ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    #พริ้มเพียงหวา | chanbaek

    ลำดับตอนที่ #14 : พริ้มเพียงหวา : ตอนที่ ๑๓

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22.47K
      2.78K
      8 พ.ย. 61






    13

     



    มันเป็นเรื่องปกติที่เรามักจะตื่นเต้นก่อนวันสำคัญเสมอ ดังเช่นวันนี้ที่ทั้งโรงเรียนกระตือรือร้นเตรียมงานโอเบงกันอย่างขะมักเขม้น อาจารย์ก็ช่างเข้าใจเด็กเสียเหลือเกิน วิชาไหนที่ไม่ต้องเร่งเรียนก็ปล่อยให้นักเรียนไปทำกิจกรรมกัน ยกเว้นวิชาที่ไม่ว่ายังไงก็ขาดไม่ได้ เห็นทีคงเป็นคณิตศาสตร์นั่นแหละ

     

    ถึงครูไม่ลา มาก็ไม่รู้เรื่อง

     

    ช่วงพักเที่ยงเป็นอะไรที่คนเยอะมากถึงมากที่สุด เป็นช่วงเวลาที่สามชั้นปีเลิกลงมากินข้าวพร้อมกัน กินเสร็จแล้วก็จะชอบเดินเตร่เล่นทั่วโรงเรียน พริ้มเองก็เช่นกัน เขาโดนผ้าลากมาที่ชมรมวอลเล่ย์บอล นั่งเล่นด้วยกันได้ไม่นานก็ถูกยี่หวาเรียกประชุม

     

    ยิ่งเข้าใกล้วันแข่ง พริ้มยิ่งไม่เห็นยี่หวาเรียนหนังสือเลย ต้องซ้อมอย่างเอาจริงเอาจัง เพราะเป้าหมายของยี่หวาอยู่สูงมากสำหรับเทศกาลครั้งนี้ โอโซระค่อนข้างเก่ง ชื่อเสียงของทีมนู้นเขาโด่งดังสูสีคู่กับคาลันโชมานาน ใคร ๆ ก็รู้ว่าถ้าไม่ใส่ให้เต็มแรงก็อาจจะแพ้ไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

     

    ผ่านมาไม่กี่วันหลังจากที่ความแตก พริ้มที่ต้องใส่ชุดมาสคอตซ้อมอีกครั้งตามคำขอของชมรมเชียร์ไปเมื่อวันอังคาร เข้าใจแล้วว่าความสัมพันธ์ที่บิดเบือนของพริ้มและซานนั้นแย่กว่าที่คิด ปกติที่เขาอยู่ในชุดปูส้ม ซานจะเข้ามาเล่นด้วยเวลาที่ปูส้มยืนนิ่ง ๆ ไม่มีอะไรทำ แต่วันนั้นเขายืนโง่ ๆ ทั้งวันซานไม่แม้แต่จะเดินเข้ามาใกล้ มีเพียงเทคและจอมทัพที่ผลัดกันเดินเข้ามาจูงไปตามทาง สลับกับยี่หวาที่เดินเข้ามาบอกว่าเขาต้องทำอะไร

     

    ถึงจะพูดว่าทำใจไว้แล้ว แต่เอาเข้าจริงมันไม่ง่ายเลย

     

    พริ้มว่างเหลือเกิน เขาไม่มีเรียนเลยตั้งแต่คาบเที่ยงจนถึงบ่ายสาม เพื่อนในห้องบางส่วนขออนุญาตอาจารย์ไปจัดซุ้มขายของ พวกแคทก็ต้องไปซ้อมโชว์ ส่วนพวกเท็ดดี้ก็น่าจะเดินเล่นอยู่แถวไหนสักที่ ไม่ก็หนีออกนอกโรงเรียนไปแล้ว

     

    ข้างหน้ามีกลุ่มเด็กผู้หญิงกำลังนั่ง ๆ นอน ๆ เอาพู่กันทาสีอะไรสักอย่างอยู่บนผ้าดิบ หรือจะเป็นตอนที่ผ้าบอกกับเขาว่า ตอนวันแข่งเราจะมีแบนเนอร์เชียร์อันใหญ่ยักษ์ ติดเอาไว้บนอัฒจันทร์ ข่มขวัญให้รู้ว่างานถิ่นใครถิ่นนั้นชนะ

     

    พริ้มรู้จักคนที่นอนฟังเพลงในขณะที่มือก็ทาสี เธอเป็นกัปตันทีมหญิง ชื่อพู่กันตามที่ยี่หวาเคยเรียก พู่กันเป็นคนตัวสูง หน้าสวย ออกแนวลุย ๆ ผมหางม้าสีดำของเธอยาวสลวย มันพลิ้วอยู่ตลอดเลยเวลาที่เดินไปมา ดูเหมือนพู่กันกับยี่หวาจะสนิทกันมาก่อนหน้านั้น แต่เขาไม่รู้ว่าสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน

     

    “จะทำทันมั้ยเนี่ย เหลืออีกตั้งเยอะ”

    “สีแดงหมดแล้วอ่ะ พู่!

    “อะไร?”

     

    กัปตันทีมหญิงถอดหูฟังข้างหนึ่งออก เงยหน้าฟังเพื่อนสาวที่ชูขวดสีแดงให้ดู มันก็น่าจะหมดอยู่หรอกเพราะเป็นสีเก่า ดีแค่ไหนแล้วที่ยังไม่แห้งกรังไปเสียก่อน ไม่งั้นเปลืองงบชมรมอีก

     

    “มีสีไหนจะหมดอีกปะ?”

    “มีม่วงกับแดงเนี่ยแหละ”

    “เค งั้นเดี๋ยวกูออกไปซื้อ”

    “เดี๋ยว มึงไปแล้วใครจะทำต่อ มันเหลืออีกตั้งเยอะ งานมีพรุ่งนี้แล้วนะ”

     

    พริ้มไม่ได้ตั้งใจจะฟังแต่ดันได้ยินชัดเจนทุกคำพูด เขาอยากเสนอตัวออกไปช่วยเหลือเกิน เพราะยังไงก็งานชมรม แต่เขาก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะเข้าไปบอกตรง ๆ ว่าอยากช่วย พริ้มไม่รู้ว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ได้ยิน ตัวเขามาในแง่ไหน แต่ส่วนมากก็แง่ลบทั้งนั้น เพราะแบบนั้นเขาเลยไม่กล้าที่จะเอาตัวเองไปทำให้ใครอึดอัดใจ

     

    “กูไปแปปเดียวแหละ เดี๋ยวให้พวกผู้ชายไปส่ง”

    “พวกมันเอารถมากันหรอ มันเก็บตัวไม่ใช่?”

    “เออว่ะ ไปถามโค้ชแปป เผื่อโค้ชจะไปส่ง”

     

    แวบหนึ่งที่พู่กันสบตาพริ้มในตอนที่เดินผ่านไป เธอหายเข้าไปในห้องพักนักกีฬา ห้องที่ทีมชายกำลังประชุมกันอยู่ โค้ชเองก็อยู่ในนั้น พริ้มยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ตรงนี้มานานหลายนาทีเห็นจะได้ หญิงสาวสองคนที่ก้มหน้าก้มตาปาดแปรงลงบนผ้าดิบต่างก็สลับกันเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัย แต่ไม่มีใครกล้าถามก่อน

     

    จนในที่สุดก็มีผู้กล้า

     

    “เอ่อพริ้มใช่มั้ยอ่ะ”

    “เราเราหรอ”

     

    เธอพยักหน้า ผู้ชายที่ชื่อพริ้มก็มีแค่พริ้มคนเดียวเท่านั้นแหละ

     

    เจ้าของชื่อค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ย่อตัวลงนั่งทับขาตัวเองช้า ๆ ด้วยสีหน้าเคอะเขิน พริ้มไม่ค่อยรู้จักใครในทีมหญิงเลยสักคน ทีมชายก็ไม่เคยเดินคุยจนหมด รู้จักแค่คนที่เขาต้องข้องเกี่ยวเท่านั้น

     

    “เราหม่อน ส่วนนี่ข้าวฟ่าง”

    “หวัดดีเราพริ้ม”

    “แกว่างมั้ยอ่ะ”

    “วว่าง”

    “ดีเลย ช่วยระบายสีป้ายเชียร์แทนพู่ได้มั้ย พอดีมันต้องออกไปซื้อของอ่ะ เดี๋ยวทำกันไม่ทัน”

     

    พริ้มระบายยิ้มตอบกลับ

     

    “ได้สิ ให้เราทำตรงไหนก็บอกมาได้เลยนะ”

    “งั้นพริ้มลงสีม่วงตรงคำว่าคาลันโชนะ อย่าให้ออกนอกเส้นล่ะ”

    “ได้เลย”

     

    บรรยากาศระหว่างเราสามคนดีกว่าที่คิด หม่อนเป็นคนสบาย ๆ อยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด ส่วนข้าวฟ่างก็น่ารัก ชวนพริ้มคุยนู้นนี่อยู่ตลอดเลย

     

    “พริ้มเรียนสังคมกับใครอ่ะ”

    “ครูจิตดี”

    “คนเดียวกันเลย เรียนถึงไหนแล้วอ่ะ แกเรียนถึงบทที่ห้ายังอ่ะ”

    “เราเพิ่งเรียนจบไปเมื่อวานเอง”

    “จริงอ่ะ เห็นเพื่อนห้องสามบอกว่าเรียนจบแล้วมีสอบย่อยด้วย”

    “ใช่ ๆ สอบตั้งแต่บทแรก”

    “ยากปะ”

    “ไม่ยากนะ เปิดหนังสือได้”

     

    ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงที่พริ้มเปลี่ยนท่านั่งสลับกับท่านอน เขาไม่ได้สนใจนักกีฬาตัวจริงคนอื่น ๆ เลย ไม่รู้ว่าป่านนี้ประชุมกันเสร็จหรือยัง ในตอนนี้พริ้มอยากเป็นคนที่โลภขึ้นมาอีกสักหน่อย เพราะเขารู้สึกดีมาก ๆ ที่ตัวเองโดนชวนคุยสารพัด รู้สึกดีจนลืมว่าก่อนหน้านั้นชื่อของเขาอาจจะโดนละเลงจนเละไปหมดแล้ว

     

    “เอ่อพริ้ม”

    “หือ?”

    “เสียงเหมือนลูกหมาเลยอ่ะ ฮ่า ๆ”

     

    ข้าวฟ่างขำชอบใจ

     

    “พริ้ม เรามีเรื่องอยากจะถามอ่ะ”

    “?” พริ้มสบตาเข้ากับหม่อนที่เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง

    “คือที่เราถามไม่ใช่ไรนะ แค่อยากรู้ว่ามันจริงหรือเปล่าอ่ะ”

    “อืมจะถามอะไรหรอ”

    “ที่แกโดนเพื่อนในห้องบูลลี่เพราะแกใส่ร้ายแคทว่าโกงข้อสอบใช่มั้ย?”

     

    !!!

     

    พริ้มชะงัก ตาเล็กเบิกกว้าง ความทรงจำเลวร้ายตอนมอสี่หลั่งไหลเข้ามาในหัวสมองเป็นฉาก ๆ น้ำตาความเสียใจหักหลังทรยศพรั่งพรูเข้ามาจนเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พริ้มยกปลายพู่กันขึ้นจากผ้า จุกอยู่ที่อกนานหลายอึดใจก่อนจะฝืนใจตอบ

     

    เราไม่เคยทำแบบนั้น

    “เราไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนั้นเลย

     

     

















    OBEN-G 1st day

    ในที่สุดวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง งานโอเบงปีนี้จัดขึ้นสองวันคือวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ตั้งแต่หน้าโรงเรียนลามมาจนถึงสุดถนนคราคร่ำไปด้วยร้านค้าของเด็กนักเรียนต่าง ๆ มากมาย มีทั้งโรงเรียนอซ.และต่างโรงเรียนอีกสี่แห่ง เป็นเทศกาลเพียงหนึ่งเดียวที่เราจะเดินเอาหัวไหล่ชนกับเด็กโรงเรียนอื่นได้โดยไม่โดนต่อย และก็เป็นวันที่สาว ๆ หนุ่ม ๆ คึกคักกันเป็นพิเศษเพราะจะได้เจอตัวท็อปของแต่ละโรงเรียนในเทศกาลแห่งนี้

     

    ซึ่งแน่นอนว่างานนี้เป็นงานเปิด ไม่เพียงแต่เด็กนักเรียนเท่านั้นที่เข้าได้ ผู้ปกครองและคนทั่วไป รวมถึงเด็กมหาลัยในละแวกนี้ก็มักจะกลับมาเยี่ยมเยียนโรงเรียนตัวเองบ่อย ๆ

     

    “พี่เก้าหวัดดีครับผม”

    “อ้าว ไมพี่สองมาคนเดียวอ่ะครับ แฟนไปไหนล่ะ?”

    “พอใส่ชุดนักศึกษาแล้วดูเป็นคนขึ้นเยอะเลยอ่ะพี่ โอ๊ย! อย่าตบหัวผม”

     

    แก๊งยี่หวาทักทายคนหน้าตาฐานันดรเดียวกันอย่างแก๊งตัวเลขที่จบไปเมื่อปีที่แล้ว เราสนิทกันเพราะพี่เก้าเป็นพี่ไอ้หวา เพื่อนพี่ก็เหมือนพี่เพื่อนล่ะนะ นอกจากนั้นก็ยังมีมนุษย์ตัวเล็กคนอื่น ๆ เดินตามมาด้วย พวกเขารู้จักแค่ชื่อ ไม่เคยคุยด้วย ก็เลยได้แต่ยกมือไหว้เฉย ๆ น่าจะมาด้วยกันล่ะมั้ง

     

    “ดูแลกล้องด้วย”

    “อืม” ยี่หวารับกล้องที่ว่ามาจากพี่ชายบ้านข้าง ๆ เก้าถ่อมาทันทีที่เรียนเสร็จ ดีที่ทั้งแก๊งไม่มีใครติดเรียนบ่าย ยกเว้นสายไหมที่มีเรียน แต่มันโดดไม่ยอมเข้าเรียนเพราะคลาสนี้อาจารย์ไม่เคยเช็คชื่อ

     

    ร่างสูงเหลือบมองคนตัวเล็กหน้าเดิมกับเมื่อวันก่อนนู้นที่เขาเคยเอาแฟ้มไปให้ มาในวันนี้คนคนนี้ก็ยังยืนเกาะชายเสื้อเอาไว้แน่น แต่พอเผลอปล่อยเมื่อไร พี่เก้าก็จะคว้ามือข้างนั้นมาไว้ที่ชายเสื้อตัวเองดังเดิม

     

    “พวกมึงแข่งกันพรุ่งนี้ใช่ปะ?”

    “ใช่พี่ จะมาเชียร์เปล่า”

    “กูมีควิซบ่ายว่ะ ซอรี่”

     

    สองยืนกดโทรศัพท์ยิก ๆ ไม่พูดไม่จากับใคร ขนาดโดนสายไหมทุบหัว ทุบตัวหลายรอบแล้วก็ยังไม่ปริปากด่า มัวแต่ก้มหน้าก้มตาแชททางไกลกับแฟนรุ่นพี่ ก็แหมอุตส่าห์อดทนรอเขาตอบกลับตั้งหลายปี แต่พอได้เป็นแฟนทั้งทีอีกคนดันไปเรียนอยู่จีนซะงั้น

     

    “จะให้พวกผมพาเดินปะ?”

    “เพื่อ? นี่โรงเรียนกูมั้ย รู้ยันซอกปลวกในโรงยิมแล้วกัน”

    “ไรพี่ ตอนนี้มันหายไปแล้วเหอะ”

    “เชี่ย หายไปได้ไงวะ ไอ้ขิง! มึงแอบมาแดกรังปลวกที่โรงยิมใช่มั้ย เพราะมึงกัดเก่งขึ้น”

    “ตบปาก! เดี๋ยวกูจะเอาอีเจ้ยไปแทะหัวมึง ระวังตัวไว้”

    “ยุ่งเหี้ยไรกับลูกกูอีกล่ะมึงอ่ะ”

     

    คุยกันได้ไม่ทันไร ซานกับจอมทัพก็โดนเพื่อนในห้องลากไปที่ร้าน หวังจะเอาหน้าหล่อ ๆ เรียกเรตติ้งเพิ่มยอดขาย ยี่หวาที่คุยนับคำได้กับพี่ตัวเองก็ขอตัวกลับมาที่ชมรมพร้อมกันกับเทค ปล่อยให้พวกพี่ ๆ เขาเดินเล่นกันไป

     

    ร่างสูงเดินหิ้วกล้องกลับชมรม โรงยิมที่ตอนแรกว่างเปล่า แต่ในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยริบบิ้นหลากหลายสีและป้ายสปอนเซอร์นานาชนิดติดเต็มขอบสนามไปหมด มีเด็กโรงเรียนอื่นมานั่งเล่นที่อัศจรรย์ รอการแข่งขันแบดมินตันรอบชิง อาคารเรียนมีการแข่งขันวิชาการเหมือนปีก่อนที่พี่เก้าคว้ารางวัลชนะเลิศกลับมาได้ แต่ขึ้นรับรางวัลหน้าเสาธงแค่ไม่กี่นาที

     

    เทคเดินแยกตัวไปงีบหลับในห้องพัก คงได้เริ่มซ้อมตอนเย็นแน่ ๆ ถ้าคนจะเยอะขนาดนี้ ยี่หวาเอากล้องตัวโปรดของพี่เก้าออกมาจากกระเป๋า เป็นกล้องตัวเดียวที่เขามักเห็นพี่ชายคนนั้นเดินแบกไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลามีงานโรงเรียน แต่ยี่หวาไม่ได้ชอบถ่ายรูปขนาดนั้น เขาแค่เอามาถ่ายเพราะเพื่อนในทีมบอกให้เอามา

     

    ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างสนาม ปรับกล้องอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่มองมา พอหนุ่มหล่อไม่ใส่ใจว่าใครจะมอง งี้ก็หวานหมูเป็นอาหารตาไปยาว ๆ เลยแล้วกัน มุมก้มหน้าแล้วจดจ่อกับอะไรสักอย่างนี่โคตรหล่อ คิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก็แสนจะมีเสน่ห์

     

    ผู้ชายคนนั้นรู้ตัวมั้ยว่าทำให้ใครอยากเป็นเมียไปแล้วกี่คน

     

    ถึงป้ายจะติดอยู่รอบสนามเยอะแยะมากมาย แต่มีป้ายหลักที่ยังไม่เสร็จสักทีวางอยู่ริมทางเดินตรงนี้ พร้อมกับคนสี่คนที่กำลังปั่นจนมือเป็นระวิง

     

    พริ้มมาช่วยทีมหญิงระบายสีอีกเช่นเคย จากที่เมื่อวานเร่งทำกันแล้วยังไงก็ไม่เสร็จ ด้วยจำนวนคนที่น้อย แต่งานชิ้นใหญ่ยักษ์ ต่อให้มีเวลาทำทั้งวันก็ไม่น่าจะเสร็จกับคนแค่ไม่กี่คน พริ้มไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อวานที่หม่อนถาม หม่อนเองก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากคำว่าขอโทษ

     

    “นี่ถ้าไม่ติดว่าสนามต้องใช้นะ หวามันคงลากเพื่อนไปซ้อมละ” จู่ ๆ พู่กันก็พูดขึ้นมา บุคลิกของพู่กันเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พริ้มเกรง ถึงจะให้ความรู้สึกไม่เหมือนกับแคท แต่ก็รู้สึกกลัวไม่แพ้กัน พู่กันเองก็ไม่ได้คุยอะไรกับพริ้มด้วย เขาเลยยิ่งไม่กล้าคุยเข้าไปใหญ่

    “เป็นคนเอาจริงเอาจังน่าดูเลยนะ”

    “ก็เป็นคนจริงจังกับทุกเรื่องที่ชอบล่ะมั้ง”

    “พู่รู้จักกับยี่หวาตั้งแต่ตอนไหนหรอ เห็นว่ารู้จักกันมานานแล้วใช่ปะ?”

     

    พริ้มหูผึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ พอเป็นเรื่องของหวาทีไร เขาก็จะชอบลืมตัวอยู่เสมอเลย

     

    “ตั้งแต่มอต้นปะน่าจะใช่อ่ะ ก็เรียนที่เดียวกัน แต่รู้จักกันจริง ๆ จัง ๆ ก็ตอนเข้าชมรมนี่แหละ”

    “ยี่หวาตอนเด็กเป็นไง หล่อเท่าตอนนี้มะ?”

    “ความหล่อเป็นของติดตัวว่ะ แต่ความโหดเวลาซ้อมอ่ะ นับวันยิ่งทวีคูณ ไม่เคยหัวเราะเหมือนวัยรุ่นทั่วไปเลย เอาแต่ทำหน้าจริงจังอยู่ได้”

    “ก็หวาเป็นคนจริงจังนี่นา”

    “ช่าย เป็นคนจริงจังที่น่าหมั่นไส้โคตร ๆ”

     

    พู่กันดูสบายใจจังเวลาพูดถึงยี่หวา

     

    แชะ!

    แชะ!

    แชะ!

     

    “อะไรเนี่ยหวา รูปละห้าร้อยนะเว้ย”

    “มีค่าแค่นี้เองหรอ”

    “แถวบ้านก็ว่าแพงแล้วย่ะ!

     

    พริ้มก้มหน้างุด สั่งตัวเองให้โฟกัสกับงานระบายสีตรงหน้าแต่กลับทำได้ยากเหลือเกิน คนตัวเล็กแอบเหล่ร่างสูงที่กดถ่ายรูปตามคำขอของพู่กัน เสียงชัตเตอร์ที่ดังในแต่ละครั้งทำลายสมาธิของพริ้มไปอย่างสิ้นเชิง เสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนสาวอีกสองคนมีเลศนัยตามประสาเพื่อนที่ชอบเชียร์

     

    ไม่อยากอยู่ตรงนี้เลย

     

    “ทำไมถ่ายหน้าเราอ้วนอ่ะหวา ถ่ายใหม่เลย เอาให้สวย ๆ เหมือนตัวจริงสิ”

    “ให้คนอื่นถ่ายเถอะ”

    “ปากเสียว่ะ”

     

    รอยยิ้มหวานที่พู่กันส่งให้ผ่านกล้องที่มีดวงตาของยี่หวาจ้องอยู่มันช่าง

     

    พริ้มสะบัดหน้าลงมาที่เดิม มองช่องที่ว่างเปล่าเงียบ ๆ ก่อนจะปาดแปรงลงไป เขารีบระบายงานตรงหน้าให้เสร็จแทนคนอื่น ๆ ที่พอได้เล่นก็ไม่มีใครทำงานต่อแล้ว

     

    เร่งรีบทำงานจนมือแทบพัน

    ไม่ต่างกันกับหัวใจตัวเอง

     

    ยี่หวาหลุบตามองเพื่อนในทีมที่ตัวเล็กที่สุดอยู่ครู่หนึ่ง เมินเสียงของพู่กันที่ยิงคำถามอะไรสักอย่างมาแต่เขาไม่ได้ฟังก็เลยไม่ได้ตอบกลับไป มือหนายกกล้องที่คล้องอยู่กับคอขึ้นมาในระดับสายตา กดเล็งจุดโฟกัสไปที่ตรงกลาง ก่อนจะกดถ่าย

     

    แชะ!

     

    แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เอาแต่รีบระบายสีอยู่นั่นแหละ จะว่าไปมันก็คล้ายกับตอนนั้นแล้วก็ตอนนั้น ที่ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ทำอย่างเต็มที่อยู่เสมอ

     

    “พริ้ม”

    !?”

     

    แชะ!

     

    ใบหน้าทีเผลอของคนตัวเล็กติดเป็นหลักฐานอย่างชัดเจนในเมมโมรี่ 64GB เจ้าของกล้องเฉพาะกิจกดดูรูปอยู่แปปหนึ่งก่อนจะหันไปถ่ายเล่นกับพู่กันดังเดิม พริ้มมึนงงนิดหน่อย ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ กว่าจะได้สติและรู้ตัวว่าเสียงชัตเตอร์เมื่อกี้นี้เป็นของเขาหัวสมองก็เอาแต่วนลูปใบหน้ายี่หวาที่อยู่หลังกล้องไปมาซ้ำ ๆ จนแก้มแทบระเบิด

     

    พริ้มที่ไม่ชอบยี่หวา

    ไม่น่ามีอยู่บนโลกจริง ๆ นั่นแหละ



    #พริ้มเพียงหวา

    6/11/18









    ดีใจเสมอเวลาที่บอกว่าอัพแล้วมีคนเมนชั่นมาหาว่า รอนะ พร้อมเสมอ แล้วก็สารพัดคำอุทานเวลาตกใจ555 นี่ก็ดึใจเหมือนกันค่ะที่ได้อัพ อาทิตย์สุดท้ายของสิ้นเดือนนี้เข้าสู่เทศกาลสอบอีกแล้วค่ะ เหมือนเพิ่งสอบมิดเทอมไปเมื่อวานนี้เอง เฮ้อ

    ขอบคุณที่อ่าน ขอบคุณที่คอมเม้นท์ ขอบคุณที่ติดแท็ก และขอบคุณที่เอ็นดูน้อง ๆ ในเรื่องทุกคนค่ะ สี่สิ่งนี้คือกำลังใจชั้นดีของเรา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×