White Dystopia : อาณาจักรสีขาว
เมื่อโลกในปี ค.ศ. 2027 ถูกสนามพลังงานของดาวเคราะห์ดวงอื่นผลักออกจากวงโคจรเดิม ทำให้โลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอีกครั้ง!
ผู้เข้าชมรวม
147
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
White Dystopia
Prologue
เหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 24 เดือน 8 ปี ค.ศ. 2027 นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์น้อยเคลื่อนที่เข้าสู่ระบบสุริยะจักรวาล ด้วยความเร็วสูงจนทำให้พวกเราไม่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยทางวิทยาศาสตร์ของมันได้ทุกองค์ประกอบ เรารู้เพียงว่ามันมีแรงดึงดูดต่อแหล่งพลังงานความร้อนสูงมาก
เราตั้งชื่อมันว่า ดาว CV-0483E ตามชื่อพิกัดตำแหน่งของมันตอนที่ค้นพบ มันเคลื่อนที่เข้ามาภายในวงโคจรของโลกด้วยแรงดึงดูดและแรงเหวี่ยงของแรงโน้มถ่วงจากดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดสนามพลังงานมหาศาลผลักโลกออกจากตำแหน่งโคจรเดิม ทำให้ออกห่างจากระยะของดวงอาทิตย์ โดยที่มนุษยชาติเองก็รับมือกับผลกระทบไม่ทัน
ภัยพิบัติมากมายเกิดขึ้นกับโลกอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิ การระเบิดของภูเขาไฟเกิดความโกลาหลวุ่นวายทั่วโลก อีกทั้งมีอุกาบาตน้อยใหญ่ตกใส่โลกมากขึ้นกว่าสถิติที่เคยบันทึกมา มนุษยชาติเผ่าพันธุ์ที่ทรงปัญญาที่สุดในโลก ตายไปราวๆ 90% ตั้งแต่เกิดภัยพิบัติครั้งนี้
ถึงแบบนั้นในความโชคร้ายที่เกิดขึ้น ได้มีปาฏิหารย์อย่างหนึ่งคือ ดวงจันทร์ที่เป็นดาวบริวาลของเรายังคงโคจรเคลื่อนที่รอบโลกเหมือนเดิมแต่มีระยะที่ใกล้ขึ้นมาก จนเห็นดวงจันทร์ใหญ่กว่าปกติ
20 เท่า
เวลาผ่านไปนานนับปี ตำแหน่งล่าสุดของโลกไม่มีใครทราบ ดาวเทียมนับหมื่นนับแสนตกลงมาสู่โลกทั้งหมด เทคโนโลยีไม่สามารถใช้งานได้ดังเดิม และโลกของเราได้กลับเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอีกครา...
————————————————————————
ปัจจุบัน ‘วันที่ xx เดือน xx ปี xxxx’
‘ความหนาว ความสิ้นหวัง และทิวทัศน์ที่ขาวโพลน คือ นิยามของโลกในปัจจุบัน เนื่องจากเหตุการณ์ในอดีตที่มีดาวเคราะห์น้อยเข้ามาโคจรในระบบสุริยะทับเส้นโคจรโลก ทำให้โลกถูกเหวี่ยงออกไกลจากโซนอบอุ่น เข้าสู่โซนที่เยือกเย็น ‘
‘อุณหภูมิของโลกจะอยู่ที่ -10 ถึง -30 องศาในเวลาปกติซึ่งมีระยะเวลาประมาณ
100 วัน ส่วนในฤดูหนาว อุณหภูมิจะไม่สามารถคาดคะเนได้ มีระยะเวลาประมาณ 300-400 วัน แต่ในอดีตมีบันทึกไว้ว่า ในฤดูกาลที่หนาวที่สุด ช่วงหนึ่ง เพียงแค่สัมผัสลมหนาวเพียง 30 วินาที
ร่างกายจะไม่สามารถขยับได้อีกต่อไปและตายในทันที ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีอุณหภูมิที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งมีระยะเวลาที่ยาวนานกว่า
50 วันโดยประมาณ’
‘มนุษยชาติสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แม้ว่าจะมีสภาพอากาศที่เลวร้ายก็ตาม โดยพวกเขาค้นพบสิ่งที่เปรียบเสมือนของขวัญจากพระเจ้า
3 อย่าง นั่นคือ แร่คอสโร , ต้นไม้แบสเตียน และ น้ำโยรา
‘แร่คอสโร เป็นธาตุชนิดใหม่ที่มาพร้อมกับการตกของอุกาบาตทั่วโลกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มันเป็นแร่ที่หาได้ยาก ถ้าหากสัมผัสกับน้ำโยราจะทำให้เกิดความร้อนสูง และสามารถนำไปเป็นแกนกลางของเตาปฏิกรณ์พลังงานความร้อนได้ดี
1 ก้อนขนาดเท่าฝ่ามือสามารถให้ความร้อนในบริเวณ
1 กิโลเมตรได้นานถึง
10 เดือน หากเราเติมเชื้อเพลิงจำพวกถ่านหินและไม้เข้าไปเผาไหม้ด้วย จะช่วยลดการทำปฏิกิริยาได้ และขยายเวลาให้ความร้อนได้นานถึง
1 ปีเต็ม เป็นอันตรายหากเข้าใกล้โดยตรง’
‘ต้นไม้แบสเตียน เกิดจากการวิวัฒนาการของธรรมชาติ สายพันธุ์ใหม่ของพืชที่ทนต่อความหนาวในระดับหนึ่ง หาได้โดยทั่วไป มีคุณสมบัติให้ความร้อน รากของมันสามารถดูดซึมน้ำจากน้ำแข็งหรือหิมะได้ ปลอดภัยไม่มีสารเคมีอันตรายใดๆจากต้นแบสเตียน เติบโตได้ไวและมนุษย์นิยมใช้ไม้ชนิดนี้มาเป็นโครงสร้างที่อยู่อาศัยในปัจจุบันและสามารถนำใบไม้มาปรุงเป็นอาหาร ยาสมุนไพรระงับความเย็นได้อีกด้วย’
‘น้ำโยรา คือ ของเหลวปริศนาที่ไม่ทราบแหล่งที่มาชัดเจน อาจมาจากอุกกาบาตหรือของเหลวที่เกิดการเปลี่ยนเปลี่ยนสภาพทางเคมีก็เป็นได้ ค้นพบได้ตามแหล่งน้ำในถ้ำหรือโพรงสัตว์ใต้ดิน ส่วนคุณสมบัติของน้ำโยราก็คือ สามารถทำให้ แร่ ‘คอสโร’ เกิดพลังงานความร้อนได้ และยังสามารถทำให้ ต้นไม้แบสเตียน ขยายพันธุ์ได้ดีอีกด้วย มีมนุษย์คนหนึ่งเคยกินน้ำโยราโดยตรง ผลปรากฏก็คือ มนุษย์คนดังกล่าวสามารถทนต่อความหนาวได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่หลังจากนั้นจะทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง ต้องรีบดื่มน้ำในปริมาณมากทันที เพราะอาจทำให้ตายจากการขาดน้ำได้ ไม่นิยมมาทำยารักษา หรือปรุงเพื่อเป็นอาหาร’
‘หลังจากที่มนุษย์ค้นพบ ของขวัญจากพระเจ้า 3 สิ่ง จึงทำให้มีการรวมกลุ่มขนาดใหญ่ขึ้นและสร้างอารยธรรมใหม่เป็นของตัวเอง โดยมี แร่คอสโร ต้นไม้แบสเตียน และน้ำโยรา เป็นแกนหลักของเมือง สถานที่นั้นถูกเรียกว่า นครหลวง ทรินิตี้ มีการสร้างบ้านเรือน กำแพงขนาดใหญ่ป้องกันสัตว์ร้าย รวมถึงปกครองโดยสภาทหารแห่งทรินิตี้ มีการใช้หน่วยเงินในการแลกเปลี่ยน รวมถึงพัฒนาระบบการบำบัดน้ำ การใช้ความร้อน การใช้พลังงานไฟฟ้า และอื่นๆ’
‘ทุกๆอย่างกำลังไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเกิดการจราจลของกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่า กลุ่มโรนาน ที่ใจกลางนครหลวงซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ฤดูหนาวระลอกใหม่เข้ามาเยือนพอดี ผู้คนมากมายต่างขนานนามวันนั้นว่า “วันพายุสีแดง” วันที่มนุษยชาติต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดอีกครั้ง!’
ผลงานอื่นๆ ของ มัจฉาสีทอง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มัจฉาสีทอง
ความคิดเห็น