คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : C. 6
จริง ๆ แล้ว ปู๋ไป่เป็นคนที่ชื่นชอบอาหารอร่อยมากๆ
แต่เขาไม่สามารถทนยืนอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ได้ เขาจึงชิมเพียงไม่กี่คำและหยุด
จากนั้นเขาก็ดึงแขนเสื้อของฉีโม่หลานและพูดว่า
"ข้าง่วงนอนแล้ว"
ปู๋ไป่ทำอะไรไม่ถูกเมื่อชายผู้นั้นจ้องมอง
ก่อนจะตามมาด้วยจูบที่เร่าร้อนจนแทบหายใจไม่ออก โชคดีที่ในที่สุดชายผู้นั้นปล่อยเขาไปก่อนที่เขาจะขาดใจตายจริงๆ
ฉีโม่หลานก้าวออกจากโต๊ะ ก่อนจะอุ้มเขาที่ยังคงอ่อนแอปวกเปียกขึ้นแนบอกอย่างนุ่มนวลและเดินไปที่ห้องนอน
แต่ก่อนที่จะจากไปฉีโม่หลานหันกลับไปมองอาหารที่ยังคงเต็มโต๊ะด้วยท่าทางหม่นหมอง
เมื่อฉีโม่หลานกลับมาถึงห้องของเขา ฉีโม่หลานก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายนอกจากการลงมือทำมันทันที
เสื้อผ้าสีขาวราวกับหิมะของปู๋ไป่ถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ฉีโม่หลานขบกัดที่คอของปู๋ไป่ราวกับว่าเขาต้องการระบายอารมณ์ที่มีทั้งหมดออกไปและแทนที่มันด้วยร่องรอยสีแดง
ช่วงเวลาของคืนฤดูใบไม้ผลิสั้นและขมขื่นเกินไป[1] ในทุกๆครั้ง คนแรกที่ทนไม่ไหวคือปู๋ไป่
ส่วนตัวฉีโม่หลานเองก็ไม่ได้ยัดเยียดอีกต่อไป เขาเพียงแค่โอบกอดชายหนุ่มที่กำลังหลับไว้อย่างเงียบ
ๆ ก่อนจะผลอยหลับไปในไม่ช้า
ซึ่งนั่นเป็นเวลาเดียวกันกับที่ปู๋ไป่ตื่นขึ้นมาอย่างสูญเปล่า
แท้จริงแล้วปู๋ไป่นั้นอ่อนเพลียและหมดสติไปก่อนหน้าฉีโม่หลาน
แต่โชคดีที่เขาได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าต้า เขาอดทนต่อความอ่อนเพลียและฝืนตัวเองให้ตื่นจากสภาวะง่วงนอน
ตัวของปู๋ไป่เองก็ตระหนักได้เป็นอย่างดี เกี่ยวกับการที่เขากำลังยืนอยู่บนปากเหวของ
ขีด จำกัด แม้กระทั่งการแลกเปลี่ยนกับความไว้เนื้อเชื่อใจ เขาก็ได้มันมาพอแล้ว
มันไม่ง่ายเลยที่จะฆ่าจอมมารที่มีพลังแข็งแกร่ง
นอกจากนั้นแล้วอาวุธของปู๋ไป่เองก็ได้ถูกยึดไปอย่างสมบูรณ์โดยฉีโม่หลาน
ปู๋ไป่ทำได้เพียงหยิบปิ่นที่ตกอยู่ด้านข้างขึ้นมาและถ่ายโอนพลังทั้งหมดของเขาลงไปที่มัน
ซึ่งค่อนข้างเหมือนกับชีวิตของเขาในตอนนี้ ถ้าไม่อาจทำสำเร็จเกี่ยวกับเรื่องนี้
เขาก็จะไม่มีโอกาสอื่นอีก
ชายข้างหมอนยังหลับอยู่โดยที่เขาไม่ได้รู้สึกตัวถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานมา
ปู๋ไป่หัวเราะเยาะ และในพริบตาปิ่นในมือของเขาก็แทงลงไปในเนื้อของฉีโม่หลาน แต่ว่ากับเกิดปัญหาขึ้นกับปู๋ไป่
เมื่อเขาแทงลงไปที่หัวใจของฉีโม่หลานหัวใจ เขาไม่สามารถแทงทะลุผ่านไปได้อีก
ปู๋ไป่ไม่มีทางเลือก เขาตั้งหน้าตั้งตาแทงปิ่นลงในร่างของฉีโม่หลานและในที่สุดก็ได้ยินเสียงที่คมชัด
ปิ่นหัก พร้อมทั้งฉีโม่หลานได้ลืมตาขึ้นมา
"ทำไม?" ฉีโม่หลานดูไปที่บาดแผลของเขา ราวกับว่าไม่เข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบัน
หรือบางทีเข้าใจชัดเจนเกินไป แต่ว่าไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน
"ทำไมเจ้าถึงแกล้งทำเป็นโง่งมกับข้า?
ในเมื่อเจ้าสังหารข้าหลายต่อหลายครั้ง ข้าจะสามารถให้อภัยเจ้าอย่างง่ายดายได้อย่างไร?" ในเวลานี้
ปู๋ไป่ทิ้งภาพลักษณ์ในยามปกติแทนที่ด้วยภาพลักษณ์เฉลียวฉลาด ดวงตาสีฟ้าดั่งน้ำทะเลสาบลุกไหม้ด้วยความเกลียดชัง "ในเมื่อข้าล้มเหลว
เจ้าก็สังหารข้าแทน ดีหรือไม่? เพราะข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป
หากว่าข้ายังมีชีวิตอยู่แม้เพียงหนึ่งวัน"
เลือดบนอกของฉีโม่หลานยังคงไหลทะลักออกมา แต่ดูเหมือนว่าฉีโม่หลานจะไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด
เขาคว้าจับคนที่อยู่ตรงหน้าเขาไว้อย่างเหนียวแน่นในเวลาเดียวกับที่เรียกหา ดาบโม่จุน
มันบินเข้ามาอยู่มือของเขา
ปลายดาบชี้ไปที่หน้าอกที่ซึ่งเป็นตำแหน่งหัวใจของปู๋ไป่ และเป็นเวลาเดียวกันกับที่ปู๋ไป่หลับตาลง
ในเวลานี้ ฉีโม่หลานยังพบว่าเป็นตัวเขาเองที่ไม่สามารถลงมือ นั่นจึงทำให้ปลายดาบขยับเพียงเล็กน้อย
ทางด้านของปู๋ไป่ เขารู้สึกเจ็บเพียงแค่บริเวณเอวและหน้าท้องของเขาเท่านั้นไม่ใช่ส่วนบริเวณที่ร้ายแรง
ปู๋ไป่ลืมตาขึ้นและจ้องมองไปที่ฉีโม่หลานด้วยความตกใจ "ทำไมไม่ฆ่าข้า?" เพียงเท่านั้นเขาก็ตกลงสู่ความมืดมิด
"เพราะข้าไม่ต้องการ" ฉีโม่หลานกอดชายหนุ่มที่ไม่รู้สึกตัวไว้ในอ้อมแขนของเขา
แล้วลูบแก้มสีซีดซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่เลือดออกมากเกินไป
ริมฝีปากของเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเยาะเย้ย "เจ้าไม่เชื่อ ข้ารู้ดี"
คราวนี้ปู๋ไป่ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีมาก
เขาถูกคุมขังในห้องลับ ในทุกๆวันเขาจะเห็นฉีโม่หลานเพียงคนเดียว คนผู้นี้เข้ามาเปลี่ยนชุดในเวลาที่กำหนดและทิ้งเขาไว้คนเดียวตลอดเวลา
มือและเท้าของปู๋ไป่ถูกล่ามโซ่ ด้วยโซ่ที่หนักเพื่อที่จะทำให้เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
ข้อมือที่ดั้งเดิมเคยละเอียดลออมาวันนี้การทรมานได้เปลี่ยนสภาพมันเป็นหยาบกร้าน และบางครั้งคราวที่ตรงนั้นก็มีคราบเลือดมากมาย
คนธรรมดาทั่วไปที่อยู่ในสถานที่ปิดเป็นเวลานาน
บางทีอาจไม่สามารถทนกับมันได้นานแล้ว แต่ว่าปู๋ไป่นั้นแตกต่างออกไปเนื่องจากเขามีเหล่าต้าที่สามารถพูดคุยกับเขาได้ทั้งวัน
เหล้าต้ารอบรู้มาก แม้ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วเหล้าต้าเองก็ไม่เต็มใจที่จะดูแลเด็กจอมซน
แต่เหล้าต้าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาชอบความรู้สึกที่ถูกกวนใจให้เขาพูดคุยด้วย ซึ่งถ้าเปรียบกับภารกิจที่ต้องทำ
มันก็น่าสนใจกว่ามาก
จากมุมมองของคนนอก ปู๋ไป่เป็นจำพวกที่นอนหลับ หลับตลอดทั้งวันหรือนานๆครั้งจะรู้สึกตัว
ทุกครั้งที่ฉีโม่หลานมาถึงปู๋ไป่ก็มักจะหลับอยู่ ฉีโม่หลานตรวจสอบหลายครั้งก็ไม่พบสิ่งผิดปกติและนั่นทำให้ใจของเขาวิตกกังวลมากขึ้น
ในภายหลังฉีโม่หลานมักจะปลุกปู๋ไป่ให้ตื่นขึ้นเสมอ
ต่อให้ได้รับเพียงความเกลียดชังและความเฉยเมยจากคนผู้นั้นทุกครั้งที่เขาพูดคุย แต่มันก็ทำให้เขาอุ่นใจมากขึ้น
ว่ากันตามจริงแล้วช่วงนี้ปู๋ไป่ใช้ชีวิตค่อนข้างดีทีเดียว
ไม่มีภารกิจน่ารังเกียจที่ต้องทำให้สำเร็จ เขาสามารถหยอกล้อกับคนโปรดของเขาอย่างเหล่าต้าได้ทุกเวลา
ปู๋ไป่คิดว่านั่นอาจจะเป็นรูปแบบของการดำเนินชีวิต
เหล่าต้ามองเห็นทิฐิและความสะเพร่าของปีศาจตัวน้อย
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดอะไรมาก ปู๋ไป่พยายามอย่างหนักเมื่อไม่กี่วันมานี้
ดังนั้นเหล่าต้าจึงตามใจปู๋ไป่เป็นครั้งคราว เขาเปิดตาข้างและหลับตาข้าง แล้วปล่อยไป
อีกด้านหนึ่ง ฉีโม่หลานไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับตัวเขาเอง
ปู๋ไป่ต้องการชีวิตของเขา แต่ในทางตรงกันข้าม เขาเองก็ต้องการที่จะอยู่กับปู๋ไป่ตลอดไป
ไม่ว่าเขาจะวางแผนอย่างไรมันก็ไม่มีวิธีแก้ปัญหา
ฉีโม่หลานเป็นคนที่ไม่ชอบดื่ม ยิ่งสิ่งที่อยู่ในถ้วยนี้
ไม่เพียงแต่ทำร้ายสุขภาพของเขาแต่ยังง่ายที่จะทำสิ่งต่างๆผิดพลาด แต่ว่าตั้งแต่วันนั้น
เขาไม่อาจบรรเทาความกำหนัดลักษณะนี้ได้ด้วยความรู้สึกสับสน ราวกับว่าเขาเมามายไม่รู้จบ
เมาอยู่เสมอในห้องนอนคนเดียว ครอบครองผ้าห่มที่พวกเขาสองคนใช้นอนหลับร่วมกัน
ห้องลับไม่สามารถแยกกลางวันออกจากกลางคืน และปู๋ไป่เองก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเวลาเป็นพิเศษ
ทว่าในตอนนี้ เขาถูกปลุกให้ตื่นด้วยความเจ็บปวด ใครบางคนเตะเขาอย่างรุนแรงที่บาดแผลของเขา
"นั่นคือผลของความชั่วที่เจ้าได้ทำเพื่อตอบแทนความดีของจอมมาร
ความเมามาย?" ชายคนหนึ่งในชุดสีดำ รูปร่างหน้าตาของเขาเป็นที่คุ้นเคยกันดี และคล้ายกับว่าปู๋ไป่จะเคยเห็นเขาผู้นี้อยู่ใกล้ชิดฉีโม่หลาน
คอของปู๋ไป่ถูกบีบและเท้าสีขาวของเขาทั้งคู่ก็ค่อยๆลอยขึ้นเหนือพื้นดิน
แต่เผอิญว่าเขาไม่ต่อต้านและยอมเชื่อฟังทุกสิ่งอย่างที่กำลังจะมา เมื่อเห็นอย่างนั้นชายผู้นั้นก็ยิ้มและพูดว่า
"มันไม่ง่ายขนาดนั้นที่จะตาย" จบประโยคปู๋ไป่ก็ถูกโยนลงไปบนพื้นเหมือนสิ่งของ
เขารู้สึกเหม็นคาวเลือดเล็กน้อยในลำคอของเขา แต่เขาก็ยังยืนหยัด
ชายคนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยเขาไปแบบนี้ เขามีกริชที่คมกริปอยู่ในมือของเขา
ความเย็นเฉียบของอาวุธทะลุผ่านเข้าไปในวิญญาณของปู๋ไป่ ปู๋ไป่ได้ยินชายคนนั้นพูดว่า
"ข้ารู้ว่าจอมมารกังวลเกี่ยวกับตัวเจ้า หลังจากที่ฆ่าเจ้า ข้าไม่คิดว่าข้าจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้
ดังนั้นขอให้ข้าเพลิดเพลินไปกับมันตอนนี้ เส้นทางแห่งความตายนั้นโดดเดี่ยว พวกเราไปด้วยกันเถอะ"
คมกริชเฉือนขีดข่วนไปบนร่างกายปู๋ไป่
ซึ่งทุกที่เหลือทิ้งไว้เพียงรอยเลือดลึก คนที่อยู่ข้างหน้าปู๋ไป่ดูระมัดระวังราวกับกำลังสร้างงานศิลปะที่งดงาม
โดยที่ไม่มีแม้แต่การแสดงออกใดๆบนใบหน้าของเขา
ปู๋ไป่สั่นเทาด้วยความเจ็บปวด
ถ้าเขาไม่กัดริมฝีปากล่างของเขาไว้แน่นเขาคงจะร้องออกมาตั้งแต่แรก ปู๋ไป่เป็นคนดื้อรั้นมากเสมอเกี่ยวกับบางสิ่ง
แม้ว่าเขาจะมีรอยแผลแต่เขาก็ไม่ต้องการละทิ้งความภาคภูมิใจสุดท้าย
การรับรู้ของปู๋ไป่เริ่มเลือนราง
ในภวังค์เขาเห็นปีศาจตนนั้นล้มลง แล้วจากนั้นเขาก็ถูกโอบกอดไว้โดยคนคุ้นเคย
ชายผู้นั้นเรียกเขา "ปู๋ไป่"
ปู๋ไป่รับรู้ได้รางๆว่ามีใครบางคนป้อนยาที่ดีให้แก่เขาจำนวนมาก
แต่ถึงอย่างนั่นมือของผู้ป้อนยากับค่อนข้างจะไม่มั่นคง หลายครั้งที่ยากระจัดกระจายอยู่บนพื้น
และไม่นานนักสติจำนวนมากก็ถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้น
ปู๋ไป่มองชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขา
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความสับสน คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
ทำไมคุณถึงมา? ทำไมคุณไม่กล้าที่จะไถ่ถาม? แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีความจำเป็นใดๆแล้วที่ปู๋ไป่จะถามคำถามเหล่านี้
เขาแหลกสลายไปเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าชายผู้นี้จะไม่เคยทอดทิ้งเขา แต่ว่าพวกเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
"ทำไมเจ้ามาที่นี่ เซียวเย่?" คุณมาที่ที่อันตรายเช่นนี้ได้
โดยลำพังได้อย่างไร?
"ข้าจะพาเจ้าออกไป"
ดวงตาของเซียวเย่แดงและบวม เห็นได้ชัดว่าครั้งหนึ่งเขาเคยร้องไห้ แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าตกใจที่ดวงตาคู่นั้นเป็นเหมือนเช่นเดียวกับครั้งแรก
เต็มไปด้วยพละกำลังและความมีชีวิตชีวา
"ข้าจะไม่ไป" ปู๋ไป่ดึงมือของเขาออกห่างจากเซียวเย่
และพูดอย่างใจเย็น
เซียวเย่ เป็นคนหนึ่งที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เขาออกแรงจับหน้าของปู๋ไป๋ให้หันกลับมามองเขาตรงๆและถามว่า
"ทำไม? พวกเขาทั้งหมดปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนั้น" เซี่ยวเย่มองดูรอยแผลมากมายบนร่างกายของปู๋ไป่ด้วยความเจ็บปวด
เขาการเอื้อมนิ้วของเขาออกไปเพื่อสัมผัสพวกมัน แต่ถึงอย่างนั้นเขากับกลัวที่จะทำให้พวกมันบาดเจ็บเพิ่ม
"เซียวเย่ ข้าไม่ใช่ข้าคนเดิม การหมั้นหมายของพวกเราข้าไม่ต้องการ"
ปู๋ไป่หลับตาอย่างอ่อนล้า และพยายามไม่มองสีหน้าคนรักของเขาในตอนนี้ ปู๋ไป่กลัวว่าเขาจะใจอ่อน
"ปู๋ไป่เกิดอะไรขึ้น?" สัญชาติญาณของเซียวเย่อถูกกระตุ้นอย่างหนัก
แต่ไม่นานก็สงบลง ก่อนจะค่อยๆพูดเท่าที่จะเป็นไปได้ "ข้าจะไม่ถาม ข้าจะไม่สนใจ
ตราบใดที่เจ้าเต็มใจที่จะอยู่กับข้า ปู๋ไป่...ไปกันเถอะ ไปหาสถานที่ที่ดีด้วยกัน ที่สำหรับเราทั้งคู่แล้วอยู่ที่นั้นตลอดชีวิตเป็นอย่างไร?”
บางทีอาจเพราะว่าคำพูดนั้นเย้ายวนเกินไป หรือบางทีอาจเพราะน้ำเสียงของคนผู้นี้เป็นทุกข์เกินไปปู๋ไป่จึงเห็นด้วยกับเขา
"ดีเหลือเกิน" เขาพูดคำนั้นขึ้นลอยๆและเบาๆ ทว่ากับต้องยกความกล้าหาญทั้งหมดที่มีขึ้นมาพูด
เหล่าต้าถามขึ้นมา "คุณอยากจะไปกับตัวเอกหรือเปล่า?"
"คุณก็รู้ดีว่าไปไม่ได้" ปู๋ไป่ตอบ
"มันไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับเขาที่จะเป็นตัวเอกชาย"
‘ปากดี’ มุมปากของเหล่าต้ากระตุก แต่ก็เป็นความจริง
ครอบครัวตัวเอกชายถูกทำลายลงโดยตัวร้าย แม้แต่คู่บำเพ็ญเพียรก็ยังถูกตัวร้ายช่วงชิงไปหลับนอนได้
อย่างนั้นแล้วพวกเขาจะสามารถเอาชนะคนผู้นั้นได้อย่างไร นี่มันเป็นประวัติศาสตร์ของโศกนาฏกรรมที่แท้จริง!
เพื่อไม่ให้เป็นภาระของเซียวเย่ ปู๋ไป่ก็ยืนหยัดที่จะลากตัวเขาเองไปสู่ความตาย
ส่วนตัวเสี่ยวเย่เองก็ได้แต่มองภาพทั้งหมดด้วยความปวดใจ แต่ว่าเขาห้ามตัวเองไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงดื้อรั้นที่จะทำมัน
เพราะปู๋ไป่หมดสติตั้งแต่ต้นจนจบ ปู๋ไป่จึงไม่รู้จริง ๆว่าห้องลับอยู่ที่ไหน
จนกระทั่งเขาออกมาเห็นห้องนอนที่คุ้นเคย เขาจึงรู้ตัวว่าหัวใจของเขายังคงค่อนข้างซับซ้อน
ไม่มีฉีโม่หลาน
บางทีมันอาจเป็นเพราะปู๋ไป่ออกมาตอนเที่ยงคืน แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ควรจะอยู่ที่นี่ก็ไม่ควรจะหายไป
ซึ่งนี่ต่างหากที่มันน่าสังสัย
ปู่ไป่ก้าวไปข้างหน้าและจับกุมมือของเซียวเย่ เขาพูดอย่างผิดปกติทว่าหนักแน่น
"ถ้าในวันหนึ่งข้าตาย เจ้าจะมีชีวิตอยู่ในทางที่ฉลาดและไม่ จำกัด เส้นทางของตัวเอง"
เสี่ยวเย่หัวเราะ พลางเคาะหน้าผากคนรักของเขาและตำหนิอีกฝ่ายว่า
"เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?"
"ข้าจริงจัง" และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะให้สัญญากับข้า
"ข้าสัญญา" เซียวเย่รู้สึกว่าคนรักของเขากังวลมากเกินไป
ตราบใดที่เขาอยู่ที่นี่พวกเขาจะไม่เผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ ตอนนี้ เขาเพียงแค่ต้องการให้ปู๋ไป่เชื่อฟังเพียงเล็กน้อยและมั่นใจในตัวเขาเท่านั้น
*****
[1]
A spring night is rather too short [春宵苦短] – คืนแห่งความสุขทางเพศ
ความคิดเห็น