ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Help me now!! ช่วยฉันทีสมการรักนี้แก้ไม่ออก

    ลำดับตอนที่ #19 : สัญญากับเตาผิง

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 56


    :) Shalunla

    ฉันกำลังนั่งกินอาหารอยู่ที่ริมชายหาด ซึ่งไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมไม่ลงเล่นน้ำ ก็อากาศมันร้อนนิ ถึงฉันจะเตรียมครีมมามากมายแค่ไหน แต่ฉันก็ห่วงผิวของฉันอยู่ดี ฉันใส่บิกินี่สีแดงสดที่ไปซื้อกับฟิลลิปต์มาในวันนั้น ถึงแม้นึกถึงทีไรก็รู้สึกเคืองขึ้นมาทุกทีก็เถอะ แต่ก็ไม่วายที่นายฟิลลิปต์ จอมบงการจะบังคับไห้ฉันใส่เสื้อเชิตทับมาด้วยฉันก็จัดการใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวมาเลยคะ พร้อมกับกางเกงยีนส์ขาสั้นมายั่วโมโหเค้าเต็มที่ ซึ่งเค้ายังไม่เห็นฉันในตอนนี้หรอกนะคะ เพราะว่าเค้าออกไปขับเจ็ตเล่นกับพวกผู้ชายตั้งนานแล้วแต่คาดว่าน่าจะกลับแล้ว เพราะบอกไห้ฉันสั่งอาหารรอไว้ไห้ได้เลย ที่ๆฉันนั่งอยู่ไม่ใช่ร้านอาหาร แต่เป็นเสื่อปูทับชายหาดมีร่มขนาดใหญ่ปักบังแดดที่ร้อนอบอ้าวแล้วจะมีพวกหมึกปิ้งอาหารทะเลขายอยู่ใกล้ แค่เดินไปซื้อแล้วมานั่งกินบนนนี้นั้นเอง  โชคดีที่ตรงนี้ไม่ค่อยร้อนเท่าไหรฉันเลยนั่งชิวๆได้สบาย ไม่นานเรือเจ๊ต 3ลำ ก้อซัดเข้าหาชายฝั่ง พวกเบนซิล บราซิล และฟิลลิปต์อยู่ในกางเกง3ส่วน ส่วนท่อนบนเปลือย อวดซิ๊กแพ๊คกันเต็มที่ แต่เห็นทีคงจะมีใครสู้ฟิลลิปต์ไม่ได้ เพราะรอยสักมังกรขนาดใหญ่ ที่พาดอยู่กลางแผ่นหลังบ่งบอกถึงความแมนเต็มร้อยอย่างไม่น้อยน่าใครเลยทีเดียว แม้แต่ฉันยังหลงใหลในรอยสักนั่นเลย ฉันจ้องมองฟิลลิปต์อย่างไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกที จมูกเค้าก็มาหยุดอยู่ตรงปลายจมูกฉันแล้ว  ลมหายใจของเราชนกัน ฉันรู้สึกถึงอุณหภูมิเพิ่มขึ้นด้วยความร้อนที่มาจากแก้มนั่นเอง

    “ไง หลงเสน่ห์ ฉันสะซิ “ แต่ก็จริงอย่างที่ทุกคนคิด ฉันกับเค้าเราคุยกันนานๆไม่ได้จริง ทำไมเดี๋ยวนี้เค้าหลงตัวเองบ่อยจังนะ

    “บ้าเหรอ ฉันไปหลงอะไรนายยะ ฉันแค่กำลังดูรอยปากเมจิที่มันวาดอยู่บนหลังนายต่างหาก วาดนานไหมถามจริง” ฉันพูดตอบทั้งๆที่หน้าเรายังอยู่ใกล้กันอยู่

    “ที่เธอเห็นนะ ถ้ามันเป็นปากกาเมจิก็ดีสิ ฉันจะได้ลบมันออกซะเลย ฉันก็รำคาญไอ้รอยสักบ้าๆนี่เหมือนกัน แต่เผอิญว่ามันเป็นของจริงนินา เห็นทีมันคงจะเอาออกมาไม่ได้หรอกมั้ง ถ้าได้ ก็คงมีทางเดียว ถลกหนังออกมา ใช่ไหมละ แต่มันคงจะเจ็บปวดน่าดู  ฮึ “ ฟิลลิปต์พูดแล้วตอกกลับฉันด้วยการแสยะยิ้มใส่ แล้วถอนหน้าออกไป คำพูดที่เค้าพูดเมื่อกี้มันทำไห้ฉันอึ้ง ชั่วขณะ อะไรกัน นี่ฉันพูดผิดอะไรอีกละเนี่ย เห้อ  ฉันละงงกับเขาจริง ไอ้รอยสักนั่นฉันก็แค่พูดเล่นๆ เค้าจะมาจริงจังอะไรละเนี่ย

    “ นี่มิน เห็นเนยของฉันไหมเนี่ย หายไปไหนง่า คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว” เบนซิลถามพร้อมทำหน้าเซ๊งๆ

    “ไปซื้อของกินมาไห้พวกนายนี่และน่าจะอยู่แถวๆนั้นนะ นายจะลองเดินไปดูก็ได้นะ “ ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบเบนซฺลก็หายตัวไปทันที อ่า คู่นี้นั่กกันจริงๆนะเนี่ย

    “แล้วฟอร์เซียละ หายไปไหน” เบนซิลถาม นี่ก็อีกคน ดูและกันดีจริง

    “เห็นบอกว่าจะไปนอนอยู่ที่บ้านพักนะ เธอบอกว่ารู้สึกไม่สบายด้วย ท่าทางจะอาการหนัก อยู่นะ” ฉันพูดไห้เบนซิลฟัง เบนซิลแสดงสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความรัก นี่ โอกาสที่เค้าจะกลับไปรักกันมันคงจะไม่ไกลแล้วใช่ไหม ฉันแอบดีใจกับทุกคู่ แต่แล้วของฉันละ เห้อ พูดแล้วมันเหนื่อยใจจริงๆ ฉันถอนหายใจพร้อมทำหน้าเนือย มองไปรอบๆ จนสายตาไปสะดุดที่ร่างของฟิลลิปต์ที่กำลังเดินไปที่เรือเจ๊ตอีกครั้ง อะไรเนี่ยนี่เขาจะไปขับเจ็ตเล่นอีกแล้วหรอ หรือว่าเขาเกลียดขี้หน้าฉัน ไม่พอใจฉันกันอีกละ เค้าถึงหนีหน้าฉันไป เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย นายเนี่ย ทะเลาะกันทีไร ก็หนีไปอย่างนี้ทุกครั้ง ใช่ปกติฉันจะไม่สนใจเขาหรอกจะไปตายที่ไหนก็ไป แต่สำหรับตอนนี้มันไม่ใช่ ฉันแคร์นะ จะว่าไงดีละ เหมือนมันผูกพันธ์กับพวกเขาละมั้ง ฉันเริ่มอ่อนโยน เอาใจใส่คนรอบข้างมากขึ้นตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เพราะฉนั้น ครั้งนี้ ฉันจะไม่ปล่อยเค้าไปแน่ ฉันลุกออกจากที่นั่งพร้อมเดินตามหลังฟิลลิปต์ไป อย่างไม่ทิ้งระยะ จนแทบจะวิ่ง

    “นี่ นายจะไปไหน ไม่ไปกินข้าวด้วยกันหรอ” ฉันตะโกนตามหลังเค้า ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่หันมามองก็ตาม นี่และฟิลลิปต์

    “ใช่ ฉันยังไม่หิว เธอไม่ต้องตามมา” ฟิลลิปต์ตะโกนต่อกลับมาพร้อมสตราทเรือเจ็ตเตรียมตัวจะออกไป

    “นี่ นายเป็นอะไรเนี่ย ไม่พอใจอะไรฉันอีกหรือไง” ฉันตะโกนออกไปสุดเสียง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือแววตาเย็นชาที่เค้าสาดมาที่ร่างฉันเต็มๆเล่นเอาฉันชาไปทั้งร่าง

    “ฉันไม่ได้โกรธอะไรเธอทั้งนั้น เอาความจริงฉันไม่มีสิทธิ์เลยด้วยซ้ำ ออกไปซะ” สิ้นคำพูดนั้นฟิลลลิปต์ก็ขับเจ๊ตคันนั้นออกไปด้วยความเร็วสูงส่วนฉันก็พาร่างตัวเองขึ้นเรือเจ๊ตอีกคัน เออเอาเข้าไป จะไม่พูดกันดีๆใช่ไหม ดูก็รู้ว่านายไม่พอใจอะไรอยู่ แล้วยังจะมาปฎิเสธอีก ฉันขับเรือเจ๊ตตามเค้าไปด้วยความเร็วสูง เอาความจริงฉันไม่อยากขับเลย ฉันขับเรือเจ๊ตไม่แข็ง พี่ชายฉันถ้าจะไห้ขับก็จะไห้ขับเบาๆ หรือไม่ก็ตามติดตลอดเวลา เพราะฉนั้นมันเป็นเรื่อง อยากมาก สำหรับฉันที่จะขับเร็วแบบนี้พร้อมกับมองหาร่างของฟิลลิปต์ไปด้วย ฉันกวาดตามองไปรอบๆทะเลที่มีคนขับเจ๊ตเต็มไปหมด ตอนนี้ฉันเริ่มกลัวนิดๆแล้วละเหมือนฟิลลิป์จะไม่รู้ด้วยว่าฉันตามเค้ามาเพราะตอนที่ฉันออกมาร่างเค้าก็หายลับออกไปซะแล้ว และแล้วฉันก็เจอเขา รอยสักมังกรนั่นมันเป็นสิ่งยืนยันได้เลยว่านั่นและเขา

    “ฟิลลิปต์” ฉันตะโกนเรียกชื่อเค้าอย่างหมดแรง ร่างสูงหันกลับมาพร้อมคิ้วขมวดนั่นแต่ไม่ทันใดมันก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าตกใจอะไรซะอย่าง

    “ระวังงงงงง”ฟิลลิปต์ตะโกนกลับมายังไม่ทันที่ฉันจะเข้าใจคำนั้นเรือเจ็ตจากไหนก็ไม่รู้พุ่งเข้าชนฉันเต็มที่ ร่างทั้งร่างของฉันลอยกระเด็นไปซัดกับเรืออีกคันที่อยู่ตรงข้าม หัวของฉันกระแทกเข้าที่ตัวเรืออย่างรุนแรง จนฉันมึนหัวไปหมด ฉันมองเห็นน้ำสีแดงซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเลือดของฉันเอง มันมึนไปหมดเลย รู้สึกเหมือนฟิลลิปต์ตามเข้ามาช่วยฉัน แขนอันแข็งแรงของเขายกฉันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน แล้ววางไว้บนเจ๊ตตามด้วยร่างสูงของเขาที่ก้าวทับขึ้นมาอีกที เขาบิดคันเร่งสุดระดับเพื่อจะพาฉันเข้าฝั่ง

    “จัสมิน อย่าเป็นอะไรนะ ห้ามเป็นอะไรนะ”เค้าพูดพร้อมกับก้มมามองฉัน สีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงนั้นมันทำไห้หัวใจของฉันอบอุ่นและรู้สึกปลอยดภัย เค้าจับหัวฉันพลาดมาที่แขนเพื่อไห้ไม่กระทบกระเทือน ฉันชอบนะเวลาที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของเขา มันรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ฟิลลิปต์ช้อนตัวฉันไปวางไว้บนเสื่อที่ฝั่ง เขาหยิบผ้าขนหนูที่เตีรมมาสำหรับซํบตัวมากดเลือดฉันที่หัว มืออีกข้างบีบมือฉันแน่น จนู้สึกเจ็บ

    “เจ็บหัวจัง”

    “หัวเธอแตกนะแต่ไม่ลึกนะ เลือดก็ไหลเยอะอยู่เหมือนกัน มึนหัวหรือเปล่า หน้ามืดอะไรไหม”เค้าถามฉันพร้อมกับเอามือลูบไปตามกรอบหน้าอย่างเป็นห่วง

    “นี่ นาย ฉันหนาวจัง เสื้อเปียกไปหมดเลย อุ้มฉันกลับบ้านหน่อยได้ไหม”ฉันขอร้องฟิลลิปต์และเค้าก็ทำตาม ฟิลลิปต์อุ้มฉันขึ้น โดยมีเนยกับเบนซิลวิ่งเข้ามา

    “นี่ไห้ฉันพากลับไหมฟิล ฉันดูแลเธอได้นะ นายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าไหม” เนยพูดขึ้น

    “ไม่เป็นไร ฉันจะดูแลจัสมินได้ พวกแกก็อยู่ที่นี่และ”ฟิลลิปต์พูดจบก็เดินอุ้มฉันกลับบ้านพักทันที ด้วยความที่เรามาเล่นน้ำซึ่งไม่ไกลจากบ้านพักเท่าไหร ทำไห้ระยะทางและเวลาที่เค้าพามาถึงบ้านก็ใช้เวลานิดเดียว เขาพาฉันมานอนในห้องที่วันนั้นเราเคยนอนด้วยกัน พอคิดถึงตรงนั้น หน้าฉันก็ร้อนขึ้นมาอีก ฉันเอนตัวนอนลงบนเตียง

    “รออยู่นี่นะ เดี๋ยวไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาไห้” เขาพูดพร้อมเดินมาห่มผ้าไห้ฉัน ฉันกวาดตามองไปนอกห้อง แสงอาทิตย์ที่สาดกระทบมา ทำไห้นู้รู้สึกดีขึ้น เอาละ ฉันต้องหาโอกาสคุยแบบเปิดใจกับเขาไห้ได้ ไม่นานฟิลลิปต์ก็เดินมากับกล่องปฐมพยาบาลพร้อมกับเสื้อแขนยาวสีดำตัวใหญ่ของเขา ฟิลลิปต์ทิ้งตัวลงบนเตียงเพื่อจะทำแผลไห้ฉัน

    “นี่ คุยกันก่อนได้ไหม” ฉันบอกกับฟิลลิปต์ที่กำลังเตรียมของทำแผลไห้ฉันอยู่ ร่างสูงเงยหน้ามองฉัน พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “ทำแผลก่อนสิ แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน”เขาพูดพร้อมเอื้อมมือมาที่หัวฉัน

    “ไม่เอา เดี๋ยวนายไม่ยอมคุยกับฉันอีก”ฉันพูดพร้อมจับมือเค้า เพื่อคัดค้านการทำแผล

    “เฮ้อ สัญญาเลยอ่ะ ทำแผลก่อนนะแล้วค่อยคุยกัน นิถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องจะจับไปโยนทะเลจริงๆด้วย”เขาเอื้อมมือมาแกะมือฉันออก

    “เง้อ ค้าบบ งั้นก็รีบทำเลยนะ ฉันกลัวใครบางคนผิดสัญญา”

    “แค่นี้และ เถียงกันอยู่ได้ เดี๋ยวเลือดก็ไหลหมดจัว ศพไม่สวยนะบอกไห้” ประโยคที่ฟิลลิปต์นั้นทำไห้เจอฉันตีเข้าไปที่ไหล่อย่างแรง1ที

    “ชิ” ไม่นานฟิลก็ทำแผลไห้ฉันเสร็จเค้าบอกไห้ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน ฉันออกมาจากห้องน้ำโดยมีเสื้อเชิตสีดำของฟิลลิปต์สวมทับอยู่ มันก็ดูโอเคนะ แต่ฉันว่ามันโหวงๆอ่า

    “มานี่ เดี๋ยวเช็ดผมไห้” ฟิลลิปต์เรียกฉันไปหา เรานั่งหันหน้าเข้าหากันเขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมไห้ฉัน มือเขาเบาดะฉันชอบ

    “วันหลังนะ ถ้าฉันทำอะไรไห้นายไม่พอใจหรือไม่ชอบหรือโกรธละก็ นายบอกฉันเถอะนะ ฉันไม่อยากปล่อยไห้เรื่องมันผ่านไป”

    “ฉันขอโทษนะ ที่ทำไห้เธอเจ็บตัว เพราะฉันตั้งหลายรอบ ตอนนั้นเธอถูกรถชนก็เพราะฉัน เธอขาแพลงก็เพราะฉัน และคราวนี้เธอหัวแตกก็เป็นเพราะฉัรอีก”

    “นี่นายอย่ามาพูดงั้นสิ มันก็ผิดคนละครึ่งละนะ นายอย่าโทษัวเองเลยนะ แต่ที่ฉันอยากจะขอนายก็คือ ฉันอยากไห้นาย เวลามีปัญหา หรือมีเรื่องราวอะไรก็ตามไม่ว่าจะดีหรือทุกข์ที่มันผ่านเข้ามาในชีวิตนาย วันไหนที่นายเจ็บปวดทนไม่ไหวนายบอกฉัน วันนั้นฉันอาจจะทำไห้นายรู้สึกดีขึ้น ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงแคร์นายมากขนาดนี้ แต่อาจจะเป็นเพราะนายเข้ามาในชีวิตฉันนี่และ มันก็เริ่มทำไห้ฉันแคร์นายและคนอื่นมากขึ้น เพราะฉนั้นนะ ฟิลลิปต์ ต่อไปนี้ถ้านายมีอะไรละก็นายเล่าไห้ฉันฟังเลยนะ ฉันสัญญาว่าฉันจะรับฟังนายอย่างเต็มที่เลย ฉันจะไม่ทิ้งไห้นายอยู่คนเดียว ฉันสัญญา”เมื่อฉันพูดจบร่างสูงก็กอดฉันอย่างแน่น

    “ขอบคุณนะ ที่เธอแคร์และเป็นห่วงฉัน และก็ต้องขอโทษด้วยที่ฉันทำไห้หนักใจ ฉันสัญญาฉันจะทำตามที่เธอบอก เธรู้ไหม ไม่เคยมีใครแคร์ฉันเลยในชีวิตของฉัน จนกระทั่งมาเจอเธอ เธอเข้ามาเปลี่ยนโลกของฉัน ไห้มันมีสีสันขึ้นมา ฉันหัวเราะได้มากขึ้นก็เพราะเธอ แนยิ้มได้มากขึ้นก็เพราะเธอ ฉันมีความสุขมากขึ้นก็เพราะเธอ เพาะฉนั้นถ้าเธอจะต้องมาเป็นอะไรเพราะฉันอีกละก็ ฉันคงไห้อภัยตัวเองได้แน่ๆ เพราะฉันไม่รู้ว่าถ้าฉันไม่มีเธออยู่ โลกของฉันมันจะมีความสุขเหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะฉนั้น อย่าทำอะไรเสี่ยงอีกเลยนะ รับปากกับฉันได้หรือเปล่า”ฟิลลิปต์ถอนอ้อมกอดพร้อมใช้มือประคองหน้าฉันขึ้นมาเพื่อจะสบตากับเขา

    “ฉันรับปาก นายไว้ใจได้เลย แล้วนายก็ต้องทำตามสัญญาฉันด้วยนะ”

    “อืม แล้วนี่ง่วงนอนหรือเปล่า”

    “ก็นิดนึงอ่ะนะ แล้วนายไม่ไปอาบน้ำหรอนายก็ตัวเปียกเหมือนกันนะ”

    “อ่าลืมไปเลย งั้นเธอรอฉันอยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำแปบเดียว แล้วจะมาอยู่เป็นเพื่อน” ฟิลลิปต์พูดจบพร้อมเดินไปเปิดเครื่องปรับอากาศไห้ทำงาน แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับชุดนอนสีดำตัวโปรดของเขา ระหว่างที่ฟิลลิปต์อาบน้ำ ฉันก็นั่งเช็ดผมพร้อมคิดอะไรไปเรื่อย เมื่อกี้เราพูดกันยังกับเป็นแฟนกันงั้นนะ แต่ว่านะ หัวใจของฉันทันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลย 15นาทีผ่านไป เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก เป็นสัญญานว่าเค้าอาบน้ำเสร็จแล้ว ฟิลลิปต์เดินออกมาในชุดนอนสีดำพร้อมกับผ้าเช็ดผมที่เค้าเช็ดจนเกือบแห้งแล้วมานั่งบนเตียงกับฉัน

    “นิ เสื่อกี้เธอพูดว่าถ้าฉันมีปัญหาอะไรไห้บอกเธอได้เลยใช่ปะ”ฟิลลิปต์พูดพร้อมล้มตัวนอนในขณะที่ฉันนั่งอยู่บนเตียง

    “อืม พูดมาเลย ฉันยินดีช่วยนายเต็มที่”

    “งั้น เธอนอนเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันไม่กล้านอนคนเดียว มันเหงา นะ”

    “อย่ามาหื่นนะ ฉันจะไปนอนอะไรกับนายเล่า ห้องฉันก็มี”

    “เหอะน่า เธสัญญาไว้แล้วนะ จะมาผิดสัญญาได้ไง อีกอย่างห้องเธออยู่ตั้งไกลจะเสียแวลาเดินไปทำไมนอนกับฉันนี่และ”ไม่ทันที่ฉันจะปฏิเสธอะไร ร่างสูงก็ดึงฉันมากกไว้ในอ้อมแขนของเขาพร้อมกับผ้านวมผืนใหญ่ที่คลุมทับตามมาอีกที

    “นายนะมันชอบบังคับไปซะทุกเรื่องและ ชิ” ฉันเงยหน้ามองอย่างไม่ได้ตั้งใจ จะทำไงได้ ก็เรานอนหันหน้าชนกันอยู่นิ

    “แต่เธอก็ไม่ขัดขืนไม่ใช่หรอ” ฟิลลิปต์ยิ้มพร้อมเอาปลายจมูกมาไถแก้มฉันเล่น

    “ก็ฉันชอบเวลาอยู่ในอ้อมกอดนายนิ มันเหมือนนอนอยู่หน้าเตาผิงในฤดูหนาวเลย มันอุ่นดี “ ฉันพูดแล้วก้มหน้าลง ก็มันอายนิ แล้วนี่ฉันพูดอะไรออกไป ฟิลลิต์ใช้มือช้อนคางฉันขึ้นมาเพื่อบังคับไห้ฉันมองหน้าเขา

    “งั้นเธอ ก็จำไว้นะว่าเตาผิงเตาเนี้ย มันมีไว้ไห้เธอแค่คนเดียว” ฟิลพูดพร้อมก้มมาจูบฉันอย่างแผ่วเบา แค่นี้มันก็พอทำไห้ฉันหลับฝันหวานได้ทั้งวันเลยละ  ฉันก้มหน้าซุกอกเขาเพื่อหาไออุ่น และเขาก็กอดกันฉันแน่นขึ้นเหมือนกันราวกับไม่อยากไห้ฉนหนีหายไปไหน ฉันชอบเวลานี้จังเลย เวลาที่ได้อยูกับเขา แบบนี้ มันเป็นเวลาที่มีความสุขจนบอกไม่ถูกเลยละพวกคุณละคิดว่าไง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×