ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu ft.HaeEun | Ex-friend "แฟนเก่า"

    ลำดับตอนที่ #15 : Diary หน้าที่ 13 : คิดถึง..

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.63K
      20
      29 ก.ค. 54

     

     

     

    [ฟังเพลง คิดถึง – Peacemaker ด้วยจะได้ฟีลมาก -.-]

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ถ้าทุกอย่าง..

    มันเป็นแค่เรื่องโกหกก็คงดี..

     

     

     

     

     

     

     

    แสงแดดยามเช้าสอดส่องเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามถึงแม้ว่าเทียนหอมที่วางประดับไว้ทั่วทั้งห้องจะละลายหายไปหมดแล้ว..

     

     

    ร่างโปร่งนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนพื้นปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้จุดหมาย.. ดวงตาเรียวจ้องมองมือถือที่วางอยู่บนพื้น นั่นทำให้เขานึกถึงเรื่องราวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้..

     

     

     

     

     

    "นี่เพื่อนซีวอนหรอกเหรอ.. อ่า.. พ่อพึ่งส่งเขาขึ้นเครื่องไปเมื่อกี้นี้เอง.."

     

    ความจริงพ่อว่าจะให้เค้าไปอาทิตย์หน้าตามกำหนดนั่นแหละ แต่พอมาคิดดูแล้ว..ให้เขาไปทำความคุ้นเคยที่นู่นก่อนพ่อว่าคงดีกว่า

     

     

     

     

     

     

     

     

    ซีวอนไม่ได้บอกเหรอ.. ว่าเขาได้ทุนไปเรียนที่อังกฤษ

     

     

     

     

     

    บอกเหรอ..

     

     

     

     

    มือเรียวเอื้อมไปจุดเทียนเล่มสุดท้ายที่ยังไม่ละลายหายไปตามกาลเวลาเหมือนกับเทียนเล่มอื่น.. เทียนสีขาวส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้องก่อนที่หยาดน้ำใสจะใหลออกมาอีกครั้ง..

     

     

     

    ถ้าเทียนหอมที่ละลายไปทั้งหมดส่องแสงสว่างพร้อมๆ กันในเวลาค่ำคืน..

    มันคงสวยกว่านี้..

     

     

     

    ถ้าผมมาเร็วกว่านี้.. ผมคงเห็นซีวอนยืนถือช่อดอกไลแล็คอยู่ในมือแล้วเดินเข้ามาหาผมช้าๆ แสงสว่างสีส้มจากแสงเทียนนั้นคงทำให้ผมได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและแววตาที่อ่อนโยนของเขาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

     

    ซีวอนคงยื่นช่อดอกไม้มาให้ทั้งที่สายตาของเขายังคงจดจ้องใบหน้าผมอยู่อย่างนั้น..

     

     

     

    ฮึก..ฮือ.. ไดอารี่เล่มสีขาวถูกกอดไว้แนบอกก่อนที่คยูฮยอนจะปล่อยโฮออกมาเงียบๆ ริมฝีปากบางเม้มแน่นสะกัดกั้นอารมณ์ตัวเองเพื่อไม่ให้ฟูมฟายไปมากกว่านี้..

     

     

    ความผิดของใครเหรอคยูฮยอน..

    มาร้องไห้เสียใจอาลัยอาวรณ์ตอนนี้ทำไม..

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา..นายเองไม่ใช่เหรอ..ที่เป็นคนผลักไสให้เขาไปไกลๆ

     

     

     

    แบบนี้ไม่ใช่เหรอที่ต้องการ..

     

     

     

    โกรธตัวเอง.. โกรธตัวเองเหลือเกิน..

    ต้องให้เขาไปก่อนใช่ไหมถึงจะรู้สึก..

     

     

     

    ขอโทษ..

    ขอโทษ..

    ขอโทษ..

     

     

     

    ประโยคเดียวที่ดังก้องอยู่ในหัว.. ขอโทษที่ปฏิเสธหัวใจตัวเอง.. ขอโทษที่ผลักไสความรักของซีวอน..

     

     

     

     

    ขอโทษที่ไม่กล้าเดินไปข้างหน้าด้วยกัน..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    จะไปไหน?เสียงตะโกนเรียกไล่หลังทำให้เรียวขาเล็กหยุดอยู่กับที่แล้วหันไปมองต้นเสียง.. ร่างหนาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกคนก่อนจะก้มมองกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่อยู่ในมือ ฮยอกแจซ่อนกระเป๋าไว้ข้างหลังก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเฉยชา

     

     

    ถามทำไมไม่ตอบ

    ไม่ต้องมายุ่ง

    หืม? มือหนาคว้ากระเป๋าใบเล็กที่ถูกซ่อนอยู่ข้างหลังมาหน้าตาเฉยทำเอาร่างเล็กเลิกคิ้วมองด้วยความไม่พอใจ

    ก็บอกว่าไม่ต้องมายุ่งไง.. นี่! อีทงเฮ! นายจะไปไหนน่ะ เอากระเป๋าฉันมานะ!” ร่างบางเดินตามอีกคนที่แย่งกระเป๋าเขาไปหน้าด้านๆ แถมสตาร์ทรถเวสป้าสีดำก่อนจะหันมายื่นหมวกกันน็อคให้อีก

    เสียงนายมันน่ารำคาญมากรู้ตัวไหมอีฮยอกแจ? คิ้วหนาขมวดเป็นปมมองคนตรงหน้าที่ยืนทำหน้าหงิก

    ฉันไม่รู้ เอากระเป๋าคืนมา มือเล็กยื่นไปข้างหน้าหวังว่าอีกฝ่ายคงคืนกระเป๋าให้

     

    อย่ามาเผด็จการ.. อีฮยอกแจใจแข็งพอที่จะปฏิเสธอีทงเฮแล้วนะ

     

    อ๊ะ!” ร่างบางหลับตาปี๋เมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาใส่หมวกกันน็อคให้ซะดื้อๆ มือแกร่งดึงข้อมือเล็กให้เข้ามาใกล้พร้อมกับจ้องหน้า

     

     

     

    ฉันจะไปส่ง

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    ความรู้สึกน่ะ..

    ถ้าไม่พูดออกมา..อีกฝ่ายก็ไม่มีทางรับรู้ได้หรอก..

     

     

     

     

     

    ตื้ดดดดดด...

     

    มาแล้วๆ เสียงหวานตะโกนบอกคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านพร้อมกับวิ่งมาเปิดประตู

    อ้าว..คยูฮยอนกลับมาแล้วเหรอลูก หญิงสาวในชุดผ้ากันเปื้อนยิ้มกว้างเมื่อเห็นลูกชายเพียงคนเดียวของเธอยืนอยู่ตรงหน้า มือเรียวเอื้อมขึ้นมาลูบใบหน้าเนียนของลูกชายพร้อมกับสำรวจทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงแม้ขอบตาร่างโปร่งจะแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างน้อยลูกชายของเธอก็ไม่โทรมเหมือนลูกชายคนข้างบ้านที่เอาแต่ทำโปรเจคจนไม่มีเวลาพักผ่อนล่ะนะ

    แม่ครับ.. คยูฮยอนโผเข้ากอดผู้เป็นแม่พร้อมกับซุกหน้าลงกับไหล่เล็ก.. มือเรียวกอดรัดร่างบางไว้แน่นราวกับว่าจะให้สัมผัสที่อบอุ่นนี้ชะล้างความรู้สึกเจ็บปวดที่เกาะกุมอยู่ในหัวใจออกไป..

     

     

     

     

    กระเป๋าเป้ถูกวางไว้บนเตียงที่เขาเคยนอนตั้งแต่วัยเด็ก.. ร่างโปร่งเปิดผ้าม่านสีเขียวออกก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง

     

    ช่วงระยะเวลาสิบห้าวันของการปิดเทอมแรกที่ต้องอยู่ที่นี่.. ไม่มีใครคอยจับผิด ไม่มีใครคิดร้ายหรือทำให้เสียใจ.. มีแต่บ้านที่ให้ความอบอุ่นถึงแม้ว่าครอบครัวของเขาจะไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันมาหลายปีแล้วก็ตาม

     

    ทั้งที่ควรลงไปข้างล่าง..นอนตักแม่แล้วอ้อนขอให้ทำของโปรดให้ทานในมื้อเย็นแท้ๆ.. แต่ทำไมเรื่องของซีวอนยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเพียงแค่คิดว่าเขาจะไม่กลับมาอีก..

     

    ห้อง 1013 ที่คยูฮยอนมีชเวซีวอนเป็นรูมเมท.. ในตอนนี้..มันไม่มีอีกแล้ว..

     

    ทั้งที่คิดว่าขอแค่มีเขาอยู่ข้างๆ ก็พอ.. ไม่ต้องแสดงความรักเหมือนอย่างเคยเพียงเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้.. มันเป็นความคิดตื้นๆ ของคนโง่ที่เอาแต่ปิดกั้นตัวเอง..

     

     

    กลัวสายตาของคนรอบข้าง.. ทั้งที่สิ่งที่ทำอยู่มันก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนมองตัวเขาดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย..

    ซีวอนยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อที่จะกลับมาหาเขา.. ยอมเป็นคนไม่ดีในสายตาคนอื่นเพื่อหัวใจตัวเอง

    แต่สิ่งที่ซีวอนได้รับจากเขามันคืออะไร.. นอกจากความเจ็บปวดซ้ำๆ ที่คยูฮยอนมอบให้..

     

     

     

    คนอย่างคยูฮยอน..ก็เป็นได้แค่คนขี้ขลาดเท่านั้นแหละ..

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

    อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับนะจ๊ะ

     

    บนโต๊ะอาหารที่มีญาติมากหน้าหลายตานั่งอยู่รอบโต๊ะ.. อีทงเฮเหลือบมองไปรอบๆ ขณะที่นั่งหลังตรงเพราะบรรยากาศมันบังคับ..

     

    นั่นก็คงพ่อ.. ที่ตักข้าวให้อยู่นี่ก็คงเป็นแม่.. ที่ถือกับข้าวมานั่นก็คงเป็นพี่สาว.. แล้วไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยกที่นั่งทำตาแป๋วอยู่ข้างๆ นี่ก็คง..

     

     

    ...........

    พ่อฮะ~ พี่คนนี้เค้าเป็นใครเหรอฮะ~” เสียงเล็กเอ่ยถามผู้เป็นพ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ฝั่งตรงข้าม.. ร่างสูงใหญ่ลดหนังสือพิมพ์ลงก่อนจะขยับแว่นสายตาพลางมองไปยังคนที่ได้ชื่อว่าเป็นรูมเมทของลูกคนกลางที่ดูยังไงก็ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด

     

    พี่เค้าพูดไม่ได้เหรอฮะ

    พี่โซราฮะ~ พี่เค้าพูดไม่ได้แบบนี้จะกินข้าวได้ยังไงล่ะฮะ~”

    แทมิน.. ฮยอกแจปรามน้องชายวัยห้าขวบที่เอาแต่ถามไม่หยุดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าร่างหนาที่กำลังแสดงสีหน้าอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด

     

     

    ก็แน่ล่ะ.. คนอย่างอีทงเฮคงไม่คุ้นชินกับอะไรที่มันเป็นระเบียบนักหรอก

     

     

     

    ชื่ออะไร? ร่างหนาสะดุ้งเล็กน้อยขณะที่กำลังจะคีบเนื้อเข้าปาก ใบหน้าคมเงยขึ้นสบตากับตาแก่หน้าโหดก่อนจะหันไปมองหน้าฮยอกแจที่นั่งอยู่ข้างๆ

    ทงเฮครับ อีทงเฮ

    อายุเท่าไหร่?เอ่ยถามต่อโดยที่ไม่เว้นช่องว่างให้อีกฝ่ายได้หายใจเลยแม้แต่น้อย

    สิบเก้าครับ ตอบฉะฉาน ก็เอาสิ.. คนแก่ก็คนแก่เถอะวะ อีทงเฮไม่เคยกลัวอยู่แล้ว

    เรียนช้าหรือไง?

    ใช่ครับ ผมย้ายมาจากฝรั่งเศสตอนที่เกาหลีเข้าเทอมสองกันแล้ว ร่างหนายิ้มก่อนจะวางตะเกียบลง.. มารยาทในการสนทนา..อีทงเฮก็พอจะรู้มาบ้างแหละน่า

    พ่อครับ ทานต่อเถอะเดี๋ยวทงเฮก็จะกลับแล้ว รู้ว่าทงเฮกำลังลำบากใจกับบรรยากาศในครอบครัวของเขาถึงได้พูดออกไปแบบนั้น เพราะตัวเขาเองก็รู้สึกอึดอัดไม่แพ้ทงเฮเหมือนกัน

     

    เพราะว่าพ่อเป็นทนายความ แม่เป็นครู พี่สาวเป็นหมอ.. ครอบครัวเขาถึงอยู่ในกฎระเบียบตลอด

     

    เรียนคณะอะไร

    ศิลปกรรมครับ

    หืม? ศิลปกรรมงั้นเหรอ? จบไปจะทำงานอะไรล่ะ?

    พ่อ... ฮยอกแจมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างอ่อนใจ.. ขอร้องล่ะ.. อย่าทำให้บรรยากาศมันอึดอัดมากไปกว่านี้เลย

    เยอะแยะไปครับ ผมไม่อดตายหรอก ตอบกวนประสาทจนคนได้ฟังคิ้วกระตุก.. ฮยอกแจก้มหน้าถอนหายใจออกมาในขณะที่แม่และพี่สาวต่างหันไปมองหน้ากันอย่างหนักใจ

     

    โอ๊ะ!” ร่างหนาอุทานออกมาเบาๆ เมื่อไข่เจียวที่กำลังจะเข้าปากดันตกลงบนกางเกงยีนส์ตัวเก่ง ตะเกียบบ้านนี้ลื่นจริงๆ ให้ตายเถอะ

     

    ไข่เจียวที่ตกลงไปถูกคีบขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อถูกใครอีกคนตีมือเข้าให้

     

    ทำอะไรน่ะ มันสกปรกแล้วเห็นไหม? ทงเฮเลิกคิ้วมองพี่สาวคนโตอย่างไม่เข้าใจ อะไรกันวะ? มันตกลงพื้นจะไม่ว่าอะไรสักคำ นี่มันตกใส่กางเกงนะเว้ย!

    ใช่ฮะ ของที่ตกแล้วทานไม่ได้นะฮะ เด็กตัวน้อยเอ่ยเสียงใสหากแต่สร้างความหงุดหงิดให้อีทงเฮเพิ่มมากขึ้น

     

     

    เออดี เป็นโรคอนามัยกันทั้งบ้าน!

     

     

     ทงเฮคงอยากกลับแล้วล่ะครับ.. ป่ะเถอะทงเฮ ฉันจะเดินไปส่งนายหน้าบ้าน ร่างบางกุมมืออีกคนให้ลุกขึ้นยืน.. ขนาดเขายังรู้สึกอึดอัดขนาดนี้.. เทียบกับอีทงเฮคนที่ไม่เคยอดทนกับอะไรได้นานก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้น

     

    จะรีบไปไหนล่ะลูก เพื่อนยังทานข้าวไม่เสร็จเลยนะ ผู้เป็นแม่ถามขณะที่ฮยอกแจกำลังจะลากร่างหนาออกมาจากตรงนั้น

    ........ ฮยอกแจมองหน้าแม่เพียงครู่เดียวก่อนจะหันไปมองคนเป็นพ่อที่จ้องหน้าเขาอยู่.. ไม่ต้องพูดก็เข้าใจว่าพ่อกำลังคิดอะไร

     

     

     

    พ่อไม่ชอบทงเฮ..

     

     

     

    ยังไงก็ค้างด้วยกันที่นี่เลยสิ..ข้างนอกก็มืดแล้ว..ขับมอเตอไซร์กลับมันอันตรายคำพูดที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากปากผู้เป็นพ่อทำให้ทุกคนต่างหันไปมองอย่างประหลาดใจไม่เว้นแม้กระทั่งคนเป็นภรรยา

     

    พ่อ..

    .......... มือหนาขยับแว่นก่อนจะกลับไปสนใจกับหนังสือพิมพ์เช่นเดิม

     

     

     

    ทั้งที่พ่อไม่ชอบคนแบบนี้ แต่ทำไมถึงได้ยอมให้อีทงเฮค้างที่บ้านกันนะ

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    พ่อนายนี่..ทำฉันกลัวนะ

    คนอย่างนายเคยกลัวอะไรด้วยเหรอไง สวนกลับจนอีกคนพูดไม่ออก มันก็จริงอย่างที่ฮยอกแจพูด คนอย่างอีทงเฮไม่เคยกลัวอะไรก็จริง แต่บรรยากาศเมื่อกี้มันทำให้เขารู้สึกอึดอัด ไม่เป็นตัวของตัวเองแปลกๆ

    ทำอย่างกับว่าฉันจะมาขอลูกชายบ้านนี้งั้นแหละ.. ร่างบางหันกลับไปมองคนที่นั่งโยนลูกแอปเปิ้ลอยู่บนเตียงขณะที่กำลังเลือกเสื้อผ้าให้ตัวปัญหาอยู่

    ที่พ่อถามเพราะนายดูท่าทางไม่น่าไว้ใจต่างหากล่ะ จิ๊ปากเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะหันกลับไปเลือกเสื้อผ้าต่อ แม้ว่าในใจเขาของจะคิดอย่างนั้นก็ตามทีเถอะ

     

     

    หรือพ่อนายจะดูออกว่าเรา..

     

     

    หยุดพูดนะ!” ร่างบางชี้หน้าคาดโทษอีกฝ่าย หากคนถูกห้ามกลับทำท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว และดูเหมือนว่าอีทงเฮจะพอใจกับปฏิกิริยาของอีฮยอกแจเป็นอย่างมาก

    ทำไมเล่า..พูดความจริงนี่ผิด?

    .......... ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้ว่าเถียงไปก็เหนื่อยเปล่า ทะเลาะกับอีทงเฮก็เหมือนกับทะเลาะกับถังขยะนั่นแหละ ไม่มีอะไรดีขึ้นแถมส่งกลิ่นให้รู้สึกแย่อีก

     

    ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือหนาสอดเข้าที่เอวบางทางด้านหลังก่อนจะเอาคางเกยไหล่ ใบหน้าหวานขึ้นสีอย่างห้ามไม่ได้ ถึงแม้ว่าทุกอย่างที่ร่างหนาทำนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกก็ตาม

     

     

    ห้องนายสวยดี..ฉันชอบ

     

     

    ริมฝีปากหนากดลงไหล่บางไล่ขึ้นมาถึงใบหูเล็กก่อนจะขบเม้มเบาๆ แกล้งให้คนตัวเล็กสะท้านในอ้อมกอดเล่น.. มือเล็กรั้งมือหนาที่กำลังสอดเข้าไปในเสื้อตัวบางในขณะที่จมูกโด่งสันกดลงที่แก้มเนียนขาวอย่างหลงใหล.. กลิ่นหอมที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนของอีฮยอกแจที่เขาชอบ

     

     

     

    ขอตรงนี้เลยได้ไหม..

     

     

     

     

     

    สำหรับอีฮยอกแจแล้ว.. ไม่ต้องมีคำพูดหวานๆ ก็ได้..

    แค่ไม่พูดจาทำร้ายจิตใจกันก็พอแล้ว..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    มันจริงใช่ไหม?

    ที่ความทุกข์จะอยู่กับเขานานกว่าความสุข?

     

     

     

     

     

     

    ที่มหาลัยเป็นยังไงบ้าง ดวงตากลมโตเอาแต่จ้องลูกชายขณะทานมื้อเย็นกันอยู่ มือเรียวเอาแต่คีบอาหารให้คนตรงหน้าไม่หยุดจนร่างโปร่งต้องเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่

    แม่ครับ ล้นแล้ว

    อ่า..แม่ขอโทษจ๊ะ

    ...ที่ถามหมายถึงอะไรเหรอครับ..เพื่อน..การเรียน..หรือว่ากิจกรรม คยูฮยอนถามพร้อมกับคีบกับข้าวใส่ถ้วยอีกฝ่ายที่มีแต่ข้าวเปล่าไปด้วย.. ก็เพราะว่าแม่เอาแต่ใส่ใจคนอื่นจนลืมตัวเองแบบนี้เสมอ

    ก็โดยรวมแหละจ๊ะ..แม่เห็นลูกชายข้างบ้านเค้าเรียนหนักมากจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน แม่เป็นห่วงกลัวว่าลูกจะเป็นอย่างนั้น

    ไม่หรอกครับแม่ นิเทศฯไม่ได้เรียนหนักเหมือนหมอนี่ครับ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาเพื่อยืนยันให้คนเป็นแม่แน่ใจว่าเขาไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด

     

     

     

    แล้วรูมเมทล่ะจ๊ะ

     

     

    เป็นคำถามที่ไม่อยากได้ยินมากที่สุด.. ในตอนนี้เขาพยายามจะลืมเรื่องราวของซีวอนที่มันยังคงวนเวียนอยู่ในหัว.. ไม่ได้หมายความว่าอยากลืมไปจากชีวิต ก็แค่ไม่อยากทำร้ายจิตใจตัวเองด้วยการเอาแต่นั่งคิดถึงซีวอนและโทษตัวเองไปมากกว่านี้

     

    การเฝ้าคิดถึงใครคนหนึ่งที่เดินจากไปโดยที่ไม่มีคำร่ำลา มันทำให้เขารู้สึกท้อแท้..โหยหาจนไม่มีเรี่ยวแรงที่จะก้าวเดินต่อไป

     

     

    เขา..สบายดีครับ..แล้วก็พึ่งได้ทุนไปเรียนที่อังกฤษน่ะ  คิดอยู่นานกว่าจะตอบคำถามออกไปได้.. ร่างโปร่งหลุบตาลงก้มหน้าก้มตาทานข้าวเพื่อปิดบังแววตา..กลัวว่าแม่จะดูออกว่าเขากำลังเสียใจแค่ไหน

     

    แบบนี้เทอมหน้าลูกก็ต้องอยู่คนเดียวน่ะสิ แล้วเขาไปกี่เทอมจ๊ะ

    ...ผมไม่รู้ครับ...เขาอาจอยู่ที่นั่นจนเรียนจบเลยก็ได้

     

     

    ใช่..

    โจคยูฮยอนไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับชเวซีวอนเลยสักนิด..

     

     

    ถ้าเป็นอย่างนั้นลูกจะต้องมีรูมเมทคนใหม่รึเปล่าล่ะ..ดีจังเลยนะได้ทุนไปเรียนนอกด้วย

    คงไม่หรอกครับ.. แม่ครับ..ข้าวเย็นหมดแล้ว คยูฮยอนพยายามเปลี่ยนเรื่องก่อนที่แม่จะถามอะไรที่มันทำให้เขารู้สึกแย่มากกว่านี้

    โถ่..ลูกน่ะทานเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่หรอก ดูสิมีแต่ของโปรดลูกทั้งนั้นเลยเห็นไหม?

     

     

    เสียงหวานของคนเป็นแม่ยังคงก้องอยู่ในหัว.. หากแต่กลับมีเสียงใครอีกคนซ้อนขึ้นมา..

     

     

     

    เราซื้อของโปรดของคยูฮยอนมาเยอะแยะเลยนะ ทานตอนนี้เลยรึเปล่า

    อร่อยใช่ไหมล่ะ~ ทานเยอะๆ นะ

    ทำไมถึงไม่ชอบทานผลไม้ล่ะ แตงโมอร่อยมากเลยนะ ไม่เชื่อลองชิมดูเลย

    คยูฮยอนอ่า~ เราทานเผ็ดไม่ได้นะ อย่าแกล้งกันสิ...

     

     

     

     

    อ้าว..อิ่มแล้วเหรอลูก? ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมองลูกชายที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืน

    อาหารมื้อนี้อร่อยมากเลยครับแม่..แต่ตาผมจะปิดยังไงก็ไม่รู้สิ..ยาแก้ปวดอยู่ในตู้เหมือนเดิมใช่ไหมครับ? ถึงในตอนนี้จะรู้สึกปวดใจสักแค่ไหนแต่ก็แสดงอาการออกมาไม่ได้.. ยิ่งคิดถึง..น้ำตามันก็พาลจะใหลออกมา..

    ไม่สบายรึเปล่า? ร่างบางลุกขึ้นเดินมาหยุดตรงหน้าลูกชายก่อนจะยกมือขึ้นอังหน้าผากด้วยความเป็นห่วง.. ร่างโปร่งก้มหน้ามองอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มให้

    ผมแค่ปวดหัวเองครับแม่ ได้ยาแก้ปวดซักสองเม็ดก็คงหาย

    เมาค้างรึเปล่า..เมื่อคืนฉลองกันหนักเลยล่ะสิ.. งั้นทานยาแล้วก็เข้านอนเลยนะพรุ่งนี้เช้าแม่จะทำข้าวต้มกุ้งให้ทาน เป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดในสายตาของคนเป็นลูก.. ร่างบางตบแก้มลูกชายเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่ตู้ยา

     

     

     

    จริงๆ แล้ว..

    ผมได้รับความอบอุ่นจากคนรอบข้างมาตลอด..

    แต่ผม..กลับไม่เคยเห็นความสำคัญของพวกเขาเลย..

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    บางครั้ง..

    เสียงเข็มนาฬิกาก็ทำร้ายคนที่รอได้เป็นอย่างดี..

     

     

     

     

     

     

    เออน่า..พี่มาทำงานแถวบ้านแกพอดี แวะมาเจอกันหน่อยเป็นไง

     

    เป็นคำเชิญของพี่รหัสที่ไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่องในช่วงปิดเทอม เพราะอ้างว่าต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง ไม่รู้พูดจริงหรือพูดเล่น.. แต่คยูฮยอนก็ตอบตกลงไปแล้ว

     

     

    อย่างน้อยก็ดีกว่าการนอนฟุ้งซ่านอยู่ที่บ้าน..

     

     

     

    ว่าไงไอ้น้อง!” มือแกร่งขยี้หัวน้องรหัสจนยุ่งไปหมดก่อนจะนั่งลงข้างๆ กล้อง Dslr ตัวเก่งถูกวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับลักยิ้มเสน่ห์ที่สาวๆ ชอบนักชอบหนา

    งานแต่งใครอีกล่ะพี่

    ไม่ใช่งานแต่งว่ะ งานอีเวนท์ทั่วไปแหละ พูดพร้อมกับหันไปกวักมือเรียกพนักงานเสริฟ คยูฮยอนยกน้ำชาขึ้นมาจิบพลางทอดสายตาออกไปข้างนอก

    ............

    คยูฮยอน

    ครับ

    จะทำยังไงต่อไป

    ............ ร่างโปร่งมองหน้าพี่รหัสที่จ้องเขาด้วยแววตาจริงจัง คงไม่ต้องถามแล้วล่ะว่าอีทึกหมายถึงอะไร..

    ผมต้องทำอะไรด้วยเหรอ ดวงตาคู่สวยเบือนหลบไปอีกทาง ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังอ่อนแอแค่ไหน

    ต้องทำว่ะ สำหรับคนขี้แพ้อย่างแก

    ............คยูฮยอนหันไปมองอีกฝ่ายที่พูดแทงใจดำ

    จะปล่อยให้เวลามันผ่านไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่แก้ไขอะไรเลยน่ะเหรอ

    ............

    ถ้าแกรักมันข้างเดียว.. พี่จะไม่พูดเรื่องนี้ซ้ำๆ ซากๆ หรอกนะ

    ..ถ้ายึดติดกับคำว่าแฟนเก่า จนทำให้แกไม่กล้าเริ่มต้นใหม่กับคนๆ เดิมแล้วล่ะก็..

    มันสายไปแล้วครับ..

     

     

     

    ใช่.. มันสายไปแล้ว

     

     

     

    คนอย่างผม..ที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันก็สมควรแล้ว ดวงตาคู่สวยสั่นระริก ดูเหมือนว่าน้ำตาจะรื้นขึ้นมาอีกแล้ว..

     

     

    อ่า.. ผมไม่อยากร้องไห้เลย..

    ผมเหนื่อย.. ผมเกลียดน้ำตาตัวเองเต็มที..

     

     

    ก็เพราะว่าคนเรามัวแต่ยึดติดกับคำว่า แฟน ถึงได้เป็นอย่างนี้ไงล่ะ.. อีทึกเอนตัวพิงกับพนักโซฟาก่อนจะหยิบกล้องคู่ใจขึ้นมาถ่ายมือของอีกฝ่ายที่บีบมือตัวเองแน่นอยู่บนโต๊ะ

    ............

    แค่ความรู้สึกบอกว่าคนนี้ใช่ คนนี้แหละที่อยากอยู่ด้วยมันไม่พอรึไงนะ.. พูดทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองร่างโปร่งเลยแม้แต่น้อย ไม่เข้าใจ..ไม่เข้าใจเลยว่าอีทึกต้องการจะสื่ออะไร

     

     

    สำหรับพี่..แค่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขก็พอ.. ไม่ว่าพี่กับเขาจะอยู่ในฐานะไหนก็ตาม

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    น้องๆ ครับ! ช่วยแยกไปตามหาบัดดี้กันด้วยนะครับ! ขอบคุณมาก! เฮ้ย! พี่รหัสครับสนใจน้องด้วย!” เสียงตะโกนของประธานปีสองท่ามกลางความวุ่นวายของนักศึกษาปีหนึ่งที่กำลังตื่นเต้นกับสายรหัสและบัดดี้..

     

    หนึ่งในนั้นคือ อีทึก นักศึกษาปีหนึ่งคณะนิเทศศาสตร์

     

    สายรหัสอะไรเนี่ย? บ๊วยเค็มกลิ่นมะลิ..ชื่อแม่งเห่ยสัด ริมฝีปากหนาบ่นอุบอิบก่อนจะผงะเมื่อใครอีกคนมายืนอยู่ข้างหน้า

    สายรหัสเดียวกัน

    ....... ร่างโปร่งมองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า.. ถ้าไม่บอกคงคิดว่าเรียนศิลปกรรมนะเนี่ย

    ......เราชื่ออีทึก

    ฮีชอล ตอบสั้นๆ ได้ใจความจนร่างโปร่งหวาดระแวง.. ไหนจะสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร ไหนจะความสวยที่ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปได้อีก

     

     

    และนั่นก็คือครั้งแรก.. ที่อีทึกได้เจอกับคิมฮีชอล

     

     

    พอเวลาผ่านไปเขาทั้งสองคนก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น จากตอนแรกที่ฮีชอลปิดกั้นตัวเองจนอีทึกเหน็ดเหนื่อยกับการต้องทำกิจกรรมกับคนใจแข็ง.. แต่ก็อย่างว่า.. น้ำหยดใส่หินหินมันยังกร่อน..

     

    ไปกินเหล้ากันดีกว่า ชวนฮีชอลด้วยนะเว้ย

     

    ก็มีเพื่อนในกลุ่มแค่สี่ห้าคนเท่านั้นแหละที่สนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ อีกคนที่ขาดไม่ได้เลยก็คือยุนโฮหนุ่มหล่อเดือนคณะนิเทศศาตร์ที่ใครๆ ต่างก็ให้ความสนใจ ยุนโฮให้ความสำคัญกับเพื่อนทุกคนมาก.. ใครที่บอกว่าคนหล่อชอบทำตัวหยิ่งน่ะคิดผิดถนัดเลยล่ะ

     

    ทั้งสามคนสนิทกันมาก จากตอนแรกก็สุภาพอยู่หรอกหลังๆ ก็เริ่มขึ้นกูๆ มึงๆ กันแล้ว ถึงแม้ว่าจะสนิทกันแค่ไหน.. แต่ก็ต้องมีใครสักคนที่พิเศษที่สุดอยู่ดี

     

     

    เพราะว่าเรียนด้วยกันทุกวิชาและชอบอะไรเหมือนๆ กัน

    เพราะว่าอีทึกเข้าใจฮีชอลดีที่สุดและฮีชอลเองก็ยอมอีทึกที่สุด

    เพราะว่าฮีชอลขี้ลืมแต่ก็มีอีทึกคอยเตือนความจำให้อยู่เสมอ

    เพราะว่าอีทึกเป็นคนโทรมาอวยพรเป็นคนแรกในวันเกิด.. ซึ่งมันทำให้ใครบางคนเขินจนเอาหน้าซุกกับหมอน

    เพราะว่าฮีชอลเป็นคนขี้สงสาร แต่บางครั้งก็ใจร้อนจนห้ามลำบาก

    เพราะว่าอีทึกเป็นคนที่ทำให้ฮีชอลรู้จักคำว่าใจเย็น

    และเพราะว่าคิมฮีชอลคือคนที่ทำให้อีทึกรู้ว่า..หัวใจของเขาเป็นของใคร

     

     

     

     

     

    กูชอบฮีชอล

    ............ ในห้องล้างฟิล์มที่เงียบสงบ ร่างโปร่งในชุดนักศึกษายังคงตั้งหน้าตั้งตาล้างฟิล์มอยู่อย่างนั้นในขณะที่ร่างสูงยืนพิงประตูอยู่

     

     

     

    มึงเองก็ด้วยใช่ไหม

     

     

    คำถามแทงใจทำเอาอีทึกตอบไปไม่ถูก..

     

    ....วุ่นวายเวลางานกูนะมึงอ่ะ พยายามเปลี่ยนเรื่องหากแต่ร่างสูงแค่นเสียงหัวเราะแล้วเดินเข้ามากอดคอเพื่อนสนิท

    กูชอบฮีชอล..แล้วกูก็จะจีบเค้า..เพราะว่ากูน่ะอยากเป็นแฟนเค้า ร่างสูงย้ำคำพูดให้ร่างโปร่งได้ยินชัดขึ้นจนคนได้ฟังรู้สึกปวดหนึบตรงหน้าอกข้างซ้ายอย่างบอกไม่ถูก

    แล้วไงวะ จะให้กูไปบอกประชาสัมพันธ์ขอให้เขาช่วยประกาศออกสื่อเหมือนพวกรายการขอแต่งงานเหรอ พูดติดตลกเพื่อไม่ให้อีกคนจับความรู้สึกตัวเองได้.. ทั้งที่ไม่ได้อยากรู้คำตอบเลยสักนิด

    ถ้ามึงไม่ทำอะไรสักอย่าง...จะมาโทษกูไม่ได้นะ

    กูต้องทำอะไรด้วยเหรอวะ?

    แน่ใจว่าไม่อยากทำ?

    มึงชอบมึงก็จีบไปดิ ไม่เกี่ยวอะไรกับกู

     

     

    ที่พูดออกไปแบบนั้น.. ก็เพราะกลัวว่าจะต้องเสียมิตรภาพไป

    ก็รู้มานานแล้วล่ะว่ายุนโฮชอบฮีชอล ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก..แต่ก็ห้ามใจไม่ให้รักเพื่อนตัวเองไม่ได้

     

     

    เพราะถ้าเลือกที่จะรักเพื่อน.. ก็ต้องเสียเพื่อนไป..

    แต่ถ้าหากเลือกที่จะเก็บความรู้สึกเอาไว้.. คำว่า เพื่อน ก็จะยังอยู่กับเราตลอดไป

     

     

     

     

    กูคิดว่ามึงชอบฮีชอลมาตลอดนะเนี่ย

    ......มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก

     

     

     

     

    ทุกประโยค.. ได้ยินชัดเต็มสองหู..

     

     

     

    มือเรียวยกขึ้นปิดปากตัวเองไว้เพื่อกลั้นเสียงสะอื้น.. หยาดน้ำใสใหลรินอาบแก้มทั้งสองข้างราวกับมีใครเอามีดมาทิ่มแทงหัวใจ.. กล่องเค้กสีขาวที่อยู่ในมืออีกข้างถูกวางไว้บนโต๊ะเงียบๆ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะมาเซอร์ไพร์สวันเกิดคนบ้างานกับยุนโฮ.. แต่..

     

     

    ก็ดีเลย ถ้ามึงไม่ได้ชอบกูจะได้ฮีชอลคบวันนี้เลย... ฮีชอล..ได้ยินที่กูพูดทั้งหมดแล้วใช่ไหม? ร่างโปร่งเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงราวกับว่ามันจะหลุดออกมาซะเดี๋ยวนั้นเพียงแค่คิดว่าใครอีกคนยืนฟังอยู่ข้างนอก

    ฮีชอล..?

    ฮีชอล.. ฮีชอล!” ชายหนุ่มทั้งสองเดินออกมาจากห้องล้างฟิล์มก่อนจะเดินหาใครอีกคนไปทั่วห้อง

     

     

    ใบหน้าคมเหลือบไปเห็นกล่องเค้กสีขาวที่ถูกวางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า..

     

     

    สุขสันต์วันเกิด..

    แซงอิล ชุคาเฮ~ อีทึกกี้เพื่อนรัก~ 

     

     

    “…………”

    ไม่เห็นว่ะ โทรหาก็ไม่ติด เมื่อกี้ยังเดินเข้ามาด้วยกันอยู่เลยนะ ยุนโฮพูดพร้อมกับกดโทรหาฮีชอลซ้ำๆ

     

     

    คงไม่ต้องสงสัยอะไรอีก..

     

     

    เดี๋ยวกูมา ร่างโปร่งวางกล่องเค้กลงก่อนจะตัดสินใจวิ่งออกตามหาร่างบาง

     

     

    ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น.. ถ้ารู้ว่าฮีชอลฟังอยู่ก็คงคิดหาคำพูดดีๆ กว่านี้

    ไม่อยากสูญเสียเพื่อนไป.. เพราะยุนโฮเองก็เป็นเพื่อนคนสำคัญของเขาไม่ต่างกับฮีชอลเลย

     

     

     

    แฮ่ก...

     

    ........ ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองร่างโปร่งที่ยืนหอบหายใจอยู่ตรงหน้า.. ในสวนไม้หลังคณะที่ประจำเวลาต้องการสถานที่เงียบๆ ติวหนังสือหรือแม้แต่งีบหลับในช่วงเวลาว่างก่อนเข้าเรียน

     

    ดวงตาคู่สวยแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัดนั้นทำเอาคนที่ยืนมองอยากจะชกหน้าตัวเองถ้าเกิดมันทำให้ฮีชอลรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

     

    ก..กูขอโทษนะ กลับเป็นฮีชอลที่เอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา และนั่นยิ่งทำให้อีทึกรู้สึกผิดกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า..

    ขอโทษเรื่องอะไร..

    ก็..หลายๆ เรื่อง.. เค้กนั่นถ้าไม่ชอบจะโยนให้หมากินก็ได้นะ กูไม่ว่าหรอก ดวงตาคู่สวยหลุบลงก่อนที่ร่างโปร่งจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

     

    “..กูยังไม่ได้อวยพรมึงเลย..

    ส..สุข..สุขสันต์วันเกิดนะ พูดทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ร่างบางสะอื้นจนตัวโยนหากแต่ร่างโปร่งกลับนั่งนิ่งเฉย..

     

     

     

     

    กูชอบฮีชอลว่ะ

     

     

     

     

    ที่พูดกับยุนโฮ..คือเรื่องจริงใช่ไหม..ริมฝีปากบางสั่นระริก.. ทั้งที่กลัวคำตอบ แต่ก็เลือกที่จะถามออกไป

     

    ขอบคุณนะ..

    “………….” ตอบไม่ตรงคำถาม ทั้งที่เป็นคำพูดที่ธรรมดา..แต่มันทำให้คนฟังเจ็บจนพูดไม่ออก

     

     

    แล้วก็ขอโทษด้วย

     

     

    มือแกร่งเอื้อมไปกุมมือเรียวไว้ นิ้วโป้งไล้ไปตามหลังมือนิ่มอย่างทนุถนอม หากแต่สายตานั้นทอดมองออกไปข้างหน้า.. ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองดวงหน้าหวานที่มีแต่น้ำตา.. มือเรียวสั่นสะท้านยิ่งขึ้นสะอื้นเพียงแผ่วเบา เพราะกลัวว่าคนข้างๆ จะได้ยิน

     

     

     

    ถ้าเกิดพูดอย่างที่ใจต้องการ.. เรื่องราวมันอาจจะวุ่นวายจนไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก..

    ถ้าเกิดว่าความรักของเขา..ต้องทำร้ายเพื่อนสนิทคนนึง..

     

     

     

     

     

    เขาทำไม่ได้..

     

     

     

     

     

     

     

     

    แต่เราเป็นเพื่อนกันน่ะมันดีอยู่แล้ว

     

     

     

     

     

     

    และประโยคสุดท้ายที่พูดออกไป.. มันคือประโยคที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง

     

     

     



      

     

      

     

     

     

     

     

     

    ที่แท้พี่กับพี่ฮีชอลก็..คยูฮยอนมองอีกฝ่าย.. แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

    พี่กลัว.. กลัวว่าอนาคตจะต้องเลิกกัน และถ้าเป็นแบบนั้นก็เหมือนกับพี่ต้องเสียเพื่อนดีๆ อย่างฮีชอลและยุนโฮไปทั้งคู่

     

    อย่างที่อีทึกพูดก็ถูก.. พอได้ฟังแล้วก็ทำให้เขานึกถึงทงเฮอย่างบอกไม่ถูก

     

    ผม..ไม่รู้สิ..เรื่องเพื่อน

    หลังจากนั้นฮีชอลก็พยายามทำเป็นเข้มแข็ง ปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน

    ฮีชอลคิดอะไรอยู่..พี่รู้ดีที่สุด..ที่เขาทำแบบนั้นกับฮยอกแจก็เพราะกลัวว่าจะซ้ำรอยตัวเอง

     

     

    ฮยอกแจ?

     

     

    จริงๆ มันเกิดขึ้นได้ง่ายมากนะ ไอ้เรื่องเพื่อนรักรักเพื่อนเนี่ย ฮ่าๆ อีทึกหัวเราะ

     ถ้าไม่อยากหัวเราะก็ไม่ต้องฝืนก็ได้นะครับ

    พี่ดูเหมือนคนกำลังฝืนงั้นเหรอ.. มือแกร่งวางกล้องคู่ใจลงก่อนที่พนักงานเสริฟจะวางกาแฟลงบนโต๊ะ

    ก็เรื่องแบบนี้มันน่าหัวเราะซะที่ไหนล่ะครับ

    โถ่.. ชีวิตคนเรามันก็แค่นี้ จะไปนั่งจมปลักกับความทุกข์ทำไมกัน ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่งนี่นะ.. หัวเราะได้ก็หัวเราะเถอะ แก้วกาแฟดำถูกยกขึ้นมาจิบ.. เดาใจยากจริงๆ ไม่รู้เลยว่าในขณะที่กำลังยิ้มอยู่นั้นข้างในหัวใจของเขามันร้องไห้อยู่รึเปล่า?

     

    แล้วพี่ยุนโฮเค้าเป็นใครเหรอครับ ทำไมผมไม่เคยได้ยินชื่อพี่เค้าเลย

    มันได้ทุนไปเรียนเมกาตั้งแต่ปีที่แล้ว.. หลังจากตอนนั้นแม่งก็ชิ่งหนีไปเลยไง อีทึกบ่น
     

     

    ทุนอีกแล้ว..

     

     

    พี่ยุนโฮเค้าไม่อยู่แล้วทำไม..

    ทำไมพี่ถึงไม่คบกับฮีชอลงั้นเหรอ

    .......

     แกจะให้พี่..ไปขอฮีชอลคบทั้งที่ทำร้ายจิตใจเขาขนาดนั้นน่ะเหรอวะ อีทึกคลี่ยิ้มบางๆ ราวกับว่าทำใจยอมรับกับทุกอย่างไว้แล้ว

    .......

    เราสองคนให้เวลากันและกันอยู่พักใหญ่ ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง.. ทั้งที่เรียน sec เดียวกันแต่ที่นั่งกลับอยู่คนละมุมห้อง ช่วงพักเที่ยงที่เคยไปหาอะไรอร่อยๆ ทานด้วยกันแต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป.. พี่ไม่มีฮีชอลอยู่ใกล้ๆ เหมือนเมื่อก่อนจนกระทั่งยุนโฮมันไปนั่นแหละ

    แล้วพี่ทำยังไงครับ ถามด้วยความอยากรู้.. ถึงแม้ว่าเรื่องของเขากับอีทึกมันจะไม่เหมือนกันเลยซะทีเดียว แต่บางทีมันอาจช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทงเฮดีขึ้นบ้างก็ได้

     

     

     

    ช่วงเวลาที่พี่ไม่มีฮีชอล มันทำให้ความรู้สึกของพี่ชัดเจนมากขึ้น

    เราทั้งคู่ต่างรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูดเลยสักครั้งว่าอยากให้สถานะของเราเปลี่ยนไป

    แค่ให้รู้ว่ายังมีคนเป็นห่วง แค่ให้รู้ว่ายังมีกันและกันก็พอแล้วสำหรับเรา

    ความรักมันขึ้นอยู่กับคนสองคนว่าทั้งคู่อยากกำหนดให้มันเป็นแบบไหน

     

     

     

     

     

    แล้วแกล่ะ..อยากให้มันออกมายังไง.. เคยถามตัวเองบ้างรึยังคยูฮยอน

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    ถ้าความรักเป็นเรื่องของคนสองคน..

    แล้วคนที่ไม่เหลือใครอย่างผม..จะต้องทำยังไงต่อไปเหรอครับ..

     

     

     

     

     

     

    ฝีเท้าก้าวไปตามฟุตบาทเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย.. คำพูดคำสอนของพี่รหัสยังคงวนเวียนอยู่ในหัวถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายวันแล้ว.. แต่ความรู้สึกผิด..เสียใจยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง..

     

     

     

     

    กึ่ก..

     

     

     

    ขาเรียวหยุดชะงักพร้อมกับมองไปยังบ้านหลังหนึ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี.. ร่างโปร่งยังคงยืนมองอยู่อย่างนั้นถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด

     

     

    บ้านนายเหรอ น่าอยู่จัง

    ชอบเหรอ?

    อื้ม! ชอบสิ..ฉันอยากมีบ้านแบบนี้ซักหลัง ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ บ้านสไตล์โมเดิร์นที่เขาไฝ่ฝันว่าถ้าโตขึ้นจะต้องทำงานเก็บเงินซื้อให้ได้

    ร่างสูงนั่งลงข้างๆ คนรักพร้อมกับจ้องมองใบหน้ามนที่เอาแต่สนอกสนใจกับบ้านของเขา แก้วน้ำถูกวางไว้บนโต๊ะแก้วที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะกุมมืออีกฝ่ายไว้

    ถ้าชอบ.. ร่างสูงเว้นช่องว่างไว้เพียงครู่ก่อนที่คยูฮยอนจะหันมาสบตาเขา วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านบวกกับงานที่โรงเรียนเสร็จเร็วเลยทำให้ทั้งคู่มีเวลาว่างในช่วงหลังเลิกเรียน

    ไว้โตขึ้น..เรามาอยู่ด้วยกันไหม? ใบหน้าคมโน้มลงกระซิบข้างหูคนตัวเล็กกว่า มือแกร่งสอดประสานกับมือคนรักไว้แน่นเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาจริงจังกับคำพูดนี้สักแค่ไหน

    ...หะ...หา? ดวงหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อก่อนจะเบือนหลบไปอีกทาง นั่นทำให้ร่างสูงอมยิ้มเพราะท่าทางเอ๋อๆ ของคยูฮยอน

     

    เขาชอบที่คยูฮยอนเป็นแบบนี้.. เวลาเขินจะทำตัวไม่ถูก

    ชอบใช้กำลังเวลาเขิน.. เพราะเจ้าตัวชอบบอกว่าตัวเองน่ะแมน จะเขินเป็นสาวน้อยได้ยังไงกัน

     

     

     

     

     

    เรารักคยูฮยอนนะ

     

     

     

     

     

     

    หลังจากนั้นเป็นยังไง..คยูฮยอนเองก็จำไม่ได้แล้ว.. รู้สึกได้เพียงสัมผัสอุ่นๆ ที่ริมฝีปาก..จูบรสมินท์ของซีวอนมันทำให้คนปากแข็งยอมโอนอ่อนได้อย่างง่ายดาย.. เปลือกตาบางหลับลงอย่างช้าๆ ในขณะที่ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กอยู่ไม่ห่าง.. จูบที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก..

     

     

     

     

     

     

     

    คิดถึงเหลือเกิน..

     

     

     

     

     

     

    มาหาใครรึเปล่าจ๊ะ? เสียงหวานทำเอาคนที่เอาแต่ยืนเหม่อสะดุ้งเล็กน้อย คยูฮยอนมองผู้หญิงในชุดเดรสสีครีม ผมเป็นลอนยาว.. ถึงแม้ว่าจะมีอายุแล้วแต่ก็ยังคงความสวยอยู่ ร่างโปร่งจ้องใบหน้าเรียวที่ยิ้มให้กับเขาตาไม่กระพริบ

     

     

     

    หน้าเหมือนซีวอนไม่มีผิด

     

     

     

     

    หนูจ๊ะ?

    อะ..เอ่อ..เปล่าครับ..พอดีผมทำของตกเลยเดินมาเก็บน่ะ ร่างโปร่งยิ้มให้กับคนตรงหน้าก่อนจะยกถุงสีฟ้าขึ้นมาให้ดู

    ผมขอตัวนะครับ คยูฮยอนโค้งหัวให้ก่อนที่จะรีบเดินออกมา ปล่อยให้ใครอีกคนยืนงงกับท่าทางประหลาดๆ ของเขาอยู่อย่างนั้น

     

     

     

     

     

    นี่ผมมาทำอะไรที่นี่กันนะ..

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    ช่วงระยะเวลาสิบห้าวันตอนปิดเทอมแรกดูเหมือนว่าจะผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับคนอื่น แต่กับคยูฮยอนนั้น..วันเวลาแต่ละวันมันช่างเดินช้าเสียเหลือเกิน..

     

     

    ห้องที่ว่างเปล่า..

     

     

    แค่หันไปมองก็รู้สึกใจหาย.. ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามไม่หันไปมองในที่ๆ ซีวอนเคยนอน ที่ซีวอนเคยนั่งทำรายงาน.. ห้องครัวที่เขามักจะทำของอร่อยมาให้เขาทานอยู่เสมอ.. และตู้เย็นที่เต็มไปด้วยผลไม้และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

     

     

    ทั้งที่เมื่อก่อนรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวไม่เหลือใคร..ไม่เหลือแม้กระทั่งอีทงเฮเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว..

     

    แต่ในตอนนี้เขากลับรู้สึกอ้างว้างมากกว่าเมื่อก่อนเป็นร้อยเท่า..

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    รายงานคู่กำหนดส่งอาทิตย์หน้าก่อนบ่ายโมง ขอความเป็นระเบียบด้วย เป็นคนให้ใช้มือเขียนนะครับนักศึกษาทุกคน เอ่ยเหน็บแนมจนนักศึกษาเกือบครึ่งห้องโห่ร้องด้วยความเบื่อหน่าย

    พึ่งเปิดเทอมเองนะครับอาจารย์ รีบเหรอ

    งั้นไม่ต้องเอาคะแนนเก็บ รอสอบปลายภาคเลยดีไหม?

    ผมล่อเล่นคร้าบบบบบบ เสียงหัวเราะดังขึ้นหากแต่ใครบางคนกลับนั่งถือปากกาไว้นิ่งๆ

     

     

    งานคู่อีกแล้ว.. แล้วเขาจะไปคู่กับใครล่ะ

     

     

     

     

    พรึ่บ!

     

    ร่างโปร่งหันไปมองคนข้างๆ ที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนด้วยความประหลาดใจ อีฮยอกแจเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้เขาจนแทบติดกันพร้อมกับมองหน้าเขา

     

    ..........

    งานคู่ไง

    แล้วยังไง

    ฉันยังไม่มีคู่ นายเองก็ไม่มีคู่

    ..........

    ไหนๆ ก็เคยทำงานคู่ด้วยกันมาแล้วนี่ คนตัวเล็กกว่าพูดพร้อมกับหยิบตำราเรียนขึ้นมาวาง นั่นสร้างความงุนงงให้กับคยูฮยอนมากยิ่งกว่าเดิม

    "ทำแบบนี้นายคงไม่ได้มีแผนอะไรอยู่ใช่ไหมอีฮยอกแจ.."

    "แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง.. นายจะลากฉันไปต่อยหน้าห้องน้ำรึเปล่าล่ะโจคยูฮยอน" ดวงหน้าหวานยิ้มน้อยๆ ขณะที่สบตากับร่างโปร่ง.. คยูฮยอนหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดหนังสือของอีกฝ่ายแล้วเอาปากกาเน้นข้อความขีดลากไปตามหัวข้อที่ต้องทำ

    นี่คือส่วนที่นายต้องไปหาข้อมูล

    เฮ้! หนังสือฉันเลอะหมดแล้ว ถ้าจะขีดทับล่ะก็ช่วยขีดให้มันตรงกว่านี้ไม่ได้รึไงเล่า!” ร่างบางยู่ปากก่อนจะผลักใหล่คยูฮยอนเบาๆ ดูสิ..หนังสือที่เขาพึ่งซื้อมาใหม่เละไม่มีชิ้นดีเพราะโจคยูฮยอนจนได้

    ก็ช่างนายสิ.. ไม่ใช่หนังสือของฉันสักหน่อย..แล้วก็ช่วยนั่งนิ่งๆ ด้วย..อาจารย์สอนแล้วไม่เห็นรึไง

    ไม่-เห็น

    นอกจากจะโง่แล้วยังเซ่ออีก.. ร่างโปร่งพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันไปมองอาจารย์ผู้สอนที่กำลังเปิดจอโปรเจคเตอร์ คนตัวเล็กกว่าได้แต่เบะปากอย่างขัดใจ

     

     

    โดยที่ไม่รู้เลยว่าได้ตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนร่วม sec ไปแล้ว

     

     

    มันยังไงกันน่ะ? ทั้งคู่ดีกันแล้วเหรอ?

    ไม่รู้เหมือนกันสิ แต่จากที่เห็นอีฮยอกแจเป็นฝ่ายเข้าหาโจคยูฮยอนนะ

    บางทีพวกเราก็ทำเกินไปนะว่าไหม

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    พอเข้าเทอมสองก็ต้องมีการแต่งตั้งประธานในชั้นปีหนึ่ง ในทุกชั้นปีต้องมีผู้นำและที่ขาดไม่ได้คือการเตรียมตัวเพื่อที่จะรับน้องใหม่ในเทอมหน้า.. นักศึกษาปีหนึ่งถูกเรียกรวมตัวบนแสตนเชียร์เพื่อประชุมกันเรื่องรับน้องใหม่ จากที่เคยเป็นน้องปีหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนเป็นรุ่นพี่ที่คอยดูแลน้องๆ ในเทอมหน้า

     

    พี่ว๊าก.. สวัสดิการ.. เอนเตอร์เทรน.. พยาบาล

     

    ต่างคนต่างแยกไปตามหน่วยตามความเหมาะสม.. แล้วอย่างโจคยูฮยอนคงเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากสวัสดิการ คอยตามล้างตามเช็ดให้ทุกคนราวกับคนใช้ ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกพูดจาเหน็บแนมเหมือนเมื่อก่อนแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ถูกยอมรับเลยในทีเดียว

     

    ถือกล่องยาอย่างเดียวก็พอแล้วฮยอกแจ ยุนดูจุนประธานปีหนึ่งพูดก่อนจะเดินไปดูคนอื่นๆ ที่กำลังง่วนกับการทำป้ายและสร้างฐาน จากตอนแรกคยูฮยอนแค่ต้องคอยส่งข้าวส่งน้ำให้กับเพื่อนๆ ที่ต้องนั่งทำฐานกันยันเช้ากับกลายเป็นว่าเขาต้องเข้ามาช่วยอย่างปฏิเสธไม่ได้

     

    ถึงจะเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหว.. แต่มันก็ดีกว่าการให้เขากลับไปอยู่ในห้องที่มีแต่ความอ้างว้างนั่น.. อย่างน้อยถ้าเหนื่อยมากๆ กลับไปอาบน้ำหัวถึงหมอนก็หลับได้ ไม่ต้องนอนกระสับกระส่ายเพราะคิดถึงใคร

     

    คยูฮยอน! มาช่วยยกหน่อยดิ เสียงตะโกนเรียกทำให้ร่างโปร่งหันกลับไปมองคนที่กำลังพยายามยกไม้ท่อนใหญ่อย่างลำบาก คยูฮยอนวางเลื่อยก่อนจะเดินไปช่วย

    แม่งหนักโคตร เฮ้ยๆ มาช่วยอีกคนได้ป่ะวะ ร่างสูงตะโกนเรียกแต่ก็ไม่มีใครมาช่วยเลยสักคน คงเพราะต่างฝ่ายต่างยุ่งในส่วนของตัวเองทั้งนั้น

    จะไหวเหรอฮยอกแจ กลับไปทำงานเถอะ  ร่างสูงพูดเมื่อเห็นคนตัวเล็กกว่าวิ่งมาช่วย ฮยอกแจส่ายหน้าเบาๆ เป็นแค่พยาบาลหน้าที่มีแค่คอยถือกล่องยาก็เท่านั้น สบายกว่าคนอื่นเห็นๆ แต่คนตัวเล็กกลับเลือกที่จะมาช่วย

    ไปนั่งเถอะ คยูฮยอนพูดหากแต่คนตัวเล็กกว่าไม่ยอมฟัง ดื้อแบบนี้มันน่าไหมล่ะ?

     

     

    ไม่ได้ยินเหรอ เพื่อนบอกให้ไปนั่งน่ะ เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นทำเอาทั้งคยูฮยอนและฮยอกแจหันไปมอง.. ร่างหนาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคยูฮยอนก่อนจะช่วยยกท่อนไม้ขึ้นมาสร้างความตกใจให้เขาทั้งคู่ได้ไม่น้อย

     

     

     

    ทงเฮมาได้ยังไง?

     

     

     

    “……..”

    เฮ้ย..เร็วๆ ได้ป่ะ หนักนะเนี่ย ร่างสูงบ่นอุบอิบก่อนที่ฮยอกแจจะเดินถอยออกมาทั้งที่สายตายังคงจ้องตามร่างหนาที่ยกท่อนไม้ใหญ่ไป

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    เวลาสี่ทุ่มเศษๆ คนสองคนกำลังนั่งดื่มน้ำอัดลมอยู่ข้างริมฟุตบาท สายตาทอดออกไปที่บ่อน้ำฝั่งตรงข้ามโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

     

    .........

    .........

    ร้อนว่ะ เป็นอีทงเฮที่เปิดบทสนทนา.. ดวงตาคมเหล่มองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกผิด

    เสือกมาช่วยเองทำไมล่ะ

    อ้าว..คนมาช่วยทั้งที ไม่น่าพูดหมาๆ เลยนะครับเพื่อน

     

     

    เพื่อนเหรอ..

    สำหรับอีทงเฮแล้ว..เขายังเห็นคยูฮยอนเป็น เพื่อน อยู่ใช่ไหม?

     

     

    ...ขอบใจ ร่างโปร่งพูดเบาๆ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายได้ยินอย่างชัดเจน

     

    ก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องยาก.. แต่หลังจากที่ได้ยินคยูฮยอนพูดในวันนั้นเขาก็เก็บเอาไปคิดอยู่ตลอด ว่าที่ผ่านมา..ที่รู้สึกกับคยูฮยอน.. มันคือเพื่อนรัก หรือ รักเพื่อนกันแน่

     

     

    อ่ะ..ยังไม่ได้กินข้าวอ่ะดิมึง มือหนายื่นกล่องแซนวิสให้คนข้างๆ คิ้วเรียวขมวดจนเป็นปมเมื่อมองกล่องแซนวิสสลับกับหน้าทงเฮไปมา

     

     

     

     

    ดูไว้ซะ..เพื่อนกันเค้าทำแบบนี้

     

     

     

    ริมฝีปากบางเผยยิ้มออกมาก่อนที่มือหนาจะผลักหัวเขาจนเซไปข้างๆ ไม่มีคำพูดใดๆ อีก นอกจากเสียงหัวเราะของทั้งคู่..

     

     

     

     

    ขอบคุณพระเจ้า..ที่คืนเพื่อนให้กับผม..

    ขอบคุณพระเจ้า..ที่ไม่ใจร้ายกับผมจนเกินไป..

     

     

     

     

     

     

     

     

    ขอบคุณครับ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk With Writer

     

    ฮึก.. ตอนหน้าก็ขึ้นปีสองแล้ว .. พอขึ้นปีสองก็มีน้องรหัส

    แล้วคนที่อยู่อังกฤษจะเป็นยังไงน้อ.. *-*

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×