คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : พริ้มเพียงหวา : ตอนที่ ๑๒
12
ไม่ได้เห็นปูส้มวิ่งเล่นไปมารอบสนามวอลเล่ย์บอลนานแค่ไหนแล้วนะ
ตั้งแต่ที่กัปตันทีมบอกกับลูกทีมเสียงแข็งว่าคนใส่มาสคอตไปทำธุระก็ผ่านมาได้สองอาทิตย์กว่า
ๆ แต่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มา คิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องงาน
มาสคอตปูส้มน่าจะกลายเป็นแค่เรื่องเล่าไปเสียแล้ว
คนในชมรมเชียร์และชมรมวอลเล่ย์บอลต่างก็รุมตอมน้องปูส้มกันเสียยกใหญ่
ยิ่งพวกสาวสวยที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์ดูท่าจะตื่นเต้นกว่าใคร
ควักโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปสลับกับร้องวี้ดว้ายหวีดความน่ารักที่ตัวเองเพิ่งเคยเห็น
แต่ไม่ทันไรก็โดนกัปตันทีมคาลันโชลากกลับไปเสียก่อน
“จริงจังกันหน่อย
จะซ้อมก็เริ่มได้แล้ว”
มือของยี่หวาจับผ่านเนื้อผ้าหนา
ๆ บริเวณต้นแขนของเขา กดเสียงดุใส่คนอื่น ๆ ที่ลากพริ้มไปทางนู้นที ทางนี้ที
ไม่เป็นอันซ้อมตามที่ได้พูดเอาไว้ พริ้มลอบมองที่นิ้วกลางข้างขวา
มันยังมีที่ดามและพลาสเตอร์พันเอาไว้อย่างแน่นหนา ยังไม่ดีขึ้นสินะ…
“ยี่หวาเอาแผนซ้อมให้มาสคอตแล้วใช่มั้ย?”
“ให้แล้ว”
“โอเคจ้ะ
งั้นเรามาซ้อมกันเลย”
หลังจากวันนั้นที่เราคุยกันในห้องซักผ้า
วันถัดมายี่หวาก็เอาใบที่ว่านั่นมาให้พริ้มทันที
แผนงานโชว์ที่แคทออกแบบไม่ได้ยากอะไรมากมาย พริ้มที่อยู่ในชุดมาสคอตทำแค่เดินไปเดินมา
ส่ายตัว ส่ายแขน ส่ายขา ให้ดูน่ารักน่าเอ็นดูเท่าที่จะทำได้ก็พอ
แต่ที่น่ากังวลก็คงเป็นเรื่องการเสิร์ฟลูกให้ข้ามเน็ตนั่นแหละ
พริ้มไม่มั่นใจเลยว่าจะทำได้ ขนาดใช้แขนล้วน ๆ ยังเสิร์ฟข้ามบ้าง ติดบ้าง
แล้วอยู่ในชุดมาสคอตจะไปมีความมั่นใจได้ยังไง
พริ้มไม่เคยลองเสิร์ฟโดยใส่ชุดปูส้มมาก่อน คิดว่าน่าจะได้ลองวันนี้แน่ ๆ
“ตรงนั้นน่ะ
ถ้าไม่ร่วมโชว์ด้วยก็อย่ายืนเกะกะคนอื่น”
“นั่นสิ
ทำให้งานเดินช้าเพราะต้องคอยเตือนพวกไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่เรื่อย”
“เอาน่าแก
พวกนั้นเขาไม่ต้องทำโชว์นี่นา จะไปรู้อะไรล่ะ”
สาวสวยแซะคนอีกชมรมเสียงดังพอที่จะได้ยิน
พวกเธอไม่ชอบพวกผู้หญิงที่อยู่ชมรมวอลเล่ย์ กับแคทนั้นยิ่งเกลียด
เพราะเธอเข้าใจว่าคนพวกนี้เข้าชมรมมาเพราะยี่หวา และการเลิกเย็นทุก ๆ
วันก็เพราะต้องการหาโอกาสกลับบ้านพร้อมยี่หวา เธอเคยเห็นบางคนทำมาก่อน…
แคทสะบัดผม
วางท่าทีหยิ่งยโส ก่อนจะเปล่งเสียงนับจังหวะ โดยมีพริ้มยืนอยู่ตรงกลาง ก้าวไปทางซ้าย
แล้วก็เลี้ยวมาทางขวา จากนั้นก็หมุนตัว ไม่ลืมที่จะกระโดดดึ๋ง ๆ
ปล่อยความน่ารักออกมาเต็มที่ ผู้คนรอบข้างต่างยิ้มชอบใจ
เอ็นดูความต้วมเตี้ยมของสัตว์หน้าตาประหลาดเพียงตัวเดียวในโรงยิม
แต่ถ้าทุกคนรู้ว่าคนข้างในเป็นพริ้ม…ยังจะยิ้มให้เขาอยู่อีกมั้ย?
เนื่องจากแผนการซ้อมที่พริ้มมีส่วนร่วมมันไม่ได้ยากถึงขนาดต้องซ้อมแล้วซ้อมอีก
ซ้อมแค่ครั้งสองครั้งพริ้มก็จำได้แล้ว ความจำของเขาเป็นเลิศ ครองที่หนึ่งของห้องมาตั้งแต่มอสี่
ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี
แต่ก็เป็นเรื่องที่ทำให้พริ้มโดนหมั่นไส้หนักเข้าไปใหญ่ด้วย
ซานวิ่งมารับมาสคอตปูส้มด้วยตัวเองเหมือนอย่างทุกครั้งที่จะพาไปเล่นอยู่เสมอ
พาเขาเดินไปหาจอมทัพที่ยืนเท้าเอวยิ้มแป้น
ไม่รู้ว่าตกหลุมรักเจ้าปูตัวนี้ตั้งแต่ตอนไหน ชมรมเชียร์ทยอยเดินออกนอกสนามและหยุดซ้อมอยู่บริเวณนั้น
ยี่หวาและคนอื่น ๆ เข็นตะกร้าบอลออกมาเป็นสัญญาณว่าควรเริ่มซ้อมกันเสียที
“อันเดอร์บอลคนละห้าร้อย
ตกได้สองครั้ง” ยี่หวาสั่งเสียงดังกับกลุ่มเด็กใหม่ในชมรม
“เวรใครคุม
กูหรือมึงวะไอ้มุก?” เทคถาม
“กู ๆ กูคุมเอง”
หลังจากกำหนดการซ้อมให้แต่ละกลุ่มเสร็จแล้วก็ถึงคราวพวกตัวจริง
ร่างสูงหันมาหาเพื่อนตัวเองที่กำลังยื้อหยุดอยู่กับมาสคอต
ไอ้ซานทำท่าจะดึงซิปชุดนั้นออก มันรูดขึ้นรูดลงตามเสียงเชียร์ของผ้า
โดยมีไอ้จอมทัพรั้งตัวปูเอาไว้ไม่ให้ดิ้น
คิ้วของยี่หวากระตุกอย่างแรง
“จะทำอะไร!”
กัปตันทีมปัดมือเพื่อนผิวขาวของตัวเองและผลักไหล่จอมทัพให้ถอยห่างออกไปด้วย
ดวงตาดุวาวโรจน์ กล่าวโทษผ่านทางนั้นพร้อมคำด่าหยาบคายที่ไร้เสียง
ยี่หวารูดซิปที่ร่นลงมาเล็กน้อยขึ้นไปตามเดิม ก่อนเสียงของซานจะทำให้ความโกรธของเขาฟุ้งกระจาย
“พวกกูก็แค่หยอกเล่นเองครับกัปตัน
ไม่ได้ตั้งใจจะดูจริง ๆ หรอก เนอะไอ้จอม”
“จริง
พวกกูรู้น่า ไม่หาเรื่องเสียเงินหรอก”
“ไอ้ซานกับไอ้จอมมันก็แกล้งเล่นไปงั้นแหละ
อย่าบอกนะว่ามึงโกรธจริง”
หวากะพริบตาเรียกสติ
ก่อนจะถอยหลังออกจากตัวปูส้มหนึ่งก้าว
เขาเผลอโอบปูตัวนั้นด้วยความไม่ตั้งใจ…
“บอกแล้วไงว่าห้ามแกล้ง”
“หยอกเล่นนนนน
ไม่ได้แกล้งค้าบ”
“ถ้าคราวหน้ากูยังเห็นมึงวอแวกับเขาอีก
มึงโดน”
นิ้วชี้คาดโทษ
เล่นเอาซานเสียวสันหลังวาบ ไม่ต่างจากพริ้มที่ยืนนิ่งงันหลังจากโดนหวากอดผ่านชุด
แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกได้ราวกับโดนกอดโดยตรง… แต่เขาไม่อยากเอาการกระทำของยี่หวามาทำให้หวั่นไหวอีก
เตือนตัวเองเอาไว้จะได้ไม่เจ็บว่าที่ยี่หวาทำไปก็เพราะปกป้องมาสคอตตามสัญญาที่ได้เซ็น
“ยี่หวาอ่อนโยนกับใครบ้างกูถามหน่อย!”
ซานโวยวายใส่จอมทัพ
“นอกจากคุณกะรัต
ก็ไม่น่ามีมนุษย์ตัวไหนอีกแล้ว”
“อยากเกิดเป็นแมวจัง”
“ไปซ้อมได้แล้ว!!”
พริ้มติดแหง็ก
เขาแทบไม่ห่างจากยี่หวาเลย
ตั้งแต่คนตัวสูงไล่ซานกับจอมทัพไป พริ้มอยากเดินไปหาผ้า
เขารู้สึกอุ่นใจและน่าจะมีสมาธิมากกว่าการได้ซ้อมกับกัปตันทีมหน้าดุคนนี้
แต่ผ้าไม่มองมาทางนี้เลย
เพื่อนตัวเล็กนิสัยโหดคนนั้นเอาแต่ลงสนามซ้อมกับพวกตัวจริงคนอื่น
ไม่แม้แต่จะเดินออกนอกเส้นเหลือง เขาจะเดินไปหาขมก็ไม่ได้
พอได้เดินออกนอกสายตาของหวาเมื่อไร เจ้าตัวก็จะเดินมาลากเขากลับไปที่เดิมทันที
ยี่หวามีตารอบตัวใช่มั้ย…
“เลิกเดินหนีได้แล้ว”
(ถอยหลังกลับมาที่เดิม)
“ถ้าอยากไปเข้าห้องน้ำก็บอกแล้วกัน”
(ส่ายตัว)
ร่างสูงยืนมองปูต้วมเตี้ยมตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง
มุมมองของพริ้มที่เห็นรองเท้าของหวานิ่งไปเลยเงยหน้าเอนหลังเพื่อมอง
แต่จังหวะนั้นอีกฝ่ายดันโน้มตัวลงนั่งยอง ๆ
ที่พื้นผูกเชือกรองเท้าตัวเองเสียอย่างนั้น
พริ้มงุนงงอยู่แปปหนึ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นมองแล้วไม่เห็นใคร ก่อนจะก้มหน้าลงมาตามเดิมและยืนมองหวาผ่านรูระบายอากาศเงียบ
ๆ
“อยู่ในนั้นคงร้อนน่าดู”
ใช่สิ
เขาต้องใส่เสื้อนักเรียนทับตัวที่เปียกเหงื่ออยู่ตลอด เวลาใส่ชุด
พริ้มจะใส่แค่เสื้อกล้ามบ้างหรือไม่ก็ไม่ใส่อะไรเลย แต่ส่วนล่างก็ต้องใส่นะ
เขาจะมีกางเกงบอลที่เตรียมเอาไว้ใส่กับชุดมาสคอตโดยเฉพาะ ทุก ๆ ครั้งเวลาเขาถอดชุด
มันจะทำให้เขาอยากอาบน้ำแทบจะทันที เพราะมันทั้งอับและเปียกไปทั้งตัว
ถ้าได้โดนน้ำเย็น
ๆ คงสดชื่นไม่น้อย
“ยี่หวา”
“…”
“ยี่หวา!”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นจากพื้น
“ว่า?”
“เราขออาบน้ำที่นี่ได้มั้ย”
“…”
ยี่หวาทำหน้าครุ่นคิด
“ได้
แต่ฉันจะอยู่ด้วย”
ว่าไงนะ!?
หมายความว่าหวาจะอยู่ตอนเขาอาบน้ำน่ะหรอ อ่า…เพราะให้ทุกคนรู้ไม่ได้สินะ
ถ้าสมมติว่าเจอพริ้มอยู่ในห้องอาบน้ำตอนเดินสวนกัน ทั้งที่วันนี้ผ้าบอกทุกคนอย่างดิบดีว่าพริ้มไม่ว่างมาซ้อม
มันก็คงเป็นเรื่องที่แปลกโคตร ๆ ไปเลย เพราะมันแทบไม่มีเหตุผลที่พริ้มจะมาอาบน้ำที่ชมรมน่ะสิ
พอยี่หวารับปากว่าจะซ้อมให้อย่างจริงจัง
กัปตันทีมก็แทบไม่หยุดส่งลูกวอลเล่ย์ให้พริ้มเลย เขาซ้อมเสิร์ฟลูกอยู่อีกสนาม
จะได้ไม่ไปเกะกะพวกตัวจริงเขาซ้อมลงสนาม
เตรียมพร้อมกับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่จะถึงนี้ ยอมรับเลยว่าเขาตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าคนแข่งเองซะอีก
ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ อยู่เสมอเวลาเดินมาที่โรงยิม
ขนาดอยู่ในชุดมาสคอตก็ยังช่วยให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นไม่ได้
ใครว่าการไม่เห็นหน้าจะกล้าทำอะไรได้ทั้งนั้นกัน
“ถ้าอยากอาบน้ำ
ก็ต้องไปตอนนี้”
พริ้มพับตัวสองทีเป็นคำตอบ
วิ่งดุ๊กดิ๊กตามยี่หวาที่เดินเร็วอย่างกับใส่เกียร์ลม เด็กในชมรมกลับกันไปหมดแล้ว
ยกเว้นตัวจริงและตัวสำรองที่ทยอยเข้าไปอาบน้ำกันทีละคนสองคน
บางคนก็เดินขึ้นห้องพักเตรียมตัวนอนกันแล้ว ยี่หวาบอกว่าถ้าเป็นวันศุกร์
เราจะไม่ซ้อมกันหนักมาก เพราะเรียนทั้งวันก็เหนื่อยแล้ว ถ้ายังฝืนจะซ้อมอยู่อีก
มันก็จะไม่ได้ประสิทธิภาพตามที่คาดหวัง
สู้เอาแรงไปซ้อมในวันที่พร้อมกันอย่างจริงจังดีกว่า แบบนั้นมีประโยชน์มากกว่าเยอะ
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของคนด้านในดังลั่น
เป็นเสียงซานกับจอมทัพตะโกนคุยกัน ส่วนอีกสองห้องเขาไม่รู้ว่าเป็นใคร พริ้มเดินเข้าไปถอดชุดมาสคอตที่ห้องพักตัวเอง
ก่อนเดินออกมาก็เอาผ้าขนหนูคลุมหน้าคลุมตาอย่างมิดชิด กันคนตาดีหันมาเห็น
ยี่หวายืนรออยู่ตามที่ได้บอกไว้ ร่างสูงทำหน้าเฉยชาเหมือนอย่างทุกที ก่อนจะคว้าหัวของพริ้มเข้าไปใกล้
และเป็นคนนำทางไปที่ห้องอาบน้ำ
“เฮ้ย ใครมาวะ”
“ไอ้หวาปะ”
“หวาหรอ
ยู้ฮู้วววว!!”
คนโดนเรียกผลักพริ้มให้เข้าไปข้างใน
ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจเหมือนพริ้มที่ตอนนี้หูตั้งโด่เด่
ซานกับจอมทัพรู้ได้ยังไงว่าเป็นหวา ปกติพวกเขามักจะอาบน้ำเวลาเดียวกันงั้นหรอ
อาจจะเป็นไปได้… ไม่งั้นซานกับจอมทัพคงไม่เรียกยี่หวาด้วยความมั่นใจแน่ ๆ
พริ้มล็อคประตูห้องน้ำอย่างช้า
ๆ นึกหงุดหงิดที่มันมีกลอนแค่ชิ้นเดียว ในเวลาแบบนี้เขาอยากได้สักสามอัน เผื่อมีคนพังประตูห้องน้ำเข้ามา
ยิ่งกระวนกระวาย…การเคลื่อนไหวของพริ้มก็ยิ่งติดขัด กว่าจะเรียกสติให้ตัวเองได้ก็ปาไปหลายนาที
ขณะที่กำลังอาบน้ำ
ข้างห้องของเขาที่คิดว่าน่าจะเป็นซาน จู่ ๆ ก็มีขวดสบู่ลอยข้ามไปที่ห้องข้าง ๆ
บ้างล่ะ เสียงตุ้บตั้บบ้างล่ะ ไม่รู้ว่ากำลังอาบน้ำหรือกำลังทำอะไรอยู่
จอมทัพเองก็ไม่เตรียมอะไรเข้ามาสักอย่าง ยืมคนนู้นทีคนนี้ที พริ้มเห็นพวกขวดนู้นนั่นนี่ลอยไปมาหลายรอบแล้ว
กลัวมันจะลอยมาห้องของเขาเสียจริง
“สบายตัวชะมัดเลยว่ะ”
“ไอ้ซาน มึงเอาสบู่มึงไปด้วย”
“มึงก็ถือมาดิ ใช้คนสุดท้ายปะวะ”
“มันเลอะ
กูจะถือยังไง”
“มึงก็ล้างดิ”
ทำไมยี่หวาถึงพาเขามาอยู่ห้องริมประตูแบบนี้กันเนี่ย
เสียววูบวาบเวลามีคนเดินผ่าน รู้สึกว่าเทคก็อยู่ด้วยเหมือนกัน ถ้าเขาจำเสียงไม่ผิด
พริ้มอาบน้ำได้ไม่ต่อเนื่อง เพราะเอาแต่กังวลว่าจะมีคนเห็นเท้าของเขา
ทั้งที่มันไม่มีทางเห็นถ้าไม่ก้มลงมาดู
“เมื่อกี้ไม่ใช่ไอ้หวาหรอวะ”
“คงงั้น
ถ้าใช่มันคงตอบกลับมา”
“แต่ถ้าไม่ใช่มันก็ควรตอบปะวะ”
“มึงจะปีนไปดูเลยมั้ยล่ะ”
อะไรนะ!?
“บ้าหรอ”
ใช่
ถ้าปีนตามที่จอมทัพบอก พริ้มจะด่าว่าบ้าจริง ๆ ด้วย
คนตัวเล็กเปิดฝักบัวอาบน้ำต่ออีกครั้งในรอบที่ยี่สิบ
ล้างครีมอาบน้ำกลิ่นประจำที่แม่บอกว่ามันเหมือนกลิ่นของน้ำนม พริ้มก็เห็นด้วย
เพราะมันเป็นกลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมือนนมนั่นแหละ เขาถึงได้ใช้ไม่เคยเปลี่ยน
ก๊อก ๆ
“เสร็จหรือยัง”
“แปปนึงนะ”
“รีบออกมาได้แล้ว
จะอาบถึงพรุ่งนี้เลยหรือไง”
“ใจเย็น ๆ สิ
เรา…ใส่เสื้อไม่เข้า”
พริ้มเอาชุดเข้าคู่สีดำแถบขาวมาใส่
เป็นเสื้อแขนยาวกับกางเกงขาสั้นที่เขามีเป็นสิบ หอบเอาสัมภาระที่มีมากอดไว้
ก่อนจะเลื่อนกลอนประตูช้า ๆ แง้มมันออกให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้
ยี่หวามองการกระทำที่เหมือนกับโจรของพริ้มแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
กังวลทุกย่างก้าวแบบนี้…แล้วไอ้พวกที่กำลังเดินเข้ามาจะให้ทำยังไง
ยังไม่ทันจะได้ออกมาจากห้องน้ำ
พริ้มก็โดนผลักเข้าไปในนั้นเป็นรอบที่สอง เสียงรองเท้าสองคู่ใกล้เข้ามาด้านใน
มันเดินผ่านหน้าห้องน้ำของพริ้มไปโดยไม่เอะใจอะไร คนตัวเล็กเผลอถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่เมื่อได้มองหน้ายี่หวา…เขาก็ต้องสูดลมหายใจกลับเข้าไปดังเดิม
ใกล้มากไปแล้ว…
ห้องอาบน้ำที่นี่ไม่ได้เล็กมาก
แต่ก็ไม่ได้มีพื้นที่กว้างมากขนาดเหยียดตัวนอนได้ หวาตัวสูงและไหล่กว้าง
กินพื้นที่ห้องอาบน้ำไปเกือบครึ่ง ส่วนที่เหลืออีกครึ่งนั้นเป็นที่ที่พริ้มยืนแช่แข็งอยู่
กลิ่นเหงื่ออ่อน ๆ ของยี่หวาลอยเข้าจมูกเล็ก จากตอนแรกที่ตกใจจนไม่เป็นอันโฟกัสอะไร
พริ้มก็เพิ่งรู้สึกตัวว่า…
…ออกซิเจนตรงบริเวณที่เขายืนอยู่มีแต่กลิ่นนี้
เสียงปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง
ยืนยันแล้วว่าไอ้สองคนนั้นคงเข้าไปเรียบร้อยแล้ว หวาพเยิดหน้าไปทางประตู
เป็นสัญญาณให้เขาออกไปเสียที พริ้มพยักหน้ารับ เขาไม่สามารถเขินยี่หวาไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
ตอนนี้เลยมีสติมาก ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รีบเลื่อนกลอนไปทางขวา คิดว่าถ้าประตูเปิดเขาจะสับขาวิ่งสี่คูณร้อยไปทันที
แต่วันนี้คงไม่ใช่วันของเขา…
“เฮ้ย!!!”
“หมายความว่ามาสคอตปูส้มก็คือ…มึง…งั้นหรอวะ”
ซานพูดจบก็เบ้ปาก ทำหน้าตาเหลือเชื่อ หรือขยะแขยงก็ไม่รู้
พริ้มนั่งทำตัวให้เล็กลงอยู่ที่ห้องพักนักกีฬา
โดยมีซาน จอมทัพ และเทค คอยกดดันอยู่รอบข้าง
ยี่หวาขมวดคิ้วแน่นแต่ไม่พูดอะไรสักอย่าง ใครจะไปคิดว่าวินาทีนั้นที่ประตูเปิดออก…เราสองคนควรจะได้พบกับความว่างเปล่าและเดินออกมาอย่างสบายใจ
แต่ดันชนเข้ากับจอมทัพที่ลืมกางเกงในทิ้งไว้เลยเดินกลับมาเอา
แม้แต่โชคก็ไม่อยู่ข้างพริ้ม
“จริงหรือเปล่าพริ้ม?”
เทคถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง แต่ถ้ามันเป็นพริ้มจริง ๆ
เขาก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหายตรงไหน คนโดนถามไม่ได้ตอบอะไรออกไปนอกจากพยักหน้าเข้ากับคออย่างเชื่องช้า
“กูนึกออกละ!
ที่ไอ้หวาเอามันเข้าชมรมมากลางคันเป็นเพราะงี้นี่เอง!!”
“ถึงว่า…ถามหาเหตุผลกับไอ้หวาแล้วไม่ได้มานี่โคตรแปลก”
“ก็เพราะต้องเก็บเป็นความลับไง
เรื่องนี้ไอ้หวาทำถูกแล้ว”
เทคพูดตัดจบ
แล้วเดินมาขยี้หัวพริ้มเบา ๆ สองสามที
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า
พวกเราไม่เอาไปบอกใครหรอก”
“เดี๋ยว ๆ
แล้วอย่างนี้ จะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่บอกลุงกุน”
“เราไม่บอกลุงกุนหรอก”
พริ้มเน้นย้ำให้ซานมั่นใจ
ต่อให้ความแตกกับคนทั้งโรงเรียน พริ้มก็ไม่คิดจะบอกลุงกุนอยู่แล้ว ซานสะบัดหน้าใส่
คงจะกำลังสับสนและไม่ชอบใจที่มาสคอตที่ตัวเองชอบเป็นคนคนเดียวกับที่ตัวเองเกลียด พริ้มรู้อยู่แล้วว่าหลังจากนี้มันจะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
ยังดีที่ใกล้จะถึงงานโอเบงแล้ว เราทั้งหมดจะได้ไม่อึดอัดต่อกัน
เพราะสัญญาของเราสิ้นสุดลงในวันนั้น
“เรื่องนี้กูไม่ผิดนะไอ้หวา
อย่าเงียบดิวะ”
“กูแค่หงุดหงิดที่ไม่รอบคอบให้ดีกว่านี้”
“เอาน่า
มันสุดวิสัยนี่นะ”
เป็นเทคอีกตามเคยที่คอยเบรกอารมณ์ของทุกคน
“ว่าแต่…พวกมึงสองคนไปทำอะไรในห้องน้ำ
อย่าบอกนะว่าตั้งแต่แรก?” จอมทัพเลิกคิ้วถาม
“ใช่ตอนที่กูตะโกนเรียกปะ
เชี่ย! หรือพวกมึงจะ…”
“หุบปากส้นตีนของมึงไปเลยไอ้เหี้ยซาน!”
ยี่หวาเตะหน้าแข้งเพื่อนสนิทจนร้องเสียงหลง
พริ้มมั่นใจว่ามันต้องเจ็บแน่ ๆ ไม่ใช่การเตะเล่นเหมือนอย่างทุกทีแน่นอน
เขายังไม่กล้าสบตากับคนอื่น ๆ แม้แต่หวาก็ไม่กล้า
ยิ่งเจ้าตัวไม่ได้อธิบายว่าเราสองคนเข้าไปทำอะไรในห้องน้ำหรือเรื่องเป็นมายังไง
ทุกคนในที่นี้ก็เหมือนยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นหลักไปเสียแล้ว
แต่พริ้มก็ไม่กล้าทำให้มันถูก… เขาอยากทำตัวให้เล็กลงหรือหายไปได้เลยยิ่งดี
“มึงว่าเราควรบอกคนที่เหลือมั้ย
พวกไอ้ผ้าอ่ะ”
“ถ้าพวกมันยังไม่รู้
ก็ปล่อยให้ไม่รู้ต่อไปนั่นแหละ”
“แต่…”
ซานเหลือบมองพริ้มเล็กน้อย
ก่อนจะตัดสินใจที่จะไม่พูด
“ลุก”
“…?”
“จะไม่กลับบ้านหรือไง”
พริ้มหลุดคำว่าอ่าออกมาจนถูกใครบางคนลอบหัวเราะด้วยความเอ็นดู
เขาเดินตามยี่หวาไปเงียบ ๆ เพราะอีกคนไม่พูดอะไรสักคำ
ไม่แม้แต่จะลดจังหวะฝีเท้าให้เขาตามทันเลยด้วยซ้ำ
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ยี่หวารู้สึกหรือคิดอะไรอยู่ ไม่เคยเดาใจถูกเลยสักครั้ง…เป็นคนรับมือยากจริง
ๆ
แต่บทจะหยุดก็หยุดตามใจ
เล่นเอาพริ้มชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างจัง
“อึก…ร…เราขอโทษ
เจ็บหรือเปล่า?”
“ฉันสิต้องถาม”
“เราไม่เป็นไร”
“ยังไม่ได้ถาม”
นี่พริ้ม…โดนแกล้งอยู่หรือเปล่า?
คนตัวเล็กหัวเราะแห้ง
ๆ ทำตัวไม่ถูกกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของยี่หวา บรรยากาศรอบข้างเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ
คาดว่าน่าจะเลยหนึ่งทุ่มไปมากแล้ว แต่บ้านพริ้มไม่ได้อยู่ไกล ถ้าเดินก็ใช้เวลาไม่มาก
นั่งรถไปก็ชั่วอึดใจเดียว
“เรื่องเมื่อกี้นี้…”
“เราไม่บอกลุงกุนแน่
ๆ หวาไม่ต้องกังวลนะ”
“ก็ดี”
พริ้มหลุบตาแอบมองนิ้วของหวาที่ได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่เสาร์ที่แล้ว
พรุ่งนี้ก็จะขึ้นเสาร์ใหม่อีกครั้ง แต่หวาก็ยังไม่เอาที่ดามออก
เขาอยากรู้ว่ามันดีขึ้นหรือยัง จะมีใครนวดน้ำมันให้หวามั้ย เวลาผ่านมาเป็นอาทิตย์ขนาดนี้มันควรจะหายได้แล้ว
นั่นคือเหตุผลที่พริ้มอ้ำอึ้ง ไม่กล้าที่จะถามออกไปตรง ๆ
เพราะนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นทีไร
ใจก็แป้วทุกที
“มองอะไร”
“เอ่อ…”
“?”
“เปล่า”
หวาเลิกคิ้ว
“อยากพูดอะไรก็พูด…กับฉันนายพูดได้ทุกเรื่อง”
เสียงของหวาอ่อนลงกว่าปกติ
เป็นน้ำเสียงที่พริ้มไม่เคยได้ยินเลยตั้งแต่ที่ได้คุยกัน ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะเงยหน้าขึ้นสบสายตาโดยตรง
ยี่หวาสำหรับพริ้มก็ยังเป็นอะไรที่ยากอยู่เสมอ เขาไม่สามารถทำตัวหัวอ่อนเหมือนที่ทำกับแคทได้
หรืออดทนได้ดีเหมือนที่เท็ดดี้กลั่นแกล้งได้ สำหรับเขา…หวาเป็นอะไรที่หลากหลาย
และเป็นอะไรที่มีอิทธิพลกับหัวใจ
“…นิ้ว”
พริ้มเอ่ยเสียงแผ่ว
แต่ก็ดังพอที่ยี่หวาจะยกนิ้วที่ว่านั่นขึ้นมาในระดับสายตาเขา
“หายแล้วหรือยัง?”
“หายแล้ว”
“แล้วทำไมยังดามไว้อยู่ล่ะ”
“เพราะโค้ชเป็นบ้า”
พริ้มหลุดขำ
ก่อนจะรีบกลับมาเป็นเหมือนเดิมเพราะกลัวหวาจะหาว่าเขาทำตัวสนิทเกินไป แต่ใครจะรู้ว่าในจังหวะเดียวกันนั้น…รอยยิ้มมุมปากของคนแถวนี้ก็ได้ผุดขึ้นมาตอนหมุนตัวเดินต่อเช่นกัน
“เอ่อ…หวาจะไปไหนหรอ”
“ไปหน้าประตูไง”
“…ไปทำอะไร”
แววตาใสซื่อของพริ้มทำเอาหวาถอนหายใจ
“ฉันส่งนายได้แค่หน้าประตู”
“…”
“เดินตามมาเร็ว
ๆ”
…ทำไมถึงชอบให้พูดอะไรยาว
ๆ อยู่เรื่อย
#พริ้มเพียงหวา
ไม่ได้อัพนานเลย ยังจำได้อยู่มั้ยคะ5555555555
ตอนหน้าไปงานโอเบงกันค่ะ
ความคิดเห็น