ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปลจีน] Killing The Same Person Every Time

    ลำดับตอนที่ #5 : C. 5

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 62





    ทันใดนั้นในนาทีสุดท้าย เจ้าของดวงตาคู่คมดุดันก็คว้ากริชที่จะแทงลงไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะยกศีรษะของเขาเพื่อเผชิญหน้ากับคนใจร้ายที่อยู่ตรงหน้าเขา

     

    ฉีโม่หลานหัวเราะอย่างแท้จริง หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หัวเราะเย้ยหยัน เขากล่าวอย่างเยือกเย็นว่า "ทุกวันนี้หลอกลวงข้าไม่ได้ ก็หลอกลวงพวกเขาใช่มั้ย?”

     

    มือของฉีโม่หลานมีเลือดไหลออกมา และในสถานการณ์ที่บอบบางเช่นนี้สิ่งกีดขวางเพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยไม่เสียเปล่า แสงสว่างบางเบาผุดขึ้นในมือของฉีโม่หลานและลอยไปที่ปู๋ไป่ ปู๋ไป่จึงสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวและหมดสติลงอีกครั้ง

     

    กริชล่วงหล่นออกจากมือของฉีโม่หลานและคงเหลือไว้เพียงบาดแผล ก่อนที่แผลในมือเขาจะค่อยๆสมานกัน เพียงชั่วอึดใจก็ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ

     

    “เหล่าต้า พลังในการฟื้นฟูตัวเองของฉีโม่หลานแข็งแกร่งเกินไปหรือเปล่า?” ปู๋ไป่ก้าวย่างไปบนพื้นโดยที่ใบหน้าไร้ซึ่งการแสดงออก แต่ว่าในใจของเขากับหนักหน่วง

     

    “เขาไม่ควรที่จะมีความสามารถในการทำอย่างนั้น สันนิษฐานได้ว่ามันน่าจะเป็นบั้ก” เหล่าต้าค่อนข้างนิ่งเงียบทีเดียวเกี่ยวกับเรื่องนี้

     

    ปู๋ไป่ค่อนข้างหมดหวัง และในสายตาของฉีโม่หลานดูเหมือนว่าสถานการณ์ของการลอบสังหารที่ล้มเหลวและความรักที่ไม่สมหวัง เขาเย้ยหยันด้วยความอาฆาตพยาบาทไม่มีที่สิ้นสุด "เจ้าคิดว่า เจ้าจะไปที่ไหนได้ในตอนนี้? หรือเจ้าคิดว่าถ้าเจ้าฆ่าข้า, เจ้าจะยังเป็นบุตรชายที่ทุกคนในครอบครัวยกย่องชมเชย?"

     

    ฉีโม่หลานบีบคอของปู๋ไป่ด้วยแรงเพียงเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็แทบหายใจไม่ออก เขารู้สึกว่าชีวิตของปู๋ไป่นั้นช่างเปราะบางจนสามารถร่วงโรยได้ด้วยแรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่กล้า...ไม่กล้าที่จะใช้เรี่ยวแรงมากขึ้น

     

    "ข้าบอกเจ้าแล้วว่า ครอบครัวของเจ้าทอดทิ้งเจ้าอย่างเต็มตัวในขณะที่เจ้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะกลับมาพร้อมกันกับข้า และคนที่เจ้ารักเขาอยู่ที่ไหน ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะลุกขึ้นยืนและพูดอะไรสักคำ คนเช่นนั้นสมควรแล้วที่จะได้รับการปกป้องชีวิตจากคนโง่อย่างเจ้า? "

     

    ดวงตาสีจางของปู๋ไป่เบิกขึ้นทีละน้อย ซึ่งเขารู้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ เขาก็น่าจะเข้าใจหลังจากที่ได้ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ไปกับความสงบสุข เสียแต่ว่าเขาไม่ต้องการที่จะเข้าใจและเขาก็ไม่ต้องการที่จะรับรู้ ซึ่งมันดูเหมือนว่าความเกลียดชังของมนุษย์และความจริงที่โหดร้ายเหล่านี้จะไม่ถูกจดจำ ปู๋ไป่ไม่เคยมีชีวิตอยู่ในความฝัน ฉีโม่หลานเองก็เกิดมาเพียงเพื่อลากเขาออกจากวงจรแห่งการแก้แค้นไปสู่ห้วงอเวจีอันมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด

     

    เป็นครั้งแรกที่ปู๋ไป่ละทิ้งทิฐิที่ไร้ค่าของเขาและร้องไห้ต่อหน้าศัตรูอย่างไม่อาจควบคุมได้ ฉีโม่หลานสังเกตเห็นว่าคอเรียวในมือของเขาเลิกดิ้นรนและสงบนิ่งไปอย่างคับแค้นใจ ฉีโม่หลานกระสับกระส่ายยอมรามือจากปู๋ไป่ และก้าวย่างรีบรุดออกไปจากห้องลับ

     

     "เหล่าต้า ฉันคิดว่าฉันน่าสมเพช"


    "แล้วยังไง" เหล่าต้าสูดควันซิการ์เข้าหนักๆ และดวงตาของเขาก็เริ่มพร่ามัว

     

    "ดังนั้น ...ขอให้ฉันเรียกหาไป่ไป่ในเรื่องไร้สาระภายหลังจะได้ไหม?”

      

    "ไม่" ยังมีพลังในการเล่นตลกคาดว่าอารมณ์คงจะไม่เลวร้ายเกินไป เหล่าต้าคิดอย่างลึกซึ้ง

     

    ฉีโม่หลานไม่ได้เห็นปู๋ไป่มาหลายวัน ตั้งแต่วันนั้นเขาอยู่ในช่วงระยะเวลาหงุดหงิดสุดขีด เขากลัวว่าเขาจะฆ่าปู๋ไป่ ณ จุดนั้น เพียงเพราะว่ามีแรงกระตุ้น

     

    แต่หลังจากที่ทุกความปรารถนาเอาชนะความไม่พอใจ ก็ช่วยไม่ได้ที่ฉีโม่หลานหมึกจะย้อนกลับไปที่ห้องลับ มันเป็นเวลากลางคืนที่แสงจันทร์สีจางส่องแสงผ่านหน้าต่างไปบนใบหน้าซีด ราวกับว่าจะรับเอาคนเย็นชาผู้นี้ไปพร้อมกันกับลมหายใจของชีวิต

     

    เมื่อปู๋ไป่เห็นฉีโม่หลานมา เขาก็ยิ้มให้ฉีโม่หลานราวกับบุษผาเที่ยงคืนผลิบาน ปู่ไป่กล่าวว่า "ข้าไตร่ตรองแล้ว"

     

    ฉีโม่หลานคิดว่าถ้าหากคำตอบไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาก็คงไม่รังเกียจที่จะขังปู๋ไป่ไว้ตลอดชีวิต ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรชีวิตและความตายของปู๋ไป่ก็ควรจะเป็นคนของเขา ฉีโม่หลานหวังจะใช้ความสามารถของปู๋ไป่เพื่อปลดปล่อยตัวเขา และตอนนี้ชายคนนั้นเดินโซเซมาหาเขา ถอดเสื้อผ้าแล้วนำเสนอตัวเองราวกับเป็นเครื่องบูชาต่อสายตาเขา

     

    "เจ้าเต็มใจกับมัน?" ฉีโม่หลานถาม

     

    "ใช่ ข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น" นอกจากคุณฉันก็ไม่มีอะไรเลย ในโลกที่กว้างใหญ่แห่งนี้ฉันจะหาที่หลบภัยได้จากที่ไหน

     

    หนึ่งคืนแห่งความบ้าคลั่ง ชายเบื้องล่างเขาผู้นี้ให้ร่วมมือเป็นอย่างดีและฉีโม่หลานเองก็ไม่ยอมปล่อยให้ปู๋ไป่ไป เขากินคนโง่จนหมดจดตั้งแต่ต้นจนจบ ความรู้สึกของการปลดปล่อยอารมณ์ความปรารถนานั้นทำให้มึนเมา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ถึงเที่ยงวันรุ่งขึ้น ฉีโม่หลานก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

     

    ปู๋ไป่ยังคงหลับอยู่ เมื่อฉีโม่หลานมองดูรูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดใจของปู๋ไป่ในเวลานี้เป็นเรื่องปกติที่จะระลึกถึงการแสดงทั้งหมดของเขาเมื่อวานนี้ ปู๋ไป่จูบริมฝีปากของเขาด้วยความหลงใหลไม่มีแม้แต่ความรู้สึกที่รุนแรง เหมือนคู่ชีวิตที่แท้จริงที่ปรารถนาจะติดตามเขาไปชั่วชีวิต

     

    "เจ้ารักข้าหรือไม่?" ฉีโม่หลานแสวงหาคำตอบสำหรับคำถามนี้เสมอมา แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าปู๋ไป่ไม่อาจออกไปข้างนอกได้ตั้งแต่แรก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังละโมบต้องการเป็นเจ้าของทั้งหมดของปู๋ไป่ และต้องการที่จะเห็นว่า ในสักวันหนึ่งปู๋ไป่จะปฏิบัติตัวของเขาเองต่อเขาเหมือนอย่างเช่นยามค่ำคืน

     

    ค่อนคืนค่อนวันที่ฉีโม่หลานรำพึงชื่อของอีกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่าดูราวกับตื่นเต้นกระหายเลือด ทว่าแท้จริงแล้วรูปลักษณ์กับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวกับการที่จะไม่หวนกลับมาของสัตว์เลี้ยงชายตัวน้อยที่ไร้เดียงสาหรือที่เขาโปรดปรานเกินไป และเขาจะทำเช่นไรกับการที่ปล่อยให้ภัยพิบัติมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย


    อนาคตของพวกเขา ย่อมไม่อาจยอมให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดใด ๆ

     

    ในห้องลับเย็นเยือกฉีโม่หลานจึงหยิบเสื้อคลุมของเขาก่อนจะคลุมให้ปู๋ไป่อย่างระมัดระวัง แม้ว่าบนตัวเขาจะเหลือเพียงเสื้อบางๆ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกหนาวเย็นแต่อย่างใด

     

    ไม่สายเกินไปที่จะตื่นขึ้น ปู๋ไป่ไม่ได้นอนหลับดีมากนักเหมือนเคยมันง่ายที่จะฝันเกี่ยวกับสิ่งต่างๆก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับครอบครัว เกี่ยวกับคนรัก ความหวานของช่วงเวลาเหล่านั้น แต่ตอนนี้คล้ายกับว่ามีมีดแทงเข้าไปในหัวใจของเขาที่น้อยๆ จนหลั่งเลือด แต่ก็เหมือนเดิมคือยากนักที่จะทำให้เขายอมแพ้

     

    "ฉีโม่หลาน" ปู๋ไป่มองชายที่สวมเสื้อผ้าบางๆและมองเสื้อผ้าที่คุ้นเคยในร่างกายของเขา ราวกับว่าเขาได้สัมผัสถึงหัวใจ "ข้ามีความสุขเมื่ออยู่กับเจ้า"

     

    "จริงรึ?" มีแสงแวววาวระยิบระยับนับไม่ถ้วนในดวงตาของฉีโม่หลาน ซึ่งมีความมืดมนและสดใสพุ่งตรงเข้าหาปู๋ไป่

     

    "จริงๆ" ปู๋ไป่ยืนตัวตรงโอบกอดร่างขนาดใหญ่ของฉีโม่หลาน พยายามทำให้ผิวที่เย็นจัดของคนผู้นั้นอุ่นขึ้นด้วยร่างกายของเขา การสัมผัสนี้ไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆไว้เพียงแต่ถ่ายทอดความร้อนให้เท่านั้น ฉีโม่หลานรู้สึกว่าน้ำแข็งละลายในความอบอุ่น คงเหลือไว้เพียงความอ่อนโยนเหมือนน้ำที่ซึ่งควบคุมอารมณ์ทั้งหมดที่เขามีไว้กับมัน


    ผู้คนในวังปีศาจรู้สึกได้ว่าจอมมารของพวกเขาเปลี่ยนไป หากไม่ใช่เพราะท่าทางที่เยือกเย็นของจอมมารยามเมื่อเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้งหลาย พวกเขาก็เกือบจะคิดว่าจอมมารผู้นั้นได้ถูกกำจัดไปแล้ว

     

    นับตั้งแต่ที่พวกเขาติดตามจอมมาร ชายผู้นี้เป็นคนที่มีนิสัยที่เด็ดขาด[1]  ไม่...เขาเป็นปีศาจที่เลือดเย็นและโหดเหี้ยมที่ไม่ยุ่งเกี่ยวไปกับสิ่งที่แตกต่างๆ แต่ตอนนี้ตราบใดที่ลูกนกตัวนั้นของเขาเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องอยู่เคียงข้างเขา เผ่ามารทั้งหมดก็จะอุ่นใจและเห็นอกเห็นใจไม่ว่าจะแตกต่างกันแค่ไหนและไม่ว่าผู้ติดตามจะรู้สึกเช่นไร ในความเหม็นเปรี้ยวจากจิตวิญญาณแห่งความรัก

     

    ในอดีตจอมมารมักจะขนานนามที่ชอบธรรมของคนผู้นั้นด้วยชื่อแรกของเขา แต่ตอนนี้มันเป็น ไป่ไป่ของข้า โดยที่เขาไม่รู้ว่าได้ทำให้คนกลุ่มหนึ่งตกตะลึง

     

    วันนี้ปู๋ไป่ก็ไม่สามารถลงมาข้างล่างได้เหมือนอย่างเช่นไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉีโม่หลานคิดว่าร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป ฉีโม่หลานจึงอุ้มเขาไว้ทุกวันไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ปู๋ไป่ขอร้องให้ตัวเขาได้คอยอยู่ในห้องเพื่อพักผ่อน เพื่อที่ฉีโม่หลานจะไม่จำเป็นต้องลำบากจนเกินไปเมื่อมีใครสอบถามด้วยความอยากรู้

     

    “ไป่ไป่ ต้องการจะไปจากข้าใช่ไหม?” น้ำเสียงโศกเศร้าจู่โจมปู๋ไป่จนขวัญหนีดีฝ่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงออก

     

    เมื่อถึงคราวที่ปู๋ไป่อยู่ว่างๆ เขาก็สามารถให้ความสนใจกับคนผู้นี้เพียงอย่างเดียว ริมฝีปากของฉีโม่หลานนั้นซีดมากแต่มันก็สวยมาก ดวงตาของเขาเป็นสีดำสนิท เมื่อใดที่มีการแบ่งชั้นของจุดสีของพวกมัน พวกมันก็น่าจะมัวเมามากขึ้น ปู๋ไป่เองก็แทบจะเคลิบเคลิ้ม

     

    ปู๋ไป่ไม่รู้ว่าเขาจะอดทนได้นานแค่ไหนในหนึ่งวันนี้ แต่ปู๋ไป่รู้ว่าเขาไม่อาจตกหลุมรักคนที่จบชีวิตของเขาไปตลอดชั่วชีวิต เขาไม่ใช่คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ทว่าความรู้สึกตอนที่ตายนั้นทุกข์ทรมานมากจริงๆ และถึงแม้ว่าบาดแผลส่วนใหญ่จะได้รับการเยียวยา แต่ความสิ้นหวังและการหมดหนทางได้ถูกจารึกไว้ในความทรงจำของปู๋ไป่อย่างแน่นหนา แม้ว่าปู๋ไป่จะไม่ได้ถูกทรมานเลยสักครั้ง

     

    เขาสามารถทำผิดได้เพื่อความสมบูรณ์แบบ แต่เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากคนผู้นี้ตลอดจนต้องอุทิศตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อไม่มีใครใส่ใจ เขาก็จะไม่แยแสเกี่ยวกับสิ่งที่ยึดมั่นเหมือนกัน

     

     ฉีโม่หลานพบว่า ไม่ว่าพวกเขาจะดูแลเกี่ยวกับเรื่องอาหารพิถีพิถันเพียงใด ปู๋ไป่ก็จะตัวเล็กหรือผอมลง ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งกังวลใจเป็นพิเศษแต่ว่าไม่มีทางใดได้ผล

     

    คนที่ฝึกตนเป็นเซียนไม่จำเป็นต้องดื่มกิน แต่นอกเหนือจากนี้ฉีโม่หลานก็ไม่รู้ว่าวิธีอะไรที่ไป่ไป่จะยอมรับเพื่อฟื้นฟูลักษณะเดิมของเขา

     

    ในคืนที่มืดมิดฉีโม่หลานนอนนิ่งอยู่บนเตียง พลางปล่อยแขนของเขาที่โอบกอดคนรักออกอย่างเงียบๆ เฝ้ามองท่าทางการนอนของคนรักของเขา ก้มลงจุมพิต หลังจากนั้นก็ห่มผ้าให้เขาอย่างเบามือ และจากไปโดยลำพัง

     

    ฉีโม่หลานล้มเหลวในการสังเกตเห็นว่า การแยกตัวออกไปของเขาอยู่ภายใต้สายตาที่ดูเฉลียวฉลาดที่เปิดขึ้นอย่างกะทันหันของคนรัก

     

    “ฉันอยากรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร?” เหล่าต้าหัวเราะและพูด โดยที่ดวงตาสีดำคล้ายเมล็ดถั่วหายากนั้นเต็มไปด้วยการนินทา

     

    "มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน" ปู๋ไป่รู้ดีว่าฉีโม่หลานนั้นหวังดีต่อเขาด้วยใจจริง แต่รู้ไหมว่า? เมื่อแทงมีดลงไปข้างในเรียบร้อยแล้ว และแม้ว่าต่อจากนั้นบาดแผลจะไม่หายไป เขาก็ต้องชดใช้ให้ฉีโม่หลานเสมอ

     

    แต่เดิมไม่มีห้องครัวในวังปีศาจ ดังนั้นฉีโม่หลานจึงสร้างมันขึ้นที่หนึ่งอย่างเงียบๆและฝึกฝนทุกวันตามตำรา ความสามารถของเขาไม่นั้นเลว เขาสามารถทำอาหารที่ค่อนข้างมีคุณสมบัติที่ดีได้ในไม่กี่ครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นฉีโม่หลานก็ไม่พอใจเสมอ ขนาดเขาเองยังไม่อาจพอใจได้เมื่อยามลิ้มลอง แล้วเขาจะทำเพื่อส่งมอบให้คนผู้นั้นได้อย่างไร?

     

    มันเป็นเรื่องอึดอัดใจที่มือของนักดาบจะหยิบจับมีดทำครัว ผู้ใต้บังคับบัญชาที่แอบลอบสังเกตการณ์ในที่มืดต่างทำอะไรไม่ถูกและดูคล้ายกับว่าสะเทือนใจสุดขีด หลังจากถูกกระตุ้นด้วยวันเหล่านั้นพวกเขาก็เข้าใจถึงความสำคัญของคนผู้นั้นที่มีต่อเจ้าชีวิตของพวกเขา ความสัมพันธ์นี้ดีหรือไม่ดี พวกเขาไม่มีคุณสมบัติหรือความสามารถพอที่จะประเมินมันได้ พวกเขาคาดหวังว่าคนผู้นั้นจะรู้วิธีถนอมหรือต่อให้ถ้าพวกเขาจะต่อสู้เพื่อชีวิตพวกเขา พวกเขาก็จะปล่อยให้วิญญาณของคนผู้นั้นโบยบิน

     

    มันไม่สายเกินไปที่จะตื่นขึ้น เมื่อปู๋ไป่ลืมตาขึ้นเขาก็หันไปด้านข้างทันทีโดยที่ไม่รู้ตัว เขาไม่พบสัมผัสอ่อนโยนที่คุ้นเคย ซึ่งยากจะอธิบายและค่อนข้างจะสับสน รวมทั้งการที่เขาจับจ้องมองหาฉีโม่หลานในเวลาที่อยู่บนเตียงแบบนี้

     

    “เสี่ยวไป่” ฉีโม่หลานวางอาหารในมือของเขาลงไว้อีกด้านหนึ่ง แล้วเดินเข้าหาปู๋ไป่และอุ้มเขาขึ้นมาอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็กกกอดเขาไว้ที่โต๊ะ "เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้าพบอาหารจานอร่อย ข้าจึงต้องการมอบพวกมันให้เจ้าได้ลองชิม"

     

    ปู๋ไป่มองดูเขาด้วยความงุนงงและพูดว่า "พวกเราไม่จำเป็นต้องกินไม่ใช่เหรอ?"

     

    "แค่สนุก ได้ไหม?" ฉีโม่หลานเป็นสิ่งที่จัดการได้ยากที่สุด ปู๋ไป่สามารถสัมผัสปัญหาที่เกิดขึ้นของเขาได้โดยไม่ยากนัก

     

    “เขาทำมันขึ้นมาเองเหรอ?” ปู๋ไป่ถามไม่มากนัก เขาเพียงแค่ต้องการคำยืนยันในคำตอบที่เขารู้อยู่แล้วเรียบร้อย

     

    “ใช่” เหล่าต้าตอบโดยปราศจากความลำเอียงและไม่แยแส

     

    "น่าเบื่อ" ปู๋ไป่พูดในใจของเขาแต่ว่ามือของเขากับไม่ได้ว่างเว้น เขาหยิบใบผักขึ้นมาหนึ่งใบแล้วใส่เข้าไปในปากของเขาซึ่งผลที่ออกมาคือมันอร่อยกว่าที่คาดคิดไว้ ปู๋ไป่จึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฉีโม่หลาน โดยไม่คาดคิดฉีโม่หลานผู้นั้นจ้องมองเขาอยู่แล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัว และจวบจนกระทั่งเขาแสดงออกถึงความพอใจ ฉีโม่หลานจึงดูเหมือนผ่อนคลายลง

     

    ******

     

    [1] มติใหม่ ตรงไปยังจุดที่ ไม่ชอบ * เพราะตรงไปตรงมาไม่ได้ให้ 'ความรู้สึก' อย่างนั้นจริงเหรอ? อย่างน้อยสำหรับฉัน เอ่อ ... มันเหมือนคนร้ายชั่วร้ายทั่วไปที่จะฆ่าในช่วงเวลาหนึ่งสำหรับเรื่องที่ไม่มีนัยสำคัญฉันเดาได้ไหม (aka QMR)

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×