ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu ft.HaeEun | Ex-friend "แฟนเก่า"

    ลำดับตอนที่ #18 : Diary หน้าที่ 16 : ไดอารี่หน้าสุดท้าย.. -END-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.53K
      24
      8 ส.ค. 54

      

     






     

     

     

     

    สายตาทอดมองออกไปนอกบานกระจกรถในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังขึ้นในยามเช้าตรู่.. มือเรียวกดปุ่มลดกระจกลงรู้สึกได้ถึงความเย็นของกระแสลมที่พัดผ่าน

     

     

     

     

    นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้นั่งรถรับลมแบบนี้?

     

     

     

     

     

    นายขับเป็นด้วยรึไง

    เป็นสิ พ่อเราเคยสอนนะ

    ถ้าเกิดนายพาฉันขับชนเสาไฟฟ้าขึ้นมาล่ะ ใครจะรับผิดชอบ~’

    โธ่..ไว้ใจกันบ้างเถอะครับ ร่างสูงหันมายิ้มพร้อมกับกุมมือเขาเอาไว้

     

    ครั้งแรกที่ซีวอนแอบเอารถของพ่อออกมาเพื่อพาเขาไปนั่งรถเล่นเพียงเพราะแค่กลัวว่าคยูฮยอนจะเบื่อ

    ใช่แล้ว.. คยูฮยอนขาหักหลังจากตกบันไดทาสีขณะทำงานกิจกรรมที่โรงเรียน.. นอนอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปไหนเบื่อจะตายชัก แต่แล้วใครคนนึงก็เข้ามาอุ้มเขาถึงเตียงนอน ใบหน้าของเขามีแต่รอยยิ้ม และกลิ่นโคโลญจ์อ่อนๆ ที่คยูฮยอนชอบ..

     

     

    ถ้าเกิดว่าแม่อยู่บ้านวันนั้นคงอกแตกตายแน่ ที่เห็นลูกตัวเองโดนผู้ชายอุ้มออกไป.. (หัวเราะ)

     

     

    ยังคงจำได้ดี.. ถึงกระแสลมเย็นๆ ต้นไม้สีเขียวข้างทาง อากาศบริสุทธิ์ และเสียงเพลงที่อีกฝ่ายขับร้องออกมา

     

    ไม่เห็นจะเพราะเลย พูดพร้อมกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะกลัวซีวอนจะเห็นเข้าว่าเขากำลังยิ้มอยู่

     

    เปล่าหรอก.. จริงๆ แล้วคยูฮยอนชอบฟังซีวอนร้องเพลงมากเลยล่ะ..

     

    งั้นคยูฮยอนก็ร้องให้เราฟังสิ

    เรื่องอะไรฉันจะต้องร้องให้นายฟังด้วยเล่า เลิกคิ้วมองหน้าคนรักที่กำลังขับรถอยู่ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่กถูกอีกฝ่ายกุมมือเอาไว้

    ร้องเถอะ เราชอบฟังเสียงของคยูฮยอนนะ พูดพร้อมกับยิ้มตาปิดจนอีกฝ่ายหน้าขึ้นสีอย่างห้ามไม่ได้

     

     

    ไม่สิ..คำพูดของซีวอนคงไม่ได้มีนัยยะอะไรอย่างที่เขาคิดหรอก..

    แต่ว่า..

    แต่..

     

    บ้าจริง! นี่เขากำลังคิดเรื่องลามกเหรอเนี่ย!!

     

     

     

    เป็นอะไรไป..หน้าแดงเชียว หลังมือแกร่งไล้ลงบนแก้มขาวเบาๆ จนร่างโปร่งสะดุ้งสุดตัวกับสัมผัสของอีกฝ่าย คยูฮยอนถอยกรูชิดติดประตูรถพร้อมกับมองหน้าร่างสูง

     

     

    จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง?

    หลังจากวันนั้น.. วันที่เขากับซีวอน -_-..

    ก็รู้ว่ามันผ่านมาจะเดือนนึงแล้ว แต่ยังไงมันก็ยังเขินทุกครั้งที่ถูกสัมผัสนี่..

     

     

    คิดอะไรอยู่งั้นเหรอ?

    ไม่ได้คิดเถอะ

    หืม? แน่ใจนะ?

    หันหน้าไปตั้งใจขับเลยไป ฉันยังไม่อยากตายเพราะนายนะชเวซีวอนปั้นหน้าให้เป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับได้ว่าเขากำลังเขินแค่ไหน.. แต่ถึงอย่างนั้นคิดเหรอว่าคนอย่างชเวซีวอนจะดูไม่ออก

     

     

     

    เสียงหัวเราะของซีวอนเวลาเห็นท่าทางเป๋อๆ ของเขา..

    แววตาที่มองกี่ครั้งก็ไม่เคยทำใจให้ชินได้สักที..

    ยังรู้สึกเขินอายทุกครั้งที่จ้องมองเข้าไปยังดวงตาคู่นั้น

     

     

     

     

     

    ตอนที่บอกเลิกซีวอน.. ทำไมไม่นึกถึงช่วงเวลาเหล่านี้บ้างนะ..

    ...และถ้าคิดบ้างสักนิด.. นึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกัน..

     

     

     

     

     

     

     

    ทั้งคู่ก็คงไม่ต้องลงเอยแบบนี้..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    ลูกของแม่นี่ไม่ธรรมดาเลยนะ

    ..........

    พึ่งเรียนจบหมาดๆ แต่ก็มีบริษัทเข้ามาทาบทามให้ไปทำงานซะแล้ว ผู้เป็นแม่พูดกลั้วหัวเราะขณะที่กำลังขับรถไปยังมหาลัย

     

    เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่จู่ๆ ก็มีจดหมายจากบริษัทวารสารชื่อดังส่งไปที่บ้าน.. ทั้งที่เขาเป็นเพียงแค่นักศึกษาจบสาขาวารสารธรรมดาๆ คนนึงที่ไม่ได้มีเกรดเฉลี่ยสูงจนเป็นที่ต้องการขนาดนั้นแท้ๆ

     

    แค่บังเอิญมั้งครับแม่

    อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลยน่า~ ถ้าลูกของแม่ไม่เก่งจริงบริษัท SME คงไม่ติดต่อมาหรอก มือเรียวขยี้หัวลูกชายอย่างเอ็นดู คยูฮยอนยิ้มบางๆ ได้แต่จัดเผ้าผมให้เข้าทรงก่อนจะกดเลื่อนกระจกขึ้น

     

     

     

     

     

    หลังจากวันนี้.. ก็คงไม่ต้องรอแล้วใช่ไหม?

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

    คนเราอยู่ได้ด้วยความหวัง..

    แต่สุดท้าย..

    ก็ต้องเจ็บปวดเพราะหวังสูงจนเกินไป..

     

     

     

     

     

     

    เอ้ายิ้มหน่อยครับ~!!”

     

    แช่ะ!!!

     

    ช่อดอกไม้ถืออยู่ในมือพร้อมกับแสงแฟลชที่รัวถ่ายรูปเขาและผองเพื่อน คยูฮยอนยิ้มทั้งวันจนเมื่อยแก้มแต่ก็ยังมีผู้เป็นแม่คอยแต่งเติมแป้งให้ไม่ขาด

     

    แม่ครับ พอแล้ว

    ได้ไงกัน เหงื่อออกแบบนี้ถ่ายรูปออกมาเดี๋ยวไม่หล่อนะ พูดพร้อมกับซับเหงื่อให้ลูกชายอย่างทนุถนอม ร่างโปร่งหัวเราะผู้เป็นแม่เบาๆ กับอาการเห่อปริญญาใบแรกของเขา

    ผมกลัวแม่จะเหนื่อยหรอกครับ

    แม่ไม่เหนื่อยหรอก ร้อนไหมลูก มือเรียวพัดให้เบาๆ จนร่างโปร่งอ่อนใจ แม่ยังคงเห็นเขาเป็นลูกแหง่เสมอเลย

     

     

     บู๊ง!” คยูฮยอนสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกจี้เข้าที่สีข้างเต็มๆ ร่างโปร่งหันกลับไปมองตัวการที่ยืนอยู่ข้างหลังที่ทำหน้าทำตากวนประสาทจนอยากเข้าไปเตะให้คว่ำซะเดี๋ยวนั้น

    กว่าจะโผล่หน้ามา.. ไม่รอถ่ายรูปรวมเสร็จไปเลยล่ะ คยูฮยอนพูดลอยๆ ก่อนจะเหลือบมองไปอีกทางที่อีฮยอกแจยืนอยู่กับครอบครัว

    ตอนแรกก็ว่าจะมาตอนนั้นแหละ

    ไอ้นี่ - -

    กูล้อเล่น~ สวัสดีครับคุณแม่ยาย

    ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะทงเฮ พูดพร้อมกับสวมกอดเพื่อนรักลูกชายตัวเองอย่างเอ็นดู ทงเฮมองหน้าคยูฮยอนก่อนจะยักคิ้วให้สองทีก่อนจะกอดตอบแน่นๆ

    แม่ยายน่ะไว้เรียกคุณครูคนนั้นดีกว่ามั้ง~” พูดพร้อมกับมองไปทางครอบครัวฮยอกแจอีกครั้ง ดูสีหน้าทงเฮแล้วก็พอรู้ว่าเขายังไม่กล้าเดินเข้าไปหาฮยอกแจสักเท่าไหร่ นี่ขนาดอยู่อีกฟากฝั่งยังเดินแทรกผู้คนมาทางนี้ได้

     

     

    ไม่อยากคิดเลย ว่าทงเฮตั้งใจมาหาเพื่อนอย่างคยูฮยอน

    หรือจงใจมาหาอีฮยอกแจกันแน่

     

     

    มึงนี่ยังไงวะ เพื่อนมายินดีด้วยไม่เคยจะสนใจ พูดออกไปนอกโลกอยู่ได้

    นอกโลกตรงไหน..ใกล้หัวใจมึงซะขนาดนี้~”

    หืม? พอรู้ว่ากำลังถูกไล่ต้อนอีทงเฮก็เริ่มไปไม่ถูก.. มันก็ถูกส่วนหนึ่งที่อีทงเฮเดินมาแถวนี้ก็เพราะมีฮยอกแจ แต่จุดหมายหลักมันคือยินดีกับคยูฮยอนจริงๆ นะ

     

    อ้าวๆ อย่าทะเลาะกันสิจ๊ะ

    ไม่ได้ทะเลาะครับแม่.. ผมออกจะรักลูกชายของแม่ขนาดนี้.. พูดพร้อมกับกอดคอร่างโปร่งก่อนจะจุ๊บแก้มเร็วๆ คยูฮยอนดันหน้าอีกฝ่ายออกทันทีที่ถูกสัมผัสก่อนจะเอามือถูแก้มตัวเองแรงๆ

     

     

    ถึงแม้ว่าเรื่องของเขากับทงเฮมันจะผ่านไปนานแล้ว แต่ยังไงมันก็ไม่ชินอยู่ดีนั่นแหละ ..นี่กลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกครั้งก็ต้องขอบคุณความติสม์ของอีทงเฮเลยนะ

     

     

    ถ้าเกิดทงเฮเป็นคนคิดมากเหมือนเขา..เราก็คงไม่ได้กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

     

     

    ไว้เจอกันตอนถ่ายรูปหมู่นะ คุณนายกวักมือเรียกล่ะ.. พูดพร้อมกับหันไปมองคุณแม่ชาวต่างชาติที่กำลังโบกไม้โบกมือให้ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมา

     

    เออ รีบไปเถอะ นานๆ จะได้เจอกัน ดูท่าทางแม่มึงจะตื่นเต้นกับปริญญาใบแรกของมึงมาก ฮ่าๆ

    ก็ดูจะเป็นอย่างนั้น..ไปก่อนละ..เดี๋ยวมาใหม่นะครับแม่ยาย พูดพร้อมกับโค้งหัวเร็วๆ ก่อนจะส่ายหน้าหน่ายๆ อีกครั้งแล้ววิ่งไป

     

    ภาพที่เห็นมันทำให้คยูฮยอนต้องกลั้นหัวเราะ ไม่เคยเห็นเพื่อนรักอเลิร์ทขนาดนี้มาก่อน คงเป็นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาทงเฮไม่ได้อยู่กับแม่ ไหนจะเป็นคนปากแข็งอีก คิดถึงก็ไม่ยอมพูด อยากกอดแม่ก็เล่นตัว

     

    เดี๋ยวแม่ไปซื้อน้ำให้นะ

    แม่ครับ ไม่ต้องก็ได้ เคยฟังกันที่ไหน พูดยังไม่ทันจบแม่ก็เดินลิ่วไปแล้ว คยูฮยอนได้แต่ถอนหายใจ บางทีเค้าก็โตเกินกว่าจะให้แม่มาคอยทำอะไรแบบนี้ให้แล้ว

     

     

    ยินดีด้วยนะครับ ร่างโปร่งหันไปตามต้นเสียงก่อนจะยิ้มบางๆ ชางมินในชุดสุภาพยืนถือช่อดอกทิวลิปหลากสีอยู่ตรงหน้า.. ยังคงเหมือนเดิม.. ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มไม่เปลี่ยน

     

    ขอบคุณนะ

    ยังไงก็มาเยี่ยมกันบ้างนะครับ หลานๆ รหัสคิดถึง

    แล้วนายไม่คิดถึงพี่รึไง? เลิกคิ้วมองร่างสูงพร้อมกับอมยิ้ม

    ...อ่า..อย่าถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วสิครับชางมินหัวเราะก่อนจะปัดเศษใบไม้ที่ติดอยู่ตามไรผมคนตรงหน้าเบาๆ คยูฮยอนได้แค่ยิ้มบางๆ กับการกระทำของร่างสูง

     

    ชางมิน

    ครับ?

    ขอบคุณนะ..

    พี่ขอบคุณผมไปครั้งนึงแล้วนะครับ ร่างสูงหัวเราะเบาๆ

    เปล่า..คราวนี้พี่ไม่ได้ขอบคุณเรื่องดอกไม้หรอก.. ร่างโปร่งก้มหน้าพลางมองช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือ

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    พี่ครับ ร่างสูงหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารุ่นพี่ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าคณะ.. ร่างโปร่งเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนจะกระชับแว่นให้เข้าที่

    ว่าไง

    ผมขอเวลาหน่อยได้ไหมครับ..ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ม้านั่งข้างบ่อน้ำหน้าคณะ.. ใครสองคนกำลังนั่งเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา.. คยูฮยอนยังคงก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเพราะเขามีสอบเก็บคะแนนในสองชั่วโมงข้างหน้า.. และภาพที่เห็นมันทำให้ชางมินรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม เรื่องสำคัญของเขามันคงไม่สำคัญเท่ากับหนังสือเล่มนั้น

     

    พี่ครับ

    อื้ม ว่ามาสิพี่ฟังอยู่ ตอบทั้งที่สายตายังคงจดจ้องอยู่กับตัวหนังสือ.. ร่างสูงหลุบตาลงก่อนจะหายใจเขาลึกๆ เพราะเรื่องที่เขาจะพูดนั้น.. มันอาจทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมถามตัวเองตลอด..

    ว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่นั้นคืออะไร.. ร่างโปร่งหยุดชะงัก สายตาที่เคยไล่ตามตัวหนังสือค่อยๆ หันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

    ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าผม..

    ขอโทษนะชางมิน ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกพูดตัดบทเสียก่อน.. ชางมินได้แต่จ้องหน้าร่างโปร่งที่ฉายแววตาเฉยชา

    .................

    เพราะสิ่งที่นายกำลังจะพูด..มันอาจทำร้ายนายก็ได้

    ถึงอย่างนั้นพี่ก็จะไม่ให้โอกาสผมพูดมันบ้างเหรอ?

    นาย..

    ถึงผลจะออกมาเป็นยังไง ..ผมก็ทำใจไว้แล้ว

    ........................

    ผมไม่เคยคิดจะไปแทนที่พี่ซีวอน.. ผมพยายามทำทุกอย่างที่ไม่ใช่ตัวผม เพราะผมไม่อยากให้พี่ต้องเห็นภาพของเขาในตัวผม.. เพราะอะไรรู้ไหม?

    .......................

     

     

    เพราะว่าผมรักพี่.. แคร์พี่แค่คนเดียวไงล่ะครับมือแกร่งทาบทับลงบนหลังมืออีกคนที่วางอยู่บนหน้าหนังสือ.. คยูฮยอนจ้องเข้าไปยังดวงตาของอีกฝ่ายที่ฉายแววตาจริงจัง..

     

     

    คนอย่างชิมชางมินไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเล่นๆ หรอกนะ..

     

     

    .......................

    .......................

     

     

    แล้วรู้อะไรไหมชางมิน..

    ...ไม่มีใคร..แทนใครได้หรอกนะ..

    .......................

    แล้วอีกอย่างที่พี่จะบอกนาย..

    .......................

    อย่าพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครเลย..

     

     

     

     

     

     

    คำตอบที่เชือดเฉือนใจคนฟัง.. ถึงแม้จะทำใจมาก่อนหน้านี้แล้ว..

     

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำใจได้ยากอยู่ดี..

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    พี่จะทำยังไงต่อไปครับร่างสูงถามพร้อมกับจ้องหน้าคนตัวเล็กกว่า

    ก็คงกลับไปอยู่บ้านแล้วหางานทำน่ะ

    ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น

    หืม...

     

     

     

    ผมหมายถึงหัวใจของพี่ต่างหาก

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    การ์ดทุกใบถูกดึงออกมาจากผนังห้องหลังจากที่ร่างโปร่งเอากลับเข้าไปติดที่เดิม.. หนังสือทุกเล่มถูกจัดเรียงในกล่องอย่างเป็นระเบียบ.. คยูฮยอนลุกขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ

     

    ห้องที่ว่างเปล่า..

     

     

     

     

    ทั้งที่อยู่คนเดียวมาสามปีกว่าแต่ภาพของใครอีกคนยังคงอยู่ในความทรงจำเสมอ..

     

     

     

     

    จะได้เจอกันอีกรึเปล่า..

     

     

     

    จากคำพูดของอีทึกทำให้คยูฮยอนกลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต.. เขามักจะบอกตัวเองอยู่เสมอว่ายังไงก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้.. ถึงแม้ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวก็ตาม..

     

     

     

    ถ้าเกิดซีวอนไม่ได้กลับมาคนเดียว.. แล้วถึงตอนนั้นคยูฮยอนจะยิ้มออกรึเปล่า?

    แล้วถ้าเกิดซีวอนกลับมาคนเดียว.. แต่เขาไม่เหมือนเดิมล่ะจะทำยังไง?

     

     

     

    จะเย็นชารึเปล่า.. ถ้าเจอกันแล้วเขาจะเดินหนีไปไหม?

     

    เพราะเวลาที่ผ่านไปก็นานพอๆ กับตอนที่เลิกกัน.. มันเลยทำให้รู้สึกกลัวแบบนี้ไงล่ะ..

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    หัวใจของพี่น่ะเหรอ..

    ผมเชื่อว่าเขาต้องกลับมาหาพี่ครับ ร่างสูงยิ้ม

     

    คยูฮยอนแค่นเสียงหัวเราะ นึกขำกับประโยคปลอบใจของรุ่นน้องที่ดูแล้วเหมือนกับคำพูดหลอกเด็ก

     

     

     

    ...ถ้าเขาจะกลับ..ก็คงกลับมาตั้งนานแล้วล่ะ...

     

     

     

     

    โปสการ์ดที่ขาดหายไปสามใบ..

     

    หลังจากเดือนนั้น.. ก็ไม่มีโปสการ์ดในส่วนที่เหลือส่งมาอีกเลย..

     

     

     

    แต่ถึงอย่างนั้นพี่ก็ยังรอเขาอยู่ไม่ใช่เหรอครับ

    ..................

    จนถึงตอนนี้..พี่ก็ยังรออยู่ร่างสูงยิ้มบางๆ ราวกับอ่านใจออก

     

     

    ใช่..

     

     

    คยูฮยอนยังคงรอซีวอนกลับมา.. ถึงแม้ความหวังมันจะมีเพียงน้อยนิดก็ตาม..

     

     

    คยูฮยอน! ถ่ายรูปกัน!” เสียงตะโกนจากฝั่งตรงข้ามทำให้ร่างโปร่งขมวดคิ้วสงสัย.. นั่นมันพวกที่มีเรื่องชกต่อยกับเขาเมื่อตอนปีหนึ่งนี่

    เฮ้ย! ไม่ได้ยินเหรอไง ป่ะ! ถ่ายรูปกัน!” ร่างหนาเดินเข้ามากอดคอคยูฮยอนให้เดินเข้าไปในกลุ่ม

     

    ชางมินได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อทุกคนต่างรุมล้อมคยูฮยอนพร้อมกับโพสท่าตลกๆ ต่อหน้ากล้อง.. ร่างโปร่งหันไปมองหน้าแต่ละคนด้วยความสงสัย.. ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะจบไปนานแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้มองหน้ากันอีก จนถึงตอนนี้..

     

    ยิ้มให้กล้องหน่อยเซ๊~”

    ..........

    เรียนจบทั้งทีก็อยากถ่ายรูปกับเพื่อนบ้างไม่ได้ไง? ร่างหนายิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา คยูฮยอนยังคงอึ้งถึงแม้จะได้ยินคำพูดเหล่านั้นชัดเจนเต็มสองหู แต่สิ่งที่เห็นนั้นมันทำให้เขาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่

     

     

     

     

    เพื่อนงั้นเหรอ?

     

     

    คยูฮยอน ยิ้มหน่อย

     

     

    ร่างโปร่งแค่นยิ้มก่อนจะถูกเพื่อนอีกคนล็อคคอเอาไว้ ภาพที่ออกมาถึงแม้จะดูฝืนใจไปหน่อยแต่ก็เรียกเสียงหัวเราะได้ดีจากคนกลุ่มนั้น

     

     

     

    คยูฮยอนเดินกลับมาหาร่างสูงก่อนจะหยุดชะงักเมื่อมีใครเข้ามาล็อคคอเขาไว้จากทางด้านหลังพร้อมกับพ่นลมใส่หู

     

     

    วันนี้ใส่กางเกงในสีอะไรเหรอ................ เอ่ยเสียงเย็นก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นเพราะโดนศอกกระทุ้งเข้าที่สีข้าง.. คยูฮยอนหันหลังกลับไปดูไอ้โรคจิตที่ปัจจุบันนอนกุมท้องคุดคู้อยู่บนพื้นก่อนจะเบิกตากว้าง

     

     

    นั่นมันพี่อีทึกนี่!

     

     

     

     

    โอ๊ยยยยยยยยยยย

    เฮ้ยพี่! ขอโทษๆ ร่างโปร่งรีบก้มลงไปดูอาการรุ่นพี่ที่ดูสภาพแล้วไม่น่ารอด

    พี่คยูฮยอนเป็นอะไรไปครับ? อ้าว...พี่อีทึก?

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    ร่างสูงยืนกุมท้องก่อนจะหันไปมองคนข้างๆ ที่ยืนทำตาเขียวใส่.. นี่ถ้าเกิดไม่ฝากกล้องไว้กับฮีชอลตั้งแต่แรกป่านนี้กล้องสุดที่รักของเขาคงตกแตกไปแล้วแน่ๆ

     

    แค่อยากแกล้งน้องเอง

    พูดอะไรรึยัง?

    ก็เพราะไม่พูดไง สายตามึงมันด่ากูไปไหนต่อไหนแล้วเนี่ย

    มึงมโนไปเองทั้งนั้น..เอาคืนไปเลยไป กูจะไปหาฮยอกแจแล้ว ฮีชอลพูดพร้อมกับยัดกล้องใส่ในมืออีกคนก่อนจะแยกเขี้ยว

    ใจเย็นๆ ก่อนพี่ คยูฮยอนพยายามปรามทั้งคู่ ถึงแม้ว่าเขายังคงสับสนกับความสัมพันธ์ครึ่งๆ กลางๆ ระหว่างอีทึกกับฮีชอลอยู่ก็เถอะ

    จะรีบไปไหน กลัวฮยอกแจหายไง? ใบหน้าคมเลิกคิ้วมองเชิงไม่พอใจ อะไรๆ ก็ฮยอกแจ

    น้องรหัสกูก็รับปริญญาเหมือนกัน..จะให้กูมาเฝ้าน้องรหัสมึงเหรอไง?

    ใช่

    กูไม่อยากคุยกับหมาบ้าว่ะ พูดพร้อมกับเดินหนี อีทึกขยับปากบ่นอุบอิบก่อนจะหันมาฝากกล้องไว้กับชางมินแล้วเดินตามหลังฮีชอลไป

     

     

     

    แบบนี้ไม่เรียกว่าเพื่อนแล้วมั้งครับ.. ชางมินยิ้มขำกับท่าทางของลุงรหัสที่เดินตามคนที่ตัวเองเรียกว่า เพื่อนสนิท ไปต้อยๆ

    ปากแข็งทั้งคู่.. คยูฮยอนยืนกอดอกหัวเราะ เมื่อพี่รหัสไปยืนอยู่ข้างๆ ฮีชอล ถึงแม้ว่าทั้งคู่กำลังแนะนำตัวให้พ่อแม่ฮยอกแจรู้จัก..

     

     

    แต่มือที่สอดประสานกันอยู่ทางด้านหลังนั้นก็ทำให้คยูฮยอนเข้าใจได้ว่า..อีทึกแคร์ฮีชอลมากแค่ไหน

     

     

    พี่เองก็ปากแข็งเหมือนกันนั่นแหละ.. พูดพลางชำเลืองตามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

    นายว่าพี่เหรอ พี่เป็นพี่นายนะ มือเรียวผลักอีกคนจนเซ ร่างสูงกลั้นหัวเราะพลางมองหน้ารุ่นพี่ที่คิ้วขมวดเข้าหากัน

     

     

     

     

     

     

    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน..

    และความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่จะเป็นได้เพียงแค่นี้..

    แต่โจคยูฮยอนก็ยังเป็นคนที่ได้หัวใจของชิมชางมินไปอยู่ดี..

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    นั่นทงเฮนี่? ร่างเพรียวบางพูดพร้อมกับชี้มายังร่างหนาที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับโค้งหัวให้ทุกคนอย่างมีมารยาท

    สวัสดีครับ..คุณพ่อ..คุณแม่..พี่สะ... พูดลากเสียงยาวพร้อมกับมองหน้าร่างบางที่ยืนแยกเขี้ยวอยู่ตรงนั้น

     

    ก็จะอะไรซะอีกล่ะ เมื่อคืนทงเฮเกิดบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ จู่ๆ ก็ถามนู่นถามนี่อยู่ได้.. จะกลับไปอยู่ที่บ้านเหรอ แล้วจะได้เจอกันบ่อยไหม จะออกมาข้างนอกได้รึเปล่า? เอาแต่ถามอยู่อย่างนั้นจนเขาสงสัย แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่า ก็ถามไปอย่างนั้น

     

     

    จะไม่ให้โมโหได้ยังไง?

     

     

    มาหลอกให้ดีใจ สุดท้ายก็พูดแบบนี้.. อีฮยอกแจก็มีความรู้สึก โกรธเป็น โมโหเป็นเหมือนกัน..ก็เลยบ่นไปนิดหน่อย..

     

     

    เดี๋ยวนี้แข็งข้อกับฉันงั้นเหรอ?

    ถ้าใช่แล้วจะทำไม ฉันก็เป็นแค่รูมเมทของนายไม่ใช่รึไง

    หึ! พรุ่งนี้นายเตรียมหน้าแหกได้เลยอีฮยอกแจ ฉันจะไปทำความรู้จักกับพ่อแม่พี่สาวน้องชายนายแบบลูกเขย!”

    นายพูดบ้าอะไรน่ะ

    ฉันไม่สน

     

     

    ก็เป็นเพราะอย่างนี้แหละ...อีทงเฮก็เลย... -_-

     

     

     

    พี่สะ....สะใภ้...

    อะแฮ่ม!!!”

    พี่สาว~” ริมฝีปากหยักยิ้มกว้างก่อนจะขยี้หัวแทมินอย่างเอ็นดู ไม่รู้ไปตีสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็แค่เจอกันตอนปิดเทอมแรกทุกปีก็เท่านั้น ถึงมันจะน่าแปลกใจ..แต่เชื่อเถอะ..ว่าอีทงเฮยอมให้ครอบครัวเขาโขกสับได้อย่างไม่น่าเชื่อ..

     

     

     

     

    เพราะอะไรกันนะ?

    เพราะว่ามันน่าตื่นเต้น เป็นสิ่งแปลกใหม่อย่างนั้นน่ะเหรอ?

     

     

     

     

    ผมมารับฮยอกแจไปถ่ายรูปน่ะครับ..ถึงเวลาถ่ายรูปรวมแล้ว

    งั้นเหรอ งั้นแม่ฝากด้วยนะ ผู้เป็นแม่พูดพร้อมกับตบบ่าร่างหนาเบาๆ

    ผมจะดูแลฮยอกแจเป็นอย่างดีเลยครับคุณแม่ พูดกับแม่แต่สายตามองคนข้างๆ ไม่ห่าง..อีทงเฮจะกวนประสาทเขาเกินไปแล้วนะ

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ขณะที่ร่างบางถูกทงเฮจูงมือเดินไปโดยไม่แคร์สายตาใครนั้นทั้งคู่ก็หยุดชะงักเพราะใครอีกคนที่เดินเข้ามาหา

     

    พี่ทงเฮ

    อ้าว ว่าไงซองมิน มาด้วยเหรอเนี่ย?

    มาสิครับ พี่รหัสรับปริญญาทั้งที ใบหน้าหวานหัวเราะก่อนจะหันไปเห็นร่างบางที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างหลัง

    นั่นพี่ฮยอกแจใช่ไหมครับ?

    ได้ยินน้องเรียกรึเปล่า? พูดพร้อมกับกระตุกมืออีกคนเบาๆ จนต้องยอมเดินมายืนข้างๆ

    สวัสดีครับ

    สวัสดีครับ ได้ยินชื่อพี่มานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้คุยกันสักที ซองมินยิ้มจนตาปิดผิดกับฮยอกแจที่กำลังยิ้มเนือยๆ

    แหะๆ

    อย่าใส่ใจเลย หมอนี่ซื่อบื้อ พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกร่างหนาบอกปัด เรียกเสียงหัวเราะจากอีกคนให้รู้สึกผ่อนคลาย

    ฮ่าๆ ยังไงเปิดเทอมแล้วก็แวะมาเยี่ยมกันบ้างนะครับ ผมยังต้องการคำปรึกษาจากพี่อยู่นะ

    อะไรกัน แล้วแบบนี้นายจะไปแนะนำรุ่นน้องได้ยังไง ต๊องเอ๊ย~” พูดพร้อมกับเขกหัวคนตรงหน้าเบาๆ ฮยอกแจรู้สึกได้ถึงช่องว่างระหว่างเขาทั้งสามคน

     

     

     

    ส่วนเกิน..

     

     

     

     

    โอ๊ย~ รู้แล้ว~ ผมแค่อยากให้พี่มาเยี่ยมบ่อยๆ ก็เท่านั้นเอง~” มือเล็กกุมหัวตัวเองไว้พลางงอหน้า

    ก็นายพูดจาไม่น่าฟัง

    ขอโทษก็ได้~ ผมไม่กวนพี่แล้ว ดูเหมือนว่าทางนู้นเขาจะนัดถ่ายรูปรวมกันแล้วนะครับ

    นั่นแหละ พี่กำลังจะไปพอดี

    จูงมือแฟนดีๆ นะครับ เดี๋ยวจะพลัดหลงเอานะ~” ซองมินยิ้มทะเล้น

     

     

     

    แฟนเฟินไรกัน? ไม่ใช่สักหน่อย

     

     

     

    ร่างหนาหันไปมองคนข้างๆ ที่ทำหน้านิ่งจนน่าประหลาดใจ.. เป็นอะไรไปอีกล่ะ

     

    ไว้ค่อยมาถ่ายรูปด้วยกันนะซองมิน พี่ต้องไปแล้วล่ะ

    รับทราบ~” ยืนตะเบ๊ะพร้อมกับยิ้มกว้าง.. ซองมินได้แต่มองตามแผ่นหลังของพี่รหัสก่อนจะหุบยิ้มลง..  

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    มือเล็กยังคงถูกกุมไว้อยู่อย่างนั้น ได้เพียงแค่ก้มหน้าเดินตามหลังอีกคนไปเรื่อยๆ

     

     

    ใช่.. ฮยอกแจรู้สึกแย่.. รู้สึกแย่มากๆ ด้วย

     

     

    ถึงจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของเขามันไม่ได้ถึงขั้นที่เรียกว่าแฟน.. แต่ทุกอย่างที่ผ่านมามันก็ทำให้อดคิดไม่ได้.. สิ่งที่ทงเฮทำไปทุกอย่าง..ราวกับว่าอีฮยอกแจเป็นคนพิเศษนั่นน่ะ..

     

     

     

     

    มันคืออะไรสำหรับอีทงเฮงั้นเหรอ..

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ทำไมป่านนี้แม่ยังไม่กลับนะพูดพลางชะเง้อหน้ามองหาผู้เป็นแม่ที่หายไปซื้อน้ำนานสองนานจนป่านนี้แล้วก็ไม่กลับมา

    หลงทางรึเปล่าครับ? มหาลัยเราไม่ใช่แคบๆ ซะด้วยสิ

    ทำยังไงดีเนี่ย โทรหาก็ไม่ติดอีกคยูฮยอนกุมขมับ นี่ก็ได้เวลาที่เขาต้องไปถ่ายรูปรวมแล้ว พิธีการต่างๆ จะได้เสร็จสักที

    ผู้หญิงคนนั้นใช่แม่พี่รึเปล่าครับ?พูดพร้อมกับชี้ไปที่ผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังเดินแหวกผู้คนเข้ามา

    ให้ตายเถอะ..นี่แม่เดินไปไหนมาครับเนี่ย

    ก็แม่หาร้านน้ำไม่เจอ เดินไปทางไหนก็มีแต่ตึกอยู่เต็มไปหมดเลยนี่ พูดพร้อมกับเปิดขวดน้ำ ยิ่งเห็นเหงื่อของอีกฝ่ายแล้วคยูฮยอนยิ่งรู้สึกผิด

    แม่คงเดินไปไกลมาก ผมบอกแม่แล้วไงครับว่าไม่ต้อง ร่างโปร่งใช้นิ้วโป้งปาดเหงื่อให้คนตรงหน้าอย่างเบามือ

    ดื่มน้ำหน่อยสิลูก พูดพร้อมกับยื่นหลอดให้ลูกชาย คยูฮยอนยิ้มก่อนจะดื่มน้ำพอให้อีกฝ่ายชื่นใจ

    ผมต้องไปถ่ายรูปแล้ว ชางมินพาแม่พี่ไปหาที่นั่งพักหน่อยได้ไหม?

    สวัสดีครับคุณป้า

    สวัสดีจ๊ะ..แต่ว่าแม่จะไปถ่ายรูป..

    ไม่ต้องเลยครับแม่ ผมไม่ยอมให้แม่ไปยืนเบียดคนเป็นสิบๆ ตรงนั้นหรอกคยูฮยอนรีบปรามก่อนที่แม่เขาจะคิดเข้าไปยืนแทรกกับตากล้องนับสิบที่ยืนเบียดกันอยู่ตรงนั้น

    เชื่อพี่คยูฮยอนเถอะครับคุณป้า ส่วนเรื่องรูปพี่อีทึกเค้าเป็นคนถ่ายให้อยู่แล้ว รับรองไม่พลาด ชางมินยิ้มก่อนจะถือกระเป๋าให้คนตรงหน้า

    ก็ได้ งั้นแม่จะไปนั่งรถแถวๆ นี้นะ คยูฮยอนพยักหน้าอืดอาด เฮ้อ..กว่าจะเกลี้ยกล่อมได้..

     

     

     

    ร่างโปร่งกวาดสายตามองไปรอบๆ เป็นครั้งสุดท้าย.. ผู้คนมากมายรายล้อมอยู่เต็มไปหมด.. แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงหวังอยู่ลึกๆ 

     

     

     

    ...ยังคงหวัง...ว่าจะเจอซีวอนที่นี่…

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ยืนนิ่งๆ นะครับ..เอาล่ะ...หนึ่ง..สอง...สาม

     

     

    แช๊ะ!!!!

     

    แสงแฟลชกระทบตานับครั้งไม่ถ้วน.. ร่างโปร่งพยายามกระพริบตาให้น้อยที่สุดเพื่อให้รูปที่ออกมาดูดี ไม่มีภาพเสีย.. ดวงตากลมมองไปยังกลุ่มช่างภาพที่ต่างรัวแสงแฟลชไม่หยุด หนึ่งในนั้นคือพี่ชายที่แสนดีของเขาที่อาสามาเป็นตากล้องมือดีให้

     

     

    โอเคครับ เรียบร้อยแล้ว!”

     

     

    ร่างโปร่งเบิกตากว้างเมื่อเห็นใครคนหนึ่งค่อยๆ ลดกล้องลง.. ร่างสูงโปร่งที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี..

     

     

    ไม่ผิดแน่..

     

     

    ถึงแม้ว่าทรงผมของเขาจะเปลี่ยนไปบ้าง..แต่คยูฮยอนมั่นใจ.. มั่นใจว่าไม่ได้จำผิดคน..

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    จะไปไหน? มือหนาคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ เมื่อเห็นร่างบางกำลังเดินหลงเข้าไปในหมู่บัณฑิตที่กำลังแยกตัวกันออกไปถ่ายรูปหมู่

    ............. ฮยอกแจก้มลงมองข้อมือตัวเองที่ถูกกุมไว้แน่นก่อนจะเงยหน้ามองอีกคน

    เป็นอะไรทำไมไม่พูด

    ถ้าฉันพูดไปแล้วมันจะมีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมรึเปล่าล่ะ?

    ........ก็พูดมาสิ

    ช่างเถอะ... ร่างบางสะบัดข้อมือออกพร้อมกับหันหลังจะเดินหนี แต่ก็ถูกอีกฝ่ายดึงกลับเข้ามาอีกจนได้

    ฉันเคยบอกนายไปแล้วนะ ว่าฉันไม่ชอบให้พูดว่าช่างเถอะ ร่างหนาจ้องหน้าอีกฝ่ายที่ขอบตาแดงก่ำ.. ก็ไม่รู้ว่าโกรธอะไร? เป็นอะไรก็ไม่ยอมพูดแบบนี้ใครจะไปเข้าใจกัน?

     

     

    ........เราเรียนจบแล้ว

    .............

    ฉันกับนาย..ไม่ได้เป็นรูมเมทกันอีกแล้ว..

    .............

    เพราะฉะนั้น..เราทั้งคู่ก็ไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้อีก

    ............. ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันอะไร..?

     

     

    ทำไมมันรู้สึกเจ็บแปลกๆ ตรงหน้าอกข้างซ้ายล่ะ

     

     

    หมายความว่ายังไง

    ก็หมายความอย่างที่พูด..จากนี้เป็นต้นไป ฉันกับนาย..เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว พูดพร้อมกับถอดกำไลข้อมือที่สวมไว้ตลอดเวลา..

     

     

    ก็เพราะว่าเป็นของที่ทงเฮให้.. ฮยอกแจเลยดูแลมันอย่างดี

     

     

    ใครอนุญาตให้นายถอด มืออีกข้างรั้งมือเล็กไว้ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ไม่อยากเข้าใจในสิ่งที่ฮยอกแจพูดหรอกนะ

    เลิกทำตัวแบบนี้สักทีอีทงเฮ.. เราไม่ได้เป็นอะไรกัน

    นายพูดออกมาได้ยังไงว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน?

    นายต่างหากที่เป็นคนพูดแบบนั้น.. ร่างบางก้มหน้าลงก่อนจะปาดน้ำตาออกลวกๆ ทงเฮจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่แยกไม่ถูก..

     

     

    อยากดึงเข้ามากอดแน่นๆ ..

     

     

    ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็ปล่อยฉันไปเถอะ.. สี่ปีที่ผ่านมามันก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ.. พูดเสียงสั่นจนคนเดินผ่านมองเป็นตาเดียวกัน.. ทงเฮค่อยๆ คลายมือออกหลวมๆ เพราะพึ่งนึกได้ว่าอาจทำให้ฮยอกแจเจ็บ

     

    ใครบอกนายว่าฉันไม่คิดอะไร... พูดเสียงเบาจนร่างบางต้องเงยหน้าขึ้นมอง.. ร่างหนายังคงจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น..พร้อมกับมือหนาที่ค่อยๆ เลื่อนลงมาสอดประสานกับมือเล็ก

     

     

    ร่างหนาหันหลังกลับก่อนจะจูงมือร่างบางออกจากตรงนั้น.. ฮยอกแจได้เพียงแค่มองตามแผ่นหลังอีกคนตามเคย.. พูดไม่เคลียร์แบบนี้ตลอด.. สุดท้ายแล้วเขาก็หนีไปไหนไม่ได้..

     

     

    ถ้าจะมัดใจกันน่ะ..มันไม่ยากอย่างที่นายคิดหรอกนะ

    เอ๋..

    พยายามอีกหน่อยได้ไหมล่ะ? ร่างหนาหยุดเดินก่อนจะหันหลังกลับพร้อมกับดึงร่างบางเข้ามาจูบ.. ใบปริญญาบัตรถูกยกขึ้นมาบังใบหน้าทั้งคู่ไว้ ถึงแม้ว่าจะมีคนเดินผ่านไปมาอยู่ตลอด..แต่อีทงเฮก็ไม่แคร์..

     

     

     

     

     

     

     

     

    เพราะคนที่สำคัญที่สุดยืนอยู่ตรงหน้าแล้วนี่..

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    ขณะที่เหล่าบัณฑิตกำลังทยอยกันออกไป ร่างโปร่งกำลังพยายามเดินแทรกผู้คนไปยังจุดที่เขาเห็น ซีวอน ยืนอยู่เมื่อครู่.. ถึงแม้ว่าจะพยายามแทรกตัวออกมาเร็วสักแค่ไหน... แต่สุดท้าย...

     

     

     

     

     

    ซีวอนหายไปแล้ว...

     

     

     

     

     

     

    ไม่สิ.. เมื่อกี้นายยังอยู่ตรงนี้อยู่เลยนะ.. คยูฮยอนหันไปมองรอบๆ ตัว ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คน.. ไม่มีใครอีกคนที่ตามหา..

     

    ฝีเท้ายังคงเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น ไม่ลดละความพยายามที่จะตามหาคนๆ หนึ่ง.. ซึ่งดูแล้วก็ไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทรนักหรอก..

     

     

    ร่างโปร่งหยุดชะงักก่อนจะเห็นร่างสูงโปร่งยืนอยู่ตรงหน้า.. ไม่รอช้า.. คยูฮยอนรีบเข้าไปทักในทันที

     

    ซีวอน!”

    ................. ร่างสูงใหญ่หันกลับมามองก่อนจะแกะมือเรียวที่จับแขนตนเองออก

     

     

     

     

    ไม่ใช่...

     

     

     

     

    ผม..ขอโทษครับ

     

     

     

     

     

    ร่างโปร่งหยุดยืนอยู่กับที่.. หยาดน้ำใสคลอหน่วง.. ไม่ได้นะโจคยูฮยอน.. ถึงนายจะรู้สึกอัดอั้นแค่ไหนแต่นายจะร้องไห้ตรงนี้ไม่ได้..

     

     

    เมื่อกี้เขาไม่ได้ตาฝาด.. ไม่ได้ตาฝาดแน่ๆ

    จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย.. คยูฮยอนก็ยังคงรอซีวอนอยู่อย่างนั้น..

    ถึงจะเคยบอกกับตัวเองว่าให้สิ้นสุดการรอคอยภายในวันนี้

     

     

     

    แต่ก็ทำไม่ได้..

    ในเมื่อหัวใจมันต้องการที่จะรอต่อไป..

     

     

     

     

    กลับมาเถอะ..ซีวอน... ร่างโปร่งก้มหน้าลง สุดท้ายแล้วก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่ไหว..

     

     

     

     

    สัญญานะ..

    ครับ..สัญญา

     

     

     

     

    แค่กลับมาก็พอ.. แค่ให้ฉันได้เห็นหน้านายอีกสักครั้ง..

    ไม่ต้องรักษาสัญญาอะไรทั้งนั้น.. ไม่ต้องแล้ว..

     

     

     

     

     

    ทันใดนั้นร่างโปร่งก็ต้องหยุดนิ่ง..เมื่อมีสำผัสอุ่นๆ ทาบทับปิดตาเขาทั้งสองข้าง.. มือแกร่งสวมกอดเข้าที่เอวบาง หากแต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นจนทำตัวไม่ถูก..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หาใครอยู่เหรอครับ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นข้างใบหูจนคนได้ฟังแทบอยากหยุดหายใจเสียเดี๋ยวนั้น.. อ้อมกอดถูกกระชับแน่นขึ้น.. ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก.. นอกจากหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาเลอะมือแกร่งที่ยังคงปิดตาเขา

     

     

     

    ไมได้คิดไปเองใช่ไหมโจคยูฮยอน..

     

     

     

    มือเรียวค่อยๆ เอื้อมขึ้นมาจับมือปริศนาไว้.. ไม่คิดที่จะแกะออกหรอก.. อยากซึมซับสัมผัสนี้ไว้นานๆ ก็เท่านั้น..

     

     

     

     

     

     

     

     

    ยินดีด้วยนะ

     

     

     

     

     

     

    ยิ่งได้ยิน ยิ่งมั่นใจว่าเดาไม่ผิด.. ร่างโปร่งสะอื้นในอ้อมกอดที่รอคอยมานาน.. คงไม่ต้องถามแล้วว่าอ้อมกอดนี้เป็นของใคร.. ไม่ต้องแล้ว..

     

     

     

     

    หัวใจที่เคยบอบช้ำกับสิ่งที่เคยผิดพลาด.. แต่ก็ถูกเติมเต็มโดยคนๆ เดิม..

    คนที่เคยได้หัวใจไปคนแรก..

     

     

     

     

     

    และคนสุดท้าย..ก็ยังคงเป็นเขาอยู่ดี..

     

     

     

    ชเวซีวอน..

     

     

     

     

     

     

    *END




     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    *SPECIAL

     

     

     

     

     

     

    ร่างโปร่งเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิมเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินตามมา.. บ้าจริง.. ไม่อยากจะเชื่อเลย!

     

     

    คยูฮยอนอ่า..อย่าโกรธสิ ร่างสูงคว้าข้อมืออีกคนไว้ก่อนจะพลิกตัวให้หันกลับมามองหน้า

    ไม่ให้โกรธงั้นเหรอ?

     

     

    จะไม่ให้โกรธได้ไง?

     

     

    ซีวอนกลับเกาหลีมาตั้งสามเดือนกว่าแล้วแต่ไม่คิดจะติดต่อมาเลยสักครั้ง ไหนจะเรื่องที่ส่งจดหมายทาบทามเข้าทำงานไปที่บ้านอีก... ฝีมือคุณหัวหน้าแผนกชเวซีวอนล้วนๆ แบบนี้ถ้าเข้าไปทำงานที่นั่นก็ไม่วายโดนนินทาว่าเป็นเด็กเส้นเหรอไง

     

    โปสการ์ดส่วนที่เหลือไว้ไปต่อที่บ้านนะ ร่างสูงหัวเราะก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาให้คนตรงหน้า คยูฮยอนได้แต่ปัดมือออกพลางจ้องหน้าซีวอนเขม็ง

    ฉันไม่อยากไปทำงานที่นั่นเพราะนายฝากให้หรอกนะ

    เราไม่ได้ฝากสักหน่อย ก็ยื่นผลงานให้เจ้านายดู เค้าก็โอเค

    .......................

    ที่ทำแบบนั้นน่ะ...

     

     

     

    ก็เพราะว่าเราอยากอยู่กับคยูฮยอน ชดเชยช่วงเวลาที่เสียไปไงล่ะ

    .......................

    เราอยากตื่นไปทำงานด้วยกัน..แล้วก็กลับบ้านพร้อมกันก็เท่านั้นเอง

    .......................

     

     

    ยอมรับว่าใจอ่อนพอได้ยินร่างสูงพูดแบบนั้น.. ริมฝีปากบางค่อยๆ ยิ้มออกมาก่อนจะสอดประสานกับมือของร่างสูง.. ซีวอนตกใจไม่น้อยกับการกระทำของคยูฮยอน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมปล่อยมือนี้ไปอีกครั้งแน่..

     

     

     

    ไม่จำเป็นต้องปากแข็ง.. ไม่จำเป็นต้องฝืนใจตัวเองอีกต่อไป..

    แค่ทำตามที่หัวใจต้องการก็พอ..

     

     

     

     

     

    นายอยากรู้จักแม่ฉันไหม?

    หืม? จะพาไปแนะนำตัวงั้นเหรอ?

    ในฐานะรูมเมทนักเรียนนอกนะ

    อ่า..คิดว่าจะแนะนำในฐานะลูกเขยซะอีก ฮ่าๆ

    นายอยากให้แม่ฉันหัวใจวายตายรึไง?

    ไม่เป็นไร.. เดี๋ยวใช้ความดีเข้าสู้.. ว่าแต่คยูฮยอนจะให้เราย้ายไปอยู่ที่นั่น หรือว่าจะย้ายมาอยู่กับเราดีล่ะ

    ฉันพูดเมื่อไหร่ว่าจะย้ายไปอยู่กับนาย ขี้โม้จริงๆ

    เอาเป็นว่าเราไปค้างบ้านคยูฮยอนอาทิตย์ละสี่วันนะ เท่าเทียมกันดี

    เฮ้! ชเวซีวอน นายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย..อ่ะ..ปล่อยนะ

    ยังคงปากแข็งเหมือนเดิม..ใครกันนะบ่นคิดถึงเราตอนที่เราไม่อยู่

    ไม่-มี

    เรามีสายสืบน่า..อย่าโกหกเลย~”

    ห๊ะ..ใครเป็นสายให้นาย พี่อีทึกใช่ไหม?

    ไม่บอกหรอก..

    บอกมา.....

     

     

    ร่างสูงหัวเราะพร้อมกับหันไปมองหน้าคนที่คิ้วขมวดจนแทบผูกกันอยู่แล้ว

     

     

    จะให้บอกเหรอ?

     

    ไม่บอกหรอกครับ.. เพราะท่าทางคยูฮยอนตอนโกรธน่ะน่ารักซะขนาดนี้..

     

     

     

     

     

    แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณนายอีกครั้งนะฮันคยอง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คยูฮยอนชะงักหยุดเมื่อเจ้าของมือที่กำลังกุมอยู่กับเขานั้นไม่ได้เดินตามมา ร่างโปร่งค่อยๆ เอี้ยวตัวกลับไปมองด้วยความแปลกใจ รอยยิ้มละมุนบนใบหน้าของชเวซีวอนถูกส่งมาให้เขาอย่างอ่อนโยน

     

     

     

     

    "คยูฮยอน..."

    "......."

     

     

     

     

     

     

     

     

    “Did you see? It’s tangible”

     

     

     

     

    - End -





    -มอย-


    โอ๊ย ถ้าเด็กดีจะทำร้ายกันขนาดนี้


    พิมทุกอย่างใส่ไปแล้วก็ไม่ติด สเปหายอีก - -


    Next Part >> Special WonKyu



     

     

     

     

     








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×