[SF] Lovely Fam (JunHyuk) - [SF] Lovely Fam (JunHyuk) นิยาย [SF] Lovely Fam (JunHyuk) : Dek-D.com - Writer

    [SF] Lovely Fam (JunHyuk)

    ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกสักนิดเดียว ยกเว้นความผิดทั้งหมดที่ผมเคยทำตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทุกอย่างมันกำลังโลดแล่นอยู่ในสมองผม แค่คำนั้น.. คำพูดนั้นของแม่..

    ผู้เข้าชมรวม

    2,075

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    2.07K

    ความคิดเห็น


    17

    คนติดตาม


    21
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 พ.ค. 57 / 08:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    [SF] Lovely Fam (JunHyuk)

    เป็น SF ที่ต่อจาก SF ก่อนๆๆๆๆ นะคะ 555
    เพื่ออรรถรสที่ดี แนะนำให้อ่านเรื่องก่อนๆๆด้วยโนะ
    ทุกเรื่องต่อกันหมด แต่ก็จบในตอนเดียว (งงป่ะะ??? 5555)
    แต่อ่านเรื่องนี้อย่างเดียวก็ได้มั้ง 555 รู้เรื่องๆ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

             

      Junhoe :: Donghyuk



              ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกสักนิดเดียว ยกเว้นความผิดทั้งหมดที่ผมเคยทำตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทุกอย่างมันกำลังโลดแล่นอยู่ในสมองผม   แค่คำนั้น.. คำพูดนั้นของแม่..

      .

      .


      “ฮัลโหล ครับแม่?”

       

      [ วันนี้กลับบ้านนะคุณลูกชาย ]

       

      “ฮะ? ไม่เอาอ่ะ ผมไม่กลับ”  คือผมคิดถึงแม่นะ แต่เฟซไทม์หาก็ได้ไง บ้านผมไกล ขี้เกียจขับรถ -.-

       

      [ ป๊าบอกให้กลับ บอกมีเรื่องจะคุยด้วย ]

       

      “งั้นโอเคครับ แค่นี้นะแม่ เรียนอยู่ รักแม่นะ บายยยยย”

       

      เชี่ยละ...

       

       

      ป๊ามีเรื่องจะคุยด้วย

      ป๊ามีเรื่องจะคุยด้วย

      ป๊าจะคุยอะไร ทำไมต้องกลับบ้าน?

       

              ในความเป็นจริงป๊าของผมเป็นคนใจดีนะ ใจดีมาก ให้อิสระลูกทั้งสองคนเท่ากันแต่ต้องมีเหตุผล ทำอะไรต้องมีเหตุผลเสมอ แล้วด้วยความที่ผมเป็นลูกคนเล็ก.. ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันไหมนะ แต่ผมไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ ผมจะอ้อนแม่มากกว่า เวลาอยากได้อะไร หรืออยากไปไหน ผมขอแม่แล้วให้แม่ไปบอกป๊าอีกที.. ผมจะรู้สึกปลอดภัยกว่ามากๆ แล้วจู่ๆวันนี้แม่บอกว่าป๊าเรียกให้กลับบ้าน ผมนึกไม่ออกเลยจริงๆว่าจะโดนเรื่องอะไร

      .

      .

       

       

      “โอ้ยแม่-งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” ผมแหกปากสุดเสียงพร้อมทั้งเอามือทึ้งหัวตัวเองแรงๆไปหลายที

       

      “มึงเป็นบ้าอะไร ตะโกนใส่ไมค์ทำไมวะ หนวกหู”

       

      “ฮันบินฮยอง ซ้อมเสร็จผมต้องขับรถกลับบ้าน”

       

      “รู้แล้ว มึงพูดร้อยรอบละ”

       

      “ผมกลัว...”

       

      “กลัวเชี่ยไร มึงทำไรผิดมากมายวะ กูถามหน่อย”

       

      “ไม่รู้อ่ะ แต่ถ้าป๊าเรียกกลับบ้าน คือไม่ปกติละ”  พ่อคือคนที่ผมเกรงใจมากที่สุดเลยนะ จริงๆ

       

      “คิดมาก เค้าอาจจะคิดถึงมึงก็ได้ เล่นไม่กลับบ้านกลับช่อง ทำตัวเป็นเด็กใจแตกไปได้”

       

      “มึงกลับบ้านบ่อยจังเลยครับคุณพี่ฮันบิน ถุยยยยยยยยยย” อย่าให้พูดว่าติดพี่จินฮวานขนาดไหน รายนั้นก็ใจดีเหลือเกิน

       

      55555555 เรื่องของกูน่า”

       

      “ฝากบอกพี่จินแวะไปหาดงฮยอกด้วย ผมกลัวดงดงเหงา”  คืนนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆเหรอ.. ให้ตายสิ

       

      “อะไร มึงจะไปละ?”

       

      “อือ ต้องกลับไปให้ทันข้าวเย็น ฝากด้วยนะ ห้ามแกล้งแฟนผมล่ะ ผมหวง”

       

      .

      .

       

      ระหว่างทางกลับบ้านผมเอาแต่คิดว่าเรื่องที่ป๊าจะหยิบยกมาเป็นประเด็นถึงขนาดที่ผมต้องกลับบ้านไปคุยคือเรื่องอะไร.. แต่คิดให้ตายยังไงก็คิดไม่ออก เพราะตั้งแต่คบกับดงฮยอก ผมทำตัวดีขึ้นมากๆเลยนะ ไม่ได้หลงตัวเองครับ ไม่เชื่อถามแม่ผมได้เลย ผมดีกว่าเมื่อก่อนมากจริงๆ

       

      ครืดดดด ครืดดดดดดด 

      ให้มันได้อย่างนี้สิ.. ดงฮยอกโทรเข้ามา เค้าจะโกรธมั้ยนะ ที่ผมต้องกลับบ้านด่วนขนาดนี้

       

      “จุน...”

       

      “ว่าไงครับคนดี? เรียนเสร็จแล้วเหรอ” พยายามทำเสียงให้ดูปกติที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้

       

      “อื้อ.. ละ..แล้วซ้อมเสร็จยัง?”  แต่ทำไมดงฮยอกไม่ปกติ....

       

      “เสร็จแล้วครับ กำลังขับรถนะ”

       

      “โอเค...”

       

      “วันนี้ไม่ได้อยู่ด้วยคืนนึงนะ...”

       

      “ระ.. รู้แล้ว”  เฮ้ คิมดงฮยอกเป็นอะไร ดูพูดติดขัด เป็นอะไรของเค้ากัน แล้วรู้ได้ยังไงว่าผมไม่อยู่ พี่จินฮวานบอกแล้วเหรอ?

       

      “ไม่สบายรึป่าว ตอนนี้อยู่ไหนครับ?”

       

      “.. อยู่บ้าน”    ว่าไงนะ??

       

      “ห๊ะ? กลับบ้านเหรอ”  วันนี้ไม่ใช่วันศุกร์ซะหน่อย กลับได้ไงอ่ะ

      .

       

      .

       

      “ปะ.. ป่าว   อยู่บ้านนาย”

       

      “........”

       

      “รีบมานะ ป๊ากับแม่รอกินข้าว..”

       

       

       

       

      บอกผมทีว่าวันนี้พ่อผมจะทำอะไร?

       

      .

      .


       

      ผมหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าบ้านอย่างคุ้นเคย.. ที่จอดรถตรงนั้นยังว่างสำหรับรถผมเสมอ ทั้งๆที่ผมไม่ได้กลับบ้านมานานมากแล้ว รู้สึกขอบคุณพ่อกับแม่จริงๆที่ยังไม่ลืมลูกชายคนนี้ แหะๆ

       

       “ไง กว่าจะเจอหน้า หาตัวยากจริงๆนะจุนเน่” เสียงเล็กสดใสของกูจีอึนทักทายผมทันทีที่ผมก้าวขาเข้าบ้าน.. พี่สาวผมเอง เธอสวมกอดผมแน่นด้วยความคิดถึง อ่า.. ทำไมพี่สาวผมตัวเล็กจัง

       

      “ทำไมพี่ตัวเล็กจังอ่ะ?”

       

      “นายสูงจนชั้นต้องเงยหน้าคุยด้วยแล้วกูจุนฮเว เลิกตอกย้ำ”

       

      “ล้อเล่นน่าพี่ ....ว่าแต่  ป๊าเรียกผมมาทำไม?”

       

      “ไม่บอก”

       

      “โธ่พี่.. ผมกลัวจะแย่อยู่แล้วนะ”  นี่พี่สาวผมไม่เข้าข้างผมเหมือนเมื่อก่อนแล้วรึไงกัน

       

      “คิดมากน่า รีบเข้าไปเร็ว.. ทุกคนรออยู่”

       

       

       

      เฮือก..

       

       

      .

       

      .

       

       

      บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจริงๆมันก็ไม่ได้น่ากลัวแบบที่ผมคิดไว้.. แต่รู้สึกได้เลยว่ามีเครื่องหมายคำถามอยู่บนหน้าผมและหน้าของดงฮยอกอยู่ตอนนี้ พยายามส่งสายตาไปถามคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามว่าวันนี้มีอะไร ทำไมถึงให้มาพร้อมหน้ากันขนาดนี้  แต่สายตาที่ได้กลับมาจากคนตัวเล็กก็เป็นสายตาแห่งคำถามเช่นเดียวกัน.. 

       

      ผมเป็นความอดทนต่ำนะ.. ผมอึดอัด ผม..

       

       

      แกร๊ง  เสียงช้อนส้อมของผมกระทบจานข้าวเบาๆ

       


      “อ้าว จุนเน่อิ่มแล้วเหรอลูก”

       

      “ครับ..   ป๊า.. วันนี้มีอะไรรึป่าว ป๊าบอกมาเลย ผมหายใจไม่ทั่วท้องละนะ”

       

      อยู่ๆเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นพร้อมกันจากป๊า จากแม่ และจากพี่สาวผม.. อะไรกันน่ะ รุมกันแกล้งอะไรผม ไม่ใช่แค่ผมนะ ดงฮยอกก็พลอยโดนแกล้งไปด้วย รายนั้นยิ่งไม่รู้อะไรเลยแต่ถูกเรียกมาซะเฉยๆ แกล้งอะไรพวกผมกันแน่เนี่ย

       

      “โตป่านนี้ละยังไม่เลิกกลัวพ่ออีกนะ”

       

      “โธ่.. ป๊าบอกมาเถอะนะครับ”

       

      “โอเคๆ.. เรื่องแรก ดีใจที่ได้เจออีกครั้งนะดงฮยอก โตขึ้นเยอะเลยลูก น่ารักเหมือนเดิม ^^

       

      “ค..ครับ? อ่า.. ขอบคุณครับคุณอา”  ดงฮยอกดูตกใจที่อยู่ๆพ่อผมทักขึ้นมาแบบนั้น เอาแล้วไง เปิดประเด็นก็เล่นตัวเล็กของผมเลย นี่พ่อไปรู้อะไรมารึเปล่าวะ..?

       

      “อีกเรื่อง..  อ่ะนี่ดูซะ”   กระดาษขนาดประมาณเอสี่ถูกส่งมาถึงผม มันคือค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตของผม.. ห๊ะ?.. เดี๋ยวนะ..

       

      “ทำไมมัน...”

       

      “ป๊าไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้น แต่เดือนนี้มันไม่ปกติ ลูกว่าไง?”

       

      “ครับ.. มัน.. แปลกๆ”

       

      “........”

       

      “ยอดน้อยลงเกือบเท่าตัวแหนะ..”

       

      “มาคุยกันหน่อย”

       

       

       

       
              จุนฮเวเดินตามพ่อของเขาไปอย่างเงียบๆเข้าไปในห้องทำงาน ส่วนผมก็นั่งอยู่กับคุณแม่และพี่สาวของเขา จริงๆแล้วผมค่อนข้างจะสนิทอยู่แล้ว ตอนเด็กๆผมมาเล่นที่นี่บ่อย คุณแม่และพี่สาวใจดีมากๆ ส่วนคุณพ่อของจุนฮเว.. ผมไม่ค่อยได้เจอหรอกครับ เลยรู้สึกเกร็งๆ.. แล้วยิ่งความสัมพันธ์ของผมกับจุนฮเวตอนนี้.. มันทำให้ผมยิ่งลำบากใจ ไม่รู้จะเข้าหายังไงดี

       

      “ดงฮยอกสบายดีมั้ยลูก?” คุณแม่ถามขึ้นพลางยิ้มกว้างให้ผม

       

      “ครับ สบายดีครับ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ด้วยนะครับ”

       

      “เรียนหนักแน่เลยเรา ใช่มั้ย?” คำถามแสนอ่อนโยนถูกส่งมาถึงผม คุณแม่จุนฮเวคือคนที่หน้าตาใจดีและดูอ่อนโยนมาก     ทำไมนะ.. ทำไมลูกชายแม่หน้าตาไม่อ่อนโยนแบบนี้บ้างครับ ผมสงสัยจัง

       

      “แหะๆ ก็.. หนักครับ” 

       

      "ดงฮยอก.."


      "ครับ?"


      “รักจุนเน่มากไหม..?”

       

      “ห๊ะ? .. คุณแม่ว่ายังไงนะครับ?”

       

      “รักลูกชายของแม่มากไหม?”  ...............คำถามอะไร

       

      “...คุณแม่ ระ.. รู้เหรอครับ?”

       

      “รู้”

       

      “...แล้ว.. คุณแม่ไม่ว่าอะไร..”

       

      “ว่า”

       

      “...............ผมขอโทษครับ”  จุนฮเวเป็นลูกชายคนเล็กของบ้าน ใครๆก็หวงเป็นธรรมดา ผมเข้าใจนะ ไม่โกรธอะไรคุณแม่เลยด้วย.. แต่ก็... เสียใจแหละ

       

      “เรื่องเดียวที่แม่อยากจะว่าคือ...”

       

      “........”

      .

       

      .

       

       

      “จุนฮเวมันกล้าดียังไงไปจีบหมอ ทั้งเรียนเก่ง นิสัยดี น่ารัก มันกล้าดียังไง!??” 

       

      “ค.. ครับ!!!??

       

      “ฝากลูกชายแม่ด้วยนะดงฮยอก รู้สึกรอบนี้มันจริงจังกับชีวิตมากเลย แม่เพิ่งเคยเห็น”

       

      “อ่า.. งั้นเหรอครับ -//-

       

      “โธ่แม่ พอแล้วน่า อย่าแกล้งน้องเลย ดูสิดงฮยอกหน้าแดง หูแดงไปหมดแล้ว 555555”  เอ่อ.. ขอบคุณพี่จีอึนมากครับ แต่นั่นไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยิ่งพูดผมยิ่งเขิน

       

      คนบ้านนี้ช่างแกล้งไปซะทุกคนเลยรึไงนะ?

       ....แต่น่ารักเนอะ  

       

       

       

       

       

       

       

       

                      ผมเดินตามพ่อเข้าห้องทำงาน พลางคิดเรื่องตัวเลขที่ปรากฏอยู่ในรายการค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตเมื่อสักครู่ มันน้อยลงอย่างน่าแปลกใจ ปกติแม่จะบ่นผมอยู่เรื่อยเรื่องใช้เงิน เดือนนี้มันแปลก แปลกมากจริงๆ

       

       

      “คบกันนานรึยัง?”

       

      “สิบกว่าปี..  เห้ยยยย ป๊าถามไรเนี่ยยยย”  เดี๋ยวนะ.. มันไม่ใช่ประเด็นที่เราจะมาคุยกันรึป่าว พ่อมั่วรึเปล่าครับ

       

      “นี่พ่อนะจุนเน่ อย่ามาล้อเล่น..”

       

      “ก็ไม่ได้ล้อเล่นครับ”

       

      “คบกันตั้งแต่ 7 ขวบรึไง”

       

      “ก็ใช่...”

       

      “.....”

       

      “ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนนั้น แปลกตรงไหน”

       

      “อย่ามาทำเป็นเฉไฉ พูดมา ป๊าหมายถึงที่คบกัน”

       

      “นี่รู้นานยังเนี่ย.. ?”

       

      “เดือนนึง..  ตามพวกแกอยู่เดือนนึง”

       

      “ป๊าใช้วิธีนี้อีกแล้วนะ บอกให้คนของป๊าเลิกตามพวกผมเถอะน่า”

       

      “จุนฮเวตอบคำถามพ่อ”

       

       

      ในเมื่อพ่อรู้อยู่แล้วจะถามเอาอะไรอีก..  ใช้แต่วิธีเดิมๆ ให้คนมาตามชีวิตผมโดยที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ถ้าให้เดา.. คอนโดที่ผมอยู่ก็คงเป็นของเพื่อนพ่อสักคนแน่ ผมโตขนาดนี้แล้วยังจะให้คนมาตามเป็นเด็กๆไปได้

       

      “.........”

       

      “กูจุนฮเว..  ตอบ”

       

      “...ก็ได้  สิ้นเดือนนี้ก็ครบหกเดือนแล้ว”

       

      “ต่อไปนี้ไม่ต้องนับวันครบรอบอะไรแล้วนะ เลิกซะ”

       

      .

       

      .

       

      คำสั่งบ้าบออะไรวะ

       

       

      “ป๊าสั่งเลิกเหรอ?”

       

      “........”

       

      “ทำไมป๊าทำงี้อ่ะ? ไม่เห็นมีเหตุผลเลย ไหนบอกให้ผมทำอะไรมีเหตุผล ทีป๊าอ่ะไม่เห็นจะบอกเหตุผลอะไรผมเลย ป๊าก็แค่..”

       

      “แค่สั่งให้เลิกนับเดือนครบรอบ”

       

      “.........”

       

      “แกนี่ดื้อเหมือนเด็กๆไม่มีเปลี่ยน ฟังก่อนจะโวยวายสักครั้งได้ไหม”

       

      “ก็ทำไมอ่ะ คนอื่นก็นับกันเยอะแยะไป”

       

      “ต้องคบกันไปอีกนาน นับเดือนครบรอบทุกเดือนไม่เหนื่อยรึไง เพราะคนนี้ป๊าไม่ให้เลิก”

       

      “.......”  


      พูดใหม่อีกทีได้ไหมครับ พอดีได้ยินไม่ชัดเลย.

       


      “ลูกชายดูเป็นคนผู้เป็นคน เรียนดีขึ้น สุขภาพแข็งแรง แถมยังใช้เงินประหยัดขนาดนี้..”

       

      “...ก็บางทีดงฮยอกทำกับข้าวให้กิน แล้วก็ไม่ได้สูบบุหรี่แล้ว เหล้าก็ไม่ค่อยได้กิน(?) ไม่เปลือง...” 

       

      “รู้แล้ว ไม่ต้องอวด”

       

      “แหะๆ”

       

      “จำไว้เลยนะ ว่าวันไหนแกละเลย ไม่ใส่ใจ คนแบบดงฮยอกมีคนต่อคิวอีกเพียบ ถ้าทำตัวแย่จนโดนทิ้ง ป๊าจะสมน้ำหน้าให้”

       

      “อย่าพูดสิ ผมปรับปรุงตัวอยู่น่า”

       

      “กับคนนี้จริงจังแค่ไหน?”

       

      “...ผมเหรอ?”    นั่นสิ.. มันใช้อะไรวัดวะ

       

      “.........”

       

      “ไม่รู้สิครับ..   แต่ให้ได้ทั้งชีวิต”

       

       

      .

       

      .

       

       

      ภาพที่ผมมองอยู่ตอนนี้คืออีกคนกำลังกลมกลืนไปกับครอบครัวผมซะเหลือเกิน ยิ่งพี่สาวผมยิ่งเห่อเข้าขั้น เหมือนได้น้องมาเพิ่มอีกหนึ่งคน น้อง... ที่หน้าตาน่ารักกว่าผมหลายร้อยเท่า(พี่ผมพูดงั้นนะ.. - -“)  ส่วนแม่ผมเค้าก็คุ้นเคยกับดงฮยอกอยู่แล้วครับ รายนั้นผ่านฉลุย

      สำหรับพ่อเหรอ... อาจจะดูห่างเหิน เพราะช่วงผมวัยเด็ก พ่อไปทำงานข้างนอกบ่อย ดงฮยอกเจอกับพ่อนับครั้งได้เลย ...แต่ดูเค้าสองคนก็กำลังพยายามปรับตัวเข้าหากันนะ อย่างเช่นตอนนี้พ่อกำลังกระซิบกระซาบอะไรกับดงฮยอกแล้วมองมาทางผม

       

       

      นินทาอะไรผมเหรอครับ  -___-?

       

       

      “คุณคะ ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้เด็กๆมีเรียน” มีเรียนคือเรื่องจริง.. แต่ผมยังไม่อยากกลับเลยนะแม่..

       

      “จุนเน่เอารถพ่อกลับนะ รถลูกทิ้งไว้นี่แหละ”

       

      “ทำไมอ่ะป๊า”

       

      “คันนั้นมันเก่าแล้ว เดี๋ยวเอาไปเปลี่ยนให้ อยากได้ใหม่ ก็กลับมาเอาที่บ้าน”

       

      “โห่..  อยากให้กลับบ้านจนต้องเอาของมาล่อกันแบบนี้เลย”

       

      “พาหมอมาด้วย ป๊าอนุญาต”

       

      “งั้นโอเคเลยครับ ^____^

       

      .

      .


       


                  บอกแล้วไงว่าพ่อผมใจดี.. เออ ผมก็แค่กลัวไปอย่างงั้นแหละ และวันนี้ผมรู้สึกดีมากที่ดงฮยอกสามารถกลมกลืนไปกับครอบครัวผมได้อย่างไม่ขัดเขินอะไรเท่าไหร่

       

      เป็นไงล่ะ หมอน่ารักไหม...

      ขนาดหลับยังน่ารักเลย

       

       

      “ไปนอนต่อบนห้องเร็ว ถึงแล้วครับ” เอื้อมมือไปเขี่ยแก้มคนนอนหลับเบาๆ

       

      “งื้ออ..”

       

      “ดึกมากละนะ นี่ง่วงแล้ว.. ขับรถเหนื่อยด้วย คนดีไม่งอแงนะครับ”

       

      “....กูจุนฮเว”    ขณะพูด หมอก็ยังไม่ลืมตาเลย

       

      “ว่าไง”

       

      “ขอบคุณ.. ขอบคุณที่มีกูจุนฮเว ขอบคุณที่ครอบครัวน่ารัก ขอบคุณทุกอย่างเลย”

       

      “.... ขอบคุณที่มีหมอเหมือนกันครับ”

       

      “ขับรถเหนื่อยมั้ย?”

       

      “เหนื่อยครับ”

       

      “มา.. กอด จะได้หายเหนื่อย” ตัวเล็กสอดมือเข้าไประหว่างเอวทั้งสองข้าง รั้งตัวผมเข้ามากอดไว้แน่น

       

      “ดงฮยอก..”

       

      “หายเหนื่อยยังอ่ะ?”

       

      “ยังเลยครับ”   จริงๆผมหายแล้วนะ แกล้งหยอกไปแบบนั้นดูซิว่าจะตอบผมยังไง

       

      “งั้นเอาหน้ามานี่”  เกินคาด... หมอพูดพลางย้ายมือทั้งสองข้างมาประครองหน้าผมไว้

       

      “จะทำอะไรครับ?”

       

      “วันนี้จูบรึยัง?”  มันคือเดลี่ไลฟ์ที่ต้องเอามาถามกันเหรอ ผมเพิ่งรู้ -///-

       

      “เอ่อ..  จูบไปแล้ว.. ตอนเช้า แต่คงไม่รู้สึกหรอก ตอนนั้นตัวเองหลับอยู่”

       

      “งั้นเหรอ..”

       

      “อื้อ”

       

      “อยากหายเหนื่อยป่ะ?”

       

      “อยาก...”

       

      .

       

      .

       

       





      “งั้นจูบใหม่อีกที เอาให้รู้สึกนะ..”

       

       

       

       




      รถพ่อนี่ดีเนอะ เบาะนุ่มดีจัง

      เบาะนุ่มดีจริงๆ

      เบาะนุ่มดี

      เบาะนุ่ม

      ปากนุ่ม

      ปากนุ่มดี

      ปากนุ่มจริงๆ

       

      โทษ

       

       

      END.

      ง่วงงงงงง ยังไม่เช็คคำผิดดด ขอโทษ~
      ทำงานหนักช่วงนี้ -..- เดี๋ยวเช็คให้พรุ่งนี้นะคะ 
      มีไรผิด ไปจัดการไรท์ได้ที่ทวิตเตอร์ kii_mm
      หรืออยากสกรีมเชิญแท็ก #ฟิคสามหมอ -/////-

      รักทุกท่าน ยิ่งเม้นยิ่งรัก ทำให้มีแรงสู้ต่อ(เว่อป่ะะะะ 555)
      ส่งจูบ -3- ก่อนนอน
      รักนะก๊ะะะะะ 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×