คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 - คืนแรก
Chapter 1
คืนแรก
แกร่ก ๆ ๆ ปั่ก!
“กดเบา ๆ หน่อยสัด คีย์บอร์ดรุ่นนี้กูซื้อมาแพง” เซฮุนมองไปยังใครอีกคนที่แย่งพื้นที่ส่วนตัวของเขาไปหลังจากที่แม่ได้ออกคำสั่งมาว่า ‘ให้จงอินยืมคอมพ์พิมพ์งานหน่อย’ คือไม่เข้าใจครับว่าแม่งจะมาเสือกขยันอะไรเอาตอนนี้ ปกติไม่เคยเห็นมันจะสนใจห่าอะไรวัน ๆ ดีแต่หิ้วกระเป๋าถือพาดไหล่เข้ามาในห้องตอนคนทั้งโลกเขาหมดคาบโฮมรูมแล้ว
อีกอย่างหนังหน้าอย่างมันไม่น่าจะทำการบ้านเองนะ สงสัยจริง ๆ ว่ามันทำเองหรือไปเอามีดจ่อคอเด็กเรียนสักคนให้เป็นขี้ข้าคอยทำการบ้านให้มันกันแน่ ตอนแรกก็กะจะไม่ให้มันยืมคอมพ์หรอกนะครับแต่พอหันไปป๊ะหน้ากับพ่อมันแล้วจิตใต้สำนึกความเป็นคนดีก็พุ่งปรี๊ดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ห่าเอ๊ย นี่เหรอพิมพ์งานของมึง เดี๋ยวพับหน้าจอไปตอดเฟซบุ๊คเดี๋ยวสลับหน้าจอไปอัพทวิต ชีวิตมึงจะร็อคเกินไปละ
จงอินหันมาทำหน้าตาเฉยใส่เจ้าของคอมพิวเตอร์ที่นั่งทำหน้าแมวอยู่บนเตียงแล้วก็ยักคิ้วกวนพลางหยิบขนมที่แม่เขาเป็นคนทำใส่ปากด้วยท่าทางปริ่มสุข สบตากันแค่หกวินาทีพอครับ ถ้านานเกินกว่านั้นกลัวตีนเบอร์ 41 จะลอยไปแปะหน้าคนบางคน
เซฮุนทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหยิบนารูโตะขึ้นมาอ่านเพราะไม่อยากสบตากับไอ้เชี่ยจงอินนานเกินไปกว่านี้ คือถ้าจะให้มองหน้ามันผมยอมไปนั่งดูมดขึ้นเศษอาหารดีกว่าป่ะครับ แต่อ่านไปได้แค่สองหน้าก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่มีสาเหตุ นั่นไงครับ...ไอ้เชี่ยที่นั่งเล่นเฟซบุ๊คอยู่ตรงนั้นมันกำลังเปิดเพลง Crayon แล้วเต้นตามอยู่
มึงคิดว่าตัวเองเป็น GD เหรอ
“เชี่ยดำ เอาเสียงลงดิ๊”
“กูให้มึงเรียกใหม่อีกที”
“เชี่ยดำ”
“.................”
“เชี่ยดามมมม...” เซฮุนลากเสียงยาวพร้อมกับยกยิ้มกวนตีนใส่จนเจ้าตัวต้องหรี่ตามอง จงอินเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าคนแถวนี้กำลังอ้อน(ตีน)เขาอยู่
พรึ่บ!
“อ้าวสัด ปุ่มชัตดาวน์มีทำไมไม่กด ทำงี้คอมกูได้ชิบหายหมดดิ เชี่ยเอ๊ย ทำบุญบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปจริง ๆ ชีวิตมึงเคยทำดีเพื่อสังคมบ้างป่ะกูถาม” เซฮุนดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วบ่นยาวเป็นห่างว่างตามไอ้แห้งเอวยาวที่จู่ ๆ ก็ดึงปลั๊กคอมของเขาออกหน้าตาเฉย จงอินถอดเสื้อออกแล้วถือวิสาสะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
“เฮ้ย มึงจะทำไร นั่นเสื้อกูครับ วางเลยวาง” เซฮุนตีมืออีกคนแล้วแย่งเสื้อยืดสุดที่รักมาไว้แนบอกทันทีที่จงอินทำท่าจะสวมมันเข้าไป ร่างสูงมองคนตรงหน้าที่กำลังแผ่แม่เบี้ยใส่แล้วก็ยักไหล่ไม่ใส่ใจก่อนจะเดินไปนอนลงบนเตียง เซฮุนเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองใครอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงเขาในสภาพกางเกงนักเรียนตัวเดียวแล้วก็อ้าปากหวอ
“โว้ว ๆ พ่อแม่มึงไม่เคยสอนเหรอว่าอย่าเสร่อขึ้นเตียงชาวบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต” เซฮุนเดินไปหยุดข้างเตียงแล้วมองเพื่อนร่วมห้อง แต่ดูเหมือนจงอินจะไม่สนใจประโยคนั้น
“มึงอยากให้กูขอก่อนเหรอ ก็ได้ ขอยืมนอนหน่อยนะน้องรัก”
“น้องรักพ่อง ต่อให้มึงพูดแบบนั้นกูก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้มึงนอนสักหน่อย”
“เอาแต่ใจจัง อย่างนั้นก็ไม่เอา อย่างนี้ก็ไม่ได้ นิสัยเหมือนผู้หญิงเกินไปแล้วมึงอ่ะ”
“เรื่องของกู มึงลุกเลยนะ น้ำก็ไม่อาบเสือกกระแดะโดดขึ้นเตียงชาวบ้าน แม่งเล่นบาสซะเหงื่อโชก กลิ่นเหม็นติดที่นอนกูพอดี”
นิ่ง...
“นี่ก็ห้าทุ่มละกลับบ้านกลับช่องมึงไปได้ละป่ะ ป่านนี้พ่อมึงคงนั่งเชิดคอรออยู่ข้างล่างแล้ว” เซฮุนเอาเสื้อยืดสุดที่รักฟาดตูดคนที่ตีมึนหลับบนเตียงเขา ไล่ขนาดนี้แล้วยังไม่ลุกอีก มึงอยากโดนคมแฝกกูใช่ไหมสัด
“ลุกดิห่า โอ๊ะ!” นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างเมื่อจงอินมันเสือกคว้าเสื้อยืดที่เขาถือเอาไว้ ใบหน้าคมหันกลับมาพร้อมกับกระตุกเสื้ออย่างแรงจนเซฮุนหน้าคะมำลงไปนอนบนเตียงอีกทั้งหัวยังโขกกับผนังห้องอีกด้วย
“โอ๊ยยย!”
“เฮ้ยโทษ ๆ เจ็บหรือเปล่า? เวลาหลับกูไม่เคยรู้ตัวหรอก มึงคงเคยนอนละเมอใช่ไหม?” จงอินยิ้มขำพร้อมกับขยี้หัวอีกคนที่ปั้นหน้าเดือดอยู่ เซฮุนปัดมือหนาออกอย่างแรงด้วยความโมโห จะเอายังไงกับแม่งดีวะ! เห็นหน้าไอ้เชี่ยจงอินแล้วอาการพยาธิเข้าตีนก็กำเริบทุกที คันตีนครับคันตีน!
“ละเมอพ่อง มึงจงใจแกล้งกูชัด ๆ กลับบ้านมึงไปเลยนะสัด ทางออกอยู่ตรงนั้น” นิ้วเรียวชี้ไปยังประตูห้องแต่ดูเหมือนคนถูกไล่จะไม่สะทกสะท้าน จงอินยักไหล่แล้วบิดขี้เกียจ
โอเซฮุนอยากรู้จริง ๆ ครับว่าคิมจงอินมันติดกวนตีนได้ใครมา พ่อมันก็ไม่เห็นมีท่าว่าจะกวนตีนแบบนี้เลยนะ หรือว่าจะได้นิสัยแม่? เอ...แต่มันไม่ได้อยู่กับแม่มันนี่หว่ามันอยู่กับ...
กับ...
“เอ้อ! กูลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ย?!!...ดีล่ะ” เซฮุนยิ้มมุมปากเมื่อนึกอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้
“อะไร?”
“อยากรู้อ่ะดิ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ~” เซฮุนทำท่าอ้อล้อหากแต่คนตรงหน้ากับทำหน้าระอาเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น
“กูไม่อยากรู้หรอก” จงอินทำท่าจะเอนตัวลงนอนต่อแต่ก็ถูกอีกคนคว้าแขนเอาไว้
“พรุ่งนี้พ่อมึงกับแม่กูได้เลิกกันแน่ ทำใจไว้ได้เลย” เซฮุนยักคิ้วอย่างมีชัยผิดกับใครอีกคนที่กำลังทำหน้านิ่งอยู่
“เลิก?”
“เออ มึงไม่ต้องมาไขสือเลยห่า พ่อมึงกับแม่พี่ลู่หานแต่งงานกันมาสามปีแล้วไม่ใช่ไง? คือกูไม่ได้ไปสืบเสาะเรื่องของมึงหรอกนะขอบอกไว้ก่อน พอดีว่าเรื่องนี้มันเสือกเข้าหูกูเอง กูอ่ะรู้แผนการทุกอย่างหมดแล้ว พ่อมึงคงกะจะเคลมแม่กูไปเป็นเมียน้อยล่ะสิ แต่ขอบอกไว้เลยนะว่ากูกับแม่ไม่ได้โง่ ตอนเป็นเด็กแม่ให้กูแดกแต่อาหารดี ๆ ไม่ได้แดกน้ำร้อนชงนมข้นเหมือนมึง แม่กูจบครูมาตอนนี้นางสอนอยู่มหาลัยชื่อดัง แต่กูจะไม่บอกหรอกว่ามหาลัยไหนเดี๋ยวมึงจะอึ้งซะเปล่า ๆ แม่กูฉลาดพอที่จะตัดใจจากพ่อมึงได้อยู่แล้วถ้านางรู้ความจริงอ่ะ” เซฮุนร่ายยาวเป็นมหากาพย์ จงอินได้แต่พยักหน้าแล้วพูด ‘อ้อเหรอ อ้อเหรอ’ อยู่อย่างนั้น
“มึงได้แดกมาม่าแน่ เหตุการณ์ดราม่าวันพรุ่งนี้จะจารึกไว้ในเบ้าสมองกลวง ๆ ของมึงกับพ่อของมึงไปตลอดชีวิตว่าไม่ควรกระตุกหนวดเสือแบบนี้” เซฮุนหรี่ตามองพลางชี้หน้าอีกฝ่าย
“เหรอ จะดราม่ากี่โมงล่ะกูจะได้รีบตื่นมาอาบน้ำอาบท่าแต่เช้า”
“โอ๊ย มึงไม่ต้องรีบก็ได้ กูมีเวลาให้มึงเตรียมตัวจนถึงหลังเลิกเรียนเลยจงอิน” ร่างบางทำมือปัด ๆ ราวกับไม่ยี่หระกับสิ่งที่พูดไป
“เซฮุน”
“ว่า”
“กูมีอะไรจะบอกมึงอย่างนึง”
“กูให้มึงสิบข้อเลยสำลี” เซฮุนหัวเราะร่า
“ข้อแรกคือพ่อกูกับแม่ลู่หานแต่งงานกันสี่ปีแล้ว”
“นั่นไง! แม่งเอ๊ยกูรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้วสิ” วิ่งลงไปบอกแม่ข้างล่างเดี๋ยวนี้เลยดีไหม เอาให้มันหน้าแหกกันทั้งโคตร ชนิดที่ว่าเก็บเศษเบ้าหน้ากลับบ้านแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว
“ข้อสองคือแม่ของลู่หานตายไปแล้วสองปี”
( ̄(エ) ̄)
“ข้อที่สาม คืนนี้กู...ลู่หาน...แล้วก็พ่อของกูจะค้างที่นี่”
“ห๊ะ!”
“ข้อที่สี่...พ่อของกูจะนอนห้องแม่มึง กูแนะนำให้หาอะไรมาอุดหูซะถ้าไม่อยากได้ยินเสียงโจ๊ะพรึม ๆ ตอนดึก ๆ ” จงอินยิ้มกริ่ม
“โจ๊ะพ่องดิบ้านกูเก็บเสียงทุกห้องเว้ย! เอ๊ะไม่ดิ...โจ๊ะเหี้ยไรล่ะ!” เซฮุนเขวี้ยงหมอนใส่แต่จงอินเสือกพระเอกรับได้ทัน
“อ้าวเหรอ? งี้ถ้ากูกับมึงทำกัน...คนที่อยู่ข้างนอกก็ไม่ได้ยินน่ะสิ”
“ก็เออดิ! เฮ้ยเดี๋ยว...อะไร? มึงจะทำไรกู?” เซฮุนมองหน้าหาเรื่องแต่อีกคนกลับกุมท้องลงไปขำบนเตียง อีเชี่ยนี่กวนตีนละ พ่องชื่อหม่ำจ๊กม๊กเหรอครับขำจัง
คิดแล้วก็เซ็งว่ะครับ กะจะเอาเรื่องพ่อมันกับแม่พี่ลู่ไปเป็นข้ออ้างให้เลิกกันสักหน่อยแต่เห็นทีต้องเปลี่ยนแผนใหม่ละ จะเอายังไงดีวะ
“ข้อที่ห้า”
“ยังมีอีกเหรอ มึงเอาไวท์บอร์ดเลยไหม” เซฮุนทำหน้าเนือย สัดทำหล่อพูดเรียงข้อเป็นพระเอกแจ่มใสอยู่ได้
“ลู่หานเขาจะนอนห้องที่แม่มึงเตรียมไว้ให้ ส่วนกูก็นอนกับมึง”
“เอ๊า! แล้วทำไมมึงไม่ไปนอนกับพี่ชายมึงล่ะค่าบ...” เซฮุนลากเสียงพลางเอาเท้าเขี่ย ๆ ไอ้คนที่นอนอยู่บนเตียงเขา จนป่านนี้ยังไม่สำนึกอีกว่าตัวมึงสกปรกและควรได้รับการชะล้างด้วยน้ำสะอาดสักโอ่งใหญ่ ๆ ไม่ใช่มานอนตัวดำอยู่บนเตียงกูแบบนี้
“ไม่ล่ะ คืนนี้กูอยากนอนกับน้องชาย”
“โทษนะ ใครน้องมึงเหรอครับ” เซฮุนยังคงเอาเท้าเขี่ย ๆ ไอ้คนที่นอนเป็นงูอยู่บนเตียงจนตอนนี้เรียกได้ว่าถีบแล้ว จงอินหยัดตัวลุกขึ้นนั่งจนหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่คืบเดียว แต่คราวนี้โอเซฮุนสู้ครับ กูไม่หลบแล้ว ถ้ามึงคิดว่าความมืดของมึงจะครอบงำกูได้ก็เอาเลย!
“มึงไงน้องกู”
“ตลก กูยังไม่เคยบอกมึงใช่ป่ะว่ากูเป็นลูกคนเดียว”
“งั้นกูก็จะบอกมึงตรงนี้เลยว่ามึงมีพี่ชายเพิ่มมาแล้วสองคน”
“ตีนกูนี่” เซฮุนชี้เท้าตัวเองแล้วจ้องหน้าอีกคน จงอินคว้าท้ายทอยไอ้หน้าหวานปากเก่งที่นั่งถกกับเขาอยู่แล้วก็หมั่นไส้ เซฮุนมองแขนอีกคนที่อยู่ใกล้ ๆ แก้มเขาก่อนจะเอามือดันใบหน้าคมเอาไว้
“กูไม่มีพี่ชายเว้ย!”
“กูบอกว่ามีก็ต้องมีสิ มึงจะดื้อไปทำขี้เกลืออะไรวะ พูดง่าย ๆ เหมือนลู่หานน่ะทำเป็นไหม?”
“ทำไมกูต้องเหมือนคนอื่นด้วย นั่นชื่อลู่หาน นี่ชื่อโอเซฮุน อย่าโง่”
“นี่ก็ชื่อคิมจงอิน”
“กูไม่ได้ถามป่ะ ทำอ้อนตีนเดี๋ยวปั๊ด!”
“หรือจะให้อ้อนแบบอื่น?” จงอินยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ เซฮุนเบือนหน้าหลบไปอีกทางเมื่อรู้สึกได้ว่าจงอินแม่งเริ่มไม่ธรรมดาละ พอเถียงไม่สู้ก็ทำท่าจะพุ่งใส่กูท่าเดียว นี่คงเป็นทางแก้ของคนขี้แพ้อย่างมึงสินะ
“เชี่ยเอ๊ย! รายงานมึงทำเสร็จแล้วไง?” ก็ไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยมันหรอกนะครับ แต่นาทีนี้จะหาทางหลีกเลี่ยงสภาพที่เป็นอยู่ได้ก็ต้องเรื่องรายงานล่ะ
“เสร็จละ”
“เสร็จไวไปเปล่า” วิชานี้กูนั่งหาข้อมูลในเน็ตจนแทบจะก้มกราบกูเกิ้ล แต่เชี่ยจงอินแม่งทำแป๊ป ๆ เสร็จนี่คือง่ามดากอะไร
“เมื่อกี้มินซอกมันเพิ่งส่งไฟล์มาให้ กูเลยแปลง ๆ นิดหน่อยแล้วใส่ชื่อตัวเองลงไป เพราะยังไงอาจารย์อีทึกก็ไม่เปิดอ่านอยู่ละ ทำ ๆ ส่ง ๆ จบ”
“...............”
“อะไร ทำหน้าแบบนั้น” จงอินถามเมื่อเห็นเซฮุนทำหน้าสตั้นอยู่หน่อย ๆ
“มึงรู้ได้ไงว่าอาจารย์อีทึกเค้าไม่ตรวจ”
“เรียนกับเขามาเกือบจะเทอมนึงแล้ว มึงไม่เคยสังเกตเลยเหรอว่าเขาไม่เคยเช็ครายระเอียดงาน”
“...............” จริงเหรอวะ
“หืม?”
“...แล้วมึงก็แปลงไฟล์คนอื่นตลอด”
“ใช่”
“เลวอ่ะมึง”
“เลวอะไร”
“ช่างเห้อ เดี๋ยวกูไปนอนกับพี่ลู่หานเองก็ได้วะ ขี้เกียจเถียงความยาวสาวความยืดกับหมา เออ...แล้วก็อย่านอนน้ำลายยืดใส่หมอนกูนะมึง ถ้ากูได้กลิ่นเหม็นบูดเมื่อไหร่มึงตายแน่” เซฮุนชี้หน้าคาดโทษพร้อมกับก้าวถอยหลังลงจากเตียงไป หึ...ถ้าจะให้นอนกับคนอย่างมันน่ะเหรอครับ...ผมยอมบากหน้าไปขอนอนกับพี่ลู่หานซะยังจะดีกว่า
“ไปดีมาดีนะ” นอกจากไม่สำนึกแล้วจงอินมันยังโบกมือไหว ๆ ใส่เขาอีกต่างหาก เซฮุนย่นจมูกแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าประตู
“อาบน้ำด้วยนะมึง กูไม่อยากให้ที่นอนกูมีกลิ่นเหงื่อ ส่วนเรื่องเสื้อผ้า...วันนี้กูจะทำตัวเป็นพ่อพระให้มึงยืมใส่สักวันแล้วกัน ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย โอเครู้เรื่อง” พูดจบก็เดินออกจากห้องไป จงอินยิ้มขำกับคำพูดซึน ๆ ของว่าที่น้องชาย เขาหยิบเสื้อยืดที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมาคลี่ดู ถึงแม้ว่าเสื้อตัวนี้จะยังไม่ถูกใส่แต่เขาก็ได้กลิ่นของใครอีกคนที่เพิ่งเดินออกไป...
กลิ่นที่รู้ทันทีว่านี่แหละคือโอเซฮุน
---------------------------------------------
เด็กหนุ่มยืนทำหน้าโง่อยู่หน้าประตูห้องที่เขาเดินผ่านอยู่ทุกวี่ทุกวัน ไม่ได้เข้าไปเหยียบห้องนี้นานแค่ไหนแล้วเขาก็จำไม่ได้เหมือนกัน ล่าสุดจำได้ว่าแม่เคยใช้ให้เข้าไปปิดหน้าต่างเพราะกลัวฝนสาด ซึ่งนานก็เป็นปีมาละ เอื้อมมือขึ้นหวังจะเคาะประตูแต่ก็ต้องผงะเมื่อเห็นใบหน้าหวาน ๆ ของพี่ลู่หานที่มายืนอยู่ข้าง ๆ เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“มีอะไรเหรอเซฮุน” นอกจากจะน่ารักแล้ว ยังพูดเพราะอีกต่างหาก บอกตามตรงครับว่าโอเซฮุนกำลังใจเต้นแรงเพราะรุ่นพี่ชาวจีนผู้นี้
“เอ่อ...”
“หืม?” ดูเหมือนว่าลู่หานจะรอคำตอบจากคนตรงหน้าอยู่ แต่เขากลับพูดอะไรไม่ออก จะไปเขินห่าอะไรวะเซฮุนต่อไปนี้พี่ลู่หานก็จะเป็นพี่ชายของมึงแล้วนะ ไม่มีอะไรต้องอายแล้ว!
แต่เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้เขายังตบตีกับไอ้เชี่ยจงอินอยู่เลยว่าต่อให้ตายยังไงโอเซฮุนผู้นี้ก็จะไม่ยอมรับมันเป็นพี่เด็ดขาด แต่กับพี่ลู่หานแล้วมันคนละความรู้สึกจริง ๆ นะครับ เวลาคุยกับไอ้เชี่ยจงอินนี่อย่าว่าให้แต่เป็นพี่น้องเลยแค่ให้หายใจบนผืนโลกเดียวกันก็หรูละ
“คือผม...ขอนอนด้วยได้ไหม...” ถามเสียงแผ่วราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะปฏิเสธ นี่บ้านกูนะ นี่บ้านกู~~~~~ ทำไมกูต้องรู้สึกหนักปากตอนที่จะขอนอนในบ้านตัวเองด้วย orz
ลู่หานหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหมุนลูกบิดแล้วจูงมือเซฮุนให้เดินตามไปด้วยกัน ร่างบางออกอาการเหวอนิด ๆ พลางก้มลงดูมือตัวเองที่ถูกมืออุ่น ๆ ของใครอีกคนที่พันธนาการเอาไว้ พอเห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กตัวน้อย ๆ ที่มีพี่ชายคอยดูแล คอยใส่ใจ ซึ่งโอเซฮุนไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
แหม่...การมีพี่ชายมันก็ไม่ได้แย่นี่หว่า...
“จงอินทำตัวไม่ดีกับนายอีกแล้วเหรอ” ทันทีที่เขานั่งลงบนเตียง ลู่หานก็ถามขึ้นมา เด็กหนุ่มมองไปยังรุ่นพี่ตัวเล็กที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“พี่รู้ด้วยเหรอว่าไอ้ดำมันทำตัวเหี้ย...เอ่อ...ผมหมายถึงว่ามันชอบแกล้งผมน่ะ”
“ก็พอรู้มาบ้าง” นัยน์ตาเรียวมองคนเป็นน้องผ่านกระจกแล้วก็ยิ้มให้อีกครั้ง
“ผมขอนอนด้วยนะ” เซฮุนไม่รู้ตัวว่าเขากำลังทำหน้าเหมือนลูกแมวโดนทิ้งเพื่อเรียกร้องคะแนนสงสารจากอีกคน เด็กหนุ่มทำตาปริบ ๆ ขอความเห็นใจ
“เอาสิ” ลู่หานไม่ได้ซักถามอะไรอย่างที่เซฮุนกังวลเอาไว้ คนเป็นพี่เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงพร้อมกับยื่นหมอนให้
“นายจะนอนข้างในหรือข้างนอก”
“ข้างนอกแล้วกัน” เซฮุนยักไหล่แล้วเอนลงนอนทันที ไม่เปิดโอกาสให้อีกคนเข้าไปนอนทางด้านในก่อนอย่างที่ควรจะเป็น ลู่หานหัวเราะพลางส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วเดินไปปิดไฟก่อนจะคลำ ๆ หาทางขึ้นเตียง
---------------------------------------------
ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้วแต่มันคงเป็นเวลาเดิม ๆ ที่โอเซฮุนลุกขึ้นมาฉี่ทุกวัน เปลือกตาบางปรือขึ้นเล็กน้อยพอให้เห็นปลายทางที่อยู่เบื้องหน้า ส่วนมือทั้งสองข้างก็ลูบ ๆ คลำ ๆ หาลูกบิด เดินสะเปะสปะไปอีกหน่อยก็พบทางสว่าง ขาเรียวเดินไปข้างหน้าตามสัญชาติญาณว่าห้องน้ำคงอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ยืนหัวฟูอยู่หน้าโถฉี่แล้วปลดปล่อยทั้งที่ยังยืนหลับตาอยู่ หลังจากนั้นก็เดินหลับกลับเข้าไปในห้อง...
ห้อง...ที่มีคิมจงอินนอนอยู่
“อืม...”
“อื้อ!...” เสียงท้วงในลำคอบ่งบอกถึงความขัดใจของเด็กหนุ่มที่เพิ่งทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วรู้สึกไม่สบายตัวเพราะทับแขนแข็ง ๆ ของใครอีกคนเข้าให้ จงอินหรี่ตามองเงาตะคุ่ม ๆ ที่กำลังบดเบียดเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเขา พอเห็นอย่างนั้นแล้วก็ใช้เวลาสักห้าวิในการตั้งสติก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟตรงหัวเตียงแล้วก็พบว่าคนที่กำลังซุกหน้าอยู่กับอกเขานั่นไม่ใช่ใคร
กลิ่นแชมพูอ่อน ๆ ที่ลอยแตะจมก กับวงแขนที่กอดรัดเขาแน่นราวกับเห็นเขาเป็นหมอนข้างตัวโปรด เซฮุนเอาหัวถูไถกับแผงอกแกร่งอยู่สองสามทีก่อนที่ขาเรียวข้างหนึ่งจะพาดลงบนเอวของร่างสูง ณ จุดนี้คิมจงอินทำอะไรไม่ได้แล้วครับ ถ้าเกิดเขาแกะลูกลิงนี่ออกแล้วมันตื่นขึ้นมาคงโดนด่ายันโคตรแน่ ๆ เพราะถึงเซฮุนมันจะเป็นฝ่ายเริ่ม แต่สุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายผิดก็คงเป็นเขาอยู่ดี
ร่างสูงยังคงจ้องคนที่อยู่ในอ้อมกอดแล้วก็ได้แต่คิดว่า ‘อืม...ไอ้นี่มันก็มีมุมน่ารักเหมือนชาวบ้านเขาเหมือนกันแฮะ?’ ตอนนี้มือหนายังคงค้างอยู่กลางอากาศ ถ้าจะหาตำแหน่งวางก็คงไม่มีที่ไหนเหมาะเท่ากับหัวทุย ๆ นี่อีกแล้ว ริมฝีปากหยักยกยิ้มพร้อมกับกระชับกอดและดูเหมือนว่าอีกคนจะให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี
เอาเถอะ...ถึงหมอนี่จะทำตัวน่ารักแค่ในตอนหลับ
แต่สักวันคิมจงอินจะทำให้โอเซฮุนเข้ามาขอนอนกอดเขาเองโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากพูดให้ได้
---------------------------------------------
TALK
ไม่มีอะไรจะพูดเลย 55555555555555555
ความคิดเห็น