ดูแลหุ่นสวย พริ้ง จากภายใน
ท่านผู้อ่านทั้งหลายทราบกันดีใช่มั้ยคะว่าถ้าผู้หญิงอย่างเรา ๆ นั้น ต้องการที่จะมีรูปร่างที่สมส่วน หรือผิวพรรณเปล่งปลั่งได้ นั้นย่อมมาจากสุขภาพภายใน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ออกกำลังกาย หรือกระทั่ง การคิดดีต่อตนเองหรือที่โฆษณาเค้าบอกว่าให้คิดบวกนั่นแหละคะ ในบทแรกนี้จะขอกล่าวถึง การดูแลหุ่นสวยจากภายใน ด้วยวิธีง่ายดายสุด ๆ ที่อยู่รอบตัวเรากัน
- กินดี ผิวสวย แถม สุขภาพดี
ในสมัยนี้ผู้หญิงยุคใหม่ที่อยากผอม นิยม ที่จะเอนเอียงไปกับการรับประทานอาหารชีวจิตซะทีเดียว แต่หารู้ไม่ว่า จริง ๆแล้วมีไม่กี่คนที่ทราบว่าการรับประทานเพียงผักหรือผลไม้อย่างเดียว ไม่สามารถทำให้สุขภาพดีไปพร้อมกันได้ คุณอาจจะผอมแต่คุณก็จะอ่อนแอลงไปด้วย เพราะภาวะที่ผู้หญิงกำลังไดเอตทั้งหลายพบเจอคือ ร่างกายขาดสารอาหาร โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตที่มีมากในเนื้อสัตว์ และสำคัญอย่างยิ่งในการให้พลังงานคะ ถ้าขาดไปก็จะทำให้ร่างกายของเราก็มีสุขภาพที่ย่ำแย่ได้ด้วยเหมือนกัน แต่หากใครสงสัยว่า อ้าว!แล้วผู้ชายที่ทานเนื้อสัตว์เยอะๆ (บวกกับแอลกอฮอล์อีกด้วย)ถึงไม่เป็นโรคขาดสารอาหารละ จริง ๆ แล้วมีการวิจัยที่ได้รับการยอมรับของกระทรวงสาธารณะสุขออกมาแล้วนะคะว่า ผู้หญิงมีความเป็นไปได้ที่จะอ้วนง่ายกว่าผู้ชาย เหตุผลคือระดับน้ำตาลในเลือดของร่างกายผู้หญิง จะเปลี่ยนแปลงง่ายกว่าผู้ชาย ทำให้ผู้หญิงอยากทานขนมบ่อยกว่าผู้ชาย หรือ อีกเหตุผลผู้หญิงนั้นมีไขมันที่มากกว่าระบบเผาผลาญจึงทำงานได้น้อยกว่า ผู้ชาย จนกระทั่งเมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะปรับการทำงานของกล้ามเนื้อมาเป็นไขมัน และ นั่นคือสาเหตุของโรคอ้วนและสุขภาพที่ย่ำแย่ในผู้หญิงที่อายุมาก ซึ่ง มีไขมันสะสมอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้แหละคะ โดยบทนี้เราจะมาเรียนรู้ถึงวิธีการรับประทานอาหารและดูแลตนเองจากภายในกันนะ คะ เมื่อพร้อมแล้วเริ่มกันได้เล้ย ^^
รู้ ๆ กันอยู่นะคะว่าผู้หญิงอย่างเรานั้นมีรูปร่างที่แตกต่างต่างกันไป เพราะไม่ได้มีเพียงรูปร่างที่ เตี้ย สูง อ้วน ผอม เท่านั้น รูปร่างของผู้หญิงเรายัง แตกออกไปเป็น อ้วนซ่อนรูป ผอมกล้ามเนื้อ หรือ รูปร่างมาตรฐาน ในหนังสือเล่มนี้คุณจะได้ทราบกันว่ารูปร่างต่าง ๆ นั้นมีอะไรบ้า
ง และสิ่งที่รับประทานแล้วดีต่อสุขภาพทำให้หุ่นสวยบริ้งนั้นสมควรเป็นอะไร
คนรูปร่างผอม ส่วนใหญ่ คนรูปร่างผอมเพรียวบางนั้น มักไม่กังวลกับการรับประทานอาหารเท่าไหร่ แต่ก็มีมากที่ลืมเรื่องสำคัญไป คือทานอาหารให้ได้ครบ 5 หมู่ สิ่งเหล่านี้จึงอาจเป็นสาเหตุให้คนที่ผอมเป็นโรคขาดสารอาหารได้ ซึ่งในการรับประทานแต่ละมื้อควรแบ่งอาหารออกเป็น 4-5 มื้อ และควรเน้นอาหารที่ย่อยง่าย ให้พลังงานสูง แต่ไขมันที่ได้ปานกลาง จะได้มีแรงทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันไงคะ ตัวอย่างเช่น ข้าวสวย ข้าวกล้อง หรือ ทั้งสองอย่างผสมกันไปเลยก็ได้ สามรถทานคู่กับเนื้อปลา หรือเนื้อไม่ติดมันปรุงรสตามชอบ (แต่รสจัดไปก็ไม่ดีนะคะ) น่าอร่อยทีเดียว
คนรูปร่างผอมและมีกล้ามเนื้อ ควร รับประทานอาหารที่เน้นโปรตีนจากเนื้อปลาหรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เหมือนกับคนรูปร่างผอมปรกติ โดยเสริมสารอาหารจำพวกธัญพืชซึ่งอาหารธัญพืช เพราะมีสารที่สามารถต่อต้านโรคหัวใจได้ถึง 30 % ทั้งยังสามารถขับของเสียและสดไขมันที่อุดตันได้อีกด้วย ไม่เพียงแต่คนที่รูปร่างผอมกล้ามเนื้อจะทานได้อย่างเดียวนะคะ คนที่มีรูปร่างอื่น ๆ ก็สามารถทานได้เช่นกัน แต่อย่าลืมจำกัดปริมาณด้วยนะคะ เช่น จมูกข้าว และ แอปเปิ้ลเขียว เป็นต้น
คนที่มีลักษณะกล้ามเนื้อมาก คน ในลักษณะนี้จะมีรูปร่างออกไปทางตัวที่ค่อนข้างหนาโดยเฉพาะกล้ามเนื้อนะคะ ควรรับประทานอาหารเน้นที่มีมาจากโปรตีนเนื้อปลา เป็นส่วนมาก หรือหากใครไม่ชอบทานปลาจะเลี่ยงไปทาน อาหารจำพวกเนื้อไก่ที่ไม่ติดหนังย่างสุก ๆ โรยเกลือ พริกไทย ก็อร่อยแล้วคะ อีกทั้งรวมไปถึงสันในหมู เนื้อวัว และไข่ ซึ่งควรเสริมผักผลไม้ทุกมื้อ เช่น แอปเปิ้ล หรือ ส้ม สุดท้ายสิ่งที่ขาดไม่ได้คือนม อย่าลืมว่าต้องเป็นไขมันต่ำเพื่อสุขภาพ ร่างกายที่สมส่วน พร้อมทั้งเสริมสร้างกระดูก และกล้ามเนื้ออีกด้วย
คนที่มีรูปร่างมาตรฐาน จะมีรูปร่างคล้ายกับคนที่มีรูปร่างผอม สิ่งที่ต้องรับประทานจึงคล้าย ๆ กัน คือทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ซึ่งสมควรเป็นอย่างมากที่จะให้อาหารแต่ละมื้อไม่ซ้ำกัน หรือที่เรียกว่าการประยุกต์ อาหารต่างๆ มารวมกัน เพื่อให้เกิดความไม่เบื่อหน่ายนะคะ อีกทั้งเพื่อลดสิ่งสะสมของสารอาหารตกค้าง เช่น การรับประทานข้าวกล้อง หรือ ขนมปังธัญพืชก็ได้ ที่สำคัญควรจะนอนหลับให้เพียงพอเพื่อสุขภาพที่ดีแข็งแรงนั่นเอง
รูปร่างมาตรฐานและมีกล้ามเนื้อมาก ใน ลักษณะคนที่มีรูปร่างแบบนี้คือผอมบางแต่กล้ามเนื้อเยอะควรที่จะรับประทาน อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนมากกว่านะคะ ซึ่งหมายถึง สารอาหารจำพวกที่มีกากใยสูง จะทำให้น้ำตาลกลูโคสและกรดไขมันอิสระในเลือดลดลง โดยเป็นตัวแปรซึ่งจะทำให้ไขมันในเลือด และตามส่วนอื่น เช่น ขา หรือ สะโพก ของร่างกายลดลงคะ สิ่งที่ทานได้ก็จำพวกกากใย เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวเจ้า กะหล่ำปลีสุก หอมใหญ่ดิบ หรืออาหารมังสวิรัติ โดยสามารถนำมาประยุกต์เป็นอาหารที่ถูกปากเราได้ตามต้องการเช่นเดียวกันนะคะ
ขั้นสอง
เตรียมพร้อมร่างกาย
หลายคนมักมองข้ามความสำคัญของการเตรียมพร้อมร่างกายออกไป เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นและมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงร่างกายไปในด้านต่าง ๆ เช่น ออกกำลังกายอย่างหักโหมโดยไม่มีการเตรียมพร้อม หรือ เปลี่ยนมารับประทานอาหารชีวจิต(ผักล้วน)ทันที จากที่รับประทานเนื้อมาทุกวัน หากปฏิบัติในรูปแบบขั้นต้นแล้วจะทำให้ร่างกายเริ่มรับถึงความเปลี่ยนแปลงไม่ได้และเกิดผลเสียตามมาในที่สุด การเตรียมพร้อมร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้ที่รักสุขภาพตนเองดังนี้
ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การกิน
หลาย ๆ คนมักมีคำถามว่า ทำไม ตนเองมีปัญหาเกี่ยวกับการดูแลรูปร่าง ไม่เห็นเหมือนกับคนอื่นเค้า คำตอบคือ เพราะคุณทั้งหลายนั้นลืมนึกถึงสาเหตุสำคัญในการดูแลรูปร่างไปนั่นเองนะคะ อธิบายคือการปรับเปลี่ยนลักษณะหรือไลฟ์สไตล์การกินอาหารคะ เนื่องจากการกินอาหารเป็นตัวแปลที่สำคัญอย่างมากอย่างหนึ่งในการรักษารูปร่างของคุณผู้หญิง ทั้งทานมากทานน้อย หรือทานหมด เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงผลที่จะตามมา ทั้งเรื่องสุขภาพ และ น้ำหนักที่เกินพอดี ดังต่อไปนี้นะคะ
กลัวอ้วนจึงงดอาหารเช้า หลายคนมีความคิดที่ผิดอย่างมากเรื่องการทานอาหารเช้า และ แม้รู้ทั้งรู้ก็ยังจะทำว่า หากงดอาหารเช้าแล้วรวบไปทานในมื้อกลางวันจะทำให้น้ำหนักลดลง หรือรวบทั้งวันไปทานมื้อเย็นเลยจะลดอย่างมาก และถ้าใครบอกว่าวิธีนี้นั้นดีที่สุด ขอเถียงหัวชนฝาเลยนะคะว่าไม่ยอมรับ เพราะการกระทำเช่นนี้นอกจากจะส่งผลเสียให้กับร่างกายในเรื่องโรคกระเพาะแล้ว ยังทำให้ร่างกายมีความต้องการในอาหารที่มากขึ้นอีกด้วยนะคะ เพราะหากคุณไม่ทานอาหารเช้าความหิวก็จะสะสมเมื่อถึงตอนเย็นจึงเกิดความ รู้สึกอยากอาหารเป็นเท่าตัว ผลที่ตามมาคือน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่ดีที่สุดคือควรทานอาหารในมื้อเช้าเพราะอาหารมื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญ ที่สุดในการกระตุ้นระบบเผาผลาญ ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถควบคุมน้ำหนักได้อย่างดี และ ไม่ต้องกังวลว่าอาหารมื้อเช้าจะทำให้อ้วน เนื่องจากพลังงานทั้งหมดจะถูกเผาผลาญไประหว่างวัน และเมื่อถึงมื้อเย็นก็ไม่ควรที่จะงดไปเลยเพราะเป็นตัวการสำคัญที่จะทำให้หิว ในมื้อดึกอีก ทางที่ดีควรทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำแทนการงดอาหารในแต่ละมื้อมากกว่านะคะ
งดของหวาน เป็น ที่กล่าวขวัญกันมานานกับว่าของหวานต้องคู่กับผู้หญิง ซึ่งเป็นปัญหาหนักใจสำหรับคนที่อยากผอมแต่ชอบทานของหวานอย่างมาก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชื่นชอบชอคโกแลต แต่ด้วยใจที่อยากผอมจึงทำให้หลาย ๆ คนตัดสินใจเลิกทานของหวาน และ ต้องช้ำใจทุกทีที่กวาดสายตาไปเจอ จึงทำให้เกิดอาการเครียดสะสม ทำให้พาลหงุดหงิดกับสิ่งรอบ ๆ ตัวไปด้วย เห็นมั้ยคะว่าการงดสิ่งที่ชอบมีผลเสียมากขนาดไหน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมีใครรู้บ้างว่าไม่จำเป็นเลย ที่คุณผู้หญิงอยากผอมทั้งหลาย ต้องเลิกทานของหวานที่โปรดปราน เพราะยิ่งอดก็ยิ่งอยากกิน และความอยากที่มากขึ้นจะทำให้เกิดความทนไม่ได้ คุณ ผู้หญิงทั้งหลายควรให้รางวัลตนเองด้วยการทานของชอบเหล่านี้บ้างนานครั้ง ๆ เพื่อตอบแทนความพยายามของตนเอง และออกกำลังกายให้มากขึ้น ทั้งนี้ก็ทำให้มีความสุขกับการลดน้ำหนักของคุณผู้หญิงทั้งหลายได้แล้วละคะ
ทานให้เป็นเวลา ไม่ว่าจะเป็นการที่ยุ่งจากการทำงาน หรือต้องการอดอาหารแต่สุดท้าย ก็มาทนไม่ได้ต้องทานในภายหลัง ที่สำคัญหากอยู่ในระหว่างที่ลดความอ้วน การทานอาหารให้ตรงต่อเวลายิ่งเป็นสิ่งสำคัญ ทุกช่วงเวลาคือ เช้า กลางวัน เย็น หากละเลยจะเป็นผลทำให้กระเพาะรับรู้ถึงความผิดปรกติ และแสดงอาหารให้เรารับรู้ อาการปวดท้องอย่างรุนแรงที่เรียกกันว่า โรค
เกี่ยว กับระบบย่อยอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งอันตรายจึงไม่ควรละเลยเป็นอย่างยิ่งนะคะ ควรที่จะทานอาหารให้ตรงต่อเวลา สร้างพฤติกรรมการกินที่แน่นอน และพยายามที่กำจัดสิ่งรบกวน เช่น ทานอาหารหน้าทีวี ทานไปทำงานไป อ่านหนังสือไป เล่นเกมส์ไป ทั้งหมดเป็นการรบกวนสมาธิ ทั้งยังทำให้เราจดจำไม่ได้ว่าทานอะไรไปบ้างมากแค่ไหน ซึ่งทำให้ยากต่อการควบคุมอาหารเช่นกัน
ชอบทานขนม ไลฟ์สไตล์ สุดท้ายนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องควบคุม ยิ่งอยู่ในระหว่างที่ลดน้ำหนัก และดูแลสุขภาพด้วยแล้ว ขนมจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ความสำเร็จในการลดความอ้วนนั้นมีน้อยลงไป โดยส่วนมากการกินจุบจิบทั้งวันไม่มีปัญหามากนักหากเลือกทานอย่างถูกต้อง เช่น ในระหว่าการลดความอ้วนวันที่ 1-3 ให้ทานถั่วลิสงหนึ่งกำมือ หรือแอบเปิ้ล เพราะสิ่งเหล่านี้มีแคลอรี่ที่ต่ำ แต่หากเลือกทานจำพวกขนมขบเคี้ยว เป็นห่อ นอกจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นแล้วยังคงเสี่ยงต่อผงชูรสที่มีมากอีกด้วยนะคะ
ขั้น ตอนสุดท้ายนี้เป็นเสมือนการเตรียมตัวท้ายสุด ก่อนการเริ่มลดความอ้วนหรือมาดูแลสุขภาพตนเอง และเมื่อคุณผู้อ่านได้ปฏิบัติตามสองขั้นตอนข้างตนไปแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไป ถ้าอยากรู้ตามมาเลยคะ
คิดดี ใน ที่นี้หมายถึงการคิดดีต่อตนเองนะคะ ต้องไม่มองตนเองไปในทางที่ทำให้รู้สึกแย่ลง หรือที่เรียกว่า การคิดบวก เช่น คุณอยู่ในระหว่างลดความอ้วน กำลังกระทำอย่างถูกวิธีอยู่แล้ว แต่เมื่อไปเห็นคนอื่นที่หุ่นดีกว่าตัวเองเช่น พวกนางแบบ ทำ ให้เกิดแรงกระตุ้น และไปลดความอ้วนในทางที่ผิด อันดับต้น ๆ เลยคืออดอาหาร หรือใช้วิธีลัดคือการใช้ยาลดความอ้วน ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน และสุขภาพทรุดในที่สุด ซึ่งสิ่งสำคัญที่คุณผู้อ่านต้องชั่งใจไว้เสมอว่าการปฏิบัติตัวอย่างถูกวิธี นั้นย่อมดีต่อร่างกายมากที่สุด เพราะเมื่อหันไปพึ่งสิ่งกระตุ้นอื่น ๆ ไม่เพียงจะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายแล้ว อาจเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ สรุปแล้วการคิดบวก และการพอใจต่อตนเองนั่นคือสิ่งดีที่สุดคะขอคอนเพริม
กินดี การรับประทานอาหารนั้น ใช่ว่าจะทานอะไรก็ได้ ตามมีตามเกิด มีก็กินไม่มีก็ช่าง ไม่ถูกต้องนะคะ อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า ควรเลือก ให้รู้ว่าตนเองสามารถทานอะไร ได้ และดี สามารถ เข้ากับชีวิตประจำวันของตนเอง อย่างไม่มีปัญหาเรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งจำเป็นต่อร่างกายเรา และอะไรเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพที่มองข้ามไป สิ่งเหล่านี้จึงเรียนว่าการ กินดี คะ
มีความรู้ เมื่อ คิดดีกินดีแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยอย่างสุดท้ายคือมีความรู้ ความรู้ในเรื่องสุขภาพต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ทั้งที่รู้แล้ว ก็ควรรู้ลึกยิ่งขึ้น หรือที่ไม่รู้ก็ควรแสวงหาความรู้เพื่อนำความรู้เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับ ตัว สามารถนำไปเป็นความรู้ให้ผู้อื่นอีกด้วย ในหัวข้อนี้มีความรู้เล็กน้อยมาฝากคุณผู้อ่านเกี่ยวกับการทานอาหาร ดูแลตนเอง สิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันมาฝากเพื่อเพิ่มความรู้กันนะคะ
1. รู้ดีเรื่องน้ำ ความสำคัญที่ไม่เป็นรอง มีหลายคนที่ไม่สนใจการดื่มน้ำ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นอันดับหนึ่งของร่างกาย
หากขาดน้ำอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ เพราะน้ำมีความสำคัญตั้งแต่การล่อลื่น ลำเลียง ดูดซึมอาหาร ไปจนถึงจำกัดของเสีย ซึ่งการดื่มน้ำมีข้อควรปฏิบัติที่ขาดไม่ได้และความรู้ต่าง ๆ ดังนี้นะคะ
ดื่มน้ำสะอาด คือ ควรที่จะดื่มน้ำเปล่าบริสุทธิ์ สะอาด แต่ไม่จำเป็นถึงขนาดน้ำแร่ธรรมชาติ เพราะน้ำแร่นั้นเพียงแค่มีส่วนผสมที่เพิ่มขึ้นมาจากน้ำเปล่าบริสุทธิ์ คือ แร่ธาตุ และวิตามินเท่านั้น ซึ่งในอาหารที่เราทานในชีวิตประจำวัน ก็มีให้เพียงพออยู่แล้ว น้ำแร่ธรรมชาติจึงไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันมากนักทั้งยังมีราคาที่แพงอีก ด้วย
น้ำเย็น น้ำร้อน ทานอย่างไร น้ำ เย็นและร้อนมีความต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของอุณหภูมิอยู่แล้วคะ ซึ่งผลที่ได้ย่อมแตกต่างกัน คือ การดื่มน้ำเย็นจัด ในช่วงเวลาทานอาหาร หรือ หลังจากออกกำลังกายช่วงที่ร่างกายกำลังระบายความร้อน จะทำให้เกิดอาการจุกหน้าอกได้ หรืออาการจี๊ดขึ้นสมองได้ เพราะความเย็นจะทำให้เส้นเลือดและเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายหดตัว และน้ำร้อนหากดื่มตอนเช้าจะช่วยเรื่องท้องผูกได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าน้ำหากอุณหภูมิต่างกัน ผลที่ได้ก็ต่างออกไปนะคะ
การดื่มน้ำกับการออกกำลังกาย ระหว่างที่ออกกำลังกาย ร่างกายของเราจะสูญเสียน้ำจำนวนหนึ่ง ซึ่งควรที่จะดื่มน้ำก่อนออกกำลังกายหนึ่งแก้ว และเพิ่มอีกทุก 10-15 นาที เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำแต่ต้องคำนึงเสมอนะคะว่า ไม่ควรที่จะดื่มมากจนเกินไปจะทำให้จุกจนปวดท้องได้
ดื่มน้ำกับการทานอาหาร มักมีข้อห้ามที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ๆ โน้น ว่าอย่าดื่มน้ำไปทานข้าวไป (หรือกินไปดื่มไปนั่นแหละคะ) เหตุผลแรกเป็นเพราะจะทำให้จุกและทานข้าวได้น้อยซึ่งทำให้พ่อแม่หลาย ๆ คนเป็นห่วงกัน แต่ ที่จริงแล้ว การดื่มน้ำไปทานข้าวไปด้วยจะทำให้น้ำย่อยของเรานั้นเจือจางลง แม้แต่หลังทานอาหารก็ควรดื่มแต่น้อยเช่นกัน หรือคนที่ต้องการทานอาหารให้น้อยก็จิบน้ำก่อนทานอาหาร จะเป็นการลดการรับประทานอาหารและทำให้อิ่มเร็วขึ้นอีกด้วย

ในขณะที่หลายคนมุ่งเน้นไปวิธีที่สะดวกสบาย อย่างรับประทานยา หรือ อาหารเสริม ซึ่ง สามารถหาซื้อได้โดยทั่วไป แต่จะมีใครพอทราบหรือไม่คะว่า แอปเปิ้ลก็เป็นผลไม้ง่าย ๆ ที่ลดน้ำตาลในเลือดได้เหมือนกัน ในขณะที่แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่หาทานได้ทั่วไป ทั้งยังมีปลูกอยู่ทั่วในภาคเหนือของเมืองไทย ทั้งยังทานง่ายอีกด้วย ซึ่งในแอปเปิ้ลมีสิ่งที่สำคัญอยู่คือ เบต้าโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่มีชื่อว่าเพคติน ทั้งหมดนี้เป็นตัวช่วยในระบบของการย่อยอาหาร ประเภทโปรตีนและไขมัน และยิ่งกว่านั้น เส้นใยไฟเบอร์ที่มีชื่อว่า เพคติน ยังเป็นตัวสำคัญที่ช่วยลดความอยากอาหาร ลดโคเลสเตอรอล ให้ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเกิดความอยากอาหารมากน้อยแค่ไหน แอปเปิ้ลเพียงผลเดียวก็ทำให้หายหิวได้เป็นปลิดทิ้ง เพราะแอปเปิ้ล มีแป้ง และน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75% ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ ได้รวดเร็วและนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทำให้คุณผู้หญิงทั้งหลายไม่รู้สึกหงุดหงิดหรืออ่อนเพลีย และหาก กินแอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกินและผอมลงได้อย่างดีอีกด้วยนะคะ
แอปเปิ้ล ตัวคุมน้ำหนัก หาก คุณรู้สึกหิวในระหว่างที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือเวลาที่ไม่ใช่เวลาของมื้ออาหาร แอปเปิ้ลควรที่จะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ในการหยิบฉวยมาทานกัน เพราะในแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาลมากกว่า 75% ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ทำให้ความอยากลดลง ทั้งความหงุดหงิดเพราะความหิวก็จะหายไป และมีหลายคนมีคำถามถึงน้ำแอปเปิ้ลสามารถทดแทนกันได้หรือไม่ เพราะสะดวกต่อการพกพามากกว่าแอปเปิ้ลเป็นลูก ๆ แต่แท้ที่จริงแล้วน้ำแอปเปิ้ลไม่สามารถทำให้หายหิวได้ ทั้งยังเพิ่มน้ำหนักเพราะน้ำตาลที่คั้นออกมาจากตัวแอปเปิ้ลให้อีกด้วย
แอปเปิ้ลลดน้ำตาล ถ้า ใครเคยสังเกตของเยี่ยมของผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาล หรือในเมนูอาหารว่างของผู้ป่วยนะคะ แอปเปิ้ลจะมีรายชื่อสำคัญที่จะอยู่ในของเยี่ยม เป็นอันดับต้น ๆ เลย และเมนูเหล่านั้นแอปเปิ้ลมีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องควบคุมระดับปริมาณน้ำตาล เพราะ แอปเปิ้ลมีคุณสมบัติเสมือนกับถั่วที่มีน้ำตาลแต่ไม่เป็นอันตราย หากผู้ที่เป็นเบาหวานรับประทานเข้าไปจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มอย่าง ช้า ๆ ซึ่งในแอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำสูงมาก จึงไม่เป็นอันตราย และส่งผลดีต่อร่างกายได้อย่างดีอีกด้วย
โอ้ยาลดวามอ้วน ตัวอันตรายที่ยั่วยวน
ปัจจุบันนี้มีทางเลือกซึ่งเป็นวิธีลัดมากมายของคนที่มีความต้องการจะลดความอ้วนเลยนะคะ และ เห็นได้ชัดว่าหลายคนโดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น ที่เลือกวิธีอย่างง่ายแต่อันตรายมากสุด คือยาลดความอ้วน ซึ่งผู้ที่เลือกใช้วิธีนี้ส่วนมากมีความรู้ไม่เพียงพอสำหรับรับมือกับผลที่ ตามมาอย่างไม่คุ้มเลยนะคะ คือปัญหาในเด็กวัยรุ่นต้องการที่จะผอมแต่กำลังทรัพย์น้อยไม่เพียงพอที่จะไป ปรึกษาแพทย์ หรือทานอาหารเสริมราคาแพง ซึ่งยาลดความอ้วนสามารถหาซื้อได้ง่ายและมีราคาถูก ทำ ให้สามารถหาซื้อได้แต่ผลที่ตามมาคือ ร่างกายที่ผิดปรกติออกไป เช่น สมองเบลอ อารมณ์แปรปรวนร่างกายขาดสารอาหาร การรับรู้ไม่เหมือนปรกติ สาเหตุทั้งหมดมาจากการทานยาคะ และในส่วนของผู้ใหญ่ มีมุมมองที่ว่ายาลดความอ้วนเป็นทางลัดที่ง่ายที่สุดที่จะใช้ แม้จะมีกำลังทรัพย์เพียงพอต่อการใช้ในด้านต่าง ๆ เช่นฟิตเนต หรือ ทานอาหารเสริมที่ดีต่อสุขภาพ แต่สิ่งเหล่าจะให้ผลช้า แตกต่างจากยาลดความอ้วนทั่วไปที่เห็นผลภายในหนึ่งเดือน ซึ่ง เหตุผลที่ว่าผลลัพธ์ออกมารวดเร็วนั่นเองทำให้ยาลดความอ้วนเป็นทางเลือกของ ผู้หญิงหลาย ๆ คน แต่รู้หรือไม่ว่าผลที่ตามมาไม่เพียงแต่อาการหลาย ๆ อย่าง เช่น หน้ามืด ตาลาย ร่างกายขาดสารอาหาร เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ สารทีแถมมากับตัวยายังเป็นอันตรายมากขึ้นไปอีกคะ ใน บทนี้จะบอกถึงสารอันตรายต่าง ๆ ในยาลดความอ้วนให้ได้ทราบกัน เพื่อเป็นความรู้และระวังไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งอันตรายพวกนี้นะคะ
เฟนเตอมีน (Phentermine HCL) สาร ตัวนี้มีมากในยาลดความอ้วน โดยเฉพาะของปลอมซึ่งออกฤทธิ์ในสมองส่วนกลางคะ เป็นส่วนสำคัญในการควบคุมอาหารโดยดัดแปลงมาจากแอมเฟตามีนที่เป็นยาประเภท เดียวกับยาบ้า(ยาอันตราย) แต่มีการพัฒนาให้ผลข้างเคียงที่น้อยกว่า ซึ่ง สารตัวนี้จะไปทำปฏิกริยาให้เราไม่รู้สึกหิว ซึ่งได้ชื่อว่ากลุ่มตัวยาที่ออกฤทธิ์ต่อประสาท ผลข้างเคียงที่ออกมาอย่างชัดเจนคือ อารมณ์หงุดหงิด กระวนกระวาย ปากแห้ง คลื่นไส้ ท้องผูก ซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิตได้ถ้าทานเข้าไปในปริมานมาก
ซิบูทรามีน (Sibutramine) เป็นสารที่ออกฤทธิ์กับสารสื่อประสาทที่มีชื่อว่า โดปามีน (Dopamine) สารชนิดนี้จะทำหน้าที่ควบคุมความอิ่ม ไม่ให้เกิดอาการอยากอาหาร เช่นเดียวกับ สารเฟนเตอมีน และให้ผลข้างเคียงกันคือ ปากแห้ง ท้องผูก นอนไม่หลับ ใจสั่นแต่มีข้อดีกว่า เฟน เตอมีน คือ การที่ไม่เกิด การกลับคืนของไขมันอย่างกะทันหัน หมายถึงหลังจากที่เลิกทานยาไปแล้วน้ำหนักตัวจะไม่กลับมามากกว่าก่อนทานยา
บิสซาโคดิล (Bisacodyl) และ ดัลโคแลกซ์ (Dulcolax) หากบอก ชื่อพวกนี้หลาย ๆ คนคงไม่เข้าใจว่าคืออะไร แต่ถ้าบอกว่าสารตัวนี้คือ ยาระบาย ที่มีมาให้ในชุดยาความอ้วน คงเป็นที่ตอบข้อสงสัยให้หลายคนได้แน่นอนนะคะ และไม่เฉพาะแต่ในยาลดความอ้วนเท่านั้นที่มีสารละบายตัวนี้อยู่ ในชา หรือ เครื่องดื่มบางยี่ห้อที่มีสรรพคุณของยาระบาย จะมีสารตัวนี้ผสมอยู่ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่ามากน้อยตามแต่ความเหมาะสมนั่นเอง แต่เมื่อสารชนิดนี้เข้าไปอยู่ในชุดของยาลดความอ้วนแล้วนั้นความรุนแรงของ ฤทธิ์ยาจึงเพิ่มมากเป็นทวีคูณ เพราะเมื่อทานเข้าไปจะทำให้สูญเสียน้ำและเกลือแร่ จนรู้สึกว่าท้องแฟบ ผอม ซึ่งที่จริงแล้ว บิสซาโคดิล (Bisacodyl) และ ดัลโคแลกซ์ (Dulcolax) มีผลคือทำให้ท้องผูก ทางผู้ขายยาลดความอ้วนจึงจ่ายยาเป็นยาละบายไป ดังนั้นผู้ทานควรพิจารณาให้ดีว่าสมควรทานมากน้อยแค่ไหน แต่ทางที่ดีไม่ทานเลยจะดีกว่านะคะ เพราะสรรพคุณของยาระบายนั้นไม่เฉพาะจะมีแต่ในตัวยา ในสมุนไพรของบ้านเราก็มีเช่นกัน เช่นมะขามแขก เป็นต้น
ไทรอยด์ ฮอร์โมน (Thyroid hormone) โดยปรกติยากลุ่มนี้จะใช้กับผู้ป่วยเป็นโรคไทรอยด์ ที่ต่อมไทรอยด์ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนได้ตามปรกติ จนเกิดเป็นโรคคอพอก จึง ใช้ยาเพื่อทดแทนส่วนนั้น ซึ่งสาเหตุที่นำมาอยู่ในชุดยาลดความอ้วน เพราะยากลุ่มนี้สามารถเพิ่มการเผาผลาญพลังงานได้อย่างมาก เมื่อใช้ยาอย่างต่อเนื่อง จะทำให้กล้ามเนื้อลดลง แทนไขมันที่จะเสียไป แต่เมื่อนานเข้า การสูญเสียที่เกิดขึ้น คือไนโตรเจน เป็นผลทำให้เลือดขาดโปรตีนอย่างมาก จนทำให้เกิดอาการบวมน้ำ อ่อนเพลีย ผิวหยาบซีด เบื่ออาหาร ทั้งยังทำให้ใจสั่นและขี้ลืมอีกด้วย
ฟลูออกซิทีน (fluoxetin) ส่วน มากผู้ที่ทานยาลดความอ้วนจะมีอาการเหมือนกัน ๆ อย่างหนึ่งนะคะ คือ ไม่ยอมหลับยอมนอน บ้างก็ลุกขึ้นมาทำงานบ้าน บ้างก็ออกไปออกกำลังกาย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกมากที่เกิดกับร่างกายคนเรา ที่ต้องการพักผ่อน ความจริงก็คือยาฟลูออกซิทีนนี้เป็นตัวยาที่ใช้ลดความอยากอาหาร และเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ผู้จ่ายยาจึงนำมารวมเพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ผลข้างเคียงที่ออกมาอย่างที่กล่าวข้างต้น คือ กระตุ้นให้นอนไม่หลับ หรืออาการตาค้าง นั้นเอง
วิตามิน (Vitamins) ผู้จ่ายยาลดความอ้วนบางที่จะมีวิตามินเสริมเข้ามา เพื่อเป็นตัวเสริมให้กับผู้ที่ซื้อยา ด้วยเหตุผลที่ว่า ในชุดของยาลดความอ้วนนั้นมียาระบายอยู่ทำให้ผู้ทานขาดสารอาหารที่สมควรได้ จึง นำวิตามินนี้มาเพื่อเป็นตัวเสริม ซึ่งแท้ที่จริงแล้ววิตามินที่ได้รับมาไม่เพียงพอต่อสารอาหารที่หายไป ทำให้ผู้ทานเกิดอาการขาดสารอาหารหลังจากที่เริ่มรับประทานยาได้ ซึ่งร่างกายจะเริ่มแสดงความผิดปรกติออกมา ตัวอย่างเช่น ผิวที่ซีดเหลือง ผมร่วง เล็บซีดขาว เป็นต้นเพราะฉะนั้นควรเลือกรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่มากกว่านะคะ
ฟูโรเซไมค์ (furosemide) ส่วน มากจะเห็นในลักษณะของเม็ดเล็ก ๆ สีส้ม ยากลุ่มนี้จะทำหน้าที่คือขับปัสสาวะ ซึ่งทางการแพทย์ใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง อาการที่แสดงออกจะพบได้ในผู้ทานยาลดความอ้วน คือ ปัสสาวะบ่อย ซึ่งเป็นสาเหตุของน้ำหนักตัวที่เบาลง โดยเหตุผลแท้ที่จริงแล้ว ยาตัวนี้จะเป็นตัวขับน้ำที่ปริมาณมาก ผู้ทานยาก็จะรู้สึกว่าตัวเบา น้ำหนักลดแต่มันเป็นอาการหลอกคะ ซึ่งที่จริงแล้วไขมันยังเท่าเดิม เพียงแต่น้ำในร่างกายออกไปมากเท่านั้นเอง
โดยสรุปแล้ว ตัวยาทั้งหลายที่ให้มาในชุดยาลดความอ้วนนั้น จะเป็นตัวที่คอยต้านไม่ให้ผลข้างเคียงเกิดขึ้นมากกว่า ซึ่งจริง ๆ แล้วตัวยาที่ลดความอ้วนจริง ๆ มีไม่กี่ตัวในชุดยาคะ เมื่อ ผู้ทานเลิกรับประทานยาไปแล้วนั้น ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นอันตรายที่สุดคือ ตัวยา ที่คอยต้านตอนที่เรารับประทานอยู่เสมอนั้นหายไป ผลก็คือตัวยาจะสะท้อนกลับสู่ผู้ทานคะ ทั้งความอ้วนที่เพิ่มขึ้น ความขี้หลงขี้ลืม แม้กระทั่งสุขภาพที่ย่ำแย่จะเกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งในต่างประเทศจะมีมาตรการเข้มงวดมากกว่าประเทศไทยบ้านเรา ในเรื่องของการจ่ายยา เพราะเค้ามีการติดตามผู้รับยา อย่างใกล้ชิด เพราะ ตัวสารที่ออกฤทธิ์ในยาลดความอ้วนนั้นอาจทำให้ผู้ทานเกิดอาการข้างเคียงที่ รุนแรงได้ ซึ่งเมื่อการติดตามเห็นว่าผู้ทานยาได้รับผลเป็นที่พอใจแล้ว ปริมาณในการจ่ายยาจะลดลง และเลิกจ่ายยาในที่สุด ซึ่ง ต่างมาก ๆ ในเมืองไทยที่มีสถาบันจ่ายยาลดความอ้วนที่ไม่จดทะเบียนอยู่หลายแห่ง ทำให้ยังไม่ครอบคลุมในการดูแล รวมทั้งถึงการติดตามพฤติกรรมผู้ทานยาลดความอ้วนด้วย แต่ก็นั่นเองด้วยความที่อยากผอมทางลัดของหลายๆคน ทางเลือกที่ชื่อว่ายาลดความอ้วนจึงเป็นสิ่งยั่วยวนใจอันดับหนึ่งก็ว่าได้
ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักจากสมุนไพร เป็นที่นิยมและคุ้นหูสำหรับคนทั่วไปคงเป็นสมุนไพรลดความอ้วนจากดอกคำฝอยซึ่งโด่งดังมาก ๆ ว่าได้ผลดีนะคะ จะ รู้จักกันนามของชาดอกคำฝอย ซึ่งมีลักษณะเป็นแคปซูล หรือถุงชา ดอกคำฝอยมีคุณสมบัติ เพื่อช่วยลดไขมันในเลือด เป็นยาระบาย เพื่อขับถ่ายนอกจาดนี้ยังมี สมุนไพรลดความอ้วนที่มาจาก ข้าวโอ๊ต แมงลัก หัว บุก ผลส้มแขก เป็นต้น แต่ทั้งนี้ผลข้างเคียงที่ตามมาแม้ไม่มากเท่ากับการรับประทานยาลดความอ้วนโดย ตรง แต่ก็ยังคงมีอยู่คือ เอฟีดรีน (ephedrine) เป็น สารที่ส่งผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจคล้ายกับ แอมเฟตามีน ทำให้ผู้ผลิตนำมาใส่รวมกัน เพื่อให้ผลในการลดน้ำหนักที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ทานรู้สึกว่ายาได้ผลและ ทานไปเรื่อย ๆ เพราะคิดว่าเป็นสมุนไพร ที่ไม่มีผลเสียต่อร่าง ซึ่งแท้ที่จริง เมื่อทานเข้าไปในปริมาณที่มาก สิ่งตามมา คือการสะสมของสารตกค้าง และผลข้างเคียงย่อมเหมือนกับการรับประทานยาลดความอ้วนนั่นเอง ซึ่งอาจไม่อันตรายเท่าตร
งที่ตัวยาในสมุนไพรลดความอ้วนมีความรุนแรงน้อยกว่า แต่ก็นั่นแหละคะหากทานเข้าไปในปริมาณก็จะเกิดการสะสมเป็นอันตรายได้ดีเช่นกัน
กาแฟลดความอ้วน โดยปรกติจะมีคาเฟอีนผสมอยู่ทำให้ลดในเรื่องของความอยากอาหาร และ เป็นตัวกระตุ้นให้สมองตื่นตัวอยู่แล้ว ทั้งยังมีส่วนช่วยในระบบเผาผลาญไขมันส่วนเกินในร่างกายให้ลดลง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ร่างกายผอมลงอย่างชัดเจนได้ ซึ่ง เมื่อมาเป็นผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน เข้าไปผลลัพธ์ ที่ได้จะแตกต่างออกมาตรงที่น้ำหนักลดลง ซึ่งสิ่งที่เป็นอันตราย คือมีการผสมสารในกลุ่มที่เป็นตัวกระตุ้น การทำงานของระบบหัวใจ และหลอดเลือด
ความคิดเห็น