ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu ft.HaeEun | Ex-friend "แฟนเก่า"

    ลำดับตอนที่ #16 : Diary หน้าที่ 14 : ไดอารี่หน้าแรก..

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.43K
      16
      3 ส.ค. 54

      

     

     

     

     





     

     

    ตอนเป็นเด็ก..ผมคิดว่าตัวเองโตพอที่จะคิดอะไรเองได้แล้ว

    แต่สุดท้าย..

     

    ผมก็เป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง..ที่มีอายุมากขึ้นก็เท่านั้นเอง

     

     

     

     

     

    เสียงเฮฮาของรุ่นพี่ที่ตื่นเต้นกับน้องรหัสสายตัวเองหากแต่ใครอีกคนกลับนั่งอยู่เฉยๆ พลางกวาดสายตาไปทั่ว.. พอมองแล้วก็อดนึกถึงตัวเองตอนพึ่งเข้าปีหนึ่งไม่ได้ ไม่รู้จักใครในคณะเลยสักคน อีกทั้งกลัวว่าจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้ แต่นั่นมันก็น่าตื่นเต้นที่จะเริ่มต้นใหม่ในชีวิตมหาลัย

     

    ในตอนนี้เขากลายเป็นรุ่นพี่แล้ว..นั่นก็หมายถึงว่าเขาโตขึ้นมาในอีกระดับหนึ่ง ซึ่งเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีที่แล้วมันเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับเขามาก..

     

     

    ป่านนี้ซีวอนกำลังทำอะไรอยู่นะ?

     

     

    ร่างโปร่งสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีมือปริศนาเข้ามาปิดตาเขาไว้ทั้งสองข้าง.. คยูฮยอนนั่งนิ่งในขณะมือแกร่งยังคงปิดตาเขาอยู่อย่างนั้น..

     

    สัมผัสแบบนี้...

     

     

     

    มือเรียวเอื้อมขึ้นมาจับมือแกร่งไว้ หัวใจเต้นเร็วแรงเพราะคุ้นสัมผัส.. สัมผัสที่ทำให้คิดถึงเรื่องราวเมื่อสี่ปีก่อน.. ไม่มีใครเคยทำแบบนี้กับเขานอกจากซีวอน..

     

     

    ถ้าคิดแบบนั้น..จะหลอกตัวเองรึเปล่าโจคยูฮยอน..

     

     

    อรุณสวัสดิ์

     

     

    เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นในความคิดหากแต่ร่างโปร่งไม่กล้าแม้แต่จะแกะมือแกร่งออกจากตาตัวเอง เพราะอีกใจก็กลัวความผิดหวังหากว่าสัมผัสนี้ไม่ใช่ของคนที่กำลังคิดถึง

     

    คยูฮยอนตัดสินใจแกะมือปริศนาออกก่อนจะเอี้ยวตัวกลับไปมองใบหน้าของใครอีกคน

     

     

    กลับมาแล้ว........เหรอ.......

     

     

    คยูฮยอนหยุดชะงักเมื่อคนตรงหน้ากลับไม่ใช่คนๆ เดียวในความคิด.. ริมฝีปากบางที่ยิ้มอยู่นั้นค่อยๆ เลือนหายไปเพราะความผิดหวัง

     

    พี่คยูฮยอนใช่ไหมครับ เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้มถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเอาแต่จ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น

     

     

    เจ็บ.. เจ็บตรงหัวใจ..

    คิดอะไรตื้นๆ นะโจคยูฮยอน.. จะเป็นซีวอนไปได้ยังไงในเมื่อตอนนี้เขาไปไกลแค่ไหนแล้ว..

     

     

    คยูฮยอนพยักหน้าเล็กน้อยนั่นทำให้อีกฝ่ายยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม.. ร่างสูงโค้งหัวให้คนตรงหน้าอย่างมีมารยาทหากแต่ร่างโปร่งกลับเอาแต่จ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น

     

     

    ผิดหวังที่ไม่ใช่ซีวอนงั้นเหรอ?

     

     

    สายรหัส Good Morning Teacher ชิมชางมิน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ พูดจาฉะฉาน คยูฮยอนหลุบตาลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองน้องรหัส พร้อมกับยิ้มบางๆ  

    ..สวัสดี

    พี่ตกใจเหรอ ผมขอโทษนะครับที่เข้าไปทักพี่อย่างนั้น ร่างสูงเกาท้ายทอยแก้เขิน เป็นเพราะติดนิสัยขี้เล่นมาตลอด ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบ

    เปล่าหรอก ว่าแต่..เจอบัดดี้รึยังน่ะ..

    คยูฮยอน ร่างโปร่งหันไปมองผู้มาใหม่ที่เดินมากับรุ่นน้องปีหนึ่งหน้าตี๋ ซึ่งดูแล้วก็พอรู้ว่านั่นคือน้องรหัสของอีฮยอกแจ

    นั่นน้องรหัสนายเหรอ ส่วนนี่น้องรหัสฉันชื่อเฮนรี่ ร่างบางแนะนำคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้รู้จัก ถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาจะรู้สึกแย่แค่ไหนก็ต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ..

     


     

    คยูฮยอนไม่ใช่คนชอบฝืนยิ้ม.. แต่ก็ต้องทำเพื่อปิดบังความรู้สึกตัวเอง

     

     

     

    ผมชิมชางมินครับ

    ทำความรู้จักกันไว้นะทั้งสองคน เป็นอีฮยอกแจที่แนะนำน้องรหัสให้รู้จักกันเอง ร่างโปร่งเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะก้มลงรูดซิบกระเป๋าสะพายแล้วหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา

    โหยพี่ไม่ต้องห่วงเลย เมื่อกี้ผมกับมันนั่งคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว

    ก็ดีแล้ว~ คยูฮยอนนายจะไปไหนน่ะ ฮยอกแจถามคนที่กำลังทำท่าจะเดินหนีออกจากตรงนั้น.. ก็รู้ว่ามันเสียมารยาท ทั้งที่ควรจะเทคแคร์น้องรหัสแต่เขาทนมองชางมินไม่ไหว

    ฉันจะไปซื้อน้ำให้น้อง

    เป็นอะไรไป? ไม่สบายเหรอหน้าซีดเชียว ฮยอกแจเดินมาหยุดตรงหน้าร่างโปร่ง พลางมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาด้วยความเป็นห่วง

    เปล่าๆ นายช่วยบอกน้องเรื่องเลี้ยงสายรหัสคืนนี้กับเรื่องวันนัดรับน้องใหญ่ด้วยแล้วกัน.. คยูฮยอนยิ้มเนือยๆ จนฮยอกแจอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนตรงหน้า

     

    ร่างบางหันกลับไปหาน้องรหัสที่ยืนทำหน้างงกับพฤติกรรมแปลกๆ ของรุ่นพี่

     

    พี่คยูฮยอนเค้าเป็นอะไรเหรอครับ? ร่างสูงถามขณะที่มองตามแผ่นหลังใครอีกคนที่เดินไปหยุดที่ร้านขายของเล็กๆ ประจำคณะ

     

    หมอนั่นก็เป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวก็ชิน

     

    ร่างโปร่งหันกลับไปมองคนสามคนที่ยืนคุยกันอยู่ก่อนจะเบือนหน้าหนีเมื่อบังเอิญสบตากับน้องรหัสโดยไม่ตั้งใจ

     

     

    ทำไมต้องหลบหน้าเด็กคนนั้นด้วยนะ

     

     

     

    วันรับน้องใหญ่อาจจะต้องเลอะเทอะบ้าง นายสองคนมีโรคประจำตัวอะไรรึเปล่า ร่างโปร่งวางโค้กกระป๋องลงบนโต๊ะขณะที่ฮยอกแจกำลังอธิบายรายละเอียดให้รุ่นน้องฟัง

    ไม่มีครับ

    ขอบคุณครับ ร่างสูงยิ้มให้ก่อนจะรับโค้กกระป๋องมาไว้ในมือแล้วหันกลับไปฟังต่อ คยูฮยอนถอนหายใจเบาๆ เพราะรู้สึกผิด สงสารเด็กปีหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรจะต้องมาเป็นน้องรหัสของคนที่โดนบอยคอร์ดอย่างเขา

    งั้นก็ดีแล้ว คืนนี้ก็อย่าเมามากล่ะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง อีฮยอกแจพูดพร้อมกับเหลือบมามองคนข้างๆ ที่เป็นโจทย์กันเมื่อปีที่แล้วพร้อมกับทำหน้ากวน

    บอกตัวเองเถอะ คยูฮยอนผลักหัวร่างบางกว่าจนเซ เรียกเสียงหัวเราะจากน้องรหัสได้ไม่น้อย

    นี่ไง! หมอนี่คิดจะต่อยพี่หน้าห้องน้ำเมื่อปีที่แล้ว ฟ้อง!” ร่างบางยู่ปากขมวดคิ้ว พยายามสร้างบรรยากาศ แต่อีกคนไม่สนใจฟังหนำซ้ำยังยกกระป๋องโค้กขึ้นมาดื่มหน้าตาเฉย

    จริงเหรอ แล้วทำไมพี่สองคนยังคุยกันได้เนี่ย เฮนรี่ถาม

    ใครอยากคุย..มันจำเป็นหรอก

    ใช่ ถ้าไม่จำเป็นพี่ก็ไม่เข้ามาคุยกับหมอนี่หรอก นิสัยไม่ดี พูดจบร่างโปร่งก็หันหน้าขวับ ตั้งแต่กลับมาคุยกันได้อีกครั้ง ใช่ว่าเขาทั้งคู่จะคุยกันดีๆ ซะที่ไหน

    ฮ่าๆ

    พี่ก็จะไปกับพวกเราด้วยใช่ไหมครับ ชางมินหันมาถามคยูฮยอนที่กำลังทำท่าจะผลักหัวฮยอกแจอีกรอบ

    ไม่ไปก็ต้องไปแหละ นายห้ามปฏิเสธน้องนะคยูฮยอน

     

    ร่างโปร่งมองหน้าน้องรหัสที่ยังคงยิ้มให้..

    ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้นถึงแม้ว่าเขาจะแสดงสีหน้าเฉยชาสักแค่ไหน

     

     

     

    ไปสิ ฉันจะปล่อยให้น้องรหัสไปคนเดียวได้ไง

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ฝีเท้าหยุดชะงักขณะที่กำลังล้วงกระเป๋าหาพวงกุญแจห้อง ดวงตาเรียวมองไปยังกล่องใส่จดหมายข้างประตูห้องที่มีซองสีม่วงสอดอยู่ก่อนจะขมวดคิ้ว ร่างโปร่งดึงมันออกมาก่อนจะพลิกหน้าพลิกหลังแล้วมองหาต้นตอ

     


     

    ซองอะไร.. ส่งผิดห้องรึเปล่า

     

     

     

    แกร่ก..

     

    ประตูถูกปิดลงขณะที่สายตายังคงจดจ้องซองจดหมายที่อยู่ในมือ กระเป๋าเป้ถูกโยนลงบนเตียงแล้วเดินไปหยุดที่หน้าตู้เย็น.. ซองสีม่วงถูกแกะออกอย่างประณีตก่อนจะเห็นโปสการ์ดที่แนบมา

     

    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอีกครั้งเมื่อโปสการ์ดที่ได้มานั้นมีรูปร่างประหลาดๆ การ์ดสีน้ำตาลที่ดูเหมือนกับกองดินไม่มีความสวยงามอยู่ในตัวเลยแม้แต่น้อย.. พอพลิกกลับหลังแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นตราประทับของต่างประเทศที่อยู่ตรงมุมขวาบน.. หน้าอกข้างซ้ายเต้นเร็วแรง สายตายังคงไม่ละห่างจากโปสการ์ดปริศนา

     

     

     

    ถึงแม้จะไม่มีที่อยู่ของผู้ส่ง.. ถึงแม้ว่าจะไม่มีรอยหมึกของปากกาอยู่บนการ์ดเลยสักตัว..

    แต่แค่นี้ก็ทำให้คนที่รอเริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว..

     

     

     

    ร่างโปร่งเดินไปหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานก่อนจะหยิบไดอารี่ที่ใครอีกคนทิ้งเอาไว้ให้ก่อนไป ปากกาสีดำถูกหยิบออกมาถือไว้พลางเปิดไดอารี่ไปที่หน้าล่าสุดที่ซีวอนเขียนเอาไว้ ถึงแม้ว่าคยูฮยอนจะอ่านมันซ้ำไปซ้ำมาจนเกือบจำได้ทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังชอบที่จะอ่านมันเวลานอนไม่หลับ

     

     

    ไดอารี่ที่เขียนแต่เรื่องราวของเขา..

     

     

     

     




     

    10/06/12

     

     

    ขอบคุณสำหรับโปสการ์ด

     

     

    ฉันจะขอเดาว่าโปสการ์ดใบนี้มันเป็นของนายได้ไหม?

    วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันคิดจะเขียนอะไรลงไปในนี้..

    ไดอารี่ของนาย.. ที่นายชอบเขียนยังไงล่ะ?

    ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนฉันจะชอบบ่นที่นายเอาแต่เขียนไดอารี่

    มันดูเหมือนเด็กสาว.. ฉันไม่อยากให้นายเขียนมัน

    แต่ฉันคิดผิด.. ไดอารี่ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเด็กผู้หญิงเท่านั้นที่จะเขียนได้

     

    เพราะตัวหนังสือทุกตัวที่ถูกเขียนลงไปทั้งหมดนั้นมันมาจากความรู้สึกของผู้ชายอบอุ่นที่สุดในโลกอย่างนายยังไงล่ะ..

     

    ทั้งที่คิดว่าจะรอให้นายกลับมาเขียนจนกว่าไดอารี่เล่มนี้จะเดินทางไปจนถึงหน้าสุดท้ายแท้ๆ

    แต่ฉันคงรอเวลานั้นไม่ไหว

     

    ให้ฉันได้เขียนเรื่องราวของนายลงไปบ้างนะ

     

    วันนี้ฉันเจอเรื่องประหลาดทั้งวัน.. ส่วนหนึ่งมันเป็นความผิดของนายชเวซีวอน

    เรื่องของนายมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉันถึงแม้ว่านายเดินจากไปไกลจนมองไม่เห็น..

    แต่รู้อะไรไหม? ฉันน่ะ..

    รู้สึกราวกับว่าได้ยินเสียงของนายอยู่ตลอดเวลา.. เสียงของนาย..ที่คอยเรียกชื่อฉัน

     

     

     

    ไม่มีรูปถ่ายของนายสักใบ..ไม่มีเลย..

    เพราะรูปคู่ที่เราเคยถ่ายด้วยกันฉันก็ฉีกทิ้งมันไปหมดแล้ว (โง่สิ้นดีนะว่าไหม?)

     

    ในวันนี้ฉันมีน้องรหัสแล้วนะ เขามีอะไรเหมือนกับนายหลายอย่าง..

    และมันแย่มากที่ฉันเห็นภาพนายซ้อนขึ้นมาขณะที่กำลังมองเขาอยู่..

    ฉันรู้น่า..ว่าไม่มีใครแทนที่ใครได้.. แต่ที่เป็นอย่างนั้น..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    นั่นก็เพราะว่าฉัน..

    คิดถึงนายนะ..ชเวซีวอน...

     

     

    CHO KYUHYUN..

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    คุณได้รับข้อความจาก..

    ทงเฮ

    [เที่ยวเสร็จแล้วโทรมาล่ะ เดี๋ยวกูไปรับ]


     

    คยูฮยอนก้มลงมือโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือก่อนจะกดส่งข้อความกลับไปเมื่อได้รับข้อความเป็นสิบของเพื่อนสนิทที่เอาแต่เซ้าซี้จะมารับเขาให้ได้

     

     

    คุณกำลังส่งข้อความถึง..

    ทงเฮ

    [กูไม่แดกมึงก็รู้ เดี๋ยวเที่ยงคืนก็กลับแล้ว แค่นี้นะกูจะได้ไปทำความรู้จักกับน้องรหัสกูสักที]

     

     

    ดวงตากลมหันไปมองข้างตัวที่มีน้องรหัสตัวสูงนั่งยิ้มอยู่ข้างๆ สองมือแกร่งถือแก้วน้ำสีอำพันที่ยังคงเต็มแก้วไว้ในมือ นั่นพอทำให้คยูฮยอนเดาได้ว่าเด็กคนนี้ไม่ชอบสังสรรค์ยามค่ำคืนเท่าไหร่นัก

     

    ไม่ดื่มเหรอ?

    ผมดื่มไม่เก่งครับ พี่คยูฮยอนจะดื่มไหมเดี๋ยวผมชงให้ ร่างสูงวางแก้วตัวเองลงบนโต๊ะ ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างก็ลุกขึ้นไปเต้นบ้าง ชนแก้วกันบ้าง มีเพียงเขาทั้งสองที่นั่งอยู่เงียบๆ ตรงมุมโต๊ะ

     

    ขอบคุณนะ คยูฮยอนว่าพลางกวาดสายตามองหาอีฮยอกแจที่ไม่รู้จู่ๆ หายตัวไปไหน

    เฮนรี่อ้วกแตกพี่ฮยอกแจเลยตามไปลูบหลังน่ะครับ ราวกับอ่านใจออก คยูฮยอนมองใบหน้าคมของอีกฝ่ายที่ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าหน้าเขามันเป็นมิตรขนาดนั้นเลยเหรอ เอาแต่ยิ้มอยู่ได้

    ไม่ไหวเลยนะเด็กคนนั้น คยูฮยอนหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงหน้าน้องรหัสตาสระอิของอีฮยอกแจที่ชอบทำตัวป้ำๆ เป๋อๆ ก่อนหน้านี้ก็ซุ่มซ่ามทำเหล้าหกใส่เสื้อจนเปียก ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงได้เป็นน้องรหัสของอีฮยอกแจได้

     

    เวลาพี่ยิ้มน่ารักออกครับ.. ทำไมถึงไม่ชอบยิ้มล่ะสิ้นสุดประโยคทำเอารอยยิ้มเลือนหายไปในทันที ดวงตากลมมองหน้าน้องรหัสก่อนจะหลุบสายตาลงแล้วยกแก้วเหล้าที่พึ่งถูกชงขึ้นมากระดกไปเกือบครึ่ง

     

    .......”

     

    พี่ไม่น่ารักหรอก ประโยคตัดพ้อออกมาจากริมฝีปากบาง ชางมินมองร่างโปร่งที่ยกแก้วน้ำสีอำพันที่เหลืออยู่เพียงครึ่งขึ้นมากระดกซ้ำอีกรอบจนหมดในคราเดียว มือเรียวยื่นแก้วที่เหลือแค่น้ำแข็งให้กับน้องรหัสหวังให้อีกฝ่ายบริการให้สมกับหน้าที่สักหน่อย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบให้ใครคอยทำอะไรแบบนี้ให้ก็ตามทีเถอะ

    ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ ผมเป็นคนมองพี่ต้องเชื่อผมสิ ร่างสูงอมยิ้มขณะที่ชงเหล้าให้พี่รหัสไปด้วย

    คยูฮยอนไม่ตอบอะไรหากแต่สายตายังคงมองอีกฝ่ายไม่ห่าง.. ชางมินหัวเราะน้อยๆ พร้อมกับยื่นแก้วให้คยูฮยอนอีกครั้ง

     

     

    ก็บอกว่าน่ารัก ก็คือน่ารักสิ

     

     

    ผมดีใจที่ได้เป็นน้องรหัสของพี่นะครับ

     

    เราดีใจที่ได้ทำงานร่วมกันกับคยูฮยอนนะ

     

    “……….”

     

     

    ผมไม่รู้ว่าพี่จะรู้สึกเหมือนกับผมรึเปล่า..แต่พี่เป็นคนดีในสายตาผมนะครับพูดจบน้ำสีอำพันก็ถูกยกขึ้นมากระดกย้อมใจอีกครั้ง

     

    ไม่ชอบให้ใครมาพูดแบบนี้หรอกนะ..

     

    ใบหน้ามนหันกลับไปมองน้องรหัสด้วยสีหน้านิ่งเฉยพร้อมกับวางแก้วใบใสลงบนโต๊ะ จ้องมองดวงหน้าของร่างสูงที่ฉายแววตาจริงจัง

    นายตัดสินพี่ทั้งที่เราพึ่งจะรู้จักกันแค่วันเดียวเนี่ยเหรอชิมชางมิน

    ครับยิ้มบางๆ เป็นคำตอบสั้นๆ ที่ดูหนักแน่นจนคยูฮยอนประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

     

     

     

     

     

    สิ่งแรกที่นายควรจำเอาไว้..ว่าพี่รหัสของนาย..ไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คิดหรอกนะ..

     

     




     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     



     

     

    ร่างสูงมองพี่รหัสที่ยังคงเอาแต่นั่งดื่มอยู่เงียบๆ หลังจากตอนนั้นคยูฮยอนก็เอาแต่ดื่มไม่พูดไม่จาอะไรอีก จนชางมินสงสัยว่าตัวเองอาจจะไปพูดกระตุกต่อมอะไรเข้าให้รึเปล่า

     

    พี่ครับ..ดื่มเยอะเกินไปแล้วนะ มือแกร่งรั้งมืออีกคนเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง

     

    ที่ดื่มหนักขนาดนี้ไม่ใช่เพราะโกรธชางมิน.. แต่เป็นเพราะความรู้สึกอัดอั้นที่สะสมมานาน..

    จะต้องเห็นภาพซีวอนซ้อนทับชางมินอีกนานแค่ไหน?

     

     

     

     

     

    และก็เป็นอย่างที่ว่านั่นแหละ..

     

     

     

     

    ว่าเหล้าน่ะ..มันไม่ได้ให้คำตอบ..

    แต่มันแค่ทำให้เราลืมคำถามได้ก็เท่านั้น..

     

     

     

     

    ฮัลโหลเฮนรี่..นายอยู่ไหนน่ะ? หา? นี่พี่ฮยอกแจเหรอครับ? อ่า..ครับ..ให้ตายสิ..งั้นรบกวนฝากไปส่งมันที่หอด้วยแล้วกันนะครับ.. ส่วนพี่คยูฮยอน..เอ่อ..เดี๋ยวผมจะไปส่งเองแล้วกันครับ ร่างสูงขมวดคิ้วก่อนจะเก็บมือถือใส่ในกระเป๋ากางเกงพลางมองไปยังพี่รหัสที่นั่งฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะ

     

    ในตอนนี้สายรหัสสายอื่นๆ ต่างก็เริ่มทยอยกลับกันบ้างแล้ว บางคนก็ยังคงสนุกกับการเต้นบนฟลอ ชางมินเอื้อมมือไปสะกิดไหล่บางหากแต่เจ้าตัวกลับสะบัดออกอย่างรำคาญพร้อมกับส่งเสียงประท้วงในลำคอ

     

    พี่ครับกลับกันเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งนะ พูดพร้อมกับเขย่าแขนอีกคนเบาๆ เป็นเชิงเรียกสติแต่ดูเหมือนจะไร้ผล

     

    ได้ยินเสียงชางมินชัดเต็มสองหู.. แต่ร่างกายกลับอยากเอาแต่ใจ..

    รู้เพียงอย่างเดียวว่าตอนนี้อยากอยู่ตามลำพังก็เท่านั้น..

     

    อื้อ....

     

    ร่างสูงแทบอยากกุมขมับเมื่อเห็นสภาพคนตรงหน้า ไม่เมาก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ก็เล่นจับยกๆ ซะขนาดนั้น.. ไม่รู้เก็บกดมาจากไหน

     

    ..ขอโทษนะครับ เอ่ยขอตามมารยาทพร้อมกับจับข้อมือเล็กขึ้นมาก่อนจะหิ้วปีกคนเมาเอาไว้ ชางมินมองดวงหน้าของพี่รหัสที่โงนเงนไปมาตามแรงโน้มถ่วงก่อนจะหัวเราะเบาๆ

     



     

    ประหลาดคน..

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    RRrrrrr!!!!

     

     

    ฮัลโหล ร่างบางกดรับสายขณะที่กำลังเอาเท้าเขี่ยน้องรหัสตัวแสบให้กลิ้งไปตามพื้นห้อง โดยได้รับความร่วมมือจากรูมเมทตัวเล็กของเฮนรี่

    อยู่ไหน?

    อยู่หอน้องรหัส ตอบห้วนๆ ก่อนจะหันไปโค้งหัวตอบคนตัวเล็กกว่าที่ยืนโค้งหัวขอบคุณที่มาส่งคนคออ่อนให้จนถึงห้อง

    ขอบคุณมากนะครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง รูมเมทน้องรหัสเอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินมาส่งฮยอกแจที่หน้าประตูห้องในขณะที่มือเล็กยังคงถือเครื่องมือสื่อสารไว้อยู่อย่างนั้น

    นั่นเสียงใครน่ะ

    เสียงเมทน้องรหัส จะถามไปทำไม คิ้วเรียวขมวดเป็นปมนึกหงุดหงิดกับคนปลายสาย

     

     

    ก็จะอะไรซะอีก.. โทรตามเขาทุกชั่วโมงแบบนี้เป็นแฟนกันรึไง?

     

     

    รีบกลับมาภายในสิบห้านาที ถ้าช้ากว่านั้นคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    ดะ..เดี๋ยวสิ..ทงเฮ..อีทงเฮ!” ยังไม่ทันได้ปฏิเสธปลายสายก็ชิงวางไปซะก่อน แบบนี้จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไง? นี่มันชีวิตของเขาหรือชีวิตของอีทงเฮกันแน่?

     

    ไหนบอกว่ารักนักรักหนาไงโจคยูฮยอนน่ะ ทีอย่างนี้แล้วไม่เห็นจะโผล่ออกมาตามรับตามส่งเหมือนเมื่อก่อนล่ะ ริมฝีปากบางบ่นอุบอิบขณะที่กำลังเดินกลับหอพัก โชคดีที่หอพักของเขาอยู่นั้นมันไม่ห่างจากที่นี่สักเท่าไหร่

     

     

     

     

    แต่ปัญหาคือ.. ไม่ว่าจะไปเร็วหรือไปช้า..

    สุดท้ายแล้วอีทงเฮก็หาทางลงโทษเขาอยู่ดีนั่นแหละ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    ........” ประตูห้องปิดลงเบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังร่างของใครบางคนที่หลับคอพับอยู่บนโซฟาทั้งที่ในมือยังถือจอยสติ๊กไว้อยู่อย่างนั้น

     

    เรียวขาเล็กค่อยๆ ย่องเข้าไปอย่างช้าๆ เสียงดนตรีของวีดีโอเกมส์ยังคงส่งเสียงอยู่แม้ว่าคนที่นั่งเล่นจะหลับไปแล้ว.. ดวงหน้าหวานชะเง้อมองใบหน้าหล่ออย่างช่างใจ..

     

     

    เขาแกล้งหลับรึเปล่านะ?

     

     

    ฮยอกแจค่อยๆ นั่งลงข้างร่างหนาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นเพราะเขา จู่ๆ หัวทุยเอนลงมาซบใหล่อีกคนอย่างไม่ตั้งใจจนร่างบางสะดุ้ง

    คนตัวเล็กนั่งตัวเกร็งกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำพูดคำจาที่ไม่น่าฟัง..

     

     

    ทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้

    ก็รู้ว่าฉันไม่ชอบรออะไรนานๆ

     

     

    แต่ฮยอกแจคิดผิด..

     

     

    ร่างหนายังคงนอนหลับอยู่อย่างนั้นถึงแม้ว่าคนที่เขานั่งรอจะกลับมาถึงก่อนเวลากำหนด เสียงลมหายใจผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะทำให้ฮยอกแจอดอมยิ้มไม่ได้

     

     

    อีทงเฮก็มีมุมน่ารักเหมือนกันแฮะ..

     

    มือเล็กค่อยๆ โอบตัวร่างหนาให้เอนลงนอนบนตักตัวเองอย่างเบามือพร้อมกับเอาหมอนมารองเอาไว้เพราะกลัวว่าทงเฮจะปวดคอ ทีวีจอใหญ่ถูกปิดลงพร้อมกับบรรยากาศที่เงียบสงบภายในห้อง..

    ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว ก่อนที่หลังมือเรียวจะไล้ไปตามใบหน้าคมของร่างหนาเบาๆ

     

     

     

    ความสุขของอีฮยอกแจก็มีอยู่แค่นี้แหละ

    ความสุขที่อีทงเฮจะไม่มีวันได้รับรู้..

    ว่าความสุขที่ได้มานั้น..

     

     

     

    มันเกิดขึ้นเพราะอีทงเฮเพียงคนเดียว

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    แกร๊ง.. ฉ่า.....!!

     

    เสียงโลหะกระทบกันเรียกให้คนที่กำลังหลับใหลค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา.. เปลือกตาบางกระพริบถี่ก่อนจะยกมือขึ้นบังแสงแดดที่ส่องตาตนเอง

     

    บ่ายสวัสดิ์ ร่างโปร่งยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะหันไปมองต้นเสียง เผยให้เห็นร่างผอมบางในชุดเสื้อไหมพรมเปิดใหล่ขณะที่สายตากำลังจดจ้องอยู่กับกระดานวาดรูป.. มือเล็กร่างดินสอลงบนกระดาษสีขาวอย่างชำนาญ หากแต่ดูไม่สนใจคนที่พึ่งตื่นเลยสักนิด

     

    ............

    ชางมิน..พี่นายตื่นแล้ว ร่างเล็กตะโกนเรียกใครอีกคนที่อยู่ในครัวก่อนจะโยนกระดานวาดรูปทิ้งลงบนเตียงอย่างไร้เยื่อใยจนคยูฮยอนต้องขมวดคิ้ว

     

    โอเคๆ เสร็จแล้ว เสียงตะโกนกลับมา ไม่นานนักร่างสูงก็เดินออกมาพร้อมกับอาหารเที่ยงที่ส่งกลิ่นหอมน่าทาน คยูฮยอนมองตามน้องรหัสที่เดินมาจับมือเขาให้ลุกขึ้นจากเตียงในขณะที่เขากำลังพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

     

    ทานข้าวกันครับ ไหล่บางถูกดันให้นั่งลงบนเก้าอี้เป็นเชิงบังคับพร้อมกับใครอีกคนที่เดินมานั่งฝั่งตรงข้าม ใบหน้าขาวซีดที่ดูไร้มนุษย์สัมพันธ์นั้นทำให้เขานึกถึงตัวเองเวลานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับซีวอน..

     

    ผมพึ่งหัดทำข้าวผัดกิมจิครั้งแรก.. พี่ทานเยอะๆ นะครับ ชางมินพูดพลางนั่งลงข้างๆ ร่างโปร่งก่อนจะรินน้ำให้

     


     

    เราพึ่งหัดทำบิบิมบับครั้งแรก รสชาติอาจจะแปลกๆบ้าง แต่เราลองชิมดูแล้วนะ





    มือเรียวหยุดชะงักก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ ชางมินเอาแต่คีบอาหารใส่ชามของเขาอยู่อย่างนั้น

    .............

    เมาค้างเหรอเป็นร่างบางที่เอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่ทนเห็นสภาพพี่รหัสของรูมเมทไม่ไหว

     

     

    อาการพูดไม่ออกแบบนี้.. ไม่ใช่เพราะเมาค้างหรอก

     

     

    เปล่า

    ปวดหัวรึเปล่าครับ? ทานข้าวเสร็จแล้วทานยาแก้ปวดสักหน่อยนะ เดี๋ยวผมไปส่งที่หอ ร่างสูงถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยหากแต่ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของคยูฮยอนดีขึ้นแม้แต่น้อย

    พี่ไม่เป็นไร ขอบใจนะ

    แน่ใจนะครับ? ถ้าไม่ไหวบอกผมนะ

    คยูฮยอนพยักหน้าเบาๆ

     

     

    เป็นอีกครั้ง.. ที่โจคยูฮยอนมองเห็นซีวอนในร่างของชางมิน..

     

     

    เมื่อคืนนายน่าจะไปด้วยกันนะ..อ่า..ผมลืมแนะนำไปเลย.. นี่รูมเมทผมจางฮยอนซึง ส่วนนี่พี่คยูฮยอนพี่รหัสเราเอง

     อืม ร่างบางตอบสั้นๆ ก้มหน้าก้มตากินโดยที่ไม่สนใจคนอื่นเลยแม้แต่น้อย

    เมื่อคืนพี่รหัสนายก็ไปนะ

    แล้วยังไง

    นายน่าจะทำความรู้จักกับพี่รหัสไว้บ้าง เพราะยังไงนายก็ต้องพึ่งเขานะ ชางมินพูด

     

     

    เด็กคนนี้เรียนนิเทศฯ เหรอ?

    อย่างนี้นี่เอง..ถึงว่าล่ะไม่เคยเห็นหน้า

     

     

    ไม่จำเป็น มีแล้วทำให้ฉันได้เกียรตินิยมรึเปล่าล่ะ น้ำเสียงเย็นชาจนคนได้ฟังอย่างคยูฮยอนยังรู้สึกแย่.. แต่พอหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วยิ่งรู้สึกประหลาดใจ

    ชางมินยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้นถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเย็นชาสักแค่ไหน.. ร่างสูงเอาตะเกียบตีหัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ พร้อมกับหัวเราะออกมา

    ไปเถอะน่า..เมื่อคืนรุ่นพี่จุนฮยองก็ถามถึงนายอยู่

    หุบปากเถอะชิมชางมิน เวลากินข้าวใครเค้าใช้ให้นายเอาตะเกียบมาฟาดหัวคนอื่น..มารยาทน่ะมีไหม

    โอเคๆ ฉันขอโทษ~ จะไม่พูดเรื่องพี่รหัสนายอีกแล้วก็ได้

     

     

    คยูฮยอนนั่งก้มหน้าลงเมื่อเหตุการณ์ตรงหน้ามันช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน..

     

     

    หนึ่งคนเย็นชา..

    อีกหนึ่งคนเอาเสียงหัวเราะเข้าสู้..

     

     

    สนใจแต่พี่รหัสของนายก็พอเถอะ ร่างบางส่งสายตาพิฆาตมายังรูมเมทจอมกวนประสาท.. บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าพูดถึงพี่รหัส.. จางฮยอนซึงไม่อยากมีเลยสักนิด

    ล้อเล่นนิดหน่อยเอง ใช่ไหมครับ? หันมายิ้มให้กับคนข้างๆ อีกครั้ง..

     

     

     

    มีคำถามที่อยากถาม.. แต่ก็กลัวว่าจะทำให้อีกคนรู้สึกแย่

     

     

     

     

    ซีวอน

     

     

     

     

    คนๆ นี้เป็นใคร.. ทำไมคยูฮยอนถึงได้เพ้อถึงเขาขนาดนั้น..

     

     

     

    อือ....

    เป็นอะไรครับ อยากอ้วกเหรอ?ร่างสูงหันกลับไปถามคนเมาที่อยู่บนหลังก่อนจะกระชับตัวอีกฝ่ายไว้ก่อนที่จะหงายหลังหัวทิ่มทั้งคู่ไปซะก่อน

    ซี..

    ครับ? เงี่ยหูตั้งใจฟังคนเมาที่เอาแต่งึมงำในลำคอ.. นี่ก็ดึกมากแล้ว ใจจริงก็อยากไปส่งคยูฮยอนที่หอพักหรอกนะ.. แต่ปัญหาคือเขาไม่รู้ว่าหอพักของคยูฮยอนนั้นอยู่ที่ไหนน่ะสิ

     

     

     

     

    ซีวอน..

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันเอากลับไปทำต่อเอง ร่างบางพูดกับคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาปั่นงานอยู่ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับเก็บของเข้ากระเป๋าตัวเองไปด้วย คยูฮยอนเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ทำหน้าเบื่อโลกเต็มทีก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย

     

    ทำไมล่ะ

    นายไม่เมื่อยมือรึไงเล่า.. เขียนไปตั้งเท่าไหร่แล้ว หยุดๆ เลิกเขียนแล้วกลับห้องไปนอนซะ มือเล็กแย่งปากกามาก่อนจะเก็บสมุดรายงานและหนังสือเองเสร็จสรรพ.. เปิดเทอมมาสองเดือนแล้วแต่งานเยอะจนแทบไม่มีเวลาว่าง ไม่ว่าจะเป็นงานกลุ่มหรืองานเดี่ยว

     

    นี่ก็เกือบสองทุ่มแล้ว แต่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของอีทงเฮ ทั้งที่ปกติจะต้องมานั่งรอเขาแล้ว.. แต่นี่อะไร จะหายไปไหนก็ไม่มีบอกกันก่อน

     

     

    ไม่ใช่ว่าอยากให้ทงเฮมารับหรอกนะ แต่ถ้าไม่รอ..คนเอาแต่ใจก็จะโกรธอีก

     

     

    แล้วนายล่ะ จะรอทงเฮเหรอ?

    ไม่รอแล้ว ก็กลับพร้อมๆ กันนี่แหละ พยายามเก็บอาการให้มากที่สุด ไม่อยากให้คยูฮยอนเห็นว่าเขาน้อยใจทงเฮสักแค่ไหน

    โอเค งั้นก็รีบปั่นให้เสร็จละ ต้องส่งพรุ่งนี้แล้วอย่าทำตัวเป็นภาระนะ มือเรียวลูบหัวอีกคนราวกับลูกหมาก่อนจะลุกขึ้นเดินไป ปล่อยให้อีกคนมองค้อนอย่างเคืองๆ อยู่ตรงนั้น

     

    ริมฝีปากบางเม้มเน้นก่อนจะชะเง้อมองไปยังถนน ยังคงรออยู่อย่างนั้นถึงจะไม่เห็นแม้แต่เงาของอีทงเฮ

     

     

    อีกสิบห้านาที..

    จะรอนายแค่สิบห้านาทีเท่านั้นนะอีทงเฮ..

     

     

     

    จนกระทั่ง..

     

     

     

    เวลาผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง.. แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของอีทงเฮ

    ..ไม่มีแม้กระทั่งข้อความบอกว่าจะไปไหน

     

     

    แล้วอย่ามาโวยวายทีหลังแล้วกัน ร่างบางบ่นอุบอิบพร้อมกับสะพายกระเป๋าแล้วถอนหายใจ ก็รู้ว่าอีทงเฮไม่ใช่คนใจดีขนาดที่จะส่งข้อความมาบอกว่าจะไปไหนมาไหน แต่ถึงอย่างนั้นอีฮยอกแจก็ยังคงหวังอยู่ลึกๆ

     

    หวังว่าสักวันอีทงเฮจะทำดีกับเขาบ้าง..

     

     

     

     

     

    เอี้ยดดดด...

     

    รถมินิสกู๊ตเตอร์สีขาวจอดลงข้างๆ ฟุตบาทก่อนที่ร่างบางจะหยุดเดินแล้วหันไปมองเจ้าของมอเตอร์ไซคันเล็กพลางขมวดคิ้ว

     

    เฮลโล๊~”

    ว่าไงไอ้แสบ ร่างบางมองหน้าน้องรหัสก่อนจะยิ้มออกมาเพียงแค่เห็นหน้าซนๆ ของอีกฝ่าย

    พึ่งแวะไปส่งสาวมากำลังจะกลับหอ..ผ่านมาเห็นสาวน้อยกำลังเดินคอตกท่ามกลางความมืดก็เลยแวะมาทักทาย~” พูดพร้อมกับทำสีหน้าท่าทางประกอบไปด้วยจนคนเป็นพี่เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ต้องผลักหัวแรงๆ ไปสักที

    ใครพี่สาวนาย เดี๋ยวเถอะ

    อะไรเล๊า~ แค่ล้อเล่นเอง..มามะ มาซ้อนท้ายขวัญใจช่างภาพแห่งคณะนิเทศศาสตร์ดีกว่า เพิ่มเรตติ้ง พูดพร้อมกับตบเบาะหลังปุๆ แต่อีกฝ่ายยืนกอดอกช่างใจไม่ยอมขึ้นซ้อนท้ายตามคำขอ

    เป็นถึงน้องรหัสพี่ น่าจะคว้าตำแหน่งเดือนคณะมากกว่านะร่างบางตัดสินใจขึ้นซ้อนท้ายพร้อมกับโอบเอวร่างสูงไว้ คนหน้าตี๋หันมายิ้มตาปิดเหมือนกับทุกครั้งก่อนจะสตาร์ทมอเตอร์ไซคู่ใจ

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    ดินสอ EE ถูกถือค้างไว้อยู่อย่างนั้น ดวงตาเหม่อลอยมองออกไปยังเป้าหมายหน้าคณะ รูปปั้นที่ตั้งใจว่าจะวาดตั้งแต่เมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว แต่บัดนี้บนหน้ากระดาษสีขาวยังคงมีเพียงแค่ลายเส้นจางๆ ที่ถูกลบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

    เขายังคงนั่งอยู่บนบันไดทางเดินถึงแม้ว่าคนอื่นจะทยอยกลับหอพักกันไปเกือบหมดแล้วก็ตาม.. ด้วยความที่ไม่มีพื้นฐานเรื่องวาดรูปเหมือนคนอื่นๆ ถึงได้พยายามมากขึ้นเป็นสองเท่า

     

     

    ทำไมถึงเรียนคณะนี้

    ผม..ผมอยากเป็นจิตกรครับ

    แล้ววาดรูปไม่เป็นเนี่ยนะ? นายคิดว่ามันง่ายเหรอ?

    เปล่าครับ..ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น..

    ถ้าคิดแต่ว่าอยากเป็น..แต่ไม่เคยพยายามก็ออกไปเรียนคณะอื่นเถอะ

     

     

    ยังคงจำคำพูดของพี่รหัสได้เป็นอย่างดี.. ถึงวันนั้น อีซองมิน จะนั่งร้องไห้เพราะได้ยินคำพูดเสียดแทงใจของ อีทงเฮ สักแค่ไหน.. แต่ก็ต้องเข้มแข็งถ้าเกิดอยากเดินตามความฝันตัวเอง

     

     

    ให้แรงกดดัน..เป็นแรงผลักดันจะดีกว่า..

     

     

    นั่งมองอย่างเดียวแล้วงานจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างไหม? เสียงของใครอีกคนทำให้ร่างอวบสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองต้นเสียง

    ใบหน้าหล่ออยู่ห่างเพียงคืบเพราะร่างหนาที่นั่งลงบนขั้นบันไดชั้นสูงกว่าก่อนจะโอบอีกฝ่ายจากทางด้านหลังพร้อมกับจับมือเรียวที่ถือดินสอขึ้นมาชี้ไปข้างหน้า

     

    เห็นรึเปล่า? กระซิบข้างหูเบาๆ ขณะที่สายตายังคงเพ่งมองอยู่ที่ปลายดินสอ ดวงหน้าหวานขึ้นสีน้อยๆ รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากมือพี่รหัสที่เขากลัวนักกลัวหนา

    แค่ตั้งใจอย่างเดียวมันไม่พอหรอก ถ้านายมัวแต่ดูถูกตัวเอง..รูปที่ออกมามันก็จะเป็นเพียงแค่เศษกระดาษที่เคยถูกขีดเขียนลงไปเท่านั้น เสียงทุ้มนุ่มทำเอาหัวใจที่เหี่ยวเฉาเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก.. ทั้งที่ก่อนหน้านี้อีทงเฮดูน่ากลัวขนาดที่ซองมินไม่กล้าเดินเข้าไปทักทายแท้ๆ แต่ทำไมวันนี้ถึง..

     

    ขอบคุณครับ..

    จำไว้นะ ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ นายก็ต้องตั้งใจทำมันออกมาให้ดีที่สุด เข้าใจแล้วใช่ไหม? ร่างหนามองดวงหน้าหวานที่พยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะหันไปเห็นใครบางคนนั่งซ้อนท้ายผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เขาผ่านหน้าคณะไป

     

    “………”

    นาย

    ครับ..

    อย่ากลับดึกนักล่ะ พูดพร้อมกับยันตัวลุกขึ้น สวมเสื้อแจ๊กเกตสีดำทั้งที่สายตายังคงมองตามมินิสกู๊ตเตอร์คันนั้นอยู่

    พี่จะกลับแล้วเหรอครับ

     

     

     

     

     

    อืม..มีธุระต้องไปสะสางสักหน่อย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ระหว่างทางกลับหอถึงแม้ว่าเฮนรี่จะชวนคุยอยู่ตลอด แต่ความรู้สึกน้อยใจก็ยังคงมีอยู่.. เมื่อกี้ตอนผ่านหน้าคณะศิลปกรรมก็อดมองไม่ได้.. ถึงรู้ดีว่ามีเปอร์เซ็นต์น้อยที่จะเห็นอีทงเฮ..แต่ก็ยังมองหาเขา

     

     

    และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ใช่.. ฮยอกแจเห็นทงเฮตามที่คาดหวัง..

     

     

     

    แต่ทงเฮไม่ได้อยู่คนเดียว..

     

     

    มือเล็กกำเสื้อร่างสูงไว้แน่นพลางก้มหน้าลง.. ภาพที่เห็นมันบีบหัวใจเกินกว่าจะทนมองต่อไปไหว..

    มือแกร่งกุมมือพี่รหัสไว้ข้างหนึ่งเป็นเชิงปลอบใจขณะที่มืออีกข้างก็ยังคงใช้ขับรถ เขาก็ดีแต่บ้าบอไปวันๆ ปลอบใจใครไม่ค่อยเป็นนักหรอก

     

    จอด

     

    ทั้งคู่หันไปมองใครอีกคนที่ขับเวสป้ามาเทียบข้างๆ ฮยอกแจหรี่ตามองเพราะความมืดที่ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ชัดเจนขึ้น

     

     

    ทงเฮ..

     

     

    กูบอกให้จอดไง ยิ่งหงุดหงิดเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นมือของอีฮยอกแจที่ถูกใครหน้าไหนไม่รู้กุมเอาไว้

    นี่ใครอ่ะ เพื่อนพี่เหรอ? ร่างสูงหันไปถามพี่รหัสที่เบือนหน้าหลบไปอีกทาง เห็นอย่างนี้ก็กลัวโดนต่อยเหมือนกันนะ

    ไม่ใช่.. ขับต่อไปเถอะ

    กูบอกให้จอดไง หูแตกเหรอ? เฮนรี่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อน้ำเสียงอีกคนดูน่ากลัวเป็นเท่าตัว

    เอาไงดีพี่

    “………”

    อีฮยอกแจ..เอามือออกเดี๋ยวนี้ น้ำเสียงเชิงบังคับทำให้ร่างบางหันกลับมามองอีกฝ่ายด้วยแววตานิ่งเฉย

     

     

     

    มาเพราะหวงก้างเหรอ?

    ทำไมไม่กลับไปพลอดรักกันต่อล่ะ

     

     

     

    มึงจะไม่จอดสินะ?

    โอเคๆ ผมจะจอดเดี๋ยวนี้แหละ ใจเย็นๆ สิ ร่างสูงพูดพร้อมกับกำเบรกมือ

     

    รถมินิสกู๊ตเตอร์จอดลงข้างฟุตบาทก่อนที่ร่างบางจะลงจากรถแล้วเดินหนีไปโดยที่ไม่สนใจคนที่ตามมาเลยแม้แต่น้อย..

    อีทงเฮถอนหายใจฟึดฟัดนึกโมโหก่อนจะดับรถแล้ววิ่งตามร่างบางที่เอาแต่เดินจ้ำอ้าวหนีเขาแล้วปล่อยให้เด็กหน้าตี๋ยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้น

     

    จะไปไหน? มือหนากุมข้อมือเล็กไว้เพื่อให้อีกคนหยุดอยู่กับที่ ทงเฮมองแผ่นหลังบางของอีกฝ่ายที่ไม่ยอมหันมามองหน้าเขาพร้อมกับถอนหายใจออกมา

     

     

     

    ฮยอกแจโกรธ..ทงเฮรู้..

     

     

     

    ตอนแรกก็คิดว่าจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วจะได้รีบไปรับ แต่อาจารย์ดันเรื่องมากไล่ให้ไปแก้อยู่นั่นแหละ ทั้งโมโหอาจารย์ ทั้งโมโหหิว ไหนจะแบทหมดอีกจะโทรบอกฮยอกแจก็ไม่ได้ด้วย

    แต่ถึงอย่างนั้นมันใช่เรื่องที่ฮยอกแจจะต้องนั่งรถไปกับคนอื่นเหรอ? อีกทั้งกอดเอวคนอื่นที่ไม่ใช่เขาด้วย มันน่าโมโหไหมล่ะ

     

     

    อีฮยอกแจ

    ไม่ได้ยินที่เรียกเหรอไง?

     

     

    ยังจะเอาอะไรอีก นี่ก็มาหาแล้วไง? จะงอนอะไรนักหนา

     

     

    “…….”

     

     

    ทงเฮรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังตัวสั่นสะท้านพร้อมกับเสียงสะอื้นเบาๆ และนั่น..มันทำให้คนปากดีอย่างอีทงเฮพูดไม่ออก..

     

     

    เป็นอะไรไปอีทงเฮ.. ทำอย่างกับว่าไม่คุ้นชินกับน้ำตาหมอนี่งั้นแหละ

    ทั้งที่ผ่านมานายเคยสะใจมากไม่ใช่เหรอ เวลาที่ทำให้อีกฝ่ายร้องไห้ได้..

     

     

    ........

    ........ ไม่มีคำพูดพล่อยๆ หลุดออกมาจากปากอีทงเฮอีก.. มีเพียงแค่อ้อมกอดอุ่นๆ จากทางด้านหลังเท่านั้น.. ร่างหนาเอาเกยคางบนไหล่บางพร้อมกับกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้น..มือหนากุมมืออีกฝ่ายเอาไว้แน่น และนั่นยิ่งทำให้ฮยอกแจปล่อยโฮออกมา

     

     

     

     

     

     

     

     

    ขอโทษ

    แค่ประโยคเดียวเท่านั้น.. ที่ติดอยู่ในปาก..

    ถ้าพูดออกมาไม่ได้.. ก็ให้อ้อมกอดนี้เป็นคำปลอบใจแทนแล้วกัน

     

     

     
















     
      

     

     





     

     

    Talk  with  Writer

     

    โคตรจะเอื่อยยยยยยยยยยยยย ต้องเข้าใจนิดนึงนะคะ
                  ว่าคยูฮยอนอยู่ในช่วงเปลี่ยว แบบมันเป็นช่วงเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว
                  โดยที่ไม่เหลือใคร

    นี่มันฟิควอนคยูที่ทรมานคยูฮยอนมากๆ

    พาร์ทนี้มัน ชางมินคยู + เฮอึน ชัดๆ

     

    สืบเนื่องจากตอนนี้มันยาวเกินไป เลยต้องหั่นเป็นสองตอนอีกแล้ว

    Orz .. ฟิคเรื่องนี้จะจบที่ตอนไหน .. ใครช่วยบอกที .. 55555555555555555555

                           ปล.ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็รออ่านตอน 15 ได้ในค่ำคืนนี้ค่ะ
                        (ขีดเส้นใต้คำว่า ถ้า แล้วทำหน้าแอ๊บแบ๊ว)

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×