[SF] Game - BobYun - [SF] Game - BobYun นิยาย [SF] Game - BobYun : Dek-D.com - Writer

    [SF] Game - BobYun

    ผู้เข้าชมรวม

    2,441

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    2.44K

    ความคิดเห็น


    24

    คนติดตาม


    30
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 พ.ย. 57 / 03:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สำหรับนักอ่านคนใหม่ๆ ทุกเรื่องเป็น SF นะคะ ^_^

    จบในตอน ไม่จำเป็นต้องอ่านทุกตอนก็ได้จ้า

    ** แต่เพื่ออรรถรสที่ดี และถ้ามีเวลา..

    แนะนำให้ไล่อ่านตั้งแต่ตอนแรกเนาะ ฮี่ฮี่ :D
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Bobby :: YUNHYEONG



       

               พอตกดึกทุกอย่างก็เงียบสงัดในแบบที่มันควรจะเป็น...  การนอนหลับพักผ่อนที่ดีและมีประสิทธิภาพคือสิ่งที่ผมโหยหามากที่สุด แต่ดูเหมือนอะไรๆก็ไม่เป็นใจเพราะตอนนี้ผมกำลังถูกรบกวนด้วยแสงวูบวาบๆที่กระทบโสตประสาทอย่างต่อเนื่องจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของใครบางคน..

       

      .

       

      .

       

      “ฮยอง..”  เอ่ยเสียงแผ่วเบาเรียกคนที่กำลังจ้องจอสว่างนั่นไม่วางตา

       

      “....”

       

      “จีวอนฮยอง...”  เรียกโดยปราศจากการตอบรับใดๆอีกครั้ง.. พอผมลองเพ่งสายตาดูดีๆก็พบว่าอีกคนใส่หูฟังอยู่ทั้งสองข้าง ตาเรียวไม่ละจากจอแสดงผลสักวินาที  มือหนาคอยจับจอยสติ๊กไว้แน่นพลางกดย้ำบนเครื่องเล่นนั่นตามวิธีการเล่นของเกม

       

       

       

      บอกผมที..

      ปัญหาแฟนติดเกมนี่มันแก้ยังไงเหรอครับ?

       

       

       

      ในเมื่อเรียกยังไงก็คงไม่ได้ยินเลยตัดสินใจขยับตัวไปหา พลางเอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อกล้ามนั่นเบาๆ  คนเป็นพี่พอรู้สึกตัวก็หันเสี้ยวหน้ามาเพียงแว๊บเดียว ก่อนจะส่งสัญญาณว่าเหลืออีกตานึง เกมมันหยุดชั่วคราวไม่ได้... เพราะงั้นผมเลยจำเป็นต้องพยักหน้ารับรู้ไปอย่างนั้นก่อนจะเคลื่อนตัวกลับไปนอนที่เดิม ...คนเดียว

       




      ขนาดเวลาพี่จะนอน.. พี่ยังต้องกอดผมจนกว่าจะหลับ

      เพราะงั้นพี่ก็อย่าลืมสิว่าผม...

      .

      .

       

      ก็ต้องกอดพี่จนกว่าจะหลับเหมือนกันนะ.

       

       

       

       

       

       

       

                      แดดร้อนขนาดนี้ถ้าให้เดาก็คงจะเกือบเที่ยงได้แล้วมั้ง..  ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุดอะไรสักอย่างที่ผมจำไม่ได้ ไม่งั้นคงตื่นไปเรียนไม่ไหวแน่  ..ผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่บนบ่า เดินเข้าห้องน้ำอย่างเคยชิน จัดการล้างหน้าแปรงฟันเป็นที่เรียบร้อย แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นส่องกระจกก็แทบผงะกับสภาพหน้าของตัวเอง... ใต้ตาคล้ำเหมือนคนอดนอนมาหลายวัน ต้นคอที่เหมือนจะปวดนิดหน่อยน่าจะเกิดจากการนั่งนานเกินไป ผมว่าอาการเหล่านี้มันน่าจะมาจากการที่ผมใช้คอมพิวเตอร์ทำโปรเจ็คนานไปหน่อย..

       

       

       

       

      แหะๆ..

      โปรเจ็ค FIFA Soccer games.

       

       

      .

       

      .

       

      “ฮยองอาบน้ำยังเนี่ย?”   ยุนฮยองถามขึ้นในขณะที่ผมกำลังยืนพิงตู้เย็นมองอีกคนกำลังวุ่นวายกับการย่างหมูบนเตาไฟฟ้า

       

      “ยัง.. ขี้เกียจอ่ะ”

       

      “หิวรึยังครับ? รอนานหน่อยนะ ฮยองไปอาบน้ำก่อนไป หมูคงสุกพอดี”

       

      “งั้นเดี๋ยวพี่ไปเล่นเกมรอ”

       

      “....ว่าไงนะ?”

       

      “จะไปเล่นเกมรอ.. กับข้าวเสร็จแล้วเรียกนะครับ”

       

      “ตามใจ......”

       

       

       

       

      ยุนฮยองทำหน้าตาไม่พอใจอะไรน่ะ?

      ผมคงคิดมากไปเองมั้ง..

      เออช่างเถอะ

       

       

       

      ผมพาตัวเองเดินกลับมาที่ห้อง กดเปิดหน้าจอเพียงแป๊บเดียวคอมพิวเตอร์ก็พร้อมสำหรับการแข่งขันสนุกๆ...  จอยสติ๊กอันเดิมถูกกดไปมาอย่างเมามันส์ หูฟังทั้งสองข้างยังทำงานได้ดีอยู่เสมอ.. เสียงทุกอย่างที่จะเข้ามารบกวนการแข่งขันในเกมถูกตัดออกจนหมด

       

       

       

      ตัดออกหมด...

      จนไม่ได้ยินว่าใครเรียกทานข้าว.

       

       

       

       

       

                      หลายวันที่ผ่านมามีปัญหาเล็กๆอยู่เรื่องหนึ่งที่กวนใจผมมาตลอด แต่จะว่าไป... ปัญหาเล็กๆเนี่ยแหละตัวดีเลย  เพราะมันทำให้ผมหงุดหงิดได้วันละหลายๆรอบ..  เอาจริงการที่อีกคนเล่นเกมมันไม่ใช่ความผิดนะ แต่สงสัยว่าทำไมต้องเล่นขนาดนั้นอ่ะ? เดือดร้อนจนต้องมานั่งเสิร์ชอินเตอร์เน็ทหาว่า แฟนติดเกมควรทำยังไง?’  ดูดิผมต้องทำขนาดนี้เลย

       

       

      “ทำไรอยู่มึง?”  ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อบุคคลมาใหม่เอามือตบบ่า แล้วหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้เลคเชอร์ตัวข้างๆ

       

      “มึงนี่ก็มาเงียบๆอะไรขนาดนั้นล่ะ”

       

      “ฮ่าๆๆ  เห็นมึงกำลังอ่านกระทู้อยู่.. ไม่อยากกวน” 

       

      “อ่าวเชี่ย...”    ให้ตายดิ.. คิมดงฮยอกนี่มันร้ายตั้งแต่ไหนแต่ไรจริงๆ

       

      “คิมบับฮยองคนดีของมึงติดเกมเหรอ?” คำถามตรงไปตรงมาถูกถามขึ้นโดยเพื่อนที่สนิทที่สุด

       

      “เออ...  ไม่กินข้าวกินปลา นั่งอยู่หน้าจอทั้งวันขนาดนี้ก็คงติดแล้วล่ะ”

       

      FIFA Soccer?

       

      “ทำไมมึงรู้....”

       

      “อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งไล่จุนฮเวให้เอาแผ่นเกมบ้านั่นไปทิ้ง.....”

       

      “.....”  เดี๋ยวนะจุนฮเวก็เล่นเหรอ..  ไปกันใหญ่แล้ว

       

      “สงสัยมันซื้อมาแพงไม่กล้าทิ้ง เลยแอบเอาไปฝากคิมบับฮยองแหง...”

       

      “....”

       

      .

       

      .

       

      “ยุนฮยอง กูขอโทษนะ”

       

       

       

       

      โอ้โห.. พูดไม่ออกเลย

      TT_____________TT

       

       

       

                      แต่ก็ยังดีที่นอกจากจะขอโทษแทนจุนฮเวแล้ว.. ดงฮยอกยังมานั่งรับฟังปัญหา พร้อมทั้งยังให้คำแนะนำมาด้วย แต่คำแนะนำที่ให้มานี่ดิ.. มันใช้ได้จริงเหรอวะ?

       

       

       

      “อันดับแรกห้ามดุ... ค่อยๆพูด”  คิมดงฮยอกทำหน้าจริงจังกับการแก้ไขปัญหาของผม ..ซึ่งมันก็เคยเป็นปัญหากับเจ้าตัวเช่นเดียวกัน

       

      “..อืม ละไงต่อ?”

       

      “เอาเหตุผลไปพูด มีอะไรที่ฟังดูดี.. พูดเข้าไป”   ถึงเวลาต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาเกลี้ยกล่อมคนเป็นพี่แล้วสินะ

       

      “......”

       

      “แต่ถ้ายังไม่เปลี่ยน ต้องใช้วิธีนี้....”

       

      “.....”

      .

       

       

      .

       

       

      “ไปฝึกเล่นให้ชนะ”

       

       

       

       

       

       

           “ยุนนนนนนน... หยิบน้ำให้พี่หน่อยครับแก้วนึง~~~  เนื่องจากมือมันวางจากจอยสติ๊กไม่ได้จริงๆ ผมเลยจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากยุนฮยองอยู่บ่อยๆ และยุนก็น่ารักมากนะ ดูแลทุกอย่างเลย

       

      “นี่ครับ..”  แก้วน้ำถูกวางลงบนโต๊ะคอมพิวเตอร์อย่างเบามือ

       

      “ขอบคุณนะ ขอจุ้บแก้มหน่อย....”  คนตัวเล็กกว่านั่งบนตักแล้วยื่นแก้มมาให้กดจมูกลงอย่างง่ายดาย..  ทำไมยุนฮยองน่ารักขนาดนี้วะ

       

      .

       

      .

       

      “แลกกับเมื่อกี้...    ฮยองสอนเล่นเกมหน่อยดิ....”  ผมหันออกมาจอคอมพิวเตอร์แล้วเหล่ตามองอีกคนงงๆ ...ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ยุนฮยองพูดแบบนั้นออกมา.. ร้อยวันพันปีชีวิตยุนฮยองแทบจะไม่ได้แตะเกมเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคยเล่นเกมในมือถือบ้างรึเปล่า

       

      “....”

       

      “ไม่ได้เหรอครับ?...”   ความพยายามของยุนฮยองไม่ลดละจริงๆ.. นอกจากจะไม่ลุกจากตักแล้วยังมาใช้สายตาอ้อนๆแบบนี้อีก..

       

       

      สมาธิไม่ได้อยู่ที่หน้าจออีกต่อไป ...เพราะคนตรงหน้าดึงความสนใจไปจนหมด

      เออดี..

      แพ้ทั้งเกม แพ้ทั้งแฟน.

       

       

      .

       

       

      .

       

      “ฮยอง..  ปุ่มนี้กดตอนไหนอ่ะ?”  มันช่วยไม่ได้จริงๆที่ผมมีจอยสติ๊กแค่อันเดียว... จะไปนั่งข้างๆเพื่อจะสอนน้องเล่นมันก็ดูจะลำบากไปหน่อย..  เลยจัดการดึงคุณหมอคนเก่งลงมานั่งอยู่ข้างหน้าแล้วโอบไว้จากด้านหลังแทน..  หัวไหล่เล็กๆมันช่างพอดีกับการเอาคางไปเกยไว้จริงๆเลยให้ตาย..

       

      “ตอนที่จะตัดสินใจยิงลูกบอลเข้าโกลไง...”   กลัวน้องจะไม่เข้าใจเลยเอามือทั้งสองข้างดึงมือเล็กให้มาอยู่ในอุ้งมือใหญ่ๆของผม ..แล้วสอนกดไปทั้งอย่างนั้น

       

       

      “โอ้โห.. ฮยองเก่งจัง..”  

       

      “มา! ลองเริ่มเกมกันเลย”  ปุ่มเริ่มเกมถูกกดอีกครั้ง.. จอยสติ๊กอันเดียวแต่มีมือของคนสองคนจับอยู่ เกมส์ดำเนินไปอย่างไม่ตื่นเต้นมากนัก เพราะยุนฮยองยังมือใหม่ ...หลายครั้งที่ข้างแก้มของเราชนกันแบบไม่ได้ตั้งใจ.. หรือบางทีอาจจะตั้งใจก็แล้วแต่ ..ที่แน่ๆคือการเล่นเกมแบบนี้  มันอุ่นดีแฮะ....

       

       

      “สนุกชะมัดดดดดด  รอบนี้ฮยองลองเล่นคนเดียวดิ๊ โชว์ฝีมือหน่อย.. ผมเริ่มปวดตาแล้วอ่ะ..”   ผมปล่อยมือน้องให้เป็นอิสระหลังจากกุมมาเป็นเวลานาน  ยุนฮยองขยับตัวเล็กน้อยเหมือนจะลุกขึ้น แต่ผิดคาด..

       

      “เฮ้... จะนั่งงี้เหรอ?”

       

      “อื้อ..  ฮยองก็เล่นไปดิ เดี๋ยวจะวิจารณ์การเล่นเอง ฮ่าๆ”   แขนเรียวยกขึ้นมากอดอกไว้ พร้อมทั้งเอนตัวลงมาซบ.. แผ่นหลังบางนั่นแนบชิดอยู่บนอก สายตาจ้องไปที่จอแสดงผล..  ช่วยไม่ได้ที่ความสูงมันดูจะพอดีกันไปหมด ถ้าจะนั่งแบบนี้ก็ขอยืมไหล่วางคางอีกครั้งแล้วกันนะ

       

       

      เกมเดิมถูกผลัดกันเล่นไปมาอย่างสนุกสนาน อีกคนดูมีความสุขมากขึ้นไปอีกเวลาคะแนนออกมาแล้วพบว่าสามารถเอาชนะผมได้ ยุนฮยองนี่เก่งไปหมดทุกเรื่องเลยจริงๆ

       

       

       

      “โห้ยยยไม่เล่นแล้ว ...นายขี้โกงอ่ะ”

       

      “ฮยองแพ้แล้วอย่าพาลดิ  ฮ่าๆ”

       

      “อะไรวะ แพ้มาห้าเกมรวดเลย.....”  

       

      “จะไปรู้เหรอ ทำไมไม่ตั้งใจเล่นล่ะครับ ฮ่าๆๆ”

       

      “เพราะนายเลย...   มานั่งให้กอดไปเล่นไปแบบนี้ พี่จะเอาสมาธิจากไหน...”   พอพูดจบยุนฮยองหมุนตัวมาหาทันที พร้อมชักสีหน้าไม่พอใจใส่... เห้ยมันคือเรื่องจริงนะ ใครจะเป็นบ้ามีสมาธิเล่นเกมเวลาแฟนอยู่ในอ้อมกอดแบบนั้นวะ

       

       

       

       

      “.... ถ้าไม่สมาธิก็เลือกสักอย่างสิ”

       

      “.....”

       

      “แต่จะดีมากถ้าฮยองทิ้งเกมไปซะ.... แล้วเลือกกอดผม..”

       

      “ฮะ?”

       

      “ไหนๆก็เล่นไม่ชนะผมอีกต่อไปแล้ว.. ยังจะเล่นอีกทำไม..”

       

      “....”

       

      .

       

      .

       

       

      “ทิ้งเกมนั่น.. แล้วเลือกสนใจผมไม่ดีกว่าเหรอครับ..”  ยุนฮยองจ้องลึกลงไปในตาผมไม่กระพริบ ผมเองก็เช่นกัน...  ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าคนตรงหน้ายังมีอะไรที่น่าค้นหาอีกเยอะเลย ก็คงเหมือนการเล่นเกมที่บางทีเราอยากรู้มากกว่านี้ อยากชนะให้ได้มากกว่านี้... ไม่แปลกที่เวลาเล่นเกมเดิมๆแล้วทำไมถึงไม่เบื่อ ขนาดคนเดิมๆที่เจอกันทุกวัน ผมยังไม่เบื่อเลย...  

       

      ในขณะที่สมองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ซงยุนฮยองค่อยๆดึงจอยสติ๊กออกจากมือผมตอนไหนไม่รู้ แล้วแทนที่ด้วยมือเล็กที่กำลังสอดประสานเข้ามา ผมไม่สามารถละสายตาจากคนตรงหน้าได้เลยจริงๆ..  หนำซ้ำใบหน้าเล็กยังเคลื่อนเข้ามาใกล้จนเห็นแพขนตาเรียงสวยอย่างชัดเจน 

       

       

       

      ...จูบเบาๆที่อีกคนเริ่มก่อน

      ทำเอาใจแข็งๆดวงนี้กระตุกวูบเลยทีเดียว

      และแน่นอนมันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น....

       

      .

       

      .

       

       

       

       

      “ฮ.. ฮยองพอก่อน..”

       

      “ยุน... หายใจเข้าลึกๆ...”    ได้แต่พร่ำบอกคนใต้ร่างให้หายใจเข้าลึกเป็นระยะๆ เพราะดูเหมือนอีกคนโดนสูบพลังงานไปจนหมด..  มันดูไม่แฟร์สักนิดเพราะก่อนหน้านี้น้องแค่แตะริมฝีปากลงมาเบาๆบนปากผมเท่านั้น แต่ผมกลับ....

       



      ตอนนี้ไม่สนแล้วครับว่าอะไรจะแฟร์

      หรือไม่แฟร์.

       

       

       

       

      “......จูบไม่หยุด.. ฮยองหายใจทางไหนเนี่ย..”

       

      “ก็นายมันดึงดูด...”   อาจจะเป็นเพราะเราอยู่ใกล้กันเกินไป เหงื่อหลายเม็ดถึงได้ปรากฏอยู่เต็มไปหมดบนหน้าใสๆของคุณหมอ เห็นแบบนั้นแล้วอดไม่ได้ที่จะเอาหลังมือเกลี่ยออกให้เบาๆ

       

      “อะไรนะครับ..”

       

      “นายดึงดูดกว่าเกมไหนๆบนโลกซงยุนฮยอง..  เห็นแบบนี้แล้วฮยองอยากจะเอาชนะสักที...”

       

      “.....”

       

      “ขอได้ไหม...  อยากเอาชนะนายจริงๆนะ... ”

       

      .


       

      “....เอ่อ..คือ..”

       

       

      “คนดี....  ขอนะครับ”



      .


      .

       

       

       


       

      “..ถ..ถ้าฮยองมั่นใจว่าจะชนะ.. ก..ก็ลองดูก็ได้..”  ทันทีที่จบคำอนุญาต มือที่อยู่ใต้เสื้ออยู่แล้วในตอนแรกถูกใช้งานโดยการเลิกเสื้อให้ขึ้นสูง และในที่สุดก็ถอดออกให้พ้นๆไปซะ.. นี่คือครั้งที่สองที่ได้เห็นร่างบางๆของยุนฮยอง.. เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าถอดอีกครั้ง มันจะไม่ใช่เพราะนายป่วย..

       

       

      แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ.

       

      .

       

      .

       

       

       
       

      “ฮื้ออ....อ้ะ...ฮ..ฮยอง... ด...เดี๋ยว...”  คนตัวเล็กกว่าหอบหายใจถี่และดูเหมือนจะใช้ความพยายามอย่างมาในการลืมตาขึ้นมามองผม

       

      “ใจเย็นๆ.. พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย..”

       

      “ฮยอง.. สัญญาก่อนว่าจะ-...”

       

      “โอเค.. สัญญาจะไม่รุนแรง จะถนอมนายให้มากที่สุด พี่จะ-...”

       

      “บ้า!! ไม่ใช่เรื่องนั้นนะ.. อ้ะ..อื้ออ... ให้พูดก่อนได้มั้ยเล่า..”

       

      “.....”

       

      “สัญญาก่อนว่าจะไม่ติดเกมแบบนั้นอีกแล้ว ผมน้อยใจนะ... ”

       

      “สัญญาครับ...”

       

      “แล้วก็..  ฮยองแน่ใจเหรอว่าจะเอาชนะผมได้...”

       

      “พูดมากน่า...”

       

      “ก็ถามว่าแน่ใจแล้วเหรอ..”

       

      .

       

      .

      .

       

       

       

      “เก็บเสียงไว้ครางเถอะ..”

       

      END.

       

       




      Special:

       


      “จุนฮเว กูเอาแผ่นเกมมาคืน”  ยื่นแผ่นเกมแสนแพงคืนเจ้าของที่ถูกต้อง

       

      “ทำไมอ่ะฮยอง?  เอาไปเลย ผมไม่เล่นแล้ว”

       

      “กูก็เลิกเล่นแล้วว่ะ.... เอาไงดีวะ ไม่อยากเก็บไว้เลย เดี๋ยวมีปัญหากับยุนอีก..”

       

      “ผมก็ไม่อยากมีปัญหาเหมือนกัน...”

       

       

      .

       
       

      “อ้าวววว มากันแล้วเหรอ.. รอนานมั้ยวะ? โทษทีๆ กูมาช้า”  คิมฮันบินผู้เข้าห้องซ้อมช้าที่สุดเหวี่ยงกระเป๋าลงบนโซฟามุมห้อง แล้วกำลังเดินเข้ามาหาพวกผมที่นั่งอยู่ก่อน

       

       

      “..ฮยองๆ”   จุนเน่กระซิบเบาๆพลางพยักเพยิดไปทางฮันบิน เพียงแค่นั้นผมก็เข้าใจความหมายได้ในทันที

       

      .

       

      .

       
       

      “คิมฮันเบนนนนนน”

       

      “อะไร?”

       



       

      “กูมีของมาให้ว่ะ.....”

       

       

      END.

       

      ฮันบินโดนนนนนน 5555555555

      SF นี้แฉด้านมืดไปอี้กกกกกกกกกกกกกกกกก 5555555

      คำผิดเยอะชัวร์ๆ เพราะง่วงสุดดดด เดี๋ยวมาแก้นะ

      ตอนนี้ 3.15 น. ,, เค้ามีเรียน 8.00 น. ลาก่อยยยยย

      ฝันดีฮะ รักกกกกกกกทุกคนนนน -3-

      อย่าลืม!! Twitter เชิญที่ #ฟิคสามหมอ  จุ้บบบบบบบบบบ

       


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×