คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
INTRO
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวาสนาหรือว่าผีผลัก
ผมกับมัน...ถึงได้...
“ส่งมา ๆ ”
“เฮ๊ย ๆ เอาเลยสามแต้ม!”
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากสนามสอง ซึ่งมันคงเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กที่ชอบมานั่งแถวนี้ แต่มันคงแปลกไปสำหรับเด็กผู้ชายที่ชื่อ ‘โอเซฮุน’ ไปสักหน่อย ก็ดูสิครับ...สนามอื่นไม่เห็นเขาจะส่งเสียงน่ารำคาญแบบนั้นเลยสักคน
นอกจากไอ้เชี่ยจงอินที่ยืนโชว์พาวอยู่ตรงนั้น -_-
ก้มลงดูนาฬิกาข้อมือแล้วก็ชะเง้อหน้ามองไปที่ประตูหน้าโรงเรียน นี่ก็เลยเวลานัดมาเกือบสิบห้านาทีแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าแม่ของเขาจะมาถึง เอนหลังพิงกับโต๊ะม้าหินอ่อนก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นที่ทาบทับลงตรงซอกคอเข้า
“เหี้ย!”
“โห สาบานว่านั่นปาก” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ที่กำลังนั่งลงข้าง ๆ เขาพร้อมกับยื่นน้ำอัดลมเย็น ๆ ให้ เซฮุนรับมาแล้วถอนหายใจเนือย ๆ พลางเหล่มองใครคนหนึ่งที่ถอดเสื้อเล่นบาสอยู่กลางสนาม ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมองไอ้มืดนั่นด้วย ไม่เข้าใจจริง ๆ
“เป็นไรวะ มึงยังติดใจไอ้เชี่ยจงอินอยู่เหรอ”
“คำถามมึงคลุมเครือมากนะ ใช้คำว่าคันตีนดีกว่าไหม” เซฮุนจิ๊ปากพลางมองรองเท้าสีขาวของเขาที่ถอยมาเมื่อวาน เพิ่งได้ใส่วันนี้วันแรกไอ้ห่าจงอินแม่งก็จันไรหาพิกัดเดินเข้ามาเหยียบซะเต็มตีน ขอโทษนะครับ รอยสีน้ำตาลบนรองเท้ากูนี่ไม่ต้องใส่แว่น 3D ดูก็รู้ว่าแม่งใส่ Adidas เหมือนกัน
“มึงจะคิดมากทำไม รองเท้าซื้อมามันก็ต้องโดนฝุ่นโดนโคลนมันเรื่องปกติอยู่แล้ว กูว่านะ...ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ไอ้จงอินมึงก็คงไม่ผูกใจเจ็บแบบนี้หรอก” ชานยอลพูด ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องที่เซฮุนกับจงอินไม่ค่อยกินเส้นกันเสียเมื่อไหร่
“ก็เพราะว่าเป็นมันนั่นแหละ” กูถึงได้หมั่นหน้ามันเป็นพิเศษไงครับ
“กูก็รู้นะว่ามึงไม่ชอบหนังหน้ามัน แต่ที่กูไม่รู้ก็คือเหตุผล”
“เออ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน กูรู้แค่ว่ามันชอบมองหน้ากวนตีน หลายอย่างไก่กาอาราเร่ที่กูสัมผัสได้ว่ามันนั่นแหละเป็นคนเริ่ม” เซฮุนพูด มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นะครับ ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่รั้วสถาบันเดียวกัน เรียนห้องเดียวกันทุกปีตั้งแต่ม.ต้นปีหนึ่งยันม.ปลายปีสอง นี่ก็ห้าปีแล้วป่ะครับ มันควรจะไปผุดไปเกิดที่ห้องอื่นบ้าง ไม่ใช่ตามหลอกหลอนกันเป็นสัมพเวสีแบบนี้ คนอื่นเขาล่ะนั่งร้องไห้ร้องโฮกันเพราะต้องย้ายไปอยู่ห้องอื่นหลังจากเลื่อนชั้นปี แต่ไอ้เชี่ยจงอินนี่แม่งจะเฮี้ยนเกินไปละ...
“อาจจะเป็นบุพเพ”
“แต่หน้ามึงกำลังจะบุบด้วยตีนกู” เซฮุนเหล่มองคนข้าง ๆ ที่กำลังพูดจาไม่เข้าหู บางทีชานยอลมันก็ควรกลับบ้านไปหาพี่ชายข้างบ้านของมันแทนที่จะมานั่งกวนตีนเขาแบบนี้
อย่าว่าแต่บุพผอกบุพเพบ้าอะไรนั่นเลยครับ นี่ผมพยายามมองโลกในแง่ดีแล้วนะ ว่ามันคงเป็นเรื่องบังเอิญที่ไอ้มืดมันได้อยู่ห้องเดียวกับผมมาตลอดห้าปี แล้วมันก็บังเอิญที่หลายครั้งเขาเสือกจับสลากได้อยู่กลุ่มกับมันบางรายวิชา แล้วก็โคตรจะบังเอิญที่มันเหยียบส้นตีนผมเมื่อเช้านี้ (สัด)
“เอะอะเหวี่ยงตลอด ปากงี้น่าจะ...”
“ปากอย่างกูทำไมเหรอชานยอล...ฮื่อ...” เด็กหนุ่มทำปากจู๋แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อนตัวสูง ชานยอลเอามือดันหน้าอีกคนออกไปก่อนจะหันไปสะดุดตากับคน ๆ หนึ่ง
“เยด...มึงดูนั่น” ชานยอลล็อคคอเซฮุนเข้ามาพร้อมกับชี้ไปยังผู้ชายหน้าหวานที่เดินไปหยุดอยู่ข้างสนามสอง ดวงหน้าหวานยิ้มบาง ๆ ในมือเขามีผ้าขนหนูสีขาวกับน้ำเปล่าขวดขนาดเหมาะมืออยู่
“ใครวะ”
“พี่ลู่หาน เป็นคนจีน น่ารักสัด ๆ ใคร ๆ ก็ชอบ”
“เออจริง หน้าจะหวานขนาดนั้นแว๊บแรกกูนึกว่าทอม เยด...ไอ้เชี่ยจงอินเดินตัวดำเข้าไปหาพี่เขาแล้วมึง” เซฮุนเลิกคิ้วมองพลางทำตาปริบ ๆ อย่าบอกนะว่าพี่ลู่หานคนนั้นมาหาไอ้เชี่ยจงอิน
“พ่อง!” เด็กหนุ่มทำหน้าเหย๋เกเมื่อเห็นจงอินรับผ้าขนหนูกับขวดน้ำมาจากมือพี่ลู่หาน อีกทั้งยังทำเท่เปิดขวดกรอกปากจนน้ำไหลลงมาตามซอกคอประหนึ่งพระเอก MV
“มึงเป็นไร” ชานยอลหรี่ตามองคนข้าง ๆ ที่อินเนอร์แรงจัดจนน่าสงสัย
“พี่เขาเป็นแฟนไอ้เชี่ยจงอินเหรอวะ...?”
“เฮ้ยไม่ใช่ ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นแหละ แต่พอไปสืบมาถึงได้รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน” พอได้ยินชานยอลพูดแบบนั้นเด็กหนุ่มก็หันควับ
“ตอแหลหรือเปล่า...ถ้าเป็นพี่น้องกันจริง ๆ มันจะผิดโครโมโซมเกินไปไหม คนเป็นพี่ขาวจั๊วะแต่คนเป็นน้องดำเปรี๊ยะแบบนี้ ไอ้เหี้ย...ตอนท้องไอ้จงอินนี่แม่มันแดกถ่านเข้าไปเหรอกูสงสัย” เซฮุนเพ่งมองคนสองคนที่ยืนคุยกันอยู่ข้างสนามพลางลูบคางใช้ความคิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“กูกำลังจะบอกมึงว่าแม่ของพี่ลู่หานกับพ่อไอ้จงอินเขาแต่งงานกันสักสามปีได้ละ”
“หือ?”
“เออนั่นแหละ แล้วนี่มึงนั่งทำอะไรอยู่วะ ไม่กลับบ้านกลับช่อง” ชานยอลถามพลางหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น
“กูมานั่งรอแม่อ่ะ นางนัดกูไว้แต่ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงาล้อรถเลยจ้า” เซฮุนบ่นพลางดูนาฬิกาข้อมือ
“อ้าว เห็นมึงบอกว่าช่วงนี้มึงแบนแม่อยู่ไม่ใช่เหรอไง?”
“เออ ชอบกลับบ้านดึก ไปไหนไม่บอก แบบนี้ต้องแบนให้สำนึก” เดี๋ยวก่อน...พอมาถึงแล้วจะบ่นอีกรอบ
“แบนอะไรเหรอ?” เด็กหนุ่มทั้งสองสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันหลังกลับไปมอง เซฮุนย่นจมูกพร้อมกับส่งสายตาคาดโทษไปยังคนเป็นแม่ที่ปล่อยให้เขาต้องนั่งรอตั้งนาน
“สวัสดีครับแม่”
“สวัสดีจ้ะชานยอล”
“กว่าจะมาถึงนะ ไหน...อธิบายเหตุผลดี ๆ มาให้ผมฟังสักข้อซิ” เซฮุนพูดก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้สีดำแล้วเหวี่ยงไปข้างหลังจนชานยอลต้องเบี่ยงตัวหลบ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วพลางมองหารถยนต์ของแม่แต่ก็ไม่เจอ
“แม่จอดรถไว้ไหนอ่ะ?”
“...คืองี้นะเซฮุน” คนเป็นแม่ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนที่จะหันไปมองใครอีกคนที่เพิ่งเดินลงมาจากรถเบนซ์สีดำคันหรู แต่ที่ทำให้โอเซฮุนสะพรึงกว่านั้นก็คือไอ้เชี่ยมืดกับพี่ลู่หานมายืนอยู่ข้าง ๆ เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้!! (เออมันก็ไม่ได้ใกล้อะไรมากมายหรอก แต่ก็ถือว่าใกล้)
“นี่คือคุณลุงคิมอินฮวานจ๊ะ”
“...หวัดดีครับ” เซฮุนมองผู้ชายคนนั้นหวาด ๆ แต่ก็โค้งหัวให้ตามมารยาท ถึงจะงง ๆ อยู่ว่าคนนี้เป็นใคร แล้วมากับแม่ได้ยังไง แต่จะให้แหกหน้าแม่ก็คงไม่ถูก “แล้วสรุปแม่จอดรถไว้ไหนอ่ะ?”
“แม่มากับคุณลุงอินฮวานน่ะลูก”
“อ้าว แล้วรถแม่ล่ะ?”
“แม่ไม่ได้เอารถมาจ๊ะ”
“กลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่าไหมครับ? คนมันโง่อธิบายไปก็เท่านั้นแหละ” เสียงที่ไม่ได้อยากจะคุ้นหูแต่ก็รู้ทันทีว่าใครเป็นคนพูด เซฮุนคิ้วกระตุกก่อนจะหันไปมองจงอินที่ยืนกระตุกยิ้มอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้ไอ้เชี่ยชานยอลแม่งหายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ครับ ไปไม่บอกไม่กล่าวกันสักคำ
“กลับอะไร? มึงอยากกลับก็กลับไปดิ กูคุยกับแม่อยู่เห็นไหม? มึงนี่เสียมารยาทนะมายืนหัวโด่อะไรตรงนี้” เซฮุนเลิกคิ้วมองพลางร่ายอินโทรใส่คนข้าง ๆ อย่างหัวเสีย (ต่อหน้าผู้ใหญ่อีกต่างหาก)
“ก็ไม่ได้อยากมายืนตรงนี้หรอกเหม็นกลิ่นสาบของใหม่...คนอะไรเห่อแม่งทุกอย่าง ซื้อมาแล้วใส่เลย” พูดจบก็แค่นหัวเราะ แต่จงอินก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกลู่หานตีแขนเข้าให้
“โหย...ทำอย่างกับว่ามึงไม่เป็น แล้วกูขอถามหน่อย มึงจะให้กูซักรองเท้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่แล้วค่อยใส่มาให้มึงเหยียบเหรอวะ ปัญญาอ่อน” เซฮุนฟึดฟัดจมูก แต่ก็ต้องเอนหลังไปเล็กน้อยเมื่อคนตัวสูงเดินเข้ามาประชิด
“กูหมายถึงเสื้อตัวนี้ต่างหาก” พูดพร้อมกับดึงคอเสื้อยืดตัวในของเซฮุนออกมาแล้วปล่อยกลับ เด็กหนุ่มเบะปากก่อนจะก้มลงดึงคอเสื้อขึ้นมาดม ๆ แล้วเงยหน้าขึ้น
แม่ง...ขนาดอยู่ข้างในมึงยังกล้าได้กลิ่นอีกนะ
“สองคนนี้เขาเรียนห้องเดียวกันน่ะครับ” กลายเป็นลู่หานที่ไขข้อสงสัยให้กับผู้ปกครองของทั้งคู่
“เป็นเพื่อนกันเหรอ?” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม
“เปล่า/เปล่าครับ!” ทั้งคู่ประสานเสียงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย พอได้ยินอย่างนั้นก็หันควับมาสบตากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“มึงพูดตามกูทำไม”
“มึงนั่นแหละพูดตาม ไอ้หน้าหงิม”
“โห ถ้ากูหน้าหงิมมึงก็หน้าดำล่ะวะ” เซฮุนยักคิ้วกวนหากแต่ไม่ได้สร้างความหงุดหงิดให้กับจงอินอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
“แม่รู้ว่ามันอาจจะกะทันหันไปหน่อย...แต่ว่า...”
“พ่อกูกับแม่มึงกำลังจะแต่งงานกันน่ะ...เป็นไง...ฟังแล้วแฮปปี้ดีไหม?” ยังไม่ทันได้ยินจากปากคนเป็นแม่โอเซฮุนก็ต้องตาเหลือกเมื่อได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากคนที่เขาเกลียดเหง้าหน้าเป็นอันดับต้น ๆ เด็กหนุ่มหันควับไปมองไอ้ดำที่ยืนกระซิบอยู่ข้างหลังแล้วเบะปากหลอน ๆ
“ห๊ะ”
“ใช่ไหมครับคุณน้า?” จงอินร่ายรอยยิ้มละมุนให้กับผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อของเขา
“แม่?!”
“อ่า...”
“จริงอ่ะ?!” เซฮุนถามเพื่อความแน่ใจ บางทีไอ้เชี่ยจงอินอาจจะขุดเรื่องบ้า ๆ ขึ้นมาเพื่อท้าทายอำนาจ Adidas คู่ใหม่ของเขาก็ได้ จงอินเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ แม่เขาราวกับไปสนิทกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน
“...จ๊ะ” คำตอบเสียงแผ่ว ๆ นั่นสร้างความโมโหให้กับโอเซฮุนผู้นี้เสียนี่กะไร เด็กหนุ่มมองคาดโทษคนเป็นแม่พร้อมกับขยับปากบ่นอุบอิบประหนึ่งร่ายคาถาเสกหนังควายเข้าท้องไอ้มืดที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แม่เขาตอนนี้
“พี่ว่า...เรากลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่าไหม?” ลู่หานวางมือลงบนลาดไหล่ของรุ่นน้องแต่ก็ต้องรีบชักกลับเมื่อเซฮุนหันมาทำตาตี่ใส่
“เรื่องนี้เราต้องเคลียร์กันอีกยาวนะแม่นะ...” เซฮุนกดเสียงลงเป็นเชิงกราย ๆ ว่าเขาไม่พอใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
-------------------------------------------
ขิงก็รา...ข่าก็แรง...
สุภาษิตนี้เห็นทีว่าจะจริงว่ะครับ
ปึง ปึง ปึง!
เสียงฝีเท้ากระแทกบันไดไม้บ่งบอกได้ถึงอารมณ์เจ้าของฝ่าตีนนั้นได้เป็นอย่างดี ปาร์คจูริได้เพียงแค่ถอนหายใจกับลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ จงอินมองลู่หานที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายก่อนจะหันไปมองพ่อของเขาที่กำลังลูบหัวปลอบใจว่าที่ภรรยาใหม่
“เดี๋ยวผมไปดูมันเอง” ร่างสูงล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมกับเดินทอดน่องขึ้นไปบนชั้นสองอย่างไม่เร่งรีบ ระหว่างเดินขึ้นไปก็มองกรอบรูปที่ติดอยู่ตรงผนังทางเดิน ริมฝีปากหยักยกยิ้มออกมาอย่างไร้สาเหตุ จนกระทั่งสองขายาวเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่เขียนว่า ‘ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาตจากเซฮุน’
“โคตรเด็ก”
ขำกับความเอาแต่ใจของคนที่อยู่ภายใต้ประตูบานนั้นแล้วลองหมุนลูกบิดดูเบา ๆ แต่ก็นะ...ไอ้คนที่อยู่ข้างในมันเสือกไม่ล็อคซะนี่ งอนประสาแมวอะไรของมันวะ
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ”
“หืม?” ร่างสูงเลิกคิ้วมองเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าหวานยืนถือกระป๋องสเปรย์จ่อมาตรงหน้าเขา
“ห้องกูปลอดเชื้อโรค” จงอินมองหน้าซน ๆ ที่กำลังพูดจาไม่น่ารักกับเขาแล้วก็ชี้หน้าตัวเอง
“กู?”
“เออ มึงนั่นแหละ ตัวเชื้อโรค”
“เซฮุน”
“อะไร?” เด็กหนุ่มถามทั้งที่ยังเล็งกระป๋องสเปรย์ไว้อยู่อย่างนั้น จงอินยิ้มขำก่อนจะก้าวเข้ามาข้างในหนึ่งก้าว พอเซฮุนเห็นอย่างนั้นก็ถอยหลังกลับหนีไปหนึ่งก้าวเช่นกัน
“กูบอกว่าอย่าเข้ามาไงห่า พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องไง”
“นี่มึงงอนที่พ่อกูกับแม่มึงแต่งงานกันหรือว่างอนที่กูเหยียบตีนมึงเมื่อเช้ากันแน่หื้ม?” ร่างสูงเดินเข้ามาทีละก้าว ส่วนคนปากดีได้แต่ถอยหลังไปทีละก้าว...ทีละก้าว สายตาของจงอินที่มองมาราวกับจะกดดันให้เขากดนิ้วฉีดสเปรย์ใส่หน้ามันสักทีถ้าเขากล้าพอ
“งอนเชี่ยไร กูแค่ไม่พอใจที่แม่กูทำอะไรไม่บอกก่อน แล้วกูก็ไม่ชอบขี้หน้ามึงก็แค่นั้นแหละ...เฮ้ยจะทำอะไรวะ!!” เด็กหนุ่มตกใจที่จู่ ๆ คนตรงหน้าก็เข้ามาประชิดจนเขาเผลอกดสเปรย์ออกไปแต่นั่นก็ถูกมือแกร่งปัดออกจนกระป๋องสเปรย์ตกลงพื้น
“ไอ้เชี่ยจงอิน มึงจะทำอะไร?!” ร่างสูงรวบตัวอีกคนเอาไว้ ถึงแม้เซฮุนจะดิ้นทุรนทุรายเท่าไหร่แต่มันก็ไม่เกินความสามารถของคิมจงอินที่จะปราบคนปากดีให้อยู่หมัด ใบหน้าคมเลื่อนเข้าไปใกล้ใบหูอีกคนแล้วยิ้มมุมปากก่อนจะกระซิบเบา ๆ
“ตอนแรกกูก็ไม่ดีใจเท่าไหร่ที่จะได้อยู่ร่วมชายคากับมึง...แต่ตอนนี้กูเริ่มชอบแล้วว่ะ คงมีเรื่องน่าสนุกให้ทำอีกเยอะ...มึงว่าไหม?”
เสียงหัวเราะในลำคอมาพร้อมกับปลายจมูกที่สัมผัสโดนตรงใบหู ไม่รู้ว่าจงอินมันตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ที่รู้ ๆ คือโอเซฮุนเริ่มรู้สึกได้กับลางร้ายที่มาพร้อมกับไอ้เพื่อนร่วมห้องคนนี้แล้วล่ะครับ...
ไม่นะ...!!
ผม – เกลียด – คิม – จง – อิน!!
TBC
---------------------------------------------------------------
TALK
เอ้าตัวเธอ
เราจะมาดูว่าคนอ่านเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน เราไม่ใช่ไรเตอร์บ้าจำนวนคอมเมนท์ แต่ว่าคอมเมนท์ของคนอ่านมันคือกำลังใจให้ไรเตอร์เขาเขียนต่อไปได้ ชอบไม่ชอบยังไงก็ติกันมาได้นะคะ ขอบคุณค่า
ความคิดเห็น