต็มกล่อง.
“อ่ะแฮ่ม..” ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนก็ส่งเสียงกระแอมเล็กๆให้คนที่นอนอ่านแม็กกาซีนอยู่บนเตียงได้รับรู้ถึงการมาของผม ดงฮยอกทำเพียยงแค่เปรยตาขึ้นมามองเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะหันกลับไปอ่านแม็กกาซีนตามเดิม
“....”
“หิวป่าว? ซื้อข้าวกับกุ้งชุบแป้งทอดมาฝากด้วยนะ...”
“ยังไม่หิว” ดงฮยอกตอบเสียงเย็นแถมไม่เงยหน้าขึ้นมามองกันสักนิด
“อ่อ... งั้นเหรอ”
“อยากกินเชอร์รี่”
“ว่าไงนะ?”
“ไปหยิบเชอร์รี่ในตู้เย็นมาให้หน่อย”
พอได้ยินแบบนั้นขาทั้งสองข้างก็รีบเดินไปหยิบกล่องเชอร์รี่ในตู้เย็นมาให้คนตัวเล็กทันที ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่าดงฮยอกอาจจะหายโกรธหรือหายหงุดหงิดผมแล้วก็ได้ เพราะตอนแรกนึกว่าอีกคนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเมื่อตอนบ่ายสักเท่าไหร่ แต่พอบ่นว่าอยากกินเชอร์รี่แบบนี้ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย
เชอรร์รี่ถูกส่งเข้าปากของคนตัวเล็กลูกต่อลูก... จริงๆมันก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเท่าไหร่ยกเว้นก้านเชอร์รี่ที่ถูกม้วนเป็นปมแน่นถูกส่งกลับมาให้ผม
คิมดงฮยอกทำได้แล้ว
ใช้เวลาต่อหนึ่งก้านไม่ถึงสองนาทีอีกด้วย
เก่งกว่าผมอีก.
“อ้าว.. ส่งเชอร์รี่มาดิ ถืออยู่ทำไม” มือเล็กเอื้อมมาสะกิดเพื่อขอเชอร์รี่ลูกที่สิบเอ็ดจากผม แล้วเจ้าตัวก็ส่งก้ามเชอร์รี่ที่ถูกม้วนปมแล้วกลับคืนมาเป็นก้านที่สิบ...
“ม้วนก้านเชอร์รี่เป็นแล้วเหรอครับ?...” ถามพลางค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งพิงหัวเตียงข้างคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“.....”
“จะพิสูจน์ว่าตัวเองจูบเก่งรึไง....” เอามือรั้งใบหน้าหวานให้เขามาใกล้ๆอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะจ้องลึกลงไปยังดวงโตเรียวสวยนั่น ดงฮยอกที่กำลังม้วนก้านเชอร์รี่ก้านที่สิบเอ็ดในปากจ้องกลับอย่างไม่นึกกลัว หลังจากนั้นไม่นานเรียวปากบางก็คายก้านเชอร์รี่ที่มีปมออกมาให้ดู เพื่อย้ำความสามารถของตัวเอง
“ไม่ได้จะบอกว่าจูบเก่งหรือไม่เก่ง ...แค่จะทำให้เห็นว่าทำได้แล้ว” พูดพลางแบมือโชว์ก้านเชอร์รี่ในมือ
“ไหนบอกว่าไร้สาระ?”
“.....” เพียงเสี้ยววินาทีที่นัยน์ตาของดงฮยอกวูบไหว “ก็ไร้สาระไง... พอม้วนได้แล้วไงอ่ะ?”
“ก็แปลว่าจูบเก่งไงครับ... ใครๆเค้าก็บอกแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ”
“ใครๆ ที่ว่านี่หมายถึงใคร?”
“....”
“เห็นมั้ยล่ะกุจุนฮเว ขนาดนายก็ยังไม่รู้เลยว่าใครๆ นี่มันไม่หมายถึงใ-...อื้ออออออ..ออออออออ...”
.
.
.
“...จากนี้ไปฉันจะไม่เชื่อใครๆอีกแล้วคิมดงฮยอก... ฉันจะเชื่อตัวเอง” ผมก้มลงกระซิบเข้าข้างหูของคนในอ้อมกอดหลังจากที่มอบจูบอันหนักหน่วงและเนิ่นนานให้ไป
“อ..อื้ม..ดีแล้วล่ะ... ฉันก็เชื่อตัวเอง...” ร่างบางที่อยู่ในสภาพเหมือนคนหมดแรงเลื่อนหน้ามาซุกไว้บริเวณอกกว้าง ก่อนจะเปล่งเสียงตอบกลับมา
“เหนื่อยเลยเหรอ.. ขอโทษครับ” พูดพลางยกมือขึ้นมาลูบหัวดงฮยอกเบาๆ
“อ..อือ”
“จูบเก่งนะ.. รู้ตัวมั้ย?”
“...”
“...”
“นายก็เหมือนกัน”
END.
หลังจากที่หายไปเดือนกว่า ขอกราบขอโทษลงตรงนี้งามๆนะคะ //กราบบบ
และขออนุญาตกราบลาไปนอนก่อนค่ะ 5555555555555 ง่วงจ๊นนนน
มาทิ้งระเบิดตอนช่วงตี2-3 อีกละ แหะๆ
Enjoy reading นะคะ จุ๊บบบบบบ :3
ปล. ถ้ามีคำผิด/ประโยคผิด เชิญแจ้งได้เลยจ้า ยินดีและขอบคุณมากๆ
Twitter ที่เก่าเหมือนเดิม #ฟิคสามหมอ ^-^
ผลงานอื่นๆ ของ iimm ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ iimm
ความคิดเห็น