[SF] Love me, love my dog. - JunHyuk - [SF] Love me, love my dog. - JunHyuk นิยาย [SF] Love me, love my dog. - JunHyuk : Dek-D.com - Writer

    [SF] Love me, love my dog. - JunHyuk

    โดย iimm

    แล้วนายอ่ะ.. รักกันบ้างไหม?

    ผู้เข้าชมรวม

    1,858

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.85K

    ความคิดเห็น


    25

    คนติดตาม


    28
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ต.ค. 57 / 00:07 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    >> SF นี้เป็นภาคต่อของ JungJung-BobYun นะคะ ^^



    สำหรับนักอ่านคนใหม่ๆ ทุกเรื่องเป็น SF นะคะ ^_^


    จบในตอน ไม่จำเป็นต้องอ่านทุกตอนก็ได้จ้า

    ** แต่เพื่ออรรถรสที่ดี และถ้ามีเวลา..

    แนะนำให้ไล่อ่านตั้งแต่ตอนแรกเนาะ ฮี่ฮี่ :D
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




      JUNHOE : DONGHYUK




      ช่วยไม่ได้กูจุนฮเว  ก็นายไม่รักในสิ่งที่ฉันรัก

       

      .

       

      .

       

       

      แล้วนายอ่ะ.. รักกันบ้างไหม?”

       

                      ประโยคตัดพ้อจากคนตัวสูงกว่าทำเอาผมนิ่งไปเลย..  มันเป็นคำถามที่เราควรจะเลิกถามกันได้แล้ว มาถามว่ารักไหม?  แน่นอนว่ายังไงคำตอบมันก็เหมือนเดิม

       

      “อือ”

       

      “....”

       

      “ก็รักดิ”    ผมตอบคำถามพลางจ้องมองลึกลงไปในดวงตาคมนั่น...  สายตาของจุนฮเวก็จ้องกลับมาเช่นเดียวกัน แต่เราสื่อสารกันคนละความรู้สึก  สำหรับผม..  ผมพยายามจะบอกว่า ผมรักเขา แต่เขา.. พยายามจะบอกว่า เขาต้องชนะผม

       

       

      ผมเกลียดจุนฮเวที่เป็นแบบนี้ชะมัด.

       

       

       

      “งั้นขอร้อง...  เอาเจ้าตัวเล็กที่นายอุ้มอยู่ไปฝากแม่นายเลี้ยงซะ”

       

      “เหตุผล?”

       

      “ฉันไม่ชอบ”   โอเค.. เรื่องนั้นพอรู้อยู่  แต่ช่วยพยายามปรับตัวเข้าหากันไม่ได้รึไง.. ไม่ชอบก็ไม่ต้องมาอยู่ใกล้ก็ได้ ผมเลี้ยงเองได้ ไม่เห็นจะต้องถึงขนาดให้เอาไปฝากแม่เลยนี่

       

      “ก็ได้...”

       

      “....”

       

      “..แต่ฉันก็จะกลับไปอยู่บ้านกับแม่ด้วย”

       

      “ว่าไงนะ?”

       

      “ในเมื่อนายไม่ชอบ ...ก็จะไม่เอามากวนใจอีก”

       

      “คิมดงฮยอก”

       

      “นายไม่พยายามปรับเพื่อฉันเลย เพราะงั้นมันก็ถูกแล้วที่ฉันจะต้องแก้ปัญหาที่ฉันสร้างขึ้นมาเอง..”

       

       

       

      กูจุนฮเว 

      วันนี้นายชนะแล้วนะ

      พอใจรึยัง?

       

       

       

       

                      ผมรู้สึกสับสนทั้งในเรื่องของความคิดและความรู้สึก..  ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงมายืนอยู่เฉยๆ  ยืนมองอีกคนเก็บของลงกระเป๋า ...และยืนมองดงฮยอกอุ้มชิวาวาตัวเล็กวางลงในกระเป๋าพกพาสำหรับสัตว์เลี้ยงแบบไม่พูดอะไรสักคำ ผมเป็นบ้าอะไร?

       

       

      “อ่า.. เสร็จซะที  เดี๋ยวไปอยู่บ้านกันนะตัวเล็ก มีสนามหญ้ากว้างๆให้วิ่งเล่นสนุกๆเลย”  ดงฮยอกย่อตัวลงเล็กน้อยให้อยู่ในระดับที่มองเห็นชิวาวาในกระเป๋า

       

      “คิมดงฮยอก..”   ผมอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

       

      “หื้ม?”

       

      “นาย...”        ไม่ไปได้ไหม?  

       

      “.....”

       

      “จะกลับบ้านยังไง?”    .........อยากจะเอามือตบปากตัวเองชิบหาย แค่จะรั้งอีกคนไว้ผมยังทำไม่ได้เลย

       

      “ก็...  ว่าจะรบกวนนายซักหน่อย”

       

      “อ๋อ.. โอเค”

       

      “คงไม่เป็นไรใช่มั้ย?  ตัวเล็กอยู่ในกระเป๋าแล้ว มันไม่ออกมาทำรถนายเปื้อนหรอก”  ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นเลยจริงๆ ผมไม่ห่วงอะไรแล้วนอกจากความรู้สึกของคนตรงหน้าและความรู้สึกของตัวผมเอง ให้ตาย... คิมดงฮยอก  ไม่ไปไม่ได้เหรอ..

       

      “อ่า.. ไม่เป็นไรหรอก  เออว่าแต่..”

       

      “..?”

       

      “นายจะ...  จะกลับมาหากันบ้างไหม?”   ประโยคเห็นแก่ตัวที่ผมสร้างขึ้นมาได้ถูกถามออกไปแล้ว  ผมเองที่ไม่ยอมให้เขาเลี้ยง ผมเองที่ทำให้เขาต้องกลับไปอยู่บ้านที่ไกลมหาลัยขนาดนั้น และก็เป็นผมเองที่ถามออกไปว่าเข้ากลับมาหาผมบ้างไหม..

       

       

      ผมนี่แม่-ง...

       

       

      รถของผมเคลื่อนจอดที่บริเวณหน้าบ้านสีฟ้าขาวของคิมดงฮยอก...  ผมกำลังทำให้เขาต้องอยู่ห่างกับผม  ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงทำได้ขนาดนี้ ผมกำลังทำร้ายตัวเองอยู่รึเปล่าครับ..  ?  

       

      ดงฮยอกเอื้อมมือจะเปิดประตูลงจากรถแต่ก็ถูกผมคว้าข้อมือเล็กนั่นไว้ก่อน  ..คนตัวเล็กหันกลับมาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเชิงถามว่ามีอะไรอยากจะพูดรึป่าว..  ซึ่งผมก็..

       

       

      “ดงฮยอก..  คิดถึง”    รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของผม ขณะเดียวกันดงฮยอกก็เอามืออีกข้างมากุมมือผมไว้

       

      “รู้...  คิดถึงเหมือนกัน”

       

      “แล้วทำไมต้องแยกกันอยู่...”

       

      “ถามตัวเองดีกว่ามั้ยจุนฮเว”   เออนั่นสินะ..

       

      “...งั้นกลับมาหาบ่อยๆได้ไหมครับ?”

       

      “จะพยายามนะ”

       

      .

      .

      “ฮารัง...”

       

      “..อะไรนะ?”

       

      “ตั้งชื่อตัวเล็กของนายว่า ฮารังแล้วกันนะ ถ้านายไม่ว่าอะไร” 

       

      รอยยิ้มเดิมปรากฏขึ้นอีกครั้งก่อนที่อีกคนจะเปิดประตูลงไป ข้าวของเพียงไม่กี่อย่างถูกยกลงอย่างรวดเร็ว  ...ไม่กี่นาทีเท่านั้นที่ได้ใช้เวลาร่วมกันอยู่ตรงนี้..  มองไปอีกทีก็เห็นคุณหมอก็โบกมือลาส่งสัญญาณว่าให้ผมกลับไปได้แล้ว..

       

       

      เห้อ

      ผมไม่มีทางเลือกเลย.

       

       

       

       

       

      “แม่กอดหน่อย...”   หลังจากเก็บข้าวของไว้บนห้องเสร็จสรรพ  ผมก็รีบเดินมาหาผู้หญิงคนเดียวของบ้านที่กำลังง่วนอยู่กับการทำกับข้าวให้ลูกชายคนเล็กแบบผมทาน

       

      “แม่ทำกับข้าวให้ทานอยู่ เดี๋ยวคืนนี้แม่ให้กอดทั้งคืนเลย ตอนนี้ดงดงไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนนะลูก”

       

      “ครับผม”   ขโมยจุ๊บแก้มแม่ไปหนึ่งทีให้หายคิดถึง

       

      หลังจากนั้นเพียงไม่นานของโปรดหลายอย่างก็วางอยู่ตรงหน้า ไม่รอให้เสียเวลา ผมจัดการอาหารทุกอย่างอย่างรวดเร็วจนแม่อดขำไม่ได้  อ่า.. พออยู่กับแม่แบบนี้แล้วนึกถึงพี่จินฮวานชะมัดเลย

       

      “ทานช้าๆก็ได้ลูก แม่ไม่ได้รีบไปไหนนะดงฮยอก”

       

      “ฮ่าๆ ขอโทษทีครับ ^^’

       

      “แล้วนึกยังไงจะกลับมาอยู่บ้าน หื้ม? ลูกต้องตื่นเช้ามากเลยนะ ถึงจะไปเรียนทัน”

       

      “ก็... ผมต้องเลี้ยงเจ้าสองตัวนั้นไงครับ”

       

      “แล้วไม่คิดถึงอีกคนที่อยู่คอนโดรึไง....?”    ดูแม่ผมสิ.. ถามอะไรออกมาล่ะนั่น 

       

      “โธ่.. แม่อ่ะ ไม่เอาดิ ผมอุตส่าห์กลับมาอยู่ด้วยนะ” 

       

      “ก็จะรอดูละกันนนน~ คุณหมอดงฮยอกจะทนขับรถไปเรียนเองได้กี่วันเชียว”

       

      “แม่!!!! โห่ววววววววว อย่าดูถูกผมนะ”

       

       

      ผมทำได้ละกันน่า

      ก็แค่ขับรถไปเรียนเองจะไปยากอะไรนักหนา

      รอดูเลยเหอะ.

       

       

       

       

                      “ฮยอง.. ทำไมผมถึงไม่ชอบสัตว์ที่มีขนเยอะๆ?”   คำถามโง่ๆที่ผมมั่นใจว่าในห้องนี้ไม่น่าจะมีใครตอบผมได้ แต่ผมก็ยังดื้อถามออกไป

       

      “กูจะไปรู้กับมึงไหมล่ะ”  คิมบับฮยองตอบแบบผ่านๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะลงไปนอนกลิ้งไปมาบนพื้นห้องซ้อมเพื่อเป็นการพักร่างกาย

       

       

      “นั่นดิ...”  

       

      “มึงมีปมอะไรเกี่ยวกับขนหมา ขนแมว อะไรงี้มั้ยล่ะ?”  คิมฮันบินผู้ซึ่งสติครบกว่าคิมบับฮยองถามขึ้น และเป็นคำถามที่ทำให้ผมหยุดคิดได้เลยทีเดียว

       

      “อืม...  เหมือนจะมีอยู่ครั้งนึง ตอนที่ผมยังเด็กมาก...  พี่สาวมาดูการ์ตูนที่ห้องนอนผมตอนผมไม่อยู่.. พี่เอาแมวเข้ามาด้วย มันสะบัดขนไปทั่วห้อง กัดสายไฟ กัดสายหูฟังแสนแพงที่ผมเก็บตังค์แทบตายกว่าจะซื้อได้ และยิ่งไปกว่านั้น.. จำได้ว่าคืนนั้นผมได้เข้าโรงพยาบาลเพราะอากาศในห้องผมมีขนแมวลอยอยู่เต็มไปหมด ทำให้ผมเกิดอาการแพ้.. ไอไม่หยุด แล้วเหมือนจะหอบด้วย ....ก็เพิ่งรู้วันนั้นว่าผมแพ้ขนแมว”

       

      “มึงจริงจังป่ะเนี่ย?”  พี่ทั้งสองคนดูตกใจกับเรื่องราวของผมอยู่พอสมควร

       

      “เออดิ.. แต่มันไม่ได้แพ้ขนาดนั้น.. ยังไงดีอ่ะ  ..ผมว่ามันฝังใจอ่ะ เหมือนมีปมลึกๆว่าขนสัตว์ทำให้ผมแย่”   คำตอบที่ดีที่สุดคือมันเป็นปมของผมเองครับ ไม่น่าจะมีเหตุผลอื่น

       

      “มึงก็บอกดงฮยอกไปดิวะ  มาแยกกันอยู่เพราะอีกคนชอบสัตว์  แต่อีกคนแพ้ขนสัตว์ กูว่ามันไม่ใช่เรื่องป่ะ?”

       

      “ดงฮยอกรู้....”

       

      “อ่าว..?”

       

      “เขารู้ว่าผมแพ้ขนแมว  แต่กับหมาผมไม่เป็นไร ...ดงฮยอกเลยเลือกที่จะซื้อหมามาเลี้ยง  ซื้อพันธุ์ขนสั้นมาด้วย...  แต่พวกพี่เข้าใจความรู้สึกป่ะ...  อะไรที่มีขนมันทำให้ผมนึกถึงอากาศที่มีขนสัตว์ลอยเต็มไปหมด นึกถึงตอนนั้นที่เข้าโรงพยาบาล...”

       

      “อืม.. พอเข้าใจ”

       

      “.....”

       

      “งั้นกูว่าปัญหาอยู่ที่มึงแล้วล่ะจุนเน่  แก้ให้ถูกจุด อะไรที่มึงไม่ได้แพ้ มึงก็ไม่จำเป็นต้องคิดว่ามึงแพ้ มันปัญญาอ่อนเข้าใจมั้ยไอ้น้องงงงงงงง”  

       

       

       

      เออ..

      คิมจีวอนพูดน่าคิด.

       

      .

       

      .

       

       

       

      ติ๊งต่อง~  ติ๊งต่อง~

       

      รอเพียงไม่นานก็มีผู้หญิงวัยกลางคนออกเดินมาเปิดประตูให้  พอเห็นว่าเป็นผม.. ใบหน้าของผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส   ..สดใสเหมือนกับลูกชายคนเล็กของบ้านนี้ไม่มีผิด

       

      “สวัสดีครับคุณแม่”   ผมยกมือสวัสดีทักทายให้กับผู้ใหญ่ตรงหน้า

       

      “จุนฮเวอ่า~ แม่ไม่เจอเราตั้งนานเลย วันนั้นมาส่งดงฮยอกก็ไม่ยอมลงมาหาแม่เลยนะ” คุณแม่ของดงฮยอกสวมกอดผมหลวมๆอยู่สักพักเลยทีเดียว ก่อนที่จะผละออก

       

      “อ๋า.. ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ แหะๆ ^^”

       

      “แล้ววันนี้มีอะไรรึเปล่าลูก ดงฮยอกลืมอะไรรึเปล่า? โดนใช้มาเอาของเหรอ?”  ดูดิ ขนาดคุณแม่ดงฮยอกยังรู้เลย ว่าลูกชายคนเล็กของคุณแม่ชอบใช้ผมขนาดไหน

       

      “ป่าวครับ..  คือผมมาหาพุงพุง กับ ฮารัง...”   บ็อบบี้ฮยองบอกให้ผมแก้ปัญหาให้ถูกจุดใช่ไหม.. ผมจะลองวันนี้แหละ

       

      “อ้าวเหรอ.. ไหนดงฮยอกบอกจุนเน่ไม่ชอบ -.....”

       

      “ครับ.. แต่ผมจะลองดู....”

       

       

      ผมรู้สึกขอบคุณที่ดงฮยอกมีครอบครัวที่น่ารัก ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่หรือพี่จินฮวาน ทุกคนดีกับผมมากจริงๆ ดูอย่างตอนนี้ที่คุณแม่พาผมไปหาพุงพุงกับฮารัง.. คุณแม่ยังช่วยผมเรื่องการทำความคุ้ยเคยกับสัตว์เลี้ยง แรกๆผมไม่กล้าจับด้วยซ้ำ แต่คุณแม่ก็คอยบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ให้ลืมไปเลยว่าเราแพ้อะไร ไม่ต้องสนใจ แค่ลองจับดู แค่นั้น..

       

       

      แรกๆมันก็... นะ   ผมยังไม่ชิน

      แต่มันก็ดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย.

       

       

      ถ้าจะบอกว่าหลังจากวันนั้น.. ผมขับรถออกมาเล่นกับพุงพุงและฮารังทุกวันเลยนะ ดูเหมือนจะทำใจเชื่อลำบากใช่มั้ยล่ะ? แต่ผมทำแบบนั้นจริงๆนะ เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่ผมจะทำเพื่อดงฮยอกได้..

       

      ผมไปหาพุงพุงกับฮารังโดยเลือกเวลาที่ดงฮยอกมีเรียน และยังไม่กลับบ้าน.. ผมขอร้องให้คุณแม่ห้ามบอกดงฮยอกว่าผมมาที่นี่.. เพราะผมขอเวลาปรับตัวกับสิ่งมีชีวิตสองตัวนี้ให้ได้ก่อน ซึ่งคุณแม่ก็น่ารักมาก คอยช่วยเหลือผมทุกอย่างเลย

       

      .

       

       

      .

       

      “พุงพุงอา~  ฮารังอา~  กูจุนฮเวมาแล้วววว...”   ทุกๆวันผมจะได้ยินเสียงคุณแม่ดังออกมาจากในบ้านทันทีที่ผมกดกริ่ง  เพียงไม่นานเจ้าตัวเล็กทั้งสองก็วิ่งสั่นหางดุ๊กดิ๊กมาหาผม และมันก็เป็นแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว...

       

      “คุณแม่สวัสดีครับบบบ”  ผมต้องใช้การตะโกนทักทายอย่างช่วยไม่ได้ เพราะคุณแม่กำลังยุ่งกับงานบ้านด้านใน

       

      “จัดการเลยนะลูก เอาอาหารให้ทั้งสองตัวด้วย”

       

      “ครับผมมม~    ว่าไงเด็กๆ มากินข้าวมา” ผมดีดนิ้วสองสามทีเรียกพุงพุงกับฮารัง ทั้งสองตัววิ่งรอบผมเป็นวงกลมเหมือนจะแย่งกันเอาใจเจ้านาย ก่อนที่จะเดินไปยังชามใส่อาหารอย่างรู้หน้าที่

       

       

       

      เพลินดีเหมือนกันแฮะ

      ผมรู้แล้วว่าทำไมหลายคนถึงชอบมีสัตว์เลี้ยง..

       

       

      คิมดงฮยอก

      เราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องแยกกันอยู่แล้วนะ.

       

       

       

       

       

       

                      “แม่!!!!  หมาของผมหาย!!!!!    ผมตะโกนเสียงดังหลังจากพบว่าวันนี้ไม่มีเจ้าตัวเล็กสักตัวออกมาต้อนรับผม ผมเดินไปทั่วบ้านรวมไปถึงสวนด้านนอก ก็หาไม่เจอ... เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน

       

      “เสียงดังอะไร หื้ม?” 

       

      “พุงพุง กับ ฮารัง  ...แม่เห็นบ้างมั้ย?”  ผมมองไปรอบๆ เผื่อว่าสองตัวนั้นจะเดินตามหลังแม่มา

       

      “เห็น”

       

      “อยู่ไหนอ่ะครับ?”

       

      “เห็นล่าสุดตอนเช้า...”

       

      “แม่!!! แล้วมันหายไปไหน!???? แม่ปิดประตูรั้วดีรึเปล่า? มันวิ่งไปไหน ใครขโมยไปรึเปล่าครับ แม่เห็น – ...”

       

      “คิมดงฮยอก ลูกใจเย็นๆ”

       

      “โธ่แม่ พุงพุงกับฮารังหายไปเลยนะ!! ผมจะไปใจเย็นได้ยังไง ผมขอออกไปตามหาข้างนอกก่อน”

       

      “คิมดงฮยอก ฟังแม่ก่อน..”

       

      “ครับ?”

       

      “จุนเน่มารับฮารังกับพุงพุงไปคอนโดแล้ว”

       

       

      .

       

      .

       

      ?

      เดี๋ยวนะ

      กุจุนฮเว.. นายนี่เป็นคนยังไงกันแน่?

       

       

       

      กริ๊ก’  

       

      ทันทีที่ถึงคอนโด ผมกดรหัสเข้าห้องอย่างรวดเร็วเพื่อจะเช็คดูว่าแม่โกหกผมรึเปล่า..  คนแบบจุนฮเวอ่ะนะจะเอาสัตว์เลี้ยงเข้าห้อง ฝันไปเหอะ ....ห้องนั่งเล่นเงียบสงบ ไม่มีแม้เสียงทีวีที่ปกติอีกคนจะเปิดทิ้งไว้ทันทีที่กลับมาถึงห้อง  ผมก้าวเท้าอย่างต่อเนื่องไปทางห้องนอน.. ค่อยๆแง้มประตูให้เปิดออกทีละนิด..

       

       

      ผมแทบไม่อยากเชื่อกับภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้.. 

       

       

      กูจุนฮเวมนุษย์ที่ไม่ชอบสัตว์มีขนทุกชนิดทั้งที่ตัวเองแพ้เฉพาะขนแมว กำลังนอนแผ่หราอยู่บนเพียงโดยมีพุงพุงกับฮารังวิ่งไปมา ...บางทีคนตัวสูงนั่นก็จับฮารังมาอุ้ม บ้างก็ดีดนิ้วให้พุงพุงกระโดดโชว์เพื่อรับรางวัลกระดูกนมแสนอร่อย  นายทำเกินไปแล้วนะ..  จะมาแย่งพุงพุงฮารังไปจากฉันเหรอ?

       

       

      “นี่กูจุนฮเว”

       

      “เห้ยยยยยยย กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”   จุนฮเวหันมามองก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งอุ้มพุงพุงกับฮารังไว้ในมือ..  ฮึ่ยยยยยย หมั่นไส้!

       

      “เมื่อกี้”   ฮารังกับพุงพุงยอมอยู่นิ่งๆบนฝ่ามือหนาของจุนฮเว  ...นี่ไปสนิทกันตอนไหน?

       

      “ทานรังผึ้งมาเหรอครับคุณหมอ หน้าบูดเชียว ฮ่าๆ” 

       

      “ย๊าห์!!!!! นายคิดว่านายเป็นใคร มาขโมยพุงพุงกับฮารังอ่ะ ห๊ะ!????

       

      “เป็นแฟนหมอขี้บ่นแถวนี้แหละ”  พูดจาไม่ได้สนปฏิกิริยาของคู่สนทนาเลยให้ตาย หนำซ้ำยังเดินผ่านกันไปเฉยๆอีกต่างหาก...  กูจุนฮเววางพุงพุงกับฮารังลงบนเบาะข้างเตียง แล้วเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่มอย่างสบายใจ

       

       

      นายนี่มัน...  

       

       

      “นายก็ควรโทรบอกกันก่อนล่วงหน้าป่ะ ทำไรไม่ปรึกษา”

       

      “โอ๋ๆคนดี ขอโทษนะ.. ไม่เซอร์ไพรส์เหรอครับ?”  ขวดน้ำเย็นในมือจุนฮเวถูกส่งมาแนบลงบนแก้มเบาๆ ...คงหวังว่าจะให้ผมอารมณ์เย็นลงสินะ ฝันเหอะ

       

      “ไม่โว้ยยย ฉันตกใจแทบบ้า นายรู้บ้างมั้ย”

       

      “.....”

       

      .

       

      .

       

       

      “นี่ก็คิดถึงแทบบ้า...นายล่ะรู้บ้างไหม?”

       

       

       

       

      มันคงจะดีถ้ามีสักวันที่เราไม่ทะเลาะกัน..  แต่มันก็คงแปลกพิลึกนะว่าไหม?  หลังจากที่ผมเล่าเรื่องที่ผมแอบไปทำความคุ้นเคยกับพุงพุงและฮารังที่บ้านของดงฮยอกเป็นอาทิตย์ๆให้เจ้าตัวฟัง รายนั้นก็เงียบกริบพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว..

       

       

      หึ..  นายรู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว

       

       

       

      “เป็นไงล่ะ นี่ทำเพื่อนายเลยนะ”   พูดพลางเอื้อมมือไปลูบผมสีอ่อนของคนที่นอนเล่นอยู่บนตักไปมา

       

      “ก็ดี๊...  รู้จักทำเพื่อปรับตัวเพื่อคนอื่นมั่ง”

       

      “ฉันเก่งใช่ไหมล่ะ งั้นขอรางวัลหน่อยดิ....”

       

      “เป็นหมารึไง?”

       

      “เป็นอะไรก็ได้ถ้านายรัก... ฉันโอเคหมด”

       

      “...แหวะ”    

       

      “เขินก็บอกมาเหอะน่า...  หูแดงหมดแล้ว ฮ่าๆๆ ตลกชะมัด”

       

      “อยู่เงียบๆ แล้วลูบหัวต่อไปเลย”   ว่าที่คุณหมอขยับตัวดึงผ้าห่มมาคลุมถึงคอ และยังคงใช้ขาของผมเป็นหมอนอยู่.. คืนนี้จะนอนแบบนี้จริงๆเหรอ?

       

      “ดงฮยอก... ไหนอ่ะรางวัล” 

       

      “.....”

       

      “นี่.. รู้นะว่านายยังไม่หลับ”   ผมเอานิ้วเขี่ยแก้มใสๆของอีกคนเบาๆสะกิดให้ตื่น

       

      “ฮื้ออออ หยุดพูดมากซะที....ลูบผมไปเลยนะ จะหลับแล้ว..”

       

      .

       

      .

       

       

      “จูบก่อน....”   

       

      แทบจะในทันทีหลังจบประโยคขอร้องสั้นๆ.. ริมฝีปากบางที่ผมโหยหามาทั้งสัปดาห์ก็ยื่นมาให้อย่างช้าๆ...  จูบร้อนถูกมอบให้คนตัวเล็กกว่าแบบไม่ลังเล ....แต่ก็ไม่รีบร้อน  ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามแบบที่อีกคนชอบ

       

      ดงฮยอกแพ้จูบแบบนี้ ผมรู้ดี..

      แล้วมันก็ช่วยไม่ได้เลยที่การจูบตอบของคิมดงฮยอกมันเหมือนจะเรียกร้องสัมผัสที่ร้อนกว่าจากผม...  ผมเลยจำเป็นต้องกดจูบลึกลงไปอีกจนเราสองคนแทบจะกลืนกินกันอยู่แล้ว  ดีพคิส...

       

      “จุน....จุนเน่อ่า..อ...อ้ะ... อื้ออออออออ..ม..ม”  

       

      โฮ่งงงงง โฮ่งๆ!! ~’    !!!!!!!!!!!!.....โอย ให้ตายดิ  ผมถอนจูบออกมาช้าๆ แล้วมองไปทางเสียงเห่าเล็กๆนั่น..  ฮารังอา.. มันไม่ใช่เวลาที่จะตื่นเลยนะ

       

       

      ดงฮยอก...”

       

      “......ฮื้อ?”

       

      “นายอย่าเสียงดังดิ.. ฮารังตื่นเลยเห็นป่ะ”

       

      “ว่าไงนะ?”   ช่วยลืมตามาคุยกับผมก่อนจะได้ไหมเนี่ย..

       

      “ที่รักอย่าเสียงดังครับ...”

       

      “อ่อ...”

       

      “.....”

       

      “.....” 

       

      “...อย่าเสียงดัง เดี๋ยวฮารังตื่นอีก..”

       

      “อย่าเสียงดังเหรอ..? “

       

      “อือ”

      .

      .

       

      “...แล้วไม่ปิดปากต่อเหรอ? ..เดี๋ยวฮารังตื่นนะ”

       

       

       

       

      โฮ่งงงงง โฮ่งๆ  โฮ่งๆๆๆ โฮ่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!! ~

       

      .


      .




       

      ปิดปากดงฮยอกสนิทขนาดนี้แล้ว..

      ฮารังเห่าอะไรอีกวะ              .


      ?

       

       END.



      รู้สึกเรื่องนี้ยาวอ่ะ โฮ้ยยยยยยย ยาวไป 555555555555555555

      อาจมีพิมพ์ผิดบ้าง มากน้อยแล้วแต่สติ 5555

      เลิฟยูวเอฟเวอรี่วัน ,  คัมออน เบบี๋ คิสคิส -3-

      Twitter >>  #ฟิคสามหมอ

       

       

                     

                      

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×