คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Jekyll and Hyde:: 02
สายตาที่ดูดุร้ายส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด ร่างกายที่เคยแข็งเหมือนหินขยับได้ราวกับมีชีวิต เจ้าของใบหน้าเหมือนมนุษย์แก่ๆเริ่มขยับไปมา ปีกที่แนบอยู่กับลำตัวเริ่มกางออก ใบหูที่แหลมยาวผึ่งออกเพื่อคอยดักฟังเสียงที่ผิดปกติ พวกมันขยับตัวไปมาอีกนิดนึง จากรูปปั้นธรรมดา บัดนี้ปรากฏให้เห็นเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งแทนที่มีลักษณะเหมือนรูปปั้นไม่ผิดเพี้ยน ปีกของมันกางออกสะบัดขึ้นลงพร้อมนำร่างของมันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มันคอยบินไปรอบๆบ้านสอดส่องหาสิ่งผิดปกติเพื่อปกป้องบางสิ่งบางอย่าง บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญที่อยู่ภายในตัวบ้าน! แสงจันทร์สาดส่องไปกระทบผิวกายของมันจนเห็นเป็นรูปร่างชัดเจนขึ้น พวกมันก็คือ ‘เผ่ามังกรไฟ’ หรือชื่อจริงๆของมันก็คือ
‘การ์กอยล์’
Jekyll and Hyde
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงเดินย่ำเท้าเป็นจังหวะดังขึ้นทำลายความเงียบที่อยู่รอบๆตัว เจ้าของเสียงเดินไปตามทางเดินอันมืดมิด
กึก!
ร่างๆนั้นหยุดลงที่ประตูบานใหญ่ ก่อนจะเคาะห้องเพื่อให้สัญญาณแก่เจ้าของห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
สิ้นเสียงประตูบานใหญ่ก็เปิดออกด้วยตัวเองแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้มาเยือนแปลกใจแต่อย่างใด ภายในห้องมีแต่ความมืดมิด แต่พอมีแสงลอดออกมาตามไรผ้าม่านบ้างเล็กน้อยปรากฏให้เห็นร่างของเจ้าของห้องนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาตัวโปรด เจ้าของห้องหันมามองผู้มาเยือน ใบหน้าคมคายยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ผู้มาเยือนก้มหัวให้เล็กน้อยตามมารยาท
“ท่านเรียกข้ามามีอะไร”
“ฮะๆ เจ้านี่รีบจริงๆ เชิญนั่งลงก่อนสิ”
เจ้าของห้องพูดพลางผายมือให้ผู้มาเยือนนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม ผู้มาเยือนนั่งลงตามมารยาทพร้อมถามขึ้นมา
“ท่านบอกสิ่งที่ท่านต้องการมาดีกว่า”
ผู้มาเยือนเข้าเรื่องอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ยังใจเย็นอยู่เช่นเดิมพร้อมหันไปรินน้ำให้อีกฝ่ายพร้อมยื่นไปให้ น้ำสีแดงเต็มๆแก้วส่งกลิ่นคาวคลุ้ง แต่กลับหอมหวานสำหรับพวกเขา
‘เลือด’
“ข้าไม่ดื่ม ท่านก็รู้”
“ฮะๆ ข้าลืมไปก็เจ้าพยายามจะงดมันนี่นา มันคงส่งผลไม่ค่อยดีกับเจ้า ข้านี่แย่จริงๆ”
คำพูดเหมือนรู้สึกผิด แต่คนพูดกลับไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย คนฟังได้แต่เม้มปากแน่นระงับความโกรธแต่ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูดเขาไม่สามารถดื่มมันได้ด้วยเหตุบางอย่างทั้งๆที่มันเป็นอาหารของพวกเขา เหตุนี้ทำให้เขาต้องแปลกจากคนอื่นๆ แต่ตอนนี้ที่เขาสนใจว่าบุคคลด้านหน้าเรียกเขามาทำไมมากกว่า
“เจ้าคงคิดว่าข้าเรียกเจ้าทำไมใช่มั้ย ฮะๆ หนุ่มน้อยเจ้าก็รู้ว่าเจ้าแปลกไปจากคนอื่นแต่ความแปลกของเจ้าดันมีประโยชน์ต่อพวกเรา”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจความหมาย
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ข้าจะให้เจ้าทำภารกิจบางอย่าง เจ้าต้องไปตามหาคนคนหนึ่งที่หายสาบสูญ”
“คนที่หายสาบสูญ”
ชายหนุ่มทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
“ใช่ คนที่หายไปตั้งแต่วันนั้น ทายาทของพวกมัน เจ้าต้องไปตามมันมาให้ข้า!! ใช้พลังของเจ้าพลังที่คนอื่นไม่มี ตามหามันให้เจอ ข้ารู้ว่าไม่นานมันจะเปิดเผยตัวออกมา ไม่นาน พามันมาให้ข้า เจ้าเข้าใจใช่มั้ย พลังของเจ้าสามารถทำเรื่องนี้ได้ เจ้าผู้เดียวเท่านั้น!”
ชายหนุ่มได้ฟังพร้อมคิดทบทวนคำพูดเมื่อสักครู่ ‘พลัง’ งั้นเหรอ ใช้พลังตามหามันเพราะเขามีพลังนั้นแค่คนเดียว เพราะเขาไม่เหมือนคนอื่น มีคนรู้ถึงพลังของเขาไม่กี่คนนอกจากเพื่อนสนิทของเขาแล้วก็คือเขาผู้นี้ ชายหนุ่มสบตากับผู้ออกคำสั่ง เขาไม่สามารถปฏิเสธบุคคลนี้ได้เลยจริงๆ บุคคลที่รู้ความลับของเขา บุคคลที่เป็นนายของเผ่าพันธุ์ของเขา ไม่สิเขาไม่ใช่อยู่เผ่าพันธุ์นี้ซักทีเดียวหรอก แต่เขาก็ต้องยอมรับภารกิจนี้
“ฮะๆ แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป เพราะข้าหาเพื่อนร่วมภารกิจให้เจ้าแล้ว”
สิ้นเสียงก็มีควันสีดำเกิดขึ้นกลางห้องเมื่อควันจางก็ปรากฏให้เห็นชายหนุ่มเจ้าของตาคม ยืนฉีกยิ้มด้วยใบหน้าทะเล้นด้วยความคึกคะนองที่จะได้ทำอะไรสนุกๆกับเพื่อนของตน
“นายมาทำอะไร!?”
ชายหนุ่มหันไปถามคนที่เพิ่งเข้ามาด้วยความแปลกใจ
“อ้าวก็เพื่อนจะไปผจญภัยทั้งที ข้าจะปล่อยให้เพื่อนไปคนเดียวได้ไง”
อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มทะเล้น ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับเพื่อนของตน ใช่แล้วคนที่เพิ่งเข้ามาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาเองและก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รู้ความลับของเขา ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่เหงา
“ท่านจะให้ผมดำเนินการเมื่อไร”
ชายหนุ่มหันไปถามผู้ออกคำสั่ง
“ผ่านค่ำคืนนี้ไปเมื่อไรภารกิจของเจ้าก็จะเริ่มขึ้น..ทันที”
Jekyll and Hyde
[N’Part]
กริ๊งงงง!!
เสียงนาฬิกาปลุกในห้องของผมดังขึ้น ผมรีบลุกขึ้นมาเพราะว่าวันนี้ผมกับเคนต้องรีบไปรายงานตัวกับทางมหาวิทยาลัย รู้สึกเพลียนิดๆแฮะ สงสัยคงเพราะเมื่อคืนแน่ๆเลย เฮ้อ! ผมต้องไปปลุกเคนก่อนเพราะเจ้านั่นหน่ะขี้เซาจะตาย ตอนนี้เหมือนกลายเป็นหน้าที่ประจำของผมซะแล้ว ผมเดินตรงดิ่งไปยังห้องนอนของเคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
ผมเคาะประตูเรียกเจ้าของห้อง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะตื่นเลย
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ผมเพิ่มแรงในการเคาะประตูขึ้นไปอีก มีเสียงโครมครามดังเล็ดลอดออกมาสงสัยเคนคงจะตื่นแล้ว
ผลั๊วะ!!
ประตูถูกเปิดออกมาด้วยมือของเจ้าของห้องด้วยท่าทางงัวเงีย ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทรง แถมยังใส่แค่บอกเซอร์ตัวเดียวอีกต่างหาก สภาพของเคนตอนนี้ดูไม่ได้แบบสุดๆไปเลย
“คิ คิ”
ผมหลุดหัวเราะให้กับสภาพของเคน โคตรตลกเลยอ่ะ เคนเงยหน้ามามองผมที่กำลังหัวเราะอยู่พร้อมทำตาขวางอย่างงอนๆใส่ผมก่อนเดินเข้าห้องไปทิ้งให้ผมยืนอยู่หน้าห้องอยู่คนเดียว ผมจึงรีบเดินเข้าไปในห้องของเคน สายตาผมเหลือบไปมองเจ้าของห้องที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง เคนเมื่อเห็นผมยืนอยู่ก็สะบัดหน้าไปอีกทาง อ้าว!!นี่ผมโดนงอนหรือเนี่ย
“เคน..นี่นายโกรธชั้นเหรอ”
“.....”
“เคน นี่นายโกรธฉันจริงๆเหรอ”
“.....”
“งั้น..ฉันไปก่อนนะ”
ผมพูดเสร็จก็ทำท่าจะเดินออกไปจากห้องแต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดมาซะก่อน
“เดี๋ยว!!”
“หือ..”
“นี่ชั้นกำลังงอนนายอยู่นะ นายต้องง้อชั้นก่อนสิ”
ผมหันกลับไปมองเจ้าของคำพูดที่กำลังทำปากจู๋ แก้มป่อง เฮ้อ!!ไม่ได้เข้ากับตัวเองเลย ผมหลุดหัวเราะอีกครั้ง เหมือนเด็กเลยน้าเคนเนี่ย
“ก็ไม่เห็นจำเป็นหนิ “ไป..ไปอาบน้ำได้แล้ว วันนี้เราต้องรีบนะเคน”
ผมเอื้อมมือไปฉุดเคนให้ลุกออกจากเตียง พร้อมดันเข้าไปในห้องน้ำ เคนหันมามองผมอีกครั้งพร้อมพูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่ขี้เล่นเหมือนเมื่อสักครู่
“เอ็น..ช่วงนี้นายเจออะไรผิดปกติหรือปล่าว”
“เคน!! นายเจอผีเหรอ”
ผมถามเคนแต่เคนกลับยกมือมาเขกหัวผมแถมยังทำตาขวางใส่ผมอีก
ชิ้ง!!
แง ไม่เห็นต้องทำตาดุก็ได้นี่นา
ผมนึกย้อนไปยังความฝันเมื่อคืน แต่มันก็แค่ความฝันนี่นาไม่ใช่เรื่องแปลกซะหน่อย
“ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกตินี่นา”
ผมตัดสินใจที่จะไม่เล่าความฝันเกี่ยวกับเคนไปในจะเรื่องสร้อยอีก เดี๋ยวอีกฝ่ายจะไม่สบายใจปล่าวๆ ก็ตั้งแต่ที่ผมย้ายมาอยู่กับคุณยายซึมมีแกก็กำชับให้เคนดูแลผมเป็นอย่างดี ถ้าผมไปไหนต้องมีเคนไปด้วยตลอดแถมยังชอบเป็นห่วงผมเกินเหตุ ผ่านมาเป็น 10 ปีแล้วก็ยังไม่ยอมห่างกันอีกยิ่งช่วงนี้เหมือนเคนกับคุณยายซึมมีจะห่วงผมเป็นพิเศษอีกด้วย เคนมองมาที่ผมด้วยสายตาจับผิด ผมก็ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตา
“ถ้าไม่มีอะไรก็ดีไป แต่ถ้านายเจออะไรแปลกๆก็มาบอกชั้นทันทีเข้าใจมั้ย”
ผมพยักหน้ารับคำ เคนเอามือมาลูบหัวผมเบาๆ พร้อมยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มที่ขี้เล่นเหมือนเดิม พร้อมกระโดด(?)เข้าห้องน้ำไป
ผมมองตามหลังเคน ‘คนอะไรเปลี่ยนโหมดไวจริงๆ’
ผมเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองพร้อมลงมืออาบน้ำบ้าง
เอ๊ะ!
ผมมองไปที่สร้อยของตัวเอง
“มีรอยอะไรติดอยู่เนี่ย!?” ผมร้องออกมาด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นรอยอะไรก็ไม่รู้โผล่ขึ้นมาบนสร้อย
‘เมื่อคืนไม่เห็นมีเลย’
ผมพยายามเพ่งมองรอยนั้น มันเหมือนรูปอะไรซักอย่าง ผมเอามือไปจุ่มน้ำก่อนเอามาถูที่รอยนั้น
ปึ๊ด! ปึ๊ด!
“ทำไมไม่ออกนะ”
ผมพยายามถูเท่าไรรอยนั้นก็ไม่จางออกไปซักที เหมือนว่ามันเป็นชิ้นส่วนเดียวกันกับสร้อย ผมเอื้อมมือจะไปแกะสร้อยออก จะได้ดูรอยนั้นได้ถนัดๆ
“อย่าถอดนะ!!”
ผมได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในหัวของผม ผมชะงักมือที่กำลังแกะสร้อยคออยู่ นี่ผมลืมคำเตือนได้ไงเนี่ย ผมละความพยายามที่จะเอารอยนั้นออก สายตาของผมเพ่งไปที่รอยนั้นอีกครั้ง
ทำไม..เหมือนรอยมันชัดขึ้นเลย
เอ๊ะ!!
รอยที่ชัดเจนขึ้นทำให้ผมมองรูปนั้นได้ชัดขึ้น
สัตว์..
สัตว์มีปีก..
ตัวอะไรกันนะ ทำไมผมรู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างบอกไม่ถูก
แต่ช่างมันเถอะ เดี๋ยวสายซะก่อน
ผมรีบอาบน้ำ แต่งตัวและผมก็ไม่ลืมที่จะใส่คอนแทคเลนส์สีดำเอาไว้เพื่อปกปิดดวงตาอย่างเฉกเช่นทุกวัน
ผมเดินลงมาข้างล่างก็พบคุณยายซึมมีกับเคนอยู่ก่อนแล้ว คุณยายกับเคนคุยอะไรกันนะดูท่าทางเคร่งเครียดจัง คุณยายซึมมีเห็นผมกำลังเดินลงมาพอดีจึงละสายตาจากเคนแล้วยิ้มให้ผมอย่างใจดีเหมือนทุกๆวัน
“ฮัคยอนจ๊ะ มาหายายหน่อยสิ”
คุณยายซึมมีกวักมือเรียกผมไป
“ฮัคยอน อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวนะจ๊ะ ถ้าไปไหนก็ต้องไปกับเคนเข้าใจมั้ย แล้วช่วงนี้หลานเจออะไรแปลกๆรึปล่าว”
‘คำถามเดียวกับเคนเลย’ ผมคิด
“ไม่มีครับคุณยายไม่ต้องเป็นห่วง”
ผมตอบกลับไป คุณยายซึมมีกับเคนนี่เหมือนกันเลย ชอบเป็นห่วงผมตลอดเวลา แถมวันนี้ยังถามว่าผมเจออะไรแปลกๆมั้ยเหมือนกันอีกต่างหาก หรือว่าที่นี่มีผีกันนะ!?
คุณยายซึมมีพยักหน้าเข้าใจ พร้อมลูบหัวผมเหมือนทุกวัน
“งั้นก็กินข้าวเถอะ เดี๋ยวสายนะ วันนี้ต้องไปรายงานตัวด้วย”
คุณยายซึมมีหันมาพูดกับผมแล้วก็เคน เมื่อทานข้าวเช้ากันเสร็จแล้วผมกับเคนก็นั่งรถไปมหาวิทยาลัยซึ่งวันนี้เป็นวันรายงานตัววันแรก ตื่นเต้นชะมัด!! เคนกับผมเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย วันนี้คนเยอะมากๆเลย เคนเดินมากุมมือผมพร้อมเดินเข้าไปรายงานตัว เคนกับผมเรียนอยู่คณะเดียวกัน ผมมั่นใจมากว่าเคนเลือกคณะเดียวกับผมเพราะไม่อยากให้ผมคลาดสายตา
เป็นห่วงผมจนเกินเหตุ!!
ปึก!!
ด้วยความที่ไม่ทันระวังผมก็ชนเข้ากับคนที่เดินสวนมาพอดีจนผมล้มลงไปจับกบที่พื้น
อู้ย!!เจ็บชะมัด
เคนพยุงผมลุกขึ้นมาพร้อมทำหน้าหาเรื่องไปยังคนที่ชน ผมจึงไปจับตัวเคนไว้เพื่อให้เคนใจเย็ยๆ
“ขอโทษนะครับ ผมขอโทษจริงๆที่เดินไม่ทันระวัง”
คนที่ชนผมเมื่อซักครู่ โค้งตัวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ใบหน้าหวานๆพูดอย่างสำนึกผิด แงแล้วแบบนี้ใครจะไปโกรธลงละครับ
“ไม่เป็นไร ผมก็เดินไม่ระวังเหมือนกัน”
ผมหันไปบอกอีกฝ่ายที่ยืนก้มหน้าสำนึกผิดอยู่
“งั้น ผมไปก่อนนะครับ”
ผมจูงมือเคนเดินเข้าไปที่จุดรายงานตัว
นี่ผมจะได้ไปเฟรชชี่แล้ว ดีใจจัง
ผมเดินเข้าไปต่อแถวเพื่อลงทะเบียนพร้อมๆกับเคน
ผมเอื้อมมือไปกุมสร้อยที่คอของตนเองเพื่อระงับความตื่นเต้น
สร้อย...
สร้อยคอของผม...
เคนหันมามองสีหน้าที่ตกใจของผม
“เป็นอะไรไป..ตื่นเต้นเหรอ!?”
“เคน..สร้อยชั้นหาย!!”
มาลงตอนต่อไปแล้วนะรีดเดอร์ที่รักทุกคน พิมพ์ผิดตรงไหนไรท์ขออภัยนะคะ แฮะๆ ตัวละครยังออกมาไม่ครบเลย แล้วใครคู่ใครต้องมารอลุ้นละกัน 55 ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะรีดเดอร์และก็ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ จะพยายามมาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะคะ^^
นาราเซ ><
ความคิดเห็น