คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Jekyll and Hyde:: 01
ที่นี่ไม่มีหน้าต่าง
ไม่มีประตู
ไม่มีทางลอดของแสง...
ผมรู้ได้ทันทีว่า....
ที่นี่...
ไม่มี...
ทางออก!!
เฮือก!!
ผมลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด ผมรับรู้ได้ถึงเหงื่อที่ผุดขึ้นมาทั่วร่างกาย ผมเอื้อมมืออันเปียกชื้นจากเหงื่อของตัวเองไปเปิดไฟตรงหัวเตียง
กริ๊ก!!
แสงไฟจากหัวเตียงทำให้ภายในห้องสว่างจ้าขึ้นมา ผมกวาดสายตาไปทั่วห้อง
‘ห้องของผม’
ใช่นี่มันห้องของผมไม่ใช่ห้องที่มืดมิดไร้ทางออกอะไรนั่น ผมรีบเอื้อมมือไปจับท้ายทอยของตัวเอง
‘ไม่มี’
‘ไม่มีเลือด’
“นี่ผมฝันไปหรือนี่”
ผมสะบัดหัวของตัวเองเพื่อเรียกสติกลับมา
‘นี่มันก็แค่ความฝันเท่านั้น’
ผมปลอบใจตัวเอง ผมพาร่างของตัวเองออกจากเตียงและมุ่งเดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล
ซ่า!!
ผมเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าพร้อมกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตาของตัวเองเพื่อสงบสติอารมณ์ ผมปิดน้ำพร้อมเงยหน้ามองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก ซึ่งภาพในกระจกปรากฏให้เห็นเป็นชายผิวเข้ม เรือนผมสีแดง และดวงตาสีแดงเพลิง
‘ใช่’
‘คุณอ่านไม่ผิดหรอก’
‘ตาของผมเป็นสีแดงเพลิง’
เมื่อ 10 กว่าปีก่อน
ผมชื่อ ‘ชา ฮัคยอน’ แต่ใครๆก็เรียกผมว่า ‘เอ็น’ ซึ่งเป็นการเอาตัวสะกดตัวสุดท้ายของชื่อผมออกมาเรียก
‘ใช่สิ’
ใครจะไปอยากเรียกชื่อเต็มๆของผมกัน ก็ผมหน่ะเป็นเด็กประหลาดที่ใครๆก็ไม่อยากจะเข้าใกล้กันทั้งนั้น
‘ไอเด็กปีศาจ’
‘ไปไกลๆเลยนะไอพวกผิดมนุษย์’
‘แกมันไม่ใช่มนุษย์’
และอีกสารพัดถ้อยคำที่ทุกคนใช้ด่าผมเมื่อเจอหน้ากัน ไม่ใช่มีแค่คำด่าเท่านั้นบางครั้งผมยังโดนขว้างปาข้าวของใส่อีกด้วย
‘เจ็บ’
‘มันเจ็บไปหมด’
บ่อยครั้งที่ผมต้องกลับมานอนร้องไห้อยู่คนเดียวบนเตียงที่สถานเลี้ยงเด็ก ผมไม่ควรจะได้รับความรักจากใครเลยใช่มั้ย ขนาดพ่อแม่ผมยังทิ้งผมไว้เลย คงเพราะว่าผม
‘มีดวงตาสีแดง ไม่เหมือนพวกเขา เท่านั้นเอง’
ผมถูกทิ้งตั้งแต่ยังแบเบาะ มีคนพบผมนอนอยู่ในตระกร้าข้างกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า บริเวณคอของผมมีสร้อยแขวนอยู่เส้นนึง ถูกสลักไว้ว่า
‘CHAHAKYEON’
ผมจึงได้ชื่อว่าชาฮัคยอน ผมได้เข้ามาอยู่ในสถานสงเคราะห์ แต่ผมก็ถูกรังเกียจ ถูกหาว่าเป็นเด็กประหลาดด้วยที่ว่าผมมีดวงตาและผมเป็นสีแดง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ผมกลายเป็น ‘เด็กปีศาจ’ สำหรับทุกคน
เมื่อผมอายุได้ 10 ขวบ พี่เลี้ยงที่สถานสงเคราะห์วิ่งมาบอกผมว่ามีคนต้องการพาผมไปอุปการะ
‘ผมหน่ะเหรอ’
ผมคิดกับตัวเองในใจ ตอนนั้นหัวใจของผมเริ่มรู้สึกพองโตขึ้นมาด้วยความดีใจ
‘มีคนจะรับผมไปเลี้ยง ผมจะมีครอบครัวแล้ว’
แต่เขาไม่รังเกียจเด็กประหลาดอย่างผมเหรอ ผมคิด ใจที่เคยพองโตเมื่อสักครู่ก็ห่อเหี่ยวลงเมื่อคิดถึงความเป็นจริง ผมเดินตามพี่เลี้ยงต่อไปเรื่อยๆ
กึก
พี่เลี้ยงหยุดเดินและมองตรงไปข้างหน้า ผมมองตามสายตาของพี่เลี้ยงและผมก็พบกับคุณยายคนหนึ่ง แกส่งยิ้มอย่างใจดีมาให้กับผม ผมยิ้มตอบแก
“นี่แหละคนที่จะรับเธอไปอุปการะ”
เสียงพี่เลี้ยงพูดกับผม
ผมหันไปมองและได้สบตากับคุณยายคนนั้นอีกครั้ง
‘คุ้นเคยกับดวงตาคู่นี้จัง’
ผมคิดอยู่ในใจ และผมก็สังเกตเห็นว่าข้างๆคนยายมีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับผมนั่งอยู่ด้วย เขายิ้มตาหยีมาให้ผม
‘นี่เขาไม่กลัวผมเหรอ’
ผมคิด พร้อมกับส่งยิ้มตอบกลับไป
“ไปอยู่กับฉันนะ ชา ฮัคยอน”
คุณยายคนนั้นพูดกับผมพร้อมยิ้มให้ผมอย่างใจดี ผมไม่เคยดีใจอะไรอย่างนี้มาก่อน คุณยายไม่รังเกียจผม คุณยายไม่มองว่าผมเป็นเด็กประหลาดใช่มั้ย ผมยิ้มและตอบกลับคุณยายไปว่า
“ครับ”
คุณยายยิ้มให้ผมอย่างมีความสุข
‘ในที่สุดเราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ ชา ฮัคยอน หลานยาย’
คุณยายบอกกับผมว่าแกชื่อ ฮา ซึมมี ส่วนเด็กที่ผมเห็นว่ามากับแกด้วยยื่นมือมาจับกับมือผมพร้อมแนะนำตัว
“สวัสดี เราชื่ออี แจฮวาน นายจะเรียกเราว่าเคนก็ได้”
“อ่า เคน ยินดีที่ได้รู้จักนะเรา ชา ฮัคยอน เรียกเราว่าเอ็นก็ได้”
ผมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“อ่า ชั้นรู้แล้วหล่ะ ต่อจากนี้ไปเรามาเป็นเพื่อนกันนะ”
เคนพูดพร้อมยิ้มจนตาหยี
‘เพื่อน’
‘ผมไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนเลย’
“แล้วนายเอ่อ...คือ..”
“ดวงตาของนายหน่ะเหรอ”
เคนถามขึ้นมา
ผมหลบสายตาเคนพร้อมพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
“ชั้นไม่ได้คบเพื่อนที่ตาซะหน่อย อย่าคิดมากสิ เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ”
เคนยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ ผมเผลอยิ้มตอบกลับไป
“อืม ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ”
คุณยายซึมมีกับเคนพาผมนั่งรถเพื่อไปยังบ้านใหม่ของผม เมื่อมาถึงผมรีบลงจากรถพร้อมเงยหน้าขึ้นไปมองยังบ้านใหม่ของตัวเอง
‘บ้านอย่างนั้นเหรอ’
ผมคิด
‘นี่มัน คฤหาสถ์ชัดๆ’
บ้านรูปทรงโบราณที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทางเข้ามีรูปปั้นสัตว์ในตำนานที่ผมก็นึกไม่ออกว่าชื่ออะไรเหมือนกันมันมีใบหน้าเหมือนมนุษย์แก่ๆ ใบหูแหลมยาวราวกับค้างคาว มีปีกเหมือนนก และมีดวงตาที่ดูดุ ดวงตาที่เหมือนว่ามัน ‘มีชีวิต’ ผมหันไปมองรอบๆในละแวกนี้ไม่มีบ้านใครเลย นอกจากบ้านโบราณหลังนี้ ผมกุมสร้อยคอที่แขวนอยู่บนคอของตัวเอง พร้อมก้าวเดินตามคุณยายซึมมีกับเคนเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ คุณยายซึมมีบอกว่าจะพาผมไปยังห้องนอนของผม
ผมไม่ทราบว่าทำไมคุณยายซึมมีจึงรับผมมาอุปการะ ทำไมถึงใจดีกับผม แต่แกทำให้ผมได้สัมผัสถึงคำว่าครอบครัวเป็นครั้งแรก
“ถึงแล้วจะ ฮัคยอน”
คุณยายซึมมีหันมาบอกผม ตอนนี้ผมอยู่ยังชั้นสองของบ้าน ซึ่งมีห้องเรียงรายอยู่เกือบ 10 ห้องและก็มาหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่งซึ่งดูว่าจะเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาห้องทั้งหมด
ผมเปิดประตูเข้าไปก็ผมกับเตียงนอนขนาดใหญ่ที่ได้รับการแกะสละอย่างประณีต ถัดไปทางซ้ายมือก็พบกับประตูๆหนึ่ง ผมคาดว่าคงจะเป็นประตูห้องน้ำเป็นแน่
“ขอบคุณครับ”
ผมหันไปขอบคุณคุณยายซึมมี แกยิ้มรับแล้วเอื้อมมือมาลูบหัวผมอย่างใจดี พร้อมบอกให้ผมเข้าไปพักผ่อนในห้อง
เคนหันมาโบกมือให้กับผมพร้อมพูดขึ้นมาว่า
“ห้องชั้นอยู่ตรงข้ามกับห้องนายนะ มีอะไรก็เรียกชั้นได้เลย”
ผมยิ้มรับคำพูดของเคน
ผมวกสายตากลับไปยังคุณยายซึมมี
“ห้ามถอดสร้อยนะ ฮัคยอน”
คุณยายซึมมีบอกผมพร้อมทำหน้าจริงจัง
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ห้ามถอดสร้อยเป็นอันขาด”
“เอ่อ..ครับ”
ผมพยักหน้ารับคำอย่างงงๆ พร้อมกำสร้อยคอไว้แน่น แกรู้ได้ไงว่าผมมีสร้อยอยู่ แล้วทำไมถึงห้ามถอดหล่ะ ผมได้แต่สงสัยแต่ไม่ได้ถามอะไรออกไป
วันรุ่งขึ้นคุณนายซึมมีบอกกับผมว่าจะพาผมไปสมัครเรียนที่โรงเรียนเดียวกับเคน แต่แกขอให้ผมใส่คอนเทคเลนส์เป็นสีดำ
“ใช่ว่าฉันจะรังเกียจสีตาของเธอนะ ฮัคยอน”
แกหันมายิ้มให้กับผม พร้อมลูบหัวให้ผมอย่างอ่อนโยน
“แต่คงจะไม่ดีเท่าไรนะ ถ้าเธอมีดวงตาสีแดงเพลิงเข้าไปในโรงเรียน”
ผมยิ้มรับ พร้อมพยักหน้าเข้าใจ
‘เรื่องนี้ผมรู้ดี ผมก็อยากปกติเหมือนกับคนอื่นเหมือนกัน’
ส่วนสีผมคุณยายซึมมีบอกว่าโรงเรียนไม่ได้บังคับ แกจึงปล่อยให้ผมไว้ผมสีแดงของตัวเองต่อไปได้
หลังจากวันนั้นผมก็ไปกลับโรงเรียนกับเคนทุกวัน และผมก็ยังต้องใส่คอนเทคเลนส์ไปโรงเรียนทุกวันอีกด้วย ตอนนี้ผมกับเคนสนิทกันจนแทบขาดกันไม่ได้เลย ผมได้เคนเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่น้อง ผมได้พบครอบครัวของผมแล้วจริงๆ
ผมยืนนึกย้อนไปในอดีตของตนเองผมเงยหน้ามองเงาในกระจกของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ผมเอื้อมมือไปจับสร้อยคอไว้แน่น สร้อยคอที่ผมไม่เคยถอดมันเลย
‘ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ห้ามถอดสร้อยเป็นอันขาด’
ผมจำคำพูดของคุณยายซึมมีที่บอกผมได้อย่างดี ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาจากความฝันผมรู้สึกร้อนวูบๆบริเวณสร้อยคอของตัวเอง หรือผมจะคิดไปเอง
“คำเตือนของคุณยายเกี่ยวกับสร้อยเส้นนี้ เกี่ยวข้องอะไรกับความฝันนี่หรือปล่าวนะ ผมรู้สึกเหมือนสร้อยเส้นนี้จะพาผมไปพบความจริงบางอย่าง ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน”
เข้าเรื่องดีกว่า เรื่องนี้เอ็นถูกรังเกียจน่าสงสารนะคะ T^T แต่เอ็นก็ได้คนดูแลเป็นอย่างดีแล้วเนาะ
งั้นฝากทุกคนติดตามตอนต่อๆไปด้วยนะคะ
ความคิดเห็น