คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 - ลิ้นกับฟัน
Chapter 2
ลิ้นกับฟัน
เช้าวันรุ่งขึ้น...
RRRRRRrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr!!!!!!!!!!!!!!!!!
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ไม่ต้องสงสัยเลยครับ มันคือเสียงนาฬิกาปลุกรุ่นโคตรพ่อโคตรแม่บ้านสั่นของโอเซฮุนเองนั่นแหละ ไอ้ของชิ้นนี้ปู่ของเขาให้มาไว้เป็นที่ระทึกหลังจากได้ยินว่าหลานชายสุดที่รักนั้นช่างตื่นยากตื่นเย็นเสียเหลือเกิน แล้วมันก็ได้ผลเป็นอย่างดี อีหอกนาฬิกาปลุกเครื่องนี้ปลุกทีตื่นกันทั้งหมู่บ้าน
เด็กหนุ่มที่กำลังหลับอย่างมีความสุขต้องคลำ ๆ มือไปกดปุ่มปิดก่อนที่บ้องหูของเขาจะเสื่อมไปเสียก่อน...อ่า...เจอแล้ว ลูบ ๆ คลำ ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดเน้นลงไปเพื่อหวังจะปิดเสียงซึ่งมันก็ได้ผล เสียงนาฬิกาปลุกดับไปอย่างที่ใจเขาต้องการจริง ๆ
“อะ...อา...”
หืม? นาฬิกาปลุกเหี้ยนี่มันมีเสียงตอนกดปิดด้วยเหรอวะไม่ยักรู้มาก่อน กดปิดแม่งทุกเช้าไม่เห็นจะดังแบบนี้เลยนี่หว่า ไหนลองกดอีกทีดิ๊
“อืม...”
“ฮึ?” คิ้วขมวดเข้าหากันอีกครั้งเมื่อสิ่งที่เขาจับอยู่มันแปลก ๆ ไป...อีนาฬิกาปลุกหอกนั่นปกติมันต้องแข็ง ๆ ไม่ใช่เหรอวะ...ไอ้ที่จับ ๆ นี่มันก็แข็งนะแต่ว่า...
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นแล้วก็รู้สึกอุ่น ๆ ตรงช่วงแก้มแถมได้กลิ่นแปลก ๆ ที่ไม่คุ้นชินอีกด้วย ไม่ครับไม่...มันไม่ใช่กลิ่นเหม็นอะไรหรอก แต่มันไม่ใช่กลิ่นหมอนของเขาน่ะสิ! พอลุกขึ้นได้นิดหน่อยก็ต้องเพ่งตามองเมื่อสิ่งที่เขาเห็นนั่นมันช่างเหมือนกับความฝัน
1.หน้าไอ้เชี่ยจงอิน
2.มือเขาที่วางอยู่บนเป้ามัน
“อรุณสวัสดิ์”
“................”
เซฮุนขยี้ตาตัวเองแรง ๆ เมื่อสิ่งแรกที่เขาเห็นตอนลืมตาขึ้นในเช้าวันใหม่ก็คือเบ้าหน้าของคนที่ย้ำนักย้ำหนาว่าเอียนสุดขีด เปลือกตากระพริบปริบ ๆ เพ่งมองให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้มันไม่ใช่ภาพลวงตา นัยน์ตาเรียวเบิกโพลงพร้อมกับอ้าปากเตรียมจะร้องแต่ก็ถูกมือหนาตะปบเอาไว้ได้ทัน
“อื้ออออ!!!”
“ชู่ววว์...” จงอินส่ายหน้าพร้อมกับชูนิ้วชี้ขึ้นมากระดิกห้ามอีกคนไม่ให้แหกปากลั่นบ้าน เซฮุนพยายามแกะมือหนาออกหากแต่ร่างสูงกลับคว้าร่างเขาเอาไว้แล้วพลิกให้มานั่งซบกับอกเขาเสียอย่างนั้น
“ไม่เอาไม่ร้องนะ เอ่เอ๊~”
“เอ่เอ๊อ่อง!!!! (เอ่เอ๊พ่อง)” เซฮุนยังคงดิ้นทุรนทุราย เขาพยายามแกะมือนั้นออก พอไม่ได้ผลก็พยายามตะกุยหน้าจงอินสุดชีวิต ในหัวเด็กหนุ่มเอาแต่พร่ำพรรณนาว่าถ้าเกิดเขาหลุดออกไปได้เมื่อไหร่นะไอ้เชี่ยจงอินมีหัวแตกแน่ล้านเปอร์เซ็น!!
“เขินจริง ๆ ไม่คิดว่าน้องชายสุดที่รักจะเข้ามานอนกอดให้ความอบอุ่นในค่ำคืนอันเหน็บหนาวแบบนี้”
“อื้ออออ!!!! ...ฮึ?” เดี๋ยว? เข้ามานอนกอด...อะไร?
“ก็ไม่ได้อยากห้ามหรอกนะ แต่พอนึกขึ้นได้ว่ามึงอาจจะต้องอายเพราะเป็นฝ่ายออกไปนอนห้องลู่หานแล้วเสือกกลับเข้ามานอนกอดกูแบบนี้”
“ฮึ...?” ร่างบางหยุดดิ้นพลางใช้ความคิด เขากวาดสายตาไปรอบ ๆ ตัวแล้วก็แกะมือหนาออกซึ่งร่างสูงก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“ไง? ยังอยากแหกปากอยู่ไหม?” จงอินยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ คนที่นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่อีกทั้งผมเผ้ายังชี้โด่เด่ ซึ่งในสายตาจงอินแล้วมันโคตรจะน่าแกล้งเลยครับ...
“พ่อมึงตาย”
“ยัง ๆ ยังไม่ตาย” จงอินหัวเราะแล้วก็ต้องหน้าหันเมื่อถูกมือนิ่ม ๆ นั่นตบหน้าเข้าอย่างแรง
“เออนะ มือของมึงนี่มีอิทธิพลต่อร่างกายกูจริง ๆ ทั้งตบ ทั้งบีบ ทั้งคลึง เล่นเอาเสียวไปทั้งตัวเลย อา...” ใบหน้าหล่อพูดเสียงแหบพร่าใกล้หูคนที่นั่งทำหน้าใกล้ตายพร้อมกับส่งเสียงครางเหมือนก่อนหน้านี้
แม่งเอ๊ย! กูเสือกเผลอไปกดปิดปิกาจู๊มึงแทนนาฬิกาปลุกสินะอีนรก! พอได้ยินอย่างนั้นร่างบางกลั้นอารมณ์เดือดไว้ไม่ไหวอีกต่อไป เขาตัดสินใจผลักไอ้หอกหักจงอินลงไปบนเตียงแล้วขึ้นคร่อมพร้อมกับจิกหัวทึ้งลงกับเตียงรัว ๆ
“กวนตีนนักนะมึง!”
ร่างสูงโอดครวญด้วยความเจ็บปวดแต่เขาก็ยังมีเรี่ยวแรงหัวเราะกับสิ่งที่เป็นอยู่ มือหนาจับข้อมือเล็กที่กำลังทึ้งหัวเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้เซฮุนกระทำชำเราเขาหนักหน่วงไปกว่านี้ แต่ทุกการกระทำต้องหยุดลงเมื่อประตูเปิดออกพร้อมกับคนสามคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นในสภาพเต็มยศ
“พวกเธอทำอะไรกันน่ะ?”
-------------------------------------------
บนโต๊ะอาหาร
บรรยากาศมาคุเริ่มแต่เช้าเพราะใครบางคนที่นั่งทำหน้าหงิกอยู่บนโต๊ะ เซฮุนส่งสายตาคาดโทษไปยังคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม เขากำส้อมไว้ในมือแล้วจิ้มไส้กรอกจนทะลุ จงอินยักคิ้วกวนใส่จนลู่หานต้องสะกิดให้หยุด คนที่เป็นผู้ใหญ่ที่สุดได้แต่ปลงตกแล้วลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อสูทที่แขวนอยู่บนราว
“พ่อจะไปแล้วเหรอครับ?” ลู่หานถาม
“อื้ม พ่อมีประชุมแต่เช้าน่ะ เราไปโรงเรียนเองได้ใช่ไหม?” ลู่หานพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ผมโตแล้วนะครับพ่อ อีกอย่าง...ผมมีจงอินอยู่แล้วทั้งคน” ประโยคนี้ทำเอาคนที่นั่งปั้นหน้าหงิกหูผึ่งขึ้นมา จะว่าไปแล้วมันอาจจะเป็นประโยคธรรมดาทั่วไปที่พี่น้องคุยกัน แต่พอนึกขึ้นได้ว่าไอ้เชี่ยจงอินกับพี่ลู่หานไม่ได้เป็นพี่น้องในไส้กันแล้วก็ตะหงิดแปลก ๆ
มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ ๆ
“เดินทางดี ๆ นะคะ” ผู้หญิงคนเดียวในบ้านพูดพร้อมกับกระชับเน็กไทให้กับคนรัก ในใจอยากจะแซะว่า ‘ไม่จูบลากันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ’ แต่ก็ต้องเงียบปากไว้เพราะกลัวพ่อของไอ้เชี่ยจงอินมองว่าเขาเป็นเด็กสันดานไม่ดี
“เรายังทำงานสอนพิเศษอยู่หรือเปล่าเสี่ยวลู่?” คนเป็นพ่อหยุดชะงักแล้วหันมาถามคนที่เขาคิดว่าเหมือนลูกแท้ ๆ คนหนึ่ง ลู่หานยิ้มแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ยังทำอยู่ครับ”
“แล้วแบบนี้เราจะกลับยังไงล่ะ? นี่ก็เพิ่งมาบ้านหลังนี้ครั้งแรก พ่อว่าให้จงอินไปรอรับกลับพร้อมกันดีไหม?” ประโยคนี้ช่างกระตุกต่อมเสือกโอเซฮุนยิ่งนัก มีสอนพิเศษแล้วยังไง? ทำไมต้องกลับมาที่นี่อีก?
“ไม่ดีกว่าครับ” สองพี่น้องตอบพร้อมกัน เซฮุนเพ่งมองคนทั้งสองที่ทำหน้าเรียบเฉยราวกับว่าเรื่องที่พูดออกมามันเป็นเรื่องปกติ
“ผมกลับเองได้ พ่อไม่ต้องห่วงนะครับผมโตแล้ว” ลู่หานยิ้มบาง ๆ คนเป็นพ่อยิ้มตอบแล้วเดินเข้ามาลูบหัวลูกชายคนโตด้วยความเอ็นดู
“พ่อเขาคงเป็นห่วงน่ะจ๊ะ เพราะอาก็เป็นห่วงเซฮุนเหมือนกัน กว่าจะเลิกเรียนพระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว อาไม่อยากให้กลับดึก ๆ ดื่น ๆ ตามลำพังถ้ากลับพร้อมกันได้ก็คงจะดีกว่า”
“เดี๋ยวนะแม่ แล้วทำไมต้องกลับพร้อมกันด้วยล่ะ เออผมเข้าใจว่าแม่จะแต่งงานกับคุณลุง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า...”
“แม่กับคุณลุงคิดว่าจะให้ลู่หานกับจงอินจะมาอยู่ที่บ้านเราจ๊ะ”
“.................”
“ผมต้องรีบไปประชุม ที่เหลือฝากด้วยนะที่รัก” คนเป็นพ่อโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มว่าที่ภรรยาฟอดใหญ่ เซฮุนมองด้วยความขัดใจก่อนจะหรี่ตามองไอ้ดำที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
หลังจากที่หัวหน้าครอบครัวคนใหม่เดินออกไป บนโต๊ะอาหารก็กลับเข้าสู่บรรยากาศมาคุอีกครั้ง จงอินยังคงเจริญอาหารที่อยู่บนโต๊ะผิดกับเซฮุนที่จ้องเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อ
“กูถามหน่อย ทำไมมึงต้องเอาชุดกูไปใส่ด้วย”
“ก็ชุดกูไม่ได้ซัก ยืมใส่หน่อยจะเป็นไรไป ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จริงไหมครับคุณแม่?” ร่างสูงหันไปขอความเห็นจากคนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ เธอยิ้มเขินเมื่อได้ยินจงอินเรียกแบบนั้น
“จ๊ะ...”
“โหยแม่! แล้วพี่ลู่ล่ะ เห็นไหมว่าเขายังใส่ชุดเดิม เขารู้จักเกรงอกเกรงใจคนอื่นไม่เสร่อมาขอยืมชุดคนอื่นใส่เหมือนมึงอ่ะ”
“พี่ซักแล้วล่ะเซฮุน...”
“ห๊ะ? อ...อ้าว...เออ แล้วทำไมมึงไม่เอาไปซักพร้อมกับของพี่ลู่ซะเลยวะ”
“เมื่อคืนง่วง จบนะ”
“สัด อ้างตลอดอ่ะมึง แล้วดูดิ ชื่อกูเด่นหราอยู่บนเสื้อซะขนาดนั้น เพื่อนในห้องได้เข้าใจกูผิดพอดี”
“เข้าใจถูกต่างหาก”
“ถูกตีนกูนี่ไง”
“เซฮุน...” น้ำเสียงดุ ๆ แผดไปยังลูกชายคนเดียวที่กำลังทำตัวไม่น่ารักกับสมาชิกใหม่ในบ้าน เซฮุนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วชันเข่าขึ้น
“ถ้านายรู้สึกไม่ดี เราสองคนจะไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ได้นะ” ลู่หานยิ้มบาง ๆ แต่ประโยคที่พูดออกมาจากความรู้สึกนั่นมันทำให้เซฮุนสตั้นไปสามวิ
เวร ทำไมพอพี่ลู่พูดแล้วกูต้องรู้สึกผิดด้วยวะ -*-
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น พี่ลู่อ่ะอยู่ได้แต่ไอ้เชี่ยจงอิน...มึงกลับไปอยู่บ้านมึงนะครับนะ” เซฮุปัดมือไล่
“ไม่ได้หรอก ลู่หานอยู่ที่ไหนกูก็อยู่ที่นั่น” จงอินพูดก่อนจะกระดกนมสดขึ้นดื่มจนหมดแก้ว “แล้วบ้านหลังนั้นกูสองคนก็ยกให้เป็นเรือนหอไปแล้วด้วย” ร่างสูงยักคิ้ว
“โอ้โห ก่อนจะตกลงอะไรกันนี่เคยถามความสมัครใจกูบ้างไหม” เซฮุนแค่นหัวเราะพลางหันไปมองคาดโทษคนเป็นแม่ “แม่ก็อีกคน”
“เซฮุนนา...แม่ขอเถอะ เปิดใจรับพี่ ๆ เขาหน่อยไม่ได้เหรอ?” น้ำเสียงเว้าวอนถูกส่งมายังลูกชายหัวรั้น เซฮุนถอนหายใจแล้วลุกไปคว้ากระเป๋า
“แม่อยากเปิดก็เปิดไปคนเดียวเถอะ ไอ้เชี่ยจงอินเกิดก่อนผมกี่เดือน ทำไมผมต้องไปเรียกมันพี่ด้วย บ๊ายบาย” เซฮุนสะพายเป้แล้วเดินออกจากบ้านไป คนเป็นแม่กุมขมับ เธอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนกับความดื้อดึงของลูกชาย ลู่หานวางมือลงบนบ่าเล็กพร้อมกับบีบเบา ๆ ให้กำลังใจ
“คุณอาไม่ต้องคิดมากนะครับ น้องแค่ยังปรับตัวไม่ได้น่ะ” ลู่หานยิ้ม เธอเงยหน้าขึ้นมามองหนุ่มหน้าหวานแล้วก็พยักหน้ารับ
“อาต้องขอโทษแทนเซฮุนด้วยนะจ๊ะ”
“ไม่ต้องขอโทษแทนมันหรอกครับ คนทำผิดต่างหากที่ต้องพูดว่าขอโทษ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจะจัดการเอง...คุณแม่เตรียมตัวแค่เรื่องงานแต่งก็พอ” จงอินกระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับลุกขึ้นบิดตัวจนเกิดเสียงดังกร๊อบ ลู่หานลอบยิ้มน้อย ๆ เมื่อนึกถึงภัยที่กำลังจะมาเยือนโอเซฮุนในอีกไม่ช้านี้
คิมจงอินเป็นคนยังไง...ลู่หานรู้ดีที่สุด
-------------------------------------------
ม.ปลาย ปี 2 ห้อง B
ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องเรียนเซฮุนก็ย่างสามขุมเข้าไปหยุดตรงที่นั่งข้างหลังสุดด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เขาหันไปมองโต๊ะข้าง ๆ ก่อนจะเห็นเพื่อนสนิทกำลังนอนอ้าปากอยู่แล้วก็หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม แทนที่ไอ้ห่าชานยอลมันจะนั่งผงาดคอรอเขาแล้วทำหน้าเลิ่กลั่กด้วยความรู้สึกผิดหรืออะไรก็ได้ที่มันริอาจหนีกลับบ้านเมื่อวานนี้ทั้งที่เขากำลังเจอวิกฤตอยู่ แต่นี่แม่งเสือกหลับเฉ๊ย!
ปัง!
“มาครับ!”
ชานยอลลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทันทีที่ได้ยินเสียงคนข้าง ๆ กระแทกกระเป๋าลงบนโต๊ะ พอตั้งสติได้คนตัวสูงก็เกาหัวแกร่ก ๆ ก่อนจะใช้มืออีกข้างเช็ดคราบน้ำลายตรงมุมปากแล้วหันไปมองเซฮุนที่นั่งทำหน้านอยแดกอยู่
“ว่าไงเพื่อน เหยียบขี้หมามาเหรอวะ”
“เปล่า แต่กำลังจะเหยียบปากคนแถวนี้” เด็กหนุ่มพูดลอย ๆ เมื่อเห็นร่างสูงเดินตามเข้ามาติด ๆ จงอินหยัดตัวนั่งลงบนที่นั่งติดขอบหน้าต่างก่อนที่คิมมินซอกเพื่อนสนิทจะเลื่อนเก้าอี้เข้าไปนั่งคุยด้วย จะเรียกว่าคุยหรือประจบดีวะ
“เออ นึกออกละว่าจะถามอะไร เมื่อวานอ่ะ” ชานยอลถ่อหน้าเข้ามาด้วยความตื่นเต้น เซฮุนนึกรำคาญความขี้เสือกของไอ้ห่านี่แต่ถ้ามันถามแล้วเขาไม่เล่าแม่งก็จะคะยั้นคะยอให้เขาเล่าจนได้นั่นแหละ
“กูถามก่อน เมื่อวานมึงหายหัวไปไหน”
“ก็ไม่ได้หายไปไหน พอดีเพิ่งนึกได้ว่าลืมของไว้ในห้องไง คนมันตกใจอ่ะมึง กลัวของหายเลยรีบวิ่งกลับไปเอา” ชานยอลปั้นหน้าปั้นตาพูด
“ไม่ใช่รีบกลับไปเจอพี่ชายข้างบ้านหรอกเหรอ? หึ...แม่งเหี้ยไม่มีใครเกินละมึงอ่ะ ทิ้งกูไว้ให้ความมืดครอบงำอยู่คนเดียว” เซฮุนแซะด้วยความหมั่นไส้ พี่ชายข้างบ้านที่มันแอบชอบมานานแต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร พอจะเล่นมุขตื้อแหลกเพื่อเค้นเอาความจริงแบบที่ชานยอลมันชอบทำบ้างแต่แม่งก็แถไปเรื่องอื่นได้ทุกที ไม่รู้จะอายอะไรนักหนา
“เออน่า มึงก็เล่ามาสักทีสิว่าเรื่องเป็นมายังไงทำไมเมื่อวานแม่มึงกับพ่อไอ้จงอินถึงมาด้วยกันได้” ชานยอลถาม
“เหอะ คิดแล้วเซ็ง”
“เซ็งอะไรวะ?”
“แม่กูกับพ่อมันกำลังจะแต่งงานกันอ่ะดิ ไอ้เหี้ย แต่งงานเลยนะมึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่กูเสือกรู้เป็นคนสุดท้ายอ่ะมึงคิดดู รู้ทีหลังไอ้เชี่ยจงอินอีกสัด...” เซฮุนกระซิบเบา ๆ ชานยอลทำตาปริบ ๆ แล้วรีบเอามือตะปบปาก
“เยดดดดดดดดดดดดดดดดด...”
“เงียบไว้เลยนะมึง กูอยากให้เรื่องนี้เป็นความลับไปจนกว่าจะเรียนจบ ห่า รู้ถึงไหนได้อายถึงนั่น”
“งั้นก็หมายความว่าต่อไปนี้พวกมึงก็...”
“ห้ามพูดคำว่าพี่น้องเด็ดขาด มันเป็นคำต้องห้าม ถ้ามึงใช้คำนั้นระหว่างกูกับมันเมื่อไหร่เราขาดกัน” เซฮุนชี้หน้าเพื่อนตัวสูง ชานยอลเม้มปากแน่นนึกอยากจะหัวเราะให้ก้องโลก ให้ตายเถอะ เขาอยากจะเอาเรื่องนี้ไปโพนทะนาให้ทั่วโรงเรียนจริง ๆ
“แล้วยังไงต่อ มึงต้องย้ายไปอยู่บ้านไอ้จงอินป่ะวะ?”
“ไม่ย้าย แต่พวกแม่งทำท่าว่าจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านกู ไม่ได้ทำท่าดิ...แม่งจะย้ายมาอยู่เลยล่ะ” เซฮุนมองไปยังใครอีกคนที่กำลังหัวเราะอย่างออกรส แหม่...ชีวิตมึงช่างสุขสันต์จริง ๆ นะจงอิน...
“หมายความว่าจงอินกับพี่ลู่ก็จะย้ายเข้ามาอยู่บ้านมึง ใช่ป่ะ?”
“เออ เรื่องของเรื่องคือถ้าเป็นคนอื่นนะกูจะไม่เดือดร้อนอะไรเลย มึงเข้าใจอารมณ์กูป่ะ สมมติถ้าเป็นมึงงี้ แล้วแม่มึงต้องแต่งงานกับพ่อไอ้เตี้ยแบคฮยอนมึงจะโอเคป่ะ”
“ผมทำไมเหรอฮะ (‘w’)/ ” คนถูกพาดพิงเสนอหน้าเข้ามาในวงสนทนา เซฮุนเอามือดันหน้าคนตัวเล็กออกไปให้พ้นพิกัดความเสือกทั้งที่ยังจ้องหน้าชานยอลอยู่
“เอาใหม่ สมมติว่าพ่อมึงต้องแต่งงานกับแม่ไอ้มินโฮก็ได้” คราวนี้ไม่มีพลาด เซฮุนพอจะจำได้ว่าชานยอลมันเคยมีเรื่องกับมินโฮปีสามมาก่อนช่วงกีฬาสีปีที่แล้ว เด็กหนุ่มมั่นใจว่าชานยอลมันต้องเข้าถึงความรู้สึกเขาได้แน่ ๆ
“โห แม่กูแต่งงานกับพ่อไอ้เตี้ยแบค แล้วพ่อกูยังต้องไปแต่งงานกับไอ้เหี้ยพี่มินโฮอีก ชีวิตพังรัว ๆ ” ชานยอลหัวเราะร่าจนเซฮุนอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยตบกระบาลแยกไปทีนึง
“สัด กูเปรียบเทียบได้ป่ะ”
“โหย ไรมึงวะ ก็ไม่เห็นจะแย่อะไรเลย มึงลองมองในแง่บวกดิ”
“เออ กูมองจนจะบวกกับแม่งอยู่ละเนี่ย” นัยน์ตาเรียวเหล่มองไปยังคนที่หันมาสบตากับเขาพอดี อะไรครับคิมจงอิน มองแบบนั้นมึงอยากขึ้นสังเวียนไทยไฝว้กับกูเหรอ เดี๋ยวมึงเดี๋ยว
“มึงต้องทำหน้าที่ลูกที่ดีนะเซฮุน แม่มึงเปลี่ยวมากี่ปีแล้วตั้งแต่เลิกกับพ่อมึงไป ให้เขามีความสุขบ้างเถอะ ส่วนมึงกับไอ้จงอินก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนกับตอนนี้ดิ ตอนอยู่บ้านก็คิดซะว่าเป็นโรงเรียน มันนั่งนั่น มึงนั่งนี่ ก็แค่หายใจร่วมกันในห้อง ง่าย ๆ ”
“นี่มึงปลอบกูแบบขอไปทีใช่ป่ะ -_-” เซฮุนมองอย่างหงุดหงิด แม่งพูดซะง่าย พอเอาเข้าจริง ๆ แล้วมันยากนะเว้ย!
“อ้าว ทำไมมึงใส่เสื้อเซฮุนมาวะจงอิน?” เสียงนี้ทำให้ทั้งคู่หันควับไปมองตามต้นเสียง ซึ่งนั่นก็คือคิมจุนมยอนหัวหน้าห้องที่กำลังเดินมาเช็คความเรียบร้อยของเพื่อนร่วมห้องพร้อมกับเอาสมุดรายงานไปส่งครูแทนทุกคนด้วย แม่งแสนดีพระเอกเหลือเกิน แต่เรื่องเสือกนี้ก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน
“อ๋อ เสื้อกูไม่แห้งน่ะ”
“ไม่แห้งพ่อง มึงไม่ซักเสื้อต่างหาก!” เซฮุนตะโกนใส่คนที่นั่งเยื้องเขาไปประมาณสามที่นั่ง ตอแหลหน้าตายนะมึง ทุกสายตาในห้องหันมามองทั้งคู่เป็นตาเดียวกัน ต่อมเสือกเต้นตุบ ๆ อย่างพร้อมเพรียง
“ห๊ะ? ไม่แห้งแล้วเกี่ยวอะไรกับเสื้อตัวนี้วะอย่างกับว่าเมื่อคืนค้างด้วยกัน?”
“มึงพูดถูกแล้วล่ะ” จงอินหัวเราะแล้ววางสมุดรายงานลงบนมือหัวหน้าห้อง
“เยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“เอาละเว๊ย! กูว่าแล้วแม่งต้องเป็นพวกลิ้นกับฟัน แรก ๆ ก็ฉะกันอยู่หรอก...แต่ตอนนี้คงเปลี่ยนเป็นลิ้นคงพันกันแทนสินะ”
“เงียบปากไปเชี่ยจงแด”
“อั่ยย่ะ!”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะเว้ย” เซฮุนกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เขายกมือขึ้นอ้าปากพะงาบ ๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับเรื่องนี้ดี จะบอกเพื่อนในห้องมันก็ไม่จำเป็นป่ะ กระดากปากจริง ๆ ถ้าจะบอกว่าพ่อแม่เขาจะแต่งงานกันแล้วต้องมาอยู่ชายคาบ้านหลังเดียวกันไอ้เชี่ยจงอินอย่างไม่เต็มใจเนี่ย
“เอาเป็นว่าต่อไปนี้กูกับเซฮุนกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
“อื้อหือ! เต็มปากเต็มคำเลยนะ ใครอยากเป็นครอบครัวเดียวกับมึงเหรอครับให้กูถามหน่อย” เซฮุนเอาคางเกยไหล่ชานยอลพร้อมกับพูดถากถางอีกคน จงอินเอี้ยวหน้าหันกลับมามองร่างบางก่อนจะลุกขึ้นไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะ
“ไม่อยากเป็นครอบครัวเดียวกันก็ไม่เป็นไร แต่คืนนี้จะแอบมานอนกอดกูตอนกลางคืนอีกก็ได้นะ แล้วจะไม่ล็อคประตู”
ประโยคนี้ทำเอาทุกคนในห้องนิ่งเงียบไปในบัดดลแม้กระทั่งคนปากดีเอง ดวงหน้าหวานขึ้นสีอย่างห้ามไม่ได้เมื่อจงอินมันจงใจพูดครึ่ง ๆ กลาง ๆ ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดแบบนี้
“เยด...เหี้ยเซฮุนแม่งทำเป็นปากดีแต่ที่ไหนได้...”
“เออ กูเห็นแม่งด่าไอ้จงอินตลอด ไม่คิดว่ามันจะทำแบบนั้นนะเนี่ย”
“พวกมึงเชื่อมันเหรอวะ แม่งตอแหลชัด ๆ ” เซฮุนพยายามแก้หน้าเมื่อเขากำลังถูกเพื่อน ๆ ร่วมห้องรุมแกล้งแม้ว่าเรื่องที่จงอินพูดมาทั้งหมดจะเป็นความจริงก็ตาม orz
“หรือมึงจะเถียงว่าไม่ใช่”
“( ̄(エ) ̄)”
“ไม่เถียง...งั้นก็แสดงว่า...”
ครืดดด...
“เซฮุน!” เสียงจากคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องเรียกให้ทุกสายตาหันไปมอง เด็กหนุ่มเกือบยี่สิบคนทำตาเป็นประกายเมื่อเห็นรุ่นพี่หน้าหวานที่แวะมาเยี่ยมเยียนห้องนี้อยู่บ่อยครั้งเดินเข้ามาข้างใน
“เฮ้ยมึง พี่ลู่มาหามึงอ่ะ” ชานยอลสะกิดคนที่กำลังนวดขมับตัวเองรัว ๆ เซฮุนเงยหน้าขึ้นก่อนที่ลู่หานจะยื่นอะไรบางอย่างมาให้
“ข้าวกล่องน่ะ พี่ทำมาเผื่อนายด้วย ถ้านายเบื่อที่จะกินมื้อเที่ยงในห้องก็ขึ้นไปกินกับพี่บนดาดฟ้าได้นะ” ลู่หานยิ้มพร้อมกับขยี้หัวเซฮุนเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ทุกสายตามองรุ่นพี่หน้าหวานกับเพื่อนร่วมห้องสลับกันไปมา
“จงอิน วันนี้พี่ทำไข่ม้วนล่ะ” ร่างโปร่งหันไปบอกน้องชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น ร่างสูงพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนที่ลู่หานจะเดินออกไป
“.................”
“เยดดดดด กูว่าชัดแล้วล่ะ พี่ลู่เข้ามาเทคแคร์ไอ้เชี่ยฮุนซะดิบดีแบบนี้กูว่าใช่แน่” <- จุนมยอน
“ยังไงวะ กูยังงง ๆ อยู่เลยเนี่ย สรุปพวกมึงไปญาติดีกันได้ยังไง แล้วครอบครัวอะไรนั่นคืออะไร?” <- จงแด
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่พ่อกูกับแม่มันกำลังจะแต่งงานกัน” <- เชี่ยจงอิน
เซฮุนเอาหัวโขกกับโต๊ะซ้ำ ๆ ด้วยความอับอาย ทั้งที่เขาตั้งใจจะเก็บไว้เป็นความลับแท้ ๆ...
-------------------------------------------
พักเที่ยง
สุดท้ายโอเซฮุนก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าดาดฟ้าพร้อมกับข้าวกล่องในมือ ใช้เวลาตัดสินใจตั้งแต่คาบแรกจนถึงเที่ยงอ่ะครับคิดดูว่าเครียดแค่ไหน เออ แล้วทำไมกูต้องมานั่งกินข้าวกับพี่ลู่ด้วยวะ -*-
แต่เดี๋ยวนะ!!! โอเซฮุน!!! มึงลืมอะไรไปหรือเปล่า?!!!
‘จงอิน วันนี้พี่ทำไข่ม้วนล่ะ’
ที่พูดแบบนั้นแสดงว่าไข่ม้วนต้องเป็นของโปรดของไอ้หอกนั่นแน่ ๆ แค่คิดว่าจะต้องนั่งกินข้าวร่วมกับมันเหมือนเมื่อเช้านี้แล้วก็นึกเปลี่ยนใจกระทันหัน เซฮุนทำท่าจะเดินกลับแต่ก็ต้องผงะถอยหลังเมื่อประตูเปิดออก
“อ้าว...มาจริง ๆ ด้วยแฮะ” ลู่หานยิ้ม เซฮุนหัวเราะแห้ง ๆ พลางมองไปรอบ ๆ ว่ามีไอ้เชี่ยดำอยู่ข้างในนั้นหรือเปล่า
“พี่กำลังจะลงไปซื้อนมพอดี นายเอาอะไรไหม?”
“เอา...?” เอาอะไรล่ะ กูจะกลับแล้วโนวววววววววว T_T
“น้ำผลไม้รวมแล้วกันนะ” ลู่หานตัดสินใจแทนก่อนที่ร่างของเซฮุนจะเดินไปตามแรงดึงที่รุ่นพี่ลากเข้าไป วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสที่มีแดดอ่อน ๆ สาดส่องลงมา บอกตรงนี้เลยว่าโอเซฮุนไม่เคยมานั่งชิลบนดาดฟ้าแบบนี้เลยสักครั้งตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่
“รอแป๊ปนึงนะ” ลู่หานยิ้มแล้วรีบวิ่งออกไป ทันทีที่เสียงประตูปิดลงเด็กหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเพราะก่อนหน้านี้เขาเกร็งจนรู้สึกอึดอัดตอนอยู่หน้ารุ่นพี่
ทำไมต้องเกร็งด้วยวะ -*-
“ไม่น่ามาเลยกู” เซฮุนพึมพำพลางเอนหลังนอนลงกับพื้นซีเมนต์แล้วจ้องมองไปยังก้อนเมฆบนท้องฟ้าที่กำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าราวกับต้องมนต์สะกด ลมเอื่อย ๆ กระทบดวงหน้าหวานจนรู้สึกเคลิ้มไปตามบรรยากาศก่อนที่เปลือกตาบางค่อย ๆ ปิดลง
“เมื่อคืนนอนไม่พอเหรอไง?”
จากที่กำลังเคลิ้มจะหลับร่างบางก็ต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที ใบหน้าเรียวหันซ้ายขวามองห้าต้นเสียงซึ่งไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่ามันเป็นเสียงของใคร แต่ยังไม่ทันจะเห็นมารหัวขนก็ต้องกุมหัวตัวเองเมื่อมีอะไรบางอย่างตกลงใส่หัวเขา
กล่องนมสด?
เซฮุนหยิบกล่องนมสดที่ถูกขยำจนยู่ยี่ขึ้นมาดูก่อนจะเงยหน้าขึ้น มือเรียวยกขึ้นป้องระดับสายตาเมื่อแสงแดดสาดส่องเข้ามาในระดับนี้พอดี หรี่ตามองอยู่ครู่เดียวก็พบว่ามีใครคนหนึ่งนั่งอยู่บนแทงค์น้ำข้างบนนั่น
แค่นี้มึงยังดำไม่พอสินะถึงได้ขึ้นไปตากแดดบนนั้นน่ะ...
“หน้ากูเหมือนถังขยะเหรอสัด โยนมาทำหอกไร” ร่างบางเขวี้ยงกล่องนมขึ้นไปแต่จงอินกลับรับไว้ได้อย่างง่าย ๆ จงอินหัวเราะในลำคอก่อนจะโยนมันลงมาใส่หัวเซฮุนอีกครั้ง
“โว๊ยยยยย!!!!”
“ฝากทิ้งหน่อย”
“มึงเป็นใครถึงมาใช้กูแบบนี้ แล้วไม่ต้องตอบว่าพี่ชายนะ เพราะกูไม่รับ!” น้ำเสียงหงุดหงิดแผ่ไปยังคนที่อยู่ข้างบนนั่น จงอินกระโดดลงมาข้างล่างพร้อมกับปัดกางเกงสองสามที เซฮุนมองทุกการเคลื่อนไหวของร่างสูงที่กำลังเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“เป็นพี่ชายก็ไม่ได้?” ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามาใกล้ ๆ หากแต่โอเซฮุนไม่ได้ถดหนีเหมือนครั้งก่อน เขาพอจะรู้ทางของจงอินแล้วว่ามันชอบใช้วิธีนี้เวลาเถียงไม่สู้!
“เออ!”
“งั้นเป็นแฟนได้ไหม?”
“...............”
ประโยคนี้ทำเอาคนปากดีเงียบไปโดยปริยาย มันก็จริงที่เขาสวนกลับได้ทุกดอกแม้ว่าจงอินมันจะเล่นมุขไหนมา แต่มุขนี้เขาไม่เคยเจอครับ และก็ไม่เคยคิดว่าจะเจอด้วย
“อา...น่ารักจริง ๆ ” จงอินหยิกแก้มคนตรงหน้าเบา ๆ ซึ่งเซฮุนก็ไม่ได้ปัดออกอย่างที่เคยเพราะกำลังสตั้นอยู่
“มาแล้ว” เสียงของผู้มาใหม่เรียกสติของเด็กหนุ่มให้กลับคืน เซฮุนถอยหลังออกมาสองก้าวเพื่อทิ้งระยะห่างเพื่อป้องกันตัวจากจงอิน
“อ้าว มินซอก?” จงอินเดินสวนร่างบางไปพร้อมกับรับน้ำฝรั่งจากอีกคนมาถือไว้
“พอดีพี่เห็นน้องนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวก็เลยชวนมากินด้วยกันน่ะ” ลู่หานหันไปมองคนข้าง ๆ ที่เอาแต่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ มินซอกพยายามจะแกะมืออีกคนออกแต่ก็ไม่เป็นผล
“พี่บังคับผมมาต่างหากล่ะครับ...”
“ฮะ ๆ ทานคนเดียวมันเหงานะ มาเถอะ” ร่างโปร่งจูงมืออีกคนให้เดินไปนั่งตรงที่มีข้าวกล่องวางไว้รออยู่แล้ว เซฮุนเอี้ยวหน้าหันกลับไปแล้วก็อยากบ้า เขาเดินกลับห้องตอนนี้ทันไหม
เอาวะ! ถึงมันจะเป็นวิธีควาย ๆ ไปสักหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าการที่ต้องนั่งขมิบดากกินข้าวกับคนพวกนี้ จริงอยู่ที่พี่ลู่กับไอ้มินซอกไม่ได้ทำผิดอะไร แต่เพราะมีไอ้เชี่ยจงอินอยู่นั่นแหละทุกอย่างมันเลยเป็นแบบนี้ เซฮุนล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับเอามาแนบหูทำท่าคุยโทรศัพท์
“ฮัลโหล ๆ เออชานยอลว่าไงวะ? อ๊อ ๆ ยังว่ะ อะไรนะ? ได้ ๆ เดี๋ยวกูลงไปเดี๋ยวนี้เลย” ได้ผล ทุกคนหันมามองเขาและคาดว่าคงได้ยินเต็มสองเบ้าหูทุกประโยค ทีนี้ก็ปลดปล่อยกูไปได้แล้วนะครับนะ
“พอดีชานยอลมันไม่มีเพื่อนกินข้าวอ่ะพี่ โทษทีนะ” เซฮุนชี้โทรศัพท์พลางหัวเราะแห้ง ๆ พร้อมกับเดินถอยหลังไปที่ประตู ยอมรับครับว่าตอนนี้โอเซฮุนเกรงใจพี่ลู่อยู่คนเดียว ส่วนไอ้จงอินกับไอ้มินซอกน่ะปล่อยแม่งให้มดเจาะไปเถอะ
“อ้าว? แต่เมื่อกี้ตอนลงไปซื้อน้ำพี่เดินสวนกับชานยอล เขาบอกว่ากินข้าวแล้วนี่”
“( ̄(エ) ̄)”
“เห็นว่าจะไปเล่นบาสด้วย อ่ะ...นั่นไง” ลู่หานชะเง้อหน้าออกไปนอกดาดฟ้าพร้อมกับมองไปยังสนามบาสที่มีกลุ่มนักเรียนชายกำลังวิ่งแย่งลูกกลม ๆ สีส้มกันอยู่
“ฮึ...” จงอินหลุดขำออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของเซฮุน เด็กหนุ่มยืนใบ้แดกอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งลู่หานเข้ามาลากให้เขาเข้ามานั่งด้วยกัน
สัดเอย...
ทำไมโชคชะตาช่างกลั่นแกล้งโอเซฮุนได้ถึงเพียงนี้วะครับ...
-------------------------------------------
TBC
TALK
คือไม่รู้จะพูดอะไรกับฟิคเรื่องนี้จริง ๆ นอกจากความเอาแต่ใจของเซฮุนกับความดิบของจงอิน และความหลงพี่ลู่โดยส่วนตัวของเราค่ะ 55555555555555555555555555555555555555555
ความคิดเห็น